text
stringlengths
1
1.21M
meta
dict
News Update: “สหรัฐฯ - อียู” บรรลุข้อตกลง ลดพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย ไบเดนเตรียมหา LNG เพิ่มให้ยุโรป - FINNOMENA สหรัฐฯ​ และสหภาพยุโรป (EU) ประกาศข้อตกลงสำคัญเกี่ยวกับก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG หวังยุโรปลดพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย 25 มี.ค. 2565 สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU) ประกาศข้อตกลงสำคัญเกี่ยวกับก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG หวังยุโรปลดพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย ตามข้อตกลงดังกล่าว สหรัฐฯ จะจัดหา LNG ให้แก่สหภาพยุโรปอย่างน้อย 15,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ภายในสิ้นปีนี้ EU ประกาศลดการนำเข้าก๊าซจากรัสเซียลง 2 ใน 3 เพื่อตอบโต้สิ่งที่รัสเซียทำกับยูเครน และจะทดแทนด้วยการนำเข้าจากประเทศอื่น รวมถึงสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น ข้อตกลงเกิดขึ้นหลังปธน.โจ ไบเดนของสหรัฐฯ เดินทางเยือนกรุงบรัสเซลส์เป็นเวลา 3 วัน โดยไบเดน และเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ได้หารือกัน พร้อมเสนอการสนับสนุนครั้งใหม่แก่ยูเครนด้วย รัสเซียเป็นซัพพลายเออร์พลังงานรายใหญ่ที่สุดของยุโรป การทำสงครามกับยูเครนได้ดันราคาพลังงานที่สูงอยู่แล้วจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังโควิด ให้พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อ้างอิง: https://www.bbc.com/news/business-60871601 ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: EU News Update ก๊าซธรรมชาติ รัสเซีย รัสเซียยูเครน สหรัฐฯ อียู แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: Hang Seng ร่วงหนักกว่า 2.5% หลังกระแส Delisted กลับมาอีกครั้ง - FINNOMENA ดัชนี Hang Seng ปรับตัวลง 2.74% นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อาทิ Alibaba, JD.com และ BYD Meituan ที่ปรับตัวลง 6.77%, 6.54% และ 5.95% ตามลำดับ 25 มี.ค. 2565 วันนี้ (25 มี.ค.) ดัชนี Hang Seng ปรับตัวลง 2.74% นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อาทิ Alibaba, JD.com และ BYD Meituan ที่ปรับตัวลง 6.77%, 6.54% และ 5.95% ตามลำดับ หลังจากหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ เผยว่ายังคงทำงานร่วมกับหน่วยงานฝั่งจีน แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าทางการจีนจะอนุญาตให้หน่วยงานของสหรัฐฯ เข้าไปตรวจสอบบัญชีตามที่กำหนดได้หรือไม่ และหากมีความเคลื่อนไหวออกมาหลังจากนี้ก็ยังเป็นเพียงก้าวแรกของการทำงานร่วมกันเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Meituan ที่รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากกระแสความกังวลว่าผลประกอบการที่กำลังจะเปิดเผยอาจเติบโตต่ำกว่าที่คาดไว้ ส่งผลให้ Meituan ปรับตัวลงกว่า 9.8% ภายในวัน FINNOMENA Investment Team มองว่าการที่ทางการจีนให้ความร่วมมือเป็นสัญญาณที่สะท้อนท่าทีที่ผ่อนคลายมากขึ้น และการทำงานร่วมกันอาจต้องใช้เวลา ซึ่งมีกำหนดกรอบระยะเวลาสำหรับการปรับปรุงตามข้อกำหนดถึง 3 ปี อย่างไรก็ตามแม้ในกรณีเลวร้ายที่สุดจะมีการ delisting ทางออกก็คือการโอนย้ายกลับมาซื้อขายได้ในตลาดฮ่องกงโดยไม่กระทบต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัท เรายังแนะนำให้นักลงทุนทยอยสะสมกองทุนหุ้นจีน All-China ที่รับอานิสงส์จากการเปลี่ยนท่าทีในครั้งนี้ ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นฮ่องกง แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: ตลาดหุ้นรัสเซียกลับมาเปิดแล้ว ให้ซื้อขายบางส่วน พร้อมมาตรการคุมเข้ม วันแรกบวกกว่า 4% นำโดยบริษัทน้ำมันและโลหะ - FINNOMENA ตลาดหุ้นรัสเซียปิดบวกกว่า 4% หลังกลับมาเปิดซื้อขายบางส่วนอีกครั้ง จากที่ก่อนหน้านี้ปิดตลาดไปนานเกือบ 1 เดือน โดยมีความเป็นไปได้ที่จะแยกตลาดสำหรับนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนในประเทศ 25 มี.ค. 2565 ตลาดหุ้นรัสเซียปิดบวกกว่า 4% หลังกลับมาเปิดซื้อขายบางส่วนอีกครั้ง จากที่ก่อนหน้านี้ปิดตลาดไปนานเกือบ 1 เดือน โดยมีความเป็นไปได้ที่จะแยกตลาดสำหรับนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนในประเทศ การกลับมาซื้อขายของตลาดหุ้นรัสเซียเปิดให้ซื้อขายหุ้นได้เพียง 33 จาก 50 ตัว ที่อยู่ในดัชนี MOEX Russia จำกัดการซื้อขายแค่ประมาณ 4 ชั่วโมง ห้ามขายชอร์ต และไม่อนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติขายหุ้น เมื่อวานนี้ (24 มี.ค.) ดัชนี MOEX Russia ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 4.37% อยู่ที่ 2,578.51 จุด โดยระหว่างวันพุ่งถึง 11% นำโดยหุ้นบริษัทน้ำมันขนาดใหญ่ทั้ง Rosneft ที่พุ่งขึ้น 16.97% และ Lukoil เพิ่มขึ้น 12.41% ขณะที่บริษัทโลหะได้รับอานิสงส์เช่นกัน โดย Rusal บริษัทอะลูมิเนียมพุ่งขึ้น 15.81% และ Norilsk Nickel เพิ่มขึ้นมา 10.17% อย่างไรก็ตาม หุ้นสายการบินรัสเซีย Aeroflot ปิดร่วงลงไปที่ 16.44% โดยระหว่างวันร่วงลงไปมากกว่า 20% ก่อนหน้านี้การบุกยูเครนของรัสเซียทำให้ดัชนีหุ้นหลักของรัสเซียร่วงลง 33% จนทำให้รัสเซียตัดสินใจปิดตลาดหุ้นในวันที่ 25 ก.พ. ซึ่งนั่นเป็นก่อนที่การคว่ำบาตรของตะวันตกจะทุบค่าเงินรูเบิลรัสเซียอย่างหนักและทำให้เศรษฐกิจของรัสเซียเข้าสู่ภาวะวิกฤติ การไม่อนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติขายหลักทรัพย์ก็เพื่อป้องกันแรงเทขายที่อาจเกิดขึ้นทันทีหลังเปิดตลาดและยังเป็นการป้องกันการพังทลายของค่าเงินรูเบิลรัสเซียอีกด้วย แต่การห้ามดังกล่าวอาจทำให้ตลาดหุ้นบิดเบือนได้เพราะนักลงทุนต่างชาติคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของปริมาณการซื้อขายในช่วงครึ่งแรกของปีที่แล้ว ผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มองว่า ในท้ายที่สุดแล้ว ตลาดหุ้นรัสเซียอาจแตกต่างไปจากที่เคยเป็นมา โดยตอนนี้อยู่ระหว่างการหารือเพื่อแยกตลาดสำหรับนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนในประเทศ ซึ่งนักลงทุนต่างชาติจะสามารถขายหุ้นหรือพันธบัตรของตนได้ แต่จะต้องเผชิญกับข้อจำกัดในการย้ายเงินออกจากรัสเซีย การแยกตลาดแบบดังกล่าวอาจทำให้หุ้นตัวเดียวกันมีราคาต่างกัน 2 ราคา ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นในจีนที่มีความคลาดเคลื่อนกันระหว่างหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่และในฮ่องกง อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/03/24/wild-moves-in-russian-stocks-as-market-reopens-after-month-long-shutdown.html https://www.wsj.com/articles/russian-stock-market-prepares-for-an-unusual-reopening-11648023739 ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update รัสเซีย รัสเซียยูเครน หุ้นรัสเซีย แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: BlackRock มองวิกฤติยูเครน จุดเปลี่ยนโลกการเงิน ยกระดับ “คริปโตฯ” สู่เครื่องมือทำธุรกรรมระหว่างประเทศ ลดความเสี่ยงฟอกเงิน - ทุจริต - FINNOMENA Larry Fink ซีอีโอ BlackRock มอง วิกฤติรัสเซีย-ยูเครนเป็นตัวเร่งให้สกุลเงินดิจิทัลกลายมาเป็นเครื่องมือทำธุรกรรมระหว่างประเทศ 24 มี.ค. 2565 Larry Fink ซีอีโอ BlackRock มอง วิกฤติรัสเซีย-ยูเครนเป็นตัวเร่งให้สกุลเงินดิจิทัลกลายมาเป็นเครื่องมือทำธุรกรรมระหว่างประเทศ BlackRock บริษัทจัดการการลงทุนที่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารมูลค่า 10 ล้านล้านดอลลาร์ กล่าวว่า สงครามในครั้งนี้จะไปผลักดันให้ประเทศต่างๆ พิจารณาการพึ่งพาสกุลเงินใหม่อีกครั้ง โดยบริษัทได้เริ่มศึกษาสกุลเงินดิจิทัลและ Stablecoin มาพักใหญ่ จากความสนใจที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า “ระบบการเงินดิจิทัลที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน จะสามารถยกระดับการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ รวมถึงลดความเสี่ยงจากการฟอกเงินและการทุจริต” Larry Fink กล่าว มุมมองของ Larry Fink แตกต่างจากในช่วงกลางปีที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด ตอนนั้นเขายกประเด็นความผันผวน และกล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินว่าคริปโทฯ เป็นเพียงเครื่องมือเก็งกำไรหรือไม่ “สงครามกำลังทำให้โลกาภิวัตน์ที่ดำเนินมาตลอด 30 ปียุติลง” Larry Fink กล่าว Larry Fink กล่าวว่า การเข้าถึงตลาดทุนทั่วโลกไม่ใช่สิทธิแต่เป็นสิทธิพิเศษ พร้อมเสริมว่า BlackRock ได้ระงับการซื้อสินทรัพย์ในรัสเซีย จนเหลือน้อยกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ จากก่อนหน้านี้ที่ 18,000 ล้านดอลลาร์ Larry Fink มองว่า งบดุลของทั้งบริษัทและผู้บริโภคที่แข็งแกร่งขึ้นในทุกวันนี้ทำให้พวกเขาสามารถรับมือกับปัญหาที่ยากลำบากได้มากขึ้นก็จริง แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในห่วงโซ่อุปทานนั้นทำให้เกิดเงินเฟ้อโดยธรรมชาติ ตอนนี้หลายธนาคารกลางทั่วโลกกำลังเผชิญกับภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่ไม่ได้เกิดขึ้นมานานหลายทศววรษ ที่ต้องเลือกระหว่าง การอยู่กับเงินเฟ้อ หรือ การชะลอเศรษฐกิจลงเพื่อควบคุมราคา อ้างอิง: https://www.reuters.com/technology/blackrocks-fink-says-russia-ukraine-crisis-could-accelerate-digital-currencies-2022-03-24/ ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: BlackRock Cryptocurrency News Update คริปโต คริปโท แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Tencent รายได้โตช้าสุดเป็นประวัติการณ์ ไตรมาส 4 รายได้เพิ่มเพียง 8% แต่กำไรพุ่ง 60% ธุรกิจเกม-โฆษณา โดนหนัก หลังถูกคุมเข้ม - FINNOMENA Tencent รายงานรายได้ไตรมาส 4 โตช้าสุดเป็นประวัติการณ์ แต่กำไรพุ่ง 60% 24 มี.ค. 2565 Tencent รายงานรายได้ไตรมาส 4 โตช้าสุดเป็นประวัติการณ์ แต่กำไรพุ่ง 60% Tencent บริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในจีน รายงานรายได้ไตรมาส 4 โตช้าสุดเป็นประวัติการณ์ ผลจากการคุมเข้มด้านกฎระเบียบในธุรกิจเทคโนโลยีของรัฐบาลจีน รายได้ไตรมาส 4 ของ Tencent เพิ่มขึ้นเพียง 8% จากปีที่แล้ว อยู่ที่ 144,180 ล้านหยวน ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่บริษัทเข้าสู่ตลาดหุ้นในปี 2004 แต่กำไรในส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นถึง 60% จากปีที่แล้ว อยู่ที่ 94,960 ล้านหยวน นั่นเป็นเพราะเงินกำไรก้อนใหญ่ที่เพิ่มขึ้นเพียงครั้งเดียวจากการจำหน่ายสินทรัพย์ โดยสำหรับทั้งปี 2021 Tencent สร้างรายได้ทั้งหมด 560,120 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อนหน้า มูลค่าตลาดของบริษัท Tencent หายไปประมาณ 470,000 ล้านดอลลาร์ จากจุดสูงสุดเมื่อช่วงต้นปี 2021 หลังรัฐบาลจีนเดินหน้าปราบปรามหลายธุรกิจ ตั้งแต่วงการเกมไปจนถึงการศึกษา Tencent กล่าวในแถลงการณ์ว่า 2021 เป็นปีที่ท้าทาย บริษัทยอมรับการเปลี่ยนแปลงและดำเนินการตามข้อระเบียบบางอย่างเพื่อเสริมความยั่งยืนในระยะยาว แต่การเติบโตของรายได้ยังคงได้รับผลกระทบ ธุรกิจเกมออนไลน์ที่เป็นตัวขับเคลื่อนรายได้ที่ใหญ่ที่สุดของ Tencent ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากทั้งการจำกัดระยะเวลาเล่นเกมสำหรัยเยาวชน รวมถึงทางการจีนยังไม่ได้อนุมัติการเปิดตัวเกมใดๆ ตั้งแต่ ก.ค. ปีที่แล้ว รายได้จากเกมในจีนโตขึ้นเพียง 1% อยู่ที่ 29,600 ล้านหยวน โดยได้รับแรงหนุนจากเกมที่มีอยู่แล้วของบริษัท เช่น Honor of Kings จากกฎระเบียบที่เข้มงวดต่อธุรกิจเกมในจีน Tencent หันไปให้ความสำคัญกับตลาดต่างประเทศมากขึ้น ทำให้รายได้เกมจากต่างประเทษเพิ่มขึ้นถึง 34% อยู่ที่ 13,200 ล้านหยวน นอกจากธุรกิจเกมแล้ว ธุรกิจโฆษณาของ Tencent ก็ได้รับผลกระทบหนักเช่นกัน เพราะรัฐบาลจีนได้คุมเข้มธุรกิจกวดวิชา จนทำให้ธุรกิจกวดวิชาต้องชะลอการซื้อโฆษณาจาก Tencent นั่นทำให้รายได้จากโฆษณาของ Tencent ลดลงมา 13% จากปีที่แล้ว อยู่ที่ 21,500 ล้านหยวน โดยเช้านี้ (24 มี.ค.) หุ้น Tencent ในตลาดหุ้นฮ่องกงร่วงลงมาแล้วเกือบ 3% อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/03/23/tencent-earnings-q4-chinese-giant-reports-slowest-revenue-growth-ever.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update Tencent หุ้นจีน หุ้นเทคโนโลยีจีน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: “ระวัง! เศรษฐกิจถดถอยหรืออะไรที่แย่กว่านั้น” นักลงทุนอเมริกันชื่อดัง Carl Icahn เตือน ‘เงินเฟ้อ’ ภัยคุกคามหลักเศรษฐกิจ - FINNOMENA “อาจเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรืออะไรที่แย่ไปกว่านั้น” Carl Icahn นักลงทุนชื่อดังเตือน 23 มี.ค. 2565 “อาจเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรืออะไรที่แย่ไปกว่านั้น” Carl Icahn นักลงทุนชื่อดังเตือน ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอาจเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ โดยเขาได้เตรียมรับมือกับแรงเทขายอย่างหนักที่อาจเกิดขึ้นไว้แล้ว Carl Icahn ออกตัวว่าเขามองเศรษฐกิจแง่ลบอย่างที่ทุกคนเห็น และได้เตรียมป้องกันความเสี่ยงทุกอย่างไว้แล้วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการป้องกันความเสี่ยงและลงทุนตรงข้ามกับสถานะซื้อ (Long Position) ซึ่งเป็นการมองภาพระยะยาวโดยไม่ได้คาดการณ์เหตุการณ์ในระยะสั้น ผู้ก่อตั้งและประธาน Icahn Enterprises ยังกล่าวอีกว่า เงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นเป็นภัยคุกคามหลักต่อเศรษฐกิจ ส่วนสงครามรัสเซีย-ยูเครนจะยิ่งทำให้แนวโน้มในอนาคตมีความไม่แน่นอนมากขึ้น ความเห็นของ Carl Icahn มีขึ้นหลัง Fed ขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี โดยล่าสุด ‘เจอโรม พาวเวลล์’ ให้คำมั่นว่าจะจัดการกับเงินเฟ้ออย่างจริงจัง พร้อมส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 25 bps ในการประชุมครั้งถัดๆ ไป Carl Icahn ไม่มั่นใจว่า Fed จะสามารถยุตินโยบายผ่อนคลายได้อย่างนุ่มนวลนัก โดยเขามองว่าอาจจะมีความทุลักทุเลบ้างเพราะเงินเฟ้อยังคงพุ่งต่อเนื่องและทำให้ทุกอย่างแย่ลง Carl Icahn เป็นนักลงทุนประเภท Activist Investor หรือนักลงทุนที่ใช้ประโยชน์จากการถือหุ้นในการสร้างแรงกดดันต่อบอร์ดบริหารของบริษัทโดยมีเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในองค์กร เขากล่าวว่า ระบบบอร์ดของบริษัทจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขและกำจัดจุดอ่อนที่อาจนำไปสู่หายนะ ซึ่ง Carl Icahn มองว่า มีบริษัทและผู้บริหารที่ดีมากในสหรัฐฯ แต่ขาด ‘ความรับผิดชอบ’ ในองค์กร และมีงานหลายอย่างที่ไม่จำเป็น Carl Icahn เลือกเดิมพันในกลุ่มห้างสรรพสินค้าและอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ เพื่อรับมือกับภาวะถดถอยในสหรัฐฯ อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/03/22/carl-icahn-says-there-very-well-could-be-a-recession-or-even-worse.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Carl Icahn News Update เศรษฐกิจถดถอย แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: ด่วน! ก.ล.ต. ออกเกณฑ์ฯ ไม่สนับสนุนใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสื่อกลางชำระค่าสินค้าหรือบริการ มีผล 1 เม.ย. นี้ - FINNOMENA ก.ล.ต. ออกเกณฑ์กำกับการให้บริการของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ไม่สนับสนุนการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสื่อกลางชำระค่าสินค้าหรือบริการ 23 มี.ค. 2565 ก.ล.ต. ออกเกณฑ์กำกับการให้บริการของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ไม่สนับสนุนการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสื่อกลางชำระค่าสินค้าหรือบริการ ก.ล.ต. ออกหลักเกณฑ์ในการให้บริการของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อไม่ให้สนับสนุนหรือส่งเสริมการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางชำระค่าสินค้าและบริการ (Means of Payment) เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินและระบบเศรษฐกิจของประเทศ ตามที่ ธปท. และ ก.ล.ต. ได้หารือร่วมกันและเห็นความจำเป็นในการกำกับดูแล สำหรับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ให้บริการอยู่ก่อนแล้ว ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้หารือร่วมกันถึงประโยชน์และความเสี่ยงของสินทรัพย์ดิจิทัล และเห็นความจำเป็นในการกำกับดูแลและควบคุมการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางชำระค่าสินค้าและบริการ เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจโดยรวม รวมถึงความเสี่ยงต่อประชาชนและธุรกิจ อาทิ ความเสี่ยงจากการสูญมูลค่าที่เกิดจากความผันผวนของราคา ความเสี่ยงจากการถูกโจรกรรมทางไซเบอร์ ความเสี่ยงข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล หรือการถูกใช้เป็นเครื่องมือของการฟอกเงิน คณะกรรมการ ก.ล.ต. จึงพิจารณาใช้อำนาจตามกรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำกับดูแลการให้บริการของผู้ประกอบธุรกิจไม่ให้มีการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นเป็นสื่อกลางชำระค่าสินค้าและบริการ เนื่องจากอาจส่งผลให้เกิดการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้ในวงกว้างนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์เพื่อการลงทุน โดยคณะกรรมการ ก.ล.ต. ในการประชุมครั้งที่ 3/2565 เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2565 ได้มีมติเห็นชอบหลักการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในการจำกัดการให้บริการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางชำระค่าสินค้าและบริการ ซึ่งปรับปรุงตามข้อเสนอแนะที่ได้จากการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง (ระหว่างวันที่ 25 มกราคม ถึง 8 กุมภาพันธ์ 2565) ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น และออกประกาศเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การให้บริการของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล สรุปสาระสำคัญดังนี้ (1) ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลทุกประเภท ต้องไม่ให้บริการหรือกระทำการอันมีลักษณะที่เป็นการสนับสนุนหรือส่งเสริมการชำระค่าสินค้าและบริการด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น การโฆษณา การชักชวนหรือแสดงตนว่าพร้อมให้บริการชำระค่าสินค้าหรือบริการแก่ร้านค้า หรือการจัดทำระบบหรือเครื่องมืออำนวยความสะดวกในการชำระค่าสินค้าและบริการ การเปิดกระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อวัตถุประสงค์ในการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางชำระค่าสินค้าและบริการ เป็นต้น (2) กรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลพบว่า ลูกค้าใช้บัญชีที่เปิดไว้เพื่อการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลไปใช้ประโยชน์ในการชำระค่าสินค้าและบริการ ผู้ประกอบธุรกิจต้องแจ้งเตือนเกี่ยวกับการใช้บัญชีผิดวัตถุประสงค์และไม่ตรงกับเงื่อนไขการให้บริการ และดำเนินการแก่ลูกค้าที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการให้บริการ ซึ่งรวมถึงระงับการให้บริการชั่วคราว ยกเลิกการให้บริการหรือดำเนินการอื่นใดในทำนองเดียวกัน ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าวมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 และสำหรับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลให้บริการตาม (1) และ (2) อยู่ก่อนแล้ว ให้ผู้ประกอบธุรกิจปฏิบัติให้เป็นไปตามที่หลักเกณฑ์กำหนดภายใน 30 วันนับแต่วันที่ประกาศมีผลใช้บังคับ ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Cryptocurrency News Update กลต คริปโต แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: Hang Seng - Nikkei 225 บวกนำตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ - FINNOMENA ดัชนี Hang Seng ปรับตัวขึ้น 1.66% หนุนด้วยผลประกอบการหุ้น Xiaomi ไตรมาสที่ 4 ซึ่งรายได้เติบโต 21.4% (YoY) ดีกว่าคาดการณ์ 23 มี.ค. 2565 ดัชนี Hang Seng ปรับตัวขึ้น 1.66% หนุนด้วยผลประกอบการหุ้น Xiaomi ไตรมาสที่ 4 ซึ่งรายได้เติบโต 21.4% (YoY) ดีกว่าคาดการณ์ โดยก่อนหน้านั้นบริษัทประกาศแผนการซื้อหุ้นคืนด้วยวงเงิน 1,280 ล้านดอลลาร์ ด้านหุ้นเทคโนโลยีจีนยังรับอานิสงส์จากการเปลี่ยนท่าทีด้านมาตรการควบคุมและการเพิ่มวงเงินซื้อหุ้นคืนของ Alibaba เช้านี้ Meituan ปรับตัวขึ้น 4.58% Tencent ปรับตัวขึ้น 2.68% และ Alibaba ปรับตัวขึ้น 6.62% ด้านดัชนี Nikkei 225 ปรับตัวขึ้น 2.56% หนุนด้วยหุ้นกลุ่มส่งออกที่ปรับขึ้นเนื่องจากค่าเงินเยนอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ นอกจากนี้รัฐสภายังอนุมัติงบประมาณแผ่นดินปี 2565 วงเงินกว่า 9 แสนล้านดอลลาร์ นับเป็นปริมาณที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ FINNOMENA Investment Team มองว่าการเพิ่มวงเงินซื้อหุ้นคืนของบริษัทยักษ์ใหญ่และการเปลี่ยนท่าทีด้านนโยบายอย่างชัดเจนของทางการจีนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหันมาสนับสนุนการเติบโตทั้งภาคเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ซึ่งช่วยลดแรงกดดันทั้งจากกระแสการ Delisting การควบคุมโควิด และมาตรการควบคุมหุ้นเทคโนโลยีที่ผ่านมา เราแนะนำให้นักลงทุนทยอยสะสมกองทุนหุ้นจีน All-China ที่รับอานิสงส์จากการเปลี่ยนท่าทีในครั้งนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นแม้จะมีความหวังต่อมาตรการกระตุ้นและมีระดับ Valuation ที่ต่ำกว่าตลาดหุ้นประเทศพัฒนา แต่ภาพเศรษฐกิจโดยรวมยังเผชิญความท้าทายจากการพึ่งพิงการนำเข้าพลังงานรวมไปถึงลักษณะเศรษฐกิจที่อ้างอิงกับการเติบโตของโลก ส่งผลให้ภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาออกมาต่ำกว่าคาด ดังนั้น FINNOMENA Investment Team แนะนำคงสัดส่วนสำหรับนักลงทุนที่มีการถือครองหุ้นญี่ปุ่นในพอร์ตการลงทุน ส่วนนักลงทุนที่ยังไม่มีการลงทุนอาจแนะนำรอติดตามความชัดเจนของมาตรการ ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นเอเชีย แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Alibaba เพิ่มวงเงินซื้อหุ้นคืนเป็น $25,000 ล้าน สร้างความหวังนักลงทุน แต่อาจสร้างแรงหนุนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น - FINNOMENA Alibaba เพิ่มวงเงินซื้อหุ้นคืนเป็น 25,000 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นการซื้อหุ้นคืนครั้งใหญ่ในวงการเทคจีนนับตั้งแต่ราคาหุ้นดิ่งลงมา แต่ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสร้างแรงหนุนแก่หุ้นได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น 23 มี.ค. 2565 Alibaba เพิ่มวงเงินซื้อหุ้นคืนเป็น 25,000 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นการซื้อหุ้นคืนครั้งใหญ่ในวงการเทคจีนนับตั้งแต่ราคาหุ้นดิ่งลงมา แต่ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสร้างแรงหนุนแก่หุ้นได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ข้อมูลของ Bloomberg ระบุว่า แม้ที่ผ่านมาบริษัทจะทำการซื้อคืน ADRs ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯไปกว่า 9 ล้านดอลลาร์ แต่ราคาหุ้นของ Alibaba บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีนก็ร่วงลงมาประมาณ 60% จากจุดสูงสุดในปีที่แล้ว เมื่อวานนี้ (22 มี.ค.) บริษัทเผยว่ามีแผนเพิ่มวงเงินซื้อหุ้นคืนในระยะเวลา 2 ปี จาก 15,000 ล้านดอลลาร์ เป็น 25,000 ล้านดอลลาร์ โดยนี่ถือเป็นการเพิ่มวงเงินครั้งที่ 3 นับตั้งแต่รัฐบาลจีนเริ่มคุมเข้มภาคเทคโนโลยีในปลายปี 2020 ผลการดำเนินงานที่ไม่สดใสของหุ้น Alibaba สะท้อนความกังวลด้านกฎระเบียบจากทางการจีน รวมถึงความอ่อนแอในวงกว้างของหุ้นจีน ในเวลาที่ความเชื่อมั่นของตลาดได้รับผลกระทบจากการระบาดครั้งใหม่และการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ข่าวดังกล่าวทำให้หุ้น Alibaba ในตลาดฮ่องกงพุ่งขึ้นมา 9.8% อยู่ที่ราคา 108.80 ดอลลาร์ฮ่องกง แต่นั่นยังห่างไกลจากจุดสูงสุดที่เคยทำไว้ในเดือน ก.พ. ปีที่แล้ว ที่ระดับ 267 ดอลลาร์ฮ่องกง มูลค่าที่หายไปกว่า 450,000 ล้านดอลลาร์ ของ Alibaba ถือเป็นหนึ่งในการสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นโลกหลังการสูญเสียของ Tencent ก่อนหน้านี้ อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-03-22/alibaba-s-9-billion-buyback-fails-to-revive-battered-shares?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Alibaba News Update หุ้นจีน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: BlackRock มองหุ้นฮ่องกง “น่าสนใจมาก” ชี้หุ้นจีนหลายตัวร่วงสู่ระดับที่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้ หวังแรงหนุนจากหน่วยงานกำกับดูแลจีน - FINNOMENA ผู้จัดการกองทุนของ BlackRock มองหุ้นฮ่องกง “น่าสนใจมาก” เห็นโอกาสจากการร่วงแรงก่อนหน้านี้ รวมถึงความเคลื่อนไหวของหน่วยงานกำกับดูแลจีนที่ต้องการรักษาเสถียรภาพตลาดการเงินที่ทรุดโทรม 23 มี.ค. 2565 ผู้จัดการกองทุนของ BlackRock มองหุ้นฮ่องกง “น่าสนใจมาก” เห็นโอกาสจากการร่วงแรงก่อนหน้านี้ รวมถึงความเคลื่อนไหวของหน่วยงานกำกับดูแลจีนที่ต้องการรักษาเสถียรภาพตลาดการเงินที่ทรุดโทรม BlackRock บริษัทจัดการกองทุนขนาดใหญ่ที่สุดในโลกกล่าวว่า ในช่วงวิกฤติมูลค่าหุ้นจีนหลายตัวร่วงไปสู่ระดับที่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้ และหุ้นที่ซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกงส่วนใหญ่คือบริษัทในจีน BlackRock คือบริษัทต่างชาติแห่งแรกที่ได้รับอนุญาติให้จัดตั้งกองทุนในประเทศจีน โดยบริษัทเตรียมเปิดตัวกองทุนกองที่ 2 อีกครั้ง หลังเปิดตัวกองทุนแรกไปเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ซึ่งกองทุนดังกล่าวได้ปรับตัวลงมา 6.5% ตั้งแต่จัดตั้งกองทุน ขณะที่ดัชนี Hang Seng ร่วงลงมา 8.9% ในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นจีนยังคงร่วงต่อเนื่องในวันจันทร์ (21 มี.ค.) เพราะนักลงทุนมองว่า นโยบายสนับสนุนอาจไม่เพียงพอที่จะหนุนการเติบโต แม้ว่านายกฯ จีน “หลิว เหอ” ได้ออกมาให้คำมั่นก่อนหน้านี้ว่าจะสร้างเสถียรภาพในตลาดเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวก็ตาม โดย BlackRock ได้ลงทุนใน 2 เฮดจ์ฟันด์สายควอนต์ที่ใหญ่ที่สุดจากทั้งหมด 5 กองในจีน เพราะมองเห็นมูลค่าระยะยาวในหุ้นจีนหลังเกิดความวุ่นวานในตลาดเมื่อเร็วๆ นี้ 2 เฮดจ์ฟันด์ดังกล่าวคือ Lingjun Investment และ Ubiquant โดย Lingjun บอกให้ผู้ลงทุนถือสินทรัพย์โดยคำนึงถึงมุมมองในระยะยาว ขณะที่ Ubiquant ให้คำมั่นว่าจะลงทุน 10 ล้านหยวนหรือประมาณ 1.6 ล้านดอลลาร์ ทุกๆ เดือนเป็นเวลา 3 ปี รวมกับคำมั่นก่อนหน้านี้ในเดือน ม.ค. ที่บอกว่าจะลงทุนเพิ่ม 100 ล้านหยวน โดยกลุ่มหุ้นที่กองทุนจีนของ BlackRock มองว่าน่าสนใจคือ หุ้นกลุ่มพลังงานใหม่ การเงิน และผู้บริโภค อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-03-22/blackrock-says-hong-kong-stocks-extremely-attractive-post-rout?srnd=premium-asia&sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: BlackRock News Update ตลาดหุ้นจีน ตลาดหุ้นฮ่องกง หุ้นจีน หุ้นฮ่องกง แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: Hang Seng พุ่ง 3% Alibaba เพิ่มวงเงินซื้อหุ้นคืน - FINNOMENA ดัชนี Hang Seng ปรับตัวขึ้นกว่า 3.14% นำโดย Alibaba ที่ปรับตัวขึ้นถึง 11.10% 22 มี.ค. 2565 ดัชนี Hang Seng ปรับตัวขึ้นกว่า 3.14% นำโดย Alibaba ที่ปรับตัวขึ้นถึง 11.10% ภายหลังประกาศเพิ่มวงเงินการซื้อหุ้นคืนจาก 15,000 ล้านดอลลาร์ มาที่ 25,000 ล้านดอลลาร์ ในระยะเวลา 2 ปี โดยที่ผ่านมา Alibaba ได้ซื้อคืนหุ้น American depositary shares (ADRs) ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ไปแล้วกว่า 9,200 ล้านดอลลาร์ การเพิ่มวงเงินการซื้อหุ้นคืนส่งผลดีต่อ Sentiment ในกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีจีน โดย Tencent ปรับตัวขึ้น 4.03% Meituan ปรับตัวขึ้น 6.46% และ JD.COM ปรับตัวขึ้น 6.53% FINNOMENA Investment Team มองว่าการเพิ่มวงเงินซื้อหุ้นกลับและการเปลี่ยนท่าทีด้านนโยบายอย่างชัดเจนของทางการจีนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหันมาสนับสนุนการเติบโตทั้งทั้งภาคเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ซึ่งช่วยลดแรงกดดันทั้งจากกระแสการ Delisted การควบคุมโควิด และมาตรการควบคุมหุ้นเทคโนโลยี ที่ผ่านมา เราแนะนำให้นักลงทุนทยอยสะสมกองทุนหุ้นจีน All-China ที่รับอานิสงส์จากการเปลี่ยนท่าทีในครั้งนี้ ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นฮ่องกง แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: วอร์เรน บัฟเฟตต์ เฝ้ารอมา 60 ปี ตัดสินใจซื้อ บ.ประกันภัย Alleghany มูลค่าเกือบ 3.9 แสนล้านบาท - FINNOMENA ความเคลื่อนไหวครั้งใหม่ของ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” ซื้อบริษัทประกันภัยด้วยเงินสดมูลค่า 11,600 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 3.9 แสนล้านบาท 21 มี.ค. 2565 ความเคลื่อนไหวครั้งใหม่ของ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” ซื้อบริษัทประกันภัยด้วยเงินสดมูลค่า 11,600 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 3.9 แสนล้านบาท “Berkshire จะกลายเป็นบ้านหลังถาวรที่สมบูรณ์แบบแก่ Alleghany บริษัทที่ผมเฝ้าสังเกตอย่างใกล้ชิดมาตลอด 60 ปี” วอร์เรน บัฟเฟตต์กล่าว Berkshire Hathaway ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ตกลงซื้อบริษัทประกัน Alleghany ที่ราคา 11,600 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ $848.02 ต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็น 1.26 เท่า ของมูลค่าตามบัญชี ณ วันสิ้นปี 2021 และมีส่วนเกินมูลค่าหุ้นที่ 16% จากราคาหุ้นเฉลี่ยในช่วง 30 วันที่ผ่านมา ข่าวดังกล่าวทำให้ราคาหุ้น Alleghany พุ่งขึ้นกว่า 15% ในช่วงเวลาก่อนเปิดตลาด โดย Alleghany คือบริษัทที่ทำธุรกิจประกันภัยหลายประเภท ทั้งการประกันภัยสำหรับบริษัทขนาดเล็ก (Wholesale Specialty) การประกันภัยทรัพย์สิน การประกันภัยเบ็ดเตล็ด และการประกันภัยต่อ (Reinsurance) Joseph Brandon ซีอีโอคนปัจจุบันของ Alleghany และอดีตผู้บริหาร General Re บริษัทในเครือของ Berkshire ยกย่องข้อตกลงดังกล่าวว่าเป็นธุรกรรมอันยอดเยี่ยมมสำหรับเจ้าของ ธุรกิจ ลูกค้า รวมถึงพนักงาน เพราะมูลค่าธุรกรรมได้สะท้อนถึงผลผลิตในการทำงานหนักของทีม Alleghany มาหลายทศวรรษ อย่างไรก็ตามเงินจำนวน 11,600 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับเงินสดจำนวนมหาศาลของ Berkshire ที่ 146,720 ล้านดอลลาร์ (ข้อมูล ณ สิ้นปี 2021) อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/03/21/warren-buffetts-berkshire-hathaway-agrees-to-buy-insurance-company-alleghany-for-11point6-billion.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Alleghany Berkshire Hathaway News Update วอร์เรน บัฟเฟตต์ แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: รถ EV จีน เตรียมขึ้นราคาอีก ล่าสุด Li Auto - CATL ขึ้นราคาตาม Tesla - BYD ผู้ผลิตชี้ แบตเตอรี่แพงขึ้นอย่าง “ไร้สาระ” - FINNOMENA ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจีนชี้ ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นกำลังทำให้ราคาแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแพงขึ้นอย่าง “ไร้สาระและน่าขบขัน” 21 มี.ค. 2565 ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจีนชี้ ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นกำลังทำให้ราคาแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแพงขึ้นอย่าง “ไร้สาระและน่าขบขัน” Li Xiang ซีอีโอของ Li Auto บริษัทผู้รถยนต์ไฟฟ้าจีนกล่าวในเว่อป๋อของเขาเมื่อวันเสาร์ (19 มี.ค.) ที่ผ่านมาว่า ต้นทุนแบตเตอรี่ไตรมาส 2 พุ่งขึ้นมาอย่างน่าขบขัน และอาจทำให้ผู้ผลิตหลายรายต้องปรับขึ้นราคารถยนต์ไฟฟ้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความเห็นของ Li Xiang เกิดขึ้นหลัง Tesla และ BYD ประกาศขึ้นราคาไม่นาน รวมถึง Xpeng ที่เพิ่งประกาศขึ้นราคารถยนต์ไฟฟ้าที่ระหว่าง 10,100 – 20,000 หยวน ในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างที่รู้กันว่าจีนคือตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตอนนี้ผู้ผลิตจีนกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อดึงดูดลูกค้า ท่ามกลางแรงกดดันจากต้นทุนที่แพงขึ้น และเงินอุดหนุนจากรัฐบาลที่ลดลง ไม่ใช่แค่เพียงผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับผลกระทบ รถยนต์เชื้อเพลิงที่ใช้การสันดาปซึ่งผลิตโดย BYD และ Geely Automobile ก็เผชิญกับต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้นเช่นกัน เหตุจากราคาน้ำมันที่แพงขึ้นมาก ด้านผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ที่สุดของโลกอย่าง CATL ออกมาระบุว่า บริษัทก็เผชิญแรงกดดันไม่ต่างกันจากต้นทุนสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น โฆษกของ CATL กล่าวว่า ต้นทุนวัตถุดิบที่แพงขึ้นจากต้นน้ำกำลังสร้างแรงกดดันสู่ปลายน้ำของห่วงโซ่อุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึงผู้ผลิตรถยนต์และผู้ผลิตแบตเตอรี่ แต่บริษัทจะยังคงยึดหลักการให้บริการลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง ไปพร้อมกับการรักษาผลกำไรอย่างเหมาะสม CATL เป็นซัพพลายเออร์แบตเตอรี่รายใหญ่ของ Li Auto รวมถึง WM Motor ด้วย สัปดาห์ที่แล้ว WM Motor ผู้ผลิตรถ EV ขนาดเล็ก ได้ประกาศขึ้นราคารถยนต์ไฟฟ้าที่ 7,000-26,000 หยวน โดยอ้างถึงราคาวัตถุดิบและข้อจำกัดด้านซัพพลายเออร์ ซึ่งจะเริ่มขึ้นราคาตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-03-21/chinese-electric-carmaker-calls-input-price-hikes-ridiculous?srnd=premium-asia&sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: CATL EV Li Auto News Update จีน รถยนต์ไฟฟ้า แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: นักลงทุน ARK กลับมาแล้ว! แห่ซื้อ ARKK เงินไหลเข้ากว่า $341 ล้าน ผลตอบแทน +10.4% ในวันเดียว - FINNOMENA ฐานแฟนคลับของ Cathie Wood กลับมาแล้ว! นักลงทุนมองว่านี่คือเวลาเหมาะสมในการช้อนซื้อกองทุน ARK 18 มี.ค. 2565 ฐานแฟนคลับของ Cathie Wood กลับมาแล้ว! นักลงทุนมองว่านี่คือเวลาเหมาะสมในการช้อนซื้อกองทุน ARK เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (15 มี.ค.) นักลงทุนที่เชื่อในกลยุทธ์ช้อนซื้อตอนถูกแห่ซื้อกองทุน ARKK จนมีเงินไหลเข้ากว่า 341 ล้านดอลลาร์ ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ พ.ค. ปีที่แล้ว แรงซื้อดังกล่าวทำให้วันต่อมา (16 มี.ค.) ผลตอบแทน ARKK พุ่งขึ้นถึง 10.4% ซึ่งตลาดไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้มาตั้งแต่ มี.ค. 2021 กลยุทธ์การลงทุนในบริษัทนวัตกรรมที่ยังไม่สร้างกำไรของ Cathie Wood สร้างความไม่พอใจให้นักลงทุนบางส่วน แต่ก็ยังมีนักลงทุนอีกไม่น้อยที่เชื่อมั่นและทยอยซื้อ ARKK อย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากเงินทุนที่ไหลเข้าต่อเนื่องตลอด 6 สัปดาห์ แม้ผลตอบแทนกองทุนในปีนี้จะติดลบถึง 35% ก็ตาม “นักลงทุนหลายคนมองการปรับตัวลงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อกองทุน” นักวิเคราะห์กล่าว James Seyffart จาก Bloomberg Intelligence เปรียบ ARKK เหมือนสัตว์ประหลาดของตลาด ETF ในปัจจุบัน เพราะผู้คนซื้อขายราวกับว่ามันเป็นตะกร้าหุ้นเทคโนโลยีที่ไม่สามารถทำกำไรได้ แน่นอนว่า กองทุนที่เดิมพันตรงข้ามกับ ARKK อย่าง Tuttle Capital Short Innovation ETF (SARK) ปรับตัวลงมา 10% ในวันพุธ (16 มี.ค.) ซึ่งเป็นการร่วงแรงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนในช่วงปลายปี แรงเทขาย ARKK ในช่วงต้นปี เกิดขึ้นพร้อมกับแรงเทขายให้ตลาดหุ้นทั่วโลกและสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed โดยผู้เชี่ยวชาญส่วนหนึ่งมองว่า แรงเทขายอาจมีมากเกินไป และถึงเวลาแล้วที่หุ้นเหล่านั้นจะเริ่มฟื้นตัว Marko Kolanovic จาก JPMorgan กล่าวว่า ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีของหุ้นเสี่ยงสูงรวมถึงกลุ่มหุ้นที่ถูกเทขายอย่างหนักก่อนหน้านี้ อย่างเช่น นวัตกรรม เทคโนโลยี เทคโนโลยีชีวภาพ และตลาดเกิดใหม่ เช่น จีน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้าน ETF ของ WallachBeth Capital กล่าวว่า ยังมีเหล่านักลงทุนที่เชื่อมั่นในตัว Cathie Wood อยู่ และมองว่าแรงเทขาย ARKK ที่ทำให้กองทุนร่วงมาถึง 40% ก่อนหน้านี้ กลายเป็นจุดเข้าซื้อที่น่าสนใจ อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-03-17/cathie-wood-s-flagship-added-341-million-just-before-rip-higher?