url
stringlengths
35
229
th
stringlengths
206
32.6k
en
stringlengths
223
32.4k
title_en
stringlengths
10
150
title_th
stringlengths
16
150
https://th.usembassy.gov/th/teo-boon-ching-sentenced-to-18-months-in-prison-for-large-scale-trafficking-of-rhinoceros-horns-th/
นิวยอร์ก– เตา บุน ชิง (Teo Boon Ching) หรือที่รู้จักในนาม Zhang, Dato Sri และ Godfather อายุ58ปี ชาวมาเลเซีย ถูกตัดสินจำคุก18เดือนในข้อหาสมคบกระทำความผิดค้านอแรดหลายร้อยกิโลกรัม มูลค่าหลายล้านเหรียญสหรัฐ โดยเชื่อมโยงกับการลักลอบล่าแรดซึ่งเป็นสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์จำนวนมากโดยผิดกฎหมาย ทั้งนี้นายพอล เอ.ครอตตี ผู้พิพากษาศาลแขวงนิวยอร์กใต้ สหรัฐอเมริกา ได้ตัดสินโทษดังกล่าวในวันที่19กันยายน2566 นายชิงซึ่งถูกส่งตัวข้ามแดนจากประเทศไทย เป็นนักค้าสัตว์ป่ารายใหญ่คนที่6ที่สำนักงานอัยการสหรัฐฯ นิวยอร์กใต้ ส่งสำนวนฟ้องเมื่อเร็วๆ นี้ และถูกตัดสินลงโทษ ทั้งนี้สำนักงานอัยการยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งผู้ร้ายหลายรายข้ามแดนจากหลายประเทศในทวีปแอฟริกา โดยก่อนหน้านี้สำนักงานควบคุมสินทรัพย์ต่างประเทศ (Office of Foreign Assets Control: OFAC) กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้คว่ำบาตรนายชิงและสมาชิกในเครือข่าย ตามคำสั่งของฝ่ายบริหาร13581 ฉบับแก้ไข “การค้าสัตว์ป่าเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อทรัพยากรธรรมชาติและมรดกนิเวศที่หลายชุมชนทั่วโลกใช้ร่วมกัน การค้าสัตว์ป่าสร้างความมั่งคั่งให้แก่ผู้ลักลอบล่าสัตว์ที่ฆ่าแรดใกล้สูญพันธุ์จำนวนมากโดยผิดกฎหมายและไร้เหตุผล อีกทั้งยังส่งเสริมตลาดซื้อขายผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมายเหล่านี้ด้วย” นายดาเมียน วิลเลียมส์ พนักงานอัยการสหรัฐฯ ประจำศาลแขวงนิวยอร์กใต้ กล่าว“คำพิพากษาลงโทษที่รุนแรงแสดงถึงความมุ่งมั่นของสำนักงานอัยการที่จะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่เรามีเพื่อปกป้องสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์” จากข้อกล่าวหาและเอกสารอื่นๆ ที่ยื่นประกอบคดี ตลอดจนคำแถลงต่างๆ ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล พบว่านายชิงเป็นสมาชิกของเครือข่ายสมคบอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำเข้าและค้านอแรดระดับโลก เพื่อจำหน่ายให้กับผู้ซื้อต่างชาติ รวมถึงผู้ซื้อที่ปรากฏว่าพำนักอยู่ในแมนแฮตตัน การค้าที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์หรือถูกคุกคามละเมิดกฎหมายสหรัฐฯ หลายฉบับ รวมทั้งสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่กฎหมายสหรัฐฯ บางฉบับนำมาใช้ ในช่วงเวลาของการสมคบและกระทำการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง นายชิงได้สมคบเพื่อขนส่ง แจกจ่าย จำหน่าย และลักลอบนำเข้านอแรดอย่างน้อยประมาณ219กิโลกรัม ซึ่งเป็นผลมาจากการล่าแรดจำนวนมาก โดยนอแรดดังกล่าวมีมูลค่าประเมินอย่างน้อยประมาณ2.1ล้านเหรียญสหรัฐ ในหลายโอกาส นายชิงได้พบกับสายข่าวเพื่อเจรจาการขายนอแรด ตัวอย่างเช่นเมื่อวันที่17 และ18กรกฎาคม2562 สายข่าวดังกล่าวได้พบกับนายชิงที่มาเลเซีย ในระหว่างการพบปะกันนั้น นายชิงกล่าวว่า เขาเป็น “คนกลาง” ผู้ซึ่งจัดหานอแรดที่ผู้สมคบล่ามาจากแอฟริกา และจัดส่งนอแรดดังกล่าวให้แก่ลูกค้าจากทั่วโลก โดยคิดค่าธรรมเนียมเป็นกิโลกรัม นอกจากนี้ นายชิงยังสัญญากับสายข่าวด้วยว่า “ตราบใดที่คุณมีเงินสด คุณก็จะได้รับสินค้าภายใน1-2วัน” ในระหว่างการสื่อสารกัน นายชิงได้ส่งภาพถ่ายจำนวนมากให้แก่สายข่าวคนดังกล่าว โดยเป็นภาพนอแรดที่มีพร้อมจำหน่ายและจัดส่ง ดังภาพต่อไปนี้ ภาพที่ส่งเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม2562 ภาพที่ส่งเมื่อวันที่19-20 สิงหาคม2562 ในเดือนสิงหาคม2562สายข่าวคนดังกล่าวได้ซื้อนอแรดจำนวน12ชิ้นจากนายชิง ตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย โดยใช้เงินที่นายชิงเชื่อว่าเป็นรายได้จากการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายอื่นๆ และอยู่ในบัญชีธนาคารในนิวยอร์ก ผู้ที่ทำงานในองค์กรค้าสัตว์ป่าได้ส่งนอแรดเหล่านี้มาในกระเป๋าเดินทางจากประเทศไทย ฝ่ายนิติเวชของสำนักงานกิจการปลาและสัตว์ป่าสหรัฐฯ (U.S. Fish and Wildlife Service) ตรวจสอบนอแรดและสรุปว่ามีนอ2ชิ้นมาจากแรดดำ และอีก10เป็นนอแรดขาว ตัวอย่างภาพแรดขาวและดำมีดังนี้ แรดขาว แรดดำ นอแรด12ชิ้นที่นายชิงจัดเตรียมเพื่อขายและนำส่งให้กับเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายผ่านทางสายข่าว มีดังภาพด้านล่าง นายชิงถูกจับในประเทศไทยเมื่อวันที่29 มิถุนายน2565 ตามคำขอของสหรัฐฯ โดยปฏิบัติตามสนธิสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระดับทวิภาคี จากนั้นจึงถูกส่งตัวข้ามแดนไปยังสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม2565 นายชิงให้การรับสารภาพว่ากระทำความผิดสมคบเพื่อค้าสัตว์ป่าจำนวน1กระทง พนักงานอัยการสหรัฐฯ วิลเลียมส์ ชมเชยการทำงานที่ยอดเยี่ยมของสำนักงานกิจการปลาและสัตว์ป่าสหรัฐฯ อีกทั้งยังได้ขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้ความช่วยเหลือในการส่งตัวนายชิงไปสหรัฐฯ ตลอดจนยกย่องเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายและภาคีที่ทำงานด้านการอนุรักษ์ในประเทศไทย ซึ่งรวมถึงสำนักงานอัยการสูงสุดและกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อัยการวิลเลียมส์ยังแสดงความขอบคุณสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย และสำนักงานกิจการต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ที่ให้ความช่วยเหลืออย่างสูงในการดูแลการจับกุมและส่งตัวนายชิงให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดย U.S. Embassy Bangkok | 22 กันยายน, 2023 | ประเภท: Exclude, ข่าว
NEW YORK– Teo Boon Ching, aka Zhang, Dato Sri, and Godfather, 58 of Malaysia, was sentenced to 18 months in prison for conspiring to traffic hundreds of kilograms of rhinoceros horns worth millions of dollars that involved the illegal poaching of numerous rhinoceros, an endangered wildlife species. The sentence was imposed on September 19, 2023 by U.S. District Judge Paul A. Crottyof the Southern District of New York. Ching, who was extradited from Thailand, is the sixth large-scale wildlife trafficker sentenced in cases recently brought by the U.S. Attorney’s Office for the Southern District of New York, which also involved the extradition of multiple individuals from several countries in Africa. Ching and his associated entities were previously sanctioned by the U.S. Department of the Treasury’s Office of Foreign Assets Control (OFAC) pursuant to E.O. 13581, as amended. “Wildlife trafficking is a serious threat to the natural resources and the ecological heritage shared by communities across the globe, enriching poachers responsible for the senseless illegal slaughter of numerous endangered rhinoceros and furthering the market for these illicit products,” said U.S. Attorney Damian Williams for the Southern District of New York.“The substantial sentence shows the resolve of this Office to use every tool at our disposal to ensure the protection of endangered species.” According to the charging and other documents filed in the case, as well as statements made in court proceedings, Ching was a member of a transnational criminal conspiracy engaged in the large-scale international trafficking and smuggling of rhinoceros horns to sell to foreign buyers, including buyers represented to be in Manhattan. Trade involving endangered or threatened species violates several U.S. laws as well as international treaties implemented by certain U.S. laws. During the course of the conspiracy and related conduct, Ching conspired to transport, distribute, sell and smuggle at least approximately 219 kilograms of rhinoceros horns resulting from the poaching of numerous rhinoceros and having an estimated value of at least approximately $2.1 million. On a number of occasions, Ching met with a confidential source to negotiate the sale of rhinoceros horns. For example, on July 17 and 18, 2019, the confidential source met with Ching in Malaysia. During those meetings, Ching stated that he served as a “middleman” — one who acquires rhinoceros horns poached by co-conspirators in Africa and ships them to customers around the world for a per-kilogram fee. He also promised the confidential source “as long as you have cash, I can give you the goods in 1-2 days.” During their communications, CHING sent the confidential source numerous photographs of rhinoceros horns that Ching had available for sale and shipment, including the following: July 28, 2019, Communications August 19-20, 2019, Communications In August 2019, the confidential source, at the direction of law enforcement, purchased 12 rhinoceros horns from Ching with money that Ching believed were the proceeds of other illegal wildlife trafficking and was in bank accounts in New York. These horns were delivered in a suitcase in Thailand by those working for the wildlife trafficking organization. A U.S. Fish and Wildlife Service forensics laboratory examined the rhinoceros horns and concluded that two horn pieces were black rhinoceros horns, and the other 10 pieces were white rhinoceros horns. Pictures of white and black rhinoceros are depicted below: White Rhinoceros Black Rhinoceros A picture of the 12 rhinoceros horns that Ching arranged to be sold to law enforcement through the confidential source and had delivered are depicted below: Ching was arrested in Thailand on June 29, 2022, at the request of the United States pursuant to a bilateral extradition treaty and was extradited to the United States on October 7, 2022. Ching pled guilty to one count of conspiracy to commit wildlife trafficking. U.S. Attorney Williams praised the outstanding work of the U.S. Fish and Wildlife Service. In addition, U.S. Attorney Williams thanked the Royal Thai Government for its assistance in the extradition of Ching to the United States and commended law enforcement authorities and conservation partners in Thailand, including the Office of the Attorney General and the Royal Thai Police, Natural Resources and Environmental Crime Suppression Division.U.S. Attorney Williams also thanked the U.S. Embassy in Bangkok and the Justice Department’s Office of International Affairs for providing substantial assistance in securing the arrest and extradition of Ching. By U.S. Embassy Bangkok | 22 September, 2023 | Topics: Exclude, News
Teo Boon Ching Sentenced to 18 Months in Prison for Large Scale Trafficking of Rhinoceros Horns
เตาบุนชิง ถูกตัดสินลงโทษจำคุก18เดือนจากการลักลอบค้านอแรดจำนวนมาก
https://th.usembassy.gov/th/selection-of-thai-prime-minister-srettha-thavisin-th/
วาระการเลือกนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ขึ้นดำรงตำแหน่ง คำแถลงโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี เจ. บลิงเคน สหรัฐอเมริกาขอแสดงความยินดีกับคุณเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศไทย ในปีนี้ เราเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 190 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการระหว่างสหรัฐฯ และไทย ซึ่งนับเป็นไมตรีที่เก่าแก่อันดับต้น ๆ ที่เรามีกับนานาประเทศทั่วโลก ด้วยการผนึกกำลังกันในฐานะเพื่อนและพันธมิตร สหรัฐฯ และไทยได้เสริมสร้างความมั่งคั่งร่วมกัน ส่งเสริมเสถียรภาพในภูมิภาค เผชิญหน้ากับความท้าทายด้านสาธารณสุขระดับโลก และสานสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของเราให้แน่นแฟ้นขึ้น เราตั้งตารอที่จะได้ทำงานกับนายกรัฐมนตรีเศรษฐา เพื่อต่อยอดจากแถลงการณ์ว่าด้วยความเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยและสหรัฐฯ ในปีที่แล้ว อีกทั้งเสริมสร้างพันธไมตรีอันยืนนานของเราสองประเทศต่อไป เราจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลชุดใหม่ของไทย เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนค่านิยมที่มีร่วมกัน ตลอดจนสร้างเสริมภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง เชื่อมโยง สงบสุข และเข้มแข็งต่อไป โดย U.S. Embassy Bangkok | 24 สิงหาคม, 2023 | ประเภท: ข่าว, สหรัฐอเมริกาและไทย, เอกสารข่าว
Selection of Thai Prime Minister Srettha Thavisin Press Statement Antony J. Blinken, Secretary of State The United States congratulates Prime Minister Srettha Thavisin on his selection as Thailand’s next prime minister. This year, we celebrate 190 years of formal diplomatic relations, making the U.S.-Thai partnership one of our oldest relationships in the world. Together, as friends and allies, we have deepened mutual prosperity, improved security in the region, faced global public health challenges, and forged strong people-to-people ties. We look forward to working with the Prime Minister to build on last year’s U.S.-Thailand Communiqué on Strategic Alliance and Partnership, and to further strengthen the enduring alliance between the United States and Thailand. We will collaborate closely with the new Thai government to continue advancing our shared values and a free and open, connected, peaceful, and resilient Indo-Pacific region. By U.S. Embassy Bangkok | 24 August, 2023 | Topics: News, Press Releases, U.S. & Thailand, U.S. Secretary of State
Selection of Thai Prime Minister Srettha Thavisin
วาระการเลือกนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ขึ้นดำรงตำแหน่ง
https://th.usembassy.gov/th/u-s-and-thailand-co-host-proliferation-security-initiative-psi-workshop-in-bangkok-to-strengthen-regional-nonproliferation-coordination-th/
สหรัฐอเมริกาและไทยจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ PSI เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาคว่าด้วยการไม่แพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง สหรัฐฯ และไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการระดับภูมิภาคภายใต้กรอบความริเริ่มความร่วมมือด้านความมั่นคงในการสกัดกั้นการแพร่ขยายของอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (Proliferation Security Initiative: PSI) ระหว่างวันที่17-18สิงหาคม2566 ที่กรุงเทพมหานคร การประชุมเชิงปฏิบัติการระดับพหุภาคีนี้มีผู้นำทั้งฝ่ายพลเรือนและฝ่ายทหารจากประเทศกัมพูชา บรูไน สปป.ลาว มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม ออสเตรเลีย สหรัฐฯ และไทยเข้าร่วมการประชุม โดยผู้เข้าร่วมจะได้ตรวจสอบเส้นทางการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (WMD) สมัยใหม่ มีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับพันธกรณีว่าด้วยการสกัดกั้นอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ศึกษากรอบด้านกฎหมายและวิธีปฏิบัติที่ดีของภาคี ตลอดจนขยายเครือข่ายชุมชน “ต่อต้านอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง” ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การประชุมดังกล่าวยังมีเนื้อหารวมไปถึงข้อสรุปต่างๆ เช่นข้อสรุปของผู้เชี่ยวชาญว่าด้วยภัยคุกคามจากการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงในระดับโลกและภูมิภาค จากสำนักงานกิจการการลดอาวุธแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office for Disarmament Affairs) การอภิปรายต่างๆ ตลอดจนการอภิปรายแผนรับมือสถานการณ์จำลองบนโต๊ะโดยเน้นการแบ่งปันข้อมูลระหว่างหน่วยงานภายในรัฐบาลและการตัดสินใจเกี่ยวกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงซึ่งอาจเกิดขึ้นในภูมิภาค กรอบความริเริ่ม PSI จัดตั้งขึ้นเมื่อปี2546 เพื่อขัดขวางหรือยับยั้งการลำเลียงอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ระบบขนส่ง และวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง เข้าและออกจากรัฐและตัวแสดงที่มิใช่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการแพร่กระจายของอาวุธเหล่านี้ ปัจจุบันมีรัฐที่รับรองแถลงการณ์ว่าด้วยหลักการสกัดกั้นภายใต้กรอบความริเริ่ม PSI (PSI Statement of Interdiction Principles) กว่า100รัฐ ประเทศที่เข้าร่วมกรอบความริเริ่มPSI โดยยอมรับแถลงการณ์ว่าด้วยหลักการสกัดกั้น ได้ให้คำมั่นที่จะดำเนินการขัดขวางหรือยับยั้งการลำเลียงวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง เข้าและออกรัฐและตัวแสดงที่มิใช่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง โดยสอดคล้องกับกฎหมายและกรอบกฎหมายในประเทศและระหว่างประเทศ ทั้งนี้โดยดำเนินการดังกล่าวด้วยตนเองหรือในความร่วมมือกับรัฐภาคีอื่นๆ โดย U.S. Embassy Bangkok | 18 สิงหาคม, 2023 | ประเภท: ข่าว, สหรัฐอเมริกาและไทย, เอกสารข่าว
U.S. and Thailand Co-host Proliferation Security Initiative (PSI) Workshop in Bangkok to Strengthen Regional Nonproliferation Coordination The United States and Thailand will co-host a Southeast Asia Proliferation Security Initiative (PSI) Workshop from August 17-18, 2023, in Bangkok, Thailand. This multilateral workshop brings together civilian and military leaders from Cambodia, Brunei, Laos, Malaysia, the Philippines, Singapore, Vietnam, Australia, the United States, and Thailand. During the workshop, participants will examine modern weapons of mass destruction (WMD) proliferation pathways, improve understanding of WMD interdiction obligations, explore legal frameworks and the best practices of partners, and enhance the connections of the “Countering WMD” community in Southeast Asia. The workshop also includes briefs, including an expert brief on global and regional proliferation threats from the United Nations Office for Disarmament Affairs, panel discussions, and a scenario-based tabletop discussion focused on intra-governmental information sharing and decision-making about potential WMD-related proliferation activities in the region. The PSI was established in 2003 to stop or impede transfers of WMD, their delivery systems, and related materials flowing to and from states and non-state actors of proliferation concern. Thus far, more than 100 states have endorsed the PSI Statement of Interdiction Principles. Countries that participate in the PSI by endorsing the PSI Statement of Interdiction Principles make a political commitment to take action to impede or stop, individually or in coordination with other partner states, shipments of WMD-related materials to and from states and non-state actors of proliferation concern, consistent with domestic and international laws and frameworks. By U.S. Embassy Bangkok | 18 August, 2023 | Topics: News, Press Releases, U.S. & Thailand
U.S. and Thailand Co-host Proliferation Security Initiative (PSI) Workshop in Bangkok to Strengthen Regional Nonproliferation Coordination
สหรัฐอเมริกาและไทยจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ PSI 
เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาคว่าด้วยการไม่แพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง
https://th.usembassy.gov/th/message-from-ambassador-robert-godec-in-honor-of-the-91st-birthday-of-her-majesty-queen-sirikit-the-queen-mother-august-12-2023-th/
สารถวายพระพรชัยมงคลจากเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย โรเบิร์ต โกเดค เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 91 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง วันที่ 12 สิงหาคม 2566 หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐอเมริกาในราชอาณาจักรไทย ขอถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา 91 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ขอพระองค์ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรงและทรงพระเกษมสำราญยิ่ง สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงเป็นมิตรที่มั่นคงของสหรัฐฯ เสมอมา และทรงเสริมสร้างไมตรีที่แน่นแฟ้นระหว่างชาติอันยิ่งใหญ่ของเราทั้งสอง พระองค์ทรงพระวิริยะอุตสาหะบำเพ็ญพระราชกรณียกิจผ่านมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตลอดหลายทศวรรษ เพื่อให้คนไทยทั่วทุกภูมิภาคมีชีวิตที่ดีขึ้น รวมทั้งคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์แห่งประเพณีและหัตถศิลป์ของไทย ขอพระองค์ทรงพระเจริญ และสุขสันต์วันแม่แห่งชาติแด่คุณแม่ชาวไทยทุกคน โดย U.S. Mission Thailand | 11 สิงหาคม, 2023 | ประเภท: ข่าว, สถานทูต, สหรัฐอเมริกาและไทย
Message from Ambassador Robert Godec in Honor of the 91st Birthday of Her Majesty Queen Sirikit The Queen Mother, August 12, 2023 The United States Mission to the Kingdom of Thailand extends our warmest wishes to Her Majesty Queen Sirikit The Queen Mother on the auspicious occasion of Her Majesty’s 91st birthday. We wish Her Majesty good health and happiness. Her Majesty has been an unwavering friend to the United States and has strengthened the longstanding friendship between our two great nations. Through her SUPPORT Foundation, Her Majesty has worked tirelessly to improve the lives of Thai people throughout the Kingdom and to preserve the uniqueness of Thai traditions and craftsmanship over many decades. We wish Her Majesty and all Thai mothers a Happy Mother’s Day. By U.S. Embassy Bangkok | 11 August, 2023 | Topics: embassy, News, U.S. & Thailand
Message from Ambassador Robert Godec in Honor of the 91st Birthday of Her Majesty Queen Sirikit The Queen Mother, August 12, 2023
สารถวายพระพรชัยมงคลจากเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 91 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
https://th.usembassy.gov/th/message-from-u-s-ambassador-to-thailand-robert-godec-on-the-occasion-of-his-majesty-king-maha-vajiralongkorn-phra-vajiraklaochaoyuhuas-71st-birthday-th/
สารถวายพระพรชัยมงคลจากเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย โรเบิร์ต โกเดค เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 71 พรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว วันที่ 28 กรกฎาคม 2566 เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา 71 พรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐอเมริกาในราชอาณาจักรไทย ขอถวายพระพรชัยมงคล ขอพระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรงและทรงพระเกษมสำราญ ตลอดจนขอให้ปวงชนชาวไทยมีความสุขกายสุขใจ ในความสัมพันธ์ทางการทูตกว่า 190 ปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ ​และไทยได้ทำงานร่วมกันเพื่อเสริมสร้างความมั่งคั่ง เสรีภาพ และความมั่นคงให้แก่บรรดาประชาชนของเรา สหรัฐฯ หวังว่าจะได้กระชับมิตรภาพระหว่างเราสองชาติให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นสืบไป โดย U.S. Mission Thailand | 27 กรกฎาคม, 2023 | ประเภท: ข่าว, สหรัฐอเมริกาและไทย, เอกอัครราชทูต
Message from U.S. Ambassador to Thailand Robert Godec on the Occasion of His Majesty King Maha Vajiralongkorn Phra Vajiraklaochaoyuhua’s 71st Birthday, July 28, 2023 On the occasion of the 71st birthday of His Majesty King Maha Vajiralongkorn Phra Vajiraklaochaoyuhua, the United States Mission to the Kingdom of Thailand offers our most heartfelt congratulations. Over the past 190 years of diplomatic relations, the United States and Thailand have worked together to promote prosperity, freedom, and security for all our people. We look forward to deepening further the strong friendship between our great nations in the years to come. We wish His Majesty, the Royal Family, and the Thai people good health and happiness. By U.S. Embassy Bangkok | 27 July, 2023 | Topics: Ambassador, News, U.S. & Thailand
Message from U.S. Ambassador to Thailand Robert Godec on the Occasion of His Majesty King Maha Vajiralongkorn Phra Vajiraklaochaoyuhua’s 71st Birthday
สารถวายพระพรชัยมงคลจากเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย โรเบิร์ต โกเดค เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 71 พรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
https://th.usembassy.gov/th/u-s-mission-to-thailand-donates-education-and-medical-equipment-to-schools-and-hospitals-in-northern-thailand-th/
หน่วยงานสหรัฐฯ ในประเทศไทยบริจาคอุปกรณ์ด้านการศึกษาและการแพทย์ให้แก่โรงเรียนและโรงพยาบาลในภาคเหนือของไทย ระหว่างวันที่ 10-14 กรกฎาคม 2566 ทีมกิจการพลเรือน กองทัพบกสหรัฐฯ ได้ประสานการบริจาคเครื่องปั่นไฟ แผงโซลาร์เซลล์ คอมพิวเตอร์ และเฟอร์นิเจอร์ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านโกแประ จ.แม่ฮ่องสอน ส่งมอบเครื่องฟอกอากาศ 76 เครื่องและเครื่องตรวจวัดคาร์บอนไดออกไซด์ 18 เครื่องเพื่อแจกจ่ายให้กับโรงเรียน 19 แห่งทั่วเชียงใหม่ และบริจาคเครื่องกระตุกหัวใจ เครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจและเครื่องติดตามสัญญาณชีพให้แก่โรงพยาบาลแม่ออน จ.เชียงใหม่ โดยกงสุลใหญ่สหรัฐฯ เชียงใหม่ ลิสา บูเจนนาสได้เป็นประธานส่งมอบในพิธีบริจาคทั้งสามพิธีนี้ร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่มีมาอย่างยาวนานของสหรัฐฯ ในการพัฒนาการศึกษา สิ่งแวดล้อมและสาธารณสุขในภาคเหนือของไทย โดย U.S. Consulate Chiang Mai | 14 กรกฎาคม, 2023 | ประเภท: กงสุลใหญ่, ข่าว, สหรัฐอเมริกาและไทย, เชียงใหม่, เหตุการณ์
U.S. Mission to Thailand Donates Education and Medical Equipment to Schools and Hospitals in Northern Thailand From July 10-14, the U.S. Mission to Thailand Civil Affairs team organized a donation of generators, solar panels, computers, and furniture to the Kho Prae Border Patrol Police School in Mae Hong Son province; 76 air purifiers and 18 CO2 detectors to 19 schools throughout Chiang Mai province; and defibrillators, ECG machines and patient monitors to the Mae On Hospital in Chiang Mai.  Consul General Lisa Buzenas presided over the three donation ceremonies with local partners, demonstrating the long-standing U.S. commitment to improving education, the environment, and public health in northern Thailand. By U.S. Consulate Chiang Mai | 14 July, 2023 | Topics: Chiang Mai, Consul General, Events, News, U.S. & Thailand
U.S. Mission to Thailand Donates Education and Medical Equipment to Schools and Hospitals in Northern Thailand
หน่วยงานสหรัฐฯ ในประเทศไทยบริจาคอุปกรณ์ด้านการศึกษาและการแพทย์ให้แก่โรงเรียนและโรงพยาบาลในภาคเหนือของไทย
https://th.usembassy.gov/th/u-s-consulate-general-chiang-mai-powers-up-e-commerce-skills-for-entrepreneurs-in-northern-thailand-th/
สถานกงสุลใหญ่สหรัฐฯ เชียงใหม่เพิ่มขีดความสามารถด้านอี-คอมเมิร์ซให้กับผู้ประกอบการในภาคเหนือของไทย สถานกงสุลใหญ่สหรัฐฯ เชียงใหม่ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) และ Amazon Global Selling Thailand จัดฝึกอบรมผู้ประกอบการทั่วภาคเหนือของไทยกว่า 80 คน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในด้านการขายสินค้าออนไลน์ ในเวิร์คช้อประหว่างวันที่ 10-11 กรกฎาคม 2566 ผู้ประกอบการได้เรียนรู้ด้านการเงิน ตลาดออนไลน์ เครื่องมือในการซื้อขายออนไลน์ และวิธีการขายผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นในตลาดอี-คอมเมิร์ซ โดย U.S. Consulate Chiang Mai | 11 กรกฎาคม, 2023 | ประเภท: กงสุลใหญ่, ข่าว, สหรัฐอเมริกาและไทย, เชียงใหม่, เหตุการณ์
