text
stringlengths
1
1.21M
meta
dict
News Update: สัญญาณเงินเฟ้อใกล้ลดลง Cathie Wood เตือน ‘เงินฝืด’ น่ากลัวกว่า หลังสินค้าคงคลังพุ่งเป็นประวัติการณ์ Ark เตรียมออกกองใหม่ ‘กองทุนครอสโอเวอร์’ - FINNOMENA Cathie Wood เห็นสัญญาณเงินเฟ้อใกล้ลดลง หลังสินค้าคงคลังของบริษัทสหรัฐฯ พุ่งเป็นประวัติการณ์ 9 มิ.ย. 2565 Cathie Wood เห็นสัญญาณเงินเฟ้อใกล้ลดลง หลังสินค้าคงคลังของบริษัทสหรัฐฯ พุ่งเป็นประวัติการณ์ ผู้จัดการกองทุน Ark Invest ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg เมื่อวานนี้ (8 มิ.ย.) ว่า ไม่เคยเห็นสินค้าคงคลังพุ่งแบบนี้มาก่อน โดยนี่เป็นไปตามวัฏจักรเศรษฐกิจ และเป็นสัญญาณว่าเงินเฟ้อกำลังจะคลี่คลายแบบที่เคยบอกไปแล้วก่อนหน้านี้ บริษัทค้าปลีกที่ตุนสินค้าในปีที่แล้วเพื่อรับมือกับความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นและปัญหาคอขวดในซัพพลายเชนกำลังเจอกับปัญหาสต็อกเหลือ ขณะที่ Target ต้องปรับลดแนวโน้มกำไรเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 สัปดาห์ จากการเพิ่มขึ้นของสินค้าคงคลัง ในช่วงเวลาที่นักลงทุนส่วนใหญ่รู้สึกหวาดกลัวต่อเงินเฟ้อ Wood เตือนว่า ความเสี่ยงที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ‘เงินฝืด’ อย่างไรก็ตาม กองทุนเรือธง ARKK ร่วงลงมาแล้ว 50% ในปีนี้ ผลจากเงินเฟ้อและการเริ่มขึ้นดอกเบี้ยของ Fed หนึ่งในการเดิมพันหลักของ Cathie Wood คือหุ้น Tesla โดยก่อนหน้านี้กองทุนได้ลดการถือครองหุ้น Tesla เป็นเวลาอย่างน้อย 4 ไตรมาสติดต่อกัน และได้ช้อนซื้อหุ้น Tesla ที่ร่วงลงมาเกือบ 50% ในภายหลัง Cathie Wood กล่าวว่า Elon Musk ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับรถยนต์ไฟฟ้า แต่เขาจำเป็นต้องยึดติดกับ ‘ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ’ ที่เธอคาดการณ์ว่าจะสร้างรายได้ถึง 10 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี 2030 Cathie Wood ยังทิ้งท้ายถึงแผนใหม่อย่าง ‘กองทุนครอสโอเวอร์’ หรือกองทุนที่ลงทุนทั้งในหุ้นสาธารณะและหุ้นเอกชน แต่บอกว่าไม่สามารถพูดมากกว่านี้เนื่องจากข้อบังคับ อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-06-08/cathie-wood-sees-huge-inventories-as-evidence-inflation-will-ebb?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: ARK ARK Invest ARKK Cathie Wood News Update Tesla เงินฝืด เงินเฟ้อ แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: สรุปส่วนลดภาษี รถยนต์ไฟฟ้าล่าสุด MG ลดสูงสุด 2.27 แสน ORA Good Cat ลดสูงสุด 1.6 แสน รัฐบาลอุดหนุน-ลดภาษีสรรพสามิตเหลือ 2% - FINNOMENA ข่าวดีสำหรับคนที่มองหารถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ในยุคราคาน้ำมันแพง เพราะกรมสรรพสามิตประกาศลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้าจาก 8% เหลือ 2% 8 มิ.ย. 2565 ข่าวดีสำหรับคนที่มองหารถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ในยุคราคาน้ำมันแพง เพราะกรมสรรพสามิตประกาศลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้าจาก 8% เหลือ 2% ลงในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้ว หลังรอมานานกว่า 6 เดือน ตอนนี้รัฐบาลมี 3 มาตรการในการส่งเสริมให้ค่ายรถยนต์เข้ามาผลิตรถ EV ในไทย ดังนี้ ➢ ลดภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า จาก 40% เหลือ 0% หรือมากสุด 40% (มีผลตั้งแต่ 3 พ.ค.) ➢ สนับสนุนเงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้า สูงสุด 150,000 บาทต่อคัน (มีผลตั้งแต่ 30 พ.ค.) ➢ ลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ไฟฟ้า จาก 8% เหลือ 2% (มีผลตั้งแต่ 9 มิ.ย.) แต่เงื่อนไขสำคัญคือ ค่ายรถยนต์จะต้องมาเซ็น MOU กับรัฐบาลก่อน ซึ่งในปัจจุบันมีแค่ 3 ค่าย คือ Great Wall Motor, GM และ Toyota ที่เซ็นแล้ว สำหรับประมาณการราคารรถยนต์ไฟฟ้าล่าสุด หลังหักส่วนลดภาษี มีราคาดังนี้ 🚗 ค่าย MG • NEW MG EP Plus : ราคา 771,000 บาท จากราคาปกติ 998,000 บาท ส่วนลด 227,000 บาท • NEW MG ZS EV รุ่น D : ราคา 949,000 บาท จากราคาปกติ 1,189,000 บาท ส่วนลด 240,000 บาท • NEW MG ZS EV รุ่น X : ราคา 1,023,000 บาท จากราคาปกติ 1,269,000 บาท ส่วนลด 246,000 บาท 🚗 ค่าย Great Wall Motor • ORA Good Cat รุ่น 400 TECH : ราคา 828,500 บาท จากราคา 989,000 บาท ส่วนลด 160,500 บาท • ORA Good Cat รุ่น 400 PRO : ราคา 898,500 บาท จากราคา 1,059,000 บาท ส่วนลด 160,500 บาท • ORA Good Cat รุ่น 500 ULTRA : ราคา 1,038,500 บาท จากราคา 1,199,000 บาท ส่วนลด 160,500 บาท นายณัฐกร อุเทนสุต โฆษกกรมสรรพสามิตกล่าวว่า มีรถยนต์ไฟฟ้าอีก 3-4 ค่ายจากญี่ปุ่นและจีนที่สนใจเข้าร่วมมาตรการ และค่ายรถจักยานยนต์อย่างน้อย 2-3 ค่ายจากไทยและจีน โดยจะเห็นการเซ็นสัญญาร่วมกันในปลายเดือน มิ.ย. 65 นี้ สำหรับปัญหาการขาดแคลนชิป โฆษกกรมสรรพสามิตกล่าวว่า สถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย ทำให้ค่ายรถยนต์ที่เปิดจองไปก่อนหน้านี้ต้องหยุดรับจองรถชั่วคราวเกือบ 2 เดือนแล้ว เนื่องจากบริษัทแม่ของแต่ละค่ายจำเป็นต้องกระจายรถยนต์ที่ผลิตแล้วส่งไปให้ลูกค้าที่ประเทศอื่นด้วย คุณวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงานคาดว่า ปีนี้จะเริ่มเห็นรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการส่งอาหารและส่งของต่างๆ เพราะราคาน้ำมันแพงขึ้น โดยกระทรวงพลังงานจะเร่งส่งเสริมการติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในพื้นที่สาธารณะให้พอเพียง ซึ่งปัจจุบันมีเพียง 944 แห่งทั่วประเทศ และตั้งเป้ามีสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่ 1,450 สถานี ในปี 2573 อีกปัจจัยที่ทำให้วงการรถยนต์ไฟฟ้าไทยคึกคัก คือการที่ Tesla ตั้งบริษัทลูกในไทยภายใต้ชื่อ “บริษัท เทสลา (ประเทศไทย) จำกัด” มาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างหลัง Tesla บุกไทย? ขณะนี้ ค่ายรถยนต์ที่เปิดจองรถยนต์ไฟฟ้าไปก่อนหน้านี้ได้ทยอยส่งมอบรถให้ลูกค้าไปแล้วประมาณ 500 คัน และคาดว่าหลังการประกาศราชกิจจาฯ แต่ละค่ายรถจะทยอยส่งมอบรถให้ลูกค้าได้อีกประมาณ 1,500 คัน อ้างอิง: https://www.thairath.co.th/business/feature/2412981 https://www.thairath.co.th/business/economics/2412621 https://www.thansettakij.com/money_market/527950 ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: MG News Update ORA รถยนต์ไฟฟ้า แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: หรือนี่คือเวลาซื้อหุ้นเวียดนาม? Dragon Capital ชี้หุ้นมีราคาถูก แนวโน้มเศรษฐกิจโตดี - FINNOMENA News Update: หรือนี่คือเวลาซื้อหุ้นเวียดนาม? Dragon Capital ชี้หุ้นมีราคาถูก แนวโน้มเศรษฐกิจโตดี 8 มิ.ย. 2565 ดัชนีหุ้นเวียดนามร่วงมากกว่า 10% ในปีนี้ แต่ Thao Ngo ผู้จัดการกองทุนของ Dragon Capital กล่าวว่า “ตอนนี้เป็นเวลาที่ดี ในการพิจารณาการลงทุนในเวียดนาม” เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (6 มิ.ย) ดัชนีหุ้นเวียดนามปรับตัวลงถึง 14% จากต้นปีสอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นๆ เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ต่างพากันปรับพอร์ตการลงทุน ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และความกังวลว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย 🇻🇳 Valuation ของหุ้นเวียดนามถูก Thao Ngo ระบุว่า มูลค่าหุ้นเวียดนามขณะนี้มีราคาถูก และคาดการณ์ว่ากำไรต่อหุ้นจะเติบโตถึง 20% ภายในปีนี้ โดยหุ้นกลุ่มธนาคารและค้าปลีกเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ เนื่องจากประชากรเวียดนามมากกว่าครึ่งยังเข้าไม่ถึงบริการธนาคาร ในขณะที่หุ้นค้าปลีกคาดว่าจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์หลังช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 🇻🇳 เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง อีกปัจจัยที่ทำให้หุ้นเวียดนามน่าสนใจคือภาพรวมเศรษฐกิจ โดยเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถือเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตของ GDP มากที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มขยายตัวต่อไป ในปี 2020 เศรษฐกิจเวียดนามได้เติบโตจนแซงหน้าจีน และไม่เคยเห็นการหดตัวของเศรษฐกิจอีกเลยสักไตรมาสเดียว แม้จะเกิดโรคระบาดโควิด-19 ก็ตาม นอกจากนี้ ปัจจัยทางด้านการเมืองที่เสถียรภาพ และนโยบายเศรษฐกิจมหภาค ตลอดจนปัจจัยต่างๆ เช่น การเติบโตอย่างรวดเร็วของชนชั้นกลางของเวียดนาม ทำให้แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามอาจขยายตัวถึง 6-7% 🇻🇳 เงินเฟ้อในระดับต่ำ แม้อัตราเงินเฟ้อต่างเป็นปัญหาใหญ่ในประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร แต่เวียดนามดูเหมือนจะควบคุมเงินเฟ้อได้ โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของเวียดนามเพิ่มขึ้นเพียง 2.6% ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ Dragon Capital มองตัวเลข CPI จะอยู่ที่ประมาณ 4% ถึง 5% ในปีนี้ และเชื่อว่ารัฐบาลเวียดนามจะสามารถพยุงตัวเลขดังกล่าวให้คงที่ได้ ที่มา:https://www.cnbc.com/2022/06/07/good-time-to-invest-in-vietnam-now-says-dragon-capital.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update การลงทุน ซื้อหุ้น ตลาดหุ้นเวียดนาม แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: ดีลซื้อทวิตเตอร์ส่อแววล่ม? 'อีลอน มัสก์' ขู่ล้มดีลมูลค่า $44,000 ล้าน อ้างบริษัทไม่ส่งข้อมูลแอคหลุมให้ - FINNOMENA ‘อีลอน มัสก์’ มหาเศรษฐีเจ้าของ Tesla ขู่ล้มดีลซื้อ Twitter มูลค่า 44,000 ล้านดอลลาร์ เหตุบริษัทไม่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีปลอมและบัญชีสแปม 7 มิ.ย. 2565 ‘อีลอน มัสก์’ มหาเศรษฐีเจ้าของ Tesla ขู่ล้มดีลซื้อ Twitter มูลค่า 44,000 ล้านดอลลาร์ เหตุบริษัทไม่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีปลอมและบัญชีสแปม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มัสก์ขู่จะล้มดีล โดยในจดหมายจากทนายความของเขาถึง Vijaya Gadde ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของ Twitter กล่าวว่า การไม่ให้ข้อมูลบัญชีปลอมเป็นการละเมิดสิทธิที่ชัดเจนตามเงื่อนไขข้อตกลง คำขู่ดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกับการร่วงแรงของหุ้นเทคโนโลยีในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงหุ้น Tesla ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและการขึ้นดอกเบี้ยเมื่อเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ เมื่อคืนนี้ (6 มิ.ย.) หุ้น Twitter ปรับตัวลงมา 1.5% ปิดที่ราคา $39.57 ซึ่งต่ำกว่าราคาที่มัสก์ตกลงไว้กับ Twitter ที่ $52.20 ตอนนี้นักลงทุนกำลังเดิมพันว่า มัสก์จะทำดีลใหม่กับ Twitter ในราคาที่ถูกลงหรือเลือกล้มดีล อย่างไรก็ตาม ผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้กล่าวว่า ในเบื้องหลังนั้นข้อตกลงกำลังดำเนินไป ทั้งสองฝ่ายได้ประชุมและแบ่งปันข้อมูลกันเป็นประจำ ด้าน Twitter ออกแถลงการณ์ว่า บริษัทได้แบ่งปันข้อมูลกับมัสก์แล้วเกี่ยวกับวิธีการคำนวณจำนวนบัญชีปลอม และมัสก์ไม่สามารถระงับข้อตกลงได้ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในดีลแล้ว และยังเชื่อว่า มัสก์อาจแค่ต้องการล้มดีลดังกล่าว ก่อนหน้านี้ มัสก์เคยประกาศไว้ว่า การลบบัญชีบอทและสแปมออกจาก Twitter คือสิ่งสำคัญอันดับแรก โดยในกลางเดือน พ.ค. เขาทวีตข้อความว่า ดีลซื้อ Twitter ถูกระงับชั่วคราว จนกว่าบริษัทจะแสดงให้เห็นหลักฐานว่าบัญชีปลอมมีสัดส่วนน้อยกว่า 5% ของผู้ใช้ทั้งหมด มัสก์คาดการณ์ว่า Twitter มีบัญชีปลอมอย่างน้อย 20% ขณะที่ นักวิจัยอิสระเกี่ยวกับโซเชียลมีเดียคาดการณ์อยู่ที่ประมาณ 9-15% อ้างอิง: https://www.reuters.com/markets/deals/musk-asks-twitter-data-spam-fake-accounts-again-2022-06-06/ https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-06-06/musk-says-twitter-s-lack-of-info-on-bots-breeches-merger-deal?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Elon Musk News Update twitter แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: นํ้ามันโลกทะลุ $120 ต่อบาร์เรล หลังซาอุฯ ขึ้นราคาน้ำมันลูกค้าเอเชีย หวั่นซัพพลายตึงตัว แต่ดีมานด์พุ่ง - FINNOMENA วันนี้ (6 มิ.ย) ซาอุดี อารามโค บริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย ประกาศขึ้นราคาน้ำมันดิบที่ส่งไปยังเอเชีย รับข่าวความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก 6 มิ.ย. 2565 วันนี้ (6 มิ.ย) ซาอุดี อารามโค บริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย ประกาศขึ้นราคาน้ำมันดิบที่ส่งไปยังเอเชีย รับข่าวความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวเหนือระดับ 120 ดอลลาร์/บาร์เรล อีกครั้งหลังจากซาอุดิอาระเบียประกาศขึ้นราคาน้ำมันดิบในสัญญาซื้อขายของเดือน ก.ค. ซึ่งเป็นเรื่องบ่งชี้ว่าการผลิตนํ้ามันยังอยู่ในภาวะตึงตัว แม้ว่ากลุ่ม OPEC+ ตกลงที่จะเพิ่มกำลังการผลิตในสองเดือนข้างหน้าก็ตาม ซาอุดี อารามโค ประกาศขึ้นราคาขายอย่างเป็นทางการ (OSP) ของราคาน้ำมันดิบประเภท Arab Light Crude สำหรับสัญญาในเดือน ก.ค. โดยนํ้ามันดิบที่ส่งไปยังเอเชีย จะมีราคาที่ 6.50 ดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้น 2.10 ดอลลาร์จากเดือน มิ.ย สัปดาห์ที่แล้ว กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร OPEC+ ประกาศเพิ่มกำลังการผลิตในเดือน ก.ค. และ ส.ค. จำนวน 648,000 บาร์เรลต่อวัน หรือมากกว่าที่วางแผนไว้ก่อนหน้านี้ 50% อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของกลุ่ม OPEC+ ในการเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมัน ถูกมองว่าไม่น่าจะตอบสนองความต้องการน้ำมันในตลาดโลกได้ ขณะที่ อุปสงค์ในสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นจากช่วงฤดูกาลขับขี่ และจีนที่กำลังผ่อนคลายการล็อกดาวน์จากโควิด Vivek Dhar นักวิเคราะห์จาก Commonwealth Bank กล่าวว่า “แม้ว่าการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันจะมีความจำเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่เท่ากับความต้องการใช้น้ำมันที่เติบโต โดยเฉพาะเมื่อยุโรปมีการห้ามนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย” ที่มา: https://www.reuters.com/markets/commodities/oil-jumps-after-saudi-arabia-hikes-crude-prices-2022-06-05/ 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update ตลาดน้ำมัน ทิศทางราคาน้ำมัน น้ำมัน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: หุ้นจีนสดใส CSI 300 พุ่ง 1.3% เศรษฐกิจส่งสัญญาณฟื้นตัว หลังรัฐบาลคลายล็อกดาวน์ - FINNOMENA หุ้นจีนเปิดตลาดสดใส นักลงทุนคาดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวหลังรัฐบาลจีนคลายล็อกดาวน์ 6 มิ.ย. 2565 หุ้นจีนเปิดตลาดสดใส นักลงทุนคาดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวหลังรัฐบาลจีนคลายล็อกดาวน์ เช้านี้ (6 มิ.ย.) ดัชนี CSI 300 พุ่งขึ้นมากกว่า 1.3% หลังหยุดยาว นำโดยหุ้นกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดี หลัง BYD ประกาศยอดขายที่แข็งแกร่งในเดือน พ.ค. ขณะที่ ChiNext ดัชนีหุ้นเติบโตขนาดกลาง-เล็ก ดีดขึ้นกว่า 3% แนวโน้มการระบาดในจีนที่ลดลงต่อเนื่องทำให้รัฐบาลจีนตัดสินใจคลายล็อกดาวน์ โดยในสัปดาห์ที่แล้ว CSI 300 ปรับตัวขึ้นมาถึง 2.2% ขณะที่แนวโน้มงบบริษัทจีนที่สดใสขึ้นอาจเป็นสัญญาณว่า จุดเลวร้ายที่สุดในตลาดหุ้นจีนใกล้จบลงแล้ว โดยทั้ง Goldman Sachs และ China International Capital คาดการณ์ว่า ผลกำไรของเหล่าบริษัทจีนจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ด้านหุ้นตลาดฮ่องกงปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยดัชนี Hang Seng บวก 1.46% นำโดย Meituan บริษัทขนส่งยักษ์ใหญ่ของจีน ที่พุ่งขึ้นกว่า 7% หลังยอดขายในไตรมาสแรกออกมาดีเกินตลาดคาด ขณะที่ ดัชนี PMI ภาคการบริการของจีนจากสถาบัน Caixin อยู่ที่ 41.4 ดีกว่าในเดือน เม.ย.ที่ 36.2 แต่ยังคงต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งสะท้อนว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจและภาวะธุรกิจยังคงอยู่ในแนวโน้มหดตัว อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-06-06/china-stocks-climb-as-easing-beijing-covid-curbs-lift-sentiment?sref=e4t2werz https://www.cnbc.com/2022/06/06/asia-markets-caixin-services-pmi-china-economy-currencies-oil.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update หุ้นจีน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: สหรัฐฯ เตรียมลดภาษีนำเข้าจากจีน งานวิจัยชี้ อาจลดเงินเฟ้อถึง 1.3% แต่คงภาษี เหล็ก-อะลูมิเนียม อ้างความมั่นคง - FINNOMENA กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุ การขึ้นภาษีในบางสินค้าอาจเป็นเรื่องจำเป็น ขณะที่ทีมบริหารของไบเดนเตรียมพิจารณาลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่ร้อนแรงที่สุดในรอบเกือบ 4 ทศวรรษ 6 มิ.ย. 2565 กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุ การขึ้นภาษีในบางสินค้าอาจเป็นเรื่องจำเป็น ขณะที่ทีมบริหารของไบเดนเตรียมพิจารณาลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่ร้อนแรงที่สุดในรอบเกือบ 4 ทศวรรษ ‘จีนา เรมอนโด’ รมว.พาณิชย์ของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ว่า สหรัฐฯ ตัดสินใจที่จะคงภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม เพื่อปกป้องทั้งคนงานชาวอเมริกันและอุตสาหกรรมเหล็ก โดยนี่เป็นเรื่องความมั่นคงของชาติ และอาจขึ้นภาษีสินค้าอื่นๆ เช่น ของใช้ในบ้าน และจักรยาน สำหรับประเด็นการเก็บภาษีนำเข้ามูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์จากจีน รมว.พาณิชย์สหรัฐฯ กล่าวว่า ปธน. โจ ไบเดน กำลังตัดสินใจเรื่องดังกล่าวอยู่ ซึ่งถ้ามันสามารถช่วยชาวอเมริกันได้ เขายินดีที่จะทำแน่นอน งานวิจัยในเดือน มี.ค. ของ Peterson Institute for International Economics คาดการณ์ว่า การยกเลิกภาษีศุลกากรซึ่งรวมถึงภาษีสินค้าจีน สามารถลดอัตราเงินเฟ้อได้ถึง 1.3 จุดเปอร์เซ็นต์ (ppt) ทีมของไบเดนกำลังตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับนโยบายภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากจีนรวมประมาณ 3 แสนล้านดอลลาร์ของอดีตปธน. ทรัมป์ โดยในตอนนั้น ทรัมป์ตัดสินใจเก็บภาษีหลังสอบสวนแล้วพบว่า จีนขโมยทรัพย์สินทางปัญญาจากสหรัฐฯ และบังคับให้ถ่ายโอนเทคโนโลยี ซึ่งจีนตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีเช่นกัน บางธุรกิจของสหรัฐฯ ได้รับประโยชน์จากนโยบายภาษีของอดีตปธน. ที่ปกป้องพวกเขาจากการแข่งขัน แต่หลายธุรกิจที่ใช้สินค้าจากจีนเป็นวัตถุดิบได้รับผลกระทบหนักเช่นกัน ขณะที่ ‘เจเน็ต เยลเลน’ รมว.คลังสหรัฐฯ หนุนให้สหรัฐฯ ลดภาษีนำเข้าจากจีนหวังช่วยสกัดเงินเฟ้อ ในปีที่แล้ว เรมอนโดเคยกล่าวว่า นโยบายของทรัมป์ในการเก็บภาษี 25% สำหรับการนำเข้าเหล็ก และ 10% สำหรับการจัดส่งอะลูมิเนียมขาเข้า นั้นมีประสิทธิภาพ แต่โรงงานผู้ผลิตต้องการให้รัฐบาลลดภาษี เพราะนโยบายดังกล่าวทำลายความสัมพันธ์กับคู่ค้าจากทั้งเม็กซิโก แคนาดา สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-06-05/lifting-tariffs-on-goods-may-make-sense-us-commerce-chief-says?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update ภาษี สหรัฐฯ สหรัฐฯ และจีน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: “เฮอริเคนทางเศรษฐกิจ” กำลังมา CEO JPMorgan เตือนนักลงทุนเตรียมรับมือ ผลจากนโยบาย Fed และสงครามยูเครน - FINNOMENA Jamie Dimon ซีอีโอ JPMorgan เตือนนักลงทุนเตรียมรับมือ “เฮอริเคนทางเศรษฐกิจ” จากนโยบาย Fed ที่เข้มงวดและสงครามยูเครน 2 มิ.ย. 2565 Jamie Dimon ซีอีโอ JPMorgan เตือนนักลงทุนเตรียมรับมือ “เฮอริเคนทางเศรษฐกิจ” จากนโยบาย Fed ที่เข้มงวดและสงครามยูเครน Dimon กล่าวว่า พายุเฮอริเคนมารอที่หน้าประตูแล้ว แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นพายุขนาดเล็กหรือเฮอริเคนแซนดีที่อันตรายและเป็นภัยมากที่สุด ดังนั้น เตรียมตัวรับมือไว้ให้พร้อมจะดีกว่า ก่อนหน้านี้ในเดือน พ.ค. ซีอีโอ JPMorgan เตือนว่า มีเมฆพายุในเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ตอนนี้สถานการณ์น่ากังวลขึ้นจากความพยายามของ Fed ในการควบคุมเงินเฟ้อ “ตอนนี้ดูเหมือนท้องฟ้าสดใส และสิ่งต่างๆ กำลังไปได้สวย เพราะทุกคนคิดว่า Fed สามารถรับมือได้” Dimon กล่าว ราคาหุ้นของ JPMorgan ร่วงลง 1.8% สู่ระดับ $129.81 เมื่อคืนนี้ (1 มิ.ย.) หลังการแสดงความเห็นของ Dimon เมื่อเดือน พ.ค. นักเศรษฐศาสตร์ของ JPMorgan ปรับลดคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจลง ดังนี้ ➢ ครึ่งหลังของปี 2022: จาก 3% เหลือ 2.4% ➢ ครึ่งแรกของปี 2023: จาก 2.1% เหลือ 1.5% ➢ ครึ่งหลังของปี 2023: จาก 1.4% เหลือ 1% Dimon กล่าวว่า บริษัทกำลังเตรียมพร้อมสำหรับความปั่นป่วนนั้นอย่างระมัดระวังในงบดุล โดยการลดเงินฝากที่ไม่ได้ดำเนินการ เพื่อให้สามารถบริการลูกค้าในช่วงเวลาที่เลวร้าย อย่างไรก็ตาม Dimon มองเห็นสัญญาณที่สดในในเศรษฐกิจจากความแข็งแกร่งของผู้บริโภค ค่าแรงที่สูงขึ้น และงานจำนวนมาก อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-06-01/jamie-dimon-says-bank-is-bracing-itself-for-economic-hurricane?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FED Jamie Dimon JPMorgan News Update สงครามยูเครน สหรัฐฯ แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: WM Motor เตรียมเข้าตลาดหุ้นฮ่องกง ซีอีโอมั่นใจ ปีนี้ความต้องการเพิ่มขึ้น 2 เท่า แม้บริษัทขาดทุน 8,200 ล้านหยวน - FINNOMENA WM Motor หรือ Weltmeister ธุรกิจสตาร์ทอัพรถยนต์ไฟฟ้าของจีนยื่นขอจดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหุ้นฮ่องกงแล้ววันนี้ (1 มิ.ย.) 1 มิ.ย. 2565 WM Motor หรือ Weltmeister ธุรกิจสตาร์ทอัพรถยนต์ไฟฟ้าของจีนยื่นขอจดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหุ้นฮ่องกงแล้ววันนี้ (1 มิ.ย.) สำหรับผลประกอบการประจำปี 2021 WM Motor ขาดทุนอยู่ที่ 8,200 ล้านหยวน หรือขาดทุนมากขึ้น 2 เท่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ขณะที่รายได้เพิ่มขึ้น 170% ในช่วงเวลาเดียวกันอยู่ที่ 4,700 ล้านหยวน เอกสารที่ยื่นกับก.ล.ต. เพื่อขอจดทะเบียนยังไม่ได้ระบุถึงการกำหนดราคาหุ้น แม้ว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีนจะใหญ่ที่สุดในโลกและเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่บริษัทที่มียอดขายสูงสุดในตลาดคือ BYD และ Tesla ขณะที่สตาร์ทอัพในจีน เช่น Nio และ Xpeng ซึ่งจดทะเบียนในฮ่องกงและสหรัฐฯ ยังครองส่วนแบ่งเพียงเล็กน้อยในตลาด ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของ WM Motor น้อยกว่าทั้ง Nio และ Xpeng เมื่อสิ้นปีที่แล้ว บริษัทรายงานว่า ยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ที่ 83,495 คัน นับตั้งแต่เปิดตัวรุ่นแรกเมื่อ ก.ย. 2018 ขณะที่ Xpeng ที่เปิดตัวรุ่นแรกในช่วงเวลาเดียวกัน ส่งมอบรถยนต์ไปทั้งหมด 137,953 คัน ด้าน Nio ซึ่งเปิดตัวก่อนคู่แข่งประมาณ 1 ปี ส่งมอบรถยนต์ไปทั้งหมด 167,070 คัน Freeman Shen ซีอีโอของบริษัทคาดการณ์ว่า ปีนี้ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าในจีนจะเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าจากปีที่แล้ว แต่ปัญหาการขาดแคลนชิปและการหยุดชะงักของซัพพลายเชนกำลังเพิ่มต้นทุนให้กับผู้ผลิตรถยนต์ โดยรถซีดานและ SUV ของ WM Motor ขายในช่วงราคา 160,800-280,000 หยวน ใกล้เคียงกับช่วงราคาของ Xpeng ในเอกสารยื่นขอจดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหุ้น WM Motor กล่าวถึงความได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัท จากทั้งการมุ่งเน้นไปที่ตลาดกระแสหลัก โรงงานผลิตที่ตนเองเป็นเจ้าของ และความสามารถในการ R&D ที่แข็งแกร่ง อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/06/01/chinese-electric-car-start-up-wm-motor-files-to-go-public-in-hong-kong.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update WM Motor รถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้าจีน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
มีเงิน 200,000 บาท จัดพอร์ต RMF อย่างไรดี? - FINNOMENA พลาดไม่ได้! โพยจัดชุด RMF สำหรับใครที่มีงบ 200,000 บาท เหมาะสำหรับนักลงทุนสายประหยัดภาษี ทุกประเภท ทุกสาย จัดชุด RMF ให้ตัวเองตามความเสี่ยงตามรูปแบบที่ชื่นชอบ มาดูกันเลยว่า FINNOMENA แนะนำกองไหน สำหรับชุดไหนบ้าง ที่สำคัญ! สามารถซื้อ RMF แต่ละชุดได้ผ่าน FINNOMENA แล้วครับ 8 มิ.ย. 2565 พลาดไม่ได้! โพยจัดชุด RMF สำหรับใครที่มีงบ 200,000 บาท เหมาะสำหรับนักลงทุนสายประหยัดภาษี ทุกประเภท ทุกสาย จัดชุด RMF ให้ตัวเองตามความเสี่ยงตามรูปแบบที่ชื่นชอบ มาดูกันเลยว่า FINNOMENA แนะนำกองไหน สำหรับชุดไหนบ้าง ที่สำคัญ! สามารถซื้อ RMF แต่ละชุดได้ผ่าน FINNOMENA แล้วครับ เปิดบัญชีกองทุนประหยัดภาษี SSF RMF กับ FINNOMENA สะดวก รวดเร็ว เปิดออนไลน์ ไม่ต้องส่งเอกสารให้ยุ่งยาก พร้อมเลือกซื้อกองทุนประหยัดภาษีมากกว่า 10 บลจ. คลิก https://finno.me/open-plan ขั้นตอนการคัดเลือกกองทุนแบบพิถีพิถันที่สุดให้กับนักลงทุน กองทุนที่ทาง FINNOMENA เลือกสรรให้กับทุกท่านจะผ่านการคัดกรองมาอย่างเข้มข้น ด้วยทีมงานการลงทุนที่มากความสามารถและประสบการณ์ โดยมีรายละเอียดขั้นตอนดังนี้ ขั้นตอนที่ 1: รวบรวมกองทุนในแต่ละหมวด ขั้นตอนแรกทีมงานการลงทุนของ FINNOMENA จะทำการรวบรวมกองทุนทั้งหมดในแต่ละประเภทสินทรัพย์ (Asset Class) เช่น หุ้น ตราสารหนี้และสินทรัพย์ทางเลือก โดยอาจมีการจำแนกไปในแต่ละหมวดหมู่ประเทศ อย่าง ละเอียดเพิ่มเติม เช่น หุ้นอาจมีการแบ่งตามภูมิภาคเป็น หุ้นสหรัฐฯ หรือหุ้นเอเชีย เป็นต้น ขั้นตอนที่ 2: คัดสรรปัจจัยการคัดเลือกที่คู่ควรสำหรับกองทุนที่ดีที่สุด ขั้นตอนนี้ FINNOMENA Investment Team จะมีการใช้เกณฑ์การคัดเลือกต่าง ๆ มาประกอบการคัดเลือก เช่น ค่าธรรมเนียม ผลตอบแทน จุดขาดทุนสูงสุด (Max Drawdown) และความเสี่ยงเทียบผลตอบแทนที่เหมาะสม เพื่อให้ได้กองทุนที่ดีที่สุดทั้งในแง่ของความเสี่ยง ค่าธรรมเนียม โมเมนตัมและผลตอบแทนที่ได้รับ ขั้นตอนที่ 3: ให้น้ำหนักกับเกณฑ์คัดเลือก ปัจจัยต่าง ๆ ข้างต้นในแต่ละส่วน เช่น ค่าธรรมเนียม ผลตอบแทน จุดขาดทุนสูงสุด และความเสี่ยงเทียบผลตอบแทน จะถูกนำมาให้น้ำหนักตามหลักเกณฑ์ที่เหมาะสมโดย FINNOMENA Investment Team เพื่อประกอบการให้คะแนนและนำมาจัดอันดับต่อไป ขั้นตอนที่ 4: เลือกกองทุน Top Pick ในแต่ละหมวด เราคัดเลือกกองทุนที่เป็น “ที่สุด” ของแต่ละหมวด ผ่านผลคะแนนที่ได้จากการคัดเลือก โดยเราจะเลือกกองทุนที่ทำคะแนนได้เป็นอันดับต้น ๆ ในแต่ละหมวด คล้ายกับการเลือกนักเรียนหรือพนักงานที่มีศักยภาพสูงสุดมาทำงานให้กับเงินลงทุนของคุณ ขั้นตอนที่ 5: ตัดสินอย่างเป็นกลางโดยทีมงานการลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญ ในส่วนของขั้นตอนสุดท้ายกองทุนต่าง ๆ จะถูกคัดกรองและคัดเลือกอย่างเข้มข้นโดยทีมงานการลงทุนของเราอีกหนึ่งชั้น เพื่อให้แน่ใจว่านักลงทุนทุกท่านจะได้ลงทุนใน “กองทุนประหยัดภาษีที่ดีที่สุด อย่างเป็นกลาง” สารบัญ โพย RMF (สายซิ่ง) โพย RMF (สายสมดุล) โพย RMF (สายเซฟ) โพย RMF (สายซิ่ง) อัปเดตข้อมูลรายละเอียดค่าธรรมเนียม ณ วันที่: 7 มิถุนายน 2022 KFGGRMF รายละเอียดกองทุน กองทุนมีกลยุทธ์การบริหารแบบไม่อิงกับ Benchmark เลือกหุ้นแบบ Bottom Up เน้นหุ้นที่มีโอกาสเติบโตสูงในระยะยาว เน้นการซื้อและถือเป็นหลัก ในหุ้นที่ยังมีโอกาสเติบโตสูง FINNOMENA’s View สร้างผลตอบแทนได้ดีในช่วงที่ผ่านมา และมีแนวโน้มเติบโตต่อไปในอนาคต ลงทุนขั้นต่ำ ครั้งแรก: 500 บาท แต่ไม่เกิน 500,000 บาท ครั้งถัดไป: 500 บาท แต่ไม่เกิน 500,000 บาท ค่าธรรมเนียม ค่าธรรมเนียมซื้อ: ไม่เรียกเก็บ ค่าธรรมเนียมขาย: ไม่เรียกเก็บ ค่าใช้จ่ายกองทุนรวม: 1.1342% สัดส่วนหุ้น 5 ดันดับแรก Tesla 7.00% Amazon 6.70% NVIDIA 5.90% ASML 4.80% Illumina 4.80% ที่มา: KFGGRMF Fund Fact Sheet วันที่: 29 เมษายน 2022 ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม ได้ที่ https://www.krungsriasset.com/DataWeb/AYFWeb/th/pdf/FFS_KFGGRMF_TH.pdf?rnd=20211025041949 KUSARMF รายละเอียดกองทุน กองทุนรวมหุ้นสหรัฐอเมริกา เลือกหุ้นแบบ Bottom Up เน้นลงทุนในบริษัทที่มีโอกาสการเติบโตสูง มีมูลค่าที่เหมาะสม งบการเงินและงบกระแสเงินสดดี ได้เปรียบทางการแข่งขันอยู่เสมอ จุดเด่น ลงทุนหุ้นที่มีคุณภาพ มีแบรนด์ที่คนรู้จัก และมีความสามารถในการแข่งขันที่สูงกว่าคู่แข่งอย่างยั่งยืน มุ่งหวังโอกาสเติบโตระยะยาวมากกว่าเหตุการณ์ในระยะสั้น ลงทุนในกองทุน Morgan Stanley US Advantage Fund ลงทุนในหุ้นทีดำเนินธุรกิจในประเทศสหรัฐอเมริกาจริง ๆ ลงทุนขั้นต่ำ ครั้งแรก: 500 บาท ครั้งถัดไป: 500 บาท สัดส่วนหุ้น 5 อันดับแรก Uber 7.15% Snowflake 6.50% ASML 5.81% Royalty Pharma 5.61% Veeva Systems 5.28% ที่มา: KUSARMF Fund Fact Sheet วันที่: 29 เมษายน 2022 ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม ได้ที่ https://www.kasikornasset.com/FundDocument/Fund_Fact_Sheet/KUSARMF.pdf KCHINARMF รายละเอียดกองทุน กองทุนหุ้น All China แบบ Active ที่เน้นลงทุนในหุ้นเติบโตทั้ง Technology และ Healthcare ซึ่งมีโอกาสเติบโตสูง จุดเด่น กองทุนหุ้นจีน All China บริหารแบบ Active ไม่ยึดติดสัดส่วนการลงทุนกับดัชนีอ้างอิง ลงทุนแบบ High Conviction ช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลคอบแทนส่วนเกินให้กับพอร์ตการลงทุน เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มหุ้นเติบโตทั้ง Technology และ Healthcare ซึ่งมีโอกาสเติบโตสูง ลงทุนขั้นต่ำ ครั้งแรก: 500 บาท ครั้งถัดไป: 500 บาท สัดส่วนหุ้น 5 อันดับแรก Tencent 9.60% Meituan 5.90% China Merchants Bank 3.90% JD.com 3.90% NetEase 3.60% ที่มา: KCHINARMF Fund Fact Sheet วันที่: 31 มีนาคม 2022 ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม ได้ที่ https://www.kasikornasset.com/FundDocument/Fund_Fact_Sheet/KCHINARMF.pdf ASP-VIETRMF รายละเอียดกองทุน กองทุนลงทุนในหุ้นเวียดนามผ่านกอง ETF มากกว่า 1 กองทุน และมีการเลือกลงทุนในหุ้นที่น่าสนใจเพื่อเพิ่มผลตอบแทน จุดเด่น มีการลงทุนตรงใน ETF เวียดนามและลงทุนผ่านกองทุนเวียดนามต่างประเทศ ตลาดหุ้นเวียดนามมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องทำให้ประสิทธิภาพของตลาดมีมากขึ้น นักลงทุนรายย่อยในประเทศเปิดบัญชีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมสภาพคล่องของตลาด ลงทุนขั้นต่ำ ครั้งแรก: 5,000 บาท ครั้งถัดไป: 5,000 บาท สัดส่วนสินทรัพย์ 5 อันดับแรก VIETNAM EQUITY (UCITS) FUND-VEF A SHARE 16.28% SSIAM VNFIN LEAD ETF 7.49% VFMVN DIAMOND ETF 6.98% PREMIA MSCI VIETNAM ETF-USD 5.95% JPMORGAN VIETNAM OPPORTUNITIES FUND 4.34% ที่มา: ASP-VIETRMF Fund Fact Sheet วันที่: 30 ธันวาคม 2021 ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม ได้ที่ https://www.assetfund.co.th/home/assetplus/upload_otherdocs/ASP-VIETRMF_fundfactsheet.pdf KFGTECHRMF รายละเอียดกองทุน กองทุนลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลกแบบ Active กระจายการลงทุนในหลากหลายธุรกิจ เพื่อรับโอกาสการเติบโต คู่กับความผันผวนที่เหมาะสม จุดเด่น ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีหลากหลายหมวดหมู่ ทั้งเล็ก กลางและใหญ่ เลือกลงทุนทั้งหุ้นผู้สร้างนวัติกรรม และต่อยอดเทคโนโลยีเหล่านั้นชั้นนำของโลก ผลการดำเนินงานโดดเด่นจากการเลือกหุ้นแบบ Bottom Up ลงทุนขั้นต่ำ ครั้งแรก: 2,000 บาทไม่เกิน 500,000 บาท ครั้งถัดไป: 2,000 บาทไม่เกิน 500,000 บาท สัดส่วนหุ้น 5 อันดับแรก Atlassian 9.50% HubSpot 7.50% Tesla Inc 6.50% MongoDB 5.70% Shopify 5.30% ที่มา: KCHINARMF Fund Fact Sheet วันที่: 29 เมษายน 2022 ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม ได้ที่ https://www.krungsriasset.com/DataWeb/AYFWeb/th/pdf/FFS_KFGTECHRMF_TH.pdf?rnd=20211007060156 โพย RMF (สายสมดุล) อัปเดตข้อมูลรายละเอียดค่าธรรมเนียม ณ วันที่: 7 มิถุนายน 2022 KFGGRMF รายละเอียดกองทุน กองทุนมีกลยุทธ์การบริหารแบบไม่อิงกับ Benchmark เลือกหุ้นแบบ Bottom Up เน้นหุ้นที่มีโอกาสเติบโตสูงในระยะยาว เน้นการซื้อและถือเป็นหลัก ในหุ้นที่ยังมีโอกาสเติบโตสูง FINNOMENA’s View สร้างผลตอบแทนได้ดีในช่วงที่ผ่านมา และมีแนวโน้มเติบโตต่อไปในอนาคต ลงทุนขั้นต่ำ ครั้งแรก: 500 บาท แต่ไม่เกิน 500,000 บาท ครั้งถัดไป: 500 บาท แต่ไม่เกิน 500,000 บาท ค่าธรรมเนียม ค่าธรรมเนียมซื้อ: ไม่เรียกเก็บ ค่าธรรมเนียมขาย: ไม่เรียกเก็บ ค่าใช้จ่ายกองทุนรวม: 1.1342% สัดส่วนหุ้น 5 ดันดับแรก Tesla 7.00% Amazon 6.70% NVIDIA 5.90% ASML 4.80% Illumina 4.80% ที่มา: KFGGRMF Fund Fact Sheet วันที่: 29 เมษายน 2022 ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม ได้ที่ https://www.krungsriasset.com/DataWeb/AYFWeb/th/pdf/FFS_KFGGRMF_TH.pdf?rnd=20211025041949 KUSARMF รายละเอียดกองทุน กองทุนรวมหุ้นสหรัฐอเมริกา เลือกหุ้นแบบ Bottom Up เน้นลงทุนในบริษัทที่มีโอกาสการเติบโตสูง มีมูลค่าที่เหมาะสม งบการเงินและงบกระแสเงินสดดี ได้เปรียบทางการแข่งขันอยู่เสมอ จุดเด่น ลงทุนหุ้นที่มีคุณภาพ มีแบรนด์ที่คนรู้จัก และมีความสามารถในการแข่งขันที่สูงกว่าคู่แข่งอย่างยั่งยืน มุ่งหวังโอกาสเติบโตระยะยาวมากกว่าเหตุการณ์ในระยะสั้น ลงทุนในกองทุน Morgan Stanley US Advantage Fund ลงทุนในหุ้นทีดำเนินธุรกิจในประเทศสหรัฐอเมริกาจริง ๆ ลงทุนขั้นต่ำ ครั้งแรก: 500 บาท ครั้งถัดไป: 500 บาท สัดส่วนหุ้น 5 อันดับแรก Uber 7.15% Snowflake 6.50% ASML 5.81% Royalty Pharma 5.61% Veeva Systems 5.28% ที่มา: KUSARMF Fund Fact Sheet วันที่: 29 เมษายน 2022 ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม ได้ที่ https://www.kasikornasset.com/FundDocument/Fund_Fact_Sheet/KUSARMF.pdf TMBAGLRMF รายละเอียดกองทุน กองทุนรวมหุ้นเอเชีย แบบ Active เน้นลงทุนหุ้นเติบโตมุ่งหวังให้ผลตอบแทนชนะ MSCI AC Asia Ex Japan ในระยะเวลา 3-5 ปี จุดเด่น บริหารการลงทุนแบบเชิงรุกให้ได้ผลตอบแทนมากกว่าดัชนีชี้วัด ลงทุนในหุ้นเกินกว่า 2 ใน 3 ในบริษัทที่ดำเนินงานในประเทศตลาดเกิดใหม่ มุ่งหวังผลตอบแทนในระยะยาว ลงทุนขั้นต่ำ ครั้งแรก: 1 บาท ครั้งถัดไป: 1 บาท สัดส่วนหุ้น 5 อันดับแรก TSMC 9.7% Samsung 7.2% Tencent 4.9% HSBC 4.3% Alibaba 4.0% ที่มา: KUSARMF Fund Fact Sheet วันที่: 29 เมษายน 2022 ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม ได้ที่ https://www.tmbameastspring.com/THDocs/FS/RAG_03.pdf ที่มาสัดส่วนหุ้นกองทุนหลัก: Schroders Fund Factsheet วันที่: 31 มีนาคม 2022 KT-PROPERTY RMF รายละเอียดกองทุน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก บริหารแบบ Active ลงทุนแบบ High Conviction มุ่งหวังให้ได้ผลตอบแทนมากกว่าดัชนีชี้วัด จุดเด่น ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก มีการกระจายความเสี่ยงไปทั่วโลก ลงทุนแบบ High Conviction บนการตัดสินใจที่ดีที่สุด เพื่อสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากการลงทุน บริหารแบบ Active ปรับสัดส่วนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ลงทุนขั้นต่ำ ครั้งแรก: 500 บาท ครั้งถัดไป: 500 บาท สัดส่วนสินทรัพย์ 5 อันดับแรก Prologis 7.6% Sun Communities 4.3% Alexandria Real Estate Equities 4.2% UDR 3.6% Essex Property Trust 3.3% ที่มา: KT-PROPERTY RMF Fund Fact Sheet วันที่: 30 ธันวาคม 2021 ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม ได้ที่ https://www.ktam.co.th/document_fund/fundfactsheet/Factsheet_th_KT-PROPERTY%20RMF.pdf KGARMF รายละเอียดกองทุน กองทุนรวมผสมทั่วโลก มุ่งเน้นหาผลตอบแทนสูงสุดให้กับกองทุน ลงทุนในตราสารหลากหลายประเภททั่วโลก จุดเด่น ลงทุนในหลากหลาย Asset Class ช่วยลดความผันผวนของกอง บริหารกองโดย บลจ. Blackrock ที่เป็น บลจ. ชั้นนำระดับโลก กอง allocation มีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนแต่ละ asset class ตามสถานการณ์หาโอกาสสร้างผลตอบแทนได้มากขึ้น ลงทุนขั้นต่ำ ครั้งแรก: 500 บาท ครั้งถัดไป: 500 บาท สัดส่วนสินทรัพย์ 5 อันดับแรก Microsoft 2.20% Apple 1.86% Alphabet 1.61% Amazon 1.51% UnitedHealth Group 1.13% ที่มา: KGARMF Fund Fact Sheet วันที่: 31 มีนาคม 2022 ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม ได้ที่ https://www.kasikornasset.com/FundDocument/Fund_Fact_Sheet/KGARMF.pdf โพย RMF (สายเซฟ) อัปเดตข้อมูลรายละเอียดค่าธรรมเนียม ณ วันที่: 7 มิถุนายน 2022 UGISRMF รายละเอียดกองทุน กองทุนรวมตราสารหนี้ทั่วโลก ลงทุนแบบเชิงรุก จุดมุ่งหมายสร้างผลตอบแทนเป็นรายได้สม่ำเสมอ จุดเด่น บริหารแบบ Active ปรับสัดส่วนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ผลตอบแทนย้อนหลังเอาชนะดัชนีเปรียบเทียบได้สม่ำเสมอ ภายใต้ความผันผวนที่ต่ำ บริหารโดย PIMCO บลจ.เฉพาะด้านตราสารหนี้ทั่วโลก ลงทุนขั้นต่ำ ครั้งแรก: ไม่กำหนด ครั้งถัดไป: ไม่กำหนด สัดส่วนสินทรัพย์ 5 อันดับแรก FNMA TBA 2.5% MAY 30YR 8.7% FNMA TBA 2.0% DEC 30YR 7.4% FNMA TBA 3.0% NOV 30YR 7.4% FNMA TBA 3.5% NOV 30YR 4.5% BNP PARIBAS ISSUANCE BV SR SEC **ABS** 2.9% ที่มา: UGISRMF Fund Fact Sheet วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2021 ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม ได้ที่ https://www.uobam.co.th/srcm/fund_mapping/mlqhnr9g9/nr/9g/o0x0/UGISRMF_Factsheet_20210228.pdf KFIRMF รายละเอียดกองทุน กองทุนรวมตราสารหนี้ไทยระยะยาวแบบ Active ลงทุนกระจายทั้งในตราสารหนี้ภาครัฐและภาคเอกชน จุดเด่น กองทุนตราสารหนี้ระยะยาวลงทุนในตราสารหนี้อายุเฉลี่ย 3-5 ปี แบบ Active เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างผลตอบแทนเหนือเงินฝากและเงินเฟ้อภายใต้ความผันผวนที่ต่ำ เหมาะแก่การกระจายการลงทุนเพื่อลดความผันผวนให้พอร์ต ลงทุนขั้นต่ำ ครั้งแรก: 500 บาท ครั้งถัดไป: 500 บาท สัดส่วนสินทรัพย์ 5 อันดับแรก พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT BOND) (AAA) 10.01% บมจ. น้ำตาลมิตรผล (MPSC) (AA-) 7.19% บมจ. อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) (A) 6.35% บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) (A-) 6.10% บมจ. เงินติดล้อ (TIDLOR) (A) 5.10% ที่มา: KFIRMF Fund Fact Sheet วันที่: 29 เมษายน 2022 ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม ได้ที่ https://www.kasikornasset.com/FundDocument/Fund_Fact_Sheet/KFIRMF.pdf KT-PROPERTY RMF รายละเอียดกองทุน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก บริหารแบบ Active ลงทุนแบบ High Conviction มุ่งหวังให้ได้ผลตอบแทนมากกว่าดัชนีชี้วัด จุดเด่น ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก มีการกระจายความเสี่ยงไปทั่วโลก ลงทุนแบบ High Conviction บนการตัดสินใจที่ดีที่สุด เพื่อสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากการลงทุน บริหารแบบ Active ปรับสัดส่วนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ลงทุนขั้นต่ำ ครั้งแรก: 500 บาท ครั้งถัดไป: 500 บาท สัดส่วนสินทรัพย์ 5 อันดับแรก Prologis 7.6% Sun Communities 4.3% Alexandria Real Estate Equities 4.2% UDR 3.6% Essex Property Trust 3.3% ที่มา: KT-PROPERTY RMF Fund Fact Sheet วันที่: 30 ธันวาคม 2021 ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม ได้ที่ https://www.ktam.co.th/document_fund/fundfactsheet/Factsheet_th_KT-PROPERTY%20RMF.pdf KFGGRMF รายละเอียดกองทุน กองทุนมีกลยุทธ์การบริหารแบบไม่อิงกับ Benchmark เลือกหุ้นแบบ Bottom Up เน้นหุ้นที่มีโอกาสเติบโตสูงในระยะยาว เน้นการซื้อและถือเป็นหลัก ในหุ้นที่ยังมีโอกาสเติบโตสูง FINNOMENA’s View สร้างผลตอบแทนได้ดีในช่วงที่ผ่านมา และมีแนวโน้มเติบโตต่อไปในอนาคต ลงทุนขั้นต่ำ ครั้งแรก: 500 บาท แต่ไม่เกิน 500,000 บาท ครั้งถัดไป: 500 บาท แต่ไม่เกิน 500,000 บาท ค่าธรรมเนียม ค่าธรรมเนียมซื้อ: ไม่เรียกเก็บ ค่าธรรมเนียมขาย: ไม่เรียกเก็บ ค่าใช้จ่ายกองทุนรวม: 1.1342% สัดส่วนหุ้น 5 ดันดับแรก Moderna 5.60% Amazon 5.40% Illumina 5.00% Tesla 4.60% Kering 4.30% สัดส่วนหุ้น 5 ดันดับแรก Tesla 7.00% Amazon 6.70% NVIDIA 5.90% ASML 4.80% Illumina 4.80% ที่มา: KFGGRMF Fund Fact Sheet วันที่: 29 เมษายน 2022 ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม ได้ที่ https://www.krungsriasset.com/DataWeb/AYFWeb/th/pdf/FFS_KFGGRMF_TH.pdf?rnd=20211025041949 SCBGOLDHRMF รายละเอียดกองทุน กองทุนรวมทองคำ ลงทุนแบบ Passive มุ่งหวังให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับราคาทองคำในตลาดโลก จุดเด่น มีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนมากกว่า 90% ลงทุนในกองทุน SPDR Gold Trust ETF ซึ่งเป็น ETF ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ค่าธรรมเนียมต่ำกว่ากองทุนที่ลงทุนในกองเดียวกัน ลงทุนขั้นต่ำ ครั้งแรก: 1,000 บาท ครั้งถัดไป: 1,000 บาท สัดส่วนสินทรัพย์ 5 อันดับแรก หน่วยลงทุน SPDR GOLD TRUST 97.11% ที่มา: SCBGOLDHRMF Fund Fact Sheet วันที่: 31 ธันวาคม 2021 https://www.scbam.com/medias/fund-doc/summary-prospectus/SCBGOLDHRMF_SUM.pdf นักรบ DIY ห้ามพลาด!! ดูโพยกองทุนประหยัดภาษีแนะนำรายกองสำหรับสายพึ่งพาตนเอง ได้ที่ลิ้งก์ https://www.finnomena.com/z-admin/ssf-rmf-for-diy/ เปิดบัญชีกองทุนประหยัดภาษี SSF RMF กับ FINNOMENA สะดวก รวดเร็ว เปิดออนไลน์ ไม่ต้องส่งเอกสารให้ยุ่งยาก พร้อมเลือกซื้อกองทุนประหยัดภาษีมากกว่า 10 บลจ. คลิก https://finno.me/open-plan แท็ก: ASP-VIETRMF Basic FPA Services KCHINARMF KFGBRANRMF KFGGRMF KFGTECHRMF KFIRMF KGARMF KT-PROPERTY RMF KUSARMF Long Content ONE-UGERMF ONE-UGERMF-A Picture Slide PRINCIPAL iPROPRMF Product Info RMF RMF-Theme SCBGOLDHRMF Tax Saving Fund tax-planner TMBAGLRMF TMBCORMF TMBGINCOMERMF TMBGOLDSRMF UGISRMF UOBGARMF กองทุนประหยัดภาษี แชร์บทความ: ผู้เขียน FINNOMENA FINNOMENA Team เราอยากให้นักลงทุนที่ได้เข้ามาหาความรู้ ได้ปลดล็อค “ศักยภาพ” ในฐานะนักลงทุนให้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวคุณเอง เพราะสุดท้ายแล้วเราเชื่อว่านักลงทุนที่จะประสบความสำเร็จไม่ใช่คนที่ลงทุนตามคำบอกของคนอื่น แต่คือนักลงทุนที่มีความรู้ความสามารถในการลงทุนด้วยตัวเองอย่างแท้จริง
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: อเบอร์ดีนชี้ หุ้นจีนและอินเดีย มีโอกาสโต 4 เท่า ในปี 2050 แต่ต้องระวัง ‘ความท้าทายเฉียบพลัน’ - FINNOMENA อเบอร์ดีนคาด มูลค่าของตลาดหุ้นจีนและอินเดียอาจโต 4 เท่า ภายในปี 2050 เปลี่ยนจากประเทศล้าหลังสู่ ‘ผู้นำโลก’ แต่ตกอยู่ในอันตรายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 1 มิ.ย. 2565 อเบอร์ดีนคาด มูลค่าของตลาดหุ้นจีนและอินเดียอาจโต 4 เท่า ภายในปี 2050 เปลี่ยนจากประเทศล้าหลังสู่ ‘ผู้นำโลก’ แต่ตกอยู่ในอันตรายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในจดหมายครบรอบ 30 ปีของการเปิดสำนักงานแห่งแรกในเอเชีย Stephen Bird ซีอีโอของอเบอร์ดีนได้ยกย่องการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมาว่าทำให้ผู้คนมากกว่า 1 พันล้านคน หลุดพ้นจากความยากจน ตอนนี้ภูมิภาคเอเชียครองส่วนแบ่งของเศรษฐกิจโลกมากกว่าช่วงวิกฤติการเงินปี 2540 ถึง 8 เท่า ขณะที่ตลาดทุนก็มีวิวัฒนาการ โดยเปลี่ยนจากจุดหมายปลายทางสำหรับนักลงทุนต่างชาติ มาเป็นตลาดที่นักลงทุนในประเทศครองตลาด สำหรับนักลงทุน ซีอีโอของอเบอร์ดีนแนะนำให้ใจเย็นในช่วงที่มีความผันผวนโดยจับตาดูเกมระยะยาว เพราะอีก 30 ปีข้างหน้า มันจะดูน่าตื่นเต้นราวกับเป็นครั้งสุดท้าย Stephen Bird คาดการณ์ว่า ในทศวรรษหน้า จีนจะกลายเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 1 และอินเดียจะกลายเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของโลก นั่นจะทำให้ผู้บริโภคในจีนและอินเดียกลายมาเป็นผู้กำหนดรสนิยมและเทรนด์ของโลกมากขึ้น ซึ่งมูลค่าตลาดทุนของจีนและอินเดียอาจโต 4 เท่าหรือมากกว่านั้น ภายในปี 2050 ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียก็มีโอกาสที่น่าตื่นเต้นเช่นกัน Stephen Bird มองว่า บังกลาเทศ อินโดนีเซีย และเวียดนามมีศักยภาพในการเติบโตสูงที่สุดในโลก ขณะที่ประชากรสูงอายุของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้กำลังเก็บออมเงินจำนวนมาก และสิงคโปร์จะเป็นหัวใจของทุกสิ่งในฐานะศูนย์กลางทางการเงินระดับโลกที่เปิดกว้างที่สุดในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม อเบอร์ดีนมองว่า การเติบโตไม่น่าเป็นไปแบบคงที่ เพราะโลกาภิวัตน์ที่ขับเคลื่อนการเติบโตของเอเชียตกอยู่ในอันตรายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และจะนำไปสู่ ‘ความท้าทายแบบเฉียบพลัน’ Stephen Bird กล่าวว่า ช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา การเติบโตในเอเชียมีส่วนสำคัญในการเพิ่มคาร์บอนทั่วโลก เห็นได้ชัดเจนจากทั้งมลพิษทางอากาศและการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ภูมิภาคเอเชียไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้โดยลำพัง Stephen Bird แนะนำให้ประเทศเศรษฐกิจหลักหาวิธีแยกการเติบโตทางเศรษฐกิจออกจากเชื้อเพลิงฟอสซิล และนำเป้าหมาย ‘คาร์บอนเป็นศูนย์’ มาใช้ อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/05/31/indian-and-chinese-stock-markets-could-grow-fourfold-by-2050-abrdn-ceo-says.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update จีน ตลาดหุ้นจีน ตลาดหุ้นอินเดีย หุ้นจีน หุ้นอินเดีย อินเดีย แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: การสูญเสียในหุ้นจีนใกล้จบแล้ว? เฮดจ์ฟันด์จีนมีมุมมองบวกมากขึ้น เพิ่มสัดส่วนจาก 0% เป็น 65% - FINNOMENA เฮดจ์ฟันด์ชื่อดังในจีน มองการสูญเสียในตลาดหุ้นจีนใกล้จบแล้ว แต่อาจยังมีความผันผวนอยู่บ้าง 31 พ.ค. 2565 เฮดจ์ฟันด์ชื่อดังในจีน มองการสูญเสียในตลาดหุ้นจีนใกล้จบแล้ว แต่อาจยังมีความผันผวนอยู่บ้าง Shanghai Banxia Investment Management Center เฮดจ์ฟันด์ผลการดำเนินงานดีที่สุดในจีนที่จัดการสินทรัพย์มากกว่า 5 พันล้านหยวน ‘มีมุมมองบวกมากขึ้นต่อหุ้นจีน’ และได้เพิ่มสถานะ ‘ซื้อ’ ในหุ้นจีนมากถึง 65% ในช่วงต้นเดือน พ.ค. หลังลดสัดส่วนในหุ้นจีนเหลือ 0% เมื่อเดือน เม.ย. ซึ่ง Valuation แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ Li Bei ผู้ก่อตั้ง Shanghai Banxia Investment Management Center กล่าวว่า บริษัทรู้สึกมั่นใจว่าราคาจะพุ่งสูงขึ้น โดยการปรับขึ้นมาล่าสุดในเดือน พ.ค. ได้หักล้างการสูญเสียของ Banxia ก่อนหน้านี้ไปแล้ว “เราไม่ได้อยู่ในตลาดกระทิง แต่ก็ไม่ได้อยู่ในตลาดหมีเช่นกัน แต่หุ้นอาจจะผันผวนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า” Li Bei กล่าว ในปี 2020 กองทุนของ Li Bei ครองอันดับสูงสุดในจีนด้วยผลตอบแทน +258% ขณะที่กองทุน Banxia Macro Fund ที่พุ่งขึ้น 60% ในปีที่แล้ว ขาดทุนประมาณ 7% ในไตรมาสแรกของปีนี้ เมื่อเดือน เม.ย. Li Bei ยังมองว่า สำหรับผู้จัดการกองทุนแล้ว ปีนี้อาจเลวร้ายมากกว่าปี 2008 ด้วยซ้ำ มุมมองของผู้จัดการกองทุนชื่อดังที่เปลี่ยนไปกำลังสะท้อนว่า ความเชื่อมั่นในจีนเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หลังทางการเริ่มผ่อนคลายการควบคุมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซา โดยล่าสุด เซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการระบาดของโควิดได้ออกมาตรการรองรับการกลับสู่ภาวะปกติแล้ว Li กล่าวใน WeChat เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ว่า มุมมองบวกเพิ่มขึ้นพิจารณาจากแรงเทขายที่เริ่มลดลง, Valuation ในระดับต่ำ และสัญญาณเชิงบวกที่เพิ่มขึ้นจากทั้งสภาพคล่องที่ดีขึ้น และแนวโน้มการส่งออกของจีนที่แข็งแกร่งขึ้น ความเห็นของ Li เกิดขึ้นหลัง CSI 500 ดัชนีที่กองทุนเฮดจ์ฟันด์ในจีนใช้เป็นมาตรฐาน ร่วงลงมา 24% ในช่วง 4 เดือนแรกของปี จนอยู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ก่อนจะเพิ่มขึ้น 14% ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Li กล่าวเตือนนักลงทุนต่างชาติที่อาจทิ้งการถือครองในหุ้นจีนที่ส่วนใหญ่มักอยู่ในดัชนี CSI 300 จากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ เงินหยวนอ่อนค่า และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารและผู้บริโภคที่ต้องเผชิญกับส่วนต่างดอกเบี้ย และ ความต้องการของผู้บริโภคที่ลดลงจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update ตลาดหุ้นจีน หุ้นจีน เฮดจ์ฟันด์ แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: จับตาราคารถยนต์ไฟฟ้า Tesla ในไทย Tesla Model Y มีโอกาสถูกลง 7-8 แสนบาท เหลือราคาเพียงคันละ 2 ล้านกว่าบาท หลังตั้งบริษัทลูก ใช้ช่อง FTA ยกเว้นภาษีนำเข้า - FINNOMENA วงการรถยนต์ไฟฟ้าไทยคึกคัก หลัง Tesla ตั้งบริษัทลูกในไทยภายใต้ชื่อ “บริษัท เทสลา (ประเทศไทย) จำกัด” มาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างหลัง Tesla บุกไทย? 30 พ.ค. 2565 วงการรถยนต์ไฟฟ้าไทยคึกคัก หลัง Tesla ตั้งบริษัทลูกในไทยภายใต้ชื่อ “บริษัท เทสลา (ประเทศไทย) จำกัด” มาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างหลัง Tesla บุกไทย? 🚗 ราคาอาจถูกถึง 7-8 แสนบาท จากรายงานของสำนักข่าวประชาชาติธุรกิจระบุว่า ต่อให้ Tesla จะไม่ตั้งโรงงานในประเทศไทย ยังไงราคาก็ถูกลงกว่าเดิมอย่างแน่นอน เพราะปกติแล้วรถจะถูกนำเข้ามาจากอังกฤษหรือฮ่องกงที่ใช้พวงมาลัยแบบขวา และเสียภาษีนำเข้า 80% แต่การเข้ามาทำตลาดเองของ Tesla โดยเลือกนำเข้ามาจากจีนหรืออินโดนีเซีย จะถูกยกเว้นภาษี 0% ตามข้อตกลง FTA เขตการค้าเสรีอาเซียน นั่นหมายความว่าราคา Tesla Model Y ที่เคยขายกันอยู่ที่ 3 ล้านกว่าบาท อาจถูกลง 7-8 แสนบาท เหลือราคาเพียงคันละ 2 ล้านกว่าบาทเท่านั้น 🚗 ธุรกิจนำเข้าแห่ขอเป็นตัวแทนจำหน่าย นอกจากนี้ เหล่าผู้ประกอบธุรกิจรถนำเข้าพยายามทาบทามเป็นตัวแทนจำหน่ายรถ Tesla เพราะมั่นใจในแบรนด์และต้องการตอบโจทย์เทรนด์ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า มีหลายบริษัทพร้อมเสนอเป็นตัวแทนจำหน่าย และการเข้ามาของ Tesla จะเป็นอีกตัวเร่งให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตได้อย่างรวดเร็วเหมือนประเทศอื่น 🚗 แบรนด์จากจีนและญี่ปุ่นมีหวั่น แน่นอนว่าราคาที่มีโอกาสถูกลงจะส่งผลกระทบต่อแบรนด์จากจีนและญี่ปุ่น โดยเฉพาะรถยนต์ที่ยังใช้น้ำมันแบบ 100% ที่ต้องเจอทั้งกระแสรถยนต์ไฟฟ้า และนโยบายภาษีสรรพสามิตชุดใหม่ที่เตรียมเพิ่มอัตราภาษีในกลุ่มรถสันดาป 🚗 สรรพสามิตเจอแรงกดดัน ก่อนหน้านี้สรรพสามิตประกาศร่างใหม่ โดยเตรียมลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจาก 8% เหลือ 2% แต่โครงสร้างภาษีใหม่ยังไม่อนุมัติ จนทำใ้ห้ ค่ายรถจีน 2 ค่ายทั้ง GWM และ MG ต้องหยุดรับจอง เพราะไม่สามารถส่งมอบรถยนต์ให้กับลูกค้าได้ แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ส่วนสำหรับปัญหาที่ไม่สามารถส่งมอบรถ กรมรับทราบปัญหาดังกล่าวและพยายามติดตามเรื่องนี้ให้อยู่ ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update Tesla แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: หุ้นสหรัฐฯ ใกล้ถึงจุดต่ำสุดหรือยัง? สัญญาณปรับฐานเดือน พ.ค. หลังร่วงแรง 13 - 22 % นักวิเคราะห์เตือน ระวังสัญญาณหลอก - FINNOMENA การปรับฐานขึ้นมาในเดือน พ.ค. หลังร่วงแรง 20 - 30% ตั้งแต่ต้นปี 2022 ทำให้เกิดคำถามว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ใกล้ถึงจุดต่ำสุดหรือยัง? 30 พ.ค. 2565 การปรับฐานขึ้นมาในเดือน พ.ค. หลังร่วงแรง 20 – 30% ตั้งแต่ต้นปี 2022 ทำให้เกิดคำถามว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ใกล้ถึงจุดต่ำสุดหรือยัง? ตั้งแต่ต้นปี 2022 ดัชนี S&P 500 ลดลงมาแล้ว 13% ท่ามกลางความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจเกิดภาวะถดถอย หลัง Fed ใช้นโยบายการเงินเข้มงวดครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2000 เพื่อจัดการกับเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นส่งผลกระทบโดยตรงต่อหุ้นเทคโนโลยีและหุ้นเติบโต เห็นได้จากดัชนี Nasdaq 100 ที่ร่วงแล้ว 22% ในปีนี้ แรงเทขายได้ขัดขวางขาขึ้นของตลาดหุ้นยุคโควิดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เริ่มมีสัญญาณบวกมากขึ้นในเดือน พ.ค. จากทั้งท่าทีที่ผ่อนคลายมากขึ้นของ Fed, การฟื้นตัวของผู้บริโภคชาวอเมริกัน และแนวโน้มกำไรที่สดใสของบริษัท เกิดความหวังในหมู่นักลงทุนจนทำให้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (27 พ.ค.) ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นมาเกือบ 2.5% หลุดสัปดาห์ที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ 2001 ก่อนหน้านี้ Nasdaq 100 ดิ่งเกือบ 30% จากจุดสูงสุดในเดือน พ.ย. ถือเป็นการร่วงแรงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การร่วงแรง 50% สมัยวิกฤติการเงินโลกปี 2008 เช่นเดียวกับ S&P 500 วันศุกร์ที่แล้ว (27 พ.ค.) ดัชนี Nasdaq 100 ปรับตัวขึ้นมา 3.3% นักลงทุนไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้มาตั้งแต่ปี 2008 ข้อมูลจาก Strategas Securities รายงานว่า การซื้อขายของดัชนี S&P 500 ในปี 2022 นั้น ดัชนีมีการเคลื่อนไหวบวกหรือลบอย่างน้อย 1% คิดเป็น 89% ของจำนวนวันทำการตั้งแต่ต้นปี หุ้นกลุ่ม ‘พลังงาน’ เคลื่อนไหวสวนทางตลาด หลังราคาน้ำมันปรับขึ้นเพราะได้รับแรงหนุนจากสงครามยูเครน และกลายเป็นกลุ่มหุ้นที่มีผลงานโดดเด่นที่สุด โดยเพิ่มขึ้นมาแล้ว 58% ในปีนี้ สำหรับคำถามที่ว่าใกล้ถึงจุดต่ำสุดหรือยัง นักวิเคราะห์มองว่าอาจมีสัญญาณหลอกอีกหลายครั้งก่อนที่หุ้นจะแตะระดับต่ำสุดเป็นครั้งสุดท้าย แต่ตอนนี้ Valuation ที่ถูกลงได้เริ่มดึงดูดนักลงทุนกลับมา สถิข้อมูลตั้งแต่ปี 1932 ของ LPL Financial ระบุว่า ใน 5 ครั้งล่าสุดที่ S&P 500 ร่วงแรงในช่วงต้นปี ดัชนีจะปรับขึ้นมาเฉลี่ย 19.1% ในช่วง 7 เดือนต่อมา อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-05-29/wild-five-months-leaves-wall-street-split-on-when-selloff-ends?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update ตลาดหุ้นสหรัฐฯ หุ้นสหรัฐ แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: KBANK ทุ่มงบ 7,550 ล้านบาท ซื้อหุ้นธนาคาร "แมสเปี้ยน" อินโดนีเซีย ไม่น้อยกว่า 67.5% ขยายตลาด AEC - FINNOMENA KBANK แจ้งตลท.ว่า เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2565 KVF ซึ่งเป็นบริษัทย่อยได้เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นแบบมีเงื่อนไข เพื่อเข้าถือหุ้นรายใหญ่ในธนาคารแมสเปี้ยนในวงเงินลงทุนไม่เกิน 220 ล้านเหรียญสหรัฐ 30 พ.ค. 2565 ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2565 บริษัท กสิกรวิชั่น ไฟแนนเชียล จำกัด (KVF) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยได้เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นแบบมีเงื่อนไข เพื่อเข้าถือหุ้นรายใหญ่ในธนาคารแมสเปี้ยน (PT Bank Maspion Indonesia Tbk) ในวงเงินลงทุนไม่เกิน 220 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7,556 ล้านบาท หลังธุรกรรมดังกล่าว ธนาคาร และ KVF จะเข้าถือหุ้นรวมกันในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 67.5% โดยการซื้อขายหุ้นจะแล้วเสร็จหลังได้รับอนุมัติจากหน่วยงานทางการที่เกี่ยวข้อง คาดแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2565 ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2563 บริษัท กสิกร วิชั่น ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นธนาคารแมสเปี้ยน (PT Bank Maspion Indonesia Tbk) ประเทศอินโดนีเซีย มีสัดส่วนการถือหุ้น 40% ซึ่งสูงสุดตามที่สำนักงานกำกับดูแลธุรกิจการเงินของอินโดนีเซีย (Otoritas Jasa Keuangan หรือ OJK) อนุญาตให้ถือครองหุ้นธนาคารในอินโดนีเซียโดยผู้ถือหุ้นที่เป็นธนาคารพาณิชย์ ทั้งนี้เป็นการเพิ่มสัดส่วนจากเดิมที่ธนาคารกสิกรไทยมีอยู่ 9.99% ตั้งแต่ปี 2560 ทั้งนี้ บริษัท กสิกร วิชั่นระบุว่า การเพิ่มสัดส่วนถือหุ้นใน ธนาคารแมสเปี้ยน ถือเป็นทางเลือกของการเข้าไปลงทุนที่คุ้มค่า ต่างจากการที่ต้องเข้าไปลงทุนเองใหม่ทั้งหมด ธนาคารแมสเปี้ยนเป็นธนาคารขนาดเล็ก มีเครือข่ายสาขาครอบคลุมครบทุกเมืองสำคัญ และเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่แข็งแกร่งสามารถต่อยอดความสัมพันธ์ทางธุรกิจหลากหลายในทุกกลุ่มลูกค้า รวมทั้งผู้บริหารธนาคารมีวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของธนาคารกสิกรไทย นอกจากนี้ ตั้งแต่ธนาคารกสิกรไทยได้เข้าไปศึกษาและร่วมทำงานกับทีมงานของธนาคารแมสเปี้ยนเป็นเวลากว่า 2 ปี ทำให้เราเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจที่มากมายในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่ยังเติบโตและมีอนาคตสดใสในอาเซียน สามารถใช้ความเชี่ยวชาญทางผลิตภัณฑ์และบริการของธนาคาร รวมถึงการใช้รูปแบบทำธุรกิจที่เป็น Asset-Light และการลงทุนพัฒนาดิจิทัล แบงกิ้ง ตามแนวโน้มพฤติกรรมของลูกค้าในอินโดนีเซียที่จะทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ จึงเป็นการผนึกกำลังร่วมกันครั้งสำคัญ เพื่อนำจุดแข็งของสองธนาคารไปต่อยอดพัฒนาบริการในประเทศอินโดนีเซีย โดยจะใช้กลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการตามกลุ่มลูกค้ากลุ่มต่างๆ ที่มา: SET และ กรุงเทพธุรกิจ ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: KBank News Update แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: เศรษฐีทะเลาะกัน! ‘อีลอน มัสก์’ แฉ ‘บิล เกตส์’ ชอร์ตหุ้น Tesla มูลค่า 1.5 - 2 พันล้านดอลลาร์ ‘ไมเคิล เบอร์รี’ ออกโรงป้องนักลงทุนสายชอร์ต - FINNOMENA อีลอน มัสก์ แฉผ่านทวิตเตอร์ว่า ‘บิล เกตส์’ มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง Microsoft ได้ทำการชอร์ตหุ้น Tesla เกือบ 2,000 ล้านดอลลาร์ ด้าน ‘ไมเคิล เบอร์รี’ ออกโรงป้องนักลงทุนสายชอร์ต 30 พ.ค. 2565 อีลอน มัสก์ แฉผ่านทวิตเตอร์ว่า ‘บิล เกตส์’ มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง Microsoft ได้ทำการชอร์ตหุ้น Tesla เกือบ 2,000 ล้านดอลลาร์ ด้าน ‘ไมเคิล เบอร์รี’ ออกโรงป้องนักลงทุนสายชอร์ต อีลอน มัสก์ ทวีตข้อความว่า บิล เกตส์ ได้ทำการชอร์ตหุ้น Tesla รวมมูลค่าประมาณ 1,500-2,000 ล้านดอลลาร์ โดยเพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่าตัว จากก่อนหน้านี้ที่มีสถานะชอร์ตอยู่ 500 ล้านดอลลาร์ ก่อนหน้านี้ที่ CNBC เคยถามบิล เกตส์ เมื่อปีที่แล้วเกี่ยวกับการชอร์ตหุ้น Tesla เขากล่าวว่า ไม่ต้องการพูดถึงเรื่องการลงทุนของตนเอง ที่มาของทวีตดังกล่าวมาจากโพลสำรวจของมัสก์ที่ถามว่า ‘ระหว่างนักการเมืองและมหาเศรษฐี คุณเชื่อใจใครน้อยกว่ากัน’ โดยมากกว่า 75% ของผู้ตอบบอกว่า พวกเขาเชื่อใจนักการเมืองน้อยกว่า อีลอน มัสก์ ได้ตอบกลับหนึ่งในผู้ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า “ผมเชื่อคุณแต่ไม่เชื่อใจเกตส์ เพราะเขามีสถานะชอร์ตหุ้นอยู่ Tesla หลายพันล้านดอลลาร์ ทั้งที่อ้างว่าต้องการช่วยปัญหาภาวะโลกร้อน ดังนั้นผมเลยมีปัญหาเรื่องความไว้วางใจกับเขาเหมือนกัน” ท่ามกลางความวุ่นวาย ‘ไมเคิล เบอร์รี’ นักลงทุนขาชอร์ตชื่อดังออกมาปกป้อง เหล่านักลงทุนที่ชอร์ตหุ้น Tesla พร้อมระบุถึงสถานภาพที่อ่อนไหวของมัสก์ในการระดมทุนซื้อกิจการ Twitter โดยใช้สัดส่วนการถือหุ้นของ Tesla เบอร์รีทวีตข้อความก่อนจะลบออกไปภายหลังว่า นักลงทุนที่ชอร์ตหุ้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับความสำเร็จหรือความล้มเหลวของธุรกิจ แต่ถ้าเขาต้องการใช้การถือหุ้นส่วนใหญ่มารองรับสินเชื่อส่วนบุคคล เขาก็คงเกลียดนักลงทุนที่ชอร์ตหุ้นเช่นกัน จากการคำนวณของ Bloomberg ถ้าราคาหุ้น Tesla ลงไปต่ำกว่า $740 มัสก์อาจไม่มีเงินเพียงพอสำหรับการซื้อ Twitter โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (28 พ.ค.) หุ้น Tesla ปรับขึ้นมา 7.33% อยู่ที่ $759 อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-05-28/musk-says-gates-has-multi-billion-dollar-tesla-short-position?sref=e4t2werz https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-04-27/michael-burry-takes-dig-at-musk-as-short-seller-battle-heats-up?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Bill Gates Elon Musk News Update Tesla แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: น้ำมันขึ้นไม่หยุด! EU แบนน้ำมันรัสเซีย หยุดนำเข้า 90% สิ้นปีนี้ ดันราคาพุ่งทะลุ $120 - FINNOMENA ราคาน้ำมันพุ่งต่อเนื่อง หลัง EU ได้ข้อตกลงร่วมกัน โดยจะหยุดนำเข้าน้ำมัน 90% จากรัสเซียภายในสิ้นปีนี้ แม้ก่อนหน้านี้จะมีหลายชาติคัดค้าน 31 พ.ค. 2565 ราคาน้ำมันพุ่งต่อเนื่อง หลัง EU ได้ข้อตกลงร่วมกัน โดยจะหยุดนำเข้าน้ำมัน 90% จากรัสเซียภายในสิ้นปีนี้ แม้ก่อนหน้านี้จะมีหลายชาติคัดค้าน เช้านี้ (31 พ.ค.) ราคาฟิวเจอร์สน้ำมันดิบสหรัฐฯ พุ่งขึ้นมากกว่า 2% อยู่ที่ $117.74 ขณะที่ราคาฟิวเจอร์สน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้น 0.62% อยู่ที่ $122.43 ก่อนหน้านี้การเจรจาส่อแววไม่สำเร็จ เพราะ ‘ฮังการี’ ผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่และพันธมิตรของปูติน รวมถึงหลายชาติคัดค้านอย่างหนัก ฮังการีส่งสัญญาณสนับสนุนข้อเสนอของคณะกรรมาธิการยุโรปแค่บางส่วน อย่างการแบนน้ำมันรัสเซียเฉพาะที่นำเข้าโดยเรือบรรทุกน้ำมันเพื่อให้รัสเซียไม่มีทางออกสู่ทะเล เพื่อให้ทั้งฮังการี สโลวาเกีย และสาธารณรัฐเช็ก ยังคงสามารถนำเข้าน้ำมันรัสเซียผ่านทางท่อส่งจนกว่าจะหาทางเลือกอื่นได้ บรรดาผู้นำถูกคาดหวังว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ทันการประชุมในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เพื่อแสดงถึงความสามัคคีในการตอบโต้การกระทำของรัสเซีย เพราะความล้มเหลวในการตกลงใดๆ ของ EU น่าจะแสดงถึงชัยชนะของปูติน สหภาพยุโรปนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียคิดเป็น 36% ของการนำเข้าทั้งหมด โดยรัสเซียเป็นทั้ง ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก รองจากสหรัฐฯ และซาอุดีอาระเบีย เป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก รวมถึงผู้ผลิตและส่งออกก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ การเจรจากำหนดมาตรการแบนน้ำมันจากรัสเซียเริ่มมาตั้งแต่ต้นเดือน ก่อนหน้านี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ จนล่าสุดชาติยุโรปตกลงร่วมกันในการแบนนำเข้าน้ำมัน 90% จากรัสเซียภายในสิ้นปีนี้ ช่วงต้นเดือน (4 พ.ค.) Ursula von der Leyen ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปเคยกล่าวว่า การแบนน้ำมันจากรัสเซียไม่ง่าย เพราะบางประเทศสมาชิกพึ่งพาน้ำมันรัสเซียในปริมาณมาก แต่เราต้องทำมันให้ได้ รายได้จากน้ำมันเป็นส่วนสำคัญในการทำสงครามของรัสเซีย โดยการวิเคราะห์จากกลุ่มรณรงค์คมนาคมขนส่งและสิ่งแวดล้อมระบุว่า ในทุกวัน เงินสนับสนุนกำลังทหารของรัสเซียมาจากรายได้น้ำมันถึง 285 ล้านดอลลาร์ อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/05/30/eu-to-discuss-watered-down-oil-embargo-on-russia-as-hungary-holds-firm.html https://www.cnbc.com/2022/05/31/oil-prices-eu-russian-crude.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: หุ้น Alibaba พุ่งแรงกว่า 12% หลังรายได้โตดีกว่าคาด เพิ่มขึ้น 9% ความเชื่อมั่นในจีนฟื้น - FINNOMENA หุ้น Alibaba พุ่งแรงกว่า 12% หลังรายได้บริษัทโตดีกว่าคาด +9% ขณะที่จำนวนผู้ใช้งานในจีนเกิน 1 พันล้านคนแล้ว บรรเทาความกังวลของนักลงทุนจากการล็อกดาวน์และปัญหาด้านกฎระเบียบ 27 พ.ค. 2565 หุ้น Alibaba พุ่งแรงกว่า 12% หลังรายได้บริษัทโตดีกว่าคาด +9% ขณะที่จำนวนผู้ใช้งานในจีนเกิน 1 พันล้านคนแล้ว บรรเทาความกังวลของนักลงทุนจากการล็อกดาวน์และปัญหาด้านกฎระเบียบ วันนี้ (27 พ.ค.) ดัชนี Hang Seng Tech ของฮ่องกงเพิ่มขึ้นมากถึง 4.9% สู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ นำโดย Alibaba และ Baidu ที่ประกาศงบออกมาดีกว่าคาด ส่งสัญญาณบวกว่ายักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีค้นพบวิธีลุยผ่านข้อจำกัดที่เข้มงวดของนโยบายภาครัฐแล้ว Alibaba รายงานรายได้ไตรมาสเดือน มี.ค. อยู่ที่ 30,300 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 9% จากปีที่แล้ว แต่ยังคงขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 2,800 ล้านดอลลาร์ โดยการขาดทุนมาจากการลงทุนบริษัทต่างๆ ที่ราคาหุ้นปรับลงมาอย่างมาก แต่หากเป็นบัญชี Non-GAAP จะมีกำไรอยู่ที่ 3,123 ล้านดอลลาร์ ➢ รายได้จากธุรกิจ e-commerce: 22,137 ล้านดอลลาร์ (+8%) ➢ รายได้จากบริการต่างๆ ในท้องถิ่น: 1,647 ล้านดอลลาร์ (+29%) ➢ รายได้จากธุรกิจ Cloud: 2,993 ล้านดอลลาร์ (+12%) สำหรับธุรกิจ e-commerce ในต่างประเทศ มีจำนวนคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น 7% จาก Lazada และ Trendyol แต่มีคำสั่งซื้อลดลงใน AliExpress ขณะที่จำนวนลูกค้าที่ใช้งานเป็นประจำในจีนเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านคน Daniel Zhang ซีอีโอของบริษัทกล่าวว่า บริษัทเตรียมขยายธุรกิจด้วยการพัฒนาคุณภาพ การควบคุมต้นทุน รวมถึงขยายโครงสร้างพื้นฐานในระบบคลาวด์และดิจิทัลสำหรับลูกค้าต่อไป แต่ยังคงกังวลในผลกระทบที่คาดเดาไม่ได้ของนโยบายโควิดเป็นศูนย์ที่ส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชนและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ส่งผลให้ราคาหุ้น Alibaba ในตลาดหุ้นฮ่องกงพุ่งแรงกว่า 12% ขณะที่หุ้น SoftBank Group ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ Alibaba เพิ่มขึ้น 4.5% ในตลาดหุ้นญี่ปุ่น Alibaba เป็นเครื่องมือสำคัญในการวัดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชาวจีน เพราะบริษัทครองส่วนแบ่งตลาดค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ตอนนี้ Alibaba เผชิญกับทั้งการแข่งขันและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในประเทศของตัวเอง Zhang กล่าวว่า Alibaba จะมีบทบาทในการช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัว โดยในปีงบประมาณใหม่ บริษัทจะเน้นไปที่การควบคุมต้นทุน และปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-05-27/china-tech-shares-surge-as-sales-beats-boost-sentiment?srnd=premium-asia&sref=e4t2werz https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-05-26/alibaba-revenue-beats-after-consumption-held-up-during-lockdowns?sref=e4t2werz https://www.blognone.com/node/128690 ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Alibaba News Update หุ้นจีน หุ้นเทคโนโลยีจีน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: Hang Seng ดีดแรง 3% หลังหุ้นเทคจีนประกาศงบดีกว่าที่คาด - FINNOMENA ดัชนี Hang Seng บวกกว่า 3% นำโดยสองหุ้นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน ประกาศผลการดำเนินงานออกมาดีกว่าที่คาด 27 พ.ค. 2565 ดัชนี Hang Seng บวกกว่า 3% นำโดยสองหุ้นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน ประกาศผลการดำเนินงานออกมาดีกว่าที่คาด หุ้น Alibaba ปรับตัวขึ้น 12.7% ประกาศรายได้อยู่ที่ 2.04 แสนล้านหยวน สูงกว่าคาดที่ 1.99 แสนล้านหยวน และหุ้น Baidu ปรับตัวขึ้น 14.1% มีรายได้อยู่ที่ 2.84 หมื่นล้านหยวน มากกว่าคาดที่ 2.79 หมื่นล้านหยวน นำโดยธุรกิจ AI Cloud ที่เติบโต 45% แม้ว่าจะอยู่ในช่วงของการ Lock Down ก็ตาม ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความกังวลลงเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ จากการที่จีนใช้นโยบาย Covid Zero FINNOMENA Investment Team มองว่าระยะสั้นตลาดหุ้นจีนยังต้องติดตามสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ที่อาจทำให้ทางการจีนกลับมาใช้นโยบายควบคุมอย่างเข้มงวดอีกครั้ง รวมถึงติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และติดตามข่าวการควบคุมบริษัทเทคโลยีของจีนที่เริ่มมีแนวโน้มเริ่มจะผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งด้วยระดับ Valuation และการเติบโตของ EPS ยังมีความน่าสนใจสะสม เมื่อมาตรการ COVID Zero คลี่คลาย ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นฮ่องกง แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: บุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีนไม่ง่าย แบรนด์ระดับโลกไม่ตอบโจทย์ชาวจีน รถต้องใช้ง่ายเหมือนสมาร์ทโฟน - FINNOMENA การบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีนอาจไม่ง่ายอย่างที่คิดถ้าไม่ตอบโจทย์ผู้บริโภค แม้จะเป็นบริษัทระดับโลกก็ตาม 26 พ.ค. 2565 การบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีนอาจไม่ง่ายอย่างที่คิดถ้าไม่ตอบโจทย์ผู้บริโภค แม้จะเป็นบริษัทระดับโลกก็ตาม ผู้ผลิตรถยนต์เจ้าใหญ่อย่าง General Motors และ Volkswagen เร่งขยายตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีนที่กำลังเฟื่องฟู แต่ยังคงตามหลังแบรนด์ในประเทศ เหตุผลสำคัญที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์จีนครองใจผู้บริโภคได้มากกว่าคือ เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต Tianna Cheng พนักงานออฟฟิศในกรุงปักกิ่งที่เลือกซื้อรถ Crossover ไฟฟ้าจากแบรนด์ Xpeng บอกว่าตอนนั้นเธอลังเลระหว่าง BYD, Nio และ Xpeng โดยไม่ได้พิจารณาแบรนด์จากต่างประเทศเลย ถ้า Cheng ต้องเลือกรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน เธออาจจะพิจารณาแบรนด์ต่างประเทศ แต่เธอต้องการรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งนอกจาก Tesla ก็มีแบรนด์ต่างประเทศเพียงไม่กี่แบรนด์ที่ใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะขั้นสูงอย่างเหมาะสม Cheng ยังบอกอีกว่าไม่ว่าจะเป็น Velite 7 หรือ ID ของ Volkswagen ก็ไม่สามารถให้ในสิ่งที่เธอหาได้ นั่นคือ “ความสบายและความง่ายเหมือนกับการใช้สมาร์ทโฟน” รถยนต์ไฟฟ้าของจีนสามารถเชื่อมต่อกับแอป Alipay และ Taobao และสามารถทำได้ทุกอย่าง ตั้งแต่เปิดหน้าต่างไปจนถึงเปิดเพลง และซอฟต์แวร์ของเครื่องสามารถอัปเดตบนตัวเครื่องโดยไม่ต้องผ่านอุปกรณ์ใด (OTA) จากความต้องการของผู้บริโภคอย่าง Cheng ทำให้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของจีนพุ่งสูงขึ้น โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2022 จำนวนรถยนต์ไฟฟ้าทั้งแบบแบตเตอรี่และไฮบริด เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปีก่อนหน้าสู่ 1.49 ล้านคัน ตอนนี้รถยนต์พลังงานสะอาดคิดเป็น 23% ของตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในจีน ยอดขายรถยนต์โดยรวมที่ลดลง 12% สะท้อนว่า ความต้องการรถยนต์เบนซินลดลงอย่างมาก ข้อมูลจากสมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลแห่งประเทศจีน ระบุว่า นอกจาก Tesla แล้ว ก็ไม่มีแบรนด์ต่างประเทศที่ติด 10 อันดับกลุ่มยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ของจีน โดยในปีนี้ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 ในจีนอย่าง BYD มียอดขายในจีนประมาณ 390,000 คัน มากกว่า Tesla 3 เท่า ก่อนหน้านี้แบรนด์ระดับโลกเป็นผู้นำในจีนมาตั้งแต่ทศวรรษ 1990 และครองส่วนแบ่งในตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลโดยรวมที่ 60-70% อย่างไรก็ตาม Makoto Uchida ซีอีโอของนิสสัน เตือนว่า อาจได้เห็นบางแบรนด์หายไปเลยจากจีนภายใน 3-5 ปี Makoto Uchida กล่าวว่า แบรนด์จีนแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก เห็นได้จากคุณภาพของรถยนต์ไฟฟ้าที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงมากมายในจีน ดังนั้น ต้องจับตาดูสถานการณ์อย่างรอบคอบ เพราะถ้าเราช้า เราอาจถูกทิ้งไว้ข้างหลัง อ้างอิง: https://www.reuters.com/business/autos-transportation/global-automakers-face-electric-shock-china-2022-05-25/ ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: BYD News Update Nio Xpeng รถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้าจีน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: มหาเศรษฐีอายุน้อยสุดในโลก ‘Alexandr Wang’ ซีอีโอ Scale AI ในวัย 25 ปี ลาออกจาก MIT ตอน 17 รวย 34,000 ล้านบาท - FINNOMENA รู้จัก ‘Alexandr Wang’ มหาเศรษฐีพันล้านที่มีอายุน้อยที่สุดในโลกวัย 25 ปี ที่ลาออกจาก MIT ตอนอายุ 17 ปี เพื่อมาตั้งบริษัท Scale AI ช่วยโลกปลดล็อกศักยภาพข้อมูล 26 พ.ค. 2565 รู้จัก ‘Alexandr Wang’ มหาเศรษฐีพันล้านที่มีอายุน้อยที่สุดในโลกวัย 25 ปี ที่ลาออกจาก MIT ตอนอายุ 17 ปี เพื่อมาตั้งบริษัท Scale AI ช่วยโลกปลดล็อกศักยภาพข้อมูล Wang เติบโตภายใต้เงามืดของโครงการอาวุธนิวเคลียร์สหรัฐฯ พ่อแม่ของเขาเป็นนักฟิสิกส์ที่ Los Alamos National Lab ในรัฐนิวเม็กซิโก สถานที่ลับสุดยอดที่สหรัฐฯ ใช้พัฒนาระเบิดปรมาณูลูกแรกสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 Wang ในวัยเด็กเข้าแข่งขันณิตศาสตร์และการเขียนโปรแกรมระดับประเทศ ต่อมาตอนอายุ 17 ปี เขาได้ทำงานเขียนโค้ดฟูลไทม์ที่ Quora และพบกับ Lucy Guo ผู้ร่วมก่อตั้งของ Scale ที่นั่น Wang และ Guo เริ่มธุรกิจ ‘Scale AI’ ในช่วงฤดูร้อนหลังจบปี 1 ด้วยเงินทุนจาก Y Combinator “ตอนนั้นผมบอกพ่อกับแม่ว่าจะทำ Scale แค่ในช่วงฤดูร้อน และอย่างที่เห็นผมไม่ได้กลับไปเรียน MIT ต่อ” Wang กล่าว Wang ตามรอยพ่อแม่ที่ทำงานด้านการทหารให้กองทัพ Scale AI บริษัทอายุ 6 ขวบของ Wang ตั้งอยู่ในซานฟรานซิสโก โดยมีส่วนช่วยกองทัพอากาศและกองทัพบกของอเมริกาใช้ AI ในการวิเคราะห์ว่าระเบิดของรัสเซียสร้างความเสียหายมากน้อยเพียงใดในยูเครน เทคโนโลยีของ Scale พิสูจน์แล้วว่าวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมได้เร็วกว่ามนุษย์ เทคโนโลยีของ Scale ไม่ได้มีประโยชน์แค่ทางการทหารเท่านั้น บริษัทมากกว่า 300 แห่ง รวมทั้ง General Motors และ Flexport ก็ใช้ Scale เช่นกัน สิ่งที่ Scale ทำคือ คัดแยก ‘ข้อมูลล้ำค่า’ ออกจากข้อมูลจำนวนมหาศาลอย่างทั้งเอกสารการขนส่ง คำพูด ภาพถ่ายดาวเทียม หรือภาพถ่ายจากรถยนต์ไร้คนขับ “ทุกอุตสาหกรรมใช้ข้อมูลอย่างมหาศาล เป้าหมายของเราคือ ช่วยปลดล็อกศักยภาพของข้อมูลและขับเคลื่อนธุรกิจด้วย AI” Wang กล่าว ด้วยสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 15% นั่นแปลว่า Wang มีทรัพย์สินแล้ว 1 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 34,000 ล้านบาท) ทำให้เขากลายมหาเศรษฐีพันล้านที่สร้างตัวเองด้วยอายุน้อยที่สุดในโลก อ้างอิง: https://www.forbes.com/sites/colehorton/2022/05/25/the-new-youngest-self-made-billionaire-in-the-world-is-a-25-year-old-college-dropout/?sh=4d198874494b ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Alexandr Wang News Update Scale AI มหาเศรษฐี แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: ตลาดหุ้นเวียดนาม บวก 2.6% รัฐบาลออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ - FINNOMENA ดัชนี VNI ปรับตัวบวก 2.6% มีแรงซื้อกลับเข้ามาในกลุ่มการเงิน อุตสาหกรรมการผลิต ก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ 25 พ.ค. 2565 ดัชนี VNI ปรับตัวบวก 2.6% มีแรงซื้อกลับเข้ามาในกลุ่มการเงิน อุตสาหกรรมการผลิต ก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ โดยทางรัฐบาลเวียดนามประกาศสนับสนุนดอกเบี้ยในการกู้ยืมที่อัตราดอกเบี้ย 2% มูลค่ารวมกว่า 40 ล้านล้านดอง (1,750 ล้านดอลลาร์) ให้กับภาคธุรกิจและรัฐวิสาหกิจเวียดนาม ไปจนถึงสิ้นปี 2023 ซึ่งการสนับสนุนนี้เป็นหนี่งในนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจเวียดนาม FINNOMENA Investment Team มองว่า ตลาดหุ้นเวียดนามในระยะสั้นยังอาจมีความผันผวนได้ แต่เศรษฐกิจเชิงโครงสร้างยังคงแข็งแกร่ง และเริ่มเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นจากทางฝั่งจีนที่เป็นประเทศคู่ค้าสำคัญ ได้เริ่มผ่อนคลายล็อกดาวน์ในบางพื้นที่ และลดการควบคุมมากขึ้นในเดือนหน้า ขณะที่ตลาดหุ้นเวียดนามรับข่าวการทุจริตไปแล้ว ซึ่งผู้อำนวยการตลาดโฮจิมินห์ และประธาน ก.ล.ต. เวียดนาม โดนปลด จะทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อกฏเกณฑ์ของตลาดหุ้นเวียดนามมากขึ้น รวมถึง Valuation อยู่ในระดับที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับหุ้นโลก ซึ่งสะท้อนมุมมองเชิงบวกระยะต่อไป จึงแนะนำให้ทยอยสะสมเพื่อการลงทุนระยะยาว ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นเวียดนาม แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: มาแล้วลูกจ๋า รถ Tesla ที่หนูอยากได้ พบ Tesla ตั้งบริษัทลูก เตรียมขายรถยนต์ไฟฟ้าในไทย - FINNOMENA Tesla ตั้งบริษัทลูกในไทย เปิดทางธุรกิจขายรถยนต์ไฟฟ้า พบชื่อผู้บริหารระดับสูงนั่งเป็นกรรมการบริษัท 25 พ.ค. 2565 Tesla ตั้งบริษัทลูกในไทย เปิดทางธุรกิจขายรถยนต์ไฟฟ้า พบชื่อผู้บริหารระดับสูงนั่งเป็นกรรมการบริษัท กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยข้อมูลผ่านเวบไซต์ (www.dbd.go.th) ระบุว่า Tesla ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทลูกในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2565 ด้วยทุนจดทะเบียน 3,000,000 บาท ตั้งชื่อว่า “บริษัท เทสลา (ประเทศไทย) จำกัด” วัตถุประสงค์การจดทะเบียน เพื่อประกอบกิจการขายรถยนต์ไฟฟ้า ระบบเก็บพลังงานแบบติดตั้งและอุปกรณ์ที่ใช้กับระบบเก็บพลังงานแบบติดตั้ง คณะผู้บริหารของเทสลา ประกอบด้วย นายเดวิด จอน ไฟน์สไตน์ (David Jon Feinstein) นายไวภา ตเนชา (Vaibhav Taneja) และนายยารอน ไคลน์ (Yaron Klein) ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้บริหารระดับสูงของ Tesla ทั้งสิ้น การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทดังกล่าว เป็นการเปิดทางให้ Tesla เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยได้โดยตรง แต่อย่างไรก็ตาม การจดทะเบียนในครั้งในวัตถุประสงค์ระบุเพียงแค่ ‘ขาย’ รถยนต์ไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ไม่ได้มีการจัดตั้งโรงงานการผลิตในประเทศไทยแต่อย่างใด อ้างอิง: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Elon Musk News Update Tesla แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: จีนวิกฤติหนัก! Airbnb ยอมแพ้ เลิกกิจการฤดูร้อนนี้ เจอล็อกดาวน์-คู่แข่งในจีน โฟกัสนักท่องเที่ยวขาออกจากจีนแทน - FINNOMENA จีนวิกฤติหนัก ล็อกดาวน์จน Airbnb ยอมแพ้ เตรียมเลิกกิจการ ปิดบ้านและที่พักทั้งหมดในฤดูร้อนนี้ หันไปโฟกัสนักท่องเที่ยวขาออกจากจีนแทน 24 พ.ค. 2565 จีนวิกฤติหนัก ล็อกดาวน์จน Airbnb ยอมแพ้ เตรียมเลิกกิจการ ปิดบ้านและที่พักทั้งหมดในฤดูร้อนนี้ หันไปโฟกัสนักท่องเที่ยวขาออกจากจีนแทน Airbnb เปิดตัวธุรกิจในจีนแผ่นดินใหญ่อย่างเป็นทางการเมื่อปี 2016 แต่ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจแบบเดียวกันในจีน นอกจากนี้การระบาดของโควิดทำให้ธุรกิจที่มีค่าใช้จ่ายสูงและมีความซับซ้อนในการดำเนินการอยู่แล้วยิ่งแย่ลง แม้จะมีความพยายามในการสร้างแบรนด์ในจีน แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รายได้ในจีนคิดเป็นเพียงประมาณ 1% ของรายได้ทั้งหมด แหล่งข่าวระบุว่า โอกาสที่ยิ่งใหญ่กว่าสำหรับ Airbnb คือ ‘การเดินทางขาออกของนักท่องเที่ยวจีน’ ดังนั้นบริษัทจะไปโฟกัสกับการจัดหาที่พักสำหรับชาวจีนที่เดินทางไปต่างประเทศแทน หุ้น Airbnb ร่วงแล้วกว่า 30% ในปีนี้ ท่ามกลางแรงเทขายของหุ้นเทคโนโลยี แต่ยังคงสูงกว่าราคา IPO เมื่อปี 2020 ที่ $68 บริษัทเผชิญกับปัญหาหนักในช่วงเริ่มต้นของโควิด จนต้องเลิกจ้างพนักงานประมาณ 25% ในเดือน พ.ค. 2020 ต่อมาในเดือน พ.ย. บริษัทได้เข้าสู่ตลาดหุ้น โดยในหนังสือชี้ชวนกล่าวว่า เจ้าของบ้านในจีนจะใช้กระบวนการทำความสะอาดพิเศษในการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโควิดเพื่อคลายกังวลให้กับลูกค้า Airbnb เริ่มกลับมาฟื้นตัวหลังผู้คนกลับมาเดินทางอีกครั้ง โดยบริษัทเห็นแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นของการเช่าระยะยาวในปีนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการทำงานแบบไฮบริดที่ผู้คนไม่ต้องเข้าออฟฟิส 100% แล้ว อย่างไรก็ตาม ธุรกิจในจีนฟื้นตัวได้ช้ากว่ามากจากการล็อกดาวน์และนโยบายโควิดเป็นศูนย์ อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/05/23/airbnb-is-closing-its-domestic-business-in-china-sources-say.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Airbnb News Update จีน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: หุ้นผู้ผลิตถุงมือยางมาเลเซียพุ่ง ท็อป โกลฟ +5.5% หลังฝีดาษลิงระบาดทั่วโลก พบแล้วทั่วยุโรป แคนาดา ออสเตรเลีย และสหรัฐฯ - FINNOMENA หุ้นบริษัทท็อป โกลฟ และผู้ผลิตถุงมือรายอื่นของมาเลเซียปรับตัวสูงขึ้น นักลงทุนแห่เดิมพัน หลังเกิดความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิง (Monkeypox) ทั่วโลก 23 พ.ค. 2565 หุ้นบริษัทท็อป โกลฟ และผู้ผลิตถุงมือรายอื่นของมาเลเซียปรับตัวสูงขึ้น นักลงทุนแห่เดิมพัน หลังเกิดความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิง (Monkeypox) ทั่วโลก ช่วงเช้าที่ผ่านมา (23 พ.ค.) หุ้นท็อป โกลฟ ผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่ที่สุดของโลก พุ่งขึ้นถึง 5.5% ขณะที่หุ้นซูเปอร์แม็กซ์ คอร์ป เพิ่มขึ้น 4.9% ส่วนหุ้นฮาร์ทาเลกา โฮลดิงส์ และหุ้นคอสซาน รับเบอร์ อินดัสทรีส์ บีเอชดี ปรับตัวเพิ่มขึ้นเท่ากันที่ 4.1% นายเคนเนธ เหลียง นักวิเคราะห์ระดับอาวุโสของบริษัทมะละกา ซีเคียวริตีส์ กล่าวว่า นักลงทุนเชื่อมั่นในหุ้นกลุ่มถุงมือยางเพิ่มขึ้น หลังเกิดกระแสข่าวการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงไปทั่วโลก ขณะนี้มีการรายงานผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงในหลายประเทศทั่วยุโรป เช่น อังกฤษ สเปน และโปรตุเกส นอกจากนี้ยังมีการพบผู้ติดเชื้อในแคนาดา ออสเตรเลีย และสหรัฐฯ อีกด้วย ทั้งที่จากเดิมนั้นพบได้ยากนอกเขตแอฟริกาตะวันตกและแอฟริกากลาง ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์ ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Monkeypox News Update ถุงมือยาง ฝีดาษลิง แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: กองทุนหุ้นจีนกลับมาแล้ว? จ้าว หยวนหยวน ผู้จัดการกองทุนจีน สร้างผลตอบแทน +138% ปีนี้ เผยวิธีเลือกหุ้นชนะตลาด คาด ‘สินค้าฟุ่มเฟือย’ ได้ประโยชน์หลังคลายล็อกดาวน์ - FINNOMENA ช่วงเวลาที่ตลาดผันผวนและร่วงแรงโดยเฉพาะหุ้นจีน แต่ จ้าว หยวนหยวน สามารถสร้างผลตอบแทนในปีนี้ได้ถึง 138% เธอทำได้อย่างไร? 23 พ.ค. 2565 ช่วงเวลาที่ตลาดผันผวนและร่วงแรงโดยเฉพาะหุ้นจีน แต่ จ้าว หยวนหยวน สามารถสร้างผลตอบแทนในปีนี้ได้ถึง 138% เธอทำได้อย่างไร? จ้าว หยวนหยวน วัย 41 ปี จากบลจ. Shenzhen Qianhai JianHong Times เลือกเดิมพันในหุ้นโครงสร้างพื้นฐาน ผู้ผลิตพลังงาน และผู้ผลิตยาโควิด ไปพร้อมกับการใช้ความระมัดระมังต่อสถานการณ์ล็อกดาวน์ในจีนและสงครามในยูเครน จ้าว กล่าวว่า การระบาดในจีนเริ่มส่งสัญญาณดีขึ้นและได้เริ่มลงทุนธุรกิจที่คาดว่าจะฟื้นตัวในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ขณะที่การมองโลกในแง่ร้ายที่สั่นคลอนตลาดใกล้สิ้นสุดลงแล้วจากคำมั่นของรัฐบาลที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจไปพร้อมกับการผ่อนคลายล็อกดาวน์ โดย จ้าว ได้ลดสถานะขาย (Short Position) บางส่วนไปตั้งแต่ 2 สัปดาห์ที่แล้ว หลังสัญญาณที่เซี่ยงไฮ้จะกลับสู่สภาวะปกติมีความชัดเจนมากขึ้น และเงินเฟ้อคาดการณ์ของสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลง จ้าว กล่าวว่าจีนยุคใหม่กำลังเฟื่องฟู เมื่อประกอบกับการเปลี่ยนแปลงในนโยบายโควิด นี่คือสัญญาณตลาดขาขึ้นที่ดีขึ้น ผลตอบแทนกองทุนที่พุ่งมาถึง 138% ในปีนี้นั้นโดดเด่นมาก เมื่อเทียบกับการร่วงกว่า 17% ในดัชนี CSI 300 ของจีน ตั้งแต่ต้นปี Yingfu No.4 เป็นกองทุนอันดับที่ 1 ในกองทุนส่วนบุคคลมากกว่า 20,000 กองทุนบนจีนแผ่นดินใหญ่ในปีนี้ และยังเป็น 1 ใน 10 กองทุนที่มีผลงานดีที่สุดในอดีตตลอด 12 เดือนที่ผ่านมา แล้วหุ้นกลุ่มไหนที่จะได้รับประโยชน์หลังคลายล็อกดาวน์? กองทุนได้เพิ่มสถานะซื้อในหุ้นเป็นประมาณ 60% ของเงินลงทุน โดย จ้าว คาดว่า สินค้าฟุ่มเฟือยโดยเฉพาะรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ จะได้รับประโยชน์สูงสุดในการฟื้นตัวของตลาดหลังคลายล็อกดาวน์ โดยเธอยังติดตามข้อเสนอของอียูเกี่ยวกับการแบนน้ำมันรัสเซียเพื่อประเมินผลกระทบของเงินเฟ้อ จ้าว กล่าวว่า นี่มาถึงจุดที่กำไรของบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากโควิดรวมถึงมูลค่าหุ้นเริ่มฟื้นตัว โดยจะยังคงเพิ่มการลงทุนในสัปดาห์ต่อๆ ไป หากปริมาณการใช้รถบรรทุกในแต่ละวัน และกิจกรรมทางเขตเหนือยังคงส่งสัญญาณบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-05-22/hedge-fund-up-138-this-year-is-turning-bullish-on-china-stocks?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update กองทุนจีน กองทุนหุ้นจีน จีน ตลาดหุ้นจีน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Elon Musk ปฏิเสธข่าวฉาวหลังถูกแฉล่วงละเมิดทางเพศแอร์โฮสเตส ย้ำไร้สาระ เป็นการโจมตีทางการเมือง - FINNOMENA “มันไร้สาระ และไม่ใช่ความจริงอย่างเด็ดขาด” Elon Musk ออกมาปฏิเสธผ่านทางทวิตเตอร์ หลังมีรายงานข่าวระบุว่า เขาล่วงละเมิดทางเพศพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินส่วนตัวเมื่อปี 2016 20 พ.ค. 2565 “มันไร้สาระ และไม่ใช่ความจริงอย่างเด็ดขาด” Elon Musk ออกมาปฏิเสธผ่านทางทวิตเตอร์ หลังมีรายงานข่าวระบุว่า เขาล่วงละเมิดทางเพศพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินส่วนตัวเมื่อปี 2016 ก่อนหน้านี้ (19 พ.ค.) Business Insider รายงานว่า เมื่อปี 2018 SpaceX ได้จ่ายเงิน 250,000 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ 8.5 ล้านบาท เปิดปากพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่บอกว่าเธอถูก Elon Musk เรียกให้มานวดขณะที่เขาร่างกายเปลือยเปล่า และยังถูกลวนลามด้วยกับจับต้นขา พร้อมบอกว่าจะซื้อม้าให้หากเธอยินยอมที่จะทำอะไรมากกว่านี้ รายงานดังกล่าวของ Business Insider อ้างถึงบุคคลนิรนามที่อ้างว่าเป็นเพื่อนกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินคนนั้น “ผมขอท้าทายคนโกหกที่อ้างว่าเพื่อนของเขาเห็นผมเปลือย ให้อธิบายมาแค่สิ่งเดียวว่าผมมีแผลเป็นหรือรอยสักอะไรก็ได้ที่อยู่ในร่มผ้า แต่คงบอกไม่ได้เพราะเรื่องนี้มันไม่เคยเกิดขึ้น” Elon Musk ทวีตปฏิเสธ ตามรายงานของ Business Insider พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินคนดังกล่าวเชื่อว่าการที่เธอปฏิเสธข้อเสนอของ Elon Musk นั้นบั่นทอนโอกาสของเธอในการทำงานที่ SpaceX เธอจึงตัดสินใจจ้างทนายความในปี 2018 แต่ SpaceX ได้ทำการตกลงนอกศาลเพื่อไม่ให้เธอสามารถพูดถึงเรื่องนี้ได้ Elon Musk ผู้บริหาร Tesla และ SpaceX เพิ่งประกาศไปเมื่อวันพุธ (18 พ.ค.) ที่ผ่านมาว่า เขาจะเลือกลงคะแนนให้ ‘รีพับลิกัน’ แทน ‘เดโมแครต’ โดยเชื่อว่าจะมีกลอุบายที่สกปรกและต่อต้านตัวเขาจะตามมา Elon Musk กล่าวว่า เรื่องราวของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเป็น “ผลงานชิ้นเอกที่มีแรงจูงใจทางการเมือง” และมีเพื่อขัดขวางการเข้าซื้อ Twitter แต่ไม่มีอะไรที่จะขัดขวางเขาจากจากการต่อสู้เพื่ออนาคตที่ดีและสิทธิในการพูดของพวกคุณ ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Elon Musk News Update แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: Hang Seng ปรับขึ้น 3% จากแบงก์ชาติจีนลด LPR 5 ปี ลง 0.15% - FINNOMENA ดัชนี Hang Seng ปรับตัวขึ้น 3% นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหลังจากที่ปรับตัวลงแรงเมื่อวานนี้ หุ้น Xpeng ปรับตัวขึ้น 7.43% และ Baidu ปรับตัวขึ้น 5.02% 20 พ.ค. 2565 ดัชนี Hang Seng ปรับตัวขึ้น 3% นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหลังจากที่ปรับตัวลงแรงเมื่อวานนี้ หุ้น Xpeng ปรับตัวขึ้น 7.43% และ Baidu ปรับตัวขึ้น 5.02% ขณะเดียวกันก็มีอีกปัจจัยบวกที่หนุนตลาดหุ้นจีนในภาพรวม โดยธนาคารกลางจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ (LPR) ประเภท 5 ปี ลง 0.15% สู่ระดับ 4.45% เป็นการปรับลดครั้งที่ 2 ของปี ซึ่งนอกจากดัชนี Hang Seng จะได้รับผลบวกในทางอ้อมผ่านภาคอสังหาแล้ว ดัชนี CSI 300 ก็ปรับตัวขึ้น 1.95% รับข่าวเช่นกัน FINNOMENA Investment Team มองว่าในระยะสั้นตลาดหุ้นจีนยังต้องติดตามสถานการณ์ COVID-19 ในจีนที่อาจกลับมาระบาด กดดันให้ทางการจีนต้องใช้มาตรการเข้มงวดอีกครั้ง พร้อมทั้งติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม รวมถึงติดตามข่าวการควบคุมบริษัทเทคโลยีของจีนที่เริ่มมีแนวโน้มผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งด้วยระดับ Valuation และการเติบโตของ EPS ยังมีความน่าสนใจสะสม เมื่อมาตรการ COVID Zero คลี่คลาย ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นฮ่องกง แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: “ทำลายล้างอย่างสร้างสรรค์” หายนะคริปโทฯ ยังไม่จบ ซีอีโอ Blockchain.com แนะ DCA สุดท้ายคริปโทฯ คือสิ่งที่ดีสำหรับเศรษฐกิจ - FINNOMENA Peter Smith ซีอีโอของ Blockchain.com เตือนหายนะวงการคริปโทฯ ยังไม่จบ จงทำตัวให้ชินกับมัน แต่เชื่อว่าคริปโทฯ คือสิ่งที่ดีสำหรับเศรษฐกิจ 20 พ.ค. 2565 Peter Smith ซีอีโอของ Blockchain.com เตือนหายนะวงการคริปโทฯ ยังไม่จบ จงทำตัวให้ชินกับมัน แต่เชื่อว่าคริปโทฯ คือสิ่งที่ดีสำหรับเศรษฐกิจ สำหรับนักลงทุนคริปโทฯ ที่เผชิญกับการร่วงแรงครั้งแรกในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา Peter Smith แนะนำให้ทำความคุ้นเคยกับมัน เพราะความเจ็บปวดกำลังถาโถมเข้ามาอีก อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่าในท้ายที่สุดแล้ว คริปโทฯ จะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเศรษฐกิจแบบกระจายอำนาจ Peter Smith มองว่า บทเรียนในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่การร่วงแรงของ Bitcoin, ความวุ่นวายใน stablecoin รวมถึงความล้มเหลวของ Luna และ Terra ทำให้นักลงทุนควรกลับไปลงทุนโดยใช้กลยุทธ์ดั้งเดิมอย่าง DCA ด้วยการสะสมสินทรัพย์อย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้เงินทั้งหมดหายวับไปจากความผันผวนเพียงครั้งเดียว “ถัวเฉลี่ยอย่างช้าๆ และพร้อมที่จะถือมันไว้สักระยะหนึ่ง เพราะตอนนี้เรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการสร้างระบบการเงินทั้งหมด” ซีอีโอของ Blockchain.com บริษัทที่ก่อตั้งในปี 2011 และหนึ่งในผู้เล่นที่เป็นที่ยอมรับในแวดวงนี้กล่าว Peter Smith กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมา นักลงทุนรายย่อยไม่ได้อดทนมากพอกับการเข้ามาและเทขายออกของสถาบัน นี่เป็นผลลัพธ์คลาสสิกในภาวะฟองสบู่ของตลาด สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้คือ การชะล้างความเสี่ยงและใช้ประโยชน์จากระบบตลาดทั่วโลกทั้งหมด โดย Peter Smith ย้ำมานานว่า มันจะเป็นกระบวนการที่ยาวนานเหมือนกับเรารับเลี้ยงลูกบุตรธรรมแล้วรอเขาเติบโต โดย “ทำลายล้างอย่างสร้างสรรค์” จะทำให้อุตสาหกรรมคริปโทฯ แข็งแกร่งขึ้นในระยะยาว Peter Smith ทิ้งท้ายว่า ตอนนี้หลายคนคงเจอกับวัฏจักรครั้งที่ 4 หรือ 5 ในอุตสาหกรรมฟินเทค ทุกๆ ครั้งของการร่วงแรงสร้างความเจ็บปวดอยู่มากก็จริง แต่มันจะนำไปสู่อุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งและมีประโยชน์มากขึ้น และในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เราจะได้เห็นการเติบโตขั้นพื้นฐานที่แท้จริง อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/05/19/theres-more-crypto-destruction-to-come-blockchaincom-ceo.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update คริปโต คริปโตเคอร์เรนซี คริปโท แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: อีลอน มัสก์ โจมตี ESG หลอกลวง หลัง Tesla หลุดอันดับดัชนียั่งยืน S&P 500 ESG พร้อมย้ายข้างการเมือง ขอโหวตให้รีพับลิกัน - FINNOMENA อีลอน มัสก์ CEO ของเทสล่า โจมตีการจัดอันดับดัชนี ESG ว่าเป็นเรื่อง “หลอกลวง” หลังเทสล่าถูกถอดออกจากดัชนีความยั่งยืน พร้อมประกาศเปลี่ยนจุดยืนทางการเมืองย้ายมาสนับสนุนพรรครีพับลีกัน 19 พ.ค. 2565 อีลอน มัสก์ CEO ของเทสล่า โจมตีการจัดอันดับดัชนี ESG ว่าเป็นเรื่อง “หลอกลวง” หลังเทสล่าถูกถอดออกจากดัชนีความยั่งยืน พร้อมประกาศเปลี่ยนจุดยืนทางการเมืองย้ายมาสนับสนุนพรรครีพับลีกัน อีลอน มัสก์ ทวิตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวที่มีผู้ติดตามมากกว่า 93 ล้านคน ระบุว่า เอ็กซอนโมบิล ที่เป็นบริษัทพลังงาน ติด 1 ใน 10 อันดับ บริษัทที่มีความยั่งยืนระดับโลกโดย S&P 500 แต่เทสลาร์กลับไม่อยู่ในรายชื่อดังกล่าว ESG คือเรื่องหลอกลวง และถูกใช้เป็นเครื่องมือของผู้หวังผลทางการเมือง ทาง S&P 500 ให้เหตุผลว่า ได้นำเทสลาร์ออกจากการคำนวนในดัชนีความยั่งยืน S&P 500 ESG เมื่อวันที่ 2 พ.ค. ทีผ่านมา เนื่องจากเทสลาร์ขาดแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ชัดเจน และจากปัญหาสภาพการทำงานที่ย่ำแย่ในโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า นอกจากนี้ เขายังถือโอกาสประกาศเปลี่ยนจุดยืนทางการเมืองมาสนับสนุนพรรครีพับลิกัน โดยระบุว่า ที่ผ่านมาเขาได้ลงคะแนนเสียงให้พรรคเดโมแครต เพราะเคยเป็นพรรคการเมืองที่ดี แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นพรรคแห่งความเกลียดชังและแบ่งแยก เขาจึงไม่สามารถโหวตให้เดโมแครตได้อีกต่อไป และจะหันมาลงคะแนนให้พรรครีพับลิกันแทน ความเคลื่อไหวทางการเมืองครั้งนี้เกิดขึ้น หลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต เดินหน้าสนับสนุนการจัดตั้งสหภาพแรงงานและเก็บภาษีมหาเศรษฐีของสหรัฐฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (19 พ.ค) ราคาหุ้น Tesla ปรับตัวลง -6.8% โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาราคาได้ปรับตัวลงมาแล้ว 40.84% ส่งผลให้ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีผู้มีความมั่งคั่งที่สุดในโลก มูลค่าสินทรัพย์ลดลงกว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์ อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/05/18/why-tesla-was-kicked-out-of-the-sp-500s-esg-index.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Elon Musk ESG News Update Tesla อีลอน มัสก์ แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: งบห้างค้าปลีกแย่ดันตลาดหุ้นร่วง S&P 500 ดิ่ง 4% สู่วันที่แย่ที่สุดรอบ 2 ปี แต่อาจเป็นสัญญาณบวกสำหรับ Fed - FINNOMENA ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงแรงแทบทุกอุตสาหกรรม S&P 500 ดิ่ง 4% สู่วันที่แย่ที่สุดในรอบ 2 ปี หลังงบห้างค้าปลีกแย่ ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุน แต่อาจเป็นสัญญาณที่สดใสสำหรับปัญหาห่วงโซ่อุปทานและเงินเฟ้อ 19 พ.ค. 2565 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงแรงแทบทุกอุตสาหกรรม S&P 500 ดิ่ง 4% สู่วันที่แย่ที่สุดในรอบ 2 ปี หลังงบห้างค้าปลีกแย่ ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุน แต่อาจเป็นสัญญาณที่สดใสสำหรับปัญหาห่วงโซ่อุปทานและเงินเฟ้อ เมื่อคืนนี้ (18 พ.ค) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงแรง ดัชนี Dow Jones ลดลงมา 3.5% ขณะที่ S&P 500 ร่วง 4% ด้าน Nasdaq 100 ดิ่งหนัก 5.1% ภาพ: TradingView หุ้นแทบทุกอุตสาหกรรม เช่น เทคโนโลยี การเงิน เฮลท์แคร์ ปรับตัวลงมาหลัง Target ประกาศงบ แล้วทำไมงบห้างค้าปลีกถึงสำคัญ? ผลประกอบการห้างค้าปลีกบ่งบอกถึงสถานะของผู้บริโภคชาวอเมริกัน การประกาศงบของ Target และ Walmart ถูกจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะตัวเลขดังกล่าวสะท้อนความเชื่อมั่นของผู้บริโภค Target รายงานว่า กำไรไตรมาสแรกของปีนี้ร่วงแรงถึง 52% จากปีที่แล้ว ผลจากต้นทุนเพลิงและค่าขนส่งที่สูงอย่างไม่คาดคิด ดันราคาหุ้นร่วงกว่า 25% ในวันเดียว เป็นไปในทิศทางเดียวกับงบของคู่แข่งอย่าง Walmart ที่ประกาศออกมาก่อนหน้านี้ ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ เพิ่งรายงานยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือน เม.ย. แต่ตอนนั้นมีนักวิเคราะห์บางคนเตือนว่า ตัวเลขดังกล่าวเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการชะลอตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวที่มีรายได้น้อย แม้จะเป็นสัญญาณที่น่ากังวลสำหรับผู้ค้าปลีก แต่นี่อาจเป็นสัญญาณที่สดใสสำหรับปัญหาห่วงโซ่อุปทานและเงินเฟ้อ ชาวอเมริกันเริ่มเปลี่ยนจากการซื้อสินค้าไปสู่บริการมากขึ้น เช่น การท่องเที่ยว คาดว่าสายการบินต่างๆ เช่น United Airlines และ Southwest Airlines จะมียอดขายแข็งแกร่งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และอาจเป็นสัญญาณบวกสำหรับผู้กำหนดนโยบายอย่าง Fed เพราะตอนนี้เงินเฟ้อสหรัฐฯ พุ่งสู่ระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี ดังนั้น ความต้องการสินค้าที่ลดลงจะช่วยบรรเทาแรงกดดันในตลาดการขนส่งและตลาดแรงงาน ภาพ: TradingView อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-05-18/stocks-set-to-sink-as-bonds-jump-on-growth-fears-markets-wrap?sref=e4t2werz https://www.bbc.com/news/business-61497817 https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-05-18/a-little-suffering-at-walmart-target-is-a-good-sign-for-the-fed?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FED News Update ค้าปลีก ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: ตลาดหุ้นเอเชียร่วง 2% - 2.5% ตามแรงกดดันจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ - FINNOMENA ช่วงเช้าที่ผ่านมา (19 พ.ค.) ดัชนี Hang Seng ฮ่องกงปรับตัวลง 3.4% ขณะที่ ดัชนี Nikkei 225 ปรับตัวลง 2.6% และ Topix ญี่ปุ่น ลดลง 2.13% 19 พ.ค. 2565 ช่วงเช้าที่ผ่านมา (19 พ.ค.) ดัชนี Hang Seng ฮ่องกงปรับตัวลง 3.4% ขณะที่ ดัชนี Nikkei 225 ปรับตัวลง 2.6% และ Topix ญี่ปุ่น ลดลง 2.13% ร่วงแรงตาม Sentiment การลงทุนจากฝั่งสหรัฐฯ คืนที่ผ่านมา เมื่อประกอบกับปัจจัยภายใน อาทิ การรายงานผลประกอบการของหุ้นเทคโนโลยีอย่าง Tencent ที่ระบุว่ากำไรรายไตรมาสลดลงครึ่งนึง น้อยสุดนับตั้งแต่ปี 2014 ส่งผลให้ Tencent ปรับตัวลงกว่า 8.1% เช่นเดียวกับญี่ปุ่นที่รายงานยอดการส่งออกขยายตัว 12.5% (YoY) ต่ำกว่าคาด เมื่อประกอบกับยอดการนำเข้าที่ขยายตัว 28.2% (YoY) จากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงและเงินเยนที่อ่อนค่า ส่งผลให้ญี่ปุ่นขาดดุลการค้ากว่า 6,600 ล้านดอลลาร์ มากที่สุดตั้งแต่ปี 1979 สร้างแรงกดดันให้ดัชนี Nikkei 225 และ Topix อย่างไรก็ตาม หลังเวลา 11.00 น. ตลาดเริ่มมีการรีบาวด์และลดช่วงลบ จนเหลือติดลบประมาณ 2% – 2.5% FINNOMENA Investment Team มองว่าในระยะสั้นตลาดเอเชียยังคงผันผวนตาม Sentiment ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มีความกังวลในเรื่องของเงินเฟ้อที่จะไปกระทบต่อผลประกอบการณ์ของบริษัทค้าปลีก และยังถูกกดดันจากท่าที Hawkish มากขึ้นของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งประธาน Fed ยืนยันว่าไม่ลังเลที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดเท่าที่จำเป็นเพื่อชะลอเงินเฟ้อ 🇨🇳 โดยตลาดหุ้นจีน ในระยะสั้นยังต้องติดตามสถานการณ์ COVID-19 ในจีนที่อาจกลับมาระบาดจนต้องใช้มาตรการเข้มงวดอีกครั้ง และให้ติดตามข่าวการผ่อนคลายการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีของจีนหลังมีแนวโน้มว่าจะเริ่มผ่อนคลายจากที่รองปธน. ออกมากล่าวว่าจะสนับสนุน ซึ่งด้วยระดับ Valuation และการเติบโตของ EPS ยังมีความน่าสนใจสะสม เมื่อมาตรการ Covid Zero คลี่คลาย 🇯🇵 ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่น การขยายตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ยังต่ำกว่าเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ ซึ่งหนุนให้รัฐบาลและธนาคารกลางของญี่ปุ่นยังคงจะใช้นโยบายผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องรวมถึงค่าเงินเยนที่อ่อนค่า ทำให้คาดการณ์กำไรยังถูกปรับเพิ่มขึ้น จึงแนะนำให้คงสัดส่วนการลงทุน ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นเอเชีย แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: ศรีลังกาวิกฤติเงินหมดคลัง ไม่มีเงินจ่ายหนี้ - ซื้อน้ำมัน เตรียมเป็นประเทศผิดนัดชำระหนี้ - FINNOMENA รัฐบาลศรีลังกาขอให้ประชาชนหยุดรอคิวซื้อน้ำมัน เพราะไม่มีดอลลาร์เพียงพอที่จะจ่ายค่านำเข้าน้ำมันแล้ว จ่อเป็นประเทศผิดนัดชำระหนี้หลังเบี้ยวจ่ายดอกเบี้ย 19 พ.ค. 2565 รัฐบาลศรีลังกาขอให้ประชาชนหยุดรอคิวซื้อน้ำมัน เพราะไม่มีดอลลาร์เพียงพอที่จะจ่ายค่านำเข้าน้ำมันแล้ว จ่อเป็นประเทศผิดนัดชำระหนี้หลังเบี้ยวจ่ายดอกเบี้ย กาญจนา วิเจเศรเกรา รมว.พลังงานของศรีลังกา กล่าวว่า เรือบรรทุกน้ำมันรออยู่ในน่านน้ำ แต่ประเทศไม่มีเงินจ่าย ซึ่งศรีลังกาเป็นหนี้ค่าขนส่งน้ำมันเบนซินกับซัพพลายเออร์รายเดียวกันอยู่ก่อนแล้วที่ 53 ล้านดอลลาร์ ก่อนหน้านี้ (16 พ.ค.) รานิล วิกรมสิงเห นายกฯ คนใหม่ที่เพิ่งดำรงตำแหน่งไม่ถึง 1 สัปดาห์ กล่าวว่า ประเทศเหลือสต็อกน้ำมันเพียง 1 วัน และรัฐบาลกำลังเร่งหาดอลลาร์มาจ่ายค่าขนส่งสำหรับเรือบรรทุกน้ำมัน 3 ลำที่รออยู่ในน่านน้ำ นายกฯ รานิล เสริมว่า รัฐบาลได้หารือกับเวิลด์แบงก์เพื่อขอเงินช่วยเหลือ 160 ล้านดอลลาร์สำหรับสวัสดิการสังคม แต่ยังไม่แน่ชัดว่าจะนำเงินดังกล่าวมาใช้ซื้อน้ำมันก่อนได้หรือไม่ เดือนที่ผ่านมา ศรีลังกาได้ประกาศว่าจะระงับชำระหนี้ต่างประเทศชั่วคราว เพราะต้องสำรองเงินไว้นำเข้าสินค้าที่จำเป็น เช่น น้ำมัน ทำให้ Fitch Ratings ลดระดับความน่าเชื่อถือของประเทศสู่ระดับ C ขณะที่ S&P Global Ratings ลดระดับความน่าเชื่อถือของศรีลังกาสู่ระดับ CC ความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงในเดือน มิ.ย. ของศรีลังกาอยู่ที่ ประมาณ 530 ล้านดอลลาร์ โดยน้ำมันเบนซินได้ถูกจัดอันดับความสำคัญไปให้บริการที่จำเป็น เช่น รถพยาบาล แต่รัฐบาลมั่นใจว่าคลังน้ำมันดีเซลมีเพียงพอ ศรีลังกากำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งประวัติศาสตร์ ประเทศกำลังขาดแคลนทุกอย่างตั้งแต่อาหารไปจนถึงก๊าซหุงต้ม ส่งผลให้เงินเฟ้อศรีลังกาเร่งเร็วที่สุดในเอเชียโดยพุ่งขึ้นเกือบ 30% จนลุกลามไปสู่ความไม่สงบในสังคมและความวุ่นวายทางการเมือง อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-05-18/sri-lanka-can-t-find-cash-to-pay-even-one-ship-for-petrol?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update วิกฤตศรีลังกา ศรีลังกา เงินเฟ้อ แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: อังกฤษเผชิญวิกฤติค่าครองชีพ เงินเฟ้อ เม.ย. พุ่ง 9% สูงสุดรอบ 40 ปี ประชาชน 25% เลือกอดอาหาร - FINNOMENA เงินเฟ้ออังกฤษเดือน เม.ย. พุ่ง 9% แตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี จากราคาอาหารและพลังงานที่แพงขึ้น ส่งผลให้วิกฤติค่าครองชีพในอังกฤษทวีความรุนแรงขึ้น 18 พ.ค. 2565 เงินเฟ้ออังกฤษเดือน เม.ย. พุ่ง 9% แตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี จากราคาอาหารและพลังงานที่แพงขึ้น ส่งผลให้วิกฤติค่าครองชีพในอังกฤษทวีความรุนแรงขึ้น สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 2.5% (MoM) และ 9% (YoY) สูงสุดนับตั้งแต่เก็บข้อมูลในปี 1989 และเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับระดับสูงสุดในปี 1982 ช่วงที่อังกฤษเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย อัตราดอกเบี้ยพุ่งสูง และเกิดปัญหาผิดนัดชำระหนี้จำนวนมาก เงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องกำลังสร้างแรงกดดันให้กับแบงก์ชาติอังกฤษ (BoE) ที่เพิ่งประกาศขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 4 ครั้งติดต่อกัน จาก 0.1% สู่ 1% ระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี Andrew Bailey ผู้ว่าการ BoE กล่าวว่า เงินเฟ้อและอาหารขาดแคลนจากสงครามยูเครนเป็นปัญหาสำคัญต่อทั่วโลก และได้ปฏิเสธที่จะใช้นโยบายการเงินเข้มงวดเร็วกว่านี้เพื่อระงับเงินเฟ้อ เพราะมองว่าปัญหาเกิดจากปัจจัยภายนอก วิกฤติค่าครองชีพในอังกฤษทวีความรุนแรงและกำลังสร้างความลำบากแก่ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้ต่ำ ผลสำรวจจาก Ipsos และ Sky News พบว่า 25% ของชาวอังกฤษกำลังอดอาหารบางมื้อ จากปัญหาเงินเฟ้อและวิกฤติอาหาร ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากสำหรับแบงก์ชาติอังกฤษและธนาคารกลางทั่วโลกในการควบคุมเงินเฟ้อโดยไม่กระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ เพราะตอนนี้ปัจจัยภายนอกมีผลกระทบต่อระดับเงินเฟ้อมากกว่าการขึ้นดอกเบี้ย ตอนนี้โลกกำลังเผชิญกับทั้งโอมิครอน การล็อกดาวน์ในจีน สงครามยูเครน การขนส่งที่หยุดชะงัก การเปลี่ยนแปลงในสภาพอากาศ ซึ่งเมื่อรวมทั้งหมดเข้าด้วยกัน ซัพพลายเชนโลกกำลังเผชิญกับงานยาก อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/05/18/uk-inflation-jumps-to-40-year-high-of-9percent-as-food-and-energy-prices-spiral.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update อังกฤษ เงินเฟ้อ แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: เลือกหุ้นให้ชนะเงินเฟ้อ ตามสไตล์ปู่ ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ อะไรคือ 2 สิ่งที่นักลงทุนต้องมองหา - FINNOMENA การถือเงินสดในช่วงเวลาที่เงินเฟ้อแตะระดับสูงสุดในรอบหลายทศวรรษคงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก โชคดีที่นักลงทุนระดับตำนานอย่าง ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ เคยให้คำแนะนำไว้ว่าควรเลือกหุ้นแบบไหนในช่วงเวลาที่ของแพงแบบนี้ 18 พ.ค. 2565 การถือเงินสดในช่วงเวลาที่เงินเฟ้อแตะระดับสูงสุดในรอบหลายทศวรรษคงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก โชคดีที่นักลงทุนระดับตำนานอย่าง ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ เคยให้คำแนะนำไว้ว่าควรเลือกหุ้นแบบไหนในช่วงเวลาที่ของแพงแบบนี้ ย้อนกลับไปในปี 1981 ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้น ปู่บัฟเฟต์เน้นย้ำถึง 2 อย่าง ที่นักลงทุนควรมองหาจากธุรกิจในภาวะเงินเฟ้อ อย่างแรกคือ อำนาจในการเพิ่มราคาสินค้าอย่างง่ายดาย และอีกอย่างคือ ความสามารถในการทำธุรกิจได้มากขึ้นโดยไม่ต้องใช้ต้นทุนเพิ่มมากเกินไป และนี่คือ 4 หุ้นที่ Berkshire ถือครองและเป็นไปตามลักษณะข้างต้น 🔸 American Express (AXP) American Express แสดงให้เห็นถึงอำนาจในการกำหนดราคา โดยในปีที่แล้ว บริษัทเพิ่มค่าธรรมเนียมรายปีของบัตรแพลทินัมจาก $550 เป็น $695 และยังเป็นธุรกิจที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากเงินเฟ้อ เพราะรายได้ส่วนใหญ่มากจากการเรียกเก็บเป็นเปอร์เซ็นต์ของธุรกรรม ดังนั้นเมื่อของราคาแพงขึ้น บริษัทก็มีรายได้เพิ่มขึ้นตาม โดยรายได้ Q1/2022 อยู่ที่ 11,700 ล้านดอลลาร์ (+29% YoY) ◇ อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield): 1.3% ◇ สัดส่วนการถือครองของ Berkshire: 151.6 ล้านหุ้น หรือ 24,000 ล้านดอลลาร์ 🔸 Coca-Cola (KO) ตัวอย่างคลาสสิกของธุรกิจที่ทนทานต่อภาวะถดถอย ไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือแย่ โค้กกระป๋องก็มีราคาที่จับต้องได้ โดยจากทั้งตำแหน่งทางการตลาด ขนาดที่ใหญ่ ภาพลักษณ์แบรนด์ที่เป็นเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงแบรนด์ย่อยต่างๆ ทำให้ Coca-Cola มีอำนาจในการกำหนดราคาอยู่สูงมาก ◇ อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield): 2.7% ◇ สัดส่วนการถือครองของ Berkshire: 400 ล้านหุ้น หรือ 25,800 ล้านดอลลาร์ 🔸 Apple (AAPL) ต่อให้ไม่มีใครใช้เงินสูงถึง $1,600 เพื่อซื้อ iPhone แบบฟูลออปชัน แต่ผู้บริโภคก็ยังซื้อผลิตภัณฑ์ของ Apple อยู่ดี และแม้คู่แข่งจะเสนอผลิตภัณฑ์ที่ถูกกว่าออกมา แต่ผู้บริโภคเคยชินกับ ecosystem ของ Apple ไปแล้ว นั่นหมายความว่า ในเวลาที่เงินเฟ้อสูงขึ้น Apple ก็สามารถส่งต่อภาระต้นทุนที่สูงขึ้นไปยังผู้บริโภคโดยไม่ต้องกังวลมากนักว่ายอดขายจะลดลง ◇ อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield): 0.6% ◇ สัดส่วนการถือครองของ Berkshire: 880 ล้านหุ้น หรือ 139,800 ล้านดอลลาร์ 🔸 Chevron (CVX) น้ำมันคือสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีการซื้อขายสูงที่สุดในโลก และมีราคาพุ่งขึ้นมาถึง 45% จากปีที่แล้ว หลังอุปทานได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไป ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นส่งผลดีต่อผู้ผลิตน้ำมัน โดยกำไรไตรมาสล่าสุดของ Chevron พุ่งขึ้นเกือบ 4 เท่าจากปีที่แล้ว ขณะที่ราคาหุ้น เพิ่มขึ้นเกือบ 40% แล้วในปีนี้ ◇ อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield): 3.4% ◇ สัดส่วนการถือครองของ Berkshire: 159 ล้านหุ้น หรือ 25,900 ล้านดอลลาร์ อ้างอิง: https://finance.yahoo.com/news/warren-buffett-says-best-stocks-164500652.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update Warren Buffett วอร์เรน บัฟเฟตต์ หุ้น เงินเฟ้อ แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: สัญญาณบวกหุ้นเทคฯ จีน รอง ปธน.จีน เตรียมสนับสนุนภาคเทคโนโลยี พร้อมยกเลิกการคุมเข้ม หวังฟื้นฟูเศรษฐกิจ - FINNOMENA รัฐบาลจีนกลับมาส่งสัญญาณสนับสนุนภาคเทคโนโลยี พร้อมยกเลิกการคุมเข้มที่ทำมาตลอด 1 ปี หวังฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศกำลังชะลอตัว 18 พ.ค. 2565 รัฐบาลจีนกลับมาส่งสัญญาณสนับสนุนภาคเทคโนโลยี พร้อมยกเลิกการคุมเข้มที่ทำมาตลอด 1 ปี หวังฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศกำลังชะลอตัว หลังจากได้พูดคุยกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเทคฯ จีนหลายแห่ง รอง ปธน. หลิว เหอ ของจีน กล่าวว่า จะสนับสนุนการพัฒนาของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจดิจิทัล รวมถึงส่งเสริมการจดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหุ้น อย่างที่รู้กันว่ารัฐบาลจีนให้ความสัมพันธ์กับเสถียรภาพเป็นอันดับหนึ่ง หนึ่งปีที่ผ่านมาจึงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และผลกระทบทางเศรษฐกิจ แต่ท่าทีของรัฐบาลจีนต่อตลาดกำลังเปลี่ยนไป โดยรองปธน.ย้ำว่า ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลและตลาดควรได้รับการดูแลอย่างดี จีนกลับมาส่งสัญญาณสนับสนุนภาคเทคโนโลยีที่เป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตที่ใหญ่ที่สุดในทศวรรษที่ผ่านมา หลังเศรษฐกิจชะลอตัวลงจากการล็อกดาวน์ที่ส่งผลต่อการบริโภคและทำให้เกิดปัญหาคอขวดในซัพพลายเชน จนทำให้ในเดือนที่แล้ว ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและการใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ ดูเหมือนว่าสัญญาณการฟื้นตัวของหุ้นเทคจีนกำลังมา ในวันจันทร์ที่ผ่านมา (16 พ.ค.) JPMorgan เปลี่ยนมุมมองต่อหุ้นเทคจีนอย่างสิ้นเชิง จากก่อนหน้านี้เคยบอกว่าหุ้นจีน ‘ลงทุนไม่ได้ ( Uninvestable)’ ตอนนี้กลับแนะนำให้ลูกค้า ‘เพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Overweight)’ อ่านต่อ สัญญาณบวกดังกล่าว ส่งผลให้เมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) ดัชนี Hang Seng Tech พุ่งขึ้นถึง 6% แม้จะยังไม่มีรายละเอียดออกมาชัดเจน แต่ท่าทีของรองปธน.ถือเป็นสัญญาณบวกต่อตลาดหุ้นจีนว่าความเสี่ยงด้านกฎระเบียบต่อบริษัทเทคยักษ์ใหญ่เริ่มผ่อนคลายลงแล้ว ตอนนี้นักลงทุนกำลังจับตาว่าจุดต่ำสุดของหุ้นเทคฯ จีนใกล้มาถึงหรือยัง อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-05-17/china-s-liu-signals-further-support-for-tech-sector?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update จีน ตลาดหุ้นจีน หุ้นจีน หุ้นเทคโนโลยี หุ้นเทคโนโลยีจีน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: JPMorgan กลับลำ! แนะนำลงทุนหุ้นเทคจีน 15 ตัว เปลี่ยนจาก ‘Uninvestable’ สู่ ‘Overweight’ - FINNOMENA JPMorgan เปลี่ยนมุมมองต่อหุ้นเทคจีนอย่างสิ้นเชิง จากก่อนหน้านี้เคยบอกว่าหุ้นจีน ‘ลงทุนไม่ได้ ( Uninvestable)’ ตอนนี้กลับแนะนำให้ลูกค้า ‘เพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Overweight)’ ในหุ้นเทคจีนถึง 15 ตัว 17 พ.ค. 2565 JPMorgan เปลี่ยนมุมมองต่อหุ้นเทคจีนอย่างสิ้นเชิง จากก่อนหน้านี้เคยบอกว่าหุ้นจีน ‘ลงทุนไม่ได้ (Uninvestable)’ ตอนนี้กลับแนะนำให้ลูกค้า ‘เพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Overweight)’ ในหุ้นเทคจีนถึง 15 ตัว ทีมนักวิเคราะห์ของ JPMorgan นำโดย Alex Yao ปรับมุมมองต่อหุ้นเทคจีนแบบยกแผง และแนะนำให้ลูกค้าเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นเทคจีนยักษ์ใหญ่ที่คุ้นตากันดีอย่าง Tencent, Alibaba, Meituan, JD, Pinduoduo และ NetEase โดยให้เหตุผลว่าความไม่แน่นอนในจีนเริ่มลดลงแล้ว จากทั้ง 1) การพัฒนานโยบายที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ 2) ความเสี่ยงที่หุ้นจีนจะถูกถอดออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ลดลง 3) สัญญาณการผ่อนปรนในการคุมเข้มภาคเทคโนโลยีจากรองนายกฯ หลิว เหอ 4) เฟสที่การเทขายหุ้นจีนเริ่มลดลงและราคาหุ้นทรงตัวได้นั้นมาเร็วกว่าที่คาด อย่างไรก็ตาม ยังคงมี Downside Risk ที่มีนัยสำคัญต่อผลประกอบการไตรมาส 2 ของหุ้นบางตัว เช่น Meituan และ Alibaba จากมาตรการควบคุมโควิดที่ส่งผลต่อธุรกิจจีน นี่ถือเป็นอีกจุดพลิกผันสำหรับวงการหุ้นเทคจีน เพราะรายงานของ JPMorgan ในเดือน มี.ค. ที่เตือนให้นักลงทุนอยู่ห่างจากหุ้นจีนนั้นส่งผลให้ความกังวลปกคลุมตลาดจนทำให้ดัชนี Nasdaq Golden Dragon China แตะจุดต่ำสุดในรอบปี ต้องมาดูกันว่ามุมมองที่เปลี่ยนไปของ JPMorgan ในครั้งนี้ จะทำให้ตลาดลดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการล็อกดาวน์ต่อเศรษฐกิจในวงกว้างในวงกว้างได้มากแค่ไหน อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-05-16/jpmorgan-upgrades-some-china-internet-stocks-to-overweight?srnd=premium-asia&sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: JPMorgan News Update จีน หุ้นจีน หุ้นเทคโนโลยีจีน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวบวก นำโดยตลาดฮ่องกงและเวียดนาม - FINNOMENA ดัชนี Hang Seng บวกกว่า 3.2% นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่าง Tencent ขึ้นมา 3.26%, Alibaba ปรับตัวขึ้น 4.79% และ Meituan ที่เพิ่มขึ้น 3.18% หลังจากมีข่าวว่าทางการจีนจะทำการผ่อนคลายมาตรการการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีของจีนลง 17 พ.ค. 2565 ดัชนี Hang Seng บวกกว่า 3.2% นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่าง Tencent ขึ้นมา 3.26%, Alibaba ปรับตัวขึ้น 4.79% และ Meituan ที่เพิ่มขึ้น 3.18% หลังจากมีข่าวว่าทางการจีนจะทำการผ่อนคลายมาตรการการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีของจีนลง ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ในเซี่ยงไฮ้ที่เริ่มควบคุมได้ ทางการจึงมีแนวโน้มที่จะทยอยลดความเข้มงวดของมาตรการ Lock Down ลง และพร้อมจะเปิดเมืองอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มิถุนายน เป็นต้นไป หลังจากที่เซียงไฮ้อยู่ภายใต้มาตรการ Lock Down ที่เข้มงวดมาเป็นเวลากว่า 6 สัปดาห์ ในขณะที่ดัชนี VNI ดีดขึ้นมา 4.8% และดัชนี VN30 บวกขึ้นมากว่า 5.3% เนื่องจาก Sentiment เกี่ยวกับ Margin Call ได้บรรเทาลงและจากแถลงการณ์ของก.ล.ต. ของเวียดนามที่เผยว่าจะหาทางออกในการรักษาเสถียรภาพของตลาดหุ้นเวียดนามอย่างเร่งด่วน หลังจากที่ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลงไปแล้วกว่า 11.4% ในเดือนนี้ FINNOMENA Investment Team มองว่า ในระยะสั้นยังต้องติดตามสถานการณ์ COVID-19 ในจีนที่อาจกลับมาระบาดจนต้องใช้มาตรการเข้มงวดอีกครั้งและติดตามข่าวการผ่อนคลายการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีของจีน ซึ่งด้วยระดับ Valuation และการเติบโตของ EPS ยังมีความน่าสนใจสะสม เมื่อรัฐบาลจีนส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบาย COVID Zero ขณะที่ตลาดหุ้นเวียดนามในระยะสั้นยังอาจมีความผันผวนได้ แต่เศรษฐกิจเชิงโครงสร้างยังแข็งแกร่ง และแรงเข้าสะสมของนักลงทุนต่างชาติที่ยังคงซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปี สะท้อนมุมมองเชิงบวกระยะต่อไป จึงแนะนำให้ทยอยสะสมเพื่อการลงทุนระยะยาว ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นฮ่องกง ตลาดหุ้นเวียดนาม ตลาดหุ้นเอเชีย แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: พาวเวลล์ ย้ำจุดยืนคุมเงินเฟ้อ หนุนขึ้นดอกเบี้ย 50 bps มิ.ย. และ ก.ค. ไม่สัญญาเศรษฐกิจ ‘Soft Landing’ - FINNOMENA “เจอโรม พาวเวลล์” ยืนยัน Fed มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ย 50 bps ในการประชุมเดือน มิ.ย. และ ก.ค. แต่ไม่สัญญา ‘Soft Landing’ โดยอาจเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ 13 พ.ค. 2565 “เจอโรม พาวเวลล์” ยืนยัน Fed มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ย 50 bps ในการประชุมเดือน มิ.ย. และ ก.ค. แต่ไม่สัญญา ‘Soft Landing’ โดยอาจเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ประธาน Fed ย้ำความมุ่งมั่นในการควบคุมเงินเฟ้อ โดยถ้าเศรษฐกิจเป็นไปตามคาด Fed ก็มองว่าเหมาะสมที่จะขึ้นดอกเบี้ย 50 bps ในการประชุม 2 ครั้งถัดไป แต่ยอมรับว่าการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยขึ้นอยู่กับปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของ Fed ก่อนหน้านี้เมื่อถูกถามว่ามีโอกาสขึ้นดอกเบี้ย 75 bps หรือไม่ พาวเวลล์ตอบว่า เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการ Fed โดยส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้พาวเวลล์กล่าวว่า หากสิ่งต่างๆ ออกมาดีกว่าคาด Fed ก็พร้อมขึ้นดอกเบี้ยด้วยอัตราที่ลดลง แต่หากออกมาแย่กว่าที่คาด Fed ก็พร้อมจะทำมากกว่านี้ ความเห็นล่าสุดของเขามีขึ้นวันเดียวกับที่วุฒิสภาสหรัฐฯ ยืนยันการลงคะแนนเสียง 80-19 ให้พาวเวลล์ดำรงตำแหน่งประธาน Fed ไปอีก 4 ปี แม้จะได้รับเสียงสนับสนุนทางการเมือง แต่เขากำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์จากนักลงทุนและอดีตเจ้าหน้าที่ที่เผชิญกับราคาสินค้าที่แพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง Fed ตั้งเป้าในการทำให้เกิด ‘Soft Landing’ หรือใช้นโยบายการเงินโดยส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจให้น้อยที่สุด และต้องการให้อัตราเงินเฟ้อกลับคืนสู่เป้าหมายที่ 2% แต่พาวเวลล์กล่าวว่า เรื่องนี้ค่อนข้างท้าทาย และอาจมีบาดแผลเกิดขึ้นบ้าง “คำถามที่ว่าจะเกิด Soft Landing หรือไม่ อาจขึ้นอยู่กับปัจจัยที่ Fed ควบคุมไม่ได้” พาวเวลล์อ้างถึงเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์และปัญหาคอขวดในซัพพลายเชน แต่ยังคงย้ำว่า การลดเงินเฟ้อเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งของเขา ที่มา: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-05-12/powell-reiterates-half-point-hikes-are-likely-in-june-and-july?srnd=premium-asia&sref=e4t2werz https://www.cnbc.com/2022/05/12/powell-says-he-cant-guarantee-a-soft-landing-as-the-fed-looks-to-control-inflation.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FED News Update เจอโรม พาวเวลล์ แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวแบบผสม นักลงทุนช้อนซื้อดันหุ้นญี่ปุ่นพุ่ง ด้านตลาดเวียดนามยังมีปัญหา Margin Call - FINNOMENA ดัชนี Nikkei และ Topix ปรับตัวบวก 2.64% และ 1.80% คาดว่ามาจากนักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นเนื่องจากมีราคาที่ต่ำเกินไป 13 พ.ค. 2565 ดัชนี Nikkei และ Topix ปรับตัวบวก 2.64% และ 1.80% คาดว่ามาจากนักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นเนื่องจากมีราคาที่ต่ำเกินไป นำโดย Softbank Group ที่บวกกว่า 12% มากที่สุดในรอบ 6 เดือน เนื่องจากวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา Softbank มีการรายงานผลขาดทุน Vision Fund ที่ขาดทุนเนื่องจากเทขายหุ้นเทคโนโลยี แม้จะเป็นตัวเลขที่ขาดทุนแต่นักลงทุนให้ความสำคัญกับ Son ที่เปลี่ยนมุมมองเป็น Defensive แทน รวมถึงหุ้นกลุ่มอื่น ๆ ก็ปรับตัวบวกตาม เช่น หุ้น Fast Retailing (Uniqlo) ปรับตัวขึ้นกว่า 4% และ กลุ่มที่ได้ประโยชน์เงินเยนที่อ่อนค่าอย่าง Mitsubishi Electric และ Sony ที่ปรับตัวขึ้น 5% และ 2% ในขณะที่ดัชนี VNI และ VN30 ปรับตัวลดลง 3.82% และ 3.38% นำโดย Vinhomes และ Techcombank ร่วงไปกว่า 5.5% และ 6.3% ซึ่งเกิดจากนักลงทุนที่กู้ยืมเงินมาลงทุนต้องถูก Margin Call หลังจากตลาดเวียดนามปรับตัวลงไปแล้วกว่า 19.6% นับตั้งแต่ต้นปี FINNOMENA Investment Team มองว่าความกังวลเรื่องเงินเฟ้อสูงและการใช้นโยบายการเงินตึงตัวของ Fed ยังคงสร้างความกังวลอยู่ แต่การขยายตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ ซึ่งหนุนให้รัฐบาลและธนาคารกลางของญี่ปุ่นยังคงจะใช้นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง และเงินเยนที่อ่อนค่าทำให้คาดการณ์กำไร ยังถูกปรับเพิ่มขึ้น จึงแนะนำให้คงสัดส่วนการลงทุน ขณะที่ตลาดหุ้นเวียดนามในระยะสั้นยังคงมี Sentiment ที่อ่อนแอ แต่ในขณะที่เศรษฐกิจเชิงโครงสร้างยังแข็งแกร่ง และแรงเข้าสะสมของนักลงทุนต่างชาติที่ยังคงซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปี สะท้อนมุมมองเชิงบวกระยะต่อไป จึงแนะนำให้ทยอยสะสมเพื่อการลงทุนระยะยาว ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ตลาดหุ้นเวียดนาม แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: LUNA แทบไร้ค่า เหลือ 0.0009 บาท Bitkub ประกาศหยุดการซื้อขายแล้ว - FINNOMENA LUNA แทบไร้ค่า ล่าสุดเหลือ 0.0009 บาท จากราคา 3,000 บาท เมื่อ 10 วันที่แล้ว 13 พ.ค. 2565 LUNA แทบไร้ค่า ล่าสุดเหลือ 0.0009 บาท จากราคา 3,000 บาท เมื่อ 10 วันที่แล้ว LUNA เหรียญบนแพลตฟอร์ม Terra Blockchain ร่วงแรงต่อเนื่องในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลัง UST หรือเหรียญ Stablecoin ที่ตรึงมูลค่ากับดอลลาร์สหรัฐไว้แบบ 1:1 ถูกโจมตี ตามกลไกของ Terra Blockchain แพลตฟอร์มจะสร้างเหรียญ LUNA เพิ่มขึ้นมาเพื่อมาลดเหรียญ UST ลง ดังนั้นเมื่อ UST ถูกขายเป็นจำนวนมาก LUNA จะยิ่งมีปริมาณมากขึ้น ทำให้เกิดเงินเฟ้อในระบบ และดึงราคาเหรียญ LUNA ลงตามไปด้วย เมื่อคืนนี้ (12 พ.ค.) เวลาเกือบเที่ยงคืน Terra ประกาศหยุดระบบ Blockchain ทั้งหมดเพื่อป้องกันการโจมตี ที่ทำให้ปริมาณ LUNA เพิ่มขึ้นจนเกิดเงินเฟ้อมหาศาล ก่อนจะประกาศให้ระบบกลับมาทำงานอีกครั้งในช่วงตีหนึ่งของวันที่ 13 พ.ค. ล่าสุด Binance และ Bitkub ประกาศหยุดการซื้อขายเหรียญ LUNA แล้ว ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Crypto LUNA News Update Terra คริปโต คริปโตเคอร์เรนซี แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: ตลาดคริปโตฯ ร่วงหนัก LUNA แทบไร้ค่า -98% มูลค่าเหลือ $0.16 เหรียญใหญ่ร่วงเฉลี่ย -20% Bitcoin หลุด 1 ล้านบาท ด้านเหรียญ Defi ลงหนัก -30% - FINNOMENA ตลาดคริปโตฯ ร่วงหนัก มูลค่าเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ หายไปในเวลาเพียง 1 เดือน หลังนักลงทุนพากันเทขายสินทรัพย์เสี่ยงรวมถึงสกุลเงินดิจิทัล 12 พ.ค. 2565 ตลาดคริปโตฯ ร่วงหนัก มูลค่าเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ หายไปในเวลาเพียง 1 เดือน หลังนักลงทุนพากันเทขายสินทรัพย์เสี่ยงรวมถึงสกุลเงินดิจิทัล สะท้อนความสัมพันธ์ที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันของคริปโตฯ กับดัชนี S&P 500 และ Nasdaq เหรียญที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกอย่าง Bitcoin ร่วงหลุดระดับ $27,000 แล้ว โดยปรับตัวลงมาแรงกว่า 12% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยราคาล่าสุดอยู่ที่ประมาณ $26,700 หรือประมาณ 936,000 บาท Ethereum เหรียญใหญ่อันดับ 2 รองจาก Bitcoin ร่วงแรงกว่า 22% โดยราคาล่าสุดอยู่ที่ประมาณ $1,790 ขณะที่ BNB, XRP, Cardona และ Dogecoin ร่วงแรงมากกว่า 20% เช่นกัน โทเคนที่สนับสนุนโปรโตคอลแบบ Defi ปรับตัวลงมาเช่นกัน โดย Avalanche ร่วงแรงกว่า 33% อยู่ที่ $26.15 และ Solana ลดลง 31.73% อยู่ที่ $42.79 แม้จะปรับตัวขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ TerraUSD ที่ถูกโจมตีและควรมีมูลค่าเท่ากับดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงหลุดการตรึงที่ต่ำกว่า 1 ดอลลาร์ อยู่ที่ $0.56 ด้าน Luna ร่วงแรงกว่า 98% แล้ว อยู่ที่ $0.16 อ้างอิง: Coinmarketcap, Bloomberg และ Forbes ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Bitcoin LUNA News Update Terra คริปโต คริปโตเคอร์เรนซี แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: หุ้นยุโรป เวียดนาม Hang Seng ร่วง หลังเงินเฟ้อพุ่งเกินคาด - FINNOMENA ดัชนี Stoxx 600 ปรับตัวลง 2.25% ตามแรงกดดันตลาดหุ้นทั่วโลก โดยมีกลุ่ม Technology และเหมืองแร่ เป็นอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลงมากที่สุด ภายหลังดัชนี CPI ของสหรัฐฯ เดือนเมษายน ออกมาสูงกว่าคาดการณ์ 12 พ.ค. 2565 ดัชนี Stoxx 600 ปรับตัวลง 2.25% ตามแรงกดดันตลาดหุ้นทั่วโลก โดยมีกลุ่ม Technology และเหมืองแร่ เป็นอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลงมากที่สุด ภายหลังดัชนี CPI ของสหรัฐฯ เดือนเมษายน ออกมาสูงกว่าคาดการณ์ ซึ่งแรงกดดันนี้กระทบต่อดัชนี VN ของเวียดนามเช่นกัน ซึ่งปิดตลาดปรับตัวลงไป 4.67% นำโดยกลุ่ม Finance and Insurance, Construction and Real Estate และ Manufacturing เช่นเดียวกับดัชนี Hang Seng ที่รับแรงกดดันจากประเด็นดัชนี CPI ปรับตัวลงไปกว่า 2.27% FINNOMENA Investment Team มองว่าแนวโน้มนโยบายการเงินตึงตัวของ Fed ยังสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นทั่วโลกได้อย่างต่อเนื่อง ตลาดหุ้นยุโรปแม้ระดับ Valuation จะต่ำกว่าตลาดหุ้นโลก แต่ได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของสงคราม ส่วนเวียดนามได้รับแรงกดดันจากการปิดเมืองของจีน แต่ในประเทศกลับมาใช้ชีวิตร่วมกับโควิด ในระยะนี้ได้รับแรงกดดันตาม Sentiment ตลาดโลก อย่างไรก็ตามมีโอกาส upgrade ไปในดัชนี Emerging Market ด้านดัชนี Hang Seng รับแรงกดดันจาก Sentiment ตลาดโลกประกอบกับความกังวลต่อมาตรการควบคุมภายในประเทศที่ยังปกคลุมตลาด ด้วยระดับ Valuation และการเติบโตของ EPS ยังทำให้มีความน่าสนใจสะสมเมื่อมาตรการควบคุมคลี่คลาย ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นยุโรป ตลาดหุ้นฮ่องกง เวียดนาม แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: คาดเงินเฟ้อสหรัฐฯ เม.ย. เพิ่ม 8.1% ชะลอจาก มี.ค. สะท้อนจุดสูงสุดผ่านไปแล้ว ไบเดนเตรียมลดภาษีนำเข้าจากจีนคุมเงินเฟ้อ - FINNOMENA นักวิเคราะห์คาดเงินเฟ้อทั่วไปของสหรัฐฯ เม.ย. ชะลอตัว สะท้อนจุดสูงสุดของเงินเฟ้อผ่านไปแล้ว แต่เงินเฟ้อพื้นฐานยังเพิ่มขึ้นและสูงต่อไปอีกหลายเดือน ขณะที่ปธน.โจ ไบเดน เตรียมพิจารณาลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ 11 พ.ค. 2565 นักวิเคราะห์คาดเงินเฟ้อทั่วไปของสหรัฐฯ เม.ย. ชะลอตัว สะท้อนจุดสูงสุดของเงินเฟ้อผ่านไปแล้ว แต่เงินเฟ้อพื้นฐานยังเพิ่มขึ้นและสูงต่อไปอีกหลายเดือน ขณะที่ปธน.โจ ไบเดน เตรียมพิจารณาลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ รายงานคาดว่า เงินเฟ้อทั่วไปหรือ CPI เม.ย. จะเพิ่มขึ้น 8.1% (YoY) และ 0.2% (MoM) ชะลอตัวลงจากเดือน มี.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 8.5% (YoY) และ 1.2% (MoM) สำหรับเงินเฟ้อพื้นฐานหรือ Core CPI คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 6% (YoY) และ 0.4% (MoM) เทียบกับ 6.5% (YoY) และ 0.3% (MoM) ในเดือน มี.ค. ด้านปธน.โจ ไบเดนของสหรัฐฯ เตรียมยกเลิกภาษีศุลกากรบางส่วนที่บังคับใช้กับสินค้านำเข้าจากจีนหวังช่วยคุมเงินเฟ้อที่ยังสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยทำเนียบขาวกำลังทบทวนบทลงโทษของอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ขึ้นภาษีทุกอย่างที่นำเข้าจากจีน “เรากำลังพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรเพื่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกมากที่สุด” ไบเดนกล่าว ก่อนหน้านี้ไบเดนยังคงเก็บภาษีนำเข้าตามมาตรการเดิมของโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งรวมถึงภาษีนำเข้าจากจีนมูลค่ามากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ แต่ตอนนี้เขาได้รับแรงกดดันจากนักเศรษฐศาสตร์ สมาชิกสภานิติบัญญัติ และสภาหอการค้าสหรัฐฯ ให้ลดหรือยกเลิกภาษีนำเข้า ปธน.สหรัฐฯ ย้ำว่า โควิดและการรุกรานยูเครนของรัสเซียคือเหตุผลที่ทำให้เงินเฟ้อสหรัฐฯ พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1980 โดยต้องการให้ชาวอเมริกันรับรู้ว่าเขาให้ความสำคัญกับเงินเฟ้ออย่างมาก เพราะเงินเฟ้อไม่เพียงแต่ชัตดาวน์เศรษฐกิจโลก แต่ยังทำให้ซัพพลายเชนและดีมานด์หายไปอย่างสิ้นเชิง อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/05/10/aprils-consumer-price-index-report-expected-to-show-inflation-has-already-peaked-.html https://www.cnbc.com/2022/05/10/inflation-biden-says-lowering-prices-is-his-top-economic-priority-.html https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-05-10/biden-says-he-s-weighing-tariff-cuts-to-fight-high-inflation?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update สหรัฐฯ เงินเฟ้อ เงินเฟ้อสหรัฐ โจ ไบเดน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: นักลงทุนเกิน 40% ขาดทุนจาก Bitcoin ค่าธรรมเนียมพุ่ง กระเป๋าวาฬแห่เทขาย ตอกย้ำสถานะสินทรัพย์เสี่ยง ผันผวนจริงตามเศรษฐกิจ - FINNOMENA 40% ของผู้ถือ Bitcoin กำลังขาดทุนหนัก หลังมูลค่า Bitcoin หายเกือบ 50% จากจุดสูงสุดในเดือน พ.ย. มาดูกันว่า รายงานจาก Glassnode วิเคราะห์เหรียญคริปโตฯ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกไว้ว่าอย่างไร 10 พ.ค. 2565 40% ของผู้ถือ Bitcoin กำลังขาดทุนหนัก หลังมูลค่า Bitcoin หายเกือบ 50% จากจุดสูงสุดในเดือน พ.ย. มาดูกันว่า รายงานจาก Glassnode วิเคราะห์เหรียญคริปโตฯ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกไว้ว่าอย่างไร Glassnode ใช้มุมมองแบบองค์รวมในการวิเคราะห์ตลาด โดยสิ่งที่เห็นได้ชัดในตอนนี้คือ ตลาดคริปโตฯ กำลังขยายและมีเงินทุนจากสถาบันไหลเข้ามามากขึ้น นี่ทำให้ตลาดกำลังตอบสนองมากขึ้นต่อการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจมหภาคและสภาวะการเงินที่เข้มงวด หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ตลาดคริปโตฯ กำลังเคลื่อนไหวตามภาวะเศรษฐกิจ ทำให้เกิดคำถามว่า สกุลเงินดิจิทัลยังทำหน้าที่เป็นตัวป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อได้อยู่หรือไม่? เพราะแค่เดือนที่แล้วเพียงเดือนเดียว 15.5% ของวอลเลท Bitcoin ทั้งหมดกำลังขาดทุน หลัง Bitcoin ร่วงลงไปที่ระดับ $31,000 ตามทิศทางหุ้นเทคโนโลยี นี่ชี้ว่า Bitcoin กำลังมีความสัมพันธ์ที่เป็นไปในทิศทางเดียวกับดัชนี Nasdaq ตอนนี้ 40% ของผู้ถือ Bitcoin กำลังอยู่ในสภาวะ “จมน้ำ” คือการที่ทรัพย์สินมีค่าน้อยกว่าที่จ่ายไปหรือขาดทุนนั่นเอง โดยสัดส่วนของผู้ขาดทุนจะสูงกว่านี้อีกถ้านับแค่ผู้ถือระยะสั้นในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ในเวลาที่ Bitcoin ขึ้นไปสูงถึง $69,000 ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม คืออีกประเด็นที่น่าสนใจ Glassnode สังเกตเห็น ‘ค่าธุรกรรมเร่งด่วน’ ที่หลั่งไหลเข้ามาในแรงเทขายครั้งล่าสุดนี้ นักลงทุนยอมจ่ายแพงขึ้นเพื่อเร่งเวลาในการทำธุรกรรม และพยายามลดความเสี่ยงในเวลาที่ตลาดผันผวน ตัวเลขชี้ให้เห็นเลยว่า มูลค่ารวมของค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมในสัปดาห์ที่แล้วสูงถึง 3.07 BTC หรือมากสุดตั้งแต่เคยเก็บข้อมูลมา แล้วแรงเทขายครั้งล่าสุดมาจากไหน? ตอนนี้วอลเลทที่มียอดคงเหลือมากกว่า 10,000 BTC เป็นกลุ่มหลักที่ทำให้เกิดแรงเทขายในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนรายย่อยกลับมีความเชื่อมั่นมากขึ้น เพราะนักลงทุนที่ถือน้อยกว่า 1 BTC กลายเป็นผู้ถือที่แข็งแกร่งที่สุด ต่างจากข้อมูลในเดือน ก.พ. และ มี.ค. อย่างเห็นได้ชัด อีกประเด็นที่ส่งผลต่อตลาดคริปโตฯ ตอนนี้คือ การหดตัวอย่างมีนัยสำคัญในซัพพลายของ Stablecoin โดยเฉพาะ USDC ตอนนี้แนวโน้มการไหลออกของเงินทุนยังคงดำเนินต่อไป ไปพร้อมกับการไหลออกของเงินทุนในตลาดอนุพันธ์เนื่องจากอัตราผลตอบแทนถูกบีบเหลือแค่ 2-3% ตอนนี้มีความอ่อนแออยู่เกือบทุกภาคส่วน โดยแรงกดดันในตลาดตอนนี้มาจากทั้งความเชื่อมั่นที่ไม่ค่อยดีและนักลงทุนและตลาดที่อยู่ในสภาวะเสี่ยงสูง (Risk-Off) สำหรับมุมมองของ Glassnode นั้น หนทางข้างหน้ายังคงมีอุปสรรคอย่างน้อยก็ในตอนนี้ เพราะ Bitcoin มีความสัมพันธ์กับสภาพเศรษฐกิจในวงกว้างอยู่สูงมาก ขณะที่ Fundstrat Global Advisors คาดว่า จุดต่ำสุดของราคา Bitcoin จะอยู่ที่ $29,000 และได้แนะนำให้ลูกค้าประกันความเสี่ยงโดยการ Protective Put ระยะเวลา 1-3 เดือน ในสถานะซื้อ (Long Position) อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/05/09/40percent-of-bitcoin-investors-underwater-glassnode-data.html https://insights.glassnode.com/the-week-onchain-week-19-2022/?utm_source=n&utm_medium=email&utm_campaign=woc_2022_19 ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Bitcoin Cryptocurrency News Update แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: Hang Seng ปรับตัวร่วง นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี - FINNOMENA ดัชนี Hang Seng ปรับตัวร่วง 2.80% นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี JD.com, Meituan และ Alibaba Group Holding ร่วงแรงกว่า 9.2%, 5.4% และ 5.0% ตามลำดับ จาก Sentiment เชิงลบ ตามทิศทางการปรับตัวลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา 10 พ.ค. 2565 ดัชนี Hang Seng ปรับตัวร่วง 2.80% นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี JD.com, Meituan และ Alibaba Group Holding ร่วงแรงกว่า 9.2%, 5.4% และ 5.0% ตามลำดับ จาก Sentiment เชิงลบ ตามทิศทางการปรับตัวลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประกอบกับความเข้มงวดนโยบาย Zero COVID ที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งทางการจีนห้ามรับของ Delivery ซึ่งส่งผลกระทบต่อการบริโภคที่ชะลอตัวจากมาตรการเดิมอยู่แล้ว ให้มีแนวโน้มชะงักงันมากยิ่งขึ้น เมื่อประกอบกับการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีของจีนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ห้ามผู้ใช้ที่อายุน้อยไม่ให้ส่งของขวัญเสมือนจริงบนแพลตฟอร์ม Live Stream ซึ่งสวนทางกับท่าทีในช่วงก่อนหน้าที่ระบุว่าจะลดความเข้มงวดในกลุ่มเทคโนโลยีของจีนลง ส่งผลให้เกิดแรงเทขายในกลุ่ม E-Commerce และ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี จากแนวโน้มการบังคับใช้สวนทางท่าทีที่ผ่อนคลาย FINNOMENA Investment Team มองว่าแนวโน้มนโยบายการเงินตึงตัวของ Fed ยังสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นทั่วโลกได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อประกอบกับท่าทีของทางการจีนที่ใช้มาตรการคุ้มเข้มกว่าที่คาด และสวนทางประกาศก่อนหน้าจะยังคงสร้างแรงกดดันต่อภาวะการลงทุนหุ้น Hang Seng และ MSCI China ได้ FINNOMENA Investment Team จึงแนะนำชะลอการลงทุน เพื่อให้เห็นมาตรการที่บังคับใช้จริงสอดคล้องกับแถลงการณ์ที่ผ่อนคลายก่อนจึงเข้าลงทุนอีกครั้ง ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นฮ่องกง แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: นักวิเคราะห์รุมหั่นเป้าหุ้นสหรัฐฯ ชี้งบปี 2022 ไม่สดใส เตือน Fed คิดผิด เศรษฐกิจถดถอยใกล้เข้ามาแล้ว - FINNOMENA นักวิเคราะห์รุมหั่นเป้าผลประกอบการและราคาหุ้นบริษัทสหรัฐฯ เตือนภาวะเศรษฐกิจถดถอยใกล้เข้ามาแล้ว และมอง Fed คิดผิดที่มองว่าเศรษฐกิจแข็งแกร่ง 10 พ.ค. 2565 นักวิเคราะห์รุมหั่นเป้าผลประกอบการและราคาหุ้นบริษัทสหรัฐฯ เตือนภาวะเศรษฐกิจถดถอยใกล้เข้ามาแล้ว และมอง Fed คิดผิดที่มองว่าเศรษฐกิจแข็งแกร่ง ตามรายงานของ BoA “อุปสงค์ที่อ่อนแอ” ถูกกล่าวถึงบ่อยครั้งในช่วงประกาศงบครั้งนี้ และเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2/2020 แม้จะมีรายงานอื่นๆ ที่บ่งชี้ถึงแนวโน้มรายได้ที่เพิ่มขึ้น แต่นักวิเคราะห์กำลังปรับลดประมาณการกำไรปี 2022 และบางบริษัทได้ออกมาเตือนถึงคำสั่งซื้อที่ชะลอตัว หรือพฤติกรรมอื่นๆ ที่เห็นได้บ่อยในภาวะเศรษฐกิจถดถอย ยังไม่มีอะไรมาพิสูจน์ได้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะเกิดขึ้นเมื่อไร แต่ความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นสร้างความกังวลแก่นักลงทุน ดัชนี S&P 500 ร่วงลงมาเป็นเวลา 5 สัปดาห์ติดต่อกัน และร่วงลงมาอีก 3.2% เมื่อคืนนี้ (9 พ.ค.) สู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี แรงเทขายที่เริ่มขึ้นเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนได้ขยายมายังบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ขณะที่ดัชนี Nasdaq 100 ลดลงมาอีก 4% จนกวาดล้างกำไรทั้งหมดที่ทำมาตั้งแต่ พ.ย. 2020 บริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกอย่าง Apple สูญมูลค่าตลาดไปกว่า 220,000 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ปิดการซื้อขายเมื่อวันพุธ (3 พ.ค.) ที่ประธาน Fed บอกว่าอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงเกินไป และไม่มีแผนจะขึ้นดอกเบี้ยเกินระดับ 50 bps “นี่ให้ความรู้สึกเหมือนตลาดกำลังเอนเอียงไปสู่ผลลัพธ์ที่แย่ที่สุด” Meera Pandit นักกลยุทธ์ตลาดของ J.P. Morgan เสริมว่า ความเสี่ยงกำลังเกิดขึ้นและตลาดกำลังพยายามกำหนดราคา โดยตอนนี้มีความไม่แน่นอนอยู่เต็มไปหมด ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา นักลงทุนยังมีความหวังจากแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่ง แต่ตอนนี้นักวิเคราะห์ได้ปรับลดคาดการณ์ในปี 2022 เป็นเวลา 2 สัปดาห์ติดต่อกันแล้ว ตลาดกำลังจับตาพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวอเมริกันและพบความน่ากังวล เพราะเงินเฟ้อทำให้พวกเขาซื้อสินค้าน้อยลง โดยทราฟฟิกในการเข้าร้านค้าปลีกลดลงเกือบ 11% ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนเม.ย. เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ข้อมูลจาก GMM Nonstick Coatings ซัพพลายเออร์ของแบรนด์เครื่องครัวและเบเกอรี่ พบคำสั่งซื้อที่ชะลอตัวลง ซึ่งอาจเป็นเพราะผู้คนต้องการสิ่งของสำหรับอยู่บ้านน้อยลง แต่ก็ถือเป็นสัญญาณที่น่าหนักใจ กรณีที่ดีที่สุดของ David Spika จาก GuideStone Capital Management คือ ธนาคารกลางเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและผลักดันเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยแบบตื้นและคงอยู่ไม่นาน โดยเขามองว่า ตอนนี้อุปสงค์อ่อนแออยู่แล้วและเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-05-09/scorched-stock-traders-starting-to-see-hard-landing-in-soft-data?srnd=premium-asia&sref=e4t2werz https://www.cnbc.com/2022/05/09/tech-giants-lost-over-1-trillion-in-value-in-last-three-trading-days.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FED News Update ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เศรษฐกิจถดถอย แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: ตลาดหุ้นญี่ปุ่น-เวียดนาม ร่วงแรง - FINNOMENA ดัชนี Nikkei 225 และ TOPIX ลบกว่า 2.53% และ 1.96% ตามลำดับ นำโดย หุ้นกลุ่มผู้ผลิตเหล็กอย่าง JFE Steel Corporation และ Nippon Steel 9 พ.ค. 2565 ดัชนี Nikkei 225 และ TOPIX ลบกว่า 2.53% และ 1.96% ตามลำดับ นำโดย หุ้นกลุ่มผู้ผลิตเหล็กอย่าง JFE Steel Corporation และ Nippon Steel ที่ลบกว่า 8.97% และ 6.21% และหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว HIS ลบ 4.58% และ ANA Holding ลบ 4.12% จาก Sentiment เชิงลบ ตามทิศทางการปรับตัวลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จากความกังวลเรื่อง Fed ที่จะดำเนินนโยบายแบบตึงตัวและไม่สามารถควบคุมเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงได้ เช่นเดียวกับดัชนี VN Index และ VN 30 ร่วงกว่า 4.80% และ 4.71% ตามลำดับ ที่ปรับตัวลงตาม Sentiment เชิงลบข้างต้น พร้อมทั้งถูกกดดันด้วยแนวโน้มการ Lockdown ในเซี่ยงไฮ้และปักกิ่งที่จะสร้างแรงกดดันต่อปริมาณการส่งออกของเวียดนาม ซึ่งเวียดนามส่งออกไปจีนเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐฯ FINNOMENA Investment Team มองว่า Sentiment ความกังวลการใช้นโยบายการเงินของ Fed แบบตึงตัวมากเกินไปยังคงอยู่ และอาจสร้างแรงกดดันต่อสถานการณ์การลงทุนให้ผันผวนได้ต่อเนื่อง เมื่อประกอบกับการขยายตัวของญี่ปุ่นที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ ซึ่งหนุนให้รัฐบาลและธนาคารกลางยังคงใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง และเงินเยนที่อ่อนค่าทำให้คาดการณ์กำไรยังถูกปรับเพิ่มขึ้น จึงแนะนำให้คงสัดส่วนการลงทุน ขณะที่ตลาดหุ้นเวียดนาม ที่ถูกคาดว่ารับรู้แรงกดดันจากการ Lockdown ของคู่ค้ารายสำคัญอย่างจีนไปมากแล้ว แต่ในเรื่องเศรษฐกิจเชิงโครงสร้างยังคงแข็งแกร่ง และแรงเข้าสะสมของนักลงทุนต่างชาติที่ยังคงซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปี สะท้อนมุมมองเชิงบวกระยะต่อไป จึงแนะนำให้ทยอยสะสมเพื่อการลงทุนระยะยาว ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ตลาดหุ้นเวียดนาม แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: อวสานหุ้นปั่น เม่าอเมริกันเข้ากองไฟ Meme Stock ร่วงหนัก ทำนักลงทุนหน้าใหม่สหรัฐฯ ล้างผลตอบแทนยุคโควิด สูญกำไรที่เคยได้ คืนให้ตลาด - FINNOMENA จุดจบของยุคหุ้นมีมมาเร็วไม่ต่างจากตอนเริ่มต้น นักลงทุนรายย่อยสูญเงินครั้งมหาศาลจากหุ้นมีม หรือหุ้นปั่นที่เคยมีกระแสโด่งดัง 9 พ.ค. 2565 จุดจบของยุคหุ้นมีมมาเร็วไม่ต่างจากตอนเริ่มต้น นักลงทุนรายย่อยสูญเงินครั้งมหาศาลจากหุ้นมีม หรือหุ้นปั่นที่เคยมีกระแสโด่งดัง ตามประมาณการของ Morgan Stanley ผลตอบแทนของหุ้นมีมนั้นแย่กว่าสินทรัพย์อื่นในตลาด และนักลงทุนสมัครเล่นที่เข้าสู่ตลาดในช่วงล็อกดาวน์สูญเสียผลตอบแทนที่เคยทำได้มาก่อนหน้านี้ไปหมดแล้ว (Morgan Stanley คำนวณโดยอ้างอิงจากการซื้อขายทั้งหมดของนักลงทุนหน้าใหม่ตั้งแต่ต้นปี 2020 และใช้ข้อมูลการเทรดและข้อมูลราคาสาธารณะเพื่อคำนวณผลกำไรและขาดทุนโดยรวม) นักลงทุนหน้าใหม่ถูกดึงดูดให้เข้าสู่ตลาดด้วยการแพร่ระบาดของโควิดที่ Fed กระตุ้นเศรษฐกิจครั้งมหาศาล แต่พวกเขาถูกปลุกให้ตื่นจากฝันเพราะตอนนี้ธนาคารกลางทั่วโลกกำลังทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ Matthew Tuttle ซีอีโอของ Tuttle Capital Management กล่าวว่า มีคนจำนวนมากเริ่มต้นลงทุนในช่วงโควิด ประสบการณ์อย่างเดียวที่พวกเขามีคือ “ตลาดหุ้นที่มี Fed เป็นเชื้อพลิง” ทุกอย่างเปลี่ยนไปตั้งแต่ท่าทีของ Fed ในเดือน พ.ย. แต่พวกเขาไม่ทันรู้ตัว และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมันแย่มาก ก่อนหน้านี้เหล่าผู้เชี่ยวชาญต่างออกมาเตือนถึงหายนะที่จะเกิดขึ้นกับนักลงทุนรายย่อยเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม ด้วยบัญชีซื้อขายที่ไม่มีค่าคอมมิชชั่น พวกเขาเคยดึงหุ้นที่พวกเขาชื่นชอบกลับคืนมาหลายครั้ง และอาจทำเช่นนั้นได้อีกครั้ง หุ้นมีมชื่อดังอย่าง AMC Entertainment ลดลงมา 78% ตั้งแต่ มิ.ย. 2021 และลดลงมาแล้ว 49% ในปีนี้ ขณะที่หุ้น Peloton Interactive ร่วงลงมา 90% จากจุดสูงสุด ตั้งแต่ต้นปี 2020 จนถึงเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว ตะกร้าหุ้นมีมที่เหล่านักลงทุนรายย่อยชื่นชอบพุ่งขึ้นกว่าเท่าตัว แต่ในปีนี้กลับลดลงไป 32% มากกว่าการร่วงลงของดัชนี S&P 500 ถึง 2 เท่า นี่เป็นการล่มสลายครั้งใหญ่จากปี 2021 ที่เหล่านักลงทุนรายย่อยรวมตัวกันใน WallStreetBets ของ Reddit เพื่อต่อสู้กับนักลงทุนสถาบันด้วยการซื้อหุ้นที่เหล่าเฮดจ์ฟันด์ชอร์ตไว้ “สำหรับนักลงทุนที่มองหาสัญญาณจุดต่ำสุดของตลาด พฤติกรรมของนักลงทุนรายย่อยเป็นสิ่งที่ต้องจับตา” Christopher Metli นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley กล่าว Christopher Metli เสริมว่า การยอมแพ้แบบดั้งเดิมสังเกตได้โดยการลดสัดส่วนการลงทุนอย่างรวดเร็วของเฮดจ์ฟันด์ร่วมกับกลยุทธ์มหภาคเชิงระบบในเวลาที่โพซิชั่นเบาบาง แต่การลดความเสี่ยงในครั้งถัดไปมีแนวโน้มที่จะค่อยเป็นค่อยไปมากขึ้น โดยจะมาจากทั้งผู้จัดการสินทรัพย์ นักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายย่อย ดังนั้นแนวโน้มจะเกิดช้ากว่า และการหาจุดต่ำสุดอย่างแม่นยำนั้นยากขึ้นไปอีก อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-05-08/day-trader-army-loses-all-the-money-it-made-in-meme-stock-era?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Meme Stock News Update หุ้นมีม แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: ‘บิล เกตส์’ กังวลเศรษฐกิจถดถอย เตือนขึ้นดอกเบี้ยทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว ผลกระทบจากสงครามและโควิด-19 - FINNOMENA ‘บิล เกตส์’ กังวลเศรษฐกิจถดถอย เตือนอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มสูงมากพอที่จะทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว รวมถึงผลกระทบจากทั้งสงครามรัสเซีย-ยูเครน และแพร่การระบาดของโควิด-19 9 พ.ค. 2565 ‘บิล เกตส์’ กังวลเศรษฐกิจถดถอย เตือนอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มสูงมากพอที่จะทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว รวมถึงผลกระทบจากทั้งสงครามรัสเซีย-ยูเครน และแพร่การระบาดของโควิด-19 “ผมกังวลมากว่า เศรษฐกิจที่อยู่ในขาลงจะนำไปสู่การชะลอตัวของเศรษฐกิจ” บิล เกตส์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNN มหาเศรษฐีผู้ใจบุญและผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft กล่าวว่า สงครามในยูเครนส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งสูงขึ้นมาก ขณะที่การแพร่ระบาดของโควิดทำให้รัฐบาลมีหนี้อยู่ในระดับสูง บวกกับปัญหาซัพพลายเชนที่มีอยู่แล้วก่อนหน้านี้ ตอนนี้ธนาคารกลางของหลายประเทศทั้งสหรัฐฯ UK และอินเดีย เริ่มขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ แต่มหาเศรษฐีอันดับที่ 4 ของโลกอย่างบิล เกตส์ มองว่า นี่จะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวในท้ายที่สุด โดยเมื่อเดือนที่ผ่านมา IMF ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกครั้งใหญ่ และเพิ่มตัวเลขเงินเฟ้อคาดการณ์ จากสงครามยูเครนและการล็อกดาวน์ในจีน อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-05-08/bill-gates-says-economy-bears-have-strong-argument-on-slowdown?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Bill Gates News Update บิล เกตส์ เศรษฐกิจถดถอย แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: ญี่ปุ่นทดลองเปิดประเทศ เดือนนี้! แค่ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม มีแพ็กเกจทัวร์แน่นอน หวังกระตุ้นอุตสาหกรรม ดันหุ้นท่องเที่ยวพุ่งแรง - FINNOMENA ญี่ปุ่นเตรียมทดลองเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวกลุ่มเล็ก โดยอาจเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดในเดือนนี้ เพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ 6 พ.ค. 2565 ญี่ปุ่นเตรียมทดลองเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวกลุ่มเล็ก โดยอาจเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดในเดือนนี้ เพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ สำนักข่าว Fuji News Network รายงานว่า นักท่องเที่ยวจะต้องฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม และเดินทางมาด้วยแพ็กเกจทัวร์ที่มีกำหนดการแน่นอน โดยนี่ถือเป็นการทดลองในเบื้องต้น และมีแผนขยายโปรแกรมต่อเนื่องหากไม่มีการแพร่ระบาดเพิ่มเติม รายงานดังกล่าวมีขึ้นหนึ่งวันหลัง ‘ฟูมิโอะ คิชิดะ’ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น แถลงต่อสื่อมวลชนในกรุงลอนดอนว่า ญี่ปุ่นจะทยอยเปิดประเทศ และจะเปิดให้เข้าถึงได้เหมือนกับประเทศอื่นๆ ในกลุ่ม G7 ภายในเดือนหน้า แต่จะต้องพิจารณาสถานการณ์การติดเชื้อหลังช่วงวันหยุดโกลเด้นวีคประกอบอีกครั้ง “ญี่ปุ่นจะทบทวนข้อบังคับเกี่ยวกับโควิด-19 และนโยบายด้านพรมแดนในเดือน มิ.ย. โดยตอนนี้ญี่ปุ่นกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านเพื่อกลับมาใช้ชีวิตแบบปกติ” คิชิดะ กล่าวในคืนวันพฤหัสบดี (5 พ.ค.) นายกฯ คิชิดะ ไม่ได้พูดถึงเรื่องการสวมแมส แต่รัฐบาลญี่ปุ่นแนะนำให้ประชาชนสวมใส่แมสตลอดเวลา ซึ่งปกติแล้วชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยังคงสวมแมสตลอดทั้งในและนอกอาคาร หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวปรับตัวขึ้นรับข่าวเชิงบวก นำโดยหุ้น Japan Airport Terminal พุ่งแรงถึง 6.8% ขณะที่หุ้น Japan Airlines เพิ่มขึ้น 4.5% ขณะที่ บริษัทตัวแทนท่องเที่ยวอย่าง HIS บวก 2.7% โดยพลิกกลับมาเป็นบวก จากการติดลบในช่วงเช้า นักวิเคราะห์จาก Sumitomo Mitsui มองว่า ในแง่ของการอยู่ร่วมกับไวรัส ญี่ปุ่นถือว่าฟื้นตัวได้ช้ามากเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ ดังนั้น การเปิดประเทศจะช่วยเพิ่มความคาดหวังสำหรับการฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม ความหวังในการฟื้นเศรษฐกิจของญี่ปุ่นด้วยการเปิดประเทศอาจได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ในจีน ซึ่งเป็นแหล่งนักท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-05-06/japan-to-allow-tourist-groups-as-soon-as-this-month-report-says?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update ญี่ปุ่น แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: กองทุน ‘Passive’ ทำพลาดมาตลอด 20 ปี Elon Musk และ Cathie Wood เตือน กองทุนมีอิทธิพลต่อบริษัทมากเกินไป ทำนักลงทุนสูญกำไรมหาศาล - FINNOMENA Elon Musk และ Cathie Wood เห็นด้วยกับ Marc Andreessen ที่มองกองทุน ‘Passive’ ว่าทำให้นักลงทุนพลาดกำไรมหาศาล และเอื้อประโยชน์ให้เฮดจ์ฟัด์มีอำนาจออกเสียงมากเกินไป 6 พ.ค. 2565 Elon Musk และ Cathie Wood เห็นด้วยกับ Marc Andreessen ที่มองกองทุน ‘Passive’ ว่าทำให้นักลงทุนพลาดกำไรมหาศาล และเอื้อประโยชน์ให้เฮดจ์ฟัด์มีอำนาจออกเสียงมากเกินไป ผู้จุดประเด็นดังกล่าวขึ้นมาบนทวิตเตอร์คือ Marc Andreessen ผู้ก่อตั้ง Netscape และนักลงทุนบริษัทสตาร์ทอัพ Andreessen มองว่า เหล่าบริษัทจัดการสินทรัพย์ขนาดใหญ่อย่างเช่น Blackrock มีอำนาจออกเสียงและมีสิทธิในการโหวตมากเกินไป เพราะกองทุน Passive ของพวกเขาได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ “กองทุน Passive นั้นข้ามเส้น และไปไกลเกินกว่าที่จะยอมรับได้” Elon Musk ซีอีโอของ Tesla ตอบกลับทวิตดังกล่าว Cathie Wood ผู้ก่อตั้ง Ark Invest ก็เข้าร่วมวงสนทนานี้ด้วย โดย Wood มองว่า การลงทุนแบบ Passive ทำให้นักลงทุนพลาดกำไรมหาศาล โดยยกตัวอย่าง Tesla ที่ราคาหุ้นขึ้นมาถึง 400 เท่า ในเวลาเพียง 10 ปี ก่อนที่หุ้นจะถูกรวมในดัชนีหลัก “ประวัติศาสตร์จะชี้ให้เห็นเองว่าการลงทุนในกองทุน Passive ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เป็นการจัดสรรเงินทุนที่ผิดพลาดครั้งมหาศาล” Cathie Wood ย้ำ อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา การลงทุนแบบ Passive ทำผลตอบแทนได้ดีกว่าการลงทุนแบบ Active อยู่มาก ข้อมูลโดย Savita Subramanian จาก BofA Securities ระบุว่า ในช่วง 12 เดือนจนถึง มี.ค. มีเพียง 19% ของผู้จัดการกองทุนแบบ Active ที่สามารถทำผลตอบแทนได้ดีกว่าดัชนีมาตรฐาน (Outperform Benchmark) อย่างที่รู้กันว่า Cathie Wood เป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนแบบ Active ที่โดดเด่นที่สุดแห่งปี 2020 แต่ตอนนี้กองทุนเรือธง ARKK ของเธอกำลังเจองานยาก โดยร่วงลงแล้วเกือบ 45% ในปีนี้ ตอนนี้ Tesla อยู่ในดัชนีมาตรฐานมากมาย นั่นหมายความว่า เฮดจ์ฟันด์ขนาดใหญ่ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกกองทุน Passive อย่าง Vanguard และ BlackRock กลายมาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับที่ 2 และ 3 รองจาก Elon Musk ข้อมูลจาก JPMorgan ระบุว่า การลงทุนแบบ Passive เช่น ETFs นั้นครอบครองสัดส่วนประมาณ 60% ในสินทรัพย์ประเภทหุ้น จากค่าธรรมเนียมที่ต่ำและความผันผวนที่น้อยกว่า โดยตลาด ETF พุ่งสูงขึ้นถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่การก่อตั้ง SPDR S&P 500 ในปี 1993 มีข้อถกเถียงเกี่ยวกับกองทุน Passive มาหลายปีแล้ว เพราะกองทุนเหล่านี้แย่งส่วนแบ่งตลาดมาจากคู่แข่งที่เป็น Active อย่างไม่ลดละ นี่ยังไม่รวมถึงต้นทุนที่ต่ำกว่า และอำนาจในการตัดสินใจของผู้จัดการกองทุนที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในตลาด Jack Bogle ผู้ก่อตั้ง Vanguard และผู้คิดค้นกองทุนดัชนีในปี 1975 เพราะต้องการให้นักลงทุนรายย่อยสามารถแข่งขันกับผู้เชี่ยวชาญได้ เคยเตือนไว้ไม่กี่เดือนก่อนที่เขาจะเสียชีวิตในปี 2018 ว่า “หากแนวโน้มทางประวัติศาสตร์ยังคงดำเนินต่อไป สักวันหนึ่งนักลงทุนสถาบันจะเป็นผู้ควบคุมการโหวตในบริษัทสหรัฐฯ แทบทุกแห่ง ดังนั้น นโยบายสาธารณะไม่ควรเพิกเฉยต่อการครอบงำนี้ และต้องพิจารณาผลกระทบที่มีต่อตลาดการเงิน การกำกับดูแลกิจการ และระเบียบข้อบังคับ” อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-05-05/elon-musk-and-cathie-wood-say-passive-investing-has-gone-too-far?sref=e4t2werz https://www.cnbc.com/2022/05/05/elon-musk-and-cathie-wood-knock-passive-index-investing-saying-its-gone-too-far.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Cathie Wood Elon Musk News Update กองทุน Passive แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: Hang Seng ร่วงกว่า 3% รับ Fed ขึ้นดอกเบี้ย - FINNOMENA ดัชนี Hang Seng ปรับลดลงกว่า 3.71% ตามการปรับลดลงของหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ในคืนที่ผ่านมา (5 พ.ค.) โดยนักลงทุนต่างประเทศมีความกังวัลเกี่ยวกับนโยบายการเงินที่ตึงตัวของ Fed หลังการประชุมในวันพุธที่ผ่านมา (4 พ.ค.) ซึ่งคาดว่าจะไม่สามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ 6 พ.ค. 2565 ดัชนี Hang Seng ปรับลดลงกว่า 3.71% ตามการปรับลดลงของหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ในคืนที่ผ่านมา (5 พ.ค.) โดยนักลงทุนต่างประเทศมีความกังวัลเกี่ยวกับนโยบายการเงินที่ตึงตัวของ Fed หลังการประชุมในวันพุธที่ผ่านมา (4 พ.ค.) ซึ่งคาดว่าจะไม่สามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ ประกอบกับผลการประชุม OPEC+ ที่ตัดสินใจคงปริมาณการผลิตในเดือน พ.ค. โดย OPEC+ อ้างว่าการ ล็อคดาวน์ในจีนจะทำให้อุปสงค์ของน้ำมันลดลง หลังจากการประชุมราคาน้ำมันดิบ Brent และ WTI ปรับตัวขึ้น ส่งผลกระทบไปยังความคาดหวังของระดับเงินเฟ้อให้สูงขึ้นต่อไป นอกจากยังมีประเด็นภายในประเทศ ที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง มีการกล่าวสุนทรพจน์ว่าจะต่อสู้กับความพยายามที่จะบิดเบือน ตั้งคำถาม สงสัย กับนโยบาย COVID Zero และความล้มเหลวในการโน้มน้าวความเชื่อมั่นของนักลงทุนว่าทางการจีนจะลดการจัดระเบียบของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีลง FINNOMENA Investment Team มองว่าเราอาจจะเห็นการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในจีน และต้องติดตามมาตรการการสนับสนุนเศรษฐกิจเพิ่มเติม รวมถึงการลดระดับการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีของจีน เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้ตลาดหุ้นจีนอีกครั้ง FINNOMENA Investment Team จึงแนะนำ “ชะลอการลงทุน” ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นฮ่องกง แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: เกิดอะไรขึ้นกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ? ร่วงหนัก! ติดลบ 3% - 5% แย่สุดรอบ 2 ปี ตลาดกังวลเศรษฐกิจถดถอย หลัง Fed ขึ้นดอกเบี้ย - FINNOMENA ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงหนักสู่วันที่ร่วงหนักที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020 หนึ่งวันหลัง Fed ประกาศขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหญ่สุดในรอบ 22 ปี 6 พ.ค. 2565 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงหนักสู่วันที่ร่วงหนักที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020 หนึ่งวันหลัง Fed ประกาศขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหญ่สุดในรอบ 22 ปี การปรับตัวลงมาของตลาดเมื่อคืนนี้ (5 พ.ค.) ชี้ให้เห็นถึงความกังวลของตลาดว่า Fed จะสามารถชะลอกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้มากพอที่จะระงับเงินเฟ้อโดยไม่ทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่สภาวะถดถอยได้หรือไม่ ส่งผลให้ดัชนี Dow Jones ซึ่งประกอบด้วยหุ้นขนาดใหญ่อย่าง Apple และ Nike ร่วงมากกว่า 1,000 จุด หรือ -3.1% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลง 3.6% และดัชนี Nasdaq ร่วงแรงสุดเกือบ 5% การปรับตัวลงได้ลบล้างผลบวกของตลาดในวันพุธ (4 พ.ค.) เมื่อ Fed ประกาศขึ้นดอกเบี้ยที่ 50 bps และเตรียมทำ QT เพื่อลดขนาดงบดุล อย่างไรก็ตาม Kenny Polcari จาก Kace Capital Advisors มองว่า “แรงเทขายเมื่อวานนี้เป็นเรื่องตลกและไร้สาระสิ้นดี” ก่อนหน้านี้เหล่านักวิเคราะห์ต่างรู้สึกโล่งใจที่ท่าทีของ Fed ไม่ได้เคลื่อนไหวในเชิงรุกมากกว่านี้ หลังเจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed กล่าวว่า การขึ้นดอกเบี้ยที่ 75 bps ไม่ได้อยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการโดยรวม แต่ความเคลื่อนไหวของ Fed จะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมแพงขึ้น นอกจากนี้ ราคาของที่แพงขึ้นยังมีปัจจัยหนุนที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของธนาคารกลาง เช่น ราคาพลังงานที่สูงขึ้นจากวิกฤติรัสเซีย-ยูเครน ในเวลาที่ประธาน Fed มั่นใจว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น นักลงทุนต่างกังวลว่าค่าครองชีพที่แพงขึ้นกำลังส่งผลกระทบต่อครัวเรือนในสหรัฐฯ และนั่นจะทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอตัวลง ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทขนาดใหญ่อย่าง Amazon ได้เตือนถึงการเติบโตที่ชะลอตัว สอดคล้องกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่หดตัว 1.4% ในไตรมาสแรกของปีนี้ ตั้งแต่ต้นปี ดัชนี Dow Jones ปรับตัวลงมาเกือบ 10% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลง 13% และดัชนี Nasdaq ร่วงแล้ว 22% อ้างอิง: https://www.bbc.com/news/business-61337624 ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FED News Update ตลาดหุ้นสหรัฐฯ สหรัฐ เฟด แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: ปู่บัฟเฟต์ มั่นใจธุรกิจน้ำมัน เดินหน้าซื้อหุ้น Occidental อีก 11,500 ล้านบาท ฟันกำไร - ดันราคาหุ้นพุ่ง 98% จากต้นปี - FINNOMENA Berkshire Hathaway ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ซื้อหุ้น Occidental Petroleum เพิ่มอีก 5.9 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 336 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 11,500 ล้านบาท 5 พ.ค. 2565 Berkshire Hathaway ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ซื้อหุ้น Occidental Petroleum เพิ่มอีก 5.9 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 336 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 11,500 ล้านบาท ครองตำแหน่งผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัทด้วยสัดส่วนการถือครองถึง 15.2% ตอนนี้ Berkshire เป็นเจ้าของหุ้น Occidental (OXY) รวมแล้วประมาณ 142.3 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 8,800 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณกว่า 30,000 ล้านบาทแล้ว นี่ยังไม่รวมใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นหรือ Warrant มูลค่า 5,000 ล้านดอลลลาร์ (อ้างอิงจากราคาปิดวันที่ 4 พ.ค. ที่ $61.57) ราคาหุ้น OXY เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวที่ +98.23% ในปีนี้ โดยได้รับอานิสงส์จากการเข้าซื้อของ Berkshire และราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ที่ได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ปี 2022 Berkshire เข้าซื้อกิจการมากมาย ใช้เงินไปถึง 51,100 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมน้ำมัน ก่อนหน้านี้บริษัทเพิ่งเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน Chevron สู่มูลค่ารวม 25,900 ล้านดอลลาร์ นอกจากธรุกิจน้ำมันแล้ว Berkshire ยังลงทุนครั้งมหาศาลในหุ้น Activision Blizzard ผู้ผลิตวิดีโอเกม, HP ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์และเครื่องพิมพ์ รวมถึง Alleghany Corp บริษัทประกันภัย อ้างอิง: https://www.reuters.com/business/berkshire-buys-more-occidental-shares-boosts-stake-152-2022-05-05/ ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update Occidental Petroleum Warren Buffett วอร์เรน บัฟเฟตต์ แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: CEO ใหม่ Volvo เตือนค่ายรถยนต์ ระวัง “แบตเตอรี่ขาดแคลน” แนะอุตสาหกรรม EV เร่งลงทุนเพิ่ม - FINNOMENA Jim Rowan ซีอีโอคนใหม่ของ Volvo ชี้ “แบตเตอรี่ขาดแคลน” จะกลายเป็นปัญหาเร่งด่วนสำหรับธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า 29 เม.ย. 2565 Jim Rowan ซีอีโอคนใหม่ของ Volvo ชี้ “แบตเตอรี่ขาดแคลน” จะกลายเป็นปัญหาเร่งด่วนสำหรับธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า เมื่อรถยนต์ไฟฟ้าบนท้องถนนเพิ่มขึ้น แบตเตอรี่จึงกลายเป็นฟันเฟืองสำคัญสำหรับธุรกิจยานยนต์ Jim Rowan ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า Volvo ได้ลงทุนครั้งมหาศาลกับ Northvolt บริษัทแบตเตอรี่สัญชาติสวีเดน เพื่อให้สามารถควบคุมปริมาณแบตเตอรี่ได้เองสำหรับแผนในอนาคต เพราะเมื่อเดือน มี.ค. Volvo เพิ่งประกาศแผนเตรียมเป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบในปี 2030 โดยการจะไปสู่จุดดังกล่าว บริษัทต้องมีซัพพลายแบตเตอรี่สำหรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเพียงพอ “ผมมองว่าซัพพลายแบตเตอรี่กำลังจะขาดแคลนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า นั่นเป็นเหตุผลที่เราลงทุนครั้งมหาศาลกับ Northvolt ที่นอกจากจะทำให้ Volvo ควบคุมซัพพลายแบตเตอรี่ได้ ยังอาจเป็นจุดเริ่มต้นให้บริษัทพัฒนาเคมีแบตเตอรี่และโรงงานผลิตของตัวเอง” ซีอีโอ Volvo กล่าว ในเดือน ก.พ. Volvo และ Northvolt ประกาศแผนสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในเมืองโกเธนเบิร์กของสวีเดน โดยจะเริ่มการก่อสร้างในปี 2023 และตั้งเป้าที่จะมีศักยภาพในการผลิตต่อปีที่ระดับสูงถึง 50 กิกะวัตต์ชั่วโมง ซึ่งนั่นจะเพียงพอต่อการผลิตรถยนต์ประมาณ 500,000 คันในทุกปี เช่นเดียวกับ Volvo ซีอีโอของ Volkswagen เน้นย้ำถึงความสำคัญของการผลิตแบตเตอรี่ โดยมองว่าความท้าทายยังคงอยู่ “แบตเตอรี่อาจกลายเป็นข้อจำกัดสำหรับการเติบโตของอีวีในอีก 5-10 ปีข้างหน้า” Herbert Diess ซีอีโอของ Volkswagen กล่าว “ราคาของลิเธียมอยู่ในระดับที่บ้ามาก” คือข้อความที่ Elon Musk เพิ่งทวีตไปเมื่อช่วงต้นเดือน โดยเขาบอกว่า Tesla อาจต้องเข้าสู่กระบวนการขุดและกลั่นโดยตรงเพื่อลดต้นทุน ปัญหาตอนนี้ไม่ใช่การขาดแคลนเพราะลิเธียมมีอยู่แทบทุกที่บนโลก แต่สิ่งที่ช้าคือ อัตราการสกัดและการปรับแต่ง Volvo กำลังก้าวมาเป็นหนึ่งในผู้แข่งขันของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีทั้ง Volkswagen, GM, Ford รวมถึง Tesla อยู่ในตลาดมาก่อน ไม่นานมานี้ Jim Farley ซีอีโอของ Ford กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะท้าทาย Tesla และบริษัทหน้าใหม่ทั้งหมด เพื่อก้าวขึ้นสู่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของโลก อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/04/29/autos-ceo-warns-of-battery-supply-scarcity-as-ev-competition-heats-up.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: EV News Update Volvo รถยนต์ไฟฟ้า แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: ดัชนี Hang Seng บวกแรงกว่า 3% - FINNOMENA รายงานข่าวจาก Bloomberg เผยว่าคณะกรรมการกรมการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (โปลิตบูโร) จะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจและให้คำมั่นว่าจะควบคุมการระบาดของโควิด-19 โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความแข็งแกร่งในการปรับนโยบาย และบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจและสังคม 29 เม.ย. 2565 รายงานข่าวจาก Bloomberg เผยว่าคณะกรรมการกรมการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (โปลิตบูโร) จะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจและให้คำมั่นว่าจะควบคุมการระบาดของโควิด-19 โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความแข็งแกร่งในการปรับนโยบาย และบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจและสังคม ทางด้านตลาดหุ้น Hang Seng ก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าทางการจีนจะลดมาตรการควบคุมบริษัทเทคโนโลยี ซึ่งสัปดาห์หน้าจะมีการพูดคุยกันระหว่างบริษัทเหล่านี้กับทางการจีน ขณะเดียวกันคณะโปลิตบูโรก็เผยอีกว่าจะสนับสนุนการเติบโตอย่างเหมาะสมกับบริษัทเทคโนโลยี จากทั้งสองข่าวนี้ส่งผลให้วันนี้ (29 เม.ย.) ดัชนี Hang Seng บวกกว่า 3% นำโดยหุ้นเทคโนโลยี อาทิ JD.com, Meituan, Alibaba Group Holding ที่บวกกว่า 12.46%, 11.22%, 13.43% ตามลำดับ ส่วนตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ทั้ง Shanghai Composite และ Shenzhen Component บวกกว่า 2% และ 3% ตามลำดับ FINNOMENA Investment Team มองว่าจากข่าวข้างต้นเริ่มเป็นสัญญาณที่ดีต่อท่าทีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ในระยะยาวยังต้องติดตามนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจนจากทางการจีน และจับตาผลการพูดคุยเรื่องการลดการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีของจีน รวมถึงนโยบาย Covid Zero ที่ยังกดดันเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อไป FINNOMENA Investment Team จึงแนะนำชะลอการลงทุน ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นฮ่องกง แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: อีลอน มัสก์’ ขายหุ้น Tesla 4.4 ล้านหุ้น รวมมูลค่า $4,000 ล้าน เพื่อนำเงินไปซื้อหุ้น Twitter - FINNOMENA ไม่ผิดคาด! ‘อีลอน มัสก์’ ขายหุ้น Tesla รวมมูลค่า 4,000 ล้านดอลลาร์ ในวันรุ่งขึ้นหลังปิดดีลซื้อ Twitter ด้วยวงเงิน 44,000 ล้านดอลลาร์ 29 เม.ย. 2565 ไม่ผิดคาด! ‘อีลอน มัสก์’ ขายหุ้น Tesla รวมมูลค่า 4,000 ล้านดอลลาร์ ในวันรุ่งขึ้นหลังปิดดีลซื้อ Twitter ด้วยวงเงิน 44,000 ล้านดอลลาร์ ‘อีลอน มัสก์’ ซีอีโอของ Tesla และ SpaceX ได้ขายหุ้นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าของเขาไปประมาณ 4.4 ล้านหุ้น เมื่อวันอังคารและวันพุธ โดยส่วนใหญ่ถูกขายในวันอังคาร (26 เม.ย.) ที่ราคาหุ้นร่วงไปกว่า 12% ก่อนจะกลับมาบวกเล็กน้อยที่ 1% ในวันพุธ (27 เม.ย.) มัสก์ทวิตข้อความว่า “ไม่มีแผนขายหุ้น Tesla เพิ่มเติมหลังจากนี้” หลังเอกสารที่ยื่นต่อ ก.ล.ต. สหรัฐฯ เปิดเผยต่อสาธารณะ ตามรายงานต่อ ก.ล.ต. สหรัฐฯ มัสก์จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการยกเลิก (Termination Fee) จำนวน 1,000 ล้านดอลลาร์ ให้แก่ Twitter หากไม่สามารถหาเงินทุนมาจ่ายได้ตามข้อตกลง ในทางกลับกัน Twitter จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการยกเลิก (Break-up Fee) จำนวน 1,000 ล้านดอลลาร์ ให้แก่อีลอน มัสก์เช่นกันหากไปรับข้อเสนออื่น หรือผู้ถือหุ้นปฏิเสธดีลดังกล่าว อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/04/29/elon-musk-sells-tesla-shares.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Elon Musk News Update Tesla twitter แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: จีนไฟเขียวโรโบแท็กซี่ เปิดทางอุตสาหกรรมแท็กซี่ไร้คนขับ Baidu และ Pony.ai ประเดิมครั้งแรกในปักกิ่ง - FINNOMENA ปักกิ่งไฟเขียว ผ่อนคลายกฎระเบียบในดำเนินธุรกิจไฟเขียว ทำให้รถยนต์แท็กซี่แบบไร้คนใกล้เป็นความจริงมากขึ้นเรื่อยๆ 28 เม.ย. 2565 ปักกิ่งไฟเขียว ผ่อนคลายกฎระเบียบในดำเนินธุรกิจไฟเขียว ทำให้รถยนต์แท็กซี่แบบไร้คนใกล้เป็นความจริงมากขึ้นเรื่อยๆ Apollo Go ของ Baidu และ Pony.ai คือ 2 บริษัทแรกที่ได้รับอนุญาตจากทางการปักกิ่งเมื่อวานนี้ (27 เม.ย.) ให้สามารถบริการโรโบแท็กซี่ในเขตชานเมืองโดยไม่จำเป็นต้องมีพนักงานขับรถ แต่ยังต้องมีพนักงานอยู่ด้านใน แค่ไม่จำเป็นต้องนั่งในที่คนขับอีกต่อไป ความเคลื่อนไหวของทางการจีนจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะเป็นการลดต้นทุนครั้งสำคัญของธุรกิจที่ไม่ต้องจ้างพนักงานขับรถอีกต่อไป แต่ยังไม่แน่ชัดว่า ทางการจีนจะอนุมัติให้โรโบแท็กซี่ให้บริการแบบเต็มรูปแบบโดยไม่ต้องมีพนักงานอยู่บนรถได้เมื่อไหร่ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (24 เม.ย.) Pony.ai เป็นบริษัทแรกของจีนที่ได้รับใบอนุญาตให้บริการโรโบแท็กซี่จำนวน 100 คัน ในหนานซาของเมืองกว่างโจว ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว่า 800 ตารางกิโลเมตร ก่อนหน้านี้ไม่ถึง 6 เดือน ทั้ง Apollo Go และ Pony.ai ได้รับใบอนุญาตเก็บค่าบริการแท็กซี่ไร้คนขับในปักกิ่ง ภายใต้ใบอนุญาตใหม่ Baidu สามารถให้บริการโรโบแท็กซี่ 10 คันโดยไม่ต้องมีคนขับ และบริษัทวางแผนที่จะเพิ่มอีก 30 คัน ขณะที่ โฆษกของ Pony.ai กล่าวว่าตอนนี้ บริษัทสามารถให้บริการโรโบแท็กซี่ได้ 4 คัน และมีแผนจะเพิ่มจำนวนในอนาคต เช่นเดียวกับสหรัฐฯ กฎเกี่ยวกับโรโบแท็กซี่แตกต่างไปตามภูมิภาคในประเทศจีน ในสหรัฐฯ Waymo ของ Alphabet และ Cruise ของ GM สามารถให้บริการโรโบแท็กซี่สาธารณะได้โดยไม่ต้องมีพนักงานอยู่บนรถ โดยกฎหมายสำหรับการทดสอบโรโบโบแท็กซี่และผู้ขับขี่จะแตกต่างกันไปตามเมืองและรัฐ Waymo สามารถเรียกเก็บเงินลูกค้าได้เลยในรัฐแอริโซนา ขณะที่ Cruise กำลังรอการอนุมัติขั้นสุดท้ายสำหรับใบอนุญาตเรียกเก็บค่าโดยสารในซานฟรานซิสโก อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/04/27/chinas-beijing-city-loosens-robotaxi-rules-for-baidu-apollo-go-ponyai.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Apollo Go Baidu News Update Pony.ai robotaxi จีน รถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ไร้คนขับ แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: ธนาคารกลางญี่ปุ่น ยืนยันคงนโยบายการเงินผ่อนคลาย เดินหน้าซื้อพันธบัตรต่อเนื่อง แม้เงินเยนอ่อนมากสุดรอบ 20 ปี - FINNOMENA ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษ (Ultraloose Monetary Policy) ในการประชุมวันนี้ 28 เม.ย. 2565 ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษ (Ultraloose Monetary Policy) ในการประชุมวันนี้ ซึ่งรวมถึงการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.1% และเดินหน้าโครงการพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี โดยไม่จำกัดจำนวน เพื่อคงเป้าหมายอัตราผลตอบแทนให้ไม่เกิน 0.25% จากเป้าหมายของธนาคารกลางญี่ปุ่นที่ต้องการให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรใกล้เคียง 0% มากที่สุด การใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายดังกล่าว กำลังสวนกระแสนโยบายการเงินเข้มงวดของธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งผลให้ค่าเงินเยนอ่อนค่ารุนแรงที่สุดในรอบ 2 ทศวรรษ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นเดินหน้าปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ในการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมการ BOJ ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐาน ปีงบประมาณ 2022 สู่ระดับ 1.9% ก่อนจะชะลอตัวลงเหลือ 1.1% ในปีงบประมาณ 2023 และ 2024 อ้างอิง: https://www.reuters.com/world/asia-pacific/moving-against-global-tide-boj-set-keep-ultra-low-rates-dovish-guidance-2022-04-28/ ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: BOJ News Update ญี่ปุ่น ธนาคารกลางญี่ปุ่น แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Meta เจ้าของ Facebook หุ้นพุ่ง 18% หลังปิดตลาด กำไรไตรมาส 1 ดีเกินคาด ผู้ใช้งานกลับมาเติบโตอีกครั้ง - FINNOMENA Facebook รายงานกำไรไตรมาส 1 ดีเกินคาด ผู้ใช้งานกลับโตอีกครั้ง ดันราคาหุ้น Meta พุ่งแรงกว่า 18% หลังปิดตลาด แม้รายได้ส่วนอื่นน่าผิดหวัง 28 เม.ย. 2565 Facebook รายงานกำไรไตรมาส 1 ดีเกินคาด ผู้ใช้งานกลับโตอีกครั้ง ดันราคาหุ้น Meta พุ่งแรงกว่า 18% หลังปิดตลาด แม้รายได้ส่วนอื่นน่าผิดหวัง 📊 รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ของบริษัท • กำไรต่อหุ้น (EPS): $2.72 สูงกว่าคาดการณ์ที่ $2.56 • รายได้: 27,910 ล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 28,200 ล้านดอลลาร์ • จำนวนผู้ใช้งานต่อวัน: 1,960 ล้านคน สูงกว่าคาดการณ์ที่ 1,950 ล้านคน • จำนวนผู้ใช้งานต่อเดือน: 2,940 ล้านคน ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 2,970 ล้านคน • รายได้ต่อผู้ใช้งาน: $9.54 สูงกว่าคาดการณ์ที่ $9.50 ผลประกอบการของ Meta กลับมาสดใสอีกครั้ง จากงบไตรมาส 4 ของปีที่แล้วน่าผิดหวัง ทำให้ราคาหุ้นร่วง 26% หลังประกาศงบ เป็นวันที่แย่ที่สุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากจำนวนผู้ใช้งานต่อวันลดลงเป็นครั้งแรก หุ้น Meta สูญมูลค่าไปแล้วเกือบครึ่งในปี 2022 แต่ถ้าคืนนี้ (28 เม.ย.) ราคาหุ้นยังไปต่อและสามารถปิดบวกที่ 19.1% ได้ นี่จะกลายเป็นอีกวันที่ดีที่สุดของบริษัทนับตั้งแต่ ก.ค. 2013 นอกจากกำไรที่โตเกินคาด รายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้งานก็สูงกว่าคาดเช่นกัน แต่ตัวชี้วัดอื่นๆ รวมถึงผู้ใช้งานรายเดือนนั้นพลาดเป้า รายได้ของ Facebook เพิ่มขึ้น 7% จากปีที่แล้ว ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 10 ปีของ Facebook ในฐานะบริษัทมหาชนที่เติบโตด้วยตัวเลขเพียงหลักเดียว สำหรับไตรมาสหน้า บริษัทคาดการณ์ว่า รายได้จะอยู่ที่ 28,000-30,000 ล้านดอลลาร์ โดยคำนึงถึงรายรับที่อ่อนตัวในไตรมาสแรกจากสงครามในยูเครน แต่ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์จาก Refinitiv คาดการณ์ที่ 30,600 ล้านดอลลาร์ กลุ่มธุรกิจซึ่ง Meta เรียกว่า Family of Apps ทำรายได้คิดเป็น 97.5% ของรายได้ในไตรมาสนี้ ส่วนรายได้ที่เหลืออีก 695 ล้านดอลลาร์ มาจาก Reality Labs ธุรกิจ Metaverse กำไรจากธุรกิจ Family of Apps ลดลง 13% จากปีก่อนหน้า เหลือ 11,480 ล้านดอลลาร์ ด้าน Reality Labs ขาดทุนอยุ่ที่ 2,960 ล้านดอลลาร์ Dave Wehner CFO ของบริษัทกล่าวว่า การสูญเสียผู้ใช้งานในรัสเซียจากการควบคุมสื่อของประเทศจะทำให้จำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนในยุโรปลดลงในไตรมาสหน้า ขณะที่ การโฆษณาอาจได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อและการเปลี่ยนแปลงระบบปฏิบัติการของ Apple และอาจส่งผลให้รายได้ปี 2022 หายไป 10,000 ล้านดอลลาร์ Sheryl Sandberg ซีอีโอของบริษัทกล่าวว่า ตอนนี้บริษัทกำลังเผชิญความท้าทาย แต่เมื่อพิจารณาถึงโอกาสที่ผู้โฆษณาต้องโฆษณาทั้งออฟไลน์และออนไลน์ Meta มีข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่แข็งแกร่งมากในระยะยาว อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/04/27/meta-fb-q1-2022-earnings.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Facebook Mark Zuckerberg Meta News Update แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: ทำไม ‘อีลอน มัสก์’ ซื้อ Twitter แล้วหุ้น Tesla ร่วง? ดิ่ง 12% มูลค่าหาย $1.26 แสนล้านในวันเดียว - FINNOMENA เกิดอะไรขึ้นกับหุ้น Tesla? ร่วงกว่า 12% มูลค่าหาย 1.26 แสนล้านดอลลาร์ในวันเดียว หลัง ‘อีลอน มัสก์’ ประกาศซื้อกิจการ Twitter 27 เม.ย. 2565 เกิดอะไรขึ้นกับหุ้น Tesla? ร่วงกว่า 12% มูลค่าหาย 1.26 แสนล้านดอลลาร์ในวันเดียว หลัง ‘อีลอน มัสก์’ ประกาศซื้อกิจการ Twitter เมื่อคืนนี้ (26 เม.ย.) หุ้น Tesla ดิ่ง 12.2% เพราะนักลงทุนกำลังกังวลว่า มัสก์อาจต้องขายหุ้นบางส่วนเพื่อใช้เป็นทุนในการเข้าซื้อกิจการของ Twitter ที่มีดีลมูลค่ากว่า 44,000 ล้านดอลลาร์ แม้ Tesla จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ Twitter โดยตรง แต่นอกจากเงินกู้จากสถาบันการเงินรวมมูลค่า 13,000 ล้านดอลลาร์แล้ว ที่มัสก์ตกลงจะใช้ซื้อ Twitter แล้ว ยังมีเงินส่วนตัวของเขาที่ใช้หุ้นของ Tesla เป็นหลักประกันในการทำธุรกรรมอีกด้วย มูลค่าหุ้น Tesla ที่มัสก์ถือครองหายไปกว่า 32,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการสูญเงินครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การร่วงแรงของหุ้น Tesla ในเดือน ก.ย. 2020 นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มัสก์เจออะไรแบบนี้ เพราะหุ้น Tesla ร่วงแรงอย่างผันผวนเป็นระยะตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่สุดท้ายก็สามารถชดเชยด้วยการพุ่งขึ้นที่มากกว่าเดิมจนทำให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก แต่ครั้งนี้มัสก์คงต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่มากขึ้น เพราะเขาได้ปิดดีลซื้อกิจการ Twitter ด้วยเงิน 44,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในการซื้อกิจการครั้งใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตาม การร่วงแรงของหุ้น Tesla ไม่สามารถสรุปได้ว่าเกิดจากความกังวลดังกล่าวเพียงอย่างเดียว เพราะเมื่อวานนี้ (26 เม.ย.) ดัชนี Nasdaq ก็ปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ ธ.ค. 2020 ชี้ว่านี้หุ้นเทคโนโลยีกำลังเผชิญกับความท้าทาย ลังนักลงทุนกังวัลเกี่ยวกับการชะลอตัวทั่วโลก และแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ด้านหุ้น Twitter ร่วงลงเช่นกันที่ 3.9% โดยราคาปิดอยู่ที่ $49.68 แม้ Elon Musk จะตกลงซื้อที่ราคาหุ้นละ $54.20 ก็ตาม “ถ้าราคาหุ้น Tesla ยังคงร่วงต่อไปเรื่อยๆ มันจะเป็นอันตรายต่อสถานะการเงินของ Elon Musk” Ed Moya นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของ OANDA กล่าว อ้างอิง: https://www.reuters.com/technology/tesla-loses-126-bln-value-amid-musk-twitter-deal-funding-concern-2022-04-26/ https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-04-26/musk-loses-32-billion-in-tesla-wealth-underscoring-margin-risk?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Elon Musk News Update Tesla twitter แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: คลังหั่นคาดการณ์ GDP เหลือโต 3.5% คาดเงินเฟ้อพุ่ง 5% ผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน - FINNOMENA สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับลดคาดการณ์ GDP ไทย ปี 65 เหลือโต 3.5% จากคาดการณ์เดิมที่ 4% และเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อทั่วไปขึ้นมาที่ 5% ต่อปี หรืออยู่ในช่วงคาดการณ์ 4.5-5.5% 27 เม.ย. 2565 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับลดคาดการณ์ GDP ไทย ปี 65 เหลือโต 3.5% จากคาดการณ์เดิมที่ 4% และเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อทั่วไปขึ้นมาที่ 5% ต่อปี หรืออยู่ในช่วงคาดการณ์ 4.5-5.5% สศค.ให้เหตุผลว่า สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าไทยชะลอตัว โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ รวมทั้งราคาพลังงาน และอัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการ สศค. กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปี 65 คาดว่ายังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องที่ 3.5% ต่อปี แนวโน้มฟื้นตัวได้จากปี 64 ที่ขยายตัว 1.6% ต่อปี โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการใช้จ่ายภายในประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยคาดว่าการบริโภคภาคเอกชนจะขยายตัวที่ 4.3% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ 3.8-4.8%) ✈️ ภาคการท่องเที่ยว คาดว่าจะขยายตัวได้เพิ่มขึ้นหลังจากมีการผ่อนคลายมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย จำนวน 6.1 ล้านคน เพิ่มขึ้นมากจากปี 64 ที่มีจำนวนเพียง 0.4 ล้านคน ในขณะที่การส่งออกสินค้าคาดว่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่องที่ 6% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ 5.5-6.5%) “ในไตรมาส 1/65 มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้าไทยแล้วกว่า 5 แสนคน ถือเป็นตัวเลขที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับทั้งปี 64 และมีการประเมินว่าภาคการท่องเที่ยว รวมถึงรายได้จากภาคการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวได้ดีขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้” นายพรชัยกล่าว 🏛️ นอกจากนี้ การดำเนินนโยบายของภาครัฐจะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 65 ภาครัฐจะมีการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท และงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปี 65 วงเงิน 3.18 แสนล้านบาท รวมทั้งเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 วงเงิน 5 แสนล้านบาท ในส่วนที่เหลือที่คาดว่าจะมีการเบิกจ่ายได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในทุกกลุ่มอย่างตรงจุด รวมทั้งสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ควบคู่ไปกับการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจต่าง ๆ โดยคาดว่าการลงทุนภาครัฐจะขยายตัวที่ 4.6% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ 4.1-5.1%) ทั้งนี้ แรงสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐ จะส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการลงทุนภายในประเทศให้ปรับตัวสูงขึ้น โดยการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัวได้ 4.5% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ 4-5%) ขณะที่การลงทุนของภาครัฐในปีนี้ คาดว่าจะขยายตัวที่ 4.6% 📈 ด้านเสถียรภาพภายในประเทศ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5% ต่อปี แต่การปรับเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าดังกล่าวยังคงเป็นผลจากราคาในกลุ่มพลังงานและอาหารสดเป็นสำคัญ ซึ่งรัฐบาลได้มีการดำเนินมาตรการเพื่อลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนและลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบอาชีพในภาคขนส่ง รวมถึงดูแลประชาชนผู้มีรายได้น้อย กลุ่มแรงงานและกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว สำหรับปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่ ความยืดเยื้อของสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ส่งผลกระทบต่อราคาพลังงาน ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ทั้งสายพันธุ์ที่ระบาดในปัจจุบันและที่อาจเกิดขึ้นใหม่ในอนาคต ความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจและการเงินโลก อาทิ การส่งสัญญาณปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางในหลายประเทศจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการไหลออกของเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศและส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาท ปัญหาข้อจำกัดในห่วงโซ่อุปทานการผลิต (Supply Disruption) เช่น การขาดแคลนอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ในอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น และ ตลาดแรงงานยังคงฟื้นตัวไม่เต็มที่ จึงเป็นข้อจำกัดสำหรับการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน และความสามารถในการชำระหนี้สินของภาคครัวเรือนที่ยังคงมีความเปราะบาง ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะได้มีการติดตามและประเมินผลกระทบจากปัจจัยต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะดำเนินมาตรการทางการคลังและการเงินที่เหมาะสมเพื่อให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่องและทั่วถึงในทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: GDP GDP ไทย News Update เศรษฐกิจไทย แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: หุ้นจีนแผ่นดินใหญ่เด้งแรง หลังมีสัญญาณว่าเริ่มควบคุมการระบาดได้ - FINNOMENA หุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ บวกแรง นำโดย ดัชนี SZSE Component ปรับตัวขึ้นกว่า 4% ,ดัชนี Shanghai Composite ขึ้นมา 2.4% และ CSI 300 บวกกว่า 2.94% 27 เม.ย. 2565 หุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ บวกแรง นำโดย ดัชนี SZSE Component ปรับตัวขึ้นกว่า 4% ,ดัชนี Shanghai Composite ขึ้นมา 2.4% และ CSI 300 บวกกว่า 2.94% หลังทางการจีนส่งสัญญาณอาจลดระดับการ Lock Down ที่เซียงไฮ้ลง และจะอนุญาตให้มีการเดินทางแบบจำกัดจำนวนในพื้นที่ที่ไม่มีการระบาดในไม่ช้า เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ลงมาต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ในขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อในปักกิ่งเริ่มทรงตัว สะท้อนสัญญาณที่จะควบคุมการระบาดของ COVID-19 ได้ในสองหัวเมืองสำคัญของจีน FINNOMENA Investment Team มองว่าในระยะสั้น ยังคงต้องติดตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID -19 จากทางรัฐบาลจีนที่ยึดมั่นใน Zero – Covid Policy อย่างใกล้ชิด รวมไปถึงการดำเนินมาตรการผ่อนคลายดังกล่าวว่าเกิดขึ้นตามสัญญาณหรือไม่ และจำนวนผู้ติดเชื้อว่ามีแนวโน้มที่จะถูกควบคุมได้ ซึ่งจะหนุนให้การผ่อนคลายมาตรการเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการรอมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจนจากรัฐบาลจีน FINNOMENA Investment Team จึงแนะนำชะลอการลงทุน และสามารถทยอยสะสมกองทุนหุ้นจีนเมื่อเริ่มเห็นนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจและการดำเนินมาตรการผ่อนคลายอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นจากทางการจีน ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นจีน แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: YouTube ตกที่นั่งลำบาก รายได้โฆษณาร่วง โดน TikTok แย่งส่วนแบ่งตลาด ทำ Alphabet งบไตรมาสแรกต่ำคาด กระแสเปิดเมืองทำรายได้-กำไรหด - FINNOMENA Alphabet บริษัทแม่ Google รายงานงบไตรมาสแรกต่ำกว่าคาด รายได้จาก YouTube อ่อนแอ โดน TikTok แย่งส่วนแบ่งตลาด ดันราคาหุ้นร่วงเกือบ 3% หลังปิดตลาด 27 เม.ย. 2565 Alphabet บริษัทแม่ Google รายงานงบไตรมาสแรกต่ำกว่าคาด รายได้จาก YouTube อ่อนแอ โดน TikTok แย่งส่วนแบ่งตลาด ดันราคาหุ้นร่วงเกือบ 3% หลังปิดตลาด ผลประกอบการไตรมาส 1 ของ Alphabet เทียบกับคาดการณ์โดย Refinitiv และ StreetAccount ➢ กำไรต่อหุ้น (EPS): $24.62 ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ $25.91 ➢ รายได้ทั้งหมด: 68,010 ล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 68,110 ล้านดอลลาร์ ➢ รายได้จากโฆษณาบน Youtube: 6,870 ล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 7,510 ล้านดอลลาร์ ➢ รายได้จาก Google Cloud: 5,820 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าคาดการณ์ที่ 5,760 ล้านดอลลาร์ ➢ ต้นทุนในการเพิ่มทราฟฟิก (TAC): 11,990 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าคาดการณ์ที่ 11,690 ล้านดอลลาร์ รายได้ทั้งหมดของบริษัทเพิ่มขึ้น 23% จากปีที่แล้ว แต่ชะลอตัวจากการเติบโต 34% ในไตรมาสเดียวกันของปี 2021 หลังเศรษฐกิจกลับมาเปิดอีกครั้งจากการระบาดของโควิด ทำให้คนใช้เวลาบนออนไลน์ลดลง ขณะที่รายได้จาก Youtube ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด จากการที่ผู้คนอยู่บ้านน้อยลงหลังยุคโควิด และการถูกแย่งส่วนแบ่งตลาดวิดีโอโซเชียลมีเดียจาก TikTok Sundar Pichai ซีอีโอของ Alphabet กล่าวว่า บริษัทมีฟีเจอร์คู่แข่ง TikTok บน YouTube ที่เรียกว่า Shorts ซึ่งตอนนี้มียอดวิวกว่า 30,000 ล้านคร้งต่อวัน มากกว่าไตรมาสก่อนหน้า 2 เท่า และมากกว่าปีที่แล้วถึง 4 เท่า ด้านธุรกิจ Cloud ของ Google โตอย่างโดดเด่นที่ 44% หลังบรรดาองค์กรขนาดใหญ่เปลี่ยนมาใช้ Google Cloud มากขึ้น แต่ยังขาดทุนจากการดำเนินงานที่ 931 ล้านดอลลาร์ เทียบกับ 974 ล้านดอลลาร์ในปีก่อน ในไตรมาสแรก Google ได้ระงับการใช้งานส่วนใหญ่ในรัสเซียเพื่อตอบโต้การที่รัสเซียบุกยูเครน ทำให้การเติบโตของรายได้ในภูมิภาคยุโรป ซึ่งรวมถึงตะวันออกกลางและแอฟริกา ชะลอตัวลงเหลือ 19% จาก 33% ในปีก่อนหน้า อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/04/26/alphabet-to-report-q1-earnings-after-the-bell-tuesday.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Alphabet News Update TikTok YouTube แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: ‘สี จิ้นผิง’ ล้างบางทุจริตภาคการเงิน สอบหนักอดีตประธาน China Merchants Bank สั่นคลอนตลาดหุ้นจีนที่กำลังผันผวน - FINNOMENA ‘สี จิ้นผิง’ เร่งปราบปรามทุจริตอีกครั้ง โดนตั้งแต่พนักงานระดับเล็กยันเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสถาบันการเงินชั้นนำ สร้างความวิตกแก่นักลงทุนในตลาดและเศรษฐกิจที่ผันผวนอยู่แล้ว 26 เม.ย. 2565 ‘สี จิ้นผิง’ เร่งปราบปรามทุจริตอีกครั้ง โดนตั้งแต่พนักงานระดับเล็กยันเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสถาบันการเงินชั้นนำ สร้างความวิตกแก่นักลงทุนในตลาดและเศรษฐกิจที่ผันผวนอยู่แล้ว ตามประกาศของคณะกรรมการตรวจสอบวินัยของพรรคคอมมิวนิสต์ (CCDI) มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่างน้อย 16 คน ซึ่งรวมถึง Tian Huiyu อดีตประธาน China Merchants Bank ที่ถูกสอบสวนหรือลงโทษในเดือน เม.ย. ต่อเนื่องจากเดือน ต.ค. ปีที่แล้ว ซึ่งมีเจ้าหน้าที่การเงินหลายสิบรายถูกตรวจสอบ ความไม่แน่นอนในตลาดหุ้นจีนก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่รัฐบาลจีนไล่คุมเข้มภาคเอกชนเป็นวงกว้าง และยิ่งตอนนี้เศรษฐกิจจีนกำลังสั่นคลอนหนักจากการแพร่ระบาดของโอมิครอที่ทำให้เป้าหมาย GDP โตที่ 5.5% อาจเกินเอื้อม การถูกสอบสวนของ Tian Huiyu ทำให้หุ้น China Merchants ธนาคารเพื่อธุรกิจรายย่อยที่ใหญ่ที่สุดของจีนร่วงลงเกือบ 20% แล้วตั้งแต่ต้นปี ไม่กี่วันหลังถูกถอดออกจากตำแหน่งประธานบริษัท Tian Huiyu ถูกตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการทุจริตในวันศุกร์ (22 เม.ย.) และในวันเดียวกันนั้น Jiang Yunming รองประธานบริษัทการเงินของมณฑลฝูเจี้ยนถูกเรียกสอบสวนด้วยข้อหาคล้ายกัน รายงานระบุเพิ่มเติมว่า Tian Huiyu และ Jiang Yunming เคยเป็นรูมเมทกันสมัยเรียนที่ Shanghai University of Finance and Economics ด้วย อัยการสูงสุดยังได้ประกาศจับกุม Zeng Changhong อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยงานกำกับดูแลตลาดในข้อหารับสินบน โดยก่อนหน้านี้ Zeng มีหน้าที่รับผิดชอบอนุมัติการ IPO และได้รับฉายาว่าเป็น “เจ๊ใหญ่แห่งการ IPO” เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ที่ถูกสอบสวนในเดือน เม.ย. ต่างเคยทำงานให้กับทั้งหน่วยงานกำกับดูแล ธนาคารรัฐชั้นนำ คณะกรรมการกำกับดูแลการธนาคารแห่งประเทศจีน และ China Construction Bank ซึ่งนี่ยังไม่ได้รวมเจ้าหน้าที่ระดับล่างที่ถูกประกาศโดยรัฐบาลท้องถิ่น คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยระดับสูงวิพากวิจารณ์หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินและธนาคารของรัฐหลาย 10 แห่งว่า พวกเขามีทั้งปัญหาระดับทั่วไป รวมถึงปัญหาคอร์รัปชันที่เด่นชัดอย่างมาก แม้ดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุดของประเทศมานานเกือบทศวรรษ ปธน.สี จิ้นผิงยังเดินหน้าจัดการการคอร์รัปชันอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นไปที่การบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา นโยบายได้กล่าวได้ลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐไปมากกว่า 1.5 ล้านคน โดยคดีที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ การสั่งประหารชีวิต Lai Xiaomin อดีตประธาน China Huarong และการลงโทษจำคุกตลอดชีวิตของ Hu Huaibang อดีตประธานธนาคาร CDB อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-04-25/xi-s-finance-crackdown-grows-as-more-than-40-officials-ensnared?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update จีน สี จิ้นผิง แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: ปักกิ่งเริ่มแล้ว! ปูพรมตรวจโควิดชาวเมือง 20 ล้านคน ย้ำนโยบายจีนไม่ขออยู่ร่วมกับโควิด - FINNOMENA ปักกิ่งปูพรมตรวจชาวเมือง 20 ล้านคน ครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาด กังวลโอมิครอนลุกลามจนควบคุมไม่ได้และไม่หยุดแค่ในเมืองหลวง 26 เม.ย. 2565 ปักกิ่งปูพรมตรวจชาวเมือง 20 ล้านคน ครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาด กังวลโอมิครอนลุกลามจนควบคุมไม่ได้และไม่หยุดแค่ในเมืองหลวง ตลอดสุดสัปดาห์นี้ ชาวเมืองปักกิ่งเกือบ 20 ล้านคน จะต้องทำการตรวจโควิด 3 ครั้ง โดยเริ่มต้นที่เขตเฉาหยาง ทางตะวันออกของปักกิ่ง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดครั้งล่าสุดเกิดขึ้น การปูพรมตรวจในวงกว้างจะครอบคลุมเขตบริหารอื่นๆ อีก 10 แห่ง รวมถึงเขตพัฒนาเศรษฐกิจ ที่ตั้งของหลายบริษัทเทคโนโลยี รวมถึง JD.com ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซ นี่เป็นหนึ่งในการตรวจโควิดครั้งใหญ่ที่สุด ก่อนหน้านี้จีนสามารถคุมโควิดได้ตั้งแต่ต้นปี 2020 จากการปูพรมตรวจและล็อกดาวน์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็จริง แต่โอมิครอยอาจทำให้จีนไม่สามารถใช้กลยุทธ์เดิมได้อีกต่อไป การประกาศตรวจโควิดอย่างเร่งด่วนตอกย้ำว่ารัฐบาลจีนต้องการรู้ว่าโอมิครอนแพร่กระจายมานานแค่ไหนและเป็นวงกว้างเพียงใด โดยเมื่อวานนี้ (25 มี.ค.) ปักกิ่งถูกสั่งล็อกดาวน์บางส่วนในเขตฉาหยาง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่พักของชาวต่างชาติ สถานทูตต่างประเทศ และย่านศูนย์กลางธุรกิจ ก่อนหน้านี้เซี่ยงไฮ้ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ไม่ต่างกัน ทำให้ชาวปักกิ่งกังวลว่าอาจมีการสั่งล็อกดาวน์เพิ่มเติม นำไปสู่ปัญหาการขาดแคลนอาหารเช่นเดียวกับในเซี่ยงไฮ้ จนทำให้ชาวปักกิ่งเริ่มแห่กักตุนอาหาร มาตรการล็อกดาวน์ถูกนำมาใช้บ่อยขึ้น ตอนนี้ชาวจีนกว่า 50 ล้านคนถูกล็อกดาวน์ โดย 25 ล้านคน ในศูนย์กลางการเงินของเซี่ยงไฮ้ถูกล็อกดาวน์นานเกือบ 1 เดือนแล้ว จนประสบทั้งปัญหาขาดแคลนอาหาร และไม่สามารถเข้าถึงบริการสุขภาพได้ ในเวลาที่ทั่วโลกเรียนรู้ที่จะอยู่กับโควิดและยอมรับมันเป็นโรคประจำถิ่น การล็อกดาวน์ที่ยืดเยื้อในจีนเริ่มสร้างความไม่พอใจต่อประชาชน เมื่อวานนี้ (25 เม.ย.) ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในเซี่ยงไฮ้ลดลงเหลือ 16,980 จาก 27,000 คนต่อวันก่อนหน้านี้ แต่จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นสู่ 200 รายในวันนี้ (26 เม.ย.) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-04-26/beijing-to-test-most-of-city-for-covid-as-lockdown-specter-looms?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update จีน ล็อกดาวน์ โควิด-19 แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: ‘อีลอน มัสก์’ ปิดดีลซื้อ ‘ทวิตเตอร์’ มูลค่า $4.4 หมื่นล้าน ดันหุ้นพุ่ง 6% เตรียมนำบริษัทออกจากตลาด - FINNOMENA ‘อีลอน มัสก์’ ปิดดีลซื้อ ‘ทวิตเตอร์’ สำเร็จ ด้วยวงเงิน 44,000 ล้านดอลลาร์ ดันราคาหุ้นพุ่ง 6% เตรียมนำบริษัทออกตลาด 26 เม.ย. 2565 ‘อีลอน มัสก์’ ปิดดีลซื้อ ‘ทวิตเตอร์’ สำเร็จ ด้วยวงเงิน 44,000 ล้านดอลลาร์ ดันราคาหุ้นพุ่ง 6% เตรียมนำบริษัทออกตลาด เมื่อวานนี้ (25 เม.ย.) รอยเตอร์รายงานว่า บอร์ดบริหารของทวิตเตอร์เริ่มเจรจารอบใหม่ หลังอีลอน มัสก์ เสนอซื้อหุ้นทวิตเตอร์ในราคา $54.20 ซึ่งการเจรจาลุล่วงไปด้วยดี และนี่เป็นช่วงเวลาสำคัญของบริษัทอายุ 16 ปี ที่เป็นหนึ่งในพื้นที่สาธารณะที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกออนไลน์ ดีลดังกล่าวดันราคาหุ้นทวิตเตอร์เพิ่มขึ้น 6% อยู่ที่ $51.90 โดยตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ราคาหุ้นพุ่งแล้ว 38% อีลอน มัสก์ มีผู้ติดตามในทวิตเตอร์มากกว่า 83 ล้านคน โดยในเดือน ม.ค. เขาได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นทวิตเตอร์อยู่ที่ประมาณ 9% และในเดือน มี.ค. เขาได้วิจารณ์อัลกอริธึมของแพลตฟอร์ม หน้าฟีดที่รกเพราะโพสต์สแปม และการเติบโตของผู้ใช้งานที่มากเกินจริงจากบอท หลังปฏิเสธคำเชิญให้เป็นบอร์ดบริหารของทวิตเตอร์ในวันที่ 14 เม.ย. อีลอน มัสก์เสนอซื้อบริษัทและเตรียมนำออกจากตลาด โดยกล่าวว่าเขาจะทำให้แพลตฟอร์มนี้เป็นเป็นป้อมปราการแห่งการพูดอย่างอิสระ ก่อนหน้านี้มัสก์เคยวิจารณ์ทวิตเตอร์ในการกลั่นกรองความเห็น สนับสนุนแนวทางการไม่ควบคุมเนื้อหา พร้อมบอกว่าเขาต้องการเปิดเผยอัลกอริธึมให้ผู้ใช้เข้าดูและเสนอแนะการเปลี่ยนแปลง “การแสดงความคิดเห็นอย่างเสรีคือรากฐานของประชาธิปไตย และทวิตเตอร์คือชุมชนดิจิทัลซึ่งเป็นพื้นที่ในการถกเถียงประเด็นสำคัญต่ออนาคตของมนุษยชาติ” อีลอน มัสก์ กล่าวหลังปิดดีลสำเร็จ อีลอน มัสก์ยังได้ทวีตข้อความว่า เขาต้องการพัฒนาทวิตเตอร์ให้ดีขึ้นด้วยการเพิ่มลูกเล่นใหม่ๆ สร้างอัลกอริธึมแบบกว้างเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ รวมกึงกำจัดสแปมและบอท แม้ทวิตเตอร์จะมีขนาดแค่ 1 ใน 10 ของเฟซบุ๊ก แต่มีความสำคัญเกินขนาดมาก เพราะเคยเป็นแพลตฟอร์มที่โหมกระพือจลาจลในอาหรับอาหรับสปริง และถูกกล่าวหาว่ามีบทบาทในเหตุจู่โจมอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อต้นปีที่แล้ว ทำเนียบขาวปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในเรื่องนี้ แต่ระบุว่า ที่ผ่านมา ปธน.โจไบเดนกังวลต่ออิทธิพลของสื่อออนไลน์ในการเผยแพร่ข่าวลวงหรือข้อมูลผิดๆ ซึ่งรวมถึงทวิตเตอร์และแพลตฟอร์มอื่นด้วย อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-04-25/elon-musk-clinches-deal-to-take-twitter-private-for-44-billion?sref=e4t2werz https://www.voathai.com/a/6544659.html https://mgronline.com/around/detail/9650000039439 ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Elon Musk News Update twitter แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Bitcoin ยังร่วงต่อเนื่อง หลุด $39,000 ต่ำสุดรอบ 6 สัปดาห์ เคลื่อนไหวสวนทางดอลลาร์ หลัง Fed ส่งสัญญาณเชิงรุก - FINNOMENA Bitcoin ร่วงต่อเนื่องหลุด $39,000 นักลงทุนเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยงหลัง Fed ส่งสัญญาณเชิงรุก เตรียมขึ้นดอกเบี้ย 50 bps ในการประชุมเดือน พ.ค. รวมถึงแรงเทขายเพื่อมาถือเงินดอลลาร์ในฐานมากขึ้น 26 เม.ย. 2565 Bitcoin ร่วงต่อเนื่องหลุด $39,000 นักลงทุนเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยงหลัง Fed ส่งสัญญาณเชิงรุก เตรียมขึ้นดอกเบี้ย 50 bps ในการประชุมเดือน พ.ค. รวมถึงแรงเทขายเพื่อมาถือเงินดอลลาร์ในฐานมากขึ้น ล่าสุด (25 เม.ย.) สกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดอย่าง Bitcoin ร่วงลงมา 3% ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ $38,600 ต่ำสุดนับตั้งแต่ 15 มี.ค. และร่วงลงมากกว่า 20% จากจุดสูงสุดในเดือนที่แล้ว ขณะที่ เหรียญที่มีมูลค่ารองลงมาอย่าง Ether ร่วงกว่า 4.2% อยู่ที่ระดับ $2,800 ต่ำสุดนับตั้งแต่ 18 มี.ค. สัญญาณทางเทคนิคบ่งชี้ว่า สกุลเงินดิจิทัลมีแนวโน้มลดลงอีก Katie Stockton ผู้ก่อตั้ง Fairlead Strategies กล่าวว่า Bitcoin ลดลงต่ำกว่าแนวรับของ Ichimoku Cloud บนกราฟรายสัปดาห์ โดยแนวรับถัดไปอยู่ที่ประมาณ $27,200 สอดคล้องกับ Mark Newton นักกลยุทธ์เชิงเทคนิคจาก Fundstrat ที่กล่าวเมื่อวันศุกร์ (22 เม.ย.) ที่ผ่านมาว่า Bitcoin เริ่มหลุดแนวรับรองในรอบสองเดือน และอาจร่วงต่ออีกจนไปทดสอบระดับต่ำสุดในเดือน ม.ค. โดยคาดว่าจุดกลับตัวลง (Pullback) จะอยู่ที่ระดับ $36,300 และอาจลงไปทดสอบที่ราคาประมาณ $32,950 แม้จะร่วงลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่ราคา Bitcoin ยังเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง $35,000-$45,000 ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งราคาคริปโตฯ เคลื่อนไหวสอดคล้องกับดัชนีเทคโนโลยี Nasdaq 100 แต่สวนทางกับเงินดอลลาร์ สัญญาณการขึ้นดอกเบี้ย 50 bps เพื่อต่อสู้กับปัญหาเงินเฟ้อของ Fed เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ราคาคริปโทฯ ร่วงลง หลังปรับตัวขึ้นตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา NYDIG บริษัทให้คำปรึกษาเกี่ยวกับ Fintech และ Bitcoin กล่าวว่า นักลงทุนบางส่วนอาจขาย Bitcoin หรือทองคำ เพื่อมาถือดอลลาร์ เพราะการถือดอลลาร์ได้ให้ผลตอบแทนมากขึ้น โดยความสัมพันธ์แบบผกผันระหว่าง Bitcoin กับ เงินดอลลาร์และอัตราดอกเบี้ย เพิ่งปรากฎให้เห็นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา “Bitcoin จะยังคงถูกขับเคลื่อนโดยปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก อย่างเช่นการเติบโตของผู้ใช้งาน หรือการใช้เครือข่าย แต่สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจคือ วิวัฒนาการความสัมพันธ์ของ Bitcoin และปัจจัยมหภาค” NYDIG กล่าวเสริม อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-04-25/xi-s-finance-crackdown-grows-as-more-than-40-officials-ensnared?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Bitcoin Crypto News Update คริปโต แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: หุ้นใหญ่ร่วงกดตลาดเวียดนามลงกว่า 5% - FINNOMENA ดัชนี VN Index ร่วงกว่า 5.04% ลงสู่ระดับ 1,309 จุด ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีก่อนหน้า โดยเผชิญกับแรงขายกดดันไปทั่วตลาด 460 จาก 497 หุ้นอยู่ในโซนลบ โดยนักลงทุนต่างชาติแห่ขายหุ้นเวียดนามไปกว่า 11,500 ล้านดอง 25 เม.ย. 2565 ดัชนี VN Index ร่วงกว่า 5.04% ลงสู่ระดับ 1,309 จุด ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีก่อนหน้า โดยเผชิญกับแรงขายกดดันไปทั่วตลาด 460 จาก 497 หุ้นอยู่ในโซนลบ โดยนักลงทุนต่างชาติแห่ขายหุ้นเวียดนามไปกว่า 11,500 ล้านดอง นำโดยหุ้น HPG ของผู้ผลิตเหล็ก Hoa Phat Group และหุ้น DXG ของ Dat Xanh Group ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในขณะที่ดัชนี VN30 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นใหญ่ที่สุดในตลาดเวียดนาม 30 บริษัท ร่วงแรงกว่า 5% เช่นกันโดย 11 จาก 30 บริษัท ราคาร่วงไปอยู่ที่ Floor โดยนักวิเคราะห์คาดว่าเกิดจาก Margin Call อันเป็นสถานการณ์ที่นักลงทุนซึ่งมีการกู้ยืมเงินลงทุนต้องเติมเงินฝากเพิ่มหรืออาจจะถูกบังคับปิดสถานะลงทุน (Force Sell) ถ้านักลงทุนไม่เติมเงินไปถึงระดับ Margin Call FINNOMENA Investment Team มองว่าในระยะสั้นตลาดหุ้นเวียดนามยังมีความผันผวนตามแนวโน้มตลาดโลก โดยอาจรอให้ความผันผวนลดลง จึงพิจารณาทยอยเข้าสะสมได้ เนื่องจากเศรษฐกิจเชิงโครงสร้างยังคงแข็งแกร่งรับอานิสงส์จากการส่งออกและการเปิดเมืองต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะกระตุ้นการบริโภคภายใน ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นเวียดนาม แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: Hang Seng และ CSI 300 ร่วงแรง เผชิญแรงขาย กังวล COVID - FINNOMENA ดัชนี Hang Seng เปิดตลาดร่วงแรงกว่า 3.0% นำโดยหุ้นแพลตฟอร์มวิดีโอ Bilibili ที่ร่วงลงกว่า 4.89% และ หุ้น Alibaba ติดลบกว่า 3.64% 27 เม.ย. 2565 ดัชนี Hang Seng เปิดตลาดร่วงแรงกว่า 3.0% นำโดยหุ้นแพลตฟอร์มวิดีโอ Bilibili ที่ร่วงลงกว่า 4.89% และ หุ้น Alibaba ติดลบกว่า 3.64% ในขณะที่ด้าน CSI 300 ร่วงกว่า 2.5% อยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2020 จากความกังวลว่าอาจมีการ Lock Down ในปักกิ่งที่สถานการณ์อยู่ในภาวะเร่งด่วนและน่ากังวล เพื่อป้องกันการระบาดเช่นเดียวกับเมืองเซียงไฮ้ FINNOMENA Investment Team มองว่าในระยะสั้น ตลาดหุ้นจีนจะถูกกดดันด้วยมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID -19 จากทางรัฐบาลจีนที่ยึดมั่นใน Zero – Covid Policy รวมถึงยังคงรอมาตรการการกระตุ้นที่ชัดเจนจากรัฐบาลจีนออกมา FINNOMENA Investment Team แนะนำชะลอการลงทุน และสามารถทยอยสะสมกองทุนหุ้นจีนเมื่อเริ่มเห็นนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจนยิ่งขึ้นจากทางการจีน ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นจีน แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: ‘มาครง’ คว้าชัยเลือกตั้งฝรั่งเศส ครองตำแหน่งปธน.สมัย 2 ตลาดหุ้นยุโรปตอบรับเชิงบวก ยูโร-พันธบัตรฝรั่งเศส-หุ้นธนาคาร ได้ประโยชน์ - FINNOMENA ‘เอ็มมานูเอล มาครง’ คว้าชัยเลือกตั้งฝรั่งเศส ครองตำแหน่งปธน.สมัยที่ 2 ด้านตลาดตอบรับเชิงบวกมากขึ้น หลังหลายฝ่ายมองผลเลือกตั้งช่วยลดแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองโลก 25 เม.ย. 2565 ‘เอ็มมานูเอล มาครง’ คว้าชัยเลือกตั้งฝรั่งเศส ครองตำแหน่งปธน.สมัยที่ 2 ด้านตลาดตอบรับเชิงบวกมากขึ้น หลังหลายฝ่ายมองผลเลือกตั้งช่วยลดแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองโลก เมื่อวานนี้ (24 เม.ย.) ปธน.มาครง กล่าวขอบคุณสั้นๆ หลังคว้าชัยจาก ‘มารีน เลอเปน’ ผู้ท้าชิงฝ่ายอนุรักษ์นิยมขวาจัด ด้วยคะแนน 58% ต่อ 42% ซึ่งเป็นผลคะแนนของฝั่งขวาที่เฉียดใกล้ขึ้นสู่อำนาจในฝรั่งเศสมากสุดเท่าที่เคยมีมา นี่ชี้ให้เห็นว่าว่า ฝรั่งเศสกำลังมีