File size: 4,348 Bytes
6bd72a3
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
Book,Page,LineNumber,Text
46,0010,001,"มรรค<SUP>๑</SUP>ว่า   ""ในคำว่า     <B>จกฺขุนฺทฺริเย  สํวรํ  อาปชฺชติ</B>  เป็นต้นนั้น  สังวร"
46,0010,002,หรืออสังวรย่อมไม่มีในจักขุนทรีย์.   ด้วยว่า    ความระลึกได้ก็ดี   ความ
46,0010,003,เป็นผู้มีสติฟั่นเฟือนก็ดี   ย่อมไม่อาศัยจักษุประสาทเกิดขึ้น.    ก็แต่ว่า
46,0010,004,"เมื่อใดรูปารมณ์มาสู่คลองจักษุ,      เมื่อนั้น      ครั้นภวังคจิตเกิดดับ    ๒"
46,0010,005,"ครั้ง   มโนธาตุฝ่ายกิริยา   ยังกิจคือการนึกให้สำเร็จแล้วก็ดับไป,"
46,0010,006,"แต่นั้นไป     จักขุวิญญาณยังกิจคือการเห็นให้สำเร็จเกิดขึ้นแล้วดับไป,"
46,0010,007,แต่นั้น      มโนธาตุฝ่ายวิบากยังกิจคือการรับ    ( อารมณ์ )    ให้สำเร็จ
46,0010,008,"เกิดขึ้นแล้วดับไป,   แต่นั้น   มโนวิญญาณธาตุอันเป็นอเหตุกวิบาก   ยัง"
46,0010,009,"กิจคือการพิจารณาให้สำเร็จเกิดขึ้นแล้วดับไป,   แต่นั้น   มโนวิญญาณ-"
46,0010,010,ธาตุฝ่ายอเหตุกกิริยา   ยังกิจคือการกำหนด  ( อารมณ์ )  ให้สำเร็จ   เกิด
46,0010,011,ขึ้นแล้วดับไป.    ในลำดับนั้น    ชวนจิตย่อมแล่นไป.   บรรดาสมัยแห่ง
46,0010,012,ภวังคจิตเป็นต้นแม้นั้น   สังวรหรืออสังวรย่อมไม่มีในสมัยแห่งภวังคจิต
46,0010,013,ทีเดียว   ( และ )   ย่อมไม่มีในสมัยแห่งวิถีจิตมีอาวัชชนะเป็นต้นอย่างใด
46,0010,014,อย่างหนึ่งแม้โดยแท้.    ถึงอย่างนั้น    ถ้าโทษเครื่องทุศีลก็ดี   ความเป็น
46,0010,015,ผู้มีสติฟั่นเฟือนก็ดี   ความไม่รู้ก็ดี   ความไม่อดทนก็ดี  ความเกียจคร้าน
46,0010,016,"ก็ดี     ย่อมเกิดขึ้นในขณะแห่งชวนะ,     อสังวรย่อมมีได้.   อสังวรนั้นแม้"
46,0010,017,"มีอยู่อย่างนั้น   พระผู้มีพระภาค   ก็ตรัสว่า   ""ความไม่สำรวมในอินทรีย์"
46,0010,018,"คือจักษุ.""  ถามว่า   เพราะเหตุอะไร  ?   แก้ว่า   เพราะเมื่อสังวรนั้นมีอยู่,"
46,0010,019,ทวารก็ดี   ภวังคจิตก็ดี   วิถีจิตมีอาวัชชนะเป็นต้นก็ดี  ย่อมเป็นอันภิกษุ
46,0010,020,ไม่คุ้มครองแล้ว.   เปรียบเหมือนอะไร  ?     เปรียบเหมือนเมื่อประตู
46,0010,021,ทั้ง   ๔     ด้านในพระนคร    อันบุคคลไม่ระวังแล้ว    ประตูภายในเรือน
46,0010,022,
46,0010,023,๑.  วิ.  ม.   ๑/๒๖.