U.S. Consulate General Chiang Mai Powers Up E-Commerce Skills for Entrepreneurs in Northern Thailand U.S. Consulate General Chiang Mai partnered with the Bank of Thailand’s northern regional office, Digital Economy Promotion Agency (DEPA), and Amazon Global Selling Thailand to train more than 80 entrepreneurs across northern Thailand on how to power up their e-commerce skills. During the July 10-11 workshop, entrepreneurs learned about financial literacy, online marketing, online trading tools, and strategies to sell their local products in e-commerce marketplaces. By U.S. Consulate Chiang Mai | 11 July, 2023 | Topics: Chiang Mai, Consul General, Events, News, U.S. & Thailand
U.S. Consulate General Chiang Mai Powers Up E-Commerce Skills for Entrepreneurs in Northern Thailand
สถานกงสุลใหญ่สหรัฐฯ เชียงใหม่เพิ่มขีดความสามารถด้านอี-คอมเมิร์ซให้กับผู้ประกอบการในภาคเหนือของไทย
https://th.usembassy.gov/th/uss-rafael-peralta-to-visit-thailand-th/
เรือ USS Rafael Peralta มีกำหนดเยือนประเทศไทย เรือ USS Rafael Peralta (DDG 115) จะเยือนประเทศไทยตามกำหนดในระหว่างวันที่ 25-29 มิถุนายน 2566 การเข้าเยี่ยมท่าของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาเป็นโอกาสในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ กับไทยในด้านความมั่นคง ตลอดจนกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ ในระหว่างการเยือนครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเรือ USS Rafael Peralta จะร่วมการประชุมหารือกับคณะผู้แทนจากกองทัพเรือไทย นอกจากนี้ การเข้าเยี่ยมท่ายังเปิดโอกาสให้ทหารเรือสหรัฐฯ ได้สัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นและมีส่วนร่วมในโครงการชุมชนสัมพันธ์อีกด้วย เรือ USS Rafael Peralta ซึ่งบังคับการโดย นาวาโท ชาร์ลส์ คูเปอร์ ได้ออกเดินทางจากเมืองโยโกสุกะ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อปฏิบัติการทั่วไปในเดือนพฤษภาคม 2566 และตั้งแต่นั้นมา ได้มีส่วนในการฝึกร่วมผสมหลายครั้งกับภาคีและพันธมิตรทั่วภูมิภาค หมายเหตุ: ไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมเรือขณะเทียบท่าในประเทศไทย อ่านข่าวสารของกองเรือเฉพาะกิจ70ได้ที่ https://www.dvidshub.net/unit/TF70CSF-5 โดย U.S. Embassy Bangkok | 23 มิถุนายน, 2023 | ประเภท: ข่าว, สหรัฐอเมริกาและไทย
USS Rafael Peralta to visit Thailand The USS Rafael Peralta (DDG 115) will make a scheduled visit to Thailand June 25-29, 2023. U.S. Navy port visits are an opportunity to strengthen the U.S.-Thai security partnership and advance people-to-people ties. During the visit, Rafael Peralta leadership will conduct meetings with counterparts in the Royal Thai Navy. The visit also provides an opportunity for U.S. Sailors to explore the local culture and participate in community relations projects. Led by Cmdr. Charles Cooper, the Rafael Peralta departed Yokosuka, Japan, for a routine deployment in May 2023. Since then, the Rafael Peralta has participated in several joint and integrated training operations with partners and allies across the region. The ship will not be open for public tours while pier side in Thailand. For more news from CTF 70, visit: https://www.dvidshub.net/unit/TF70CSF-5 By U.S. Embassy Bangkok | 23 June, 2023 | Topics: News, U.S. & Thailand
USS Rafael Peralta to visit Thailand
เรือ USS Rafael Peralta มีกำหนดเยือนประเทศไทย
https://th.usembassy.gov/th/u-s-consulate-general-chiang-mai-celebrates-247th-independence-day-of-united-states-th/
สถานกงสุลใหญ่สหรัฐฯ เชียงใหม่จัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 247 ปีวันประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ เกว็น คาร์ดโนและกงสุลใหญ่สหรัฐฯ เชียงใหม่ลิสา บูเจนนาส ร่วมเป็นเจ้าภาพในงานเฉลิมฉลองวันประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ ที่จัดขึ้นโดยสถานกงสุลใหญ่สหรัฐฯ เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน โดยมีองค์กรภาคีต่าง ๆ เพื่อนร่วมงาน มิตรของเรา รวมถึงแขกจากทั้ง 15 จังหวัดในเขตอาณาของสถานกงสุลใหญ่ฯ เข้าร่วม ซึ่งผู้ร่วมงานได้เพลิดเพลินไปกับกิจกรรมที่เน้นการมีส่วนร่วมภายใต้แนวคิด “Texas State Fair” ซึ่งนำเสนอนวัตกรรม วัฒนธรรม อาหาร และความสนุกสนานของรัฐเท็กซัส นอกจากนี้ ยังมีการนำชมทัวร์เสมือนจริงของมหาวิทยาลัยสหรัฐฯ และแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมแบบ 360 องศา และบอกเล่าเรื่องราวของวันจูนทีนท์ ซึ่งเป็นวันหยุดหนึ่งของสหรัฐฯ ที่เฉลิมฉลองการเลิกระบบทาสในทุกรัฐ โดยมีจุดกำเนิดในเมืองแกลเวสตัน รัฐเท็กซัส โดย U.S. Consulate Chiang Mai | 15 มิถุนายน, 2023 | ประเภท: กงสุลใหญ่, ข่าว, สหรัฐอเมริกาและไทย, เชียงใหม่
U.S. Consulate General Chiang Mai Celebrates 247th Independence Day of United States Chargé d’affaires Gwen Cardno and Consul General Lisa Buzenas hosted U.S. Consulate General Chiang Mai’s Independence Day celebration on June 15, which was attended by our counterparts, colleagues, and friends, including guests from all 15 provinces in our consular district. Attendees enjoyed our interactive “Texas State Fair” theme, which highlighted the innovation, culture, food, and fun of Texas. We also showcased U.S. universities and cultural sites through 360-dgree virtual reality tours, and highlighted the origins of Juneteenth – another U.S. holiday celebrating the end of slavery in all states – in Galveston, Texas. By U.S. Consulate Chiang Mai | 15 June, 2023 | Topics: Chiang Mai, Consul General, News, U.S. & Thailand
U.S. Consulate General Chiang Mai Celebrates 247th Independence Day of United States
สถานกงสุลใหญ่สหรัฐฯ เชียงใหม่จัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 247 ปีวันประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ
https://th.usembassy.gov/th/revised-visa-reciprocity-announcement-th/
ค่าธรรมเนียมหลักปฏิบัติต่างตอบแทน(Reciprocity Fee) ผู้สมัครจากบางประเทศอาจจำเป็นต้องจ่ายค่าธรรมเนียมหลักปฏิบัติต่างตอบแทนเพิ่มเติมหลังจากที่วีซ่าของตนได้รับการอนุมัติแล้ว ค่าธรรมเนียมนี้ขึ้นอยู่กับหลักปฏิบัติต่างตอบแทนที่สหรัฐฯมีกับบางประเทศรัฐบาลสหรัฐฯพยายามที่จะไม่ให้มีการคิดค่าธรรมเนียมดังกล่าวนี้อย่างไรก็ตามหากรัฐบาลของประเทศใดคิดค่าธรรมเนียมหลักปฏิบัติต่างตอบแทนสำหรับวีซ่าบางประเภทกับบุคคลสัญชาติอเมริกัน รัฐบาลสหรัฐฯก็จะคิดค่าธรรมเนียมหลักปฏิบัติต่างตอบแทนสำหรับวีซ่าประเภทที่คล้ายคลึงกันนั้นกับบุคคลสัญชาติดังกล่าวด้วยเว็บไซต์ของกระทรวงต่างประเทศจะมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมหลักปฏิบัติต่างตอบแทนนี้พร้อมข้อมูลที่จะช่วยระบุว่าท่านจะต้องชำระค่าธรรมเนียมนี้ด้วยหรือไม่ โดย U.S. Mission Thailand | 9 มิถุนายน, 2023 | ประเภท: กงสุล, ข่าว, วีซ่า, วีซ่าชั่วคราว
Nonimmigrant Visa Issuance (“Reciprocity”) Fees Applicants from certain countries may be required to pay a visa issuance fee after their application is approved. These fees are based on “reciprocity” (what another country charges a U.S. citizen for a similar-type of visa). The United States strives to eliminate visa issuance fees whenever possible, however, when a foreign government imposes these fees on U.S. citizens for certain types of visas, the United States will impose a “reciprocal” fee on citizens of that country for similar types of visas. The Department of State’swebsitehas more information about visa issuance fees and can help you determine if an issuance fee applies to your nationality. By U.S. Mission Thailand | 9 June, 2023 | Topics: Consular Affairs, News, Non Immigrant Visas, Visas | Tags: Reciprocity
Nonimmigrant Visa Issuance (“Reciprocity”) Fees
ค่าธรรมเนียมหลักปฏิบัติต่างตอบแทน (Reciprocity Fee)
https://th.usembassy.gov/th/afrims-celebrates-62-years-of-pioneering-medical-research-and-transformative-contributions-to-thailand-th/
AFRIMS ฉลองครบรอบ 62 ปีแห่งการบุกเบิกการวิจัยทางการแพทย์และสร้างคุณูปการสำคัญแก่ไทย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร (AFRIMS) เฉลิมฉลองครบรอบ62ปี โดยชูความสำเร็จโดดเด่นด้านการวิจัยทางการแพทย์และผลงานสำคัญๆ ต่อการสาธารณสุขของไทย พิธีฉลองวาระครบรอบดังกล่าวจัดให้มีขึ้นที่พระราชวังพญาไทและสำนักงานใหญ่ของAFRIMS โดยมีแขกผู้มีเกียรติมาร่วมงานมากมาย รวมถึงผู้อำนวยการกองอำนวยการหน่วยแพทย์ทหารบกสหรัฐฯ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร (USAMD-AFRIMS) และผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร (สวพท.) นับตั้งแต่ปี2504 ความร่วมมือไทย-สหรัฐฯ ที่ AFRIMS บุกเบิกโครงการริเริ่มด้านการวิจัยใหม่ๆ และเสริมสร้างความร่วมมือด้านการแพทย์ระหว่างประเทศ ซึ่งยังประโยชน์โดยตรงต่อประชาชนไทยและช่วยหลายร้อยล้านชีวิตทั่วโลก ตลอดช่วง6ทศวรรษที่ผ่านมา AFRIMS ได้ดำเนินการวิจัยด้านโรคติดเชื้อและมีการค้นพบครั้งสำคัญๆ มากมาย ส่งผลให้เกิดการป้องกันและควบคุมโรคที่เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อสาธารณสุข AFRIMS มีบทบาทสำคัญในการพัฒนากลยุทธ์การวินิจฉัย การรักษา และการป้องกันที่เป็นแนวทางใหม่ๆ สำหรับโรคต่างๆ เช่น โรคไข้เลือดออก ไข้มาลาเรีย ไข้สมองอักเสบเจอี เอชไอวี/เอดส์ โควิด-19 และโรคอุบัติใหม่อื่นๆ AFRIMS มีความมุ่งมั่นอย่างเสมอมาในการรับมือความท้าทายด้านสุขภาพโลกโดยไม่หวังผลกำไร AFRIMS ได้สร้างคุณูปการสำคัญๆ ต่อการพัฒนาและการบรรจุวัคซีนไข้สมองอักเสบเจอีในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของไทย โดยแสดงให้เห็นความปลอดภัยและประสิทธิผลของวัคซีนผ่านการทดสอบประสิทธิภาพวัคซีนซึ่งมีผู้เข้าร่วมโครงการมากถึง65,000คน ความสำเร็จดังกล่าวช่วยลดจำนวนผู้ป่วยไข้สมองอักเสบเจอีลงอย่างมีนัยสำคัญ เป็นการป้องกันการติดเชื้อได้อย่างอเนกอนันต์ในไทยและชุมชนทั่วโลก ในการต่อสู้กับมาลาเรีย AFRIMS ได้ดำเนินก้าวสำคัญในการค้นพบและพัฒนายาต้านมาลาเรียและอุปกรณ์ในการตรวจวินิจฉัย ซึ่งช่วยปกป้องและรักษาผู้คนหลายร้อยล้านชีวิตทั่วโลก ความก้าวหน้าดังกล่าว รวมถึงการอนุญาตจากองค์การอาหารและยาให้ใช้อุปกรณ์ตรวจวินิจฉัยมาลาเรียแบบรวดเร็ว Binax-Now ณ จุดดูแลผู้ป่วย ได้พลิกโฉมการวินิจฉัย ตลอดจนลดอัตราการเสียชีวิตและอัตราการป่วยที่เกี่ยวข้องกับมาลาเรียได้อย่างมีนัยสำคัญ AFRIMS ดำเนินการวิจัยซึ่งเป็นการค้นพบครั้งสำคัญเกี่ยวกับเอชไอวี/เอดส์ ได้แก่ การทดลองวัคซีน RV 144 ซึ่งเป็นวัคซีนเอชไอวีชนิดแรกและชนิดเดียวที่ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวีในมนุษย์ได้สำเร็จ วัคซีน RV 144 ถือเป็นหนึ่งใน “20สิ่งประดิษฐ์สำคัญ” ของนิตยสาร Time Magazine ในปี2552และการค้นพบครั้งสำคัญนี้ยังนำโลกของเราอีกหนึ่งก้าวเข้าไปใกล้การพัฒนาวัคซีนเอชไอวีที่จะก่อให้เกิดประโยชน์กับหลายล้านคน ระหว่างการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ทาง AFRIMS ได้รับเอากลยุทธ์การตรวจขององค์การอนามัยโลกมาใช้อย่างรวดเร็วและพิสูจน์ว่ากลยุทธ์ดังกล่าวใช้ได้ผล ซึ่งช่วยให้ไทยมีบทบาทสำคัญในการตรวจหาและควบคุมโรคได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังทำให้ไทยเป็นผู้นำในการต่อสู้กับโควิด-19 อีกด้วย ในโอกาสครบรอบ62ปีแห่งความร่วมมือที่โดดเด่นระหว่างสหรัฐ-ไทย ด้านสุขภาพโลกนี้ เราฉลองความทุ่มเทของ AFRIMS ในการต่อสู้โรคติดเชื้อและผลิตนักวิทยาศาสตร์ชาวไทยรุ่นต่อไป โดย U.S. Embassy Bangkok | 7 มิถุนายน, 2023 | ประเภท: ข่าว, สหรัฐอเมริกาและไทย, เหตุการณ์
AFRIMS Celebrates 62 Years of Pioneering Medical Research and Transformative Contributions to Thailand The Armed Forces Research Institute of Medical Sciences (AFRIMS) proudly commemorates its 62nd anniversary, highlighting its remarkable achievements in medical research and profound impact on public health in Thailand. Celebratory ceremonies held at the Phya Thai Palace and AFRIMS Headquarters brought together distinguished guests, including the Director of The U.S. Army Medical Directorate (USAMD)-AFRIMS and the Director General of Royal Thai Army AFRIMS. Since 1961, the AFRIMS Thai-U.S. partnership has spearheaded groundbreaking research initiatives and fostered international medical collaboration that has directly benefited the people of Thailand and saved hundreds of millions of global lives. Over the course of the past six decades, AFRIMS has achieved remarkable breakthroughs in infectious disease research, contributing to the prevention and control of diseases that pose significant threats to public health. AFRIMS has played a pivotal role in developing innovative diagnostics, treatments, and prevention strategies for diseases such as dengue fever, malaria, Japanese encephalitis, HIV/AIDS, COVID-19, and other emerging threats. AFRIMS has consistently been committed to addressing global health challenges without a profit motive. AFRIMS significantly contributed to the development and integration of the Japanese encephalitis vaccine into the Thai national immunization program, demonstrating its safety and effectiveness through a large-scale efficacy trial involving 65,000 participants. This achievement has significantly reduced Japanese encephalitis cases, preventing countless infections in Thailand and global communities. In the fight against malaria, AFRIMS has made remarkable strides in the discovery and development of antimalarial drugs and diagnostic devices, resulting in the protection and treatment of hundreds of millions of people worldwide. Their advancements, including the FDA approval of the Binax-Now point-of-care rapid diagnostic device for malaria, have revolutionized diagnosis and significantly reduced malaria-related mortality and morbidity. AFRIMS has conducted groundbreaking research on HIV-AIDS including its RV 144 vaccine trial; the first and only HIV vaccine candidate to successfully reduce the risk of HIV infection in humans. RV 144 was recognized as one of Time Magazine’s “Top 20 Inventions” in 2009 and this breakthrough brings the world one step closer to developing a HIV vaccine that will benefits millions. During the COVID-19 pandemic, AFRIMS quickly acquired and validated WHO testing strategies. This helped Thailand play a crucial role in early detection and containment efforts, and helped make Thailand a leader in the fight against COVID-19. On the occasion of the 62nd anniversary of this unique U.S.-Thai partnership in global health, we celebrate AFRIMS’ dedication combating infectious diseases and generating the next generation of Thai scientists. By U.S. Embassy Bangkok | 7 June, 2023 | Topics: Events, News, U.S. & Thailand | Tags: AFRIMS