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: ARK ARK Invest ARKK Cathie Wood News Update แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: หุ้นเอเชียเปิดบวกกว่า 2% Hang Seng พุ่ง 4.3% และ Nikkei 225 เพิ่มขึ้น 3.03% สัญญาณบวกจาก Fed มั่นใจดูแลเศรษฐกิจได้ รัฐบาลจีนเตรียมหนุนหุ้นจีนในต่างแดน - FINNOMENA ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกกว่า 2% โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นเทคโนโลยีในฮ่องกง และความมั่นใจของประธานเฟดในการรับมือกับนโยบายเข้มงวด 17 มี.ค. 2565 ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกกว่า 2% โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นเทคโนโลยีในฮ่องกง และความมั่นใจของประธานเฟดในการรับมือกับนโยบายเข้มงวด เช้านี้ (17 มี.ค. ณ เวลา 9:30 น.) ดัชนี Hang Seng ในตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวขึ้นมา 4.2% พุ่งขึ้นต่อเนื่องจากเมื่อวานซึ่งเป็นวันที่ดีที่สุดของดัชนีในรอบ 14 ปี นับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2008 โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นถึง 30-50% ภายในวันเดียว หุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 1.73% ดัชนี Shenzhen Component บวก 3.09% และ ดัชนี CSI 300 เพิ่มขึ้น 2.2% หุ้นจีนทั้ง H-shares และ A-Shares ได้รับปัจจัยบวก หลังรัฐบาลจีนให้คำมั่นว่าจะลดความเข้มงวดในภาคธุรกิจ สร้างเสถียรภาพในตลาดหุ้น โดยหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ และจีน กำลังทำงานร่วมกันเพื่อสนับสนุนหุ้นจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกตามเช่นกัน โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่น ดัชนี Nikkei 225 พุ่งขึ้น 2.96% และดัชนี Topix เพิ่มขึ้น 1.95% ซึ่งเงินเยนที่อ่อนค่าลงได้ไปกระตุ้นญี่ปุ่นที่พึ่งพาการส่งออก ขณะที่ดัชนี Kospi ในเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นที่ 1.59% เมื่อคืนนี้ (16 มี.ค.) Fed ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 25 bps สู่ระดับ 0.25-0.5% พร้อมส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอีก 6 ครั้ง ในการประชุมตลอดทั้งปีนี้ โดยเจอโรม พาวเวลล์ กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ นั้นแข็งแกร่งมากพอที่จะรับมือกับนโยบายการเงินเข้มงวดได้ อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-03-16/stocks-aided-by-upbeat-powell-bonds-flash-caution-markets-wrap?srnd=premium-asia https://www.cnbc.com/2022/03/17/asia-markets-us-fed-raises-rates-for-first-time-since-2018.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นเอเชีย แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Tesla และ BYD ประกาศขึ้นราคารถ EV เงินเฟ้อทำพิษ ราคาวัตถุดิบแพงขึ้น หวั่นสงคราม-ล็อกดาวน์จีน กดดันเพิ่ม - FINNOMENA Tesla และ BYD ประกาศขึ้นราคารถยนต์ไฟฟ้า เหตุเงินเฟ้อกดดันทำราคาวัตถุดิบแพงขึ้น 16 มี.ค. 2565 Tesla และ BYD ประกาศขึ้นราคารถยนต์ไฟฟ้า เหตุเงินเฟ้อกดดันทำราคาวัตถุดิบแพงขึ้น หนึ่งในสาเหตุที่กดดันตลาดรถยนต์ไฟฟ้าตอนนี้คือ ราคานิกเกิลซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ากำลังแพงขึ้น จากการที่รัสเซียซึ่งเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ของโลหะถูกคว่ำบาตรจากทั่วโลก Tesla ประกาศขึ้นราคารถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ และจีน เป็นครั้งที่ 2 ภายในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ โดยก่อนหน้านี้ Elon Musk ได้ทวีตข้อความว่า Tesla และ SpaceX กำลังเผชิญกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อทั้งในเรื่องของราคาวัตถุดิบและค่าขนส่ง CNBC ระบุว่า Tesla สั่งอะลูมิเนียมมูลค่าหลายล้านยูโรจากบริษัท Rusal ที่ก่อตั้งโดย Oleg Deripaska หนึ่งในบุคคลมีอำนาจของรัสเซียที่ตกเป็นเป้าการคว่ำบาตรจากนานาชาติในครั้งนี้ด้วย Tesla ใช้อะลูมิเนียมจาก Rusal ในการหล่อตัวถังรถยนต์ Model Y และใช้ในสายการผลิตใหม่ที่โรงงานเมืองบรันเดนบูร์กในเยอรมนี ซึ่งยังไม่มีข้อมูลระบุว่ามีการใช้อะลูมิเนียมจาก Rusal สำหรับการผลิตในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ซัพพลายเออร์โลหะเจ้าหลักของ Tesla คือ Hydro บริษัทสัญชาตินอร์เวย์ที่ส่งออกโลหะทั่วยุโรป แคนาดา ออสเตรเลีย บราซิล และกาตาร์ นอกจากประเด็นรัสเซีย-ยูเครนแล้ว Tesla กำลังเผชิญความท้าทายเพิ่มเติมจากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลจีนที่ไปกดดันห่วงโซ่อุปทานที่มีปัญหาอยู่ก่อนแล้ว โดยเฉพาะชิ้นส่วนสำคัญอย่างเซมิคอนดักเตอร์ที่ยังขาดตลาดอยู่ตอนนี้ ทางด้าน BYD ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนที่วอร์เรน บัฟเฟต์ถือหุ้นอยู่ ประกาศขึ้นราคารถยนต์ไฟฟ้าเช่นกัน ซึ่งนี่เป็นครั้งที่ 2 ในเวลาไม่ถึง 2 เดือน โดยอ้างถึงต้นทุนวัตถุดิบที่แพงขึ้น BYD กำลังเผชิญกับผลกระทบด้านการผลิตบางส่วนจากการล็อกดาวน์ในเซินเจิ้น และอีกความท้าทายคือ การที่รัฐบาลจีนประกาศลดเงินอุดหนุนอุตสาหกรรมดังกล่าวลง 30% เพื่อถอนเงินอุดหนุนออกให้หมดภายในสิ้นปีนี้ โดย Tesla ประกาศขึ้นราคารถยนต์ผลิตในจีนที่ 14,200-20,000 หยวน ขณะที่ BYD ได้ขึ้นราคาที่ประมาณ 3,000-6,000 หยวน อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/03/15/tesla-hikes-car-prices-in-the-us-china-after-musk-inflation-warning.html https://www.cnbc.com/2022/03/14/tesla-has-bought-aluminum-from-russian-supplier-rusal-since-2020.html https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-03-16/byd-follows-tesla-in-hiking-prices-on-rising-raw-materials-costs ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: BYD News Update Tesla แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: Hang Seng พุ่งกว่า 8% ปรับขึ้นแรงสุดนับตั้งแต่ปี 2009 หลังทางการจีนส่งมาตรการกระตุ้น - FINNOMENA ดัชนี Hang Seng ฮ่องกง ปรับตัวขึ้น 1.7% ท่ามกลางแรงซื้อหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี อาทิ Tencent, Alibaba และ Meituan ที่ปรับตัวขึ้น 6.71%, 5.68% และ 7.26% ตามลำดับ 16 มี.ค. 2565 ตลาดหุ้นจีนทั้ง H-Shares และ A-Shares ปรับตัวขึ้นอย่างแรง หลังคณะกรรมการกำกับดูแลเสถียรภาพและพัฒนาระบบการเงินเผยว่ามีแผนจะดูแลเสถียรภาพของตลาดหุ้น ท่ามกลางการปรับตัวลงอย่างรุนแรงในช่วงนี้ วันนี้ (16 มี.ค.) ดัชนี Hang Seng ปรับตัวขึ้นถึง 8% เช่นเดียวกับดัชนี China A50 และ CSI300 ที่เพิ่มขึ้น 4.84% และ 4.28% ตามลำดับ ซึ่งเกิดขึ้นหลังคณะกรรมการกำกับดูแลเสถียรภาพและพัฒนาระบบการเงินเผยแผนใช้นโยบายกระตุ้นตลาดการเงินและการเติบโตของเศรษฐกิจ ในแถลงการณ์ระบุว่านโยบายการเงินจะเน้นเชิงรุกมากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการกระตุ้นของภาคเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับสินเชื่อที่จะเติบโตอย่างเหมาะสม ทางการจีนยังเผยอีกว่า หน่วยงานกำกับดูแลทั้งสหรัฐฯ และจีนกำลังทำงานร่วมกันเพื่อสนับสนุนหุ้นจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ นอกจากนี้ หน่วยงานจะเข้าดูแลเสถียรภาพในตลาดการเงินฮ่องกง และอุตสาหกรรมอสังหาฯ ที่กำลังมีปัญหา การเพิ่มขึ้นในวันนี้เป็นการเพิ่มขึ้นภายในวันทำการที่แรงที่สุดตั้งแต่ปี 2009 หุ้นบริษัท Meituan เพิ่มขึ้นถึง 28.5% Alibaba เพิ่มขึ้น 24.07% เช่นเดียวกับ Tencent ที่เพิ่มขึ้น 21.61% FINNOMENA Investment Team มองว่าทางการจีนเปลี่ยนท่าทีด้านนโยบายอย่างชัดเจน โดยหันมาสนับสนุนการเติบโตทั้งภาคเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ซึ่งช่วยลดแรงกดดันทั้งจากกระแสการ Delisting การควบคุมโควิด และมาตรการควบคุมหุ้นเทคโนโลยีที่ผ่านมา เราแนะนำให้นักลงทุนทยอยสะสมกองทุนหุ้นจีน All-China ที่รับอานิสงส์จากการเปลี่ยนท่าทีในครั้งนี้ ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นฮ่องกง แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: ระวัง! ล็อกดาวน์จีนสะเทือนเศรษฐกิจโลก อุปทานโลกอาจหยุดชะงัก ดันเงินเฟ้อพุ่ง ชิ้นส่วน Apple Volkswagen และ Toyota หยุดการผลิตแล้ว - FINNOMENA ในเวลาที่โลกเผชิญความเสี่ยงจากทั้งสงครามและภาวะเศรษฐกิจถดถอย มาตรการล็อกดาวน์ของจีนจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงและทำให้เศรษฐกิจโลกหยุดชะงักลงอีกครั้ง 16 มี.ค. 2565 ในเวลาที่โลกเผชิญความเสี่ยงจากทั้งสงครามและภาวะเศรษฐกิจถดถอย มาตรการล็อกดาวน์ของจีนจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงและทำให้เศรษฐกิจโลกหยุดชะงักลงอีกครั้ง จีนเป็นหนึ่งในเสาหลักของการเติบโตทั่วโลก หากจีนล้มเหลวในการควบคุมโอมิครอนและสั่งล็อกดาวน์เพิ่มเติม เศรษฐกิจจีนที่เริ่มต้นปีมาอย่างสดใสอาจชะลอตัวลง ในฐานะผู้ผลิตคนสำคัญของโลก การผลิตที่หยุดชะงักในจีนจะนำไปสู่การขาดแคลนสินค้า และผลักดันให้สถานการณ์เงินเฟ้อในต่างประเทศแย่ลงไปอีก แม้ว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อแล้วก็ตาม ผลสำรวจผู้จัดการกองทุนโดย BoA รายงานว่า ความเชื่อมั่นต่อการเติบโตทั่วโลกต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 2008 และความคาดหวังที่จะได้เห็น Stagflation พุ่งขึ้นเป็น 62% นี่ถือเป็นการระบาดครั้งใหญ่ที่สุดของจีน โดยเมื่อวานนี้ (15 มี.ค.) จีนพบผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 5,000 รายเป็นครั้งแรก ซึ่งถือเป็นระดับต่ำตามมาตรฐานโลก แต่ด้วยนโยบายควบคุมโควิดที่เข้มงวดของจีนทำให้ชาวจีนกว่า 45 ล้านคนถูกห้ามไม่ให้ออกจากบ้าน จีนสั่งล็อกดาวน์เซินเจิ้น ‘ซิลิคอนวัลเลย์แห่งเอเชีย’ ที่มี GDP คิดเป็น 11% ของเศรษฐกิจจีน อยู่ที่ประมาณ 1.96 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงกับประเทศสเปน หรือเกาหลีใต้ทั้งประเทศ Bloomberg Economics เตือนว่า การล็อกดาวน์ในเซินเจิ้นถือเป็นภัยคุกคามที่อาจส่งผลกระทบต่ออุปทานทั่วโลก และเป็นการควบคุมโควิดครั้งใหญ่ที่สุดของจีนนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดครั้งแรก ตอนนี้ Hon Hai Precision ซัพพลายเออร์สำคัญของ Apple กำลังหยุดการผลิตที่โรงงานในเซินเจิ้น ขณะที่ ผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกอย่าง Volkswagen และ Toyota เริ่มหยุดการผลิตบางส่วนในมณฑลจี๋หลิน จีนเป็นศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญของโลก และเป็นหนึ่งในจุดเชื่อมโยงที่สำคัญที่สุดของห่วงโซ่อุปทานโลก ดังนั้นการล็อกดาวน์ในครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมของคู่ค้าและเศรษฐกิจโลกอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อวานนี้ (15 มี.ค.) ทางการจีนรายงานตัวเลขเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในเดือน ม.ค. และ ก.พ. ทั้งการใช้จ่ายภาคครัวเรือนและการลงทุนของบริษัทที่รัฐบาลเป็นเจ้าของ แต่โฆษกสำนักสถิติแห่งชาติเตือนว่าการล็อกดาวน์ ต้นทุนที่สูงขึ้น และการหยุดชะงักในการผลิต อาจไปชะลอการเติบโต อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-03-15/world-economy-braces-for-supply-hit-as-china-battles-covid-again?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update จีน ล็อกดาวน์ โควิด-19 แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: Hang Seng เด้งกว่า 1.7% มีแรงซื้อกลับ หลังร่วงแรง - FINNOMENA ดัชนี Hang Seng ฮ่องกง ปรับตัวขึ้น 1.7% ท่ามกลางแรงซื้อหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี อาทิ Tencent, Alibaba และ Meituan ที่ปรับตัวขึ้น 6.71%, 5.68% และ 7.26% ตามลำดับ 16 มี.ค. 2565 เช้านี้ (16 มี.ค.) ดัชนี Hang Seng ฮ่องกง ปรับตัวขึ้น 1.7% ท่ามกลางแรงซื้อหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี อาทิ Tencent, Alibaba และ Meituan ที่ปรับตัวขึ้น 6.71%, 5.68% และ 7.26% ตามลำดับ หลังวานนี้ (15 มี.ค.) ดัชนี Hang Seng ปิดตลาดที่ 18,415 จุด ต่ำกว่าแนวรับสำคัญในรอบ 24 ปี ท่ามกลางความกังวลการ Delisted หุ้นที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดสหรัฐฯ จากความตึงเครียดระหว่างประเทศ ขณะที่ ดัชนีตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ China A50 และ CSI300 ปรับตัวขึ้นเพียง 0.17% และ 0.02% ตามลำดับ สะท้อนความสนใจในการซื้อหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีจีนชัดเจน ซึ่งความตึงเครียดดังกล่าวอาจสร้างแรงกดดันได้ในระยะสั้น อย่างไรก็ตามในระยะยาว จีนมีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงิน และใช้มาตรการกระตุ้นขนาดใหญ่เพื่อหนุนเศรษฐกิจที่อาจชะลอตัวจากการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดในปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยหนุนให้ปัจจัยด้านการลงทุนเหมาะสมกับสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นอีกครั้ง FINNOMENA Investment Team แนะนำให้นักลงทุนที่ยังไม่มีสัดส่วนในหุ้นเทคโนโลยีจีนทยอยสะสมอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามความเสี่ยงที่รับได้ และนักลงทุนที่มีสถานะการลงทุนแล้ว แนะนำให้ทยอยสะสมอีกครั้ง เมื่อแรงกดดันในระยะสั้นคลี่คลายลง ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นฮ่องกง แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: หุ้นฮ่องกงร่วงหนัก Hang Seng ดิ่งเกือบ 6% หลุดเส้นแนวโน้มขาขึ้นสำคัญในรอบ 24 ปี กังวลหุ้นจีนถูกแบน หากเข้าข้างรัสเซีย - FINNOMENA ตลาดหุ้นฮ่องกงร่วงหนักเกือบ 6% หลังมีความเป็นไปได้ที่บริษัทจีนอาจถูกแบนหากรัฐบาลจีนเลือกข้างช่วยรัสเซียทำสงครามในยูเครน 15 มี.ค. 2565 ตลาดหุ้นฮ่องกงร่วงหนักเกือบ 6% หลังมีความเป็นไปได้ที่บริษัทจีนอาจถูกแบนหากรัฐบาลจีนเลือกข้างช่วยรัสเซียทำสงครามในยูเครน ขณะที่ความเสี่ยงว่าหุ้นจีนอาจถูกถอดจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงกดดันตลาด ส่งผลให้วันนี้ (15 มี.ค. ณ เวลา 14:50 น.) ดัชนี Hang Seng ร่วงแรง 5.70% ต่อเนื่องจากเมื่อวานที่ทำจุดต่ำสุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่ มี.ค. 2016 ลงแรงกว่าช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาดโควิด และหลุดเส้นแนวโน้มขาขึ้นสำคัญในรอบ 24 ปี ขณะที่ ดัชนีหุ้นเทคโนโลยีจีน Hang Seng Tech ลดลงมา 7.46% โดยร่วงลงมาถึง 12% แล้วในสัปดาห์นี้ นักลงทุนกำลังประเมินความเป็นไปได้ที่หุ้นจีนจะถูกถอดออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ส่งผลให้หุ้นภาคอินเทอร์เน็ตจีนร่วงหนัก นำโดย Alibaba -10.75%, JD.com -9.5% และ NetEase -7.59% ขณะที่หุ้นผลิตรถยนต์ไฟฟ้าร่วงหนักเช่นกัน โดยหุ้น Nio ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงลดลง 10.74% หลังราคาหุ้นที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ร่วงไป 12.26% เมื่อวานนี้ (14 มี.ค.) นอกจากความเสี่ยงข้างต้น Tencent ยังเผชิญรับแรงกดดันภายในประเทศ โดยมีรายงานว่า บริษัทอาจถูกปรับในข้อหาละเมิดกฎการต่อต้านการฟอกเงิน ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงลงมา 9.1% หุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ได้รับผลกระทบเช่นกัน แม้ตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่เพิ่งประกาศออกมาจะดีกว่าคาดมากก็ตาม โดยดัชนี Shanghai composite ลดลงกว่า 4% ขณะที่ดัชนี Shenzhen component ลดลง 3.8% FINNOMENA Investment Team ยังคงแนะนำถือครองหุ้นฮ่องกง และหุ้นเทคโนโลยีจีนที่เกี่ยวข้อง จากระดับ Valuation ที่ถูกทั้งเมื่อเทียบกับตนเอง และตลาดหุ้นทั่วโลก พร้อมด้วยความสามารถในการทำกำไรและยอดขายที่ยังมีโอกาสเติบโตได้ ซึ่งสะท้อนผ่านทางงบลงทุนรายบริษัทที่ยังเติบโต อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นอาจสร้างแรงกดดันต่อดัชนีได้อย่างต่อเนื่อง จึงแนะนำชะลอการลงทุนเพิ่มชั่วคราว เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดอีกครั้ง อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/03/15/asia-markets-china-economy-russia-ukraine-war-currencies-oil.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นฮ่องกง แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: วอร์เรน บัฟเฟตต์ เดิมพันครั้งใหญ่ในบริษัทน้ำมัน เดินหน้าซื้อหุ้น Occidental Petroleum ต่อเนื่อง ซื้อแล้วกว่า 2.3 แสนล้านบาท ในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ - FINNOMENA หรือราคาน้ำมันจะแพงขึ้นอีก? ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ เดินหน้าซื้อหุ้นบริษัทน้ำมัน Occidental Petroleum ต่อเนื่อง แม้ราคาจะพุ่งขึ้นแล้วกว่า 90% ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางฉากหลังสงครามรัสเซีย-ยูเครน 14 มี.ค. 2565 หรือราคาน้ำมันจะแพงขึ้นอีก? ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ เดินหน้าซื้อหุ้นบริษัทน้ำมัน Occidental Petroleum ต่อเนื่อง แม้ราคาจะพุ่งขึ้นแล้วกว่า 90% ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางฉากหลังสงครามรัสเซีย-ยูเครน ก.ล.ต.สหรัฐฯ เผยในวันศุกร์ (11 มี.ค.) ว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา Berkshire Hathaway ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้ซื้อหุ้น Occidental Petroleum (OXY) เพิ่มอีก 27.1 ล้านหุ้น รวมมูลค่ามากกว่า 1,500 ล้านดอลลาร์ ต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ใช้เงินราว 4,500 ดอลลาร์ ในการซื้อหุ้นทั้งหมด 91.2 ล้านหุ้น โดย Berkshire ได้ซื้อหุ้น OXY บริษัทน้ำมันสัญชาติอเมริกันเพิ่มในวันพุธ พฤหัสบดี และศุกร์ ที่ราคาระหว่าง $51.03 – $58.58 โดยมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ $56.60 ตอนนี้ Berkshire ถือหุ้น OXY ทั้งหมด 118.3 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าเกือบ 6,900 ล้านดอลลาร์ (230,600 ล้านบาท) เมื่ออ้างอิงจากราคาปิดในวันศุกร์ที่ $57.95 นั่นทำให้ Berkshire ถือหุ้น OXY คิดเป็นสัดส่วน 2.1% อยู่ในอันดับที่ 9 ของพอร์ต รองจาก Apple (43.6%), BoA (12.9%), American Express (7.9%), Coca-Cola (7.2%), Kraft Heinz (3.8%), Verizon Communication (2.6%),US Bancorp (2.4%) และ Moody’s Corporation (2.3%) วอร์เรน บัฟเฟตต์ยังมีวอร์แรนท์ของบริษัทน้ำมันดังกล่าวอีกเกือบ 84 ล้านหุ้น โดยมีราคาใช้สิทธิอยู่ที่ $59.624 ต่อหุ้น นั้นหมายความว่า Berkshire สามารถใช้สิทธิวอร์แรนท์เพื่อซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่าตลาด และสามารถทำกำไรได้ทันที และใม่ใช่แค่ OXY เท่านั้น ที่ติดอันดับบริษัทน้ำมันในพอร์ตการลงทุนของ Berkshire ในอันดับที่ 10 ยังมี Chevron บริษัทน้ำมันอีกแห่งหนึ่ง ที่ Berkshire ถือครองคิดเป็นมูลค่าใกล้เคียงกับ OXY ที่ 6,500 ล้านดอลลาร์ เช่นกัน หุ้น OXY พุ่งเกือบ 90% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา จากราคาน้ำมันที่แพงต่อเนื่อง ขณะที่ราคาหุ้น Berkshire Hathaway เพิ่มขึ้นมาแล้ว 9% ในปี 2022 นี้ และได้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันศุกร์ที่ผ่านมา (11 มี.ค.) อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/03/12/warren-buffett-is-still-buying-occidental-petroleum-adding-shares-worth-1point5-billion.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update Occidental Petroleum Warren Buffett น้ำมัน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: ตลาดหุ้นฮ่องกงลงหนัก Hang Seng ร่วงกว่า 3% หลังทางการจีนล็อกดาวน์เซินเจิ้น - FINNOMENA เช้านี้ (14 มี.ค.) ดัชนี Hang Seng ปรับตัวลงกว่า 3.68% ดัชนี China A50 ปรับตัวลง 2.28% และ CSI300 ลง 1.73% 14 มี.ค. 2565 เช้านี้ (14 มี.ค.) ดัชนี Hang Seng ปรับตัวลงกว่า 3.68% ดัชนี China A50 ปรับตัวลง 2.28% และ CSI300 ลง 1.73% หลังทางการจีนสั่งล็อกดาวน์เมืองเซินเจิ้นเป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เนื่องจากพบผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นเกือบ 3,400 ราย ซึ่งเมืองเซินเจิ้นถือเป็นจุดศูนย์กลางของบริษัทเทคโนโลยีจีนและมีประชากรอาศัยอยู่ 17.5 ล้านคน นับเป็นแรงกดดันที่เข้ามาเพิ่มเติมความตึงเครียดของสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน FINNOMENA Investment Team มองว่าตลาดหุ้นจีนยังเผชิญกับแรงกดดันจากมาตรการควบคุมและการแพร่ระบาดของโควิดในระยะสั้นถึงกลาง ขณะที่ระยะยาวยังมีความน่าสนใจจากระดับมูลค่าและมาตรการควบคุมที่ช่วยจัดระเบียบการเติบโตอย่างสมดุลในอนาคต FINNOMENA Investment Team แนะนำให้ทยอยสะสมตามสัดส่วนในพอร์ตแนะนำ ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นฮ่องกง แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Goldman Sachs ประเมินผลกระทบเศรษฐกิจยุโรป จะเกิดอะไรขึ้นหากรัสเซียปิดท่อส่งก๊าซ - FINNOMENA มาดูกันว่า Goldman Sachs วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐฯ นำทีมโดย Sven Jari Stehn หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ยุโรป ประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจยุโรปหากอุปทานก๊าซธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไว้อย่างไรบ้าง 12 มี.ค. 2565 ‘ก๊าซธรรมชาติ’ หนึ่งในสินค้าโภคภัณฑ์ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติยูเครน ล่าสุด รัสเซียได้ขู่ปิดท่อส่งก๊าซนอร์ด สตรีม 1 เพื่อตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรของนานาประเทศ เพราะมั่นใจว่ายุโรปไม่มีทางหาซัพพลายน้ำมันมาแทนที่ได้ในเวลาสั้นๆ แน่นอน มาดูกันว่า Goldman Sachs วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐฯ นำทีมโดย Sven Jari Stehn หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ยุโรป ประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจยุโรปหากอุปทานก๊าซธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไว้อย่างไรบ้าง Goldman Sachs ประเมินความเป็นไปได้ทั้งหมด 3 สถานการณ์ 1) ไม่มีปัจจัยหยุดชะงักอุปทานเพิ่มเติม นอกจากการลดลงที่มีมาตั้งแต่ ก.ย. ปีที่แล้ว Goldman Sachs คาดว่าราคาก๊าซที่พุ่งสูงขึ้นจะส่งผลการเติบโตของ GDP ปี 2022 ในเขตยูโรโซนลดลงที่ 0.6 จุดร้อยละ (Percentage Points), อังกฤษที่ 0.1 จุดร้อยละ และเยอรมนีมากสุดที่ 0.9 จุดร้อยละ 2) การนำเข้าจากยูเครนหยุดลงในช่วงที่เหลือของปี Goldman Sachs คาดว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 0.7 จุดร้อยละ จากคาดการณ์เดิมของ Goldman Sachs ที่คาดว่าเงินเฟ้อจะพีคสุดในเดือน ธ.ค. 2022 3) การนำเข้าจากรัสเซียถูกระงับไปตลอดทั้งปีนี้ Goldman Sachs คาดว่าราคาก๊าซที่พุ่งสูงขึ้นจะส่งผลการเติบโตของ GDP ปี 2022 ในเขตยูโรโซนลดลงที่ 2.2 จุดร้อยละ, อิตาลีที่ 2.6 จุดร้อยละ และเยอรมนีมากสุดที่ 3.4 จุดร้อยละ Goldman Sachs คาดว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 1.3 จุดร้อยละ จากคาดการณ์เดิมของ Goldman Sachs ที่คาดว่าเงินเฟ้อจะพีคสุดในเดือน ธ.ค. 2022 อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/03/11/goldman-predicts-what-will-happen-to-europes-economy-if-putin-shuts-off-gas.html?__source=iosappshare%7Ccom.apple.UIKit.activity.CopyToPasteboard ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Goldman Sachs News Update รัสเซีย รัสเซียบุกยูเครน รัสเซียยูเครน สงครามยูเครน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: หุ้นเทคจีนร่วงหนัก Hang Seng ลบกว่า 3% รับข่าวเสี่ยงถูกถอดจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ - FINNOMENA ดัชนี Hang Seng เปิดตลาดร่วง 3.32% เช่นเดียวกับหุ้นเทคโนโลยีจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลัง กลต. สหรัฐฯ เปิดเผย 5 บริษัทจีนที่ถูกนำออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ หากไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลการตรวจสอบตามที่กำหนดได้ 11 มี.ค. 2565 ดัชนี Hang Seng เปิดตลาดร่วง 3.32% เช่นเดียวกับหุ้นเทคโนโลยีจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลัง กลต. สหรัฐฯ เปิดเผย 5 บริษัทจีนที่ถูกนำออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ หากไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลการตรวจสอบตามที่กำหนดได้ แม้มีความเป็นไปได้น้อยที่จะนำหุ้นดังกล่าวออกจากตลาดในระยะสั้น แต่การที่ข่าวออกมาในขณะที่ตลาดรับข่าวการควบคุมหนักจากทางการจีนมาตลอดปี ก็ยิ่งสร้าง sentiment ที่ไม่ดีได้ในทันที ส่วนดัชนี Nikkei 225 ปรับตัวลง 2.52% ท่ามกลางตลาดหุ้นเอเชียที่ปรับตัวลงเช่นกัน เนื่องจากการเจรจาระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศยูเครนและรัสเซียล้มเหลว FINNOMENA Investment Team มองว่าแม้สถานการณ์จะยืดเยื้อแต่มีโอกาสลุกลามไปพื้นที่อื่นน้อย ส่วนระยะสั้นตลาดจะกังวลกับสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เราจึงแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามสัดส่วนในพอร์ตแนะนำ โดยเสริมสัดส่วนหุ้น Value เพื่อป้องกันความเสี่ยงในระยะนี้ ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นจีน แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: หุ้นเอเชียเปิดบวกแรง ตามหุ้นยุโรป-สหรัฐฯ Nikkei 225 พุ่ง 3.7% หุ้นจีน-ฮ่องกงบวก 2% จากความหวังเจรจารัสเซีย-ยูเครน ด้านน้ำมันดิ่งกว่า 12% - FINNOMENA เช้านี้ (10 มี.ค.) หุ้นเอเชียเปิดบวกตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก หลังนักลงทุนพากันช้อนซื้อหุ้นที่ร่วงลง ด้านราคาน้ำมันดิ่งหนักกว่า 12% 10 มี.ค. 2565 เช้านี้ (10 มี.ค.) หุ้นเอเชียเปิดบวกตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก หลังนักลงทุนพากันช้อนซื้อหุ้นที่ร่วงลง ด้านราคาน้ำมันดิ่งหนักกว่า 12% ณ เวลา 9:40 น. ญี่ปุ่น: ดัชนี Nikkei 225 เพิ่มขึ้น 3.70% และ Topix เพิ่มขึ้น 3.75% จีน: ดัชนี CSI 300 เพิ่มขึ้น 2.36% และ Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 1.53% ฮ่องกง: ดัชนี Hang Seng เพิ่มขึ้น 2.20% เกาหลีใต้: ดัชนี Kospi เพิ่มขึ้น 2.15% เมื่อวานนี้ (9 มี.ค.) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีแรงซื้อกลับพุ่งสูงสุดในรอบ 2 ปี โดยดัชนี Nasdaq พุ่งแรง 3.59% ตามมาด้วย S&P 500 เพิ่มขึ้น 2.57% และดัชนี Dow Jones เพิ่มขึ้น 2% ขณะที่ดัชนี Stoxx Europe 600 ของตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก 4.68% นอกจากนี้ความเชื่อมั่นในตลาดยังฟื้นตัวขึ้น หลังผู้ช่วยด้านนโยบายต่างประเทศของปธน. ยูเครนกล่าวว่า ยูเครนเปิดกว้างหารือกับรัสเซียในการยุติสงคราม หากมีการรับประกันความปลอดภัยของประเทศ ราคาน้ำมันปรับตัวลงอย่างกะทันหันในคืนวันพุธ (9 มี.ค.) สู่วันที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. หลังมีสัญญาณบวกว่าปริมาณการผลิตน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น จากการที่อิรักกล่าวว่าสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้หากโอเปกพลัสต้องการ รวมถึงสัญญาณสนับสนุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นจาก UAE ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงมากกว่า 12% อยู่ที่ $108.7 ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ร่วงลง 13% อยู่ที่ $111.1 ต่อบาร์เรล อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/03/10/asia-markets-investors-react-to-bounce-on-wall-street-oil-price-drop.html https://www.cnbc.com/2022/03/09/us-oil-prices-take-sudden-leg-downward-now-off-10percent-following-a-march-rally-to-13-year-highs.html https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-03-09/asia-to-join-stock-rebound-as-oil-sinks-with-bonds-markets-wrap?srnd=premium-asia&sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นเอเชีย ราคาน้ำมัน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: ตลาดหุ้นจีนร่วงแรง CSI 300 ลบ 3% เหตุกังวลเงินเฟ้อและ COVID - FINNOMENA ดัชนี CSI 300 ร่วงลงมา 3.01% ขณะที่ดัชนี China A50 ปรับตัวลงมา 2.41% และดัชนี Hang Seng ในตลาดหุ้นฮ่องกงลดลง 1.75% จากความกังวลว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์ จะหนุนให้เงินเฟ้อสูงขึ้น 9 มี.ค. 2565 วันนี้ (9 มี.ค.) ดัชนี CSI 300 ร่วงลงมา 3.01% ขณะที่ดัชนี China A50 ปรับตัวลงมา 2.41% และดัชนี Hang Seng ในตลาดหุ้นฮ่องกงลดลง 1.75% จากความกังวลว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์ จะหนุนให้เงินเฟ้อสูงขึ้น แม้วันนี้จะมีการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค หรือ CPI เดือน ก.พ. ที่ 0.9% (YoY) เป็นไปตามคาด และเพิ่มขึ้น 0.6% (MoM) มากกว่าคาดที่ 0.3% ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต หรือ PPI เพิ่มขึ้น 8.8% (YoY) มากกว่าคาดที่ 8.7% อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นจีนยังคงได้รับแรงกดดัน จากแนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในอนาคต การผลิตที่ลดลงจากวันหยุดช่วงตรุษจีน และผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้น FINNOMENA Investment Team มองว่าในระยะสั้น ตลาดหุ้นทั่วโลกจะถูกกดดันด้วยกระแสความกังวลเงินเฟ้อ แต่ในระยะยาวด้วยระดับมูลค่าและการเติบโต พร้อมคาดว่ามาตรการกระตุ้นในปีนี้จะช่วยหนุนเศรษฐกิจจีน FINNOMENA Investment Team จึงแนะนำทยอยเข้าลงทุนอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือรอจังหวะที่ความเสี่ยงจากความตึงเครียดรัสเซีย-ยูเครนลดลง ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นจีน แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: จับตาท่าทีนานาประเทศต่อน้ำมันรัสเซีย สหรัฐฯ เปิดฉากแบน ย้ำเสรีภาพมีราคาต้องจ่าย อังกฤษ - EU เตรียมลดการนำเข้าเช่นกัน จีนเห็นโอกาสซื้อหุ้นบ.พลังงานและโภคภัณฑ์รัสเซีย - FINNOMENA สหรัฐฯ เปิดฉากแบนการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ขณะที่อังกฤษ และ EU เตรียมลดการนำเข้าจากรัสเซียเช่นกัน ด้านจีนมองเห็นโอกาสช้อนซื้อหุ้นบริษัทพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์สัญชาติรัสเซีย 9 มี.ค. 2565 สหรัฐฯ เปิดฉากแบนการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ขณะที่อังกฤษ และ EU เตรียมลดการนำเข้าจากรัสเซียเช่นกัน ด้านจีนมองเห็นโอกาสช้อนซื้อหุ้นบริษัทพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์สัญชาติรัสเซีย 🇺🇸 ปธน.โจ ไบเดน กล่าวว่า สหรัฐฯ จะห้ามการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย แม้ว่าชาติพันธมิตรอาจไม่ได้อยู่ในสถานะที่สามารถร่วมแผนดังกล่าวได้ก็ตาม โดยหวังว่านี่จะทำให้กำลังการรบและแรงหนุนด้านการเงินของรัสเซียสั่นคลอน ปธน. ไบเดน ยังได้กล่าวเตือนชาวอเมริกันด้วยว่า อาจต้องเผชิญกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้น เพราะ “การปกป้องเสรีภาพนั้นมีราคาที่ต้องจ่าย” โดยสำนักงานพลังงานสากล (IEA) เห็นชอบที่จะระบายน้ำมันกว่า 60 ล้านบาร์เรลออกจากคลังสำรอง ซึ่งกว่า 30 ล้านบาร์เรลจะมาจากสหรัฐฯ เพื่อบรรเทาราคาน้ำมันดิบที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปีที่แล้ว สหรัฐฯ นำเข้าน้ำมันดิบและและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมจากรัสเซียเกือบ 700,000 บาร์เรลต่อวัน ขณะที่รัสเซียส่งออกน้ำมันไปยังยุโรปถึง 4.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน 🇬🇧 หลังสหรัฐฯ ประกาศมาตรการดังกล่าว อังกฤษได้ออกมาประกาศเช่นกันว่าจะลดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียให้ได้ภายในปลายปีนี้ 🇪🇺 ยุโรปเผยแผนเลิกพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย โดยจะเริ่มลดการนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย 2 ใน 3 ส่วน เพื่อเป็นอิสระจากการพึ่งพาเชื้อเพลิงจากรัสเซียภายในปี 2030 โดยจะมีการหารือเพิ่มเติมในวันพฤหัสบดีนี้ (10 มี.ค.) ตอนนี้สมาชิกของ EU ทั้งหมด 27 ประเทศ พึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย 40% น้ำมัน 27% และถ่านหิน 46% ของปริมาณที่ใช้ทั้งหมดต่อปี ซึ่งออร์ซูลา ฟอน แดร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ต้องการให้ยุโรปเป็นอิสระจากรัสเซีย โดยให้เหตุผลว่ายุโรปไม่ควรพึ่งพาซัพพลายเออร์ที่เป็นภัยคุกคามอย่างชัดเจนได้ 🇷🇺 ตอนนี้รัสเซียกำลังเจอศึกหนักจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และพันธมิตร โดยเมื่อวานนี้ (8 มี.ค.) อเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกฯ รัสเซีย ได้ออกมาบอกว่า รัสเซียอาจพิจารณาระงับท่อส่งก๊าซธรรมชาติ นอร์ด สตรีม 1 เพื่อตอบโต้ที่เยอรมันสั่งระงับนอร์ด สตรีม 2 🇨🇳 ด้านจีนซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของรัสเซียนั้น กำลังพิจารณาซื้อหุ้นบริษัทพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ของรัสเซีย เช่น Gazprom PJSC ผู้ผลิตก๊าซรายใหญ่ และ United Co. Rusal International PJSC บริษัทผู้ผลิตอลูมิเนียม โดยรัฐบาลจีนกำลังเจรจากับบริษัทที่รัฐบาลเป็นเจ้าของถึงโอกาสในการลงทุนดังกล่าว ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้กล่าวว่า ข้อตกลงใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นเป็นเพราะจีนให้ความสำคัญกับความมั่นคงด้านอมากขึ้น ไม่ได้เป็นการสนับสนุนการรุกรานยูเครนแต่อย่างใด อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-03-08/china-considers-buying-stakes-in-russian-energy-commodity-firms?sref=e4t2werz https://www.voathai.com/a/us-bans-imports-of-russian-oil-amid-ukraine-invasion-03082022/6475672.html https://www.thairath.co.th/news/foreign/2336291 ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update น้ำมัน ยูเครน รัสเซีย รัสเซียยูเครน ราคาน้ำมัน วลาดิมีร์ ปูติน สงคราม สงครามยูเครน สี จิ้นผิง โจ ไบเดน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: ทองคำไทยทุบสถิติสูงสุดใหม่ ทองแท่งขายออกบาทละ 32,000 พุ่งพรวด เช้านี้ 900 บาท - FINNOMENA ราคาทองคำปรับขึ้น 900 บาท ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 32,000 บาท 9 มี.ค. 2565 ราคาทองคำปรับขึ้น 900 บาท ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 32,000 บาท เช้านี้ (9 มี.ค.) สมาคมค้าทองคำรายงานราคาทองคำครั้งที่ 1 เมื่อเวลา 09.28 น. โดยทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 31,900 ขายออกบาทละ 32,000 บาท ส่วนทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 31,320.56 ขายออกบาทละ 32,500 บาท ขณะที่ราคาทองคำโลกปรับเพิ่มขึ้นมา 2.54%อยู่ที่ 2,049 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ศึ่งเป็นราคาสูงสุดนับตั้งแต่ ส.ค. 2020 โดยนักลงทุนพากันเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังมีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับวิกฤติรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ทองคำ ราคาทอง แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: รอไหวไหม? Cathie Wood ขอเวลาอีก 5 ปี ผลตอบแทนที่งดงามจะคืนกลับมา - FINNOMENA Cathie Wood ผู้จัดการกองทุนชื่อดังออกโรงปกป้องกลยุทธ์การลงทุนของ Ark Invest ย้ำมองเห็นผลตอบแทนอันน่าทึ่งในอีก 5 ปีข้างหน้า 8 มี.ค. 2565 Cathie Wood ผู้จัดการกองทุนชื่อดังออกโรงปกป้องกลยุทธ์การลงทุนของ Ark Invest ย้ำมองเห็นผลตอบแทนอันน่าทึ่งในอีก 5 ปีข้างหน้า “ฉันมั่นใจว่าเราจะได้เห็นผลตอบแทนอันน่าทึ่ง จากการเติบโตของกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีสมัยใหม่” Cathie Wood ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ความคิดเห็นของ Cathie Wood มีขึ้นหลัง ARKK กองทุนเรือธงของบริษัทถูกแรงเทขายอย่างหนัก จนลดลงเกือบครึ่งนึงในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ในเวลาที่ดัชนี S&P 500 สามารถเพิ่มขึ้นเกือบ 15% ในช่วงเวลาเดียวกัน Cathie Wood บอกว่า ตอนนี้คือตลาดขาลงที่แย่มากสำหรับหุ้นนวัตกรรม แต่ถ้ามองจากจุดต่ำสุดตั้งแต่โควิดไปจนถึงจุดพีคในเดือนก.