File size: 5,513 Bytes
557832b
59ed9bb
 
 
4059d77
3869848
 
db69750
 
 
 
8043725
db69750
 
 
 
 
 
 
df2d4dc
 
4e63d1c
4e6641e
 
 
ff09f98
 
4e63d1c
ff09f98
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ce2d032
64914d8
ff09f98
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ce2d032
 
ff09f98
ce2d032
ff09f98
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
59
60
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
71
72
73
74
75
76
77
78
79
80
81
82
83
84
85
86
87
---
language:
- th
- en
license: llama3
datasets:
- airesearch/concat_six_dataset_th_en
---

# LLaMa3-8b-WangchanX-sft-Demo

Built with Meta Llama 3 (Fine tuning with Qlora)

This model is based on [WangchanX Fine-tuning Pipeline](https://github.com/vistec-AI/WangchanX).

GitHub: [WangchanX Fine-tuning Pipeline](https://github.com/vistec-AI/WangchanX).

License: [Meta Llama 3 Community License](https://llama.meta.com/llama3/license/)

Meta Llama 3 is licensed under the Meta Llama 3 Community License, Copyright © Meta Platforms, Inc. All Rights Reserved.

## Train Example

Train WangchanX pipeline: [Colab](https://colab.research.google.com/github/vistec-AI/WangchanX/blob/main/notebooks/Train_WangchanX_pipeline.ipynb)

## Inference Example

Run on [Colab](https://colab.research.google.com/drive/1PeUnv89Ao2uHRYYzZVOlUwoBUdYKFbLS?usp=sharing)

### Prepare your model and tokenizer:

```python
import torch
from transformers import AutoTokenizer, AutoModelForCausalLM

# Model path
path = "airesearch/LLaMa3-8b-WangchanX-sft-Demo"

# Device
device = torch.device('cuda' if torch.cuda.is_available() else 'cpu')

# Load tokenizer and model
tokenizer = AutoTokenizer.from_pretrained(path, use_fast=False)
model = AutoModelForCausalLM.from_pretrained(path, device_map="auto")
```

### Define chat messages:

```python
messages = [
    {"role": "user", "content": "ลิเก กับ งิ้ว ต่างกันอย่างไร"},
]
```

### Tokenize chat messages:

```python
tokenized_chat = tokenizer.apply_chat_template(messages, tokenize=True, add_generation_prompt=True, return_tensors="pt").to(device)
print(tokenizer.decode(tokenized_chat[0]))
```

<details close>
  <summary>Output: </summary>
  <br>
    <pre lang="markdown">
<|user|>
ลิเก กับ งิ้ว ต่างกันอย่างไร<|end_of_text|>
<|assistant|></pre>
</details>

### Generate responses:

```python
outputs = model.generate(tokenized_chat, max_length=2048)
print(tokenizer.decode(outputs[0]))
```

<details close>
  <summary>Output: </summary>
  <br>
    <pre lang="markdown">
<|user|>
ลิเก กับ งิ้ว ต่างกันอย่างไร<|end_of_text|>
<|assistant|>
ก่อนอื่นเราต้องรู้ความหมายของคำทั้งสอง คำว่า ลิเก เป็นศิลปะการแสดงแบบดั้งเดิมในประเทศไทย ส่วนคำว่า งิ้วน่าจะเป็นการนำภาษาไทยมาแปลจากคำว่า อินโดปีเลีย (indoplea) ซึ่งเป็นชื่อเรียกดนตรีที่มีต้นกำเนิดจากรัฐอุตตาร์ประเทศ ในอินเดีย และได้แพร่หลายไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะสาธารณรัฐประชาชนจีนและเวียดนาม จึงทำให้เกิดคำว่า งิ้วด้วย แต่ทุกคนไม่รู้ว่ามันก็คืออะไรจริง ๆ แล้ว มันมีความแตกต่างกันมาก เพราะถ้าไปถามชาวบ้านบางแห่งอาจจะบอกว่าเป็นอีกประเภทหนึ่งของเพลงโบราณหรือเพลงพื้นเมือง หรือถ้าพูดตามหลักทางประวัติศาสตร์ก็จะกล่าวว่านั่นคือ การขับร้องเพลงที่ใช้รูปแบบการประสานเสียงแบบฮินดู-ซิกห์วัล ที่ผสมผสานระหว่างภาษาอังกฤษ ภาษาจีนกลาง ภาษาพม่า และภาษาทางเหนือกับภาษาลาว รวมถึงภาษากลุ่มออสเตรโลไนว์ในอดีต ดังนั้นตอนนี้คุณสามารถสรุปได้อย่างแม่นยำว่าสองอย่างเหล่านี้แตกต่างกันอย่างไร: ลิเก คือ ศิลปะการแสดงที่มีมายาวนานกว่า 100 ปีในประเทศไทย เช่น ลิเกล้านนา, ลิเกตลุง, ลิเกล้อ ฯลฯ ขณะที่ งิ้ว หมายถึง เพลงประสานเสียงที่มีรากเหง้าของวงการเพลงคลาสสิคในอินเดีย และแพร่กระจายในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้เป็นสิ่งแรกๆ หลังจากการเผยแผ่ศาสนายุคแรกๆ นอกจากนี้ ยังมีการรวมแนวเพลงเพื่อรวมเข้ากับการเต้นร่วมสมัยและบทละครที่มีอิทธิพลจากวรรณกรรมจีน<|end_of_text|></pre>
</details>