AFRIMS Celebrates 62 Years of Pioneering Medical Research and Transformative Contributions to Thailand
AFRIMS ฉลองครบรอบ 62 ปีแห่งการบุกเบิกการวิจัยทางการแพทย์และสร้างคุณูปการสำคัญแก่ไทย
https://th.usembassy.gov/th/statement-on-the-birthday-of-her-majesty-queen-suthida-bajrasudhabimalalakshana-2023-th/
สารถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เจ้าหน้าที่ชาวอเมริกันและชาวไทยของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐอเมริกาในราชอาณาจักรไทยร่วมกับประชาชนชาวไทยถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี พระองค์ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาประชาราษฎร์ และทรงพระวิริยะอุตสาหะในการอนุรักษ์ศิลปะและหัตถกรรมไทย ตลอดจนการส่งเสริมผู้ประกอบการในชุมชน สหรัฐฯ และไทยเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 190 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตในปีนี้ เราจึงตั้งตาคอยที่จะได้ทำงานร่วมกับไทยต่อไป เพื่อถักทอสายใยระหว่างชุมชนอเมริกัน ไทย และนานาประเทศให้ยิ่งแน่นแฟ้น ในวันอันเป็นมงคลยิ่งนี้ เราขอถวายพระพรให้พระองค์ทรงประสบแต่สันติสุขและความเจริญรุ่งเรือง และทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ รวมทั้งขอให้ชาวไทยถึงพร้อมด้วยความสุขกายสุขใจเช่นเดียวกัน โดย U.S. Mission Thailand | 2 มิถุนายน, 2023 | ประเภท: สหรัฐอเมริกาและไทย
Statement on the Birthday of Her Majesty Queen Suthida Bajrasudhabimalalakshana The American and Thai community of the U.S. Mission to the Kingdom of Thailand join the Thai people in celebrating Her Majesty Queen Suthida Bajrasudhabimalalakshana’s birthday. Her Majesty is dedicated to public service and has pursued efforts to preserve Thai arts and crafts and empower local entrepreneurs. As this year marks the 190th anniversary of U.S.-Thai diplomatic relations, we look forward to continuing to work together to strengthen the interwoven threads of the American, Thai, and global communities. On this special day, we send our wishes for peace, prosperity, and good health to Her Majesty the Queen and the Thai people By U.S. Mission Thailand | 2 June, 2023 | Topics: U.S. & Thailand
Statement on the Birthday of Her Majesty Queen Suthida Bajrasudhabimalalakshana
สารถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี
https://th.usembassy.gov/th/ambassador-godec-and-consul-general-buzenas-deepen-partnerships-in-mekong-region-th/
เอกอัครราชทูตโกเดคและกงสุลใหญ่บูเจนนาสสานต่อความเป็นหุ้นส่วนในภูมิภาคแม่น้ำโขงให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ โรเบิร์ต โกเดคเยือนจังหวัดเชียงรายจังหวัดเหนือสุดของประเทศไทยในเดือนพฤษภาคม 2566 โดยเอกอัครราชทูตโกเดคและกงสุลใหญ่สหรัฐฯ เชียงใหม่ลิสา บูเจนนาส ได้พบกับข้าราชการท้องถิ่น ผู้นำกลุ่มประชาสังคม อาจารย์ และผู้บังคับใช้กฎหมายเพื่อหารือถึงการสานต่อความเป็นหุ้นส่วนในภูมิภาคแม่น้ำโขงให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เอกอัครราชทูตโกเดคได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของกรอบความร่วมมือหุ้นส่วนลุ่มน้ำโขง-สหรัฐฯ และความพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมสร้างศักยภาพชุมชนในลุ่มน้ำโขงที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อม และความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายสหรัฐ-ไทยในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำที่ช่วยปกป้องประเทศเราทั้งสอง เอกอัครราชทูตโกเดคยังได้เยี่ยมชมชุมชนทอผ้าใน อ.เชียงของ ที่ซึ่งเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคการทอผ้าพื้นเมืองและรับฟังปัญหาจากชาวบ้านเกี่ยวกับแม่น้ำโขง โดย U.S. Consulate Chiang Mai | 31 พฤษภาคม, 2023 | ประเภท: กงสุลใหญ่, ข่าว, สหรัฐอเมริกาและไทย, เชียงใหม่, เหตุการณ์, เอกอัครราชทูต
Ambassador Godec and Consul General Buzenas Deepen Partnerships in Mekong Region During a May visit to Thailand’s northernmost province of Chiang Rai, U.S. Ambassador to Thailand Robert Godec and Chiang Mai Consul General Buzenas met with local officials, civil society leaders, educators, and law enforcement partners to discuss deepening our partnerships in the Mekong Region.  Ambassador Godec highlighted the importance of the Mekong-U.S. Partnership (MUSP), ongoing efforts to empower Mekong communities impacted by environmental changes, and U.S.-Thai law enforcement cooperation in the Golden Triangle that protects both our countries.  Ambassador Godec also visited local weaving communities in Chiang Khong, where he learned about traditional weaving techniques and met with locals to listen to problems related to the Mekong River. By U.S. Consulate Chiang Mai | 31 May, 2023 | Topics: Ambassador, Chiang Mai, Consul General, Events, News, U.S. & Thailand
Ambassador Godec and Consul General Buzenas Deepen Partnerships in Mekong Region
เอกอัครราชทูตโกเดคและกงสุลใหญ่บูเจนนาสสานต่อความเป็นหุ้นส่วนในภูมิภาคแม่น้ำโขงให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
https://th.usembassy.gov/th/u-s-thailand-co-host-ratchaphruek-radiological-medical-response-workshop-may-16-18-2023-th/
สหรัฐฯ-ไทย ร่วมจัดการฝึกซ้อมการดำเนินงานด้านการแพทย์ฉุกเฉิน และจำลองสถานการณ์ฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสีในระดับภูมิภาค ภายใต้รหัสการฝึก “ราชพฤกษ์”16-18 พฤษภาคม2566 ราชอาณาจักรไทยและสหรัฐอเมริกา ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกซ้อมการดำเนินงานด้านการแพทย์ฉุกเฉิน และจำลองสถานการณ์ฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสีในระดับภูมิภาค ภายใต้รหัสการฝึก “ราชพฤกษ์” ระหว่างวันที่16-18 พฤษภาคม2566 ที่กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย การฝึกซ้อมดังกล่าวแสดงถึงความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ และไทยในการป้องกันเหตุฉุกเฉินทางรังสีและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์โจมตีทางรังสีแม้แทบจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นก็ตาม โดยกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ร่วมกับสำนักงานความมั่นคงและการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ นำผู้เข้าร่วมจาก12ประเทศและทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ(IAEA) มาแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดีและเสริมสร้างศักยภาพในการตอบสนองต่อสถานการณ์ในระดับภูมิภาค การฝึก “ราชพฤกษ์” ช่วยให้ผู้เข้าร่วมมีความพร้อมด้านการแพทย์กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินทางรังสี ตลอดจนเสริมสร้างความสามารถในการตอบสนองทางการแพทย์ และนำเสนอแนวปฏิบัติในการติดตามและฟื้นฟูด้านสุขภาพในระยะยาว การฝึกครั้งนี้เป็นเวทีให้ผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาวิชาชีพได้สร้างกลไกความร่วมมือที่ดีขึ้น อีกทั้งยังส่งเสริมการพูดคุยระหว่างชาติที่เข้าร่วมฝึกทั้ง12ประเทศ ได้แก่ อาร์เจนตินา กัมพูชา อินเดีย อินโดนีเซีย สปป.ลาว มาเลเซีย มองโกเลีย ปากีสถาน สิงคโปร์ ไทย อุซเบกิสถาน และสหรัฐฯ การฝึก “ราชพฤกษ์” แสดงความมุ่งมั่นที่สหรัฐฯ และไทยมีร่วมกันในการเสริมสร้างขีดความสามารถด้านความมั่นคงนิวเคลียร์และการตอบสนองทางการแพทย์ อีกทั้งยังเป็นตัวอย่างที่แสดงถึงผลอันเป็นรูปธรรมซึ่งเกิดจากความร่วมมือ190ปีระหว่างสหรัฐฯ กับไทย เพื่อประชาชนของเรา และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก โดย U.S. Embassy Bangkok | 19 พฤษภาคม, 2023 | ประเภท: ข่าว, สหรัฐอเมริกาและไทย
U.S.-Thailand Co-Host Ratchaphruek Radiological Medical Response Workshop May 16-18, 2023 The Kingdom of Thailand and the United States co-hosted the Ratchaphruek Radiological Medical Response Workshop May 16-18, in Bangkok, Thailand. The workshop demonstrated U.S-Thai leadership to prevent radiological incidents and prepare for the unlikely event of a radiological attack. Conducted by the Thai Ministry of Public Health, the Office of Atoms for Peace, and the Bureau of International Security and Nonproliferation at the U.S. Department of State, the workshop brought together 12 participating countries and the International Atomic Energy Agency (IAEA) to share best practices and enhance regional response capabilities. The Ratchaphruek Radiological Medical Response Workshop trained participants on medical readiness for a radiological incident, strengthened medical radiological response capabilities, and highlighted long-term health monitoring and recovery practices. The workshop provided the platform for experts from a variety of disciplines to facilitate greater international cooperation mechanisms and promote dialogue among the 12 participating nations of: Argentina, Cambodia, India, Indonesia, Lao PDR, Malaysia, Mongolia, Pakistan, Singapore, Thailand, Uzbekistan, and the United States. The Ratchaphruek Radiological Medical Response Workshop showcased the U.S.-Thai shared commitment to enhance nuclear security and medical response capabilities, and is an example of how the 190-year-old U.S.-Thai partnership delivers tangible results for our people and the broader Indo-Pacific region. By U.S. Embassy Bangkok | 19 May, 2023 | Topics: News, U.S. & Thailand
U.S.-Thailand Co-Host Ratchaphruek Radiological Medical Response Workshop May 16-18, 2023
สหรัฐฯ-ไทย ร่วมจัดการฝึกซ้อมการดำเนินงานด้านการแพทย์ฉุกเฉิน และจำลองสถานการณ์ฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสีในระดับภูมิภาค ภายใต้รหัสการฝึก “ราชพฤกษ์”
https://th.usembassy.gov/th/u-s-air-force-general-kenneth-s-wilsbach-commander-of-pacific-air-forces-to-visit-thailand-may-22-23-2023-th/
พลอากาศเอก เคนเนธ เอส. วิลส์บาก ผู้บัญชาการกองทัพอากาศสหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิก จะเยือนไทย 22-23 พฤษภาคม 2566 พลอากาศเอก เคน วิลส์บาก ผู้บัญชาการกองทัพอากาศสหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิก (PACAF) จะเยือนประเทศไทยระหว่างวันที่ 22-23 พฤษภาคมนี้ เพื่อพบกับเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศไทย โดยเป็นการเยือนไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรกในฐานะผู้บัญชาการ PACAF การเยือนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อขับเคลื่อนวัตถุประสงค์ด้านความมั่นคงที่ทั้งสองประเทศมีร่วมกัน ตลอดจนยกระดับความซับซ้อนในการฝึกทางทหาร สนับสนุนการพัฒนากองทัพไทยให้ทันสมัย และเสริมสร้างอินโด-แปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง PACAF มีหน้าที่รับผิดชอบกิจกรรมของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ในพื้นที่ครอบคลุมกว่าครึ่งหนึ่งของโลกจากกองบัญชาการที่ดูแลทหารอากาศกว่า 46,000 นาย ซึ่งปฏิบัติหน้าที่โดยส่วนใหญ่ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ดูชีวประวัติฉบับเต็มได้ที่ https://www.af.mil/About-Us/Biographies/Display/Article/108478/kenneth-s-wilsbach/ โดย U.S. Embassy Bangkok | 19 พฤษภาคม, 2023 | ประเภท: ข่าว, สหรัฐอเมริกาและไทย
U.S. Air Force General Kenneth S. Wilsbach, Commander of Pacific Air Forces, to visit Thailand May 22-23, 2023 U.S. Air Force General Ken Wilsbach, Commander, Pacific Air Forces (PACAF), will visit Thailand May 22-23 to meet with counterparts in the Royal Thai Air Force. This will be General Wilsbach’s first official visit to Thailand as PACAF Commander. This visit is part of ongoing engagements to further shared security objectives, increase the complexity of military exercises, support Thailand’s military modernization, and advance a Free and Open Indo-Pacific. PACAF is responsible for Air Force activities spread over half the globe in a command that supports more than 46,000 Airmen serving principally throughout the Indo-Pacific. Full Bio: https://www.af.mil/About-Us/Biographies/Display/Article/108478/kenneth-s-wilsbach/ By U.S. Embassy Bangkok | 19 May, 2023 | Topics: News, U.S. & Thailand
U.S. Air Force General Kenneth S. Wilsbach, Commander of Pacific Air Forces, to visit Thailand May 22-23, 2023
พลอากาศเอก เคนเนธ เอส. วิลส์บาก ผู้บัญชาการกองทัพอากาศสหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิก จะเยือนไทย 22-23 พฤษภาคม 2566
https://th.usembassy.gov/th/statement-from-u-s-ambassador-robert-godec-th/
สารจากเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ โรเบิร์ต โกเดค เมื่อวานนี้ประชาชนหลายสิบล้านคนได้มีส่วนร่วมในการเลือกตั้งทั่วราชอาณาจักรไทย ในฐานะผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง สื่อมวลชน ผู้สมัครรับเลือกตั้ง และที่สำคัญที่สุด ผู้ใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้ง สหรัฐอเมริกาในฐานะเพื่อนและพันธมิตรที่ยาวนานของไทย ตั้งตารอที่จะได้ทราบผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ โดย U.S. Embassy Bangkok | 15 พฤษภาคม, 2023 | ประเภท: ข่าว, สหรัฐอเมริกาและไทย, เอกอัครราชทูต
Statement from U.S. Ambassador Robert Godec Yesterday, tens of millions of people participated in the vote across the Kingdom of Thailand – as election observers, poll workers, members of the media, candidates, and, most importantly, voters. As a longstanding friend and ally of Thailand, the United States looks forward to the final results. By U.S. Embassy Bangkok | 15 May, 2023 | Topics: Ambassador, News, U.S. & Thailand
Statement from U.S. Ambassador Robert Godec
สารจากเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ โรเบิร์ต โกเดค
https://th.usembassy.gov/th/general-narongpan-and-members-of-the-royal-thai-army-rta-general-staff-will-attend-the-land-forces-of-the-pacific-lanpac-conference-in-oahu-hi-th/
พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายเสนาธิการทหาร กองทัพบกไทย จะเข้าร่วมการประชุม Land Forces of the Pacific (LANPAC) Conference ณ เกาะโอวาฮู รัฐฮาวาย ตั้งแต่วันที่15-18พฤษภาคม2566 โดยเป็นการเยือนสหรัฐอเมริกาครั้งแรกของพลเอก ณรงค์พันธ์ ภายหลังเข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกของไทย หลังจากนั้นคณะผู้แทนกองทัพบกไทยจะเดินทางเยือนโรงเรียนเตรียมทหารของสหรัฐฯ ที่เมืองเวสต์พอยต์ รัฐนิวยอร์ก, อาคารเพนตากอน, ฐานทัพ Fort Moore รัฐจอร์เจีย และฐานทัพ Joint Base Lewis-McCord รัฐวอชิงตัน ในโอกาสนี้ พลเอก ณรงค์พันธ์จะได้พบปะกับเจ้าหน้าที่กองทัพบกสหรัฐฯ ซึ่งดำเนินการฝึกอบรมแลกเปลี่ยนความรู้กับกองทัพบกไทยเป็นประจำ ตลอดจนเสริมสร้างพันธไมตรีด้านความมั่นคงระหว่างสหรัฐฯ กับไทย ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ LANPAC ได้จาก https://meetings.ausa.org/lanpac/2023/attendee_faqs.cfm โดย U.S. Embassy Bangkok | 15 พฤษภาคม, 2023 | ประเภท: ข่าว, สหรัฐอเมริกาและไทย
General Narongpan Jittkaewtae and members of the Royal Thai Army (RTA) general staff will attend the Land Forces of the Pacific (LANPAC) Conference in Oahu, HI from May 15th through 18th. This is GEN Narongpan’s first visit to the United States during his tenure as Chief of the Royal Thai Army. The RTA delegation will also participate in follow-on visits to the United States Military Academy at West Point, NY; the Pentagon; Fort Moore, Georgia; and Joint Base Lewis-McCord, WA. These engagements will provide GEN Narongpan the opportunity to interact with U.S. Army personnel who routinely conduct training and exchanges with the Royal Thai Army, and further strengthen the U.S.-Thai security alliance. For more information about LANPAC, please visit: https://meetings.ausa.org/lanpac/2023/attendee_faqs.cfm By U.S. Embassy Bangkok | 15 May, 2023 | Topics: News, U.S. & Thailand
General Narongpan and members of the Royal Thai Army (RTA) general staff will attend the Land Forces of the Pacific (LANPAC) Conference in Oahu, HI
พลเอก ณรงค์พันธ์ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายเสนาธิการทหาร กองทัพบกไทย จะเข้าร่วมการประชุม Land Forces of the Pacific (LANPAC) Conference ณ เกาะโอวาฮู รัฐฮาวาย
https://th.usembassy.gov/th/carat-thailand-23-th/
การฝึกความร่วมมือและความพร้อมทางเรือ หรือ “การัต” (Cooperation Afloat Readiness and Training: CARAT) ในประเทศไทย ประจำปี 2566 จะจัดขึ้นที่ชายฝั่งทะเลในอำเภอสัตหีบ ประเทศไทย และนอกชายฝั่งในอ่าวไทย ระหว่างวันที่ 8-15 พฤษภาคม 2566 การฝึกการัตในประเทศไทย ประจำปี 2566 เป็นการฝึกซ้อมระดับทวิภาคีระหว่างประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา ซึ่งส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงในภูมิภาค สนับสนุนและเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางทะเล รวมถึงยกระดับการปฏิบัติการร่วมทางทะเลระหว่างกองทัพเรือของทั้งสองประเทศ การฝึกการัตระดับพหุภาคีในปีนี้ระหว่างสหรัฐฯ และประเทศภาคีต่าง ๆ เป็นการฝึกครั้งที่ 29 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของกองทัพเรือของสหรัฐฯ และภาคีในการปฏิบัติการร่วมเพื่อรับมือความท้าทายด้านความมั่นคงทางทะเลแบบดั้งเดิมและในรูปแบบใหม่ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก โดย U.S. Embassy Bangkok | 5 พฤษภาคม, 2023 | ประเภท: ข่าว, สหรัฐอเมริกาและไทย, เหตุการณ์
Cooperation Afloat Readiness and Training Thailand 2023 (CARAT Thailand 23) will take place ashore in Sattahip, Thailand, and at-sea in the gulf of Thailand, May 8-15, 2023. CARAT Thailand 23 is a bilateral exercise between Thailand and the United States which promotes regional security cooperation, maintains and strengthens maritime partnerships, and enhances maritime interoperability between our navies. This year marks the 29th iteration of the multinational CARAT exercise series, which is designed to enhance U.S. and partner navies’ abilities to operate together in response to traditional and non-traditional maritime security challenges in the Indo-Pacific region. By U.S. Embassy Bangkok | 5 May, 2023 | Topics: Events, News, U.S. & Thailand | Tags: CARAT
Cooperation Afloat Readiness and Training Thailand 2023 (CARAT Thailand 23)
การฝึกความร่วมมือและความพร้อมทางเรือ หรือ “การัต” (Cooperation Afloat Readiness and Training: CARAT) ในประเทศไทย ประจำปี 2566
https://th.usembassy.gov/th/admiral-samuel-paparo-commander-of-the-u-s-pacific-fleet-to-visit-thailand-may-1-2-2023-th/
พลเรือเอก ซามูเอล ปาปาโร ผู้บัญชาการกองเรือภาคพื้นแปซิฟิกของสหรัฐฯ เยือนไทย 1-2 พฤษภาคม 2566 พลเรือเอก ซามูเอล ปาปาโร ผู้บัญชาการกองเรือภาคพื้นแปซิฟิกของสหรัฐอเมริกา (PACFLT) จะเยือนประเทศไทยระหว่างวันที่ 1-2 พฤษภาคมนี้ เพื่อเข้าพบผู้นำและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพเรือไทย การเยือนครั้งนี้เป็นการเยือนราชอาณาจักรไทยครั้งที่2 ของพลเรือเอก ปาปาโร นับตั้งแต่เข้าดำรงตำแหน่ง ผบ.กองเรือภาคพื้นแปซิฟิกของสหรัฐฯ และเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานด้านความมั่นคงอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง เพื่อยกระดับพันธไมตรีระหว่างสหรัฐฯ กับไทย ตลอดจนเสริมสร้างอินโด-แปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง พลเรือเอก ปาปาโร เกิดที่เมืองมอร์ตัน รัฐเพนซิลเวเนีย ในครอบครัวของอดีตนาวิกโยธินชั้นประทวน และเป็นหลานชายของนายทหารเรือชั้นประทวนในสงครามโลกครั้งที่ 2 พลเรือเอก ปาปาโร เข้าประจำการในฐานะทหารชั้นสัญญาบัตรของกองทัพเรือสหรัฐฯ เมื่อปี 2530 และเป็นนักบินของกองทัพเรือสหรัฐฯ โดยสำเร็จหลักสูตร TOPGUN และมีชั่วโมงบินกว่า 6,000 ชั่วโมง รวมถึงลงจอดบนเรือบรรทุกเครื่องบินแล้ว 1,100 ครั้ง พลเรือเอก ปาปาโร จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Villanova University อีกทั้งยังจบการศึกษาหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขานานาชาติศึกษา จากมหาวิทยาลัย Old Dominion University และวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการวิเคราะห์ระบบ จากสถาบัน Naval Postgraduate School ในฐานะผบ.กองเรือภาคพื้นแปซิฟิกของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นกองเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก พลเรือเอก ปาปาโร บังคับการเรือและเรือดำน้ำกว่า 200 ลำ อากาศยาน 1,200 ลำ ตลอดจนทหารเรือและเจ้าหน้าที่พลเรือนกว่า 130,000 ชีวิต อ่านชีวประวัติฉบับเต็มของ พลเรือเอก ปาปาโร ได้ที่https://www.cpf.navy.mil/Leaders/Article/2628260/admiral-samuel-j-paparo/ กองเรือภาคพื้นแปซิฟิกของสหรัฐฯ ทำงานร่วมกับพันธมิตรและหุ้นส่วนเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางทะเลของอินโด-แปซิฟิก และส่งเสริมเสถียรภาพในภูมิภาค โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่https://www.cpf.navy.mil/ โดย U.S. Embassy Bangkok | 28 เมษายน, 2023 | ประเภท: ข่าว, สหรัฐอเมริกาและไทย
Admiral Samuel Paparo, Commander of the U.S. Pacific Fleet, to visit Thailand May 1-2, 2023 Commander of the U.S. Pacific Fleet (PACFLT), Admiral Samuel Paparo will visit Thailand May 1-2 to meet with senior leaders and counterparts in the Royal Thai Navy. This will be Admiral Paparo’s second visit to the Kingdom of Thailand since assuming command of PACFLT. His visit is part of our regular and ongoing engagements to strengthen the U.S.-Thai alliance and advance a Free and Open Indo-Pacific. Admiral Paparo, a native of Morton, Pennsylvania, was commissioned in the Navy in 1987. He is the son of a former enlisted Marine and the grandson of a World War II enlisted Sailor. A U.S. Naval Aviator, he is a TOPGUN graduate and has flown over 6,000 hours and has 1,100 carrier landings. Admiral Paparo graduated from Villanova University and earned a Master of Arts in International Studies from Old Dominion University, and a Master of Science in Systems Analysis from the Naval Postgraduate School. As Commander of the U.S. Pacific Fleet – the world’s largest fleet command – Admiral Paparo is responsible for over 200 ships/submarines, 1,200 aircraft, and more than 130,000 Sailors and civilians. Full bio:https://www.cpf.navy.mil/Leaders/Article/2628260/admiral-samuel-j-paparo/ U.S. Pacific Fleet works with allies and partners to advance Indo-Pacific maritime security and enhance regional stability. For more information, visit:https://www.cpf.navy.mil/ By U.S. Embassy Bangkok | 28 April, 2023 | Topics: News, U.S. & Thailand
Admiral Samuel Paparo, Commander of the U.S. Pacific Fleet, to visit Thailand May 1-2, 2023
พลเรือเอก ซามูเอล ปาปาโร ผู้บัญชาการกองเรือภาคพื้นแปซิฟิกของสหรัฐฯ เยือนไทย 1-2 พฤษภาคม 2566
https://th.usembassy.gov/th/carrier-strike-group-csg-11-uss-nimitz-th/
กองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีที่ 11 (CSG 11) เป็นกองกำลังทางทะเลภายใต้ผู้บัญชาการกำลังรบ ซึ่งมีศักยภาพในการตอบสนองและปรับตัวรับสถานการณ์ได้ดีในทุกสภาพอากาศ โดยสามารถดำเนินปฏิบัติการความมั่นคงทางทะเล รับมือภัยพิบัติ ตลอดจนผดุงไว้ซึ่งประโยชน์ของสหรัฐอเมริกาและชาติภาคีทั่วโลก คำขวัญประจำกองเรือ: เจนสมรภูมิ [ผู้บัญชาการกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีที่ 11 พลเรือตรี คริสโตเฟอร์ สวีนีย์] องค์ประกอบ เรือ USS Nimitz (CVN 68) – เรือธงของ CSG 11 มีศักยภาพด้านการควบคุมทะเล การโจมตีเป้าหมายหลายประเภท ปฏิบัติการความมั่นคงทางทะเล การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาสาธารณภัย รวมถึงการฝึกร่วมและผสมในพื้นที่ปฏิบัติการต่างๆ ฝูงบินประจำเรือบรรทุกเครื่องบินที่ 17 (CVW 17) – ประกอบด้วยอากาศยานต่างๆ ใน 9 กองบิน เช่น เครื่องบินขับไล่ F/A-18E/F Super Hornet เครื่องบินโจมตีทางอิเล็กทรอนิกส์ E/A-18G Growler เครื่องบินบังคับบัญชาและควบคุมทางอากาศ E-2C Hawkeye เฮลิคอปเตอร์ MH-60R/S Sea Hawk เครื่องบินลำเลียง C-2A Greyhound หมู่เรือพิฆาตที่ 9 (DESRON 9) และเรือ USS Bunker Hill (CG 52) – ประกอบด้วยเรือเช่น เรือพิฆาตติดอาวุธนำวิถีชั้น Arleigh Burke เรือลาดตระเวนติดอาวุธนำวิถีชั้น Ticonderoga ปฏิบัติการปัจจุบัน กองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตี Nimitz ออกเดินทางจากเมืองเบรเมอร์ตัน รัฐวอชิงตัน เพื่อปฏิบัติการทั่วไปในเดือนพฤศจิกายน 2565 โดยได้เข้าร่วมฝึกร่วมผสมหลายครั้ง และปฏิบัติการตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในพื้นที่รับผิดชอบของกองเรือที่ 7 แห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งรวมทั้งทะเลจีนใต้และทะเลฟิลิปปิน เรือ USS Nimitz [นาวาเอก เครก ซิโคลา ผู้บังคับการเรือ USS Nimitz] เรือ USS Nimitz ประจำการเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2518 ขนานนามเพื่อเป็นเกียรติแก่จอมพลเรือ เชสเตอร์ ดับเบิลยู. นิมิตซ์ ซึ่งได้ดำรงตำแหน่งสูงสุดของกองทัพเรือสหรัฐฯ ในฐานะผู้บัญชาการกองเรือภาคพื้นแปซิฟิกระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบัน เรือลำนี้ประจำการที่เมืองเบรเมอร์ตัน รัฐวอชิงตัน และมีลูกเรือชายหญิงรวมประมาณ 4,600 คน ซึ่งรวมทั้งผู้ที่ประจำการบนเรือ ในฝูงบินประจำเรือบรรทุกเครื่องบินที่ 17 และส่วนอื่นๆ ภารกิจของเรือ USS Nimitz และฝูงบินประจำเรือคือการดำเนินปฏิบัติการทางอากาศ และสนับสนุนยุทธศาสตร์ทางทะเลในส่วนหน้า ลำเรือยาว 1,092 ฟุต กว้าง 252 ฟุต และสูง 244 ฟุต (เทียบเท่าตึก 23 ชั้น) ระวางขับน้ำของเรือเท่ากับ 97,000 ตัน และใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 2 เครื่องเพื่อขับเคลื่อนได้เป็นระยะไกลและเป็นเวลานานโดยแทบไม่มีข้อจำกัด เรือมีความเร็วสูงสุดมากกว่า 30 นอต ส่วนดาดฟ้าบินที่กว้างที่สุดวัดได้ 257 ฟุต (78 เมตร) คำขวัญประจำเรือ: ทีมเวิร์กคือธรรมเนียมของเรา ปฏิบัติการบิน ลิฟต์ 4 ตัวของเรือลำเลียงอากาศยานและอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ บนดาดฟ้าบินได้อย่างรวดเร็ว โดยแต่ละตัวสามารถขนส่งสิ่งของน้ำหนักกว่า 130,000 ปอนด์ หรือเครื่องบินขับไล่ F/A-18E/F Super Hornet 2 ลำที่บรรจุเต็มกำลังบรรทุก ไปยังดาดฟ้าบินได้ นอกจากนี้ ยังมีลิฟต์สำหรับยุทโธปกรณ์อีก 9 ตัวตั้งอยู่ในโรงเก็บเครื่องบิน เพื่อขนส่งสรรพาวุธจากคลังแสงของเรือขึ้นไปยังโรงเก็บเครื่องบินและดาดฟ้าบิน โดย U.S. Embassy Bangkok | 27 เมษายน, 2023 | ประเภท: Exclude, เอกสารข้อเท็จจริง
CSG 11 provides combatant commanders with a responsive, flexible, all-weather naval force that can conduct maritime security operations, respond to crises, and protect U.S. and partner interests across the globe. CSG 11’s motto: Combat Proven [Commander of Carrier Strike Group Eleven, Rear Admiral Christopher Sweeney] Compositions USS Nimitz (CVN 68) – CSG 11’s flagship; Capable of sea control, strikes against several types of targets, maritime security operations, humanitarian assistance/disaster relief, and integrated multi-domain and joint training. Carrier Air Wing (CVW 17) – Nine squadrons of aircraft including: F/A-18E/F Super Hornet E/A-18G Growler E-2C Hawkeye MH-60R/S Sea Hawk C-2A Greyhound Destroyer Squadron (DESRON) 9 & USS Bunker Hill (CG 52) – include: Arleigh Burke-Class Guided-Missile Destroyer Ticonderoga-Class Guided-Missile Cruiser Current Operations Nimitz Carrier Strike group departed Bremerton, WA for a routine deployment in November 2022. Nimitz CSG has participated in several joint and integrated training operations. NIMSG has professionally executed operational tasking across the C7F AOR to include the South China Sea and the Philippine Sea. USS Nimitz [Captain Craig Sicola, commanding officer of USS Nimitz] USS Nimitz was commissioned May 3, 1975, and named in honor of Fleet Admiral Chester W. Nimitz who achieved the highest rank in the United States Navy as Commander in Chief, Pacific Fleet during World War II. Nimitz is home ported in Bremerton, Washington, and currently has about 4,600 men and women on board that are assigned to the ship, embarked Carrier Air Wing 17, and embarked staffs. The mission of Nimitz and its air wing is to conduct air operations while forward deployed in support of the Maritime Strategy. Nimitz is 1,092 ft. long, 252 ft. wide and 244 ft. high (as high as 23-story building). It displaces 97,000 tons and uses two nuclear reactors to provide virtually unlimited range and endurance, as well as a top speed in excess of 30+ knots. Width of flight deck at widest point – 257 feet (78 meters). USS Nimitz’s Motto: Teamwork, a Tradition Flight Operations The four elevators transport aircraft and equipment rapidly to and from the flight deck. Each of them can lift over 130,000 pounds or two, fully loaded FA/18E Super Hornets to the flight deck. Nine weapons elevators located in the hangar bays to support transferring ordnance from the ships magazines to the hangar bay and up to the flight deck. By U.S. Embassy Bangkok | 27 April, 2023 | Topics: Exclude, Fact Sheets
CARRIER STRIKE GROUP (CSG) 11 – USS NIMITZ
กองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีที่ 11 (CSG 11) – เรือ USS NIMITZ
https://th.usembassy.gov/th/nimitz-carrier-strike-group-to-visit-thailand-april-24-29-2023-th/
กองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีNimitz (CSG11) แห่งกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาจะเยือนประเทศไทยตามกำหนดในระหว่างวันที่24-29เมษายน2566 การเข้าเยี่ยมท่าของกองทัพเรือสหรัฐฯ เป็นโอกาสในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ-ไทย ตลอดจนกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของเรา ในระหว่างการเยือนครั้งนี้ เรือUSSNimitz (CVN68) ซึ่งเป็นเรือธงของCSG11 จะจัดงานเลี้ยงรับรองเพื่อฉลองวาระครบรอบ190ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตสหรัฐฯ-ไทย การเข้าเยี่ยมท่ายังเปิดโอกาสให้ทหารเรือสหรัฐฯ ได้สัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นและเข้าร่วมการประชุมหารือต่างๆ ตลอดจนมีส่วนร่วมในโครงการชุมชนสัมพันธ์ด้วย กองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีNimitz ออกเดินทางจากเมืองเบรเมอร์ตัน รัฐวอชิงตัน เพื่อปฏิบัติการทั่วไปในเดือนพฤศจิกายน2565 ตั้งแต่นั้นมา กองเรือได้เข้าร่วมฝึกร่วมผสมหลายครั้ง รวมทั้งเข้าเยี่ยมท่าเรือของภาคีและพันธมิตรหลายแห่งทั่วภูมิภาค กองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีNimitz นำโดยพลเรือตรี คริสโตเฟอร์ สวีนีย์ ผู้บัญชาการกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีที่11 โดย U.S. Embassy Bangkok | 21 เมษายน, 2023 | ประเภท: ข่าว, สหรัฐอเมริกาและไทย
The U.S. Navy Nimitz Carrier Strike Group (CSG-11) will make a scheduled visit to Thailand April 24-29, 2023. U.S. Navy port visits are an opportunity to strengthen the U.S.-Thai security partnership and advance people-to-people ties. During the visit, the Strike Group flagship USS Nimitz (CVN 68) will host a reception to celebrate the 190th anniversary of U.S.-Thai diplomatic relations. The visit also provides an opportunity for U.S. Sailors to explore the local culture and participate in professional engagements and community relations projects. The Nimitz Carrier Strike group departed Bremerton, Washington, for a routine deployment in November 2022. Since then, the Nimitz Carrier Strike Group has participated in several joint and integrated training operations, and conducted multiple port visits with partners and allies across the region. The Nimitz Carrier Strike Group is led by Rear Admiral Christopher Sweeney, Commander, Carrier Strike Group 11. By U.S. Embassy Bangkok | 21 April, 2023 | Topics: News, U.S. & Thailand
Nimitz Carrier Strike Group to Visit Thailand April 24-29, 2023
กองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตี Nimitz จะเยือนไทยระหว่างวันที่24-29เมษายน2566
https://th.usembassy.gov/th/commanding-general-of-u-s-army-pacific-to-visit-thailand-april-17-20-2023-th/
ผู้บัญชาการกองทัพบกสหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิก เดินทางเยือนไทย 17-20 เมษายน 2566 พลเอก ชาร์ลส์ ฟลินน์ ผู้บัญชาการกองทัพบกสหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิก จะมาเยือนไทยเป็นครั้งที่สองตั้งแต่ดำรงตำแหน่งดังกล่าว เพื่อพบกับเจ้าหน้าที่กองทัพบกไทย ระหว่างวันที่ 17-20 เมษายนนี้ พล.อ. ฟลินน์ มีความผูกพันกับไทยเป็นพิเศษผ่านความร่วมมือหลายครั้งนับตั้งแต่การเยือนไทยครั้งแรกในปี 2540 เมื่อครั้งยังเป็นพันตรี เพื่อเข้าร่วมการฝึกคอบร้าโกลด์ การเดินทางเยือนไทยและชาติภาคีอื่น ๆ ของสหรัฐฯ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามต่อเนื่องที่จะยกระดับวัตถุประสงค์ด้านความมั่นคงร่วมกัน ตลอดจนเพิ่มความซับซ้อนของการฝึกซ้อมทางทหาร สนับสนุนการพัฒนากองทัพไทยให้ทันสมัย และส่งเสริมภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง อ่านประวัติของ พล.อ. ฟลินน์ ได้ที่ https://www.usarpac.army.mil/Our-Team/Our-Leaders/Biography-Display/Article/3219624/gen-charles-a-flynn/ โดย U.S. Embassy Bangkok | 18 เมษายน, 2023 | ประเภท: ข่าว, ภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก, สหรัฐอเมริกาและไทย
Commanding General of U.S. Army Pacific to Visit Thailand April 17-20, 2023 General Charles Flynn, Commanding General of U.S. Army Pacific, will visit Thailand to meet with counterparts from the Royal Thai Army on 17 – 20 April. This will be General Flynn’s second visit to Thailand as the Commanding General of U.S. Army Pacific, and he brings a special connection to Thailand through a long history of engagements dating back to his first visit in 1997 as a Major participating in Cobra Gold. This visit, including stops in other partner nations in Southeast Asia, is part of ongoing engagements to further shared security objectives, increase the complexity of military exercises, support Thailand’s military modernization, and advance a Free and Open Indo-Pacific. Link to Bio: https://www.usarpac.army.mil/Our-Team/Our-Leaders/Biography-Display/Article/3219624/gen-charles-a-flynn/ By U.S. Embassy Bangkok | 18 April, 2023 | Topics: East Asia & Pacific, News, U.S. & Thailand
Commanding General of U.S. Army Pacific to Visit Thailand April 17-20, 2023
ผู้บัญชาการกองทัพบกสหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิก เดินทางเยือนไทย 17-20 เมษายน 2566
https://th.usembassy.gov/th/thailand-new-year-songkran-2023-th/
สารจากรัฐมนตรีแอนโทนี เจ. บลิงเคน 12 เมษายน 2566 เทศกาลสงกรานต์ ปีใหม่ไทย ในนามของรัฐบาลและพลเมืองสหรัฐอเมริกา ผมขออวยพรให้ประชาชนแห่งราชอาณาจักรไทยประสบแต่สันติสุขและความเจริญเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งตรงกับวันขึ้นปีใหม่ 13 เมษายนนี้ ในโอกาสที่สหรัฐฯ และไทยเฉลิมฉลองครบรอบ 190 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูต ผมภูมิใจที่สัมพันธไมตรีและความร่วมมือของเราแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา เรารวมพลังกันก้าวผ่านการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 และกำลังคว้าทุกโอกาสที่จะเสริมสร้างและขยายขอบเขตความสัมพันธ์ระหว่างกัน ในเดือนมีนาคมเพียงเดือนเดียว นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ต้อนรับบริษัทอเมริกันกว่า 100 แห่งจาก 20 ภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเดินทางมาเข้าร่วมการประชุม Trade Winds ที่ประเทศไทย โดยเป็นคณะผู้แทนทางการค้าสหรัฐฯ ที่ใหญ่ที่สุดของปี และธุรกิจเกษตรภัณฑ์เกือบ 50 แห่งของสหรัฐฯ ยังได้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าอาหารสัตว์ระดับโลก VIV Asia เพื่อยกระดับสายสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ-ไทยอีกด้วย นอกจากนี้ เราได้ต่อยอดความร่วมมือด้านสาธารณสุขกว่า 60 ปีของเรา ด้วยการมาเยือนไทยของแพทย์หญิงวาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติ สหรัฐฯ เพื่อหารือถึงวิธีผนึกกำลังป้องกัน เตรียมความพร้อม และตอบโต้โรคระบาดใหญ่ในอนาคต เรายังได้สานสัมพันธ์ใหม่ ๆ ด้านการศึกษาระหว่างมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาของสหรัฐฯ และไทยหลายสิบแห่ง ตลอดจนจัดการฝึกคอบร้าโกลด์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในรอบกว่าทศวรรษ ในทุก ๆ วัน ความร่วมมือสหรัฐฯ-ไทยขับเคลื่อนเป้าหมายที่เรามีร่วมกัน เพื่อให้ภูมิภาคนี้เสรีและเปิดกว้าง เชื่อมโยง มั่งคั่ง มั่นคง และเข้มแข็ง ในวาระขึ้นปีใหม่ไทยนี้ เราตั้งตารอที่จะดำเนินการตามวิสัยทัศน์ของเราในแถลงการณ์ว่าด้วยความเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา พ.ศ. 2565 ผ่านการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ยกระดับความร่วมมือทางการศึกษา กระชับมิตรไมตรีระหว่างผู้คน และผลักดันเป้าหมายด้านความยั่งยืนของเรา โดยสัมพันธ์กับโมเดลเศรษฐกิจ BCG ของไทย ในปี 2566 ที่สหรัฐฯ จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค เราหวังว่าชาวไทยจะมีความสุขสำราญใจในปีใหม่นี้ โดย U.S. Embassy Bangkok | 13 เมษายน, 2023 | ประเภท: ข่าว, สหรัฐอเมริกาและไทย, เอกสารข่าว
Statement by Secretary Antony J. Blinken April 12, 2023 Thailand New Year – Songkran On behalf of the Government and people of the United States of America, I wish the people of the Kingdom of Thailand a peaceful and prosperous new year ahead on the occasion of Songkran on April 13. As the United States and Thailand commemorate 190 years of diplomatic ties, I am proud that our alliance and partnership are stronger than ever. Together, we have emerged from the COVID-19 pandemic and are seizing every opportunity to deepen and expand our ties. In March alone, Prime Minister Prayuth Chan-o-cha welcomed over 100 U.S. companies across 20 sectors who traveled to Thailand as part of Trade Winds, the United States’ largest annual trade mission and nearly 50 U.S. agricultural companies joined the VIV Asia global animal feed trade show to further our economic ties. In addition, we built on our over 60 years of public health partnership when U.S. Centers for Disease Control and Prevention Director Dr. Walensky visited Thailand to discuss how we can work together to prevent, prepare, and respond to future pandemics. We also forged new educational ties between dozens of U.S. and Thai universities and educational institutions and held our largest Cobra Gold exercise in over a decade. Every day, the U.S.-Thai partnership advances shared goals for a free and open, connected, prosperous, secure, and resilient region. In this New Year for Thailand, we look forward to bringing the vision of our 2022 Communiqué on Strategic Alliance and Partnership to life through revitalizing our economies, strengthening our education partnerships, deepening our people-to-people ties, and advancing our shared sustainability goals, in line with Thailand’s Bio-Circular Green Economy model, during the United States’ APEC 2023 host year. We wish the people of the Kingdom of Thailand a joyous New Year. By U.S. Mission Thailand | 13 April, 2023 | Topics: News, Press Releases, U.S. & Thailand, U.S. Secretary of State | Tags: Songkran, Thai New Year
Thailand New Year – Songkran
เทศกาลสงกรานต์ ปีใหม่ไทย
https://th.usembassy.gov/th/consul-general-lisa-buzenas-interview-highlighting-190th-anniversary-of-u-s-thai-relations-th/
กงสุลใหญ่สหรัฐฯ เชียงใหม่ให้สัมภาษณ์เน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ 190 ปีสหรัฐฯ-ไทย กงสุลใหญ่สหรัฐฯ เชียงใหม่ ลิสา บูเจนนาสให้สัมภาษณ์แก่นิตยสาร Citylife เชียงใหม่เกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ ที่เธอให้ความสำคัญในภาคเหนือของไทย ซึ่งรวมถึงการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 190 ปีความสัมพันธ์และความร่วมมือสหรัฐฯ-ไทยในด้านสาธารณสุข การพัฒนาเศรษฐกิจ การปรับปรุงคุณภาพอากาศ และการปราบปรามยาเสพติด กงสุลใหญ่บูเจนนาสตั้งเป้าหมายที่จะขยายความเป็นหุ้นส่วนกับประชาชนในภาคเหนือต่อไป โดย U.S. Consulate Chiang Mai | 10 เมษายน, 2023 | ประเภท: กงสุลใหญ่, สหรัฐอเมริกาและไทย, เชียงใหม่, เหตุการณ์
Consul General Lisa Buzenas Interview Highlighting 190th Anniversary of U.S.-Thai Relations Consul General Lisa Buzenas gave an interview to Citylife Chiang Mai magazine about her priorities in northern Thailand, including celebrating and expanding on 190 years of U.S.-Thai diplomatic relations and cooperation in public health, economic development, improving air quality, and countering illicit drug trafficking. Consul General Buzenas shared her goal of growing this partnership with people in northern Thailand in the years to come. By U.S. Consulate Chiang Mai | 10 April, 2023 | Topics: Chiang Mai, Consul General, Events, U.S. & Thailand
Consul General Lisa Buzenas Interview Highlighting 190th Anniversary of U.S.-Thai Relations
กงสุลใหญ่สหรัฐฯ เชียงใหม่ให้สัมภาษณ์เน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ 190 ปีสหรัฐฯ-ไทย
https://th.usembassy.gov/th/ustda-thailand-partner-on-pumped-storage-th/
USTDA จับมือกับไทยในโครงการสนับสนุนการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ วันนี้ องค์การการค้าและการพัฒนาของสหรัฐอเมริกา (USTDA) ประกาศว่าได้มอบทุนสนับสนุนแก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการสนับสนุนการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ (PSH) ที่เชื่อมกับระบบโครงข่ายไฟฟ้า ณเขื่อนวชิราลงกรณ ทางภาคตะวันตกของไทย โรงไฟฟ้าดังกล่าวจะเป็นทางเลือกในการกักเก็บพลังงานความจุสูงระยะยาว เพื่อส่งเสริมการบูรณาการพลังงานหมุนเวียนที่มีเพิ่มขึ้น รวมถึงความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้าในประเทศไทย “USTDA มีประวัติศาสตร์ความร่วมมือกับ กฟผ. มาเป็นเวลา30ปีในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่สำคัญๆ ของไทย การสนับสนุนโครงการนี้สะท้อนถึงเป้าหมายที่เรามีร่วมกันในการขยายขอบเขตการบรูณาการและเพิ่มความเชื่อถือได้ของพลังงานหมุนเวียน ตลอดจนส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ทั่วถึงและยั่งยืน” อีโน ที. อีบอง ผู้อำนวยการ USTDA กล่าว “ขณะเดียวกัน โครงการนี้ยังก่อให้เกิดโอกาสที่จะมีการใช้โซลูชันของสหรัฐฯ ในการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับด้วย” โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับมีอ่างเก็บน้ำ2แห่งที่มีระดับแตกต่างกัน โดยจะใช้ไฟฟ้าที่เหลือจากความต้องการใช้งาน สูบน้ำไปเก็บไว้ในอ่างเก็บน้ำตอนบนจนกว่าจะต้องการใช้น้ำดังกล่าวอีกเพื่อผลิตไฟฟ้าเพิ่มในช่วงที่มีความต้องการสูง โครงการศึกษาของ USTDA จะประเมินความเป็นไปได้เชิงเทคนิคและเศรษฐศาสตร์ของโรงงานไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับดังกล่าว ซึ่งรวมถึงการวิเคราะห์ด้านธรณีเทคนิคและธรณีวิทยาของสถานที่ตั้งโรงไฟฟ้า การออกแบบโรงไฟฟ้า การประเมินผลกระทบเบื้องต้นด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม การประเมินความเสี่ยง การวิเคราะห์ต้นทุนและค่าใช้จ่าย ตลอดจนแผนการดำเนินงานโครงการพัฒนาโรงไฟฟ้า “ระบบกักเก็บพลังงานเป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบไฟฟ้าของเรา เนื่องจากเป็นเครื่องมือสนับสนุนการบริหารจัดการระบบไฟฟ้า ลดความผันผวนจากพลังงานหมุนเวียน รวมถึงรองรับแผนการพัฒนาปรับปรุงระบบผลิต ส่งและจำหน่ายไฟฟ้าของประเทศ” นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าว “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ USTDA ได้เลือกที่จะสนับสนุนเราในการเดินทางครั้งนี้ และหวังว่า เราจะมีความสัมพันธ์ที่ยืนนานและต่อเนื่อง ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของ USTDA กฟผ. เชื่อว่า เราจะทำงานร่วมกันในความร่วมมือระหว่างเราให้โครงการแล้วเสร็จ โดยบรรลุผลสำเร็จอันเป็นที่น่าพึงพอใจ เพื่อช่วยให้ระบบไฟฟ้ามีเสถียรภาพและเชื่อถือได้” “โครงการนี้เป็นตัวอย่างที่ดีเลิศ ซึ่งแสดงถึงความช่วยเหลือที่สหรัฐฯ มอบให้แก่ไทยเพื่อบรรลุเป้าหมายสำคัญด้านสภาพภูมิอากาศ ไม่ใช่เพียงแต่โดยการลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจกผ่านการใช้พลังงานสะอาดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการดำเนินการเพื่อให้ไทยมีระบบไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพอีกด้วย” นายโรเบิร์ต เอฟ. โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย กล่าว “รัฐบาลสหรัฐฯ โดยผ่านทาง USTDA ภาคภูมิใจที่ได้ทำงานร่วมกับไทยในโซลูชันที่เป็นนวัตกรรม เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและสนับสนุนโมเดลเศรษฐกิจ BCG ของไทย” โครงการนี้แสดงให้เห็นการสนับสนุนของ USTDA ภายใต้กรอบเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก ในความร่วมมือกับภาคีภาครัฐและเอกชนทั่วภูมิภาค อีกทั้งยังช่วยขับเคลื่อนเป้าหมายของโครงการ Partnership for Global Infrastructure and Investment เพื่อส่งเสริมให้มีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสะอาดทั่วโลก ### องค์การการค้าและการพัฒนาแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. Trade and Development Agency) หรือ USTDA ช่วยให้เกิดการสร้างงานในบริษัทของสหรัฐฯ ผ่านทางการส่งออกสินค้าและบริการให้แก่โครงการด้านการพัฒนาที่สำคัญๆ ในเขตเศรษฐกิจเกิดใหม่ USTDA เชื่อมโยงธุรกิจของสหรัฐฯ กับโอกาสการส่งออกโดยให้ทุนสนับสนุนกิจกรรมการเตรียมการดำเนินงานในโครงการและการสร้างความเป็นหุ้นส่วน ซึ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน และส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศภาคี สื่อมวลชนสามารถสอบถามข้อมูลได้จาก Paul Marin | (703) 875-4357 โดย U.S. Mission Thailand | 4 เมษายน, 2023 | ประเภท: ข่าว, สหรัฐอเมริกาและไทย, เอกสารข่าว
USTDA, Thailand Partner on Pumped Storage Today, the U.S. Trade and Development Agency announced that it has awarded a grant to the Electricity Generating Authority of Thailand (EGAT) for a feasibility study to support the development of a grid-connected pumped storage hydropower (PSH) plant at the Vajiralongkorn Dam in western Thailand. The PSH plant would serve as a long-duration, high-capacity energy storage option to support increased renewable energy integration and power system reliability in Thailand. “USTDA has a 30-year history of partnering with EGAT on the development of Thailand’s energy infrastructure priorities. Our support for this project reflects a shared goal of expanding renewable energy integration and reliability and promoting inclusive and sustainable economic growth,” said Enoh T. Ebong, USTDA’s Director. “At the same time, this project will create opportunities for U.S. solutions to be deployed in the development of the PSH plant.” PSH plants contain two water reservoirs at different elevations. The plants pump water to an upper reservoir using excess electricity when power supply exceeds demand, where it is stored until it is needed to produce additional hydroelectric power during peak demand periods. USTDA’s study will assess the technical and economic viability of the proposed PSH plant, including a geotechnical and geological analysis of the project site, PSH plant design, preliminary environmental and social impact assessment, risk assessment, cost and economic analysis and an implementation plan. “Energy storage systems are an important part of our electrical infrastructure. They are used as a tool to support power system management, reduce fluctuations from renewable energy and support the country’s grid modernization development plan,” said Boonyanit Wongrukmit, EGAT’s Governor. “We’re thrilled that USTDA has chosen to support us along our journey and hope for a long and ongoing relationship. With your expertise and experience, EGAT believes that we will work together through our mutual cooperation to accomplish the project with a successful and satisfactory result to secure the stability and reliability of the power system.” “This project is a perfect example of how the United States is helping Thailand meet its ambitious climate goals, not only by reducing emissions through clean energy generation, but while also by ensuring the security of Thailand’s power system,” said U.S. Ambassador to the Kingdom of Thailand Robert F. Godec. “Through USTDA, the U.S. government is proud to work together with Thailand on innovative solutions to promote the clean energy transition and to support Thailand’s Bio-Circular-Green economic model.” The grant highlights how USTDA advances the Indo-Pacific Economic Framework in collaboration with public and private sector partners across the region. USTDA’s grant also advances the goals of the Partnership for Global Infrastructure and Investment to support implementation of clean energy infrastructure globally. ### The U.S. Trade and Development Agency helps companies create U.S. jobs through the export of U.S. goods and services for priority infrastructure projects in emerging economies. USTDA links U.S. businesses to export opportunities by funding project preparation and partnership building activities that develop sustainable infrastructure and foster economic growth in partner countries. MEDIA INQUIRIES: Paul Marin | (703) 875-4357 By U.S. Embassy Bangkok | 4 April, 2023 | Topics: News, Press Releases, U.S. & Thailand
USTDA, Thailand Partner on Pumped Storage
USTDA จับมือกับไทยในโครงการสนับสนุนการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ
https://th.usembassy.gov/th/ustda-promotes-supply-chain-resilience-in-thailand-th/
USTDA ส่งเสริมความเข้มแข็งของห่วงโซ่อุปทานในประเทศไทย วันนี้ องค์การการค้าและการพัฒนาของสหรัฐอเมริกา (USTDA) ประกาศว่าได้มอบทุนสนับสนุนแก่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคมของไทย สำหรับความช่วยเหลือด้านวิชาการเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับเครือข่ายธุรกิจห่วงโซ่อุปทาน ตลอดจนขับเคลื่อนการลดการปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ของระบบขนส่งสินค้าในไทย ความช่วยเหลือของ USTDA ครั้งนี้จะสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบและงานด้านโลจิสติกส์ ซึ่งทำให้การขนส่งสินค้าทางถนนเปลี่ยนไปเป็นทางรางได้ง่ายขึ้น “โครงการนี้จะลดการปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ปรับปรุงความปลอดภัยบนท้องถนน และเพิ่มประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย” อีโน ที. อีบอง ผู้อำนวยการ USTDA กล่าว “ความร่วมมือของเรากับกระทรวงคมนาคมจะสนับสนุนความพยายามของไทยในการก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้บริษัทสหรัฐฯ ได้เข้าร่วมในหนึ่งในโครงการริเริ่มด้านการขนส่งสะอาดที่สำคัญที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ทุนสนับสนุนที่ USTDA มอบให้จะช่วยระบุงานด้านที่ต้องปรับปรุงในโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี และการดำเนินงาน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบของไทย อีกทั้งจะเตรียมการออกแบบเชิงเทคนิคสำหรับสถานที่ที่รองรับระบบขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบที่มีลักษณะเฉพาะ ซึ่งสามารถนำไปใช้เพื่อทดสอบแนวคิดและแสดงถึงประสิทธิผลของการขนส่งสินค้าแบบบูรณาการระหว่างบริษัทขนส่งทางถนนและทางรางได้ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย โรเบิร์ต เอฟ. โกเดค กล่าวว่า “การส่งเสริมความเข้มแข็งของห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคเป็นหนึ่งในเสาหลักของกรอบเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก สหรัฐฯ ภูมิใจที่ได้ช่วยไทยสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบขนส่งที่สำคัญต่อเครือข่ายธุรกิจห่วงโซ่อุปทานของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมๆ ไปกับการแสดงให้เห็นว่าไทยจะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ท้าทายด้วยโซลูชันที่ยั่งยืนได้อย่างไร” นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า “กระทรวงคมนาคมกำลังส่งเสริมระบบขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบและงานด้านโลจิกติกส์ให้มีการใช้การขนส่งทุกรูปแบบอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งระดับภูมิภาค โครงการนี้จะเป็นก้าวสำคัญไปสู่ความสำเร็จของเรา” ดร. ปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการ สนข. กล่าวว่า “โครงการนี้จะช่วยไทยเร่งผลักดันการเปลี่ยนไปใช้ระบบขนส่งรูปแบบใหม่ โดยมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค ความช่วยเหลือนี้จะระบุปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐานและพัฒนาการดำเนินงานที่สำคัญเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการขนส่งและโลจิสติกส์ของไทย ตลอดจนลดการปล่อยแก๊สคาร์บอน และปรับปรุงความปลอดภัยบนท้องถนน ความร่วมมือของเราจะเป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานร่วมกันที่ดีเยี่ยม” โครงการนี้ช่วยขับเคลื่อนเป้าหมายGlobal Partnership for Climate-Smart Infrastructure ของ USTDA ซึ่งเป็นการเชื่อมอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ เข้ากับโครงการด้านการพัฒนาพลังงานสะอาดและการขนส่งที่สำคัญๆ ในตลาดเกิดใหม่ อีกทั้งยังสนับสนุนกรอบเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก ผ่านการส่งเสริมโลจิสติกส์ของห่วงโซ่อุปทานและการเชื่อมโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมที่สำคัญ องค์การการค้าและการพัฒนาแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. Trade and Development Agency) หรือ USTDA ช่วยให้เกิดการสร้างงานในบริษัทของสหรัฐฯ ผ่านทางการส่งออกสินค้าและบริการให้แก่โครงการด้านการพัฒนาที่สำคัญๆ ในเขตเศรษฐกิจเกิดใหม่ USTDA เชื่อมโยงธุรกิจของสหรัฐฯ กับโอกาสการส่งออกโดยให้ทุนสนับสนุนกิจกรรมการเตรียมการดำเนินงานในโครงการและการสร้างความเป็นหุ้นส่วน ซึ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน และส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศภาคี สื่อมวลชนสามารถสอบถามข้อมูลได้จาก Paul Marin | 1 (703) 875-4357 โดย U.S. Embassy Bangkok | 1 มีนาคม, 2023 | ประเภท: ข่าว, สหรัฐอเมริกาและไทย, เอกสารข่าว
USTDA Promotes Supply Chain Resilience in Thailand Today, the U.S. Trade and Development Agency announced that it has awarded a grant to the Thai Ministry of Transport’s Office of Transport and Traffic Policy and Planning (OTP) for technical assistance to strengthen Thailand’s supply chain network and advance the decarbonization of its freight transportation system. USTDA’s assistance will support the development of intermodal and logistics infrastructure that facilitates the shift of freight transportation from road to rail. “This project will reduce carbon dioxide emissions, improve road safety, and increase the efficiency of Thailand’s transportation infrastructure,” said Enoh T. Ebong, USTDA’s Director. “Our partnership with the Ministry of Transport will support Thailand’s efforts to establish itself as a regional transportation and logistics hub, and provide opportunities for U.S. companies to participate in one of Southeast Asia’s most significant clean transportation initiatives.” USTDA’s assistance will identify infrastructure, technology, and operational improvements to strengthen Thailand’s intermodal transportation system. The assistance will also prepare technical designs for specific intermodal facilities that can serve as a proof of concept to demonstrate the effectiveness of integrated freight operations between road and rail carriers. U.S. Ambassador to Thailand, Robert F. Godec, said: “Improving the resilience of regional supply chains is a key pillar of the Indo-Pacific Economic Framework. The United States is proud to support Thailand in strengthening the transportation systems essential to Southeast Asia’s supply chain network, while demonstrating how Thailand’s ambitious infrastructure development goals can be met with sustainable solutions.” Minister of Transport, Saksayam Chidchob, said: “The Ministry of Transport is promoting intermodal and logistics systems to efficiently utilize all modes of transport in order to develop Thailand into a regional transportation hub. This project will be a crucial step in achieving our success.” Dr. Punya Chupanit, Director-General of OTP, added: “This project will assist Thailand to further promote the modal shift with the ultimate goal to become a regional transportation and logistics hub. The assistance will identify crucial infrastructure and operational developments to enhance Thailand’s transport and logistics efficiency, lessen emissions and improve road safety. Our partnership will be the beginning of a great collaboration.” This activity advances the goals ofUSTDA’s Global Partnership for Climate-Smart Infrastructure, which connects U.S. industry to major clean energy and transportation infrastructure projects in emerging economies. The project also supports the Indo-Pacific Economic Framework, through the strengthening of supply chain logistics and vital transportation infrastructure linkages. The U.S. Trade and Development Agency helps companies create U.S. jobs through the export of U.S. goods and services for priority infrastructure projects in emerging economies. USTDA links U.S. businesses to export opportunities by funding project preparation and partnership building activities that develop sustainable infrastructure and foster economic growth in partner countries. MEDIA INQUIRIES: Paul Marin | 1 (703) 875-4357 By U.S. Embassy Bangkok | 1 March, 2023 | Topics: News, Press Releases, U.S. & Thailand | Tags: USTDA
USTDA Promotes Supply Chain Resilience in Thailand
USTDA ส่งเสริมความเข้มแข็งของห่วงโซ่อุปทานในประเทศไทย
https://th.usembassy.gov/th/the-road-to-trade-winds-asean-thailand-th/
เส้นทางสู่ Trade Winds ASEAN: ประเทศไทย 25 มกราคม 2566 โดย จอห์น ไบรเดนสไตน์ เจ้าหน้าที่อาวุโสประจำภูมิภาคอาเซียนฝ่ายพาณิชย์ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย บทความชิ้นที่ 2 ในชุดบทความเกี่ยวกับตลาดต่าง ๆ ที่จะมีบทบาทสำคัญในการประชุม Trade Winds 2023 บทความนี้มีลิงก์เชื่อมโยงไปยังหน้าเว็บอื่น โปรดอ่านนโยบายการเชื่อมโยงไปยังหน้าเว็บอื่น บริษัทสหรัฐฯ ที่ต้องการขยายธุรกิจของตนด้วยการส่งออกควรพิจารณาประเทศไทย ซึ่งเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภาคพื้นทวีป และมีความสำคัญเพิ่มขึ้นในระดับโลก ประเทศไทยมีความสำคัญต่ออนาคตของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก อีกทั้งยังเป็นเพื่อน หุ้นส่วน และพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯ ในเอเชีย โดยปีนี้ จะครบรอบ 190 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตกับสหรัฐฯ ประเทศไทยซึ่งมีการค้าระดับทวิภาคีกับสหรัฐฯ โดยรวมเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 50 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เป็นปลายทางการส่งออกขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 26 ของสหรัฐฯ โดยมีมูลค่าการส่งออก 12,700 ล้านเหรียญในปี 2564 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ร้อยละ 13 ในทางกลับกัน สหรัฐฯ ก็เป็นตลาดส่งออกขนาดใหญ่ที่สุดของไทย ตามมาด้วยจีน ญี่ปุ่น และเวียดนาม ด้วยเหตุนี้ ความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศของเราทั้งสองจึงพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ โดยบริษัทของสหรัฐฯ จำนวนมากต้องการโอกาสในภาคอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ธุรกิจขนาดย่อม กลาง และใหญ่ของสหรัฐฯ ในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ภาคพลังงาน ดิจิทัล โครงสร้างพื้นฐาน การดูแลสุขภาพ อวกาศ และการป้องกันประเทศ สามารถประสบความสำเร็จในตลาดของไทยหากเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมและมีคุณภาพสูง ตลอดจนทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้แทนจำหน่ายและหุ้นส่วนในประเทศไทย ทั้งนี้ ประเทศไทยเป็นสถานที่เหมาะสมที่จะทำธุรกิจด้วยเหตุผลมากมายหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการมีวัตนธรรมที่เปิด ค่าครองชีพต่ำ กลุ่มแรงงานขนาดใหญ่ที่มีทักษะและปรับตัวได้ ฐานการผลิตที่เข้มแข็งและหลากหลาย หรือมาตรการส่งเสริมการลงทุนต่าง ๆ จากรัฐบาล สำนักงานการค้าระหว่างประเทศ (International Trade Administration) จึงเห็นว่ากรุงเทพฯ ประเทศไทย เหมาะสมที่จะเป็นสถานที่จัด Trade Winds Trade Mission and Business Development Forum ในปีนี้ระหว่างวันที่ 13-15 มีนาคม โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมกว่า 200 คน ซึ่งจะใช้โอกาสอันดีนี้ทำความรู้จักกัน ในเวทีดังกล่าว จะมีการจัดการประชุมกับนักการทูตด้านพาณิชย์ของสหรัฐฯ จากประเทศต่าง ๆ ในเอเชียกว่า 20 ประเทศ การประชุมจับคู่ระหว่างธุรกิจ และการประชุมกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทย โดยในทุกการประชุม บริษัทสหรัฐฯ จะได้รับข้อมูลและมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับโอกาสและความร่วมมือที่เป็นไปได้ในตลาดต่าง ๆ และในช่วงเวลาเดียวกันนั้น จะมีการสัมมนา SelectUSA Tech Seminar ในวันที่ 14 มีนาคม ซึ่งบริษัทเทคโนโลยีที่เพิ่งเริ่มดำเนินการในเอเชีย-แปซิฟิก จะได้รับข้อมูลและเครื่องมือที่เป็นประโยชน์ต่อการเริ่มต้นธุรกิจในสหรัฐฯ ในวันที่ 15 มีนาคม บริษัทสตาร์ตอัปจะได้นำเสนอผลงานแก่คณะกรรมการเพื่อชิงโอกาสเข้าร่วมและนำเสนอผลงานที่การประชุม SelectUSA Investment Summit ระหว่างวันที่ 1-4 พฤษภาคม ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมการประชุม Trade Winds Mission and Business Forum ที่กรุงเทพฯ ได้ที่นี่ โดยคลิกที่ REGISTER จากนั้นให้เลือก Business Forum Only. The registration fee is $750 per attendee. นอกจากการประชุม Trade Winds แล้ว ยังมีการประชุมการค้าอื่น ๆ อีกมากมายสำหรับบริษัทสหรัฐฯ ที่ต้องการโอกาสทางการค้าในไทย โปรดติดต่อ สำนักงานบริการการค้าในประเทศ เพื่อรับทราบข้อมูลและโอกาสในประเทศไทยและตลาดอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การประชุมการค้าอื่น ๆ ที่จะจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ มีดังนี้ 13-17 มีนาคม 2566: Asia-Pacific Association for International Education Conference ช่วยให้ผู้แทนการประชุมจากทั่วโลกมีโอกาสแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดีและทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิถีนวัตกรรมที่มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในเอเชียแปซิฟิกกำลังจับมือกันทำงานภายในภูมิภาคและทั่วโลก 17-19 พฤษภาคม 2566: Future Energy Asia นำผู้นำด้านพลังงานจากประเทศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพลังงานแก๊ส, LNG, ไฟฟ้า หรือพลังงานหมุนเวียน มาพบปะกันในเวทีที่สำคัญที่สุดของภาคอุตสาหกรรมนี้ในภูมิภาค เพื่อการพูดคุยเชิงกลยุทธ์ที่จะช่วยกำหนดทิศทางการเปลี่ยนผ่านและปฏิรูปด้านพลังงานในทศวรรษหน้า 24 พฤษภาคม 2566: Smart Cyber Security Summit เป็นนิทรรศการและการประชุมเฉพาะผู้ได้รับเชิญเท่านั้น โดยไม่ต้องเสียค่าลงทะเบียน และเหมาะกับผู้มีอำนาจตัดสินใจระดับสูงและบุคลากรผู้ใช้งาน 14-17 มิถุนายน 2566: ProPak Asia เป็นการประชุมการค้าที่สำคัญที่สุดของภูมิภาคสำหรับเทคโนโลยีผลิตและบรรจุหีบห่ออาหาร เครื่องดื่ม และยา โดย U.S. Embassy Bangkok | 30 มกราคม, 2023 | ประเภท: การค้าระหว่างประเทศ, เหตุการณ์
The Road to Trade Winds ASEAN: Thailand January 25, 2023 John Breidenstine is the ASEAN Regional Senior Commercial Officer at the U.S. Embassy in Thailand. This is the second piece in a blog series about different markets that will be featured during Trade Winds 2023. This post contains external links. Please review our external linking policy. U.S. businesses looking to grow their bottom line through export sales would be well advised to consider Thailand, the largest economy in mainland Southeast Asia and one that is increasingly important globally. Central to the future of the Indo-Pacific Region, Thailand is the United States’ oldest friend, partner, and ally in Asia, with this year marking the 190th anniversary of diplomatic relations. With overall bilateral trade jumping 50 percent over the past two years, Thailand is the 26th largest export destination for the United States and saw $12.7 billion in U.S. exports in 2021, 13 percent more than in 2020. In turn, the United States is Thailand’s largest export market, followed by China, Japan, and Vietnam. As such, the trade and investment relationship between our countries is on the up, with numerous U.S. companies pursuing opportunities across a variety of sectors. U.S. small, medium and large businesses in the energy, digital, infrastructure, healthcare, aerospace and defense sectors – among others – can find success in Thailand’s market if they offer innovative and high-quality products and work closely with local distributors and partners. There are numerous reasons that Thailand is an outstanding place to do business: it has an open culture; low cost of living; a large, skilled, and adaptable workforce; a strong and diversified manufacturing base; and a range of government incentives for businesses. Fittingly, the International Trade Administration chose Bangkok, Thailand, as this year’s location for the Trade Winds Trade Mission and Business Development Forum, March 13-15. Well over 200 participants are expected to attend and take advantage of this dynamic networking opportunity. The Business Development Forum will feature meetings with U.S. commercial diplomats from over 20 Asian countries, business-to-business matchmaking meetings, and engagements with Thai government officials, all of which will provide U.S. companies with information and insight into potential opportunities and partnerships across a variety of markets. Concurrently, a SelectUSA Tech Seminar on March 14 will give Asia-Pacific, early-stage technology companies the practical information and tools that they need to launch their businesses in the United States. On March 15, startups will pitch before a panel of judges to win an opportunity to attend and present during the May 1-4 SelectUSA Investment Summit in Washington, DC. To sign up to attend the Trade Winds Mission and Business Forum in Bangkok, go here, then click REGISTER. When prompted, select Business Forum Only. The registration fee is $750 per attendee. Beyond Trade Winds, there are several other trade events for U.S. companies interested in exploring Thailand. Please reach out to your local Commercial Service office for further information and opportunities to explore Thailand and other markets across Southeast Asia. Other Upcoming Trade Events in Bangkok March 13-17, 2023: The Asia-Pacific Association for International Education Conference offers delegates from around the world the opportunity to share best practices and learn more about the innovative ways in which Asia Pacific universities are partnering across the region and with the world. May 17-19, 2023: Future Energy Asia will convenes the world’s national gas, LNG, power and renewable energy leaders in person in the region’s most important industry platform to engage in strategic dialogues that will help shape the energy transition and transformation of the next decade. May 24, 2023: The Smart Cyber Security Summit is a complimentary, invite-only exhibition and conference tailored for senior decision makers and end-user professionals. June 14-17: ProPak Asia is the region’s number one international trade event for food, drink, and pharmaceutical processing and packaging technology. By U.S. Mission Thailand | 30 January, 2023 | Topics: Events, Trade
The Road to Trade Winds ASEAN: Thailand
เส้นทางสู่ Trade Winds ASEAN: ประเทศไทย

Dataset Card for "thai_usembassy"

More Information needed

This dataset collect all Thai & English news from U.S. Embassy Bangkok.

Downloads last month
57