พ. 2021 กองทุน ARKK พุ่งขึ้นมาถึง 358% ข้อมูลจาก ETF.com รายงานว่า มีกระแสเงินไหลเข้ากองทุน ARKK ตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค. เกือบ 1,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง Cathie Wood เชื่อว่านักลงทุนกำลังถัวเฉลี่ยในขาลง และหาก Ark คิดถูก ผลตอบแทนจะกลับมาอยู่เหนือค่าเฉลี่ยอย่างมากในอีก 5 ปีข้างหน้า “ตอนนี้โลกกำลังเผชิญกับปัญหาทุกประเภท และนวัตกรรมคือคำตอบ” Cathie Wood กล่าว Cathie Wood ยังได้พูดถึงสงครามยูเครนที่ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์บางอย่าง เช่น น้ำมันแพงขึ้น โดยความขัดแย้งจะไปทำลายอุปสงค์ (Demand Destruction) ของสินค้าดั้งเดิมและแทนที่ด้วยนวัตกรรม เช่น การเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพราะราคาเชื้อเพลิงแพง Cathie Wood กล่าวว่า Ark Invest ใกล้เคียงกับกองทุนร่วมลงทุน Venture Capital Fund ที่ให้ความสำคัญกับเหล่าบริษัทเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ในปีที่แล้ว หุ้นนวัตกรรมในตลาดหุ้นสาธารณะร่วงลงมา 60% เพราะเต็มไปด้วยนักลงทุนที่อ่อนไหวต่อ Benchmark แต่หุ้นบริษัทนวัตกรรมเอกชนที่อยู่นอกตลาดเพิ่มขึ้นถึง 20% เพราะมีแต่นักลงทุนที่มองเห็นโอกาสการเติบโตอย่างก้าวกระโดด Cathie Wood เสริมว่า ในดัชนี S&P 500 มีสัดส่วนหุ้นเทคโนโลยีถึง 28% ก็จริง แต่หุ้นเหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในอดีต ในขณะที่หุ้นนวัตกรรมซึ่ง Ark เลือกลงทุนคือ ความสำเร็จแห่งอนาคต และท้ายที่สุดจะมาอยู่ในดัชนีหลัก อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/03/07/cathie-wood-says-she-still-expects-to-see-spectacular-returns-over-the-next-5-years.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: ARK Invest ARKK Cathie Wood News Update แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: น้ำมันดิบพุ่งกว่า 7% แตะ $130 สูงสุดรอบ 13 ปี กังวลตะวันตกแบนน้ำมันรัสเซีย ทำอุปทานน้ำมันโลกหยุดชะงัก - FINNOMENA ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ พุ่งกว่า 7% แตะ $130 สูงสุดในรอบ 13 ปี หลังสหรัฐฯ ​และพันธมิตรเตรียมแบนน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย ในเวลาที่อุปทานน้ำมันโลกกำลังชะลอตัว 7 มี.ค. 2565 ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ พุ่งกว่า 7% แตะ $130 สูงสุดในรอบ 13 ปี หลังสหรัฐฯ และพันธมิตรเตรียมแบนน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย ในเวลาที่อุปทานน้ำมันโลกกำลังชะลอตัว วันนี้ (7 มี.ค.) ราคาฟิวเจอร์สน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 7.34% สู่ $124.17 ต่อบาร์เรล โดยระหว่างวันพุ่งไปถึง $130.50 สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 2008 ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent พุ่งขึ้น 8.54% อยู่ที่ $128.20 โดยพุ่งไปถึง $139.13 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 2008 เช่นกัน แอนโทนี บลิงเคน รมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯ กล่าวกับสำนักข่าว CNN เมื่อวานนี้ (6 มี.ค.) ว่า สหรัฐฯ และพันธมิตรเตรียมแบนการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย แต่จะต้องมั่นใจก่อนว่ามีอุปทานน้ำมันที่เหมาะสมในตลาดโลก ด้านแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าวในแถลงการณ์ว่า สภาเตรียมร่างกฎหมายที่มุ่งแยกรัสเซียออกจากเศรษฐกิจโลก โดยจะพิจารณา 1) ห้ามนำเข้าน้ำมันและพลังงานจากรัสเซีย 2) ตัดความสัมพันธ์ทางการค้ากับรัสเซียและเบลารุส 3) แบนรัสเซียไม่ให้เข้าถึง WTO 4) มอบอำนาจแก่ฝ่ายบริหารในการเพิ่มภาษีนำเข้าจากรัสเซีย ในช่วงเวลาเดียวกัน ซาอุดิอาระเบียได้ปรับขึ้นราคาน้ำมัน และลิเบียประกาศลดกำลังการผลิตจากวิกฤติการเมืองในแอฟริกาเหนือ แม้จะมีความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านแล้วก็ตาม ซาอุดิอาระเบียได้ปรับขึ้นราคาน้ำมันสำหรับทุกภูมิภาค โดยในเดือนหน้าราคาน้ำมันดิบ Arab Light สำหรับส่งไปทวีปเอเชียจะอยู่ที่ $4.95 บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่ Bloomberg รวบรวมข้อมูลตั้งแต่ปี 2000 ด้านรมว.พลังงานของลิเบีย ประกาศลดการผลิตน้ำมันเหลือต่ำกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่สมาชิกโอเปกลดกำลังการผลิตเหลือ 920,000 บาร์เรลต่อวัน จากวิกฤติทางการเมือง อย่างไรก็ตาม ยังมีสัญญาณบวกต่ออุปทานน้ำมันโลก หลังมีความคืบหน้าการเจรจานิวเคลียร์ของอิหร่านกับมหาอำนาจโลก ซึ่งหากสำเร็จจะนำไปสู่การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร และปูทางให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันสู่ตลาดโลกอีกครั้ง อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/03/06/us-crude-oil-jumps-to-125-a-barrel-a-13-year-high-on-possible-western-ban-of-russian-oil.html https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-03-06/brent-oil-soars-above-135-on-fears-over-tightening-market?srnd=premium-asia&sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update ยูเครน รัสเซีย รัสเซียยูเครน ราคาน้ำมัน สงครามยูเครน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: ตลาดยุโรปร่วง 3% เหตุกังวลอาจเกิด Stagflation - FINNOMENA ดัชนี STOXX 600 ของยุโรปปรับตัวลง 2.62% เช่นเดียวกับดัชนี STOXX 50 ที่ร่วงลง 3.04% จากความกังวลต่อการห้ามนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของสหรัฐฯ และชาติพันธมิตร จนเริ่มมีการพูดถึงภาวะ Stagflation แล้ว 7 มี.ค. 2565 ดัชนี STOXX 600 ของยุโรปปรับตัวลง 2.62% เช่นเดียวกับดัชนี STOXX 50 ที่ร่วงลง 3.04% จากความกังวลต่อการห้ามนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของสหรัฐฯ และชาติพันธมิตร จนเริ่มมีการพูดถึงภาวะ Stagflation แล้ว FINNOMENA Investment Team มองว่าแม้สถานการณ์จะยืดเยื้อแต่มีโอกาสลุกลามไปพื้นที่อื่นน้อย ในระยะสั้นตลาดจะกังวลกับสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันตลาดที่ปรับตัวลงช่วยลดระดับมูลค่าที่ตึงตัวและกลับเป็นโอกาสลงทุนในภูมิภาคอื่นที่ไม่ได้อยู่ในความขัดแย้งโดยตรงเหมือนกับภูมิภาคยุโรป เช่น สหรัฐฯ, เอเชีย เป็นต้น ซึ่งเศรษฐกิจยังเติบโตจากอานิสงส์การเปิดเมืองอยู่ ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นยุโรป หุ้นยุโรป แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: ทองคำไทยทะลุ บาทละ 30,600 บาท ทองคำโลกพุ่งแตะ $2000 นักลงทุนแห่ซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังสงครามรัสเซียยูเครนปะทุต่อเนื่อง - FINNOMENA ราคาทองคำพุ่งแตะ $2000 นักลงทุนพากันเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังสงครามรัสเซีย-ยูเครนยังดำเนินต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลก 7 มี.ค. 2565 ราคาทองคำพุ่งแตะ $2000 นักลงทุนพากันเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังสงครามรัสเซีย-ยูเครนยังดำเนินต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลก ราคาทองคำฟิวเจอร์สพุ่ง 2% สู่ระดับ 2,005.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยเพิ่มขึ้นถึง 4.2% ในสัปดาห์ที่แล้ว ราคาทองเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 2020 ตลาดกังวลว่า มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียจากนานาประเทศ อาจชะลอการเติบโตทั่วโลก และไปกระตุ้นเงินเฟ้อจากอุปทานธัญพืช พลังงาน และโลหะที่หยุดชะงักลง ในเวลาที่ Fed เตรียมขึ้นดอกเบี้ย เช้านี้ (7 มี.ค.) สมาคมค้าทองคำ รายงานราคาทองคำครั้งที่ 1 เมื่อเวลา 09.39 น. ปรับขึ้น 450 บาท โดยทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 30,600 ขายออกบาทละ 30,700 บาท ส่วนทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 30,047.12 ขายออกบาทละ 31,200 บาท. ขณะที่ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ พุ่งกว่า 8% แตะระดับ $130 สูงสุดในรอบ 13 ปี หลังตลาดกังวลว่าเหล่าชาติตะวันตกอาจแบนน้ำมันรัสเซียและทำให้อุปทานน้ำมันทั่วโลกหยุดชะงัก อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-03-07/gold-rises-above-2-000-as-ukraine-war-boosts-haven-demand?srnd=premium-asia ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ทองคำ ยูเครน รัสเซีย รัสเซียยูเครน สงครามยูเครน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: หุ้นเอเชียเปิดลบหนัก กังวลแบนน้ำมันรัสเซีย - FINNOMENA ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงอย่างหนัก จากความกังวลว่าสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรกำลังพิจารณาห้ามนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ 7 มี.ค. 2565 ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงอย่างหนัก จากความกังวลว่าสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรกำลังพิจารณาห้ามนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ส่งให้ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นทันที 7.19% มาที่ 124 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เช่นเดียวกับน้ำมันดิบ Brent ซึ่งปรับตัวขึ้น 8.47% มาที่ 128 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นับเป็นจุดสูงสุดตั้งแต่ปี 2008 ด้านราคาทองคำก็ปรับตัวขึ้นเช่นกันกว่า 1.15% อยู่ที่ระดับ 1,992 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่งให้เช้านี้ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง ดังนี้ ดัชนี Nikkei 225 ปรับตัวลง 3.65% ดัชนี Hang Seng ปรับตัวลง 4.01% ดัชนี China A50 ปรับตัวลง 2.53% ดัชนี KOSPI ปรับตัวลง 2.45% ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นเอเชีย ยูเครน รัสเซีย รัสเซียยูเครน สงครามยูเครน แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: รัสเซียยึดโรงไฟฟ้ายูเครนแล้ว นักวิเคราะห์ระบุ เตาปฏิกรณ์ยังแข็งแกร่ง แย้งประเด็นรุนแรงกว่าภัยพิบัติเชียร์โนบีล 10 เท่า - FINNOMENA รัสเซียเข้ายึด ‘Zaporizhzhia’ โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ของยูเครนที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปแล้ว หลังโจมตีด้วยการทิ้งระเบิดในศูนย์ฝึกอบรมไปเมื่อเช้านี้ โดยตอนนี้กองกำลังของปูตินกำลังบุกถล่มเมืองต่างๆ ทั่วยูเครน 4 มี.ค. 2565 รัสเซียเข้ายึด ‘Zaporizhzhia’ โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ของยูเครนที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปแล้ว หลังโจมตีด้วยการทิ้งระเบิดในศูนย์ฝึกอบรมไปเมื่อเช้านี้ โดยตอนนี้กองกำลังของปูตินกำลังบุกถล่มเมืองต่างๆ ทั่วยูเครน “ยุโรปต้องตื่นได้แล้ว หากมีระเบิดเกิดขึ้นจะเป็นจุดจบของทั้งยุโรป ความเคลื่อนไหวอย่างเร่งด่วนของยุโรปเท่านั้นที่จะหยุดกองทัพของรัสเซียได้” ปธน.โวโลดีมีร์ เซเลนสกีของยูเครนกล่าวผ่านทางวิดีโอในช่วงเช้าของวัน หลังพูดคุยกับเหล่าผู้นำยุโรปทั้งนายกฯ บอริส จอห์นสันของ UK, นายกโอลาฟ โชลซ์ ของเยอรมนี รวมถึงผู้นำคนอื่นๆ ด้วย ก่อนหน้านี้ทางการยูเครนได้แจ้งกับสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ว่า ไม่มีอุปกรณ์สำคัญได้รับความเสียหาย และไม่พบรายงานการเปลี่ยนแปลงของระดับกัมมันตรังสี นักวิเคราะห์แย้งประเด็นของรมว.ต่างประเทศของยูเครนที่เตือนว่า ผลกระทบอาจรุนแรงว่าภัยพิบัติเชียร์โนบีลเมื่อ 36 ปีที่แล้ว ถึง 10 เท่า โดยชี้แจงว่าเตาปฏิกรณ์ที่ Zaporizhzhia นั้นถูกออกแบบมาต่างกัน และถูกอัปเกรดใหม่หลังภัยพิบัติที่ฟุกุชิมะ สอดคล้องกับรมว.พลังงานของสหรัฐฯ กล่าวว่า เตาปฏิกรณ์ที่โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์มีระบบป้องกันภัยที่แข็งแกร่ง และได้ถูกปิดลงแล้วในขณะนี้ อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-03-04/russia-firing-on-zaporizhzhia-nuclear-plant-ukraine-says?srnd=premium-asia&sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update ยูเครน รัสเซีย รัสเซียยูเครน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Citigroup แนะ ‘เพิ่มน้ำหนัก’ หุ้นสหรัฐฯ มองหุ้นเติบโตมีโอกาสท่ามกลางวิกฤติรัสเซียยูเครน IT - การเงิน และหุ้น UK น่าสนใจเช่นกัน - FINNOMENA Citigroup มีมุมมองบวกมากขึ้น (Overweight) ต่อหุ้นสหรัฐฯ นักวิเคราะห์คาดหุ้นเติบโตฟื้นตัวดี หลังผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลร่วงแรงจากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน 4 มี.ค. 2565 Citigroup มีมุมมองบวกมากขึ้น (Overweight) ต่อหุ้นสหรัฐฯ นักวิเคราะห์คาดหุ้นเติบโตฟื้นตัวดี หลังผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลร่วงแรงจากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลงจากการรุกรานยูเครนของรัสเซียในสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อพุ่ง ขณะที่ความคาดหวังว่าธนาคารกลางจะขึ้นดอกเบี้ยนั้นลดลง Robert Buckland ทีมนักเศรษฐศาสตร์ของ Citigroup กล่าวว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกค่อนข้างแข็งแกร่งแม้จะเผชิญกับสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยการร่วงแรงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรนั้นบ่งชี้ว่า ถึงเวลาแล้วที่การปรับฐานของหุ้นเติบโตในปีนี้ควรหยุดลง อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ พุ่งขึ้นในวันพุธที่ผ่านมา (2 มี.ค.) โดยดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 8 สัปดาห์ หลังเจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed กล่าวว่า เขาเตรียมสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค. รวมถึงมีความยืดหยุ่นในการตอบสนองต่อผลกระทบจากวิกฤติยูเครน Citigroup รายงานว่า กลุ่มหุ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับรัสเซียจำนวน 60 บริษัท ร่วงลงมา 17% ในปีนี้ ซึ่งรวมถึง PepsiCo, Glencore, Carlsberg, Epam Systems และ Uniper เมื่อเทียบกับการลดลง 8% ของหุ้นทั่วโลกอ้างอิงจากดัชนี MSCI ACWI Citigroup ยังมองว่าหุ้นเทคโนโลยีสารสนเทศทั่วโลกจะ Outperform เห็นได้จากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 2% นับตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน นอกจากนี้ Citigroup ลดความเชื่อมั่นในหุ้นญี่ปุ่นและกลุ่มอุตสาหกรรมทั่วโลกสู่ระดับปานกลาง (Neutral) และยังคงมุมมองบวก (Overweight) ต่อหุ้น UK และหุ้นกลุ่มการเงิน อ้างอิง: https://www.reuters.com/markets/europe/citigroup-hikes-us-equities-overweight-sees-demand-growth-stocks-2022-03-03/ ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: citi News Update ยูเครน รัสเซีย รัสเซียยูเครน หุ้นสหรัฐ หุ้นเติบโต แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในยูเครนปลอดภัยแล้ว โลกระทึก รัสเซียโจมตี Zaporizhzhia โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ใหญ่สุดในยุโรป ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบ นักลงทุนจับตาสถานการณ์ - FINNOMENA Zaporizhzhia ของยูเครนซึ่งเป็น ‘โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ใหญ่สุดในยุโรป’ ได้รับการยืนยันความปลอดภัยแล้ว โดยหน่วยงานดับเพลิงของยูเครนสามารถเข้าไปควบคุมสถานการณ์ได้ และไม่มีรายงานการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีในบริเวณดังกล่าว 4 มี.ค. 2565 Zaporizhzhia ของยูเครนซึ่งเป็น ‘โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ใหญ่สุดในยุโรป’ ได้รับการยืนยันความปลอดภัยแล้ว โดยหน่วยงานดับเพลิงของยูเครนสามารถเข้าไปควบคุมสถานการณ์ได้ และไม่มีรายงานการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีในบริเวณดังกล่าว หลังมีรายงานว่า โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ถูกโจมตีจากการทิ้งระเบิดของรัสเซีย เกิดเหตุเพลิงไหม้ในอาคารฝึกอบรมพนักงาน ท่ามกลางกองกำลังของปูตินกำลังเดินหน้าโจมตีเมืองต่างๆ ทั่วยูเครน โรงงาน Zaporizhzhia เป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าหลักราว 20% ของไฟฟ้าทั้งหมดที่ใช้ในยูเครน และมีเครื่องปฏิกรณ์ 6 จากทั้งหมด 15 เครื่องทั่วยูเครน ซึ่งหากเกิดการระเบิดขึ้น ผลกระทบอาจรุนแรงว่าภัยพิบัติเชียร์โนบีลเมื่อ 36 ปีที่แล้ว ถึง 10 เท่า Dmytro Kuleba รมว.ต่างประเทศของยูเครนเรียกร้องให้กองทัพรัสเซียหยุดยิง และได้แจ้งกับสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) แล้วว่า อุปกรณ์สำคัญไม่ได้รับความเสียหาย และบุคลากรของโรงงานกำลังบรรเทาสถานการณ์ ด้านปธน.โจ ไบเดนของสหรัฐฯ ได้พูดคุยกับปธน.โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนหลังเกิดเหตุดังกล่าว โดยผู้นำทั้งสองเรียกร้องให้รัสเซียหยุดปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่ เพื่อให้นักดับเพลิงและเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินสามารถเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าวได้ ผู้อำนวยการทั่วไปของ IAEA ได้เตือนถึงอันตรายขั้นรุนแรงหากเครื่องปฏิกรณ์ถูกโจมตี ขณะที่ทางยูเครนระบุว่า ยังไม่พบรายงานการเปลี่ยนแปลงของระดับรังสึ สถานการณ์ดังกล่าวน่ากังวลขนาดไหน? Mark Nelson กรรมการผู้จัดการของ Radiant Energy Fund กล่าวว่า ถ้าพูดถึงเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพนอกโรงงานตอนนี้ยังไม่น่ากังวล แต่ถ้าการตอบสนองฉุกเฉินของโรงงานถูกปิดลง ซึ่งต้องไม่ใช่แค่การถูกยิงโดยบังเอิญจากอาวุธเบา สิ่งที่แย่ที่สุดที่เป็นไปได้คือ ความเลวร้ายแบบอุบัติเหตุนิวเคลียร์เกาะทรีไมล์ (TMI) ที่เคยเกิดขึ้นในปี 1979 การโจมตีดังกล่าวส่งผลให้ตลลาดหุ้นร่วงหนัก โดยดัชนี S&P 500 ฟิวเจอร์สร่วงเพิ่ม 0.6% หลังร่วง 1.7% ก่อนหน้านี้ โดยเช้านี้ (4 มี.ค.) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบ ดัชนี Hang Seng ฮ่องกง -2.57%, ดัชนี Nikkei 225 ญี่ปุ่น -2.09%, ดัชนี CSI 300 จีน -0.92% และดัชนี Kospi เกาหลีใต้ -1.18% อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-03-04/russia-firing-on-zaporizhzhia-nuclear-plant-ukraine-says?srnd=premium-asia&sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update ตลาดหุ้นเอเชีย ยูเครน รัสเซีย รัสเซียยูเครน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: MSCI - FTSE ถอดหุ้นรัสเซียจากดัชนีหลัก ชี้หุ้นรัสเซียลงทุนไม่ได้ จากพิษสงคราม Fitch Ratings หั่นเครดิตรัสเซียเหลือ B - FINNOMENA ผลกระทบของการบุกโจมตียูเครนของรัสเซียไม่ได้หยุดอยู่แค่ประเด็นทางการเมือง ตอนนี้หุ้นรัสเซียถูกถอดออกจากดัชนีชั้นนำของโลกทั้ง MSCI และ FTSE Russell แล้ว 3 มี.ค. 2565 ผลกระทบของการบุกโจมตียูเครนของรัสเซียไม่ได้หยุดอยู่แค่ประเด็นทางการเมือง ตอนนี้หุ้นรัสเซียถูกถอดออกจากดัชนีชั้นนำของโลกทั้ง MSCI และ FTSE Russell แล้ว MSCI บริษัทจัดทำดัชนีหุ้นชั้นนำของโลก ได้ประกาศถอดหุ้นรัสเซียออกจากดัชนีตลาดเกิดใหม่ไปเป็นตลาดหลักทรัพย์เดี่ยว (Standalone Market) โดยจะมีผลในวันที่ 9 มี.ค. นี้ หลังจากนั้นไม่นาน FTSE Russell บริษัทจัดทำดัชนีหุ้นของอังกฤษ ก็ได้ออกมาประกาศว่าจะถอดหุ้นรัสเซียออกจากดัชนีเช่นกัน โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค. ทำไมหุ้นรัสเซียถึงถูกถอดออกจากดัชนีหลัก? “เสียงส่วนใหญ่ยืนยันว่าหุ้นรัสเซียไม่สามารถลงทุนได้ในขณะนี้ และหลักทรัพย์ของรัสเซียควรถูกถอดออกจากดัชนี MSCI Emerging Markets” MSCI กล่าวในแถลงการณ์ ผู้เชี่ยวชาญมองว่า สินทรัพย์ของรัสเซียเป็นพิษไปแล้ว โดยความเร็วของเหตุการณ์ในยูเครนนั้นน่าเหลือเชื่อ และผลกระทบก็ไปไกลมากเห็นได้จากที่หลายบริษัทขนาดใหญ่พากันออกจากรัสเซีย มีความเสี่ยงสูงมากที่เงินทุนจำนวน 32,000 ล้านดอลลาร์จะไหลออกจากตลาดหุ้นรัสเซียจากความเคลื่อนไหวของ MSCI แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเรื่องยากสำหรับนักลงทุนในการออกจากรัสเซียก็ตาม หัวหน้าฝ่ายการลงทุนของ VanEck กล่าวว่า ตอนนี้บริษัทไม่สามารถขายหุ้นรัสเซียออกได้ และการถูกถอดออกจากดัชนีหลักจะยิ่งทำให้นักลงทุนแย่ลงไปอีก ตลาดหลักทรัพย์เดี่ยวคืออะไร? ตลาดหลักทรัพย์เดี่ยว คือตลาดหุ้นที่ไม่ถูกรวมอยู่ในดัชนีหลักของ MSCI นั่นหมายถึงการพลาดโอกาสของเงินลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์จากกองทุนแบบ Passive ที่ลงทุนตามดัชนี โดยประเทศที่อยู่ในกลุ่มนี้ได้แก่ ปานามา, เลบานอน, ปาเลสไตน์, บอตสวานา และซิมบับเว ล่าสุด Fitch Ratings ได้ปรับอันดับความน่าเชื่อถือของรัสเซียลง 6 ระดับจาก BBB สู่ B แล้ว ซึ่งเป็นระดับขยะ (Junk) นอกจาก MSCI และ FTSE Russell แล้ว สถาบันการเงินและบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำก็ออกมาเคลื่อนไหวเช่นกัน JPMorgan กล่าวว่า กำลังทบทวนการรวมหนี้บางส่วนของรัสเซีย เบลารุส และยูเครนออกจากดัชนีพันธบัตรของบริษัท Intercontinental Exchange กล่าวว่า จะถอดหุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัทรัสเซียที่ถูกคว่ำบาตรออกจากดัชนีตราสารหนี้ของบริษัท โดยจะปรับสมดุล (Rebalance) สินทรัพย์ในวันที่ 31 มี.ค. S&P Dow Jones ระบุว่า จะไม่มีหุ้นที่จดทะเบียนหรือมีภูมิลำเนาอยู่ในรัสเซียถูกเพิ่มลงในดัชนีจนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-03-02/msci-pulls-russian-equities-out-of-its-key-emerging-market-index?sref=e4t2werz https://www.fitchratings.com/research/sovereigns/fitch-downgrades-russia-to-b-on-rating-watch-negative-02-03-2022 ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FTSE MSCI News Update รัสเซีย รัสเซียยูเครน หุ้นรัสเซีย แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: น้ำมันทะลุ $109 รอบกว่า 8 ปี Bitcoin ยืนเหนือ $44,000 แล้ว สหรัฐฯ​ ​และพันธมิตร เร่งกดดันปูติน รัสเซียใช้คริปโทฯ เลี่ยงคว่ำบาตร - FINNOMENA ราคาน้ำมันทะลุ $109 หลังการคว่ำบาตรรัสเซียเริ่มรุนแรงขึ้น ด้าน Bitcoin พุ่งต่อเนื่องยืนเหนือ $44,000 จากกระแสการใช้คริปโทฯ เป็นสื่อกลางแทนสกุลเงินหลักในรัสเซียและยูเครน 2 มี.ค. 2565 ราคาน้ำมันทะลุ $109 หลังการคว่ำบาตรรัสเซียเริ่มรุนแรงขึ้น ด้าน Bitcoin พุ่งต่อเนื่องยืนเหนือ $44,000 จากกระแสการใช้คริปโทฯ เป็นสื่อกลางแทนสกุลเงินหลักในรัสเซียและยูเครน การบุกรุกยูเครนของรัสเซียส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งสูงสุดนับตังแต่ปี 2019 และยังกดดันอุปทานพลังงาน พืชผล และโลหะที่ตึงตัวอยู่แล้วจากการแพร่ระบาดใหญ่ มาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชียส่งผลให้ข้อตกลงทางการค้าของรัสเซียหยุดชะงักลง ซึ่งรัสเซียเป็นผู้ส่งออกสำคัญในน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ ธัญพืช ปุ๋ย และโลหะ เช่น อะลูมิเนียม ดัชนี Bloomberg Commodity Spot เพิ่มขึ้น 4.1% หรือกว่าเท่าตัวจากระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี โดยล่าสุด (2 มี.ค.) ราคาฟิวเจอร์สของน้ำมันพุ่งเหนือ $109 ต่อบาร์เรล เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2013 เมื่อวานนี้ (1 มี.ค.) ประเทศสมาชิกของ IEA ประกาศแผนปล่อยน้ำมันสำรองปริมาณ 60 ล้านบาร์เรล เพื่อบรรเทาปัญหาราคาน้ำมันแพง แต่ Goldman Sachs มองว่าปริมาณดังกล่าวไม่เพียงพอ โดยการทำลายอุปสงค์ (Demand Destruction) ผ่านราคาที่สูงขึ้นน่าจะเป็นเพียงกลไกเดียวในการปรับสมดุล ขณะที่กลุ่มโอเปกและพันธมิตร ซึ่งรวมถึงรัสเซีย เตรียมหารือกันในวันนี้เกี่ยวกับผลผลิตในเดือน เม.ย. ล่าสุด (2 มี.ค.) ราคา Bitcoin อยู่ที่ประมาณ $44,400 จากทั้งแรงช้อนซื้อของนักลงทุน การที่รัสเซียใช้คริปโทฯ เพื่อหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตร รวมถึงความพยายามของชาวยูเครนและรัสเซียในการเอาเงินออกมาจากประเทศตนเอง มาร์ค โมเบียส นักลงทุนรุ่นเก๋าและผู้ก่อตั้ง Mobius Capital Partners กล่าวว่า รัสเซียใช้ Bitcoin ซึ่งไม่ได้เป็นเจ้าของหรือออกโดยธนาคารกลางเพื่อหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตร ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ดันให้ราคา Bitcoin พุ่งสูงขึ้น ตอนนี้สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนกำลังทำให้วิกฤติค่าครองชีพทั่วโลกเลวร้ายลง และสร้างกดดันต่อธนาคารกลางทั่วโลกที่ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อเพิ่มต้นทุนการกู้ยืม กับความเสี่ยงในการหยุดชะงักของเศรษฐกิจ รัสเซียเผชิญแรงกดดันจากรอบด้าน โดย MSCI บริษัทจัดทำดัชนีอ้างอิงขนาดใหญ่ของโลกกล่าวว่า บริษัทกำลังประเมินความสามารถในการเข้าถึงและศักยภาพในการเข้าลงทุนหุ้นรัสเซีย ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจปรับให้ดัชนี MSCI หุ้นรัสเซียที่เดิมรวมอยู่ในตลาดหุ้นเกิดใหม่ไปเป็นตลาดหุ้นเฉพาะตัว อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-03-01/commodities-jump-most-since-2009-as-ukraine-war-threatens-supply?sref=e4t2werz https://www.cnbc.com/2022/03/02/us-oil-jumps-to-highest-since-2013-tops-109-a-barrel.html https://www.cnbc.com/2022/03/01/bitcoin-btc-price-jumps-as-russia-ukraine-conflict-continues.html https://www.reuters.com/business/exclusive-msci-says-removing-russia-indexes-natural-next-step-2022-02-28/ ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Bitcoin News Update น้ำมัน ปูติน รัสเซีย รัสเซียบุกยูเครน รัสเซียยูเครน ราคาน้ำมัน วลาดิมีร์ ปูติน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: มหาเศรษฐีรัสเซียสูญเงินรวมกัน $83,000 ล้าน นานาชาติมุ่งเป้าชนชั้นสูง หวังกดดันปูติน ยูเครนทาบทามเศรษฐีดัง ‘โรมัน อับราโมวิช’ เจ้าของสโมสรเชลซี ช่วยไกล่เกลี่ยรัสเซีย - FINNOMENA การตัดสินใจบุกยูเครนของปูตินทำให้เหล่ามหาเศรษฐีรัสเซียที่รวยติด 500 อันดับของโลก สูญเงินรวมกันแล้ว 83,000 ล้านดอลลาร์ 2 มี.ค. 2565 การตัดสินใจบุกยูเครนของปูตินทำให้เหล่ามหาเศรษฐีรัสเซียที่รวยติด 500 อันดับของโลก สูญเงินรวมกันแล้ว 83,000 ล้านดอลลาร์ ตอนนี้การคว่ำบาตรจากทั่วโลกกำลังทำลายทั้งเศรษฐกิจและตลาดการเงินของรัสเซีย ซึ่งหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบคือเหล่ามหาเศรษฐีรัสเซีย โดยล่าสุด (28 ก.พ.) สหภาพยุโรปเพิ่งรับรองการคว่ำบาตรเพิ่มเติมแก่ Alisher Usmanov, Mikhail Fridman, Petr Aven และ Alexei Mordashov เมื่อรวมกับมาตรการคว่ำบาตรที่มีอยู่ก่อนหน้า รัฐบาลประเทศต่างๆ มองว่า บทลงโทษซึ่งมุ่งเป้าไปยังชนชั้นสูงที่ร่ำรวยจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการกดดันรัสเซีย คนที่เผชิญผลกระทบหนักที่สุดคือ Vagit Alekperov เจ้าของบริษัทน้ำมัน Lukoil PJSC ที่มูลค่าสินทรัพย์สุทธิของเขาร่วงไป 13,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ โดยเมื่อวานนี้ (28 ก.พ.) ราคาหุ้นของบริษัทดิ่งแรงที่ 62.8% Gennady Timchenko เจ้าของ Volga Group มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในรัสเซีย ซึ่งเป็นคนแรกๆ ที่ถูกคว่ำบาตรจาก UK นั้นสูญความมั่งคั่งไป 10,600 ล้านดอลลาร์หรือหายไปเกือบครึ่งในปีนี้ ขณะที่เจ้าของบริษัท Novatek ผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติ Leonid Mikhelson สูญทรัพย์สินไป 10,200 ล้านดอลลาร์ มหาเศรษฐีชื่อดังอย่าง ‘โรมัน อับราโมวิช’ เจ้าของสโมสรเชลซี รวมถึงเจ้าของบริษัทผู้ผลิตเหล็ก Evraz Plc ก็ได้รับผลกระทบเช่นกันแม้จะไม่ได้อยู่ในรายชื่อการคว่ำบาตรก็ตาม โดยมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของเขาลดลงไป 5,000 ล้านดอลลาร์ ความขัดแย้งดังกล่าวทำให้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (26 ก.พ.) ‘โรมัน อับราโมวิช’ ตัดสินใจส่งต่ออำนาจการบริหารสโมสรแก่มูลนิธิการกุศลของสโมสร โดยโฆษกบอกว่า เขาได้รับการทาบทามจากยูเครนเพื่อช่วยเป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ยสันติกับรัสเซีย อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-02-28/russian-billionaires-count-cost-of-83-billion-wealth-wipeout ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update ปูติน มหาเศรษฐีรัสเซีย รัสเซีย รัสเซียบุกยูเครน รัสเซียยูเครน วลาดิมีร์ ปูติน เชลซี แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Bitcoin พุ่ง 13% ยืนเหนือ $43,000 หลังสหรัฐฯ คว่ำบาตรชุดใหม่แบงก์ชาติรัสเซีย นักวิเคราะห์จับตา $38,000 น่าซื้อ - FINNOMENA คริปโทฯ​ พุ่งแรง หลังคลังสหรัฐฯ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่ ห้ามชาวอเมริกันทำธุรกรรมกับแบงก์ชาติรัสเซีย รวมถึงอายัดทรัพย์สินของธนาคารกลางรัสเซียในสหรัฐฯ 1 มี.ค. 2565 คริปโทฯ พุ่งแรง หลังคลังสหรัฐฯ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่ ห้ามชาวอเมริกันทำธุรกรรมกับแบงก์ชาติรัสเซีย รวมถึงอายัดทรัพย์สินของธนาคารกลางรัสเซียในสหรัฐฯ วันนี้ (1 มี.ค.) Bitcoin พุ่งขึ้น 13.46% อยู่ที่ราคาประมาณ $43,360 ด้าน Ethereum ปรับขึ้นมาเช่นกันที่ 9.62% อยู่ที่ราคาประมาณ $2,920 ขณะที่หุ้นสหรัฐฯ ร่วงหนักในช่วงเช้าก่อนจะทยอยฟื้นตัวระหว่างวัน “เราอาจมาถึงจุดเปลี่ยนที่หลายคนรอคอย คือการที่ Bitcoin และเหรียญต่างๆ กลายเป็นกระแสหลัก” Leah Wald ซีอีโอของ Valkyrie Funds กล่าวหลังไม่เห็นความสัมพันธ์แบบผกผันระหว่างสินทรัพย์ดั้งเดิมและคริปโทฯ แบบที่เคยเป็น การเคลื่อนไหวแสดงให้เห็นถึงบทบาทของคริปโทฯ ในเวลาที่เกิดความขัดแย้งทางทหาร โดย Kaiko บริษัทข้อมูลคริปโทฯ รายงานว่า การแลกเปลี่ยน Bitcoin ทั้งในสกุลเงินรูเบิลรัสเซีย และฮริฟเนียยูเครนพุ่งสู่ระดับสูงสุดในรอบหลายเดือน นับตั้งแต่วันที่รัสเซียเริ่มรุกรานยูเครน (24 ก.พ.) Michael Rinko จาก AscendEx กล่าวว่า $38,000 คือระดับที่น่าสนใจของ Bitcoin เนื่องจากผู้คนจำนวนมากซื้อที่ราคานั้น นั่นทำให้ระดับดังกล่าวอาจเป็นได้ทั้งแนวรับในขาลงและแนวต้านในขาขึ้น Michael Rinko เห็นด้วยว่าความขัดแย้งทางทหารเน้นย้ำถึงคุณสมบัติที่ไร้พรมแดนและไม่ถูกกำกับของ Bitcoin แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ราคาคริปโทฯ พุ่งขึ้นมา โดยราคาที่พุ่งขึ้นนั้นอาจสะท้อนการขึ้นดอกเบี้ย ตอนนี้ตลาดกำลังจับตาท่าทีการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ท่ามกลางฉากหลังการเมืองที่ไม่แน่นอน ขณะที่ Yuya Hasegawa นักวิเคราะห์ของ Bitbank กล่าวว่า ความล้มเหลวในการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครนอาจทำให้ราคา Bitcoin ร่วงทะลุ $37,000 และคาดการณ์ช่วงราคาเป้าหมายของ Bitcoin ในสัปดาห์นี้อยู่ที่ระหว่าง $34,000 ถึง $43,000 อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/02/28/bitcoin-jumps-8percent-after-treasury-imposes-new-sanctions-against-russian-central-bank.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Bitcoin Crypto Ethereum News Update ยูเครน รัสเซีย รัสเซียยูเครน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Alibaba รายได้โตต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ-คลาวด์ เติบโตชะลอตัว เตรียมลุยฟู้ดเดลิเวอรี และแอปท่องเที่ยว - FINNOMENA Alibaba รายงานรายได้ Q3 ต่ำกว่าคาด ทำสถิติโตช้าสุดนับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นในปี 2014 25 ก.พ. 2565 Alibaba รายงานรายได้ Q3 ต่ำกว่าคาด ทำสถิติโตช้าสุดนับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นในปี 2014 📊 Alibaba รายงานผลประกอบการ Q3 ของปีงบการเงินที่สิ้นสุดในเดือน ธ.ค. โดยรายได้อยู่ที่ 242,580 ล้านดอลลาร์ (+10% YoY) ขณะที่กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $2.65 (-23% YoY) เมื่อคืนนี้ (24 ก.พ.) หุ้น Alibaba ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงต่อเนื่องหลังปิดตลาดที่ -0.72% ขณะที่ราคาหุ้น Alibaba ในตลาดหุ้นฮ่องกงเช้านี้ (25 ก.พ.) เปิดบวกที่ 2% ราคาหุ้นของ Alibaba ร่วงกว่า 50% ในปีที่แล้ว หลังรัฐบาลจีนเดินหน้าคุมเข้มธุรกิจเทคโนโลยี ตั้งแต่การต่อต้านการผูกขาด ไปจนถึงการปกป้องข้อมูลผู้บริโภค ซึ่ง Alibaba ถูกทางการจีนปรับ 2,800 ล้านดอลลาร์ในประเด็นการผูกขาด Toby Xu CFO ของบริษัท กล่าวว่า ราคาหุ้นในปัจจุบันไม่ได้สะท้อนมูลค่าของบริษัท โดยบริษัทวางแผนที่จะซื้อหุ้นคืน ไปพร้อมกับรักษาความแข็งแกร่งของสภาพคล่องเพื่อให้มีความคล่องตัวสำหรับการลงทุนในอนาคต 🛍️ ตัวชี้วัดหลักของธุรกิจอีคอมเมิร์ซคือ CMR ซึ่งเป็นรายได้ที่บริษัทได้รับจากบริการต่างๆ เช่น การตลาดที่บริษัทขายให้กับผู้ขายบน Taobao และ Tmall โดย CMR ในไตรมาสล่าสุดอยู่ที่ 100,090 ล้านหยวน ลดลงมา 1% จากปีที่แล้ว แม้ว่าช่วงเทศกาลคนโสดในเดือน ธ.ค. ปีทีแล้ว Alibaba จะทุบสถิติมูลค่าสินค้ารวม (GMV) 11 วันสูงถึง 540,300 ล้านหยวนก็ตาม ซึ่งนั่นเป็นเพราะ GMV ไม่ได้แปลงเป็นรายได้โดยตรงของ Alibaba นั่นเอง ส่งผลให้กำไรจากอีคอมเมิร์ซในจีนลดลง 20% จากปีที่แล้ว อยู่ที่ 54,470 ล้านหยวน อย่างไรก็ตาม รายได้จากธุรกิจอีคอมเมิร์ซในต่างประเทศของ Alibaba เพิ่มขึ้น 18% อยู่ที่ 16,450 ล้านหยวน ☁️ รายได้จากธุรกิจคลาวด์โต 20% จากปีที่แล้วอยู่ที่ 19,540 ล้านหยวน แต่ยังต่ำกว่าการเติบโตที่ 33% ในไตรมาสก่อนหน้า โดยการชะลอตัวมาจาก 2 สาเหตุหลัก สาเหตุแรกมาจากการที่ ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ได้ย้ายการดำเนินงานในต่างประเทศออกจาก Alibaba Cloud ส่วนอีกสาเหตุคือ การคุมเข้มของทางการจีนในธุรกิจเกมและการศึกษาซึ่งเป็นลูกค้าหลักของ Alibaba Cloud 🛵 Alibaba เตรียมขยายธุรกิจใหม่โดยเฉพาะที่อยู่ภายใต้แผนกการบริการผู้บริโภคในท้องถิ่น ซึ่งรวมถึงธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรี และแอปท่องเที่ยวอย่าง Fliggy โดยรายได้จากแผนกดังกล่าวเพิ่มขึ้น 27% จากปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 12,140 ล้านหยวน อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/02/24/alibaba-earnings-fiscal-q3-slowest-revenue-growth-since-ipo.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Alibaba Jack Ma News Update หุ้นจีน หุ้นเทคโนโลยีจีน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: หุ้นยุโรปร่วงรับข่าวรัสเซียยูเครน ด้านราคาน้ำมันและทองคำพุ่งทะยาน - FINNOMENA ตลาดหุ้นทั่วยุโรปปรับตัวลงแรงราว 2-3% ในการเปิดตลาดวันนี้ (24 ก.พ.) หลังรัสเซียเปิดฉากบุกยูเครนซึ่งทางรัฐบาลยูเครนเรียกการบุกครั้งนี้ว่าเป็นการรุกรานเต็มรูปแบบ ล่าสุดภายหลังมีรายงานการระเบิดที่กรุงเคียฟและอีกหลายเมืองทั่วประเทศได้มีการประกาศกฎอัยการศึกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 24 ก.พ. 2565 ตลาดหุ้นทั่วยุโรปปรับตัวลงแรงราว 2-3% ในการเปิดตลาดวันนี้ (24 ก.พ.) หลังรัสเซียเปิดฉากบุกยูเครนซึ่งทางรัฐบาลยูเครนเรียกการบุกครั้งนี้ว่าเป็นการรุกรานเต็มรูปแบบ ล่าสุดภายหลังมีรายงานการระเบิดที่กรุงเคียฟและอีกหลายเมืองทั่วประเทศได้มีการประกาศกฎอัยการศึกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สถานการณ์ความรุนแรงดังกล่าวส่งผลให้ ดัชนี DAX เยอรมนี -3.42% ดัชนี FTSE MIB อิตาลี -2.64% ดัชนี CAC 40 ฝรั่งเศส -3.22% ดัชนี STOXX 600 ยุโรป -2.79% ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ซึ่งปรับตัวขึ้นไปแตะระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ย่อตัวลงมาเล็กน้อยที่ระดับ 99.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาทองคำยืนที่ระดับ 1,940 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ลดลงเล็กน้อยมาที่ 1.922% FINNOMENA Investment Team ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดโดยคาดว่าความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นพร้อมมาตรการคว่ำบาตรจากตะวันตกจะส่งให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น ในอีกมุมหนึ่งการบุกครั้งนี้ได้เผยให้เห็นความชัดเจนจากฝั่งรัสเซียเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงต้องติดตามความยืดเยื้อของสถานการณ์ซึ่งขึ้นอยู่กับแรงต่อต้านในสมรภูมิประเทศยูเครนและมาตรการตอบโต้จากชาติตะวันตก ซึ่งด้วยสถานการณ์ปัจจุบันท่าทีของชาติตะวันตกน่าจะยังคงใช้การคว่ำบาตรเพื่อกดดันมากกว่าการทำสงครามตอบโต้เต็มรูปแบบ FINNOMENA Investment Team มองว่าตลาดหุ้นยังปรับฐานต่อในระยะสั้น แต่ Downside เริ่มจำกัดหากไม่เกิดสงครามการตอบโต้เต็มรูปแบบ เนื่องจากสถานการณ์ได้มาถึงระดับที่สุกงอมมากแล้ว Valuation ก็ปรับตัวลงหุ้นโลกลงมาในจุดที่น่าสนใจ และจากมุมมองเชิงเทคนิคพบว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีโอกาสก่อรูปแบบ bullish divergence Source: Bloomberg, CNBC ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นยุโรป ยูเครน รัสเซีย รัสเซียยูเครน สงครามยูเครน แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: ปูตินสั่งลุย! ตลาดหุ้นเอเชียร่วงหนักทันที ราคาทองคำ-น้ำมันพุ่ง - FINNOMENA ตลาดหุ้นทั่วเอเชียปรับตัวร่วงแรงในทันทีที่ปธน.วลาดิมีร์ ปูติน ประกาศ “ปฏิบัติการทางทหาร” ในดอนบาสของยูเครน 24 ก.พ. 2565 ตลาดหุ้นทั่วเอเชียปรับตัวร่วงแรงในทันทีที่ปธน.วลาดิมีร์ ปูติน ประกาศ “ปฏิบัติการทางทหาร” ในดอนบาสของยูเครน พร้อมเรียกร้องให้ทหารยูเครนนเขตสู้รบทางตะวันออกยอมจำนน วางอาวุธและกลับบ้าน ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติขอร้องให้รัสเซียหยุด ส่งผลให้ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกงปรับตัวลงแล้วกว่า 3.44% ส่วนดัชนี KOSPI ประเทศเกาหลีใต้ปรับตัวลง 2.79% ตามด้วยดัชนี Nikkei 225 ประเทศญี่ปุ่นร่วง 2.34% ขณะที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นรับข่าว 1.09% มาที่ 1,929.74 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เช่นเดียวกับน้ำมันดิบ Brent พุ่งขึ้นมาที่ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2014 ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ตลาดหุ้นฮ่องกง ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ตลาดหุ้นเอเชีย ยูเครน รัสเซีย รัสเซียยูเครน สงครามยูเครน แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Hybe ต้นสังกัด BTS กำไรพุ่ง 31% ‘บังชีฮยอก’ เตรียมลุยเกม - NFT - Metaverse เชื่อมโยงแฟนคลับและศิลปินในโลกเสมือนจริง - FINNOMENA Hybe ค่ายเพลงต้นสังกัดของวงเคป็อปชื่อดังอย่าง BTS ประกาศกำไรพุ่งเกือบ 31% แม้รายได้จากการจัดคอนเสิร์ตจะลดลงในช่วงโควิดก็ตาม 23 ก.พ. 2565 Hybe ค่ายเพลงต้นสังกัดของวงเคป็อปชื่อดังอย่าง BTS ประกาศกำไรพุ่งเกือบ 31% แม้รายได้จากการจัดคอนเสิร์ตจะลดลงในช่วงโควิดก็ตาม Hybe หรือชื่อเดิมคือ Big Hit Entertainment รายงานผลกำไรจากการดำเนินงานในปี 2021 อยู่ที่ 190,300 ล้านวอน หรือประมาณเกือบ 160 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 30.8% จากปีก่อนหน้า ขณะที่รายได้จากธุรกิจคอนเทนต์ เช่น เกมหรือการ์ตูนดิจิทัลที่มีเนื้อหาเชื่อมโยงกับศิลปินในค่ายเพิ่มขึ้น 3 เท่า อยู่ที่ 370,400 ล้านวอน จาก 132,300 ล้านวอน รายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้นเช่นกัน ขณะที่รายได้จากการโฆษณาและการปรากฏตัวของศิลปินเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว โดย Hybe ได้สร้างชุมชนออนไลน์ Weverse แพลตฟอร์มที่ช่วยเชื่อมโยงแฟนๆ กับศิลปิน ซึ่งแฟนคลับสามารถจ่ายเงินเพิ่มเพื่อดูคอนเทนต์สุดพิเศษได้ อย่างไรก็ตาม รายได้จากการจัดคอนเสิร์ตลดลงต่ำกว่า 1 ใน 4 ของตัวเลขในปี 2019 โดยในปี 2020 BTS ได้ยกเลิกคอนเสิร์ตเกือบ 40 รายการ จากผลกระทบของโควิด และจัดในรูปแบบออนไลน์แทน Hybe ยังเป็นต้นสังกัดของวง TXT, GFriend, ENHYPEN, NU’EST และอีกหลายวง นอกจากนี้ บริษัทยังได้ควบรวมกิจการกับ Ithaca Holdings ค่ายเพลงในสหรัฐฯ ที่ดูแลศิลปินชื่อดังมากมาย ซึ่งรวมถึงAriana Grande และ Justin Bieber ‘บังชีฮยอก’ ซีอีโอของ Hybe กล่าวว่า บริษัทวางแผนลุยธุรกิจเกมอย่างจริงจัง โดยเตรียมลงทุนในเหล่าบริษัทผู้พัฒนาเกม เพื่อมอบความบันเทิงที่หลากหลายในรูปแบบของ Metaverse ที่จะเปิดตัวในเร็วๆ นี้ ตอนนี้บริษัทเตรียมเปิดตัว NFT โดยจะทำร่วมกับศิลปินในสังกัด เพื่อให้แฟนคลับสามารถสะสมโฟโต้การ์ดของศิลปินที่ชื่นชอบในรูปแบบดิจิทัล โดยจะมีการระบุโค้ดที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละใบ นอกจากนี้ บริษัทยังวางแผนเปิดตัวเกมมือถือใหม่ รวมถึงพัฒนา Rhythm Hive เกมแนวจับจังหวะที่ผู้เล่นสามารถเลือกเพลงของศิลปินในค่ายได้ อ้างอิง: https://www.bbc.com/news/business-60488623 ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: BTS Hybe News Update เกาหลี เคป็อป แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: ระวัง Bitcoin เหลือ $30,000 นักวิเคราะห์เตือนวิกฤติรัสเซีย-ยูเครน กระตุ้นคนทิ้งเงินดิจิทัล แห่ถือทองคำมากขึ้น - FINNOMENA คริปโทฯ เขียวยกแผง Bitcoin กลับมายืนเหนือ $38,000 ได้แล้ว แต่นักวิเคราะห์ยังกังวลว่า การรุกรานยูเครนของกองทัพรัสเซียอาจทำให้ Bitcoin ดิ่งหลุดระดับแนวรับสำคัญที่ $30,000 23 ก.พ. 2565 คริปโทฯ เขียวยกแผง Bitcoin กลับมายืนเหนือ $38,000 ได้แล้ว แต่นักวิเคราะห์ยังกังวลว่า การรุกรานยูเครนของกองทัพรัสเซียอาจทำให้ Bitcoin ดิ่งหลุดระดับแนวรับสำคัญที่ $30,000 วันนี้ (23 ก.พ.) Bitcoin ปรับขึ้นมา 3.21% อยู่ที่ราคาประมาณ $38,081 ขณะที่ราคา Ethereum พุ่งแรง 5.85% อยู่ที่ประมาณ $2,661 หลังคริปโทฯ ปรับตัวลงมาจากข่าวปธน.ปูตินของรัสเซียประกาศรับรองให้ 2 พื้นที่กบฏแยกดินแดนในยูเครนเป็นรัฐอิสระ พร้อมสั่งการให้กองทัพรัสเซียเริ่มปฏิบัติการรักษาสันติภาพในพื้นที่ดังกล่า ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา Bitcoin ลดลงต่ำกว่าระดับ $40,000 จากสถานการณ์ความขัดแย้งในยูเครน ซึ่งบ่งชี้ว่า คริปโทฯ ไม่ใช่สินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤติทางการเมือง ต่างจากทองคำที่ราคาแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. John Roque นักวิเคราะห์จาก 22V Research กล่าวว่า ท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดขึ้น Bitcoin อ่อนตัวลงอย่างเงียบๆ และมีผลตอบแทนแย่กว่าศัตรูตัวฉกาจอย่างทองคำ โดยคาดว่า Bitcoin อาจร่วงหลุดระดับ $30,000 เพราะนักลงทุนหันไปหาทองคำมากขึ้น และมีโอกาสที่ราคาทองคำแท่งจะพุ่งสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ Antoni Trenchev ผู้ร่วมก่อตั้ง Nexo กล่าวว่า Bitcoin ไม่สามารถยืนที่ระดับ $40,000 ได้จากความตึงเครียดในยูเครน นั่นหมายความว่า $30,000 จะกลับมาเป็นจุดทดสอบสำคัญอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้ประเด็นภูมิรัฐศาสตร์มาแทนที่เงินเฟ้อ และกลายมาเป็นตัวขับเคลื่อนทั้งตลาดสินทรัพย์แบบดั้งเดิมและสินทรัพย์ดิจิทัล การวิเคราะห์ทางเทคนิคไม่สนับสนุน Bitcoin เช่นกัน โดย Katie Stockton ผู้ก่อตั้ง Fairlead Strategies กล่าวว่า จุดทดสอบทางเทคนิคสำคัญครั้งถัดไปของ Bitcoin อยู่ที่ $27,200 อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-02-22/bitcoin-extends-dip-below-40-000-as-ukraine-tensions-boost-gold ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Bitcoin News Update คริปโต คริปโท ทองคำ แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: ไทยเบฟเตรียมทำ IPO ธุรกิจเบียร์ ดัน BeerCo ผู้ผลิต ‘เบียร์ช้าง’ เข้าตลาดหุ้นสิงคโปร์ คาดระดมทุนมูลค่ากว่า 6.4 หมื่นล้านบาท IPO ครั้งใหญ่สุดในรอบทศวรรษของสิงคโปร์ - FINNOMENA ไทยเบฟเตรียม IPO ธุรกิจเบียร์ ‘BeerCo’ เข้าตลาดหุ้นสิงคโปร์อีกครั้ง หลังเลื่อนไป 2 รอบ จากผลกระทบของโควิด-19 22 ก.พ. 2565 ไทยเบฟเตรียม IPO ธุรกิจเบียร์ ‘BeerCo’ เข้าตลาดหุ้นสิงคโปร์อีกครั้ง หลังเลื่อนไป 2 รอบ จากผลกระทบของโควิด-19 ผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้กล่าวว่า บริษัทไทยเบฟของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี กำลังทำงานร่วมกับที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อสำรวจความสนใจของนักลงทุนในบริษัท BeerCo โดยไทยเบฟต้องการเงินระดมทุนประมาณ 2,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 64,800 ล้านบาท จากการ IPO ในสิงคโปร์ ซึ่งนี่จะเป็นการขายหุ้น IPO ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบทศวรรษของสิงคโปร์ และคาดว่ามูลค่าบริษัทอาจสูงถึง 10,000 ล้านดอลลาร์ ข่าวดังกล่าวส่งผลให้วันนี้ (22 ก.พ.) ราคาหุ้น ThaiBev ในตลาดหุ้นสิงคโปร์ร่วงเพิ่ม 0.7% หลังร่วงมาแล้ว 2.9% ผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้กล่าวว่า การ IPO จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ โดยอาจเป็นในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ หรือไตรมาส 3 ของปีงบการเงินบริษัท โดยบริษัทจะต้องอัปเดตงบการเงินต่อตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ก่อนที่จะกลับมา IPO อีกครั้ง ก่อนหน้านี้ในเดือน ก.ย. ปีที่แล้ว ‘ฐาปน สิริวัฒนภักดี’ ซีอีโอของไทยเบฟ ให้สัมภาษณ์ว่า การ IPO ในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์จะเกิดแน่นอน แต่จะเป็นเมื่อไรนั้นขึ้นอยู่กับจังหวะเวลาและความพร้อมของสถานการณ์ BeerCo วางแผน IPO ครั้งแรกในเดือน พ.ค. 2020 แต่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ของไทยในช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาด ขณะที่ความพยายามในครั้งที่ 2 ถูกเลื่อนจากการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ที่สุดของไทยในเดือน เม.ย. BeerCo คือบริษัทที่รวมธุรกิจเบียร์เฉพาะส่วนที่ผลิตและจัดจำหน่ายในไทยและเวียดนาม ซึ่งประกอบไปด้วย ช้าง, อาชา, เฟเดอร์บรอย แทปเปอร์, แบล็ค ดราก้อน, ฮันทส์แมน รวมถึงแบรนด์ไซ่ง่อนเบียร์ในเวียดนามที่ประกอบไปด้วย Bia Saigon Gold, Bia Saigon Special, Bia Saigon Export, Bia Saigon Lager และ 333 อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-02-22/thaibev-said-to-resume-work-on-unit-s-2-billion-singapore-ipo?srnd=premium-asia&sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: BeerCo News Update เบียร์ช้าง ไทยเบฟ แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: หุ้นเทคจีนร่วง 3 วันติด ดัชนี Hang Seng Tech ลงเกือบ 3% Alibaba ร่วง 4% Tencent ลดลง 2% หลังรัฐบาลจีนส่อแววกลับมาคุมเข้มอีกครั้ง - FINNOMENA หุ้นเทคโนโลยีจีนร่วง 3 วันติดต่อกัน สู่วันที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ ก.ค. ปีที่แล้ว โดยความกังวลกลับมาปกคลุมตลาดอีกครั้ง หลังมีสัญญาณว่ารัฐบาลจีนเตรียมออกกฎระเบียบเพิ่มเติมเพื่อคุมเข้มภาคธุรกิจ รวมถึงความตึงเครียดวิกฤตยูเครนที่สร้างแรงกดดันทั่วโลก 22 ก.พ. 2565 หุ้นเทคโนโลยีจีนร่วง 3 วันติดต่อกัน สู่วันที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ ก.ค. ปีที่แล้ว โดยความกังวลกลับมาปกคลุมตลาดอีกครั้ง หลังมีสัญญาณว่ารัฐบาลจีนเตรียมออกกฎระเบียบเพิ่มเติมเพื่อคุมเข้มภาคธุรกิจ รวมถึงความตึงเครียดวิกฤตยูเครนที่สร้างแรงกดดันทั่วโลก วันนี้ (22 ก.พ.) ดัชนี Hang Seng ของตลาดหุ้นฮ่องกงร่วงลงเกือบ 3% ขณะที่ดัชนี Hang Seng Tech ร่วงกว่า 2.9% สู่วันที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ ก.ค. 2020 นำโดยหุ้น Alibaba ที่ร่วงลงมา 4% ล่าสุด ณ เวลา 12:00 น. ดัชนี Hang Seng -2.93% ดัชนี CSI 300 -1.63% ดัชนี Shanghai -1.36% ดัชนี China A50 -1.99% ทางการจีนสั่งให้เหล่าบริษัทและธนาคารขนาดใหญ่ของรัฐเริ่มต้นตรวจสอบรอบใหม่ในประเด็นความเสี่ยงทางการเงินและความเชื่อมโยงอื่นๆ ที่มีร่วมกับ Ant Group ซึ่งรายงานดังกล่าวมีขึ้นหลังตลาดปิด ส่งผลให้เช้านี้หุ้น Alibaba ร่วงแรง ขณะที่หุ้น Tencent ร่วงต่อเนื่องเช่นกันที่กว่า 2% หลังมีข่าวว่าบริษัทโซเชียลมีเดียและเกมที่ใหญ่ที่สุดของจีนกำลังจะถูกรัฐบาลจีนคุมเข้ม ซึ่ง Zhang Jun โฆษกของบริษัทได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวในภายหลัง นักลงทุนกำลังตื่นตระหนกกับทุกความเคลื่อนไหว ทั้งคำเตือนเกี่ยวกับการหลอกลวงในโลก Metaverse รวมถึงรายงานเกี่ยวกับการควบคุมเพิ่มเติมในอุตสาหกรรมเกม โดยโฆษกของ Tencent ระบุว่าข่าวลือดังกล่าวนั้นไม่มีมูล นับตั้งแต่จุดสูงสุดเมื่อเดือน ม.ค. ปีที่แล้ว หุ้น Tencent ร่วงไปแล้ว 40% ทั้ง Tencent Alibaba และ Meituan ต่างเป็นเป้าหมายหลักของรัฐบาลจีน โดยการปราบปรามพฤติกรรมผูกขาดและการปกป้องข้อมูลผู้ใช้งานของรัฐบาลจีนได้กวาดล้างมุลค่าตลาดเทคโนโลยีจีนไปแล้วกว่า 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ การลดลงของหุ้นเทคโนโลยีจีนเริ่มต้นในวันศุกร์ (18 ก.พ.) นำโดยหุ้น Meituan ที่ร่วงแรงกว่า 18% หลังรัฐบาลจีนออกนโยบายใหม่มุ่งควบคุมค่าธรรมเนียมและค่าบริการของธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรี่ การคุมเข้มของรัฐบาลจีนส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสามารถในการทำกำไรของเหล่าบริษัทเทคโนโลยีจีนที่เตรียมประกาศงบในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เริ่มต้นโดย Alibaba ที่เตรียมรายงานผลประกอบการในวันพฤหัสบดี (24 ก.พ.) นี้ ซึ่งคาดว่ากำไรไตรมาสล่าสุดอาจลดลงถึง 60% ก่อนหน้านี้ในช่วงปลายปี 2021 กองทุนและสถาบันระดับโลกซึ่งรวมถึง Goldman Sachs และ UBS ได้มีมุมมองบวกมากขึ้นต่อภาคเทคโนโลยีของจีน จากแนวโน้มการผ่อนคลายกฎระเบียบของรัฐบาลจีนและ Valuation ที่ถูก แต่การปรับตัวลงต่อเนื่องและกฎระเบียบชุดใหม่ในปี 2022 ทำให้เหล่ากองทุนระดับโลกเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/02/22/asia-markets-russia-ukraine-tensions-currencies-oil.html https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-02-22/china-tech-stocks-drop-for-third-straight-day-on-new-curb-fears?srnd=premium-asia https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-02-21/tencent-leads-china-tech-selloff-amid-fears-of-further-crackdown?srnd=premium-asia&sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นจีน หุ้นเทคโนโลยีจีน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Cathie Wood ขอเวลา 5 ปี ชี้​หุ้นนวัตกรรม ARK มูลค่าต่ำเกินจริง มองการขาดทุนเป็นแค่เรื่องชั่วคราว - FINNOMENA Cathie Wood ชี้หุ้นเทคโนโลยีในพอร์ตของ Ark มีมูลค่าต่ำเกินจริง และเชื่อมั่นว่าการขาดทุนในช่วงที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่เรื่องชั่วคราว 18 ก.พ. 2565 Cathie Wood ชี้หุ้นเทคโนโลยีในพอร์ตของ Ark มีมูลค่าต่ำเกินจริง และเชื่อมั่นว่าการขาดทุนในช่วงที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่เรื่องชั่วคราว ผู้จัดการกองทุนชื่อดัง Cathie Wood ให้สัมภาษณ์กับ CNBC เมื่อวานนี้ (17 ก.พ.) ว่า Ark กำลังเผชิญการปรับตัวลงมาอย่างมีนัยสำคัญ แต่บริษัทเชื่อว่าหุ้นนวัตกรรมในพอร์ตการลงทุนถูกตีมูลค่าต่ำเกินไปเมื่อเทียบกับศักยภาพ โดยขอเวลาอีก 5 ปี ในการทำให้พอร์ตเติบโต กองทุนเรือธง ARKK ร่วงลงแล้ว 26% นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา หลังหุ้นที่เป็นสัดส่วนใหญ่ของพอร์ต เช่น Zoom, Teladoc Health และ Roku ร่วงแรงถึง 70% ในปีนี้ หลังแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำให้เกิดแรงเทขายให้หุ้นเทคโนโลยี “สิ่งที่น่ากังวลที่สุดสำหรับ Ark คือการที่นักลงทุน (ขาย) ทำให้การขาดทุน ที่เราเชื่อว่าเป็นเรื่องชั่วคราว กลายเป็นการขาดทุนถาวร” Cathie Wood กล่าว Ark Invest ไม่ได้ลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่เติบโตเต็มที่แต่ ARKK เลือกเดิมพันในเทคโนโลยีที่จะมาแทนที่นวัตกรรมเดิมๆ (Disruptive Technology) ตั้งแต่ DNA ระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และ AI โดยหุ้นที่ครองสัดส่วนใหญ่ในพอร์ตคือ Tesla, Exact Sciences, UiPath และ Coinbase Cathie Wood มองว่า ตอนนี้มีนักลงทุนที่ทำตรงข้ามกับสิ่งที่พวกเขาเคยทำในช่วงปลายยุค 90 โดยพวกเขากำลังไล่ซื้อหุ้นราคาสูงในช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงสูงจากทั้งเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย ซึ่งนั่นเหมือนการวิ่งไปสู่อดีต แม้จะมีผลการดำเนินงานที่ไม่ดีต่อเนื่อง แต่กองทุน ARKK ของ Cathie Wood สามารถดึงดูดเงินไหลเข้าสุทธิได้มากกว่า 70 ล้านดอลลาร์ ตั้งแต่ต้นปี ตามข้อมูลจาก FactSet Cathie Wood ยังเชื่อว่าแรงฉุดหุ้นเติบโตจากเงินเฟ้อจะสิ้นสุดลง และปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับซัพพลายเชนจะทำให้ภาวะเงินฝืดจะกลับมา อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/02/17/cathie-wood-says-her-innovation-stocks-are-way-undervalued-and-recent-fund-losses-temporary.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: ARK ARK Invest ARKK Cathie Wood News Update แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: ตลาดหุ้นร่วงหนัก - Bitcoin หลุด $41,000 หลังไบเดนเผย รัสเซียใกล้บุกยูเครน รัสเซียตอบโต้ ไล่ทูตสหรัฐฯ ออกประเทศ นักวิเคราะห์ชี้ สงครามอาจหนุนหุ้นสหรัฐฯ ชนะยุโรป - FINNOMENA ความตึงเครียดในยูเครนและรัสเซีย อาจทำให้ความหวังที่จะได้เห็นตลาดหุ้นยุโรปเอาชนะตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในปีนี้หมดไป ขณะที่นักวิเคราะห์เริ่มมีมุมมองบวกต่อหุ้นสหรัฐฯ มากกว่าหุ้นยุโรป 18 ก.พ. 2565 ความตึงเครียดในยูเครนและรัสเซีย อาจทำให้ความหวังที่จะได้เห็นตลาดหุ้นยุโรปเอาชนะตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในปีนี้หมดไป ขณะที่นักวิเคราะห์เริ่มมีมุมมองบวกต่อหุ้นสหรัฐฯ มากกว่าหุ้นยุโรป ในเดือนที่ผ่านมา ดอลลาร์ทำผลงานได้ดีสุดใน G-10 ซึ่งความเสี่ยงทางการเมืองและความเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ จะเป็นประโยชน์ต่อเงินดอลลาร์มากกว่าเงินยูโร นักวิเคราะห์ของ Principal ระบุว่า ความตึงเครียดของรัสเซียและยูเครนอาจส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและยังไปเพิ่มความเสี่ยงของเงินเฟ้อ ทำให้บริษัทมีมุมมองบวกต่อ (Overweight) หุ้นสหรัฐฯ มากกว่าหุ้นยุโรป อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ (17 ก.พ.) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงมา หลังมีความเป็นไปได้ที่รัสเซียอาจรุกรานยูเครน โดยดัชนี Dow Jones ลดลง 1.78% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลงมา 2.1% และดัชนี Nasdaq ร่วง 2.9% ด้านราคา Bitcoin ร่วงแรงกว่า 7.4% หลุดระดับ $41,000 ทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน ขณะที่ Ether ร่วงแรงกว่า 8.2% เช่นกัน โจ ไบเดน ปธน.สหรัฐฯ เผยว่า มีแนวโน้มสูงที่รัสเซียจะบุกยูเครนในช่วงหลายวันข้างหน้า แต่ยังมีความเป็นไปได้ที่จะหาทางออกด้วยวิธีทางการทูต ซึ่งคาดว่าจะช่วยคลายกังวลรัสเซียเกี่ยวกับขีปนาวุธของนาโต้และการซ้อมรบในภาคตะวันออกของยุโรป สหรัฐฯ กล่าวว่า รัสเซียได้ส่งทหารอีก 7,000 นาย ไปยังชายแดนที่ติดกับยูเครน ซึ่งจะไปสมทบกับกำลังทหารจำนวนกว่า 150,000 นายที่ประจำอยู่ก่อนหน้า และไม่มีหลักฐานใดๆ ที่แสดงให้เห็นว่ารัสเซียได้ถอนทหารตามที่กล่าวอ้าง ด้านรัสเซียยืนยันว่ากำลังถอนกำลังทหารแต่นั่นต้องใช้เวลา พร้อมโต้ว่า โจ ไบเดน กำลังโหมสร้างความตึงเครียด โดยรัสเซียได้เผยแพร่เอกสารลายลักษณ์อักษรที่ระบุว่า สหรัฐฯ เพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องด้านความมั่นคงของรัสเซีย และขู่ใช้มาตรการทางทหารอย่างไม่เจาะจง นอกจากนี้ รัฐบาลรัสเซียยังได้ขับไล่ ‘บาร์ท กอร์แมน’ อัครราชทูตที่ปรึกษาของสหรัฐฯ ประจำกรุงมอสโก ออกจากประเทศ ทำให้สหรัฐฯ เตรียมพิจารณาแนวทางตอบโต้ทางการทูตต่อรัสเซียเช่นกัน ในช่วงเช้าของเมื่อวานนี้ (17 ก.พ.) ได้เกิดเหตุปะทะกันระหว่างฝั่งรัฐบาลยูเครนกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่รัสเซียให้การสนับสนุน ซึ่งเหล่าชาติตะวันตกเตือนมาตลอดว่า รัสเซียอาจพยายามสร้างสถานการณ์หนึ่งขึ้นมาเพื่ออ้างการรุกราน และพวกเขาคิดว่ารัสเซียได้เริ่มมันแล้ว โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ปธน.ยูเครน กล่าวว่า ฝั่งกบฏได้ยิงปืนใหญ่ใส่โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งโดยนี่เป็นการ ‘การยั่วยุครั้งใหญ่’ ขณะที่ฝั่งกบฏแบ่งแยกดินแดนกล่าวว่า กองกำลังรัฐบาลของรัฐบาลเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงใส่พวกเขาถึง 4 ครั้ง ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-02-17/russia-ukraine-tensions-spur-bets-the-u-s-can-outperform-europe?sref=e4t2werz https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-02-17/bitcoin-tests-42-000-level-as-russia-ukraine-tensions-weigh?srnd=premium-asia&sref=e4t2werz https://www.cnbc.com/2022/02/16/stock-market-futures-open-to-close-news.html https://www.voathai.com/a/us-defense-chief-russia-still-amassing-troops-at-ukraine-border/6446527.html https://mgronline.com/around/detail/9650000016464 ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Bitcoin News Update ยูเครน รัสเซีย รัสเซียยูเครน สงครามยูเครน หุ้นยุโรป หุ้นสหรัฐ แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Cathie Wood ช้อนซื้อหุ้น Sea กว่า 1.45 แสนหุ้น หลัง SEA ร่วง 19% ทำสถิติร่วงแรงในหนึ่งวัน จากอินเดียสั่งแบน Free Fire เกมมือถือสุดฮิต - FINNOMENA Cathie Wood ช้อนซื้อหุ้น Sea ในวันที่หุ้นร่วง 19% แรงมากสุดเป็นประวัติการณ์ในหนึ่งวัน หลังอินเดียสั่งแบนเกมฮิต Free Fire 16 ก.พ. 2565 Cathie Wood ช้อนซื้อหุ้น Sea ในวันที่หุ้นร่วง 19% แรงมากสุดเป็นประวัติการณ์ในหนึ่งวัน หลังอินเดียสั่งแบนเกมฮิต Free Fire วันจันทร์ที่ผ่านมา (14 ก.พ.) Ark Invest ได้ซื้อหุ้น Sea มากกว่า 145,000 หุ้น นำโดยกองทุน ARKW หลังหุ้น Sea ในตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงกว่า 18% จากการโดนรัฐบาลอินเดียสั่งแบนเกม Free Fire โดยราคาหุ้นร่วงลงมากว่า 65% จากจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 19 ต.ค. ปีที่แล้ว 📌 อ่านข่าว อินเดียสั่งแบน 54 แอปจีน อ้างเหตุความมั่นคง ข้อพิพาทชายแดนยังคุกรุ่น Free Fire โดนด้วย หุ้น SEA ร่วงเกือบ 19% นักวิเคราะห์กล่าวว่า การปรับตัวลงมาของหุ้น Sea เกิดจากการชะลอตัวลงของรายรับจากการเล่นเกมและการเติบโตของผู้ใช้งาน แรงกดดันในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการขยายสู่ตลาดใหม่ โดยการแบนจากรัฐบาลอินเดียเป็นเพียงปัจจัยที่เข้ามาเพิ่มน้ำหนักเท่านั้น Ark Invest ทยอยสะสมหุ้น Sea มาตั้งแต่ต้นปี และเพิ่มความถี่มากขึ้นในเดือนนี้ โดยรายการซื้อขายรายวันของบริษัทระบุว่า Ark ซื้อหุ้น Sea เกือบทุกวันในเดือน ก.พ. อย่างไรก็ตาม รายงานการซื้อขายรายวันของ Ark สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของพอร์ตเท่านั้น แต่ไม่ได้สะท้อนการซื้อขายทั้งหมดของบริษัท เพราะไม่ได้รวมกิจกรรมเพิ่มและไถ่ถอนหน่วยลงทุน รวมถึงการเสนอขายต่อสาธารณะ ภายใต้กลยุทธ์การลงทุนด้วยกรอบระยะเวลา 5 ปี ทำให้มีความผันผวนจากการลงทุนในระยะสั้น ตอนนี้กองทุนของ Cathie Wood กำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก หลังนักลงทุนพากันเทขายหุ้นเทคโนโลยี เพื่อไปลงทุนในหุ้นคุณค่าและหุ้นวัฏจักรที่คาดว่าจะสร้างผลตอบแทนมากกว่าจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ 📊 ผลตอบแทนกองทุน ARK ETFs ตั้งแต่ต้นปี (YTD) ➢ ARKK: -23.36% ➢ ARKW: -16.65% ➢ ARKG: -33.89% ➢ ARKQ: +1.90% ➢ ARKF: -17.70% อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-02-15/cathie-wood-s-ark-bought-sea-shares-as-gaming-firm-plunged?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: ARK Invest ARKF ARKG ARKK ARKQ Cathie Wood News Update แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
Breaking News: รัสเซียถอนกองกำลังทหารบางส่วนออกจากชายแดนยูเครนแล้ว - FINNOMENA สำนักข่าว Interfax รายงานว่า Igor Konashenkov รมว.กลาโหม รัสเซีย เปิดเผยว่า กองทหารรัสเซียบางส่วนที่อยู่ติดกับชายแดนยูเครนได้เริ่มเดินทางกลับค่ายทหาร เนื่องจากการฝึกซ้อมได้เสร็จสิ้นแล้ว 15 ก.พ. 2565 สำนักข่าว Interfax รายงานว่า Igor Konashenkov รมว.กลาโหม รัสเซีย เปิดเผยว่า กองทหารรัสเซียบางส่วนที่อยู่ติดกับชายแดนยูเครนได้เริ่มเดินทางกลับค่ายทหาร เนื่องจากการฝึกซ้อมได้เสร็จสิ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม กองกำลังทหารส่วนใหญ่ยังตรึงกำลังบริเวณชายแดนรัสเซีย-ยูเครน โดยทางรัฐบาลรัสเซียได้ปฏิเสธข้อกล่าวหามาโดยตลอด ว่ารัสเซียมีแผนจะใช้กำลังทหารบุกยูเครน ล่าสุด (15 ก.พ. เวลา 16:00 น.) ตลาดหุ้นยุโรป เปิดทำการในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ ➢ ดัชนี Dax +0.93% ➢ ดัชนี FTSE 100 +0.75% ➢ ดัชนี CAC 40 +0.99% ➢ ดัชนี Stoxx 600 +1.2% อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/02/15/europe-markets-russia-ukraine-concerns-persist.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update ยุโรป ยูเครน รัสเซีย สงครามยูเครน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Elon Musk บริจาคหุ้น Tesla มูลค่า 1.84 แสนล้านบาท ถือเป็นหนึ่งในการบริจาคเพื่อการกุศลครั้งใหญ่สุดของโลก ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ 40%-50% ของยอดบริจาค - FINNOMENA Elon Musk มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก ได้ทำการบริจาคครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก ด้วยการบริจาคหุ้น Tesla คิดเป็นมูลค่า 5,700 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 1.84 แสนล้านบาท 15 ก.พ. 2565 Elon Musk มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก ได้ทำการบริจาคครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก ด้วยการบริจาคหุ้น Tesla คิดเป็นมูลค่า 5,700 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 1.84 แสนล้านบาท ตามเอกสารที่ยื่นต่อ ก.ล.ต.สหรัฐฯ Elon Musk ได้บริจาคหุ้น Tesla จำนวนมากกว่า 5 ล้านหุ้น ตั้งแต่วันที่ 19-29 พ.ย. ปีที่แล้ว รวมมูลค่าประมาณ 5,700 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหากพิจารณาราคาหุ้นในช่วงเวลาดังกล่าว การบริจาคในครั้งนี้ จะถือเป็นการบริจาคเพื่อกุศลครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก เป็นรองเพียงแค่การบริจาคโดย บิล เกตส์ และ มิลิดา เฟรนช์ เกตส์ ในปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามในเอกสารไม่ได้ระบุชื่อหรือองค์กรการกุศลที่ได้รับการบริจาคในครั้งนี้ การบริจาคเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ Elon Musk ถกเถียงกับเหล่านักการเมือง ซึ่งรวมถึง Bernie Sanders และ Elizabeth Warren ในประเด็นความไม่เท่าเทียมกันและการจัดเก็บภาษี ซึ่งในตอนนั้น Elon Musk ยังเคยท้าว่าจะขายหุ้นเพื่อบริจาค 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แก่องค์การสหประชาชาติ (UN) หาก UN สามารถแจกแจงได้ว่าเงินที่ได้ไปนั้นจะถูกเอาไปใช้จ่ายอย่างไรบ้าง การกุศลครั้งมหาศาลดังกล่าว จะช่วยลดภาระที่ Elon Musk เรียกว่า ใบเรียกเก็บภาษีที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ โดยในเดือน ธ.ค. Bloomberg คำนวณว่า Elon Musk อาจต้องจ่ายภาษีมากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ต่อกรมสรรพากรสหรัฐฯ จากการใช้สิทธิ Option มากเกินไปในปี 2021 นักวิเคราะห์ประเมินว่า จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการบริจาคครั้งนี้ คิดเป็นมูลค่า 40%-50% จากยอดเงิน 5,700 ล้านดอลลาร์ หากการบริจาครั้งนี้ถูกนำไปใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มูลนิธิ Musk เริ่มเคลื่อนไหวมากขึ้น ทั้งการสนับสนุนเงินรางวัลมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ สำหรับการแข่งขันในโครงการกำจัดคาร์บอน การสนับสนุนทุน 5 ล้านดอลลาร์แก่นักวิทยาศาสตร์สองคนในการวิจัยโควิด-19 รวมถึงการบริจาคเงินจำนวนมากในกองทุนแนะนำผู้บริจาค หรือ DAFs อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-02-15/elon-musk-donated-5-7-billion-of-tesla-shares-to-charity?srnd=premium-asia&sref=e4t2werz https://www.reuters.com/business/autos-transportation/teslas-musk-donated-5044000-shares-charity-sec-filing-2022-02-15/ ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Elon Musk News Update SEC Tesla แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: อินเดียสั่งแบน 54 แอปจีน อ้างเหตุความมั่นคง ข้อพิพาทชายแดนยังคุกรุ่น Free Fire โดนด้วย หุ้น SEA ร่วงเกือบ 19% - FINNOMENA อินเดียสั่งแบน 54 แอปจีน หนึ่งในนั้นคือเกม Free Fire ของ Sea Ltd. อ้างเหตุผลด้านความปลอดภัยและความมั่นคง โดยความตึงเครียดระหว่าง 2 ประเทศ ยังคงคุกรุ่นจากข้อพิพาทบริเวณชายแดนที่ยืดเยื้อ 15 ก.พ. 2565 อินเดียสั่งแบน 54 แอปจีน หนึ่งในนั้นคือเกม Free Fire ของ Sea Ltd. อ้างเหตุผลด้านความปลอดภัยและความมั่นคง โดยความตึงเครียดระหว่าง 2 ประเทศ ยังคงคุกรุ่นจากข้อพิพาทบริเวณชายแดนที่ยืดเยื้อ เมื่อวานนี้ (14 ก.พ.) ราคาหุ้น Sea ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กร่วงแรงที่ 18.39% ซึ่งเป็นการปรับลดลงครั้งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ดัชนี Nasdaq Golden Dragon China ปรับตัวลงมากว่า 1% แอปที่ถูกทางอินเดียแบนส่วนใหญ่เป็นแอปของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีน เช่น Tencent, Alibaba และ NetEase ซึ่งเป็นแอปที่ถูกรีแบรนด์มาแล้วจากแอปที่เคยโดนอินเดียแบนก่อนหน้านี้ในปี 2020 อินเดียให้เหตุผลว่าแอปดังกล่าวอาจคุกคามความมั่นคงของอินเดีย โดยกระทรวงอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสารสนเทศของอินเดียได้สั่งให้ Google และ Apple ปิดกั้นการเข้าถึงของแอปผ่านทั้งระบบ Android และ iOS โดยตอนนี้รัฐบาลอินเดียได้แบนแอปจีนไปแล้วเกือบ 300 แอป Sea ก่อตั้งขึ้นในสิงคโปร์มุ่งเน้นสร้างธุรกิจเกมและอีคอมเมิร์ซทั่วโลก ซึ่งได้รับการสนับสนุนหลักจาก Tencent ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัทตั้งแต่บริษัทก่อตั้งแรกๆ ขณะที่ Sea ยังไม่ออกมาแสดงความเห็นใดๆ หลังเกม Free Fire ถูกแบนในอินเดีย Free Fire คือหนึ่งในเกมแบทเทิลรอยัลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกด้วยยอดดาวน์โหลดมากกว่าพันล้านครั้งบน Google Play โดยในไตรมาส 3 ของปี 2021 Free Fire เป็นเกมที่ทำรายได้สูงสุดในอินเดีย แต่นักวิเคราะห์มองว่า การแบนดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อ Sea เพราะยอดขายในอินเดียคิดเป็นเพียงสัดส่วนไม่ถึง 3% ของยอดขายสุทธิจากธุรกิจเกมมือถือของ Sea ความเคลื่อนไหวของอินเดียมีขึ้นหลังข้อพิพาทบริเวณชายแดนที่ยืดเยื้อยังไม่ได้รับการแก้ไข โดยในปี 2020 เกิดเหตุปะทะกันระหว่างทหารจีนกับทหารอินเดียส่งผลให้ทหารจากทั้งสองฝ่ายเสียชีวิต และเป็นจุดเริ่มต้นของกฎหมายอินเดียที่เข้มงวดขึ้นสำหรับการลงทุนจากจีน อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-02-14/india-bans-54-chinese-apps-on-security-concerns-economic-times?srnd=premium-asia&sref=e4t2werz https://positioningmag.com/1373849 ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update จีน หุ้นเทคโนโลยีจีน อินเดีย แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: บ.เทคฯ จีน เตรียมเข้าสู่โลก “Metaverse” Tencent, NetEase, ByteDance และ Alibaba ทุ่มงบไปแล้วกว่า ‘8 ล้านล้านดอลลาร์’ แต่ความเสี่ยงสำคัญที่รออยู่คือ ‘รัฐบาลจีน’ - FINNOMENA เหล่าบริษัทเทคโนโลยีจีนกำลังเริ่มลงทุนในโลกเสมือนจริง Metaverse ซึ่งมีแนวโน้มที่จะถูกรัฐบาลจีนควบคุมอย่างเข้มงวด โดย Morgan Stanley คาดว่ามูลค่าการลงทุนใน Metaverse ของจีนอาจสูงถึง 52 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 8 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว 14 ก.พ. 2565 เหล่าบริษัทเทคโนโลยีจีนกำลังเริ่มลงทุนในโลกเสมือนจริง Metaverse ซึ่งมีแนวโน้มที่จะถูกรัฐบาลจีนควบคุมอย่างเข้มงวด โดย Morgan Stanley คาดว่ามูลค่าการลงทุนใน Metaverse ของจีนอาจสูงถึง 52 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 8 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว บริษัทชื่อดังอย่าง Tencent, NetEase, ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok และ Alibaba กำลังเบิกทางสู่โลก Metaverse จีน โดยนักวิเคราะห์กล่าววว่า ในช่วงเริ่มต้นอาจได้เห็น Metaverse ในรูปแบบของ VR, เกม หรือแอปพลิเคชัน เช่น การซื้อไอเทมเสมือนจริงในเกม หรือการสร้างอวาตาร์ดิจิทัลเพื่อเข้าร่วมประชุม 🌏 ความเคลื่อนไหวของเหล่าบริษัทเทคจีนบนโลก Metaverse ‘โพนี่ หม่า’ ซีอีโอของ #Tencent บริษัทเกมที่ใหญ่สุดในโลก กล่าวในการประกาศงบเมื่อช่วงเดือน พ.ย. ว่า Metaverse เป็นโอกาสในการเพิ่มการเติบโตให้กับอุตสาหกรรมที่มีอยู่แล้วอย่างธุรกิจเกม โดยบริษัทมีเทคโนโลยีและองค์ความรู้มากมายในการสำรวจและพัฒนา Metaverse ขณะที่ #ByteDance เจ้าของ TikTok และ Douyin แอปวิดีโอแนวตั้งแบบสั้น ได้ขยายธุรกิจเกมอย่างรวดเร็วในปีที่แล้ว โดยในเดือน ส.ค. บริษัทได้เข้าซื้อกิจการสตาร์ทอัพ Pico ผู้ผลิตชุดหูฟัง VR ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ปีนี้ #Alibaba มีแผนเปิดตัวแว่นตา AR สำหรับการประชุมออนไลน์ นอกจากนี้ Alibaba ยังได้เปิดตัวอินฟลูเอนเซอร์เสมือนจริงชื่อ ‘Dong Dong’ สำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในกรุงปักกิ่ง ซึ่งปรากฎตัวอยู่ในแอป Taobao โดย Dong Dong จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับโอลิมปิก และโปรโมทสินค้าที่เกี่ยวข้องกับโอลิมปิก สื่อท้องถิ่นของจีนรายงานเมื่อปีที่แล้วว่า #NetEase หนึ่งในบริษัทเกมรายใหญ่ของจีน ได้ตั้งฐานในมณฑลไห่หนานทางตอนใต้ของจีน เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาแอปพลิเคชัน Metaverse ขณะที่ #Baidu เสิร์ชเอนจิน (Search Engine) ขนาดใหญ่ของจีนได้เปิดตัว ‘XiRang’ แอป Metaverse ที่สามารถจุคนได้มากถึง 100,000 คนในครั้งเดียว แต่ Ma Jie รองประธานบริษัทออกมากล่าวว่า อาจต้องใช้เวลาอีก 6 ปีกว่าจะเปิดตัวได้อย่างเต็มรูปแบบ 🇨🇳 การควบคุมโดยรัฐบาลจีน การผลักดัน Metaverse ของเหล่าบริษัทเทคโนโลยีลีจีนเกิดขึ้นหลังการคุมเข้มภาคเทคโนโลยีอย่างเข้มข้นโดยรัฐบาลจีนในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีการเสนอทั้งกฎหมายต่อต้านการผูกขาดฉบับใหม่ การผลักดันกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการจำกัดเวลาเล่นเกมออนไลน์สำหรัลเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี นักวิเคราะห์กล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงมากที่แนวทางกฎหมายดังกล่าวจะถูกนำมาใช้เพื่อควบคุม Metaverse ไปพร้อมกับการพัฒนากฎระเบียบใหม่ๆ ที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นสำหรับโลก Metaverse อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/02/14/china-metaverse-tech-giants-latest-moves-regulatory-action.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Metaverse News Update จีน หุ้นจีน หุ้นเทคโนโลยีจีน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: ตลาดหุ้นร่วงทั้งเอเชีย นำโดย Nikkei ลบกว่า 2% - FINNOMENA ดัชนี Nikkei 225 ปิดตลาดช่วงเช้าปรับตัวลง 2.17% หลังนักลงทุนกังวลความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยหุ้น SoftBank Group ฉุดตลาดในวันนี้หลังปรับตัวลง 4% 14 ก.พ. 2565 ดัชนี Nikkei 225 ปิดตลาดช่วงเช้าปรับตัวลง 2.17% หลังนักลงทุนกังวลความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยหุ้น SoftBank Group ฉุดตลาดในวันนี้หลังปรับตัวลง 4% ด้านดัชนี Hang Seng ก็ปรับตัวลง 1.51% จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 เป็นระลอกที่ 5 โดยผู้ว่าการออกมาเผยว่าจัดการกับสถานการณ์อย่างหนักและใกล้ถึงขีดสูงสุดของการควบคุมสถานการณ์ พร้อมเผยว่าทางการจีนจะให้ความช่วยเหลือในบางส่วน เช่น สนับสนุนชุดตรวจและอุปกรณ์สำหรับการกักตัว ขณะที่ดัชนีทั่วเอเชียก็รับแรงกดดันจากปัจจัยข้างต้นเช่นกัน ส่งผลให้ดัชนี KOSPI ปรับตัวลง 1.56% ดัชนี CSI300 ปรับตัวลง 1.19% ดัชนี SET ปรับตัวลง 0.77% FINNOMENA Investment Team มองว่าตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมไปถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ดังนั้น แนะนำทยอยสะสมตามสัดส่วนในพอร์ตแนะนำ หรือหากกังวลต่อความผันผวนในระยะนี้อาจรอความชัดเจนทั้งประเด็นความตึงเครียดและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในการประชุม Fed ราวกลางเดือนมีนาคมนี้ Source: Investing, CNBC ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ตลาดหุ้นเอเชีย แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Tesla เรียกคืนรถเกือบ 6 แสนคัน จากปัญหาลำโพงอัจฉริยะ Boombox เจ้าของเปลี่ยนเสียงแตร ทำเสี่ยงอันตรายขณะขับขี่ - FINNOMENA Tesla เรียกคืนรถ 579,000 คัน ในสหรัฐฯ หลังพบฟังก์ชัน Boombox ระบบเปลี่ยนเสียงแตรรถสร้างความสับสนแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน 11 ก.พ. 2565 Tesla เรียกคืนรถ 579,000 คัน ในสหรัฐฯ หลังพบฟังก์ชัน Boombox ระบบเปลี่ยนเสียงแตรรถสร้างความสับสนแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา Tesla ได้สั่งเรียกคืนรถไปแล้ว 4 ครั้ง ตามคำสั่งของสำนักงานความปลอดภัยการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติ (NHTSA) โดยเป็นปัญหาการละเมิดมาตรฐานความปลอดภัย 2 ครั้ง และอีก 2 ครั้งเป็นปัญหาด้านซอฟต์แวร์ ซึ่งครั้งล่าสุด NHTSA ระบุว่า Boombox ระบบลำโพงที่ผู้ขับสามารถอัปโหลดเสียงอะไรก็ได้มาแทนเสียงแตรรถของ Tesla ได้ละเมิดมาตรฐานด้านความปลอดภัย และมีเสียงเตือนเบาเกินไปขณะที่รถกำลังขับเคลื่อน ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้เดินเท้า ปัญหาดังกล่าวจะได้รับการแก้ไขด้วยการอัปเดตซอฟต์แวร์ที่จะสั่งปิดการใช้งานระบบ Boombox เวลาขับรถ ถอยรถ และเข้าเกียร์ว่าง โดย Tesla ออกมาระบุว่า ยังไม่พบรายงานการเกิดอุบัติเหตุหรือบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับการใช้ระบบ Boombox โดยรุ่นรถ Tesla ที่ถูกเรียกคืนคือ Model X, S และ Y ที่ผลิตในปี 2020-2022 และโมเดล 3S ที่ผลิตในปี 2017-2022 Michael Brooks ผู้อำนวยการของ Center for Auto Safety กล่าวว่า ดูเหมือน Tesla กำลังเล่นไล่จับกับข้อบังคับของ NHTSA ด้วยการผลักดันขีดจำกัดด้านความปลอดภัย และเรียกร้องให้ NHTSA ดำเนินการปรับเพราะการเรียกคืน ตรวจสอบ หรือวิธีอื่นๆ ดูเหมือนจะไม่ได้ผลกับ Tesla อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-02-10/tesla-recall-can-make-sounds-obscuring-pedestrian-warnings?sref=e4t2werz https://www.voathai.com/a/tesla-recalls-more-vehicles-as-us-agency-increases-scrutiny/6436169.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Boombox Elon Musk News Update Tesla แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: เงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ พุ่ง 7.5% สูงสุดรอบ 40 ปี กังวล Fed เร่งขึ้นดอกเบี้ย ดันบอลด์ยีลด์ดีดแตะ 2% หุ้นสหรัฐฯ ร่วง - Bitcoin หลุด $43,000 - FINNOMENA ตัวเลขเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ พุ่ง 7.5% สะท้อนแนวโน้มเงินเฟ้อที่แย่ลงกดดัน Fed เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย ดันบอลด์ยีลด์ดีดแตะ 2% แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ​ และ Bitcoin ปรับตัวลดลง 11 ก.พ. 2565 ตัวเลขเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ พุ่ง 7.5% สะท้อนแนวโน้มเงินเฟ้อที่แย่ลงกดดัน Fed เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย ดันบอลด์ยีลด์ดีดแตะ 2% แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และ Bitcoin ปรับตัวลดลง กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค CPI เดือน ม.ค. เพิ่มขึ้น 0.6% (MoM) และ 7.5% (YoY) ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ ก.พ. 1982 และมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 7.2% ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน Core CPI เดือน ม.ค. ซึ่งไม่นับรวมสินค้าหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.6% (MoM) และ 5.9% (YoY) ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ ส.ค 1982 และมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 5.9% ส่งผลให้เมื่อคืนนี้ (10 พ.ย.) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วแตะระดับ 2% โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ โดย Nasdaq ร่วงกว่า 2%, S&P 500 ปรับตัวลง 1.8% และ Dow Jones ลดลง 1.47% ขณะที่ราคา Bitcoin ร่วงหลุด $43,000 ตัวเลขเงินเฟ้อในระดับสูงทำให้ตลาดกังวลว่า Fed อาจยิ่งใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดกว่าที่เคยกล่าวไว้ โดยความวิตกกังวลจะยังไม่หายไปจนกว่าจะมีสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อสามารถควบคุมได้แล้ว ข้อมูลของ CME ระบุว่า รายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ม.ค. ที่ออกมาสูงกว่าคาด ทำให้โอกาสที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ย 0.5 bps ในเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้นเป็น 44.3% จาก 25% ก่อนหน้านี้ และโอกาสที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ย 1.5 bps ในปีนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 63% จาก 53% 📊 รายงานตัวเลขเงินเฟ้อในหมวดต่างๆ ในเดือน ม.ค. น้ำมัน: +9.5% (MoM) และ +46.5% (YoY) พลังงานทั้งหมด: +0.9% (MoM) และ +27% (YoY) รถยนต์และรถบรรทุกใช้แล้ว: +1.5% (MoM) และ +40.5% (YoY) ที่พักอาศัย: +0.3% (MoM) และ +4.4% (YoY) อาหาร: +0.9% (MoM) และ +7% (YoY) นักเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์ว่า การรวมตัวกันของราคาที่พักอาศัยและราคาอาหารที่สูงขึ้นตอกย้ำว่าวัฏจักรของเงินเฟ้อกำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็ว และด้วยสภาวะตลาดแรงงานที่ตึงตัวเป็นพิเศษทำให้เงินเฟ้อไม่น่าจะชะลอตัวในเร็วๆ นี้ การขยายตัวของอัตราเงินเฟ้อได้บดบังการเติบโตของรายได้ โดยรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงที่แท้จริงเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในเดือน ม.ค. เนื่องจากค่าแรงที่เพิ่มขึ้นเกือบ 0.7% หมดไปกับอัตราเฟ้อที่ระดับ 0.6% นอกจากนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ยังรายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 ก.พ. ลดลง 16,000 รายจากสัปดาห์ก่อนหน้า อยู่ที่ 223,000 ราย ซึ่งเป็นยอดรวมต่ำสุดนับตั้งแต่ 1 ม.ค. อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/02/10/january-2022-cpi-inflation-rises-7point5percent-over-the-past-year-even-more-than-expected.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: CPI News Update สหรัฐฯ เงินเฟ้อสหรัฐ แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Disney+ สมาชิกทั่วโลกทะลุ 129 ล้านบัญชี ผลประกอบการดีกว่าคาด หุ้นพุ่ง 8% หลังปิดตลาด ธุรกิจออนไลน์โตสดใส สวนสนุกรายได้โตเท่าตัว - FINNOMENA เมื่อวานนี้ (9 ก.พ.) Disney รายงานผลประกอบไตรมาส 1 ของปีงบประมาณ 2022 ดีกว่าคาดทั้งรายได้และกำไร ดันราคาหุ้นพุ่ง 8% หลังปิดตลาด 10 ก.พ. 2565 เมื่อวานนี้ (9 ก.พ.) Disney รายงานผลประกอบไตรมาส 1 ของปีงบประมาณ 2022 ดีกว่าคาดทั้งรายได้และกำไร ดันราคาหุ้นพุ่ง 8% หลังปิดตลาด 📺 ผลประกอบการ Q1/22 ของ Disney กำไรต่อหุ้น (EPS): $1.06 สูงกว่าคาดการณ์ที่ $0.63 รายได้: 21,820 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าคาดการณ์ที่ 20,910 ล้านดอลลาร์ ยอดสมาชิก Disney+ สะสมทั้งหมด : 129.8 ล้านบัญชี สูงกว่าคาดการณ์ที่ 125.75 ล้านบัญชี จำนวนสมาชิก Disney+ สูงกว่าที่คาดการณ์ โดยก่อนหน้านี้ผู้บริหารคาดการณ์ว่าสมาชิกจะเติบโตได้ดีกว่าในช่วงครึ่งหลังของปี เพราะบริษัทมีแผนฉายภาพยนตร์หรือซีรีส์ของตัวเอง (Original Content) ในช่วง Q4/22 โดยจำนวนสมาชิก Disney+ เพิ่ม 12 ล้านบัญชีใน Q1/22 และรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้งาน (ARPU) ในสหรัฐฯ และแคนาดายังเพิ่มขึ้นเป็น $6.68 ต่อเดือนจาก $5.80 ในปีที่แล้ว Disney ระบุว่า จะเพิ่มการใช้จ่ายสำหรับธุรกิจสตรีมมิ่งใน Q2 โดยค่าใช้จ่ายสำหรับรายการและการผลิตอาจเพิ่มขึ้นประมาณ 800-1,000 ล้านดอลลาร์ และค่าใช้จ่ายสำหรับ Linear TV จะเพิ่มขึ้น 500 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลส่วนหนึ่งจากการแพร่ระบาด Christine McCarthy CFO ของบริษัทกล่าวว่า Disney ไม่ได้อยู่ในจุดที่มีค่าใช้จ่ายคงที่สำหรับ Disney+ แต่มั่นใจว่าจะได้เห็นความคืบหน้าของ Disney+ อย่างมีนัยสำคัญภายในปีงบประมาณ 2023 หุ้นของบริษัทคู่แข่งอย่าง Netflix ปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมา หลังรายงานระบุว่าการเติบโตของสมาชิกชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม Bob Chapek ซีอีโอของบริษัทมั่นใจว่า ยอดสมาชิก Disney+ ในปี 2024 จะอยู่ที่ 230-260 ล้านบัญชี ธุรกิจสวนสนุกของ Disney ฟื้นตัวได้ดี โดยสร้างรายได้สูงถึง 7,200 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2 เท่าจาก 3,600 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า และทำกำไร 2,500 ล้านดอลลาร์ จากขาดทุน 100 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว รายได้จากการจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ของ Disney ลดลง 8.5% เหลือ 1,500 ล้านดอลลาร์ หลังร้านค้าปลีกของแบรนด์ดิสนีย์ถูกปิดตัวลงจำนวนมากในช่วงครึ่งหลังของปี 2021 แม้การผลิตรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์ของ Disney จะกลับมาดำเนินการต่ออีกครั้ง แต่บริษัทยังต้องเผชิญปัญหาการหยุดชะงักเนื่องจาก Box Office ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ โดยรายได้จาก Spider-Man: No Way Home ที่ทำร่วมกับ Sony ไม่สามารถชดเชยการขาดทุนจากเรื่องอื่นๆ ที่ออกฉายได้ ทั้งในแง่ของต้นทุนการผลิตและการตลาด อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/02/09/disney-dis-fiscal-q1-2022-earnings.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Disney DisneyPlus News Update แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: JPMorgan ชี้ $38,000 คือมูลค่าที่เหมาะสมของ Bitcoin ในตอนนี้ ย้ำ Bitcoin ผันผวนกว่าทองคำ 4 เท่า แต่เชื่อมั่นราคาพุ่งแตะ $150,000 ในระยะยาว - FINNOMENA JPMorgan ธนาคารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ​ ชี้ มูลค่าที่เหมาะสม (Fair Value) ของ Bitcoin ตอนนี้อยู่ที่เพียง $38,000 หรือต่ำกว่าราคาปัจจุบันถึง 12% แต่ยังเชื่อว่าราคาจะพุ่งอีกหลายเท่าในอนาคต 9 ก.พ. 2565 JPMorgan ธนาคารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ชี้ มูลค่าที่เหมาะสม (Fair Value) ของ Bitcoin ตอนนี้อยู่ที่เพียง $38,000 หรือต่ำกว่าราคาปัจจุบันถึง 12% แต่ยังเชื่อว่าราคาจะพุ่งอีกหลายเท่าในอนาคต ทีมนักกลยุทธ์ของ JPMorgan นำโดย Nikolaos Panigirtzoglou ออกรายงานล่าสุดที่ระบุว่า Bitcoin มีความผันผวนมากกว่าทองคำถึง 4 เท่า แต่หากความผันผวนของ Bitcoin ลดลงมาเหลือ 3 เท่า ราคาที่เหมาะสมจะเพิ่มขึ้นเป็น $50,000 “ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ Bitcoin คือ ความผันผวนและวัฏจักรที่แกว่งตัวแรง ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้นักลงทุนสถาบันไม่ยอมรับในสินทรัพย์ดิจิทัล” Nikolaos กล่าว อย่างไรก็ตาม JPMorgan มองว่า ในระยะยาวราคา Bitcoin อาจพุ่งไปถึง $150,000 สูงกว่าคาดการณ์ในปี ก่อนที่ $146,000 ซึ่งที่ราคาระดับนั้นจะทำให้มูลค่ารวมของตลาด Bitcoin เทียบเท่าตลาดทองคำ ก่อนหน้านี้ในเดือน ม.ค. JPMorgan ได้กล่าวว่า การปรับฐานในช่วงเริ่มปี 2022 ไม่รุนแรงเท่าเดือน พ.ค. ของปีที่แล้ว ซึ่งร่วงไปกว่า 50% แต่ตัวชี้วัดต่างๆ อย่างจำนวนสัญญาที่เปิดสถานะ (Open Interest) และปริมาณสำรองบนแพลตฟอร์มซื้อขาย ต่างส่งสัญญาณว่าการปรับฐานจะยาวนาน และแนวโน้มการปรับตัวลงของราคาจะน่ากังวลมากขึ้น อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-02-09/bitcoin-s-volatility-versus-gold-implies-38-000-value-jpmorgan?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Bitcoin Crypto JPMorgan News Update คริปโต แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: ล่า Bitcoin ถูกแฮ็กสำเร็จ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ อายัด 94,000 BTC มูลค่ารวม 120,000 ล้านบาท แฮ็กจาก Bitfinex ตั้งแต่ปี 2016 - FINNOMENA กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ล่า Bitcoin ส่วนใหญ่ ที่ถูกแฮ็กผ่าน Bitfinex เมื่อ 6 ปีก่อนได้สำเร็จ พร้อมประกาศอายัด Bitcoin จำนวน 94,000 BTC มูลค่ารวม 3,600 ล้านดอลลาร์ 9 ก.พ. 2565 กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ล่า Bitcoin ส่วนใหญ่ ที่ถูกแฮ็กผ่าน Bitfinex เมื่อ 6 ปีก่อนได้สำเร็จ พร้อมประกาศอายัด Bitcoin จำนวน 94,000 BTC มูลค่ารวม 3,600 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 120,000 ล้านบาท เมื่อวานนี้ (8 ก.พ.) กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เผยว่าได้ทำการยึด Bitcoin รวมมูลค่า 3,600 ล้านดอลลาร์ ที่ถูกแฮ็กเกอร์โจรกรรมทางไซเบอร์ผ่านระบบการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล Bitfinex เมื่อปี 2016 อัยการสูงสุดกล่าวว่า นี่ถือเป็นการอายัดทรัพย์สินทางการเงินที่มีมูลค่ามากสุดเป็นประวัติศาสตร์ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ และเป็นการยืนยันว่าคริปโทฯ ไม่ใช่เครื่องมือของเหล่าอาชญากรอีกต่อไป โดยการโจรกรรมดังกล่าวของแฮ็กเกอร์ถือเป็นความพยายามที่สูญเปล่า สหรัฐฯ ได้จับกุมอิลยา ลิคเทนสไตน์ วัย 34 ปี และภรรยา เฮเธอร์ มอร์แกน วัย 31 ปี จากรัฐนิวยอร์ก รวมถึงตั้งข้อหาสมรู้ร่วมคิดในการแฮ็ก Bitcoin จำนวน 119,754 BTC ซึ่ง ณ ตอนนั้นมีมูลค่าเพียง 71 ล้านดอลลาร์ แต่ปัจจุบันมีมูลค่าสูงถึง 4,500 ล้านดอลลาร์ โดยข้อหาดังกล่าวมีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 20 ปี ตามรายงานของกระทรวงยุติธรรม ผู้ต้องหาทั้งสองใช้เทคนิคที่ซับซ้อนในการแฮ็ก โดยใช้ตัวตนที่สมมติขึ้นเพื่อตั้งค่าบัญชีออนไลน์ และใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการทำธุรกรรมอัตโนมัติเพื่อให้ธุรกรรมจำนวนมากเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ หลังจากนั้นก็นำคริปโทฯ ที่โจรกรรมไปเข้าบัญชีในแพลตฟอร์มเสมือนจริงและตลาดมืดเพื่อถอนเงินออกมา ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า คดีและการจับกุมในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา และเป็นข้อพิสูจน์ว่าบล็อกเชนสามารถช่วยให้ผู้ตรวจสอบติดตามคริปโทฯ ที่ถูกแฮ็กไปในเว็บไซต์ของพวกบริษัทที่ไม่มีตัวตนชัดเจน (Shell Companies) ได้ เมื่อวานนี้ (8 ก.พ.) ราคาเหรียญ Unus Sed Leo ซึ่งออกมาเพื่อเพิ่มทุนบางส่วนให้กับ Bitfinex หลังถูกแฮ็กในปี 2016 พุ่งขึ้นกว่า 50% หลังการประกาศอายัต Bitcoin ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ด้าน Bitfinex กล่าวในแถลงการณ์ว่า บริษัทได้ให้ความร่วมมืออย่างกว้างขวางกับกระทรวงยุติธรรมมาโดยตลอดในการสอบสวนคดีดังกล่าว รวมถึงพยายามสร้างสิทธิในการรับคืน Bitcoin ดังกล่าวที่ถูกขโมยไป อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-02-08/doj-seizes-3-6-billion-in-bitcoin-stolen-in-2016-bitfinex-hack?sref=e4t2werz https://www.voathai.com/a/couple-arrested-in-connection-with-cryptocurrency-hack/6433063.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Bitcoin Bitfinex Crypto News Update คริปโต สหรัฐฯ แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: กองทุน ‘ทีมชาติจีน’ มาแล้ว รัฐบาลจีนสั่งไล่ซื้อหุ้น หวังชะลอการร่วงแรง ดัน Pinduoduo พุ่ง 13% Alibaba บวกกว่า 6% - FINNOMENA “กองทุนทีมชาติจีน” ไล่ซื้อหุ้นเพื่อยับยั้งการปรับตัวลงของหุ้นจีนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ดันราคาหุ้นจีนในสหรัฐฯ พุ่ง และยังช่วยชะลอการร่วงแรงของหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ 9 ก.พ. 2565 กองทุนรัฐบาลจีนหรือที่รู้จักกันในชื่อ “กองทุนทีมชาติจีน” ไล่ซื้อหุ้นเพื่อยับยั้งการปรับตัวลงของหุ้นจีนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ดันราคาหุ้นจีนในสหรัฐฯ พุ่ง และยังช่วยชะลอการร่วงแรงของหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ เช้านี้ (9 ก.พ.) ดัชนี Shanghai Composite เปิดบวกที่ 0.33% และดัชนี Shenzhen Component ปรับเพิ่มขึ้น 0.5% ขณะที่ดัชนี CSI 300 เปิดบวกเช่นกันที่ 0.19% โดยปิดตลาดเมื่อวานนี้ที่ -0.6% หลังร่วงลงระหว่างวันแรงถึง 2.4% หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นรับข่าวเชิงบวก โดยเมื่อวานนี้ (8 ก.พ.) หุ้น Pinduoduo พุ่งแรงกว่า 13% และหุ้น Alibaba ปรับตัวขึ้นมาที่ 6.3% ขณะที่ DiDi, Baidu และ JD.com เพิ่มขึ้นมาอย่างน้อย 3% กองทุนทีมชาติจีนได้ไล่ซื้อหุ้นในช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นในประเทศกลับมาซื้อขายอีกครั้งหลังหยุดเทศกาลตรุษจีนนาน 1 สัปดาห์ ซึ่งก่อนหน้านั้นตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงต่อเนื่องและเข้าสู่ภาวะตลาดหมี ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการแพร่ระบาดของโควิด ความเคลื่อนไหวของกองทุนทีมชาติจีนมีจุดมุ่งหมายเพื่อชะลอการลดลงของตลาด โดยบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ระบุว่า หุ้นการเงินซึ่งรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์เป็นหนึ่งในกลุ่มที่รัฐบาลจีนไล่ซื้อ ส่งผลให้หุ้นวัฏจักรอย่างพลังงาน สาธารณูปโภค และการเงิน ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวานนี้ (8 ก.พ.) แม้ดัชนีชี้วัดจะปรับตัวลงมาก็ตาม นักลงทุนในสหรัฐฯ ต่างคาดหวังว่าแรงสนับสนุนจากกองทุนชาติจีนจะช่วยบรรเทาแรงเทขายในหุ้นที่จดทะเบียนนอกจีนแผ่นดินใหญ่ โดยดัชนี Nasdaq Golden Dragon China ร่วงแรงที่ 59% ในปีที่แล้ว และลดลงอีก 5% ในช่วงต้นปี 2022 ก่อนที่เมื่อวานนี้ (8 ก.พ.) จะปรับตัวขึ้นมา 3.9% อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ยังคงดำเนินต่อเนื่อง โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้เพิ่มบริษัทจีน 33 แห่งลงไปในลิสต์บริษัทที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน (Unverified List) ซึ่งอาจทำให้บริษัทในลิสต์ดังกล่าวต้องได้รับใบอนุญาตเพิ่มเติมเพื่อซื้อผลิตภัณฑ์จากบริษัทในสหรัฐฯ โดย ADRs ของ Wuxi Biologics บริษัทที่ถูกเพิ่มเข้าลิสต์ร่วงไปแล้วกว่า 16% อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-02-08/u-s-listed-china-companies-get-boost-as-state-funds-buy-stocks?srnd=premium-asia&sref=e4t2werz https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-02-08/china-stocks-wipe-out-post-lunar-holiday-gains-in-broad-selloff?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update กองทุนทีมชาติจีน จีน ตลาดหุ้นจีน หุ้นจีน หุ้นเทคโนโลยีจีน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: อีกแล้ว! Cathie Wood เตรียมเปิดกองใหม่ รูปแบบ ‘กองทุนปิด’ เน้นลงทุนในบริษัทนวัตกรรมนอกตลาด ยึดมั่นกลยุทธ์แบบ ARK ตามเดิม - FINNOMENA Cathie Wood ยังคงแน่วแน่ในกลยุทธ์การลงทุนของ Ark เตรียมเปิดตัวกองใหม่ แต่ในครั้งนี้จะเป็นกองทุนแบบปิดเป็นช่วงเวลาที่เน้นลงทุนในบริษัทนวัตกรรมเอกชนแทน 8 ก.พ. 2565 Cathie Wood ยังคงแน่วแน่ในกลยุทธ์การลงทุนของ Ark เตรียมเปิดตัวกองใหม่ แต่ในครั้งนี้จะเป็นกองทุนแบบปิดเป็นช่วงเวลาที่เน้นลงทุนในบริษัทนวัตกรรมเอกชนแทน ตามเอกสารที่ยื่นกับ ก.ล.ต. สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา Ark ได้เสนอการลงทุนรูปแบบใหม่ที่ยังคงยึดมั่นในปรัชญาการลงทุนของบริษัท แต่จะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำ รวมถึงมีการจำกัดการเทขายของนักลงทุนในช่วงเวลาที่ตลาดผันผวน โฆษกของ Ark ยืนยันกับ Yahoo Finance ว่า บริษัทได้ยื่นขอจัดตั้งกองทุนจริง แต่ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพราะยังอยู่ระหว่างตรวจสอบกับ ก.ล.ต.สหรัฐฯ Ark ได้ยื่นขอจัดตั้งกองทุนปิดเป็นช่วงเวลา (Closed-Ended Interval Fund) ซึ่งเป็นกองทุนที่นักลงทุนจะสามารถซื้อหรือขายได้ตามช่วงเวลาที่กำหนด และจะมีการเสนอซื้อหุ้นคืนในสัดส่วนที่จำกัดจากนักลงทุนเป็นระยะ โดยรายละเอียดเบื้องต้น Ark Invest จะทำข้อเสนอซื้อคืนรายไตรมาสที่สัดส่วนระหว่าง 5-25% ในหลักทรัพย์เด่นของกองทุน กองทุนใหม่ของ Ark จะยังคงเลียนแบบธีมการลงทุนของกองทุนอื่นๆ ของ Ark แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือ กองใหม่นี้จะเน้นลงทุนในบริษัทเอกชน เพื่อให้ Ark สามารถถือครองสินทรัพย์ของนักลงทุนได้นานขี้นในช่วงที่ตลาดผันผวน ธีมการลงทุนที่เสนอกับ ก.ล.ต. เป็นอุตสาหกรรมที่นักลงทุนของ Ark คุ้นเคยกันดี ได้แก่ นวัตกรรมด้านยีนและพันธุกรรม เทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ นวัตกรรมด้านพลังงาน ปัญญาประดิษฐ์ (AI) นวัตกรรมยุคใหม่ด้านอินเทอร์เน็ต อุตสาหกรรมฟินเทคซึ่งรวมถึงคริปโทฯ และบล็อกเชน Ark กล่าวในรายงานที่ยื่นว่า เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการลงทุน กองทุนอาจลงทุนอย่างไม่จำกัดในหลักทรัพย์เอกชน หลักทรัพย์จำกัด หลักทรัพย์ที่ไม่มีสภาพคล่อง และหลักทรัพย์ที่ไม่ได้ซื้อขายในตลาดรอง ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นในเวลาที่กองทุนอื่นๆ ของ Ark กำลังถูกเทขายอย่างหนัก หลังการส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยและเตรียมใช้นโยบายการเงินเข้มงวดของ Fed ทำให้เหล่านักลงทุนต่างหันหลังให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นเติบโต และไปลงทุนในหุ้นคุณค่าแทน อย่างไรก็ตาม ฐานแฟนคลับของ Cathie Wood อาจไม่เหนียวแน่นเหมือนเดิม หลังมูลค่ากองทุน ARKK หายเกินครึ่งจากจุดสูงสุด โดยกองทุนสิ้นสุดผลงานปีที่แล้วด้วยผลตอบแทนติดลบที่ 27% สวนทางกับผลตอบแทนก้าวกระโดดที่ 150% ในปี 2020 ขณะที่กองทุนอื่นๆ ของ Ark ก็ปรับตัวลงกว่า 20% เช่นกันในปีที่ผ่านมา อ้างอิง: https://finance.yahoo.com/news/cathie-woods-ark-plans-to-launch-new-fund-that-invests-private-innovation-companies-174405328.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: ARK ARK Invest ARKK Cathie Wood News Update แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: รู้จัก Gautam Adani มหาเศรษฐีชาวอินเดีย สินทรัพย์ 2.9 ล้านล้านบาท ขึ้นแท่นบุคคลร่ำรวยที่สุดในเอเชียคนใหม่ จากธุรกิจพลังงานสู่อาณาจักร ‘Adani Group’ - FINNOMENA “Gautam Adani” เจ้าของอาณาจักร Adani Group ขึ้นแท่นคนรวยที่สุดแห่งภูมิภาคเอเชียด้วยมูลค่าทรัพย์สินกว่า 88,500 ล้านดอลลาร์ หรือ 2.9 ล้านล้านบาท 8 ก.พ. 2565 “Gautam Adani” เจ้าของอาณาจักร Adani Group ขึ้นแท่นคนรวยที่สุดแห่งภูมิภาคเอเชียด้วยมูลค่าทรัพย์สินกว่า 88,500 ล้านดอลลาร์ หรือ 2.9 ล้านล้านบาท รายงานล่าสุด (7 ก.พ.) ของดัชนี Bloomberg Billionaires ระบุว่า Gautam Adani มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเกือบ 12,000 ล้านดอลลาร์ สู่มูลค่ารวมที่ 88,500 ล้านดอลลาร์ แซงหน้า Mukesh Ambani ประธาน Reliance Industries อดีตมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในเอเชียซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 87,900 ล้านดอลลาร์ 🏢 จากธุรกิจพลังงานเล็กๆ สู่อาณาจักร ‘Adani Group’ ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 Gautam Adani ได้ลาออกจากมหาวิทยาลัยและเริ่มงานในอุตสาหกรรมเพชรในมุมไบ ก่อนจะกลับไปยังบ้านเกิดที่รัฐคุชราตเพื่อช่วยพี่ชายทำธุรกิจพลาสติก และในปี 1988 เขาได้ก่อตั้งบริษัท Adani Enterprises ขึ้นมา Gautam Adani มหาเศรษฐีอินเดียวัย 59 ปี ได้เปลี่ยนธุรกิจสินค้าโภคภัณฑ์ขนาดเล็ก สู่ ‘Adani Group’ กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ของอินเดียที่มีทั้งธุรกิจท่าเรือ เหมือง และพลังงานสีเขียว ตอนนี้ Gautam Adani มีอำนาจควบคุมสนามบิน 7 แห่ง หรือเกือบ 1 ใน 4 ของการจราจรทางอากาศทั้งหมดของอินเดีย โดย Adani Group เป็นภาคเอกชนที่ครองส่วนแบ่งตลาดในภาคส่วนที่ไม่ใช่ของรัฐทั้งในธุรกิจสนามบิน เครื่องกำเนิดไฟฟ้า และผู้ค้าปลีกก๊าซในเมือง ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้เวลาไม่ถึง 3 ปี 🇮🇳 ลงทุนในธุรกิจที่สอดคล้องกับเป้าหมายของผู้นำชาติอินเดีย เจ้าสัวถ่านหินไม่ได้หยุดอยู่แค่เชื้อเพลิงฟอสซิล แต่เขาได้ขยายอาณาจักรไปสู่พลังงานหมุนเวียน สนามบิน ศูนย์ข้อมูล และสัญญาด้านการป้องกันประเทศ ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่ ‘นเรนทรา โมดี’ นายกฯ ของอินเดีย มองว่าเป็นพื้นฐานสำคัญต่อการสร้างชาติและบรรลุเป้าหมายเศรษฐกิจระยะยาวของอินเดีย การเดิมพันในธุรกิจพลังงานสีเขียวและโครงสร้างพื้นฐานของ Gautam Adani ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยหุ้นในกลุ่ม Adani Group บางตัวพุ่งขึ้นกว่า 600% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ต้นปี 2020 หุ้น Adani Green และ Adani Total Gas บริษัทร่วมทุนที่จดทะเบียนกับบริษัทในฝรั่งเศสพุ่งขึ้นกว่า 1,000%, หุ้น Adani Enterprises พุ่งขึ้นกว่า 730%, หุ้น Adani Transmission เพิ่มขึ้นกว่า 500% และ Adani Ports เพิ่มขึ้นมาถึง 95% เมื่อเทียบกับการปรับตัวขึ้นของดัชนี Sensex ที่ 40% 🌱 เตรียมขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานสีเขียว Gautam Adani ให้คำมั่นว่าจะลงทุน 70,000 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2030 ซึ่งนั่นจะทำให้ธุรกิจของเขากลายเป็นผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ที่สุดในโลก ขณะที่ Mukesh Ambani กล่าวว่า จะลงทุน 10,000 ล้านเหรียญดอลลาร์ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในแผนใช้จ่ายด้านพลังงานหมุนเวียนที่มีมูลค่าสูงถึง 76,000 ล้านดอลลาร์ ในเดือน ม.ค. 2021 Total SE บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านน้ำมันของฝรั่งเศส ได้ตกลงซื้อหุ้นบริษัท Adani Green Energy ทั้งหมด 20% และถือครองพอร์ตสินทรัพย์พลังงานแสงอาทิตย์ในสัดส่วนถึง 50% นอกจากนี้ในเดือน มี.ค. 2021 Warburg Pincus บริษัท Private Equity ในนิวยอร์ก กล่าวว่าจะลงทุน 110 ล้านดอลลาร์ เพื่อแลกการถือหุ้น Adani Ports และ Special Economic Zone Ltd. ที่ประมาณ 0.5% Gautam Adani ยังได้เผยแผนเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนเกือบ 8 เท่า ภายในปี 2025 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันประเด็นสิ่งแวดล้อม โดยในเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา Adani Green ตกลงซื้อธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในท้องถิ่นของ SoftBank Group ในข้อตกลงที่ทำให้ SB Energy India มีมูลค่าบริษัทสูงถึง 3,500 ล้านดอลลาร์ 🔥 ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ 3 ประเด็น อุดมการณ์สีเขียวของ Gautam Adani ถูกวิพากษ์วิจารณ์โดยนักสิ่งแวดล้อม เพราะโครงการเหมืองถ่านหิน Carmichael ในออสเตรเลียของ Adani Group มีการเพิ่มการจัดหาเชื้อเพลิงฟอสซิลที่สร้างมลพิษสูงซึ่งย้อนแย้งกับอุดมการณ์ดังกล่าว Gautam Adani ยังถูกโจมตีจากฝั่งตรงข้ามทางการเมืองของนายกฯ โมดี โดยความสนิทสนมของพวกเขาถูกวิจารณ์ว่าเป็นระบบพวกพ้องหรือการเล่นพรรคเล่นพวก ซึ่ง Gautam Adani มองว่าคำกล่าวหาดังกล่าวไร้เหตุผล และเขาประสบความสำเร็จจากกลยุทธ์ที่สอดคล้องไปกับเป้าหมายของนายกฯ โมดี เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องการผูกขาด โดย Sanjiv Bhasin จาก IIFL Securities กล่าวว่า ธุรกิจบางอย่างของ Adani Group เช่น ท่าเรือ เกือบจะเป็นการผูกขาดโดยสมบูรณ์แล้ว นอกจากนี้ บริษัทหลายแห่งของ Adani ยังเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับการผลักดันอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานของอินเดีย อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-02-07/indian-tycoon-adani-surpasses-ambani-as-asia-s-richest-person?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Adani Group Gautam Adani Mukesh Ambani News Update มหาเศรษฐี อินเดีย แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: ธนาคารกลางครึ่งโลก จะขึ้นดอกเบี้ย เม.ย. นี้ JPMorgan เตือนนักลงทุนรับมือ นโยบายการเงินเข้มงวดแรงสุดรอบ 30 ปี - FINNOMENA ธนาคารกลางทั่วโลกเตรียมถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ นักวิเคราะห์เตือน ความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางจะเร็วและแรงกว่าที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ 7 ก.พ. 2565 ธนาคารกลางทั่วโลกเตรียมถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ นักวิเคราะห์เตือน ความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางจะเร็วและแรงกว่าที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ ตอนนี้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อดูจะเป็นภัยคุกคามใหญ่กว่าผลกระทบจากโควิด จนธนาคารกลางทั่วโลกต่างส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าว และนี่ทำให้เกิดเสียงแตกในหมู่นักวิเคราะห์ โดยส่วนนึงมองว่าธนาคารกลางใช้นโยบายเข้มงวดช้าเกินไป แต่อีกส่วนมองว่าต้นเหตุเกิดจากปัญหาซัพพลายเชนที่อยู่นอกเหนือขอบเขตของการใช้นโยบายการเงิน Fed ของสหรัฐฯ เตรียมขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน มี.ค. โดยตัวเลขจ้างงานเดือน ม.ค. ที่ดีกว่าคาดอาจยิ่งทำให้ท่าทีของ Fed มีความเข้มงวดมากขึ้น ขณะที่ BOE ของอังกฤษได้ประกาศขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 0.5% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา และตลาดอาจได้เห็น ECB ของยุโรปเริ่มขึ้นดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี JPMorgan ประมาณการว่าในเดือน เม.ย. นี้ ธนาคารกลางของหลายประเทศที่รวมกันแล้วมี GDP คิดเป็น 50% ของโลกจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย (ตอนนี้มีเพียง 5% ที่ขึ้นดอกเบี้ยแล้ว) โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยทั่วโลกจะอยู่ที่ 2% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับก่อนเกิดการแพร่ระบาด นี่จะเป็นความเข้มงวดของนโยบายการเงินที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1990 หรือกว่า 30 ปี โดยความเคลื่อนไหวจะไม่ได้อยู่แค่ที่การขึ้นดอกเบี้ย แต่จะรวมถึงการถอนมาตรการซื้อพันธบัตรครั้งใหญ่ที่เคยใช้เพื่อควบคุมต้นทุนการกู้ยืมระยะยาว ตลาดตอบรับท่าทีเข้มงวดดังกล่าว โดยดัชนี MSCI World ปรับลดลงมาแล้ว 5% ในปีนี้ ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกปรับสูงขึ้น ก่อนหน้านี้ธนาคารกลางทั่วโลกต่างมองว่าเงินเฟ้อเป็นเพียงแค่เรื่องชั่วคราว แต่ตอนนี้ผู้กำหนดนโยบายได้ข้อสรุปแล้วว่าเงินเฟ้อยังคงสร้างแรงกดดันอยู่ และการอดทนต่อเงินเฟ้อจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้ราคาสินค้าและค่าจ้างพุ่งสูงขึ้น แต่ก็เป็นเรื่องยากมากที่จะหยุดเงินเฟ้อโดยไม่ทำให้เศรษฐกิจถดถอย JPMorgan คาดว่า เงินเฟ้อมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง พร้อมกับอัตราว่างงานที่ลดลงและความต้องการบริโภคด้านบริการที่เพิ่มขึ้นหลังล็อกดาวน์ เนื่องจากเศรษฐกิจได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความยืดหยุ่นต่อการแพร่ระบาดของโอมิครอนแล้ว สิ่งที่ต้องระวังคือ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอัตราเงินเฟ้อปรับลดลงมาเองจากการฟื้นตัวของซัพพลายเชนและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลง ซึ่งนั่นจะทำให้นโยบายการเงินเข้มงวดตึงตัวเกินไป เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับ ECB เมื่อทศวรรษที่แล้ว BlackRock ที่มองว่า ปัญหาเงินเฟ้อเกิดจากซัพพลายเชน และธนาคารกลางต่างๆ ควรเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ ขณะที่ Bloomberg วิเคราะห์ว่า ถ้า ECB ต้องการลดเงินเฟ้อให้อยู่ที่ระดับ 2% ECB จะต้องเพิ่มอัตราดอกเบี้ยมากพอที่จะโยนคน 1.2 ล้านคน ออกจากงาน อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-02-05/goodbye-easy-money-as-hawkish-central-banks-speed-up-rate-hikes?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: BOE ECB FED News Update ขึ้นดอกเบี้ย ธนาคารกลาง เฟดขึ้นดอกเบี้ย แนวโน้มดอกเบี้ย แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: ตลาดหุ้นจีนเปิดบวก หลังหยุดยาวตรุษจีน แรงกดดันด้านกฎระเบียบลดลง CSI 300 เพิ่มขึ้นกว่า 1% แต่ความกังวลด้านเศรษฐกิจ-หนี้อสังหาฯ ยังคงอยู่ - FINNOMENA ตลาดหุ้นจีนเปิดบวก นักลงทุนกลับมาไล่ซื้อหุ้นหลังหยุดยาววันตรุษจีน ขณะที่แรงกดดันด้านกฎระเบียบในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจีนเริ่มผ่อนคลายลง 7 ก.พ. 2565 ตลาดหุ้นจีนเปิดบวก นักลงทุนกลับมาไล่ซื้อหุ้นหลังหยุดยาววันตรุษจีน ขณะที่แรงกดดันด้านกฎระเบียบในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจีนเริ่มผ่อนคลายลง เช้านี้ (7 ก.พ.) ดัชนี CSI 300 พุ่งขึ้นมา 1.23% ด้านดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 1.61 % ขณะที่ดัชนี Shenzhen Component ปรับตัวขึ้นมา 0.82% อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวลงเล็กน้อย โดยดัชนี Hang Seng ปรับลดลง 0.6% หลังพุ่งขึ้นเกือบ 3% ในวันศุกร์ที่ผ่านมา (4 ก.พ.) ผลตอบแทนเดือน ม.ค.ในปีนี้ของหุ้นจีน ทำสถิติแย่ที่สุดในรอบหลายปี จากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่อ่อนแอและปัญหาหนี้ในภาคอสังหาฯ แม้ธนาคารกลางจีนจะส่งสัญญาณใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินก็ตาม ผลตอบแทนของตลาดหุ้นจีนที่สวนทางกับตลาดหุ้นโลก ทำให้หุ้นจีนแผ่นดินใหญ่อาจต้องดิ้นรนเพื่อให้ทันโมเมนตัมขาขึ้นหลังความสัมพันธ์ (Correlation) กับหุ้นทั่วโลกอ่อนตัวลง เว้นแต่ว่าผู้กำหนดนโยบายจะดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/02/07/asia-stocks-mainland-china-markets-reopen-ukraine-currencies-oil.html https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-02-07/china-s-stocks-rally-after-holidays-tracking-offshore-gains?srnd=premium-asia&sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update จีน ตลาดหุ้นจีน หุ้นจีน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: 5 ข้อน่ารู้ ก่อนเริ่มโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 - FINNOMENA โอลิมปิกฤดูหนาว 2022 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันศุกร์ที่ 4 - 20 ก.พ. นี้ โดยจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันนี้ (4 ก.พ.) ที่สนามไอซ์สเก็ตแห่งชาติจีน ณ กรุงปักกิ่ง และนี่คือ 5 ข้อน่ารู้เกี่ยวกับโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 4 ก.พ. 2565 โอลิมปิกฤดูหนาว 2022 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันศุกร์ที่ 4 – 20 ก.พ. นี้ โดยจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันนี้ (4 ก.พ.) ที่สนามไอซ์สเก็ตแห่งชาติจีน ณ กรุงปักกิ่ง และนี่คือ 5 ข้อน่ารู้เกี่ยวกับโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 🇨🇳 ปักกิ่งเมืองแรกของโลกที่เป็นเจ้าภาพทั้งโอลิมปิกฤดูร้อนและฤดูหนาว ภาครัฐและเอกชนของจีนทุ่มงบถึง 3,900 ล้านดอลลาร์ในการจัดงานโอลิมปิกครั้งนี้ โดยปธน. สี จิ้นผิง แถลงเมื่อวานนี้ (3 ก.พ.) ว่า ทั่วโลกกำลังจับตาและจีนก็พร้อมแล้ว โดยจีนจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อส่งมอบงานโอลิมปิกที่ราบรื่น ปลอดภัย และยอดเยี่ยมให้กับโลก ปักกิ่งเป็นเมืองแรกที่ได้เป็นเจ้าภาพทั้งงานโอลิมปิกฤดูร้อนและฤดูหนาว โดยเมื่อ 14 ปีที่แล้ว ปักกิ่งได้เป็นเจ้าภาพงานโอลิมปิกฤดูร้อนในปี 2008 ขณะที่ปีนี้ จะมีนักกีฬาเกือบ 3,000 คน จาก 91 ประเทศ เข้าร่วมแข่งขันเพื่อชิง 109 เหรียญทอง จากการแข่งขันกีฬาทั้งหมด 7 รายการหลัก โดยกีฬาในร่ม ได้แก่ เคอร์ลิง, สปีดสเกต, สเกตลีลา และฮอกกี้น้ำแข็ง จะถูกจัดที่กรุงปักกิ่ง ส่วนเขตหยานชิงที่อยู่ห่างจากปักกิ่งไป 75 กม. จะถูกใช้เป็นสถานที่แข่งกีฬาสกีและเล่นสไลเดอร์น้ำแข็ง ขณะที่กีฬาสโนว์บอร์ดและสกีประเภทฟรีสไตล์ จะจัดที่เขตจางเจียโข่ว ซึ่งอยู่ห่างจากปักกิ่งไป 180 กม. 🐼 ปิงตุนตุนและเสวี่ยหรงหรง 2 มาสคอตประจำโอลิมปิก 2022 มาสคอตแพนด้ายักษ์ “ปิงตุนตุน” มาจากคำว่า ‘ปิง’ ที่แปลว่า น้ำแข็ง และ ‘ตุนตุน’ ที่แปลว่า แข็งแกร่งและมีชีวิตชีวา โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากขนมน้ำตาลเคลือบ “ปิงถังหูหลุ” จากทางภาคเหนือของจีน ส่วนมาสคอตโคมไฟสีแดง “เสวี่ยหรงหรง” มาจากคำว่า ‘เสวี่ย’ ที่แปลว่า หิมะ และ ‘หรงหรง’ ที่แปลว่า ความใจกว้างยอมรับความเห็นผู้อื่น โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากงานหัตกรรมดั้งเดิมของจีนที่ตกแต่งด้วยนกพิราบและหอฟ้าเทียนถาน เพื่อสะท้อนบรรยากาศเทศกาลตรุษจีน 🦠 มาตรการโควิดในงานโอลิมปิก 2022 รัฐบาลจีนยังคงใช้มาตรเข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยจะไม่มีการเปิดจำหน่ายตั๋วสำหรับบุคคลทั่วไป และไม่อนุญาตให้แฟนกีฬาต่างชาติเข้าร่วม โดยจะมีแค่ผู้ชมที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่จะมีสิทธิเข้าสนามได้ ผู้เข้าร่วมกีฬาโอลิมปิกทุกคน ตั้งแต่นักกีฬาไปจนถึงอาสาสมัคร จะต้องทำการตรวจโควิดแบบ PCR ทุกวัน โดยความเคลื่อนไหวของทุกคนจะต้องอยู่ในระบบปิด และทุกคนต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ยกเว้นแค่ช่วงเวลาแข่งขัน ฝึกซ้อม รับประทานอาหารและเครื่องดื่ม หรืออยู่ในห้องคนเดียว 🔥 โอลิมปิก 2022 ถูกคว่ำบาตรทางการเมืองจากหลายชาติ หลายประเทศได้ประกาศคว่ำบาตรทางการเมืองต่องานกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 จากประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนในซินเจียง ซึ่งรวมถึงสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรเลีย ลิทัวเนีย คอซอวอ เบลเยียม เดนมาร์ก และเอสโตเนีย โดยประเทศดังกล่าวจะไม่ส่งเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงเข้าร่วม แต่จะยังส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันเช่นเดิม ด้านญี่ปุ่นประกาศว่าจะไม่ส่งเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงเข้าร่วมงาน แต่จะยังส่งเจ้าหน้าที่โอลิมปิกเข้าร่วมอยู่ ขณะที่ นิวซีแลนด์ ออสเตรีย สโลวีเนีย สวีเดน และเนเธอร์แลนด์ กล่าวว่าจะไม่ส่งเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงเช่นกัน แต่อ้างถึงเหตุผลเรื่องความเสี่ยงจากโควิด 🇹🇭 นักกีฬาไทยที่เข้าร่วม โอลิมปิกฤดูหนาว 2022 จะมีตัวแทนนักกีฬาไทยเข้า จำนวน 4 คนประกอบด้วย มรรค จันเหลือง ประเภทครอสคันทรีชาย, คาเรน จันเหลือง ประเภทครอสคันทรีหญิง, นิโคล่า ซาโนน ประเภทอัลไพน์ชาย และ มิดา ฟ้า ใจมั่น ประเภทอัลไพน์หญิง อ้างอิง: https://www.bbc.com/sport/winter-olympics/60199574 https://www.bbc.com/news/explainers-59644043 https://www.prachachat.net/world-news/news-855468 https://www.pptvhd36.com/sport/news/165846 https://www.whatphone.net/news/ais-play-olympic-games-beijing-2022/ ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update จีน ปักกิ่ง โอลิมปิก 2022 แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: 2 สถิติใหม่ในหนึ่งวัน Meta หุ้นร่วง $2.3 แสนล้าน แต่ Amazon หุ้นเตรียมพุ่ง $2 แสนล้าน - FINNOMENA 4 ก.พ. 2565 หลังจากที่ Meta บริษัทแม่ของ Facebook รายงานผลประกอบการน่าผิดหวัง ทำให้ถูกแรงขายอย่างหนัก ราคาหุ้น -26% คิดเป็นมูลค่า $2.3 แสนล้าน ทำสถิติบริษัทจดทะเบียน ที่มูลค่าหายมากที่สุดในหนึ่งวัน ในวันเดียวกัน (3 ก.พ.) Amazon ได้ประกาศงบ Q4 ที่สดใส ดันราคาหุ้นพุ่ง 15% หลังปิดตลาด ถือเป็นการทำสถิติมูลค่าบริษัทเพิ่มวันเดียวเกือบ 200,000 ล้านดอลลาร์ สูงสุดในประวัติศาสตร์การเงินโลก Amazon รายงานรายได้รวม Q4 โต 9% (YoY) โดยรายได้ธุรกิจคลาวด์เติบโตอย่างแข็งแกร่งที่เกือบ 40%และบริษัททำกำไรเกือบ 12,000 ล้านดอลลาร์จากการลงทุนในบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า Rivian รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ของ Amazon กำไรต่อหุ้น (EPS): $5.80 สูงกว่าคาดการณ์ที่ $3.57 รายได้: เพิ่มขึ้น 9.4% อยู่ที่ 137,400 ล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 137,600 ล้านดอลลาร์ รายได้จาก Amazon Web Services (AWS): 17,800 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าคาดการณ์ที่ 17,370 ล้านดอลลาร์ สำหรับไตรมาสแรกของปีนี้ Amazon คาดการณ์กำไรที่ 3,000-6,000 ล้านดอลลาร์ และคาดการณ์รายได้ที่ 112,000 – 117,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ของ Refinitiv ที่ 120,000 ล้านดอลลาร์ แม้ตัวเลขคาดการณ์จะออกมาน่าผิดหวังเล็กน้อย แต่ Amazon ได้ให้ความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนมากพอว่าการเติบโตจะฟื้นตัว เห็นได้จากการตอบรับของตลาดที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับ Facebook ที่สูญเงินกว่า 250,000 ล้านดอลลาร์ในวันเดียว Amazon ยังรายงานรายได้ธุรกิจโฆษณาเพิ่มขึ้น 32% (YoY) อยู่ที่ 9,700 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเติบโตอย่างรวดเร็วเป็นครั้งแรก โดยธุรกิจดังกล่าวเป็นอันดับ 3 ในตลาดสหรัฐฯ รองจาก Google และ Facebook ธุรกิจคลาวด์ของบริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยรายได้จาก Amazon Web Services (AWS) เพิ่มขึ้นเกือบ 40% ที่ 17,800 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้บริษัทยังได้ขึ้นราคาสมาชิก Amazon Prime เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี เพื่อรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น Andy Jassy ซีอีโอของบริษัทกล่าวว่า ต้นทุนสูงขึ้นตามที่คาดไว้โดยได้รับปัจจัยลบจากการขาดแคลนแรงงานและปัญหาเงินเฟ้อ คาดว่าแรงกดดันดังกล่าวจะยังคงอยู่ต่อไปในไตรมาสแรกของปีนี้จากการแพร่ระบาดของโอมิครอน อย่างไรก็ตามแม้จะมีความท้าทายในระยะสั้น แต่บริษัทรู้สึกดีและตื่นเต้นที่ Amazon สามารถรอดพ้นจากผลกระทบของการแพร่ระบาดได้ อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-02-03/amazon-poised-for-biggest-ever-market-value-gain-in-wild-swing?srnd=premium-asia&sref=e4t2werz https://www.cnbc.com/2022/02/03/amazon-amzn-q4-2021-earnings.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Amazon Facebook Meta News Update แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: Hang Seng บวกแรงกว่า 2% นักลงทุนไล่ซื้อ หลังหยุดยาวตรุษจีน - FINNOMENA ดัชนี Hang Seng ปรับตัวขึ้นถึง 2.44% หลังกลับมาเปิดทำการเป็นวันแรกจากเทศกาลตรุษจีน นักลงทุนจึงกลับมาไล่ซื้อหุ้นตามหลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ 4 ก.พ. 2565 ดัชนี Hang Seng ปรับตัวขึ้นถึง 2.44% หลังกลับมาเปิดทำการเป็นวันแรกจากเทศกาลตรุษจีน นักลงทุนจึงกลับมาไล่ซื้อหุ้นตามหลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่เปิดทำการในระหว่างที่ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดทำการช่วงเทศกาลตรุษจีน แม้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปรับตัวลงมาเมื่อคืนนี้ พร้อมการส่งสัญญาณใช้นโยบายตึงตัวจากประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) Sentiment เชิงบวกดังกล่าวสะท้อนผ่านตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ที่เปิดทำการในแดนบวก ดัชนี Nikkei 225 +0.08% ดัชนี Hang Seng +2.44% ดัชนี KOSPI +0.90% ดัชนี SET +0.44% ดัชนี PSEi Composite +0.42% Source: Bloomberg, CNBC ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert Hang Seng Index ตลาดหุ้นฮ่องกง ตลาดหุ้นเอเชีย แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: อธิบาย Wormhole Bridge ถูกแฮ็ก Bridge ยอดนิยมของ Solana สูญเงินกว่าหมื่นล้านบาท แฮ็กเกอร์ใช้ช่องโหว่ ขโมย ETH 1.2 แสนเหรียญ - FINNOMENA Wormhole Bridge ของ Solana ถูกแฮ็ก คาดถูกขโมย Ethereum ไป 120,000 เหรียญ คิดเป็นมูลค่ากว่า 320 ล้านดอลลาร์ (10,600 ล้านบาท) 3 ก.พ. 2565 Wormhole Bridge ของ Solana ถูกแฮ็ก คาดถูกขโมย Ethereum ไป 120,000 เหรียญ คิดเป็นมูลค่ากว่า 320 ล้านดอลลาร์ (10,600 ล้านบาท) มูลค่ามหาศาลที่ถูกขโมยไปทำให้นี่เป็นหนึ่งในการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดของวงการ De-Fi รองจากการถูกแฮ็กของ Poly Network ที่สูญมูลค่าไปกว่า 600 ล้านดอลลาร์ เมื่อเดือน ส.ค. ปีที่แล้ว 📌 Wormhole Bridge คืออะไร? Wormhole เป็นโปรโตคอลของ Solana แพลตฟอร์มคู่แข่ง Ethereum ที่ได้รับความสนใจมากขึ้นในวงการ NFT และ DeFi โดยมีจุดเด่นตรงที่ทั้งเร็วและถูกกว่า Ethereum โดยปกติแล้ว นักลงทุนคริปโทฯ มักใช้หลายแพลตฟอร์มหรือเครือข่าย ดังนั้นนักพัฒนาจึงได้สร้าง Bridge ขึ้นมา เพื่อเป็นเหมือนสะพานเชื่อมโยงให้ผู้ใช้งานสามารถโอนคริปโทฯ จากเครือข่ายหนึ่งไปยังอีกเครือข่ายหนึ่งได้ง่ายขึ้น ซึ่ง Wormhole Bridge ของ Solana เป็นหนึ่งใน Bridge ยอดนิยมที่ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างเครือข่ายต่างๆ โดยเน้นไปที่ Ethereum และ Solana เป็นหลัก ทำให้ผู้ใช้งานสามารถโอนโทเคนและ NFTs ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว 📌 Wormhole Bridge ถูกแฮ็กได้อย่างไร? CertiK บริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์คาดว่า ตอนนี้แฮ็กเกอร์มีกำไรอย่างน้อย 251 ล้านดอลลาร์จาก Ethereum, 47 ล้านดอลลาร์จาก Solana และมากกว่า 4 ล้านดอลลาร์จาก USDC ซึ่งเป็น Stablecoin ที่ตรึงราคาไว้กับสกุลเงินดอลลาร์ ช่วงต้นเดือน ม.ค. Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ได้ออกมาเตือนว่า เครือข่าย Bridge แบบ Cross-chain นั้นมีช่องโหว่และมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย การวิเคราะห์เบื้องต้นของ CertiK ระบุว่า แฮ็กเกอร์ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ในฝั่งของ Solana โดยการสร้าง Wrapped Ethereum จำนวน 120,000 เหรียญ และใช้มันเพื่ออ้างสิทธิและแลก Ethereum ที่เก็บไว้อีกฝั่งของสะพาน ปกติแล้วอัตราส่วนของ Ethereum : Wrapped Ethereum บน Wormhole จะอยู่ที่ 1:1 แต่การโจมตีทำให้อัตราส่วนดังกล่าวถูกทำลาย จนตอนนี้มี Ethereum ที่เป็นหลักประกันในโปรโตคอลอยู่ไม่ถึง 93,750 เหรียญแล้ว 📌 ความเคลื่อนไหวของนักพัฒนา Wormhole ทีมงานของ Wormhole กล่าวว่า Ethereum จะถูกเติมคืนในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้งาน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเงินทุนเหล่านั้นจะมาจากที่ไหน นักพัฒนาของ Wormhole ยังไม่ได้ออกมาชี้แจงรายละเอียดของเหตุการณ์ดังกล่าว แต่บัญชี Twitter Official ได้ออกมาระบุว่าเครือข่ายกำลังอยู่ในช่วงปรับปรุง ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าปัญหาดังกล่าวเกี่ยวข้องกับช่องโหว่ของระบบ นอกจากนี้ นักพัฒนายังได้พยายามติดต่อแฮ็กเกอร์ และยื่นข้อเสนอเป็นเงินรางวัลมูลค่ากว่า 10 ล้านดอลลาร์ เพื่อให้ลุ่มแฮ็กเกอร์หมวกขาวเปิดเผยกลยุทธ์ในการโจมตีช่องโหว่ รวมถึงคืนเงินที่ขโมยไป อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/02/02/320-million-stolen-from-wormhole-bridge-linking-solana-and-ethereum.html https://siamblockchain.com/2022/02/03/wormhole-bridge-attacked-for-322-million/ ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: DeFi Ethereum News Update NFT Solana Wormhole Wormhole Bridge แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: หุ้น Meta ร่วงกว่า 20% หลังปิดตลาด มูลค่าหาย $2 แสนล้าน หรือ 6.6 ล้านล้านบาท Facebook ผู้ใช้งานชะลอตัว รายได้โฆษณาลด “มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก” อาจหลุด Top 10 คนรวยสุดในโลก - FINNOMENA เมื่อวานนี้ (2 ก.พ.) หุ้น Meta ร่วงแรงกว่า 20% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ หลังบริษัทเผยผลประกอบการน่าผิดหวัง 3 ก.พ. 2565 เมื่อวานนี้ (2 ก.พ.) หุ้น Meta ร่วงแรงกว่า 20% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ หลังบริษัทเผยผลประกอบการน่าผิดหวัง รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ของบริษัท กำไรต่อหุ้น (EPS): $3.67 ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ $3.84 รายได้: 33,670 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าคาดการณ์ที่ 33,400 ล้านดอลลาร์ จำนวนผู้ใช้งานต่อวัน: 1,930 ล้านคน ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 1,950 ล้านคน จำนวนผู้ใช้งานต่อเดือน: 2,910 ล้านคน ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 2,950 ล้านคน รายได้ต่อผู้ใช้: $11.57 สูงกว่าคาดการณ์ที่ $11.38 นอกจากรายงานผลกำไรและตัวเลขผู้ใช้งานที่น่าผิดหวังแล้ว Facebook ยังคาดการณ์ว่ารายได้ในไตรมาสแรกของปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 27,000-29,000 ล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้น 3-11% (YoY) ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ของ Refinitiv ที่ 30,150 ล้านดอลลาร์ Facebook ที่ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Meta กล่าวว่า บริษัทได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย ทั้งการเปลี่ยนแปลงด้านความเป็นส่วนตัวบน iOS ของ Apple และความท้าทายด้านเศรษฐกิจมหภาค พร้อมกล่าวโทษการเติบโตที่ต่ำกว่าคาดว่าเป็นผลจากปัญหาเงินเฟ้อและซัพพลายเชนที่ส่งผลกระทบต่องบประมาณของผู้ลงโฆษณา นอกจากนี้ Meta ยังพบว่า พฤติกรรมของผู้ใช้งานเปลี่ยนไป โดยในแพลตฟอร์ม Instagram ผู้คนใช้เวลากับ Reels มากขึ้น ซึ่งฟีเจอร์ดังกล่าวไม่ได้สร้างรายได้มากเท่าหน้าฟีดหลักหรือสตอรี่ ผลประกอบการในไตรมาส 4 ของ Meta ถือว่าไม่ดีนักเมื่อเทียบกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอื่นๆ โดยก่อนหน้านี้ Alphabet รายงานงบดีเกินคาด และรายได้โตถึง 33% ขณะที่ Apple และ Microsoft รายงานรายได้และกำไรดีกว่าคาดเช่นกัน ตอนนี้ Meta เผชิญกับความท้าทายด้านกฎระเบียบ และยังต้องพิสูจน์การเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ไปสู่โลกเสมือนจริง Metaverse ในขณะเดียวกัน Meta ยังต้องแข่งขันกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น TikTok และ YouTube ที่ได้รับความนิยมมากกว่าในกลุ่มผู้ใช้งานอายุน้อย ราคาหุ้นที่ร่วงกว่า 20% อาจทำให้มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก สูญเงินถึง 24,000 ล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 97,000 ล้านดอลลาร์ จาก 120,600 ล้านดอลลาร์ และนั่นจะทำให้เขาหลุด 10 อันดับมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ ก.ค. 2015 อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/02/02/facebook-parent-meta-fb-q4-2021-earnings.html https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-02-02/mark-zuckerberg-risks-24-billion-wealth-wipeout-after-meta-miss?srnd=premium-asia&sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Facebook Mark Zuckerberg Meta Metaverse News Update มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: อินเดีย กำกับคริปโทฯ เหมือนบ่อนแทงม้า ย้ำ “คริปโทฯ ไม่ผิดกฎหมาย แต่เป็นเรื่องสีเทา” เตรียมเก็บภาษีสูงลิ่ว 30% - FINNOMENA รัฐบาลอินเดียย้ำชัด คริปโท​ฯ ไม่ผิดกฎหมาย หลังประกาศเก็บภาษีธุรกรรมคริปโทฯ โดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกับเงินที่ได้รับจากการชนะพนัน 2 ก.พ. 2565 รัฐบาลอินเดียย้ำชัด คริปโทฯ ไม่ผิดกฎหมาย หลังประกาศเก็บภาษีธุรกรรมคริปโทฯ โดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกับเงินที่ได้รับจากการชนะพนัน “การซื้อขายคริปโทฯ เป็นเรื่องสีเทา แต่ไม่ได้ผิดกฎหมาย” T. V. Somanathan ปลัดกระทรวงการคลังของอินเดียให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่า รัฐบาลอินเดียได้วางกรอบจัดเก็บภาษีคริปโทฯ โดยใช้เกณฑ์เดียวกับเงินที่ได้รับจากการชนะพนันแข่งม้า การเดิมพัน รวมถึงการเก็งกำไรอื่นๆ หลังหารือมานานหลายปีเกี่ยวกับประเด็นคริปโทฯ ล่าสุด (1 ก.พ.) กระทรวงการคลังอินเดียประกาศเก็บภาษีรายได้จากสินทรัพย์ดิจิทัลที่ 30% ซึ่งเป็นอัตราภาษีสูงสุดของประเทศ อัตราภาษีในระดับสูงลิ่วอาจทำให้ความนิยมของคริปโทฯ ในอินเดียลดลง โดยที่ผ่านมาคริปโทฯ ได้รับความนิยมอย่างมาก แม้ธนาคารกลางอินเดียจะพยายามเตือนนักลงทุนมาตลอดถึงความเสี่ยงจากการฟอกเงิน การเป็นแหล่งเงินทุนของผู้ก่อการร้าย รวมถึงความผันผวนของราคา ตอนนี้รัฐบาลอินเดียกำลังเร่งดำเนินการในร่างกฎหมายกำกับดูแลคริปโทฯ โดยร่างดังกล่าวจะต้องได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีก่อนเสนอต่อไปยังฝ่ายนิติบัญญัติ ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลอินเดียทำให้เกิดข้อถกเถียงเกี่ยวกับกฎระเบียบคริปโทฯ ที่อาจออกมาเพิ่มเติมในอนาคต อย่างไรก็ตาม Somanathan กล่าวว่า อินเดียจะไม่ด่วนทำอะไรก่อนเวลาอันควร ซึ่งรัฐบาลจะปรึกษาหารือกับหลายภาคส่วน และพิจารณาจากสิ่งที่เกิดขึ้นในระดับสากล โดยตอนนี้จะยึดตามเกณฑ์ภาษีคริปโทฯ ในอัตรา 30% ที่ได้ประกาศไปล่าสุด อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-02-02/india-says-crypto-not-illegal-as-it-s-taxed-like-gambling-win?srnd=premium-asia&sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Crypto Cryptocurrency News Update คริปโต ภาษีคริปโต อินเดีย แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Bridgewater เตือน “ระวังหุ้นร่วง” อย่าประเมินนโยบาย Fed ต่ำไป แนะนำ ‘สินทรัพย์จีน’ น่าสนใจ - FINNOMENA Bridgewater เตือนนักลงทุนประเมินผลกระทบนโยบายการเงินเข้มงวดเชิงรุกของ Fed และธนาคารกลางทั่วโลกต่ำเกินไป จนอาจนำไปสู่ความเสี่ยงครั้งใหญ่ของตลาด 2 ก.พ. 2565 Bridgewater Associates เตือนนักลงทุนประเมินผลกระทบนโยบายการเงินเข้มงวดเชิงรุกของ Fed และธนาคารกลางทั่วโลกต่ำเกินไป จนอาจนำไปสู่ความเสี่ยงครั้งใหญ่ของตลาด พร้อมมองสินทรัพย์จีนน่าสนใจจากการผ่อนคลายเชิงนโยบาย หลังเจอโรม พาวเวลล์ ส่งสัญญาณพร้อมดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดคาดว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 5 ครั้งในปีนี้ สู่ระดับ 1.65% ในสิ้นปี และคาดการณ์เงินเฟ้อระยะยาวที่ 2% แม้ตัวเลขเงินเฟ้อในเดือน ธ.ค. จะพุ่งขึ้น 7% จากปีที่แล้ว จนทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1982 ก็ตาม Bridgewater กองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกของเรย์ ดาลิโอ กล่าวในรายงาน 2022 Outlook ว่า ตลาดกำลังลดการพลิกกลับอย่างค่อยเป็นค่อยไปสู่เงินเฟ้อในระดับต่ำ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพานโยบายเข้มงวดจากภาครัฐ โดยตอนนี้ Bridgewater เริ่มมองเห็นการปะทะกันที่กำลังจะเกิดขึ้นระหว่างนโยบายการเงินเข้มงวดของธนาคารกลาง และการลดลงเองตามธรรมชาติของตลาด อย่างไรก็ดี Bridgewater กล่าวว่า ปริมาณเงินจำนวนมหาศาลในช่วงการแพร่ระบาดของโควิดไม่น่าลดลงได้หากไม่มีนโยบายการเงินเข้มงวด Bridgewater กล่าวว่า นโยบายการเงินเข้มงวดของ Fed จะสร้างความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่แก่ตลาด ไม่เพียงแต่เกิดความเสี่ยงครั้งใหญ่จากการถือครองสินทรัพย์ แต่ยังสร้างโอกาสในการทำกำไรมหาศาลจากการเปลี่ยนแปลงของราคา สำหรับมุมมองการลงทุน Bridgewater มีมุมมองบวกที่ลดลงอย่างมากในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วเมื่อเทียบกับการถือเงินสด แต่มองว่าสินทรัพย์จีนน่าสนใจจากการนโยบายการเงินผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-02-01/bridgewater-sees-market-turmoil-on-aggressive-fed-tightening?srnd=premium-asia&sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Bridgewater FED News Update Ray Dalio จีน หุ้นจีน เศรษฐกิจจีน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Alphabet งบดีเกินคาด รายได้โต 33% Pixel ยอดขายทุบสถิติ ยอดขายโฆษณาพุ่ง ธุรกิจ Cloud โต 45%ก.ค. นี้ เตรียมแตกหุ้น 20 ต่อ 1 - FINNOMENA Alphabet บริษัทแม่ Google รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ดีกว่าคาดทั้งรายได้และกำไร ดันราคาหุ้นพุ่ง 9% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ 2 ก.พ. 2565 Alphabet บริษัทแม่ Google รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ดีกว่าคาดทั้งรายได้และกำไร ดันราคาหุ้นพุ่ง 9% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ พร้อมประกาศแตกหุ้น (Stock Split) ในอัตราส่วน 20:1 ซึ่งจะมีผลในเดือน ก.ค. ผลประกอบการไตรมาส 4 ของ Alphabet เทียบกับคาดการณ์โดย Refinitiv และ StreetAccount กำไรต่อหุ้น (EPS): $30.69 สูงกว่าคาดการณ์ที่ $27.34 รายได้ทั้งหมด: 75,330 ล้านดอลลาร์ (+32%) สูงกว่าคาดการณ์ที่ 72,170 ล้านดอลลาร์ รายได้จากโฆษณาบน Youtube: 8,630 ล้านดอลลาร์ (+25%) ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 8,870 ล้านดอลลาร์ รายได้จาก Google Cloud: 5,540 ล้านดอลลาร์ (+45%) สูงกว่าคาดการณ์ที่ 5,470 ล้านดอลลาร์ ต้นทุนในการเพิ่มทราฟฟิก (TAC): 13,430 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าคาดการณ์ที่ 12,840 ล้านดอลลาร์ รายได้ที่เพิ่มขึ้นถึง 32% จากปีที่แล้ว เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า Alphabet สามารถทนแรงกดดันจากการแพร่ระบาดและอัตราเงินเฟ้อได้ดี โดยราคาหุ้น Alphabet พุ่งขึ้น 65% ในปีที่ผ่านมา ผลตอบแทนแซงหน้าบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่อื่นๆ และสร้างกำไรมากกว่าดัชนี S&P 500 ถึง 3 เท่า รายได้จากการโฆษณาบน Youtube เป็นตัวเลขเดียวที่ต่ำกว่าความคาดหวังของนักวิเคราะห์ โดย Alphabet พยายามแข่งขันกับแพลตฟอร์ม TikTok ด้วยฟังก์ชัน Shorts บน Youtube รายได้จากธุรกิจอื่นๆ ซึ่งรวมถึงฮาร์ดแวร์, Play Store และรายได้ที่ไม่ใช่โฆษณาบน YouTube ปรับเพิ่มขึ้นเช่นกันที่ 22% จากปีที่แล้ว ซึ่ง Sundar Pichai ซีอีโอของบริษัทรายงานว่า สมาร์ทโฟน Google Pixel ได้ทำสถิติยอดขายสูงสุดใหม่ แม้เผชิญข้อจำกัดด้านซัพพลายเชน นอกจากนี้ Alphabet ยังได้ประกาศแตกหุ้นในอัตราส่วน 20:1 โดยจะปิดรายชื่อผู้ถือหุ้นในวันที่ 1 ก.ค. และผู้ถือหุ้นจะได้รับหุ้นเพิ่มเติม 19 หุ้น ในวันที่ 15 ก.ค. การแตกหุ้นดังกล่าวไม่ได้เปลี่ยนปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจ แต่จะไปลดราคาต่อหุ้น ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่บริษัทต่างๆ มักทำเมื่อราคาหุ้นซื้อขายกันที่หลายพันดอลลาร์ ล่าสุด (1 ก.พ.) ราคาหุ้นของ Alphabet อยู่ที่ประมาณ $2,752 ต่อหุ้น โดยมีราคาเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า จากเดือน พ.ค. 2020 โดยหากอ้างอิงจากในราคาปิดวันอังคาร ราคาของหุ้น Alphabet หลังแตกหุ้นจะเป็น $128.64 ต่อหุ้น อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/02/01/alphabet-googl-q4-2021-earnings.html https://www.cnbc.com/2022/02/01/google-parent-alphabet-announces-20-for-1-stock-split.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Alphabet google News Update แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: หัวเราะทีหลังดังกว่า วอร์เรน บัฟเฟตต์ แซงเคธี่ วูดส์ ผลตอบแทน Berkshire ชนะ ARKK แล้ว 4% - FINNOMENA ผลตอบแทนของ Berkshire Hathaway แซงหน้ากองทุน ARKK แล้ว 4% สะท้อนการเปลี่ยนผ่านจากหุ้นเทคโนโลยีราคาแพงกลับมาสู่การถือครองสินทรัพย์ที่ปลอดภัยและคาดการณ์ได้ 31 ม.ค. 2565 ผลตอบแทนของ Berkshire Hathaway แซงหน้ากองทุน ARKK แล้ว 4% สะท้อนการเปลี่ยนผ่านจากหุ้นเทคโนโลยีราคาแพงกลับมาสู่การถือครองสินทรัพย์ที่ปลอดภัยและคาดการณ์ได้ ตั้งแต่ต้นปี 2020 ราคาหุ้น Berkshire Hathaway ของ Warren Buffett พุ่งขึ้นมาแล้ว 35% เทียบกับผลตอบแทนกองทุน ARKK ของ Cathie Wood ที่ 31% ซึ่งนี่เป็นการพลิกกลับอย่างน่าทึ่ง เพราะในเดือน ก.พ. ปี 2021 ARKK สามารถสร้างผลตอบแทบสูงสุดได้ถึงกว่า 200% ขณะที่ Berkshire ราคาปรับตัวขึ้นไม่ถึง 20% เท่านั้น แรงเทขายอย่างหนักในหุ้นเทคโนโลยี ทำให้กองทุนเรือธงของ Cathie Wood ที่ก่อนหน้านี้สร้างผลตอบแทนมากกว่า 3 เท่าในปี 2020 ร่วงลงมาถึง 32% ในปีนี้ ขณะที่หุ้น Berkshire พุ่งขึ้นแล้ว 2% หลังแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นกระตุ้นให้นักลงทุนหันมาเดิมพันในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยมากขึ้น อย่างที่รู้กันว่า Warren Buffett และ Cathie Wood มีมุมมองการลงทุนที่ต่างกันสุดขั้ว โดย Cathie Wood เลือกลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีที่คาดว่าจะพลิกโฉมหน้านวัตกรรมในอนาคต ซึ่งมักจะเป็นบริษัทที่ยังไม่มีกำไร เช่น Coinbase แพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล หรือ Intellia Therapeutics ผู้พัฒนาวิธีการแก้ไขยีนด้วยเทคโนโลยีชีวภาพ ขณะที่ Berkshire Hathaway เป็นเจ้าของธุรกิจจำนวนมากในอุตสาหกรรมที่มีความมั่นคง อย่างประกันภัยและสาธารณูปโภค โดยถือหุ้นมูลค่าหลายพันล้านเหรียญในบริษัทที่ประสบความสำเร็จแล้ว และยังลงทุนในบริษัทการเงินชั้นนำหลายแห่งที่เริ่มต้นปี 2022 ด้วยผลตอบแทนที่เป็นบวก เช่น Bank of America, American Express และ US Bancorp นอกจากนี้ Berkshire Hathaway ยังได้รับประโยชน์จากจากสินทรัพย์ที่ถือครองสูงสุดเป็นอันดับที่ 12 อย่างหุ้น Chevron ยักษ์ใหญ่ด้านน้ำมัน ที่ปรับตัวขึ้นมาแล้ว10% ในปีนี้ และเป็นบริษัทที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุดในดัชนี Dow Jones รวมถึงกำไรมหาศาลจากการลงทุนจำนวนมากในหุ้น Apple ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สิ่งที่เห็นตอนนี้คือ กลยุทธ์การลงทุนของ Warren Buffett ที่มีความเสี่ยงและความผันผวนน้อยกว่านั้น กลับสามารถสร้างผลตอบแทนได้มากกว่ากลยุทธ์การลงทุนของ Cathie Wood อ้างอิง: https://edition.cnn.com/2022/01/30/investing/stocks-week-ahead/index.html https://markets.businessinsider.com/news/stocks/warren-buffett-berkshire-hathaway-cathie-wood-ark-innovation-tech-stocks-2022-1 ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: ARKK Berkshire Hathaway Cathie Wood News Update Warren Buffett วอร์เรน บัฟเฟตต์ แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Tesla มูลค่าหาย 1 แสนล้านดอลลาร์ หุ้นร่วงวันเดียว 11% ตลาดผิดหวัง ไม่ออกรถยนต์รุ่นใหม่ปีนี้ อีลอน มัสก์ ชูแผนใหม่ เน้นพัฒนาหุ่นยนต์ ‘Optimus’ - FINNOMENA หุ้น Tesla ร่วงแรงกว่า 11% มูลค่าตลาดหาย 109,000 ดอลลาร์ หลังบริษัทเผยว่าจะไม่ผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ออกมาในปี 2022 แม้ผลประกอบการไตรมาส 4 จะออกมาดีกว่าคาดก็ตาม 28 ม.ค. 2565 เมื่อวานนี้ (28 ม.ค.) หุ้น Tesla ร่วงแรงกว่า 11% มูลค่าตลาดหาย 109,000 ดอลลาร์ หลังบริษัทเผยว่าจะไม่ผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ออกมาในปี 2022 แม้ผลประกอบการไตรมาส 4 จะออกมาดีกว่าคาดก็ตาม Elon Musk เผยว่า Tesla ยังคงเผชิญกับปัญหาขาดแคลนชิปอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าปัญหาดังกล่าวจะยังไม่หมดไปในปีนี้ ทำให้นักลงทุนเริ่มหมดหวังที่จะได้เห็น Tesla ส่งมอบรถกระบะไฟฟ้า Cybertruck ที่เปิดตัวในเดือน พ.ย. 2019 และ Semi รถบรรทุกไฟฟ้าที่เปิดตัวในเดือน พ.ย. 2017 ที่ผ่านมา Tesla ระบุว่า บริษัทเตรียมมุ่งเน้นไปที่การปรับขนาดการผลิตทั้งในโรงงานใหม่และโรงงานเดิม รวมถึงหันไปปรับปรุงเทคโนโลยี Full Self-Driving ของ Tesla ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม Elon Musk กล่าวว่า เทคโนโลยี Full Self-Driving ของ Tesla ควรจะถูกพัฒนาอย่างถึงที่สุด จนสามารถผลักดันยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่มีอยู่จนสูงกว่าคาดการณ์ และจะไม่มีโมเดลใหม่ในราคาที่ต่ำกว่าออกมา ตอนนี้ Full Self-Driving ของ Tesla ยังไม่ถือว่าเป็นระบบไร้คนขับตามมาตรฐาน SEA ระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับที่รถยนต์สามารถจัดการการขับขี่ได้ในทุกสภาวะโดยไม่มีการแทรกแซงของมนุษย์ ขณะที่ Tesla อยู่ที่เพียงระดับ 2 นอกจากนี้ Elon Musk กล่าวว่า การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สำคัญที่สุดในปีนี้คือ Optimus หุ่นยนต์อัจฉริยะเสมือนมนุษย์เพื่อมาทำงานในโรงงานต่างๆ ของบริษัท ซึ่งเขามองว่าสิ่งนี้มีความสำคัญมากกว่าธุรกิจยานยนต์เมื่อเวลาผ่านไป Elon Musk กล่าวว่า รากฐานของเศรษฐกิจคือแรงงาน นั่นจึงทำให้ Optimus สำคัญมาก ซึ่งก่อนหน้านี้ในเดือน ส.ค. ปีที่แล้ว Elon Musk กล่าวว่า Optimus จะช่วยจัดการงานที่ซ้ำซาก น่าเบื่อ และอันตรายเกินไปสำหรับมนุษย์ แม้ว่าราคาหุ้น Tesla จะร่วงแรง แต่นักวิเคราะห์หลายคนยังคงเชื่อมั่นต่อ Tesla ในฐานะผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตและการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยทั้ง Goldman Sachs และ Deutsche Bank ตั้งราคาเป้าหมายของหุ้น Tesla ที่ $1,200 จากราคาปัจจุบันที่ $829 อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/01/27/tesla-stock-investors-digest-new-vehicle-delays.html?__source=androidappshare https://www.cnbc.com/2022/01/27/musk-tesla-robot-top-priority-for-new-product-development-this-year.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Elon Musk News Update Optimus Tesla Tesla Bot อีลอน มัสก์ แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Apple ทุบสถิติรายได้สูงสุดตลอดกาล ยอดขายโต 11% กำไรพุ่ง 25% ไอโฟนขายดีขึ้น แต่ไอแพดผลิตไม่ทัน - FINNOMENA Apple ทุบสถิติรายได้สูงสุดตลอดกาล ยอดขายรวมไตรมาส 4 โต 11% ขณะที่กำไรพุ่ง 25% จากปีที่แล้ว แม้เผชิญความท้าทายด้านซัพพลายเชนขาดแคลน รวมถึงผลกระทบจากการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ที่ยังคงมีอยู่ 28 ม.ค. 2565 Apple ทุบสถิติรายได้สูงสุดตลอดกาล ยอดขายรวมไตรมาส 4 โต 11% ขณะที่กำไรพุ่ง 25% จากปีที่แล้ว แม้เผชิญความท้าทายด้านซัพพลายเชนขาดแคลน รวมถึงผลกระทบจากการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ที่ยังคงมีอยู่ ยอดขายในทุกผลิตภัณฑ์ของ Apple โตจากปีที่ผ่านมาและสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ยกเว้น iPad ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาซัพพลายขาดแคลน ด้านซีอีโอ Tim Cook กล่าวว่า ปัญหาด้านอุปทานของบริษัทกำลังดีขึ้น ส่งผลให้เมื่อคืนนี้ (27 ม.ค.) ราคาหุ้น Apple พุ่ง 5% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ Apple รายงานผลกำไรของบริษัทโต 25% จากปีที่แล้ว โดยกำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ $2.10 ขณะที่ยอดขายรวมโต 11% อยู่ที่ 123,900 ล้านดอลลาร์ ซึ่งยอดขายในผลิตภัณฑ์ต่างๆ มีดังนี้ ➢ iPhone: 71,630 ล้านดอลลาร์ (+9%) ➢ Mac: 10,850 ล้านดอลลาร์ (+25%) ➢ iPad: 7,250 ล้านดอลลาร์ (-14%) ➢ ผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น Apple Watch และ AirPods: 14,700 ล้านดอลลาร์ (+13%) ➢ บริการ: 19,520 ล้านดอลลาร์ (+24%) Apple ยังคงไม่ระบุถึงตัวเลขคาดการณ์ของผลประกอบการในไตรมาสปัจจุบันเช่นเดิม ซึ่งบริษัทไม่ได้คาดการณ์มาตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการแพร่ระบาดใหญ่โดยอ้างถึงความไม่แน่นอน Tim Cook กล่าวว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดของ Apple คือการจัดหาชิป Legacy Nodes แต่บริษัทยังคงทำได้ดีในการจัดหาชิป Leading Edge ซึ่งเป็นตัวประมวลผลที่ทรงพลังและเป็นหัวใจสำคัญของโทรศัพท์ ขณะที่ Legacy Nodes เป็นชิปที่มีความซับซ้อนน้อยกว่าสำหรับใช้ในฟังก์ชันต่างๆ เช่น การแสดงผล หรือการจัดการพลังงาน นอกจากนี้ Tim Cook ยังกล่าวกับ CNBC ว่า Apple กำลังเผชิญแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ซึ่งเขาคิดว่าทุกๆ คนก็เห็นแรงกดดันนั้น และไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/01/27/apple-aapl-earnings-q1-2022.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Apple News Update Tim Cook แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: หุ้นการศึกษาจีนร่วงหนัก รัฐบาลจีนส่อแววคุมเข้มอีกครั้ง นักลงทุนหวั่น แรงกดดันหุ้นจีนยังไม่หมด - FINNOMENA หุ้นธุรกิจการศึกษาจีนร่วงหนัก นักลงทุนหวั่นรัฐบาลจีนเดินหน้าคุมเข้มอุตสาหกรรมดังกล่าวอีกครั้ง 27 ม.ค. 2565 หุ้นธุรกิจการศึกษาจีนร่วงหนัก นักลงทุนหวั่นรัฐบาลจีนเดินหน้าคุมเข้มอุตสาหกรรมดังกล่าวอีกครั้ง ดัชนี Bloomberg Intelligence ของหุ้นกลุ่มการศึกษาจีนร่วงแรง 27% ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา จนอยุ่ในจุดต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2015 และเป็นการปรับลดลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ทางจีนประกาศยกเครื่องธุรกิจการศึกษาในเดือน ก.ค. ปีที่แล้ว วันนี้ (27 ม.ค.) หุ้น China Education Group ร่วงแล้ว 21% โดยราคาหุ้นปรับตัวลงมาแล้วถึง 54% ในสัปดาห์นี้ การร่วงแรงดังกล่าวเกิดขึ้นหลังมีการเผยแพร่เอกสารที่ยังไม่ได้รับการยืนยันจากกระทรวงศึกษาธิการจีนในวันอังคาร (25 ม.ค.) ที่ระบุว่า ทางการจีนอาจสั่งห้ามไม่ให้บริษัทการศึกษาจีนจัดตั้งตัวแทนนอกประเทศ (VIE) เพื่อเสนอขายหุ้นในต่างประเทศ รวมถึงอาจออกกฎระเบียบเพิ่มเติมเกี่ยวกับทรัพย์สินของสถาบันการศึกษา การควบรวมกิจการ และการขึ้นราคาค่าเล่าเรียน นักวิเคราะห์ระบุว่า ยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการในประเด็นดังกล่าว และบริษัทต่างๆ ก็ยังไม่ได้ตระหนักถึงกฎเกณฑ์ใดๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ทางการจีนไม่ได้ออกมาปฏิเสธเรื่องดังกล่าวจนเป็นเหตุให้การเทขายในหุ้นกลุ่มดังกล่าวยิ่งรุนแรงขึ้น ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าแรงกดดันในตลาดหุ้นจีนยังคงมีอยู่ ซึ่งก่อนหน้านี้นักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่า รัฐบาลจีนจะเริ่มผ่อนปรนมาตรการคุมเข้มในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การศึกษา เทคโนโลยี อสังหาฯ และคาสิโน ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ต่างๆ รวมถึง Societe Generale และ BlackRock มีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นต่อตลาดหุ้นจีน จนทำให้ดัชนี Hang Seng China Enterprises พุ่งขึ้นเกือบ 10% จากระดับต่ำสุดในเดือนนี้ อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-01-27/china-s-education-stocks-crushed-by-renewed-panic-over-crackdown?srnd=premium-asia&sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update จีน ตลาดหุ้นจีน หุ้นการศึกษาจีน หุ้นจีน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: ตลาดหุ้นเอเชียร่วงหนักรับการประชุม Fed - FINNOMENA ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงหลังรับรู้ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0-0.25% แต่เปิดเผยมุมมองว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ 27 ม.ค. 2565 ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง หลังรับรู้ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0-0.25% แต่เปิดเผยมุมมองว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ พร้อมกล่าวถึงการลดขนาดงบดุลด้วยนโยบาย QT โดยไม่มีการเปิดเผยกำหนดการที่แน่นอนทั้งการขึ้นดอกเบี้ยและการใช้นโยบาย QT เมื่อพิจารณาถ้อยแถลงจากนาย Jerome Powell ในกรณีการขึ้นดอกเบี้ยและกำหนดการที่ไม่ชัดเจน ตลาดมองว่ามีท่าที Hawkish มากกว่าคาดการณ์เล็กน้อย ดัชนีตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ (11.20) จึงปรับตัวลง ดังนี้ Nikkei 225 ปรับตัวลง 3.0% Hang Seng ปรับตัวลง 2.7% KOSPI ปรับตัวลง 3.39% CSI 300 ปรับตัวลง 0.99% SET ปรับตัวลง 1.03% FINNOMENA Investment Team มองว่าการประชุม Fed รอบนี้มีภาพรวมท่าทีเป็นไปตามที่ตลาดคาด แต่มีสัญญาณไปทาง Hawkish มากขึ้น ดังนั้นตลาดอาจถูกกดดันด้วยความกังวลดังกล่าวในระยะสั้นสลับกับการฟื้นตัวของหุ้นในกลุ่มที่มีผลประกอบการแข็งแกร่ง ซึ่งในเชิงพื้นฐานกำไรหุ้นใน S&P500 ไตรมาส 4 ที่กำลังทยอยประกาศออกมา (119 จาก 500 บริษัท) ยังดีกว่าคาดราว 5% และเติบโตกว่า 23% เมื่อเทียบกับปีก่อน (ข้อมูล ณ วันที่ 27/01/2022) FINNOMENA Investment Team เห็นว่านี่ไม่ใช่จังหวะที่จะลดความเสี่ยงหรือตัดขายหุ้น แม้ในระยะสั้น (3-6 เดือน) อาจจะยังมีแรงกดดันจาก Fed และเงินเฟ้อ ในระยะยาวผลประกอบการที่ยังคงเติบโตจะสนับสนุนให้หุ้นปรับตัวขึ้นได้หลังแรงกดดันประเด็น Fed ลดลงไป จึงมองว่าเป็นจังหวะทยอยลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงแนว Secular Growth ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน เช่น กลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ที่ยังมีโอกาสเติบโตได้ในระยะยาว Source: Bloomberg, CNBC ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นเอเชีย แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: IMF เตือนเอลซัลวาดอร์ เลิกใช้ Bitcoin ชำระหนี้ตามกฎหมาย เสี่ยงเศรษฐกิจพัง ประชาชนเดือดร้อน - FINNOMENA กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เรียกร้องให้รัฐบาลเอลซัลวาดอร์เลิกใช้ Bitcoin เป็นสื่อกลางชำระหนี้ตามกฎหมาย พร้อมปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกเหลือ 4.4% ผลจากโอมิครอนและเงินเฟ้อ 26 ม.ค. 2565 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เรียกร้องให้รัฐบาลเอลซัลวาดอร์เลิกใช้ Bitcoin เป็นสื่อกลางชำระหนี้ตามกฎหมาย พร้อมปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกเหลือ 4.4% ผลจากโอมิครอนและเงินเฟ้อ 🇸🇻 IMF เรียกร้องให้เอลซัลวาดอร์เลิกใช้ Bitcoin เป็นเงินถูกกฎหมาย คณะกรรมการ IMF ย้ำว่าการอนุญาตให้ Bitcoin สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมายของเอลซัลวาดอร์มีความเสี่ยงมหาศาลต่อทั้งเสถียรภาพทางการเงิน ความมั่นคงทางการเงิน และการคุ้มครองผู้บริโภค เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา เอลซัลวาดอร์กลายเป็นประเทศแรกของโลกที่ประกาศให้ Bitcoin เป็นเงินถูกกฎหมาย และสามารถใช้ทำธุรกรรมได้ทุกประเภทเช่นเดียวกับดอลลาร์สหรัฐฯ ด้าน ปธน.นายิบ บูเคเล ของเอลซัลวาดอร์ได้เพิ่ม Bitcoin จำนวนหลายร้อย BTC เข้าไปในงบดุลของประเทศ ซึ่งล่าสุด (21 ม.ค.) ประกาศว่าเขาได้ซื้อ Bitcoin ที่มีราคาถูกมากเพิ่มอีก 15 ล้านดอลลาร์ หลังราคา Bitcoin ร่วงลงมาประมาณ 50% จากจุดสูงสุดในเดือน พ.ย. นอกจากนี้ IMF ยังได้แสดงความกังวลต่อความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการระดมทุนออกพันธบัตร Bitcoin มูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ ที่รัฐบาลร่วมมือกับ Blockstream บริษัทโครงสร้างพื้นฐานด้านสินทรัพย์ดิจิทัล แม้จะเห็นด้วยกับระบบการชำระเงินด้วยกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ Chivo ที่ออกโดยรัฐบาลเอลซัลวาดอร์ เพราะมองว่าเป็นการช่วยอำนวยความสะดวกและเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงินของประชาชน แต่ IMF เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการควบคุมและกำกับดูแลที่เข้มงวด รายงานข่าวระบุว่า ความกังวลของ IMF เกี่ยวกับ Bitcoin ส่งผลต่อการเจรจาขอเงินกู้มูลค่า 1,300 ล้านดอลลาร์จาก IMF ที่รัฐบาลเอลซัลวาดอร์พยายามมาตั้งแต่ต้นปี 2021 🌎 IMF ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ IMF ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกเหลือ 4.4% จากระดับ 4.9% ในการคาดการณ์เดือน ต.ค. ซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโอมิครอน ราคาพลังงานที่สูงขึ้น อัตราเงินเฟ้อในระดับสูง รวมถึงภาพรวมของเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดอย่างจีนและสหรัฐฯ IMF คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัวที่ 4% จาก 5.2% ตามคาดการณ์เดิม ขณะที่เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวอยู่ที่ 4.8% จากคาดการณ์เดิมที่ 5.6% และคาดว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปีนี้ก่อนชะลอตัวลงในปี 2023 โดยคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อสำหรับประเทศพัฒนาแล้วที่ 3.9% และสำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่ 5.9% อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/01/25/drop-bitcoin-as-legal-tender-imf-urges-el-salvador.html https://www.voathai.com/a/imf-world-economic-2022/641228 ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Bitcoin IMF News Update เศรษฐกิจโลก เอลซัลวาดอร์ แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Cathie Wood ชี้ Bitcoin มาแน่ คาดปี 2030 ราคาทะลุ $1 ล้าน มองตอนนี้เป็นเพียงช่วงเริ่มต้นของคริปโตฯ - FINNOMENA Cathie Wood คาดราคา Bitcoin พุ่งทะลุ 1 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2030 ชี้การใช้งานสกุลเงินดิจิทัลตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น 26 ม.ค. 2565 Cathie Wood คาดราคา Bitcoin พุ่งทะลุ 1 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2030 ชี้การใช้งานสกุลเงินดิจิทัลตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น Yassine Elmandjra นักวิเคราะห์ของ ARK ระบุในรายงาน ‘Big Ideas 2022’ ว่า มูลค่าตลาดของ Bitcoin ตอนนี้คิดเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ ของสินทรัพย์ทั่วโลก ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีก หาก Bitcoin ได้รับการยอมรับให้เป็นสกุลเงินที่ถูกต้องตามกฎหมายจากรัฐบาล ARK เสริมว่า Bitcoin กำลังชิงส่วนแบ่งตลาดในฐานะเครือข่ายการตั้งถิ่นฐานระดับโลก (Global Settlement Network) โดยจากการวิจัยของบริษัท Bitcoin มีปริมาณการโอนเงินสะสมเพิ่มขึ้น 463% ในปี 2021 และมีปริมาณการชำระบัญชีรายปีแซงหน้า Visa แล้ว นอกจากนี้ ARK ยังมองว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างเช่น การอัพเกรด Taproot หรือ Lightning Network จะยิ่งช่วยขยายตลาด Bitcoin นอกจากนี้จะยังได้เห็นการเข้าถึง Bitcoin มากขึ้นของเหล่านักลงทุนสถาบันอีกด้วย อ้างอิง: https://www.coindesk.com/business/2022/01/25/cathie-woods-ark-invest-predicts-bitcoin-could-exceed-1m-by-2030/ ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: ARK ARK Invest Bitcoin Cathie Wood Cryptocurrency News Update คริปโต แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: แบงก์ชาติไม่สนับสนุนใช้สินทรัพย์ดิจิทัลชำระค่าสินค้าและบริการ ชี้การใช้เงินหลายสกุลส่งผลต่อเสถียรภาพระบบเศรษฐกิจการเงิน - FINNOMENA ธนาคารแห่งประเทศไทยแถลงจุดยืนไม่สนับสนุนการไม่สนับสนุนการนําสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้จับจ่ายใช้สอยซื้อของ โดยให้เหตุผลว่าการที่ประเทศใช้เงินหลายสกุลจะส่งผลต่อเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจการเงินของประเทศ 25 ม.ค. 2565 ธนาคารแห่งประเทศไทยแถลงจุดยืนไม่สนับสนุนการไม่สนับสนุนการนําสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้จับจ่ายใช้สอยซื้อของ โดยให้เหตุผลว่าการที่ประเทศใช้เงินหลายสกุลจะส่งผลต่อเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจการเงินของประเทศ แต่แบงก์ชาติย้ำว่าไม่ได้ปิดกั้นการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล และยังสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีที่จะช่วยพัฒนาระบบการเงิน เพื่อให้ผู้ใช้บริการทางการเงินได้รับบริการที่สะดวก มีคุณภาพ ในต้นทุนที่ต่ำลง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และกระทรวงการคลัง (กค.) ได้หารือร่วมกันถึงประโยชน์และความเสี่ยงของสินทรัพย์ดิจิทัล และเห็นความจำเป็นในการกำกับดูแลและควบคุมการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการ (Means of Payment) เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินและระบบเศรษฐกิจของประเทศ ปัจจุบัน ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลได้ขยายขอบเขตการประกอบธุรกิจในลักษณะให้บริการ ชักชวนหรือแสดงตน ว่าพร้อมจะให้บริการแก่ร้านค้าและผู้ประกอบการในธุรกิจต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการรับชำระค่าสินค้าและบริการด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น จัดทำระบบและโฆษณาเชิญชวนร้านค้า ซึ่งการที่ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในลักษณะดังกล่าว อาจส่งผลให้เกิดการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการเป็นวงกว้าง นอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์เพื่อการลงทุน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจโดยรวม รวมถึงเป็นความเสี่ยงต่อประชาชนและธุรกิจ อาทิ ความเสี่ยงจากการสูญมูลค่าที่เกิดจากความผันผวนของราคา ความเสี่ยงจากการถูกโจรกรรมทางไซเบอร์ ความเสี่ยงข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล หรือการถูกใช้เป็นเครื่องมือของการฟอกเงิน หน่วยงานกำกับดูแลต่างตระหนักถึงความเสี่ยงและผลกระทบดังกล่าว จึงพิจารณาใช้อำนาจตามกรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อควบคุมไม่ให้เกิดการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าหรือบริการในวงกว้าง และจะมีแนวทางกำกับดูแลที่เหมาะสม สำหรับบริการที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลบางประเภทที่เป็นประโยชน์ต่อนวัตกรรมทางการเงินและไม่สร้างความเสี่ยงเชิงระบบที่กล่าวถึงข้างต้น โดยคำนึงถึงทั้งการเพิ่มศักยภาพของระบบการเงินของประเทศ และประโยชน์ของผู้ใช้บริการเป็นสำคัญ ทั้งนี้ หน่วยงานกำกับดูแลจะรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องและประชาชนต่อไป นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ธปท. คำนึงถึงทั้งความเสี่ยงและประโยชน์ของสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงเทคโนโลยีเบื้องหลัง และมองว่า ณ ขณะนี้การนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการอย่างแพร่หลายจะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อระบบเศรษฐกิจการเงินของประเทศ จึงควรมีการกำกับดูแลที่ชัดเจน ขณะที่เทคโนโลยีและสินทรัพย์ดิจิทัลบางประเภทที่ไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงดังกล่าวก็ควรได้รับการสนับสนุนโดยมีกลไกดูแลที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดนวัตกรรมและประโยชน์ต่อประชาชน นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า จากการหารือร่วมกันกับ ธปท. และ กค. ก.ล.ต. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีนโยบายส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลควบคู่ไปกับการคุ้มครองผู้ซื้อขายอย่างเหมาะสม และให้ความสำคัญกับการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ จึงได้เปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อใช้ชำระค่าสินค้าและบริการ* เพื่อประกอบการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ต่อไป ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: BOT News Update คริปโต แบงก์ชาติ แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: ตลาดหุ้นเอเชียร่วง หลังกังวลประชุมเฟดและประเด็นรัสเซีย-ยูเครน - FINNOMENA ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงท่ามกลางความกังวลประชุมเฟดและประเด็นรัสเซีย-ยูเครน 25 ม.ค. 2565 ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงท่ามกลางความกังวลว่าอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ เดินหน้าใช้นโยบายการเงินตึงตัว นอกจากนี้สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนหนุนราคาน้ำมันซึ่งสร้างความกังวลต่อประเด็นอัตราเงินเฟ้อ ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นทั่วเอเชียเคลื่อนไหวในแดนลบ ดังนี้ ดัชนี Nikkei 225 ลดลง 1.66% ดัชนี Hang Seng ลดลง 1.95% ดัชนี CSI 300 ลดลง 2.26% ดัชนี KOSPI ลดลง 2.56% ดัชนี VNI เพิ่มขึ้น 2.77% FINNOMENA Investment Team มองว่าตลาดยังถูกกดดันด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากความไม่แน่นอน แต่การที่ตลาดรับข่าวไปแล้วจะช่วยลดผลกระทบหาก Fed ขึ้นดอกเบี้ยตามที่คาดไว้ ดังนั้นเราจึงติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดเพื่อหาโอกาสในช่วงเวลาที่ตลาดปรับตัวลง Source: Bloomberg ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นเอเชีย แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Nasdaq 100 มีโอกาสร่วง 20% จากจุดสูงสุด Siegel ศาสตราจารย์ด้านการเงินจาก Wharton เตือน เงินเฟ้อลากยาว Fed ขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 4 ครั้ง - FINNOMENA Jeremy Siegel ศาสตราจารย์ด้านการเงินจาก Wharton School กล่าวว่า ขาลงของหุ้นสหรัฐฯ ยังอยู่ห่างไกลจากจุดจบ คาดดัชนี Nasdaq 100 อาจร่วง 20% จากจุดสูงสุดเดือน พ.ย. หรือมากกว่า 7% จากระดับปัจจุบัน จากนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น Fed 25 ม.ค. 2565 Jeremy Siegel ศาสตราจารย์ด้านการเงินจาก Wharton School กล่าวว่า ขาลงของหุ้นสหรัฐฯ ยังอยู่ห่างไกลจากจุดจบ คาดดัชนี Nasdaq 100 อาจร่วง 20% จากจุดสูงสุดเดือน พ.ย. หรือมากกว่า 7% จากระดับปัจจุบัน จากนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น Fed “ผมมองว่าความเจ็บปวดยังไม่จบ” Jeremy Siegel ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg โดยเขายังคงมีมุมมองเป็นบวกอย่างมากต่อตลาดหุ้นในระยะยาว แต่เขามองว่าตลาดยังไม่พร้อมสำหรับการที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 4 ครั้งในปีนี้ นอกจากนี้ Jeremy Siegel ในวัย 76 ปี ยังคาดว่าดัชนี S&P 500 จะติดหล่มอยู่ในการปรับฐานที่ประมาณ 10% เนื่องจาก Fed ต้องหยุดการเติบโตของสภาพคล่องที่มากเกินไป โดยคาดว่าพรุ่งนี้ (26 ม.ค.) จะได้เห็นทิศทางนโยบายที่มุ่งมั่นและแข็งแกร่งมากขึ้นของเจอโรม พาวเวลล์ ตลาดคาดว่าในการประชุม Fed วันที่ 25-26 ม.ค. คณะกรรมการ Fed จะส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน มี.ค. และเตรียมปรับลดขนาดงบดุลในช่วงปลายปีเพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อในระดับสูง โดย Fed จะเดินหน้าใช้นโยบายเข้มงวดต่อเนื่องแม้จะส่งผลกระทบสินทรัพย์เสี่ยงก็ตาม Jeremy Siegel มองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังต้องเผชิญกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อไปตลอดทั้งปี โดยคาดว่าระดับเงินเฟ้อจะขยายตัวที่ 7% เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในปี 2021 Jeremy Siegel กล่าวว่า มีสัญญาณทางเทคนิคจำนวนมากที่ชี้ให้เห็นถึงความผันผวนในตลาดหุ้น โดยนอกจากความท้าทายจากนโยบายที่เข้มงวดขึ้นของ Fed ตลาดยังต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโอมิครอนที่ไปขัดขวางการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสแรกอีกด้วย อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-01-24/wharton-s-jeremy-siegel-says-nasdaq-will-fall-into-bear-market?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FED Jeremy Siegel Nasdaq 100 News Update ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เงินเฟ้อสหรัฐ แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: ตลาดหุ้นอินเดีย-เวียดนาม ร่วงแรง นำตลาดหุ้นเอเชีย จากความกังวล Fed ขึ้นดอกเบี้ย - FINNOMENA ดัชนี Nifty 50, Sensex ปรับตัวลง 2.54% และ 2.43% ตามลำดับ เช่นเดียวกับดัชนี VNI ร่วง 2.25% 24 ม.ค. 2565 วันนี้ (24 ม.ค.) ดัชนี Nifty 50 ของตลาดหุ้นอินเดียปรับตัวลงมา 2.54% ขณะที่ดัชนี Sensex ปรับตัวลงมา 2.43% เช่นเดียวกับดัชนี VNI ของตลาดหุ้นเวียดนามที่ร่วงมา 2.25% ส่วนตลาดหุ้นทั่วเอเชียต่างปรับตัวลงเช่นกัน เป็นไปตามแนวโน้มความกังวลประเด็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ซึ่งจะมีการประชุมในสัปดาห์นี้ ซึ่งปัจจุบันตลาดคาดว่า Fed จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมีนาคมนี้ ส่วนทั้งปีคาดว่าจะปรับขึ้นทั้งหมด 4 ครั้ง ด้านการปรับลดขนาดงบดุลด้วยมาตรการ QT เป็นประเด็นใหม่ที่ถูกจับตามองในการประชุมครั้งนี้ FINNOMENA Investment Team มองว่าตลาดยังถูกกดดันด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากความไม่แน่นอน แต่การที่ตลาดรับข่าวไปแล้วจะช่วยลดผลกระทบหาก Fed ขึ้นดอกเบี้ยตามที่คาดไว้ ดังนั้นเราจึงติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดเพื่อหาโอกาสในช่วงเวลาที่ตลาดปรับตัวลง Source: Bloomberg ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นอินเดีย ตลาดหุ้นเวียดนาม แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Bitcoin มูลค่าหายเกือบครึ่ง เหลือ $35,000 จากจุดสูงสุดเดือน พ.ย. ท่าที Fed เข้มงวด ทำสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกดิ่ง - FINNOMENA Bitcoin ร่วงหนักจนมูลค่าหายเกือบครี่งจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือน พ.ย. ขณะที่สกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ปรับตัวลดลงเช่นกัน 24 ม.ค. 2565 Bitcoin ร่วงหนักจนมูลค่าหายเกือบครี่งจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือน พ.ย. ขณะที่สกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ปรับตัวลดลงเช่นกัน ล่าสุด (24 พ.ย.) ราคา Bitcoin อยู่ที่ประมาณ $35,600 โดยราคาปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง และลดลงถึงเกือบ 50% จากจุดสูงสุดในเดือน พ.ย. ที่ $68,900 ขณะที่ Ether ปรับตัวลงเช่นกัน ราคาล่าสุดอยู่ที่ประมาณ $2,400 สัญญาณเตรียมถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ Fed ส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก จนทำให้ Bitcoin ร่วงลงมาสู่จุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. ของปีที่แล้ว โดยการร่วงลงดังกล่าวได้กวาดมูลค่าตลาด Bitcoin จากจุดสูงสุดไปถึง 6 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่มูลค่าตลาดคริปโทฯ โดยรวมหายไปกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า สินทรัพย์ดิจิทัลกำลังตอบสนองแบบเดียวกับสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก แต่ความโชคร้ายคือ Bitcoin มีความสัมพันธ์ (Correlation) กับเหรียญอื่น จนทำให้ Altcoins ต่างๆ ปรับลดลงตามและขยายเป็นวงกว้าง หุ้นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับคริปโทฯ ก็ปรับตัวลงเช่นกัน โดยในวันศุกร์ที่ผ่านมา (21 พ.ย.) หุ้น Coinbase ร่วงแรงเกือบ 16% สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เข้าสู่ตลาดหุ้นเมื่อปี 2021 นอกจากแรงกดดันจากสัญญาณนโยบายการเงินเข้มงวดของ Fed ตลาดคริปโทฯ ยังได้รับแรงกดดันจากกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นของรัฐบาลทั่วโลก ผู้ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าวรายงานว่า ฝ่ายบริหารของปธน.โจ ไบเดน เตรียมเผยแพร่กฎระเบียบสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเร็วที่สุดในเดือนหน้า และมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางประเมินความเสี่ยงและโอกาสของคริปโทฯ นอกจากนี้ ธนาคารกลางรัสเซียเพิ่งพิจารณาเตรียมแบนคริปโทฯ ซึ่งรวมถึงการห้ามขุด ห้ามซื้อขาย และเตรียมแบนกระดานซื้อขาย โดยให้เหตุผลว่าสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นภัยต่อความมั่นคงทางการเงินของชาติ และสร้างปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-01-22/bitcoin-extends-slide-and-has-fallen-than-50-from-record-high?sref=e4t2werz https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-01-21/crypto-meltdown-erases-more-than-1-trillion-in-market-value?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Bitcoin Cryptocurrency News Update คริปโต แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: ฟองสบู่ใกล้แตกแล้ว ระวัง S&P 500 ถล่ม 48% Grantham ตำนานนักลงทุนเตือนหายนะ หนีหุ้นสหรัฐฯ ไปญี่ปุ่นและสินทรัพย์ปลอดภัย - FINNOMENA Jeremy Grantham นักลงทุนระดับตำนาน ล่าวว่าภาวะฟองสบู่ที่เขาเคยคาดการณ์ไว้เมื่อปีก่อนกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว และนี่จะเป็นการล่มสลายครั้งประวัติศาสตร์ที่ตลาดหุ้นมีโอกาสปรับตัวลงถึง 50% 21 ม.ค. 2565 Jeremy Grantham นักลงทุนระดับตำนานและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทจัดการสินทรัพย์ GMO ที่เคยทำนายฟองสบู่ตลาดหุ้นแตกมาแล้วหลายครั้ง กล่าวว่าภาวะฟองสบู่ที่เขาเคยคาดการณ์ไว้เมื่อปีก่อนกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว และนี่จะเป็นการล่มสลายครั้งประวัติศาสตร์ที่ตลาดหุ้นมีโอกาสปรับตัวลงถึง 50% ที่แม้กระทั่งการแทรกแซงจาก Fed ก็ไม่สามารถหยุดยั้งได้ เมื่อวานนี้ (20 ม.ค.) Jeremy Grantham กล่าวว่า หุ้นสหรัฐฯ กำลังอยู่ในภาวะฟองสบู่ขั้นรุนแรง และจะกลายเป็นวิกฤตการเงินครั้งที่ 4 ในรอบทศวรรษ ตามรอยวิกฤตปี 1929 2000 และ 2008 โดยฟองสบู่ที่กำลังจะแตกจะพาดัชนีอ้างอิงที่อยู่ในระดับสูงเกินไปกลับสู่สภาวะปกติ ตัวเลขคาดการณ์ของ Jeremy Grantham คือดัชนี S&P 500 จะปรับตัวลงมา 48% จากจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 4 ม.ค. สู่ระดับ 2500 จุด ขณะที่ดัชนี Nasdaq ซึ่งปรับตัวลงมาแล้ว 8.3% ในเดือนนี้จะร่วงแรงกว่านี้อีก ซึ่งตอนนี้เขารู้สึกมั่นใจมากกว่าตอนที่คาดการณ์ไว้เมื่อปีที่แล้วเสียอีก สัญญาณแรกของฟองสบู่เกิดขึ้นในช่วงปลาย ก.พ. ปี 2021 หลังหุ้นเก็งกำไรจำนวนมากเริ่มปรับตัวลงมา เริ่มจากกองทุน ARKK ของ Cathie Wood ที่ปรับตัวลงมาแล้ว 52% ตามมาด้วยการลดลงของดัชนีหุ้นขนาดกลางอย่าง Russell 2000 ที่มักมีผลการดำเนินงานโดดเด่นในช่วงตลาดกระทิง ปัจจัยที่ Jeremy Grantham มองว่าคือนี่ระยะสุดท้ายของฟองสบู่คือ พฤติกรรมบ้าระห่ำของนักลงทุน อย่างกระแสหุ้นมีม ความคลั่งไคล้ในการซื้อหุ้นรถยนต์ไฟฟ้า กระแสเหรียญ Dogecoin หรือการประมูลเงินจำนวนหลายล้านดอลลาร์ใน NFTs “เช็คลิสต์ครบทุกข้อแล้ว ดังนั้นฟองสบู่สามารถแตกได้ทุกเมื่อ” Jeremy Grantham เสริมว่า เมื่อมุมมองลบของนักลงทุนกลับสู่ตลาด สหรัฐฯ จะเผชิญกับการร่วงแรงครั้งประวัติศาสตร์ Jeremy Grantham ยังกล่าวอีกว่าภาวะฟองสบู่ไม่ได้อยู่แค่ในตลาดหุ้น แต่ยังอยู่ในตลาดตราสารหนี้อีกด้วย นอกจากนี้ตลาดอสังหาฯ ทั่วโลกกำลังอยู่ในภาวะฟองสบู่ที่ขยายวงกว้างที่สุด ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยคาดว่าแค่การสูญเสียในสหรัฐฯ ประเทศเดียวก็อาจแตะ 35 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว ภายใต้สถานการณ์นี้ พอร์ตการลงทุนที่ประกอบด้วยสัดส่วนหุ้น 60% และตราสารหนี้ 40% แทบจะไม่มีประโยชน์เลย โดยคำแนะนำของ Jeremy Grantham คือขายหุ้นสหรัฐฯ แล้วไปลงทุนในหุ้นมูลค่าต่ำกว่าอย่างหุ้นญี่ปุ่นและตลาดเกิดใหม่ รวมถึงแนะนำให้ถือทองคำและซิลเวอร์เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ และถือเงินสดไว้บางส่วนเพื่อรอจังหวะซื้อเมื่อราคาน่าสนใจ อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-01-20/grantham-doubles-down-on-crash-call-says-selloff-has-started?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Jeremy Grantham News Update S&P 500 ตลาดหุ้น ฟองสบู่ ฟองสบู่ตลาดหุ้น แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: หุ้น Netflix ร่วงกว่า 20% หลังปิดตลาด เหตุผู้ใช้งานชะลอตัวลงใน Q4/2021 โดนคู่แข่ง Apple และ Disney ชิงคนดู - FINNOMENA หุ้น Netflix ร่วงแรงกว่า 20% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ หลังบริษัทเผยการชะลอตัวลงของสมาชิกใหม่ แม้รายได้และผลกำไรจะดีกว่าคาดก็ตาม 21 ม.ค. 2565 หุ้น Netflix ร่วงแรงกว่า 20% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ หลังบริษัทเผยการชะลอตัวลงของสมาชิกใหม่ แม้รายได้และผลกำไรจะดีกว่าคาดก็ตาม รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ของ Netflix – กำไรต่อหุ้น (EPS): $1.33 สูงกว่าคาดการณ์โดย Refinitive ที่ $0.82 – รายได้: 7,710 ล้านดอลลาร์ เท่ากับที่ Refinitive คาดการณ์ – การเพิ่มขึ้นของสมาชิกแบบชำระเงินทั่วโลก: 8.28 ล้านบัญชี สูงกว่าคาดการณ์โดย StreetAccount ที่ 8.18 ล้านบัญชี แม้การเพิ่มขึ้นของผู้สมัครสมาชิกจะสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก็จริง แต่ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าในไตรมาส 4 ของปี 2020 ที่มีสมาชิกเพิ่มขึ้นถึง 8.5 ล้านบัญชี สะท้อนว่าการเติบโตของผู้ใช้บริการที่ชะลอตัวลง Netflix คาดว่าจะมีการสมัครสมาชิกเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบัญชีในช่วงไตรมาสแรกของปี 2022 ซึ่งต่ำกว่า 3.98 ล้านบัญชี ในไตรมาสแรกของปี 2021 ขณะที่ StreetAccount คาดการณ์สูงถึง 6.93 ล้านบัญชี บริษัทกล่าวว่ามีแผนสำหรับรายการใหม่ๆ เตรียมออกในช่วงไตรมาสแรกของปีมากขึ้น โดยเตรียมรอบปฐมทัศน์ครั้งใหญ่ในเดือน มี.ค. แต่นั่นเป็นแผนเดียวกับช่วงปลายปีที่แล้วซึ่ง Netflix ได้เผยแพร่ซีรีส์และภาพยนตร์ฮิตอย่าง Emily in Paris, Don’t Look Up, Red Notice และ You เพื่อดึงดูดผู้ใช้บริการ Netflix กล่าวว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้การเติบโตของผู้ใช้งานชะลอตัวลงเกิดจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากสตรีมมิ่งเจ้าอื่น ซึ่งก่อนหน้านี้ Netflix เคยกล่าวว่า Apple และ Disney จะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการเติบโตของบริษัท Netflix รายงานจำนวนสมาชิกทั้งหมดในไตรมาส 4 ที่ 222 ล้านบัญชี โดย Reed Hastings ซีอีโอของบริษัทกล่าวว่า นี่เป็นเรื่องที่น่าผิดหวังสำหรับบริษัทจากการเติบโตที่ช้าลงในปัจจุบัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา Netflix ประกาศขึ้นราคาในสหรัฐฯ และแคนาดา โดยแผน Basic เพิ่มขึ้น $1 เป็น $9.99 แผน Standard เพิ่มขึ้นเป็น $15.49 จาก $13.99 และแผน Premium เพิ่มขึ้นเป็น $19.99 จาก $17.99 กลยุทธ์ของ Netflix คือการเพิ่มราคาเนื่องจากมีลูกค้าที่ชื่นชอบรายการพิเศษของบริษัทมากขึ้น ซึ่งการเพิ่มราคาจะช่วยให้บริษัทสามารถชดเชยจากการเติบโตของผู้ใช้งานที่ลดลงได้ นอกจากนี้บริษัทยังอัปเดตนักลงทุนเกี่ยวกับการผลักดันเกม โดยได้เปิดตัวเกมตามรายการที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งาน ซึ่งการเปิดตัวเกมใหม่จะช่วยทำให้บริษัทเข้าใจว่าตัวละครใดได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานมากที่สุด อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/01/20/netflix-nflx-earnings-q4-2021.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Netflix News Update แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Bitcoin หลุดระดับ $40,000 ต่ำสุดรอบ 6 เดือน ร่วงแล้วเกือบ 5% ตลาดกังวลสินทรัพย์เสี่ยง ด้านรัสเซียเตรียมแบน เหมือง-ธุรกรรม คริปโทฯ - FINNOMENA Bitcoin ร่วงแรงหลุดระดับ $40,000 สู่ระดับต่ำสุดรอบ 6 เดือน หลังพุ่งขึ้นเหนือ $43,000 ในช่วงสั้นๆ เมื่อไม่ถึง 24 ชั่วโมงที่แล้ว ขณะที่ Ether และเหรียญอื่นๆ ปรับตัวลงมาเช่นกัน 21 ม.ค. 2565 Bitcoin ร่วงแรงหลุดระดับ $40,000 สู่ระดับต่ำสุดรอบ 6 เดือน หลังพุ่งขึ้นเหนือ $43,000 ในช่วงสั้นๆ เมื่อไม่ถึง 24 ชั่วโมงที่แล้ว ขณะที่ Ether และเหรียญอื่นๆ ปรับตัวลงมาเช่นกัน ล่าสุด (21 ม.ค.) ราคา Bitcoin ร่วงแล้วเกือบ 5% อยู่ที่ราคาประมาณ $39,900 ขณะที่ Ether ร่วงกว่า 6.5% อยู่ที่ราคาประมาณ $2,900 การร่วงแรงดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองลบของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจและปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง รวมถึงการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหลังดัชนี Nasdaq ลดลงมา 1.1% สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นเชิงลบต่อสินทรัพย์เสี่ยง นอกจากนี้ความผันผวนของราคา Bitcoin เกิดขึ้นหลังธนาคารกลางรัสเซียประกาศพิจารณาเตรียมแบนคริปโทฯ ซึ่งรวมถึงการห้ามขุด ห้ามซื้อขาย และเตรียมแบนกระดานซื้อขาย โดยให้เหตุผลว่าสินทรัพย์ดิจอทัลเป็นภัยต่อความมั่นคงทางการเงินของชาติ และสร้างปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าการประกาศแบนดังกล่าวของรัสเซียนั้นส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อตลาดคริปโทฯ แต่คาดว่าจะได้เห็นภัยคุกคามมากขึ้นจากรัฐบาลของหลายประเทศในการจำกัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโทฯ อ้างอิง: https://www.coindesk.com/markets/2022/01/20/first-mover-asia-bitcoin-altcoins-rise-and-then-sink/ https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-01-20/bitcoin-s-tech-correlation-strengthens-as-risk-appetite-returns?srnd=premium-asia&sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: ดัชนี Hang Seng บวกแรงกว่า 3% หลังแบงก์ชาติจีนลดดอกเบี้ย - FINNOMENA ธนาคารกลางจีน (PBoC) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะเวลา 1 ปี และ 5 ปี ส่งให้ดัชนี Hang Seng ปรับตัวขึ้นมากว่า 3.34% 20 ม.ค. 2565 ธนาคารกลางจีน (PBoC) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ (LPR) ระยะเวลา 1 ปี ลง 10 bps เหลือ 3.7% จาก 3.8% และยังได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะเวลา 5 ปี เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2020 เหลือ 4.6% จาก 4.65% ส่งให้ดัชนี Hang Seng ปรับตัวขึ้นมากว่า 3.34% เช่นเดียวกับดัชนี Hang Seng China Enterprises ที่พุ่งขึ้น 3.6% นำโดยกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการกำกับดูแลอย่างเข้มงวดโดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีและอสังหาฯ ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ของธนาคารกลางจีนส่งให้นักลงทุนคลายความกังวลต่อมาตรการกำกับดูแลที่เข้มงวดและเป็นการสะท้อนว่าธนาคารกลางจีนเริ่มเข้ามามีบทบาทในการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยคลายความกังวลยิ่งขึ้น ด้านดัชนี CSI 300 ก็รับอานิสงส์ปรับตัวขึ้น 0.9% เช่นเดียวกับดัชนี A50 ที่ปิดตลาดบวกไป 1.77% FINNOMENA Investment Team มีมุมมองว่าทางการจีนจะดำเนินนโยบายเชิงผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจะส่งผลในเชิงบวกต่อตลาดหุ้นจีนทั้ง A-Share และ All China จึงแนะนำทยอยสะสมกองทุน KT-Ashares-A และ K-CHINA-A(A) ตามสัดส่วนในพอร์ตแนะนำ Source: Bloomberg ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert Hang Seng Index ตลาดหุ้นฮ่องกง หุ้นเทคโนโลยีจีน อสังหาจีน ฮ่องกง แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
Fund Update: สรุปภาพรวมกองทุนรวมไทย Q4/2021 โดย Morningstar Thailand - FINNOMENA 19 ม.ค. 2565 Morningstar Thailand สรุปภาพรวมกองทุนรวมในไตรมาสที่ 4 ของปี 2021 ดังนี้ 🇹🇭 กองทุนรวมไทย กองทุนรวมไทย (เฉพาะกองทุนเปิด ไม่รวมกองทุนปิด, ETF, REIT, Infrastructure fund) มีมูลค่าทรัพย์สินรวม 4.3 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.7% จากสิ้นปี 2020 ในไตรมาสสุดท้ายมีเงินไหลเข้าสุทธิ 7.2 หมื่นล้านบาท รวมทั้งปีเป็นเงินไหลเข้าสุทธิ 2.0 แสนล้านบาท ➢ กองทุนรวมตราสารทุนมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1.6 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.4% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 26.7% จากสิ้นปี 2020 โดยเกิดจากเงินไหลเข้าสุทธิไตรมาสล่าสุด 6.2 หมื่นล้านบาท รวมทั้งปีสูงถึง 2.6 แสนล้านบาท ทำให้กองทุนรวมตราสารทุนเป็นประเภทที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวมสูงสุดคิดเป็นสัดส่วน 38% ของอุตสาหกรรม แทนกองทุนตราสารหนี้ที่เป็นกลุ่มหลักของอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนาน ➢ ในรอบปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นช่วงที่ไม่ดีนักสำหรับกองทุนตราสารหนี้ หลายกลุ่มกองทุนมีผลตอบแทนเฉลี่ยต่ำสุดในรอบหลายปีจากแนวโน้มดอกเบี้ยที่เปลี่ยนไปจากในอดีต จึงทำให้กองทุนตราสารหนี้มีมูลค่าทรัพย์สินรวม 1.6 ล้านล้านบาท หดตัวจากทั้งไตรมาสที่ 3 ที่ -1.1% และ แต่ยังสูงกว่าปี 2020 ราว 3.0% คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดที่ 37% ในรอบไตรมาสล่าสุดมีเงินไหลออกสุทธิ 1.0 หมื่นล้านบาท แต่รวมทั้งปียังคงเป็นทิศทางเงินไหลเข้าสุทธิ 4.4 หมื่นล้านบาท หลังจากมีเงินไหลออกสุทธิต่อเนื่อง 5 ไตรมาส กองทุน Money Market กลับมามีทิศทางเป็นเงินไหลเข้าสุทธิ 1.7 หมื่นล้านบาทในไตรมาสที่ผ่านมา รวมรอบปี 2021 เป็นเงินไหลออก 1.1 แสนล้านบาท มูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 6.5 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 15.4% ของอุตสาหกรรมกองทุนรวมไทย ➢ กองทุนกลุ่ม Commodities มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3.1 หมื่นล้านบาท มีเงินไหลเข้าสุทธิหลักร้อยล้านบาทในไตรมาสล่าสุด โดยกองทุนทองคำและน้ำมันมีผลการดำเนินงานในทิศทางตรงกันข้ามคือ กองทุนน้ำมันมีผลตอบแทนเฉลี่ยสูงสุดในรอบปี ขณะที่กองทุนทองคำมีผลตอบแทนเฉลี่ยติดลบมากที่สุดเป็นอันดับ 6 อย่างไรก็ดีในรอบปีทั้งกองทุน 2 กลุ่มกองทุนต่างมีเงินไหลออกสุทธิในระดับใกล้เคียงกัน รวมกันเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 4.7 พันล้านบาท 📍อันดับกลุ่มกองทุนมูลค่าทรัพย์สินสุทธิสูงสุดตาม Morningstar Category กองทุน Money Market เป็นกลุ่มที่มีมูลค่าทรัพย์สินสูงสุดที่ 6.5 แสนล้านบาท ลดลง 13.9% จากปี 2020 จากทั้งปีเงินไหลออกสุทธิระดับ 1 แสนล้านบาท กลุ่มกองทุนหุ้นขนาดใหญ่ Equity Large-Cap มีมูลค่าทรัพย์สินเป็นอันดับ 2 ที่ 6.4 แสนล้านบาท โดยมีเงินไหลออกสุทธิ 700 กว่าล้านบาทในไตรมาสสุดท้าย รวมทั้งปียังคงติดอันดับกลุ่มที่มีเงินไหลออกสุทธิมากที่สุดอันดับ 2 รวม 3.2 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกันกองทุนหุ้น Equity Small/Mid-Cap ที่มีผลตอบแทนเฉลี่ยสะสมสูงถึง 27.4% ในปีนี้ก็มีเงินไหลออกเกือบทั้งปีเช่นกัน โดยมีเงินไหลออกสุทธิไตรมาสสุดท้าย 515 ล้านบาท สะสมทั้งปีไหลออกสุทธิสูงเป็นอันดับ 6 รวม 4.8 พันล้านบาท กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นยังคงเป็นตัวเลือกหลักสำหรับกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ โดยมีเงินไหลเข้าสุทธิต่อเนื่องอีก 2.9 พันล้านบาท รวมทั้งปีมีเงินไหลเข้าสูงเป็นอันดับ 3 ของอุตสาหกรรมที่เกือบ 5 หมื่นล้านบาท มีมูลค่าทรัพย์สินอันดับ 3 รวม 5.7 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 10.1% แต่ค่อนข้างทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่กองทุนตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาว Mid/Long Term Bond มีเงินไหลออกสุทธิ 2.0 พันล้านบาทในไตรมาสสุดท้าย รวมทั้งปีเป็นเงินไหลเข้าสุทธิ 1.1 หมื่นล้านบาท มูลค่าทรัพย์สินลดลงจากไตรมาสที่ 3 เล็กน้อย แต่ยังเติบโต 5.4% จากปี 2020 กองทุนตราสารทุนต่างประเทศหลายกลุ่มยังคงมีเงินไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง นำโดยกลุ่ม Global Equity ที่มีเงินไหลเข้าสูงเป็นอันดับต้น ๆ ตลอดทั้งปี ทำให้มูลค่าทรัพย์สินโด 92.0% จากปี 2020 ด้านกองทุนหุ้นจีนที่แม้จะมีข่าวเชิงลบทำให้เงินไหลเข้าชะลอตัวในบางช่วง แต่โดยรวมยังเป็นเงินไหลเข้าทั้งปีเช่นกัน มูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวม 1.7 แสนล้านบาท เติบโต 45.8% จากปี 2020 ความนิยมการลงทุนต่างประเทศทำให้มูลค่าการลงทุนกองทุนรวมตราสารทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 7.9 แสนล้านบาท สูงกว่าตราสารทุนไทยที่ 7.4 แสนล้านบาท โดยการลงทุนต่างประเทศมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงปลายปี 2020 และชะลอลงในช่วงกลางปี 2021 ในขณะที่กองทุนตราสารทุนไทยค่อนข้างทรงตัวและหรือหดตัวลงในบางช่วง 🇹🇭 กองทุนหุ้นไทย (ไม่รวม LTF RMF SSF) มีมูลค่าทรัพย์สินรวม 2.4 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4% จากไตรมาสที่ 3 และสูงกว่าสิ้นปี 2020 3.7% จากการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นไทยโดย SET TR รอบปี 2021 อยู่ที่ 17.7% ทำให้มีเม็ดเงินไหลออกตลอดทั้งปี กองทุนหุ้นไทยที่ไม่รวมกองทุนประหยัดภาษียังคงมีเงินไหลออกต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 8 ติดต่อกัน โดยในไตรมาสล่าสุดที่ 1.2 พันล้านบาท เกือบทั้งหมดเป็นเงินจากกลุ่มกองทุนหุ้นขนาดกลาง-เล็ก จากที่กองทุนหุ้นกลุ่มนี้มีผลตอบแทนค่อนข้างสูง โดยเฉลี่ยที่ 27.8% กองทุน Talis Mid-Small Cap Equity เป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดของปีนี้ที่ 74.0% รวมเม็ดเงินรอบปี 2021 มีเงินไหลออกจากกองทุนหุ้นไทย (ไม่รวม LTF RMF SSF) ทั้งหมด 1.9 หมื่นล้านบาท ➢ กองทุน LTF มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 3.6 แสนล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 5.3% จากสิ้นปี 2020 ตามทิศทางตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นในปีที่ผ่านมา เงินไหลออกสุทธิเร่งตัวขึ้นในไตรมาสสุดท้ายที่ 5.3 พันล้านบาท รวมทั้งปีไหลออกสุทธิ 1.9 หมื่นล้านบาท ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ไม่มีการขายกองทุน LTF เพื่อประโยชน์ทางภาษี จึงมีทิศทางเงินไหลออกต่อเนื่อง รวม 2 ปี 3.4 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ดีในปี 2022 นี้จะมีเงินลงทุนจากปี 2016 ที่ครบกำหนดขายได้ตามเงื่อนไขถือครอง 7 ปีปฏิทิน จึงเป็นส่วนให้กองทุน LTF จะมีเงินไหลออกสูงขึ้นในปี 2022 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลตอบแทนจากการลงทุนของแต่ละกองทุน ➢ กองทุน RMF มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวม 4.0 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.7% จากไตรมาสก่อนหน้า หรือสูงกว่าสิ้นปี 2020 ถึง 20.5% ในไตรมาสสุดท้ายยังคงมีเม็ดเงินไหลเข้าสูงเช่นทุกปีด้วยมูลค่า 3.2 หมื่นล้านบาท รวมทั้งปี 3.7 หมื่นล้านบาท สูงกว่าปี 2020 ที่ 3.6 หมื่นล้านบาท จากปริมาณเงินไหลเข้ากองทุน RMF ทั้งปีที่ 3.7 หมื่นล้านบาท เป็นเงินจากกองทุน RMF – Equity ถึง 87% ของเม็ดเงินดังกล่าว โดยเป็นปีแรกที่มีเงินไหลเข้ากองทุน RMF Equity มากกว่า 3 หมื่นล้านบาท อันเกิดจากเงินเข้าลงทุนในกองทุนต่างประเทศทั้งหมด นำโดยกลุ่ม Global Equity 1.1 หมื่นล้านบาท ตามมาด้วยกองทุนหุ้นจีน 9.0 พันล้านบาท และกองทุนหุ้นเทคโนโลยี 4.3 พันล้านบาท บลจ.กสิกรไทยมีเม็ดเงินไหลเข้ากองทุน RMF สูงสุดในรอบปีรวม 8.7 พันล้านบาท ตามมาด้วยบลจ.บัวหลวง 8.2 พันล้านบาท และบลจ.กรุงศรี 5.5 พันล้านบาท ซึ่งทั้ง 3 แห่งเป็นบลจ.รายใหญ่ในตลาดกองทุน RMF ทำให้ส่วนแบ่งตลาดนี้ยังไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิม รวม 5 บลจ.แรกมีส่วนแบ่งตลาดกองทุน RMF รวม 81% 🌏 กองทุนรวมต่างประเทศ กองทุนรวมต่างประเทศ (ไม่รวม Term Fund) มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1.2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.2% จากไตรมาสที่ 3 หรือ 37.0% จากธันวาคม 2020 โดยไตรมาสสุดท้ายมีเงินไหลเข้าอีก 5.4 หมื่นล้านบาท รวมทั้งปีเป็นเงินไหลเข้า 3.0 แสนล้านบาท เกือบทั้งหมดเป็นเงินจากกองทุนตราสารทุน ➢ กลุ่มกองทุนตราสารทุนมีเงินไหลเข้าสูงสุด 6.4 หมื่นล้านบาทในไตรมาสสุดท้าย รวมทั้งปีเป็นมูลค่า 3.0 แสนล้านบาท มูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 8.7 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 76% ของกองทุนรวมต่างประเทศที่ไม่รวม term fund ขณะที่กองทุนตราสารหนี้มีเงินไหลออก 2.9 พันล้านบาทในไตรมาสสุดท้าย รวมทั้งปีมีเงินไหลออกสูงสุด 1.9 หมื่นล้านบาท มูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 9.4 หมื่นล้านบาท หรือเท่ากับส่วนแบ่งตลาด 8% กองทุนผสมมีเงินไหลเข้าสุทธิในไตรมาสสุดท้าย 7.7 พันล้านบาท รวมเป็นเงินไหลเข้า 8.0 พันล้านบาทในรอบปี 2021 มูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวม 9.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.5% จากธันวาคม 2020 ➢ กองทุนกลุ่ม Global Equity ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมา โดยล่าสุดมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 2.2 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 16% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 92.0% จากปี 2020 โดยมีเงินไหลเข้า 2.8 หมื่นล้านบาท รวมทั้งปีไหลเข้าสุทธิสะสม 9.4 หมื่นล้านบาท กองทุน MFC Sustained Competitive Edge เป็นกองทุนเปิดใหม่และมีเงินไหลเข้าสูงสุดในไตรมาสสุดท้ายที่ 3.5 พันล้านบาท บลจ. Baillie Gifford เป็นบลจ. Master fund ที่มีกองทุนกลุ่ม Global equity ลงทุนสูงเป็นอันดับ 2 feed ไปที่กองทุน Baillie Gifford Positive Change โดย บลจ.กสิกรไทย นอกจากนี้ยังมีกองทุน Baillie Gifford Worldwide Discovery และ Baillie Gifford Worldwide Long Term Global Growth ที่ลงทุนผ่านกองทุนจากบลจ.วรรณ และบลจ.กรุงศรี (เฉพาะกองทุน Baillie Gifford Worldwide Long Term Global Growth) โดยทั้ง 3 กองทุนมีผลตอบแทนสูงถึง 80%-100% ในรอบปี 2020 อย่างไรก็ดีด้วยสภาวะการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงทำให้ผลตอบแทนในปีที่ผ่านมาค่อนข้างต่างไปจากปีก่อน ➢ ด้านกองทุนหุ้นจีนมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย แต่ยังเติบโตได้ดีจากปี 2020 ที่ 45.8% ไปอยู่ที่ 1.7 แสนล้านบาท ไตรมาสสุดท้ายของปียังคงมีเงินไหลเข้าสุทธิ 6.8 พันล้านบาทแม้ว่าจะอยู่ที่ช่วงที่มีผลตอบแทนติดลบ รวมเงินไหลเข้าสุทธิรอบปีนี้ 8.4 หมื่นล้านบาท และยังคงเป็นกลุ่มที่มีผลตอบแทนเฉลี่ยแย่ที่สุดของปีที่ -12.9% บลจ. UBS เป็นบลจ. Master fund ที่มีกองทุนกลุ่ม China equity ลงทุนสูงสุด โดยมีการลงทุนส่วนมากไปที่กองทุน UBS (Lux) Investment China A Opportunity IA2 Acc USD (Morningstar Analyst Rating: Gold) ตามมาด้วยบลจ. JP Morgan ที่มีการลงทุนโดย บลจ. กสิกรไทย เพียง บลจ. เดียวไปที่กองทุน JPM China I (acc) (Morningstar Analyst Rating: Silver) ซึ่งมีการลงทุนทั้งตลาดจีนและฮ่องกง และอันดับ 3 คือบลจ. Allianz ที่มีการลงทุนหุ้น A Shares เป็นหลักคือกองทุน Allianz China A Shares PT USD โดยทั้ง 3 กองทุนต่างมีผลตอบแทนติดลบที่เป็นผลจากกฎเกณฑ์จากทางการจีนในไตรมาสที่ 3 อย่างไรก็ดีกองทุนจาก UBS และ Allianz ที่เน้นลงทุนหุ้น A Shares มีผลตอบแทนที่กลับมาเป็นบวกในไตรมาสสุดท้ายของปี ในขณะที่กองทุนจาก JPMorgan มีผลตอบแทนที่ -5.6% ในช่วงเวลาเดียวกัน ➢ กองทุน Global Health Care มีเงินไหลเข้าสูงเป็นอันดับ 3 ในรอบปีที่มูลค่า 3.2 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นเงินไหลเข้าไตรมาสแรก มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 6.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนอีกกลุ่มหนึ่งที่มีมูลค่าทรัพย์สินเติบโตได้ดีในปีที่ผ่านมาหรือราว 80% จากปี 2020 กองทุนกลุ่ม Global Health Care มีการลงทุนแบบกองทุนฟีดเดอร์ไปที่กองทุนจากบลจ. JPMorgan สูงสุด 1.8 หมื่นล้านบาท เป็นการลงทุนจากบลจ. กสิกรไทยและบลจ. กรุงศรีมูลค่าใกล้เคียงกัน ไปที่กองทุน JPM Global Healthcare มีผลตอบแทนเฉลี่ยราว 11% ด้วยมอร์นิ่งสตาร์เรตติ้งระดับ 4-5 ดาวใน 3 ชนิดหน่วยลงทุน กองทุนจากบลจ. Wellington มีการลงทุนจาก บลจ. บัวหลวง รวมราว 1.5 หมื่นล้านบาท ไปที่กองทุน Wellington Global Healthcare Equity มีผลตอบแทนอยู่ที่ 1.8% ในปีที่ผ่านมา (มอร์นิ่งสตาร์เรตติ้งระดับ 4 ดาว) กองทุน Janus Henderson Global Life Science เป็นกองทุน 5 ดาวที่มีการลงทุนจาก บลจ.ไทยหลายรายรวมกันเป็นมูลค่า 6.3 พันล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมามีผลตอบแทนลดลงจากปีก่อนเช่นกัน โดยอยู่ที่ 5.6% ➢ จากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเพื่อรับกับเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวทำให้มีแรงกดดันต่อการลงทุนตราสารหนี้เช่นกลุ่ม Global Bond ที่มีผลตอบแทนช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา -0.6% และมีมูลค่าทรัพย์สินลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดอยู่ที่ 8.2 หมื่นล้านบาท หดตัวลง 22.8% จากปี 2020 ซึ่งเกิดจากเงินไหลออกสุทธิทุกเดือนตลอดทั้งปีที่ผ่านมา รวมมูลค่า 2.6 หมื่นล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นเงินไหลออกจากบลจ.ทหารไทย 9.0 พันล้านบาท ➢ กองทุนกลุ่ม Country Focus Equity เป็นกลุ่มที่รวบรวมกองทุนที่ลงทุนแบบเฉพาะเจาะจงในตลาดหุ้นประเทศใด ๆ เช่น เกาหลีใต้ เยอรมนี และเวียดนาม ซึ่งเป็นกองทุนที่ยังมีจำนวนกองทุนไม่มากพอที่จะจัดตั้งกลุ่ม อย่างไรก็ดีในไตรมาสล่าสุดกองทุนกลุ่มนี้มีเม็ดเงินไหลเข้าสุทธิเกือบ 8 พันล้านบาท สะสมทั้งปีที่ 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งเกิดจากเงินไหลเข้าในกองทุนหุ้นเวียดนามเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังที่กองทุนหุ้นเวียดนามกลับมาได้รับความสนใจมากขึ้น รวมทั้งมีการเปิดกองทุนทั้งจากบลจ.บัวหลวง บลจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ และบลจ.วรรณ ทั้งนี้ทางมอร์นิ่งสตาร์จะมีการจัดตั้งกลุ่มสำหรับกองทุนหุ้นเวียดนามซึ่งจะมีผลในช่วงปลายเดือนเมษายนเป็นต้นไป ที่มา: Morningstar Thailand ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Morningstar News Update กองทุน Global Equity กองทุน Healthcare กองทุนตราสารหนี้ กองทุนรวม กองทุนหุ้นจีน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: บอนด์ยีลพุ่งส่งตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วงแรงกว่า 2% - FINNOMENA ดัชนี Nikkei 225 และ TOPIX ปรับตัวลงกว่า 2.13% และ 2.54% ตามลำดับ หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นมาที่ 1.881% นับเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2020 จากความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed 19 ม.ค. 2565 เช้านี้ (19 ม.ค.) ดัชนี Nikkei 225 ปรับตัวลงกว่า 2.13% ขณะที่ ดัชนี TOPIX ลดลง 2.54% หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นมาที่ 1.881% นับเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2020 จากความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เมื่อวานนี้ (18 ม.ค.) ตลาดหุ้นญี่ปุ่นฟื้นตัวขึ้นมาเล็กน้อยหลังธนาคารกลางญี่ปุ่นยังคงท่าทีการใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายต่อไปสวนทางธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึงมีการปรับประมาณการอัตราเงินเฟ้อจาก 0.9% มาที่ 1.1% แต่ยังต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายที่ 2% FINNOMENA Investment Team มองว่าแนวโน้มนโยบายการเงินสหรัฐฯ สร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น เช่นเดียวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเหล่านี้เป็นปัจจัยระยะสั้นถึงกลาง ในด้านอัตราเงินเฟ้อแม้ BOJ จะปรับประมาณการเพิ่มขึ้นแต่ยังอยู่ในระดับที่ไม่กดดันสภาพเศรษฐกิจและทิศทางนโยบายการเงิน จึงแนะนำทยอยสะสมหุ้นญี่ปุ่นตามคำแนะนำ Long Term Tactical Call ก่อนหน้านี้ Source: Bloomberg ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ญี่ปุ่น ตลาดหุ้น ตลาดหุ้นญี่ปุ่น แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: GULF จับมือ Binance เตรียมลุยตลาดคริปโทฯ เมืองไทย - FINNOMENA บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) เปิดเผยว่า บริษัท กัลฟ์ อินโนวา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 100% ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือกับกลุ่ม Binance เพื่อร่วมกันศึกษาและจัดทำแผนพัฒนาธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในประเทศไทย 17 ม.ค. 2565 บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) เปิดเผยว่า บริษัท กัลฟ์ อินโนวา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 100% ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือกับกลุ่ม Binance เพื่อร่วมกันศึกษาและจัดทำแผนพัฒนาธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในประเทศไทย ทั้งนี้ บริษัทฯ เล็งเห็นถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลในประเทศไทย จากการที่เศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี ซึ่งสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องจะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของประเทศ และจะมีความสำคัญในชีวิตประจำวันของประชาชนมากขึ้น โดยความร่วมมือกับ Binance ดังกล่าว จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อคเชนของประเทศ จากการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีความพร้อมในการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลมาตอบสนองความต้องการดังกล่าว บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการผนึกความแข็งแกร่งจากทั้งสองบริษัท เนื่องจากบริษัทฯ มีประสบการณ์และความชำนาญในการพัฒนาและบุกเบิกธุรกิจใหม่ ๆ ในประเทศ โดยมีเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่งทั้งภาคธุรกิจและภาคการเงินในขณะที่ Binance มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึง Binance ยังเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีการเติบโตเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์และมีปริมาณการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าว สอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัทฯ ในการขยายธุรกิจและความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ซึ่งจะเปิดโอกาสให้บริษัทฯ สามารถขยายธุรกิจไปสู่สินทรัพย์ดิจิทัลด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในอนาคตได้อีกด้วย ที่มา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Binance Crypto GULF News Update คริปโต แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Bitcoin กำลังถูกท้าทาย คนหันมาใช้เหรียญทางเลือกชำระเงินมากขึ้น จับตา Stablecoin, Ether, Dogecoin, Shiba Inu และ Litecoin - FINNOMENA BitPay เผยธุรกิจและผู้บริโภคเริ่มหันมาใช้โทเคนดิจิทัลอื่นในการชำระเงินมากขึ้น หลังราคา Bitcoin ผันผวนหนักในปีที่ผ่านมา 17 ม.ค. 2565 BitPay เผยธุรกิจและผู้บริโภคเริ่มหันมาใช้โทเคนดิจิทัลอื่นในการชำระเงินมากขึ้น หลังราคา Bitcoin ผันผวนหนักในปีที่ผ่านมา BitPay หนึ่งในผู้ให้บริการระบบประมวลผลการชำระเงินคริปโทฯ รายใหญ่ที่สุดในโลก รายงานว่า สัดส่วนการใช้ Bitcoin เพื่อชำระเงินในปี 2021 ลดลงเหลือ 65% จาก 92% ในปี 2020 ส่วน Ether อยู่ที่ 15% ขณะที่การใช้ Stablecoin เพื่อชำระเงินเพิ่มขึ้นสู่ 13% ด้านเหรียญใหม่ๆ อย่าง Dogecoin, Shiba Inu และ Litecoin คิดเป็นสัดส่วนรวมที่ 3% ผู้บริโภคเริ่มมีแนวโน้มเปลี่ยนมาใช้ Stablecoin หรือคริปโทฯ ที่มูลค่าค่อนข้างคงที่มากขึ้น เพราะมีราคาผันผวนน้อยกว่า Bitcoin ซึ่งปรับตัวลงต่อเนื่องตั้งแต่เดือน พ.ย. ปีที่แล้ว ขณะที่เหรียญอื่นๆ อย่าง Dogecoin ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (14 ม.ค.) Elon Musk ทวีตข้อความว่า Tesla รับชำระด้วย Dogecoin แล้ว หลายคนคงจำกันได้ว่าการใช้ Bitcoin ซื้อสินค้าครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 2010 ที่พิซซ่า 2 ถาด ถูกซื้อไปในราคา 10,000 BTC แต่ตอนนี้นักลงทุนจำนวนมากเลือกถือ Bitcoin เพื่อเก็งกำไรมากกว่านำมาใช้ชำระเงิน เนื่องจากราคา Bitcoin พุ่งขึ้นมากกว่า 60% ในปี 2021 แม้จะเผชิญความผันผวนในช่วงไตรมาส 4 ของปีก็ตาม BitPay รายงานว่า ผู้คนมักใช้สกุลเงินดิจิทัลในการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น เครื่องประดับ นาฬิกา รถยนต์ เรือ รวมถึงทองคำ โดยปริมาณธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับสินค้าฟุ่มเฟือยในปี 2021 เพิ่มขึ้นถึง 31% จาก 9% ในปี 2020 ขณะที่ปริมาณการชำระเงินโดยรวมของบริษัทในปี 2021 เพิ่มขึ้น 57% จากปี 2020 Stephen Pair ซีอีโอของ BitPay กล่าวว่า การร่วงลงครั้งล่าสุดของคริปโทฯ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายของนักลงทุนมากเท่าตอนปี 2018 โดยแม้การใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือยจะได้รับผลกระทบ แต่การลดลงโดยรวมนั้นน้อยลงมาก ซึ่งนี่อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นว่าการปรับฐานอาจเกิดแค่ในระยะสั้น รวมถึงฐานผู้ใช้ที่กว้างขวางขึ้นมากของวงการคริปโทฯ อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-01-16/bitcoin-s-dominance-of-crypto-payments-is-starting-to-erode?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Bitcoin Cryptocurrency Dogecoin Ethereum Litecoin News Update Shiba Inu คริปโต แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: หุ้นเวียดนามร่วง 2% ด้วยแรงขายทำกำไร - FINNOMENA ดัชนี VNI ของเวียดนาม ปรับตัวลงปิดตลาดที่ 2.81% โดยมีหุ้นปรับตัวลงทั้งหมด 805 บริษัท ขณะที่ปรับตัวขึ้นเพียง 180 บริษัท ไม่เปลี่ยนแปลง 669 บริษัท 17 ม.ค. 2565 ดัชนี VNI ของเวียดนาม ปรับตัวลงปิดตลาดที่ 2.81% โดยมีหุ้นปรับตัวลงทั้งหมด 805 บริษัท ขณะที่ปรับตัวขึ้นเพียง 180 บริษัท ไม่เปลี่ยนแปลง 669 บริษัท การปรับตัวลงในวันนี้เกิดขึ้นในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม นำโดยอุตสาหกรรมก่อสร้างและอสังหาฯ เช่นเดียวกับกลุ่มการเงิน ส่วนหุ้นในดัชนี VN 30 มีเพียง 3 บริษัทที่ปรับตัวขึ้นสวนทิศทางตลาด อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นก็ยังถูกพยุงด้วยหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มการเงินอย่าง Vietcombank (VCB) ที่ปรับตัวขึ้นปิดตลาดที่ 3.12% FINNOMENA Investment Team มองว่าการปรับตัวในวันนี้เป็นการขายทำกำไรระยะสั้น และยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นเวียดนาม ด้วยมูลค่าที่เหมาะสมกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นทั่วโลก อีกทั้งยังมีอัตราการเติบโตของกำไรที่โดดเด่นกว่า อ้างอิง: en.vietstock.vn, finance.vietstock.vn, Investing.com ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้น เวียดนาม แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA x Franklin Templeton I เจาะลึกโอกาสการลงทุนระหว่าง 2 โลก ตลาดเกิดใหม่และตลาดพัฒนาแล้ว - FINNOMENA พบกับ Session พิเศษ เจาะลึกโอกาสการลงทุนระหว่าง 2 โลก ตลาดเกิดใหม่และตลาดพัฒนาแล้ว ผ่านมุมมองของ FINNOMENA และ Franklin Templeton ในเวอร์ชั่นภาษาไทย โดยจิรัฐิติ ขันติพะโล และอธินชา ชินวรนนท์ Portfolio Specialist FINNOMENA 15 ม.ค. 2565 พบกับ Session พิเศษ เจาะลึกโอกาสการลงทุนระหว่าง 2 โลก ตลาดเกิดใหม่และตลาดพัฒนาแล้ว ผ่านมุมมองของ FINNOMENA และ Franklin Templeton ในเวอร์ชั่นภาษาไทย โดยจิรัฐิติ ขันติพะโล และอธินชา ชินวรนนท์ Portfolio Specialist FINNOMENA <span data-mce-type="bookmark" style="display: inline-block; width: 0px; overflow: hidden; line-height: 0;" class="mce_SELRES_start"></span><span data-mce-type="bookmark" style="display: inline-block; width: 0px; overflow: hidden; line-height: 0;" class="mce_SELRES_start"></span><span data-mce-type="bookmark" style="display: inline-block; width: 0px; overflow: hidden; line-height: 0;" class="mce_SELRES_start"></span><span data-mce-type="bookmark" style="display: inline-block; width: 0px; overflow: hidden; line-height: 0;" class="mce_SELRES_start"></span><span data-mce-type="bookmark" style="display: inline-block; width: 0px; overflow: hidden; line-height: 0;" class="mce_SELRES_start"></span><span data-mce-type="bookmark" style="display: inline-block; width: 0px; overflow: hidden; line-height: 0;" class="mce_SELRES_start"></span><span data-mce-type="bookmark" style="display: inline-block; width: 0px; overflow: hidden; line-height: 0;" class="mce_SELRES_start"></span><span data-mce-type="bookmark" style="display: inline-block; width: 0px; overflow: hidden; line-height: 0;" class="mce_SELRES_start"></span><span data-mce-type="bookmark" style="display: inline-block; width: 0px; overflow: hidden; line-height: 0;" class="mce_SELRES_start"></span><span data-mce-type="bookmark" style="display: inline-block; width: 0px; overflow: hidden; line-height: 0;" class="mce_SELRES_start"></span><span data-mce-type="bookmark" style="display: inline-block; width: 0px; overflow: hidden; line-height: 0;" class="mce_SELRES_start"></span> รายละเอียดเพิ่มเติม ความร่วมมือระหว่าง FINNOMENA x Franklin Templeton FINNOMENA x Franklin Templeton : https://finno.me/ftxfinnomena FINNOMENA x Franklin Templeton Investor Base : https://finno.me/investorbase FINNOMENA Franklin Templeton, portfolio allocation อ่านอะไรต่อดี 5 ประโยคทองของมิจฉาชีพชวนลงทุน รู้ให้ทันก่อนหลงเชื่อ FINNOMENA Market Alert: หุ้นฮ่องกงปรับตัวลง 2.3% หลังจีนรายงาน PMI แย่กว่าคาด News Update: Nvidia มูลค่าแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ Cathie Wood เตือนมูลค่าแพงเกินแล้ว ร่วมด้วยช่วยแชร์ FINNOMENA ติดตามเราผ่านไลน์ @Finnomena
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: ยูโอบีเข้าซื้อกิจการลูกค้ารายย่อยของซิตี้กรุ๊ป ในอินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย และเวียดนาม คาดแล้วเสร็จ ช่วง 2565 - 2567 - FINNOMENA ธนาคารในเครือของกลุ่มธนาคารยูโอบี ได้ทำข้อตกลงเพื่อเข้าซื้อกิจการลูกค้ารายย่อยของซิตี้กรุ๊ป ซึ่งรวมถึงสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันและมีหลักประกัน ธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง และธุรกิจเงินฝากรายย่อย (ธุรกิจลูกค้ารายย่อย) ในอินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย และเวียดนาม (การเสนอซื้อกิจการ) และรวมไปถึงพนักงานธุรกิจลูกค้ารายย่อยของซิตี้กรุ๊ป 14 ม.ค. 2565 ธนาคารในเครือของกลุ่มธนาคารยูโอบี ได้ทำข้อตกลงเพื่อเข้าซื้อกิจการลูกค้ารายย่อยของซิตี้กรุ๊ป ซึ่งรวมถึงสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันและมีหลักประกัน ธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง และธุรกิจเงินฝากรายย่อย (ธุรกิจลูกค้ารายย่อย) ในอินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย และเวียดนาม (การเสนอซื้อกิจการ) และรวมไปถึงพนักงานธุรกิจลูกค้ารายย่อยของซิตี้กรุ๊ป การเสนอซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและขยายขอบเขตธุรกิจของธนาคารยูโอบีในอาเซียน ธุรกิจลูกค้ารายย่อยของซิตี้กรุ๊ปมีสินทรัพย์สุทธิรวมทั้งสิ้นประมาณสี่พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ และฐานลูกค้าราว 2.4 ล้านราย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 และมีรายได้ประมาณ 0.5 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 หากไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกรรมนี้ในครั้งเดียว การเสนอซื้อกิจการนี้คาดว่าจะช่วยเพิ่มกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ของธนาคาร และผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ของธนาคารยูโอบีได้ทันที การพิจารณาข้อเสนอเงินสดสำหรับการเสนอซื้อกิจการนี้จะคำนวณจากค่าพรีเมียมรวมซึ่งเทียบเท่ากับ 915 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ บวกกับมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของธุรกิจลูกค้ารายย่อยเมื่อการโอนย้ายกิจการเสร็จสมบูรณ์ ธนาคารยูโอบีจะใช้ทุนส่วนเกินของธนาคารเพื่อการเสนอซื้อกิจการครั้งนี้ ซึ่งคาดว่าจะลดอัตราส่วนของเงินกองทุนขั้นที่ 1 (Common Equity Tier 1 หรือ CET1) ของธนาคารลง 0.7% เป็น 12.8% ตามสถานะเงินทุน ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 ผลกระทบต่ออัตราส่วน CET1 คาดว่าจะมีไม่มากและจะยังอยู่ภายในข้อกำหนดด้านกฎระเบียบของหน่วยงานกำกับดูแล การเข้าซื้อกิจการในแต่ละประเทศจะเสร็จสมบูรณ์เมื่อได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานกำกับดูแลธนาคารตามเงื่อนไขของแต่ละประเทศ รวมถึงประเทศสิงคโปร์ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จระหว่างกลางปี 2565 ถึงต้นปี 2567 ขึ้นอยู่กับความคืบหน้าและผลของกระบวนการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลธนาคาร ซิตี้กรุ๊ปจะทำงานร่วมกับยูโอบีและธนาคารในเครือ (รวมเรียกว่ากลุ่มธนาคารยูโอบี) อย่างใกล้ชิดเพื่อให้การโอนย้ายธุรกิจลูกค้ารายย่อย ทั้งในส่วนของลูกค้าและพนักงานเป็นไปอย่างราบรื่น ธุรกิจลูกค้ารายย่อยของซิตี้กรุ๊ปมีพนักงานประมาณ 5,000 คน ซึ่งรวมถึงผู้บริหารระดับสูงและทีมงานมากประสบการณ์ การเข้ามาร่วมงานกับธนาคารยูโอบีจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธนาคารยูโอบี กลุ่มธนาคารยูโอบีพร้อมที่จะต้อนรับลูกค้าและพนักงานของซิตี้กรุ๊ป ซึ่งจะได้รับข้อมูลความคืบหน้าของการเสนอซื้อกิจการในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า Credit Suisse (Singapore) Limited เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับกลุ่มธนาคาร ยูโอบีในการเสนอซื้อกิจการนี้ และ Allen & Overy LLP (สิงคโปร์) เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย ล่าสุด กลุ่มธนาคารยูโอบี ได้มีกำหนดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการวันนี้ เวลา 10.30 น. เกี่ยวกับการทำข้อตกลงเพื่อเข้าซื้อกิจการลูกค้ารายย่อยของซิตี้กรุ๊ป https://www.uob.co.th/investor/news/press-news/2022/news-14Jan2022.page?s_cid=uob-citigroup ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: City News Update UOB แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: TSMC กำไรทุบสถิติใหม่ อานิสงส์ ‘ชิปขาดแคลน’ ทะลุเป้า $6,000 ล้าน โต +16% เตรียมขยายโรงงาน รับดีมานด์พุ่ง ตั้งแต่ iPhone รุ่นใหม่ จนถึงรถยนต์ - FINNOMENA Taiwan Semiconductor (TSMC) เผยกำไรไตรมาส 4 ทะลุเป้าทุบสถิติใหม่ อานิสงส์จากปัญหาขาดแคลนชิป รวมถึงแรงหนุนจากความต้องการชิปในแทบทุกผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ iPhone รุ่นใหม่ ไปจนถึงรถยนต์ 13 ม.ค. 2565 Taiwan Semiconductor (TSMC) เผยกำไรไตรมาส 4 ทะลุเป้าทุบสถิติใหม่ อานิสงส์จากปัญหาขาดแคลนชิป รวมถึงแรงหนุนจากความต้องการชิปในแทบทุกผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ iPhone รุ่นใหม่ ไปจนถึงรถยนต์ วันนี้ (13 ม.ค.) TSMC บริษัทผู้ผลิตชิปรายงานกำไรและรายได้ไตรมาส 4 ทำสถิติสูงสุดของบริษัท โดยกำไรพุ่งขึ้นถึง 16% สู่ 6,000 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าคาดการณ์ที่ 5,840 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดขายพุ่งแตะ 15,800 ล้านดอลลาร์ ด้านราคาหุ้น TSMC ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 0.15% อยู่ที่ราคา 661 ดอลลาร์ไต้หวัน (หรือประมาณ $23.9) โดย 1 ปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นกว่า 11% การแพร่ระบาดของโควิด-19 เดินทางเข้าสู่ปีที่ 3 ขณะที่ปัญหาการขาดแคลนชิปยังไม่มีท่าทีว่าจะคลี่คลาย ทำให้ในปีที่ผ่านมา TSMC ผู้ผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลกและบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในเอเชียได้ทุ่มเงินลงทุนมหาศาลตั้งโรงงานแห่งใหม่ในหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงญี่ปุ่นและสหรัฐฯ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า รายงานของ Susquehanna Financial Group ระบุว่า ระยะเวลาการส่งมอบชิปในเดือน ธ.ค. อยู่ที่ 25.8 สัปดาห์ เพิ่มขึ้นจากเดือน พ.ย. ประมาณ 6 วัน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่นานที่สุดของ TSMC นับตั้งแต่เริ่มเก็บข้อมูลในปี 2017 ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่า ยอดขายในไตรมาส 4 ที่แข็งแกร่งเป็นเพราะชิป 5nm ซึ่งเป็นชิปประสิทธิภาพสูงสำหรับสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ ขณะที่ TSMC เตรียมเร่งลงทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิต และได้เพิ่มงบสำหรับโรงงานผลิตในญี่ปุ่นสูงถึง 100,000 ล้านดอลลาร์ สำหรับเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ามากขึ้น อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-01-13/tsmc-s-profit-beat-estimates-thanks-to-prolonged-chip-crunch?srnd=premium-asia ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update TSMC ประกาศงบ แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: ‘คิม คาร์เดเชียน’ งานเข้า! โดนฟ้องปั่นเหรียญ EMAX ล่อเม่าเข้าลงทุน โฆษณาทางการเงินใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ - FINNOMENA งานเข้า! ‘คิม คาร์เดเชียน’ ถูกฟ้องร้องหลังโพสต์ชวนผู้ติดตามกว่า 250 ล้านคนลงทุนใน Ethereum Max (EMAX) ซึ่งเป็นการชี้นำนักลงทุนในทางที่ผิดและอ้างผลกำไรเกินจริง 12 ม.ค. 2565 งานเข้า! ‘คิม คาร์เดเชียน’ ถูกฟ้องร้องหลังโพสต์ชวนผู้ติดตามกว่า 250 ล้านคนลงทุนใน Ethereum Max (EMAX) ซึ่งเป็นการชี้นำนักลงทุนในทางที่ผิดและอ้างผลกำไรเกินจริง ‘คิม คาร์เดเชียน’ นักธุรกิจและนักจัดรายการเรียลลิตี้ชื่อดัง และ ‘ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์’ ตำนานมวยสากล ถูกอัยการรัฐแคลิฟอร์เนียฟ้องร้องข้อหาชี้นำหรือหลอกลวงนักลงทุน โดยพวกเขาได้เทขาย EMAX อย่างรวดเร็วเพื่อปั่นราคาและเก็งกำไรส่วนตัว ก่อนชักชวนผู้ติดตามให้ร่วมลงทุนในเหรียญดังกล่าว ก่อนหน้านี้ในเดือน มิ.ย. 2021 คิม คาร์เดเชียน ได้โพสต์ชวนผู้ติดตามให้ลงทุนใน EMAX พร้อมติด #AD ในแคปชัน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า นี่อาจเป็นโฆษณาทางการเงินที่เข้าถึงคนกลุ่มใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ คำฟ้องร้องระบุว่า โพสต์ของคิม คาร์เดเชียน ไม่ใช่การให้คำแนะนำทางการเงิน แต่เป็นการชี้ชวนในลักษณะบอกต่อซึ่งถือเป็นการหลอกลวงนักลงทุน ผู้บริหารของ EMAX ได้ร่วมงานกับคนดังหลายคนเพื่อโปรโมทเหรียญดังกล่าวซึ่งถูกสร้างโดยนักพัฒนาที่ไม่เป็นที่รู้จัก นอกจากนี้ทั้งชื่อและโลโก้ของเหรียญ EMAX ยังคล้ายคลึงกับ Ethereum มากจนอาจทำให้นักลงทุนเกิดความสับสนได้ โดยราคาล่าสุด (12 ม.ค.) ของ EMAX อยู่ที่ $0.00000001688 ซึ่งร่วงลงมาจากช่วงปลายเดือน พ.ค. กว่า 98% ขณะที่ปริมาณการซื้อขายในรอบ 24 ชั่วโมงเหลือเพียง 229,418 ดอลลาร์ จาก $103 ล้านดอลลาร์ในช่วงปลายพ.ค. อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-01-11/kardashian-mayweather-sued-by-investors-in-ethereummax-tokens?sref=e4t2werz https://www.reuters.com/article/people-kardashian-crypto/kim-kardashian-floyd-mayweather-sued-over-promotion-of-crypto-token-idUSL1N2TR30S https://coinmarketcap.com/alexandria/article/kim-kardashian-among-a-listers-sued-over-ethereum-max https://www.bangkokbiznews.com/business/982205 ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: EMAX Ethereum Max News Update คิม คาร์เดเชียน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: หุ้นเทคจีนกลับมาแล้ว!? Hang Seng Tech พุ่งเกือบ 4% หลังเงินเฟ้อจีนต่ำคาด สัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจ - FINNOMENA หุ้นเทคโนโลยีจีนส่งสัญญาณฟื้นตัว โดยได้แรงหนุนจากมุมมองบวกของนักลงทุน หลังรายงานตัวเลขเงินเฟ้อจีนออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด ประกอบกับสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินของแบงก์ชาติจีน 12 ม.ค. 2565 หุ้นเทคโนโลยีจีนส่งสัญญาณฟื้นตัว โดยได้แรงหนุนจากมุมมองบวกของนักลงทุน หลังรายงานตัวเลขเงินเฟ้อจีนออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด ประกอบกับสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินของแบงก์ชาติจีน วันนี้ (12 ธ.ค.) ดัชนี Hang Seng ของตลาดหุ้นฮ่องกงปรับเพิ่มขึ้นมา 2.12% และดัชนี Hang Seng Tech ปรับขึ้นมาแล้วเกือบ 4% นำโดย JD +9.89%, Meituan +9.33%, Alibaba +4.70% และ Tencent +3.17% ขณะที่ตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ปรับตัวขึ้นมาเช่นกัน โดยดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 0.35% และ ดัชนี Shenzhen Component เพิ่มขึ้น 0.55% การฟื้นตัวดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยดัชนี CPI หรือตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปของจีนในเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้นเพียง 1.5% จากปีที่แล้ว จากระดับ 2.3% ในเดือน พ.ย. ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 10.3% จากปีที่แล้ว จากระดับ 12.9% ในเดือน พ.ย. นอกจากนี้ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางจีน โดย Zhiwei Zhang จาก PinpointAM กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงจะช่วยเปิดช่องทางให้ธนาคารกลางจีนสามารถผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมได้ และมีโอกาสสูงขึ้นที่ธนาคารกลางจีนจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมา อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/01/12/asia-markets-china-cpi-and-ppi-fed-comments-world-bank-forecasts.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Hang Seng Index Hang Seng Tech News Update ตลาดหุ้นฮ่องกง หุ้นเทคโนโลยีจีน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: “ผมไม่สนเรื่องความร่ำรวย” เปิดชีวิต CZ ผู้ก่อตั้ง Binance ไอเดียจาก ‘วงไพ่’ สู่ แพลตฟอร์มคริปโทฯ ใหญ่สุดในโลก - FINNOMENA ‘ชางเผิง เจา’ หรือที่หลายคนเรียกเขาว่า CZ แห่ง Binance ในวัย 44 ปี ขึ้นแท่นบุคคลร่ำรวยที่สุดในวงการคริปโทฯ ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 96,000 ล้านดอลลาร์ แซงหน้ามูเกช อัมบานี มหาเศรษฐีอันดับ 11 ของโลก 11 ม.ค. 2565 ‘ชางเผิง เจา’ หรือที่หลายคนเรียกเขาว่า CZ แห่ง Binance ในวัย 44 ปี ขึ้นแท่นบุคคลร่ำรวยที่สุดในวงการคริปโทฯ ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 96,000 ล้านดอลลาร์ แซงหน้ามูเกช อัมบานี มหาเศรษฐีอันดับ 11 ของโลกและกำลังมีสินทรัพย์ใกล้เคียงกับผู้นำบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกอย่างมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก และแลร์รี่ เพจ เส้นทางสู่วงการคริปโทฯ ของ CZ เริ่มต้นในปี 2013 ที่เซี่ยงไฮ้ โดยเขาได้เริ่มใช้ Bitcoin ในการเล่น ‘ไพ่โป๊กเกอร์’ กับ Bobby Lee ซีอีโอของ BTC China ซึ่งหลังจากนั้น Bobby Lee และ Ron Cao นักลงทุนที่มีชื่อเสียงในวงการคริปโทฯ ได้แนะนำให้ CZ แบ่งเงิน 10% จากทั้งหมดที่มีมาลงทุนใน Bitcoin หลังใช้เวลาสักพักในการศึกษาวงการคริปโทฯ CZ ได้ขายอพาร์ทเม้นท์ในเซี่ยงไฮ้เพื่อเอาเงิน 1 ล้านดอลลาร์มาลงทุนใน Bitcoin และต่อมาในปี 2017 เขาได้ก่อตั้งบริษัท Binance แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทฯ ด้วยเงินระดมทุนมูลค่า 15 ล้านดอลลาร์ หลังก่อตั้งบริษัทไม่ถึงปี Binance ก้าวขึ้นมาเป็นเว็บเทรดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แต่บริษัทได้เผชิญกับมรสุมครั้งใหญ่หลังรัฐบาลจีนประกาศแบนธุรกรรมคริปโทฯ จนทำให้ Binance ตัดสินใจย้ายไปตั้งบริษัทที่ญี่ปุ่นและไต้หวัน โดยมีฐานลูกค้าหลักอยู่ในสหรัฐฯ Binance กลายมาเป็นแพลตฟอร์มอันดับต้นๆ ของนักลงทุนที่ต้อการซื้อขาย Altcoins หรือเหรียญทางเลือกอื่นที่มีสภาพคล่องน้อยกว่าสกุลเงินดิจิทัลหลักอย่าง Bitcoin และ Ethereum โดย Bloomberg คาดการณ์ว่าในปีที่แล้ว Binance มีรายได้จากค่าธรรมเนียมการซื้อขายอย่างน้อย 20,000 ล้านดอลลาร์ การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ Binance ตอกย้ำว่าความร่ำรวยมหาศาลถูกสร้างขึ้นในโลกคริปโทฯ ที่ไม่มีการควบคุมด้านกฎระเบียบ โดย CZ อาจมีสินทรัพย์มากกว่าที่ Bloomberg คาดการณ์เนื่องจากมูลค่าดังกล่าวไม่ได้นับรวมการถือครองคริปโทฯ ส่วนตัวของเขา ซึ่งรวมถึง Binance Coin (BNB) ที่ราคาพุ่งไปประมาณ 1,300% ในปีที่ผ่านมา อนาคตของ Binance ขึ้นอยู่กับความสามารถในการประนีประนอมกับหน่วยงานกำกับดูแล โดย CZ เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า เขายินดีและต้องการกฎระเบียบ เพราะเขาไม่ใช่ผู้นิยมอนาธิปไตย (Anarchist) และไม่เชื่อว่าอารยธรรมของมนุษย์จะก้าวหน้าได้หากปราศจากกฎเกณฑ์ CZ ให้สัมภาษณ์ในเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา เกี่ยวกับประเด็นความมั่งคั่งว่า “ผมไม่สนเรื่องความร่ำรวย เงินทอง หรืออันดับมหาเศรษฐีโลก” พร้อมกล่าวว่าเขาตั้งใจที่จะบริจาคเงินเกือบทั้งหมดของเขาก่อนที่เขาจะเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายเดือน พ.ย. CZ เผยว่าเขาได้ซื้อบ้านหลังแรกในดูไบ โดยผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้กล่าวว่า CZ ได้พบปะกับราชวงศ์ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ที่ต้องการนำแพลตฟอร์ม Binance เข้าสู่ประเทศ และไ CZ ด้เป็นเจ้าภาพบนอพาร์ทเม้นท์ที่อยู่ใกล้กับ Burj Khalifa อาคารที่สูงที่สุดในโลก อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/features/2022-01-09/binance-ceo-cz-s-net-worth-billionaire-holds-world-s-biggest-crypto-fortune?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Binance Changpeng Zhao CZ News Update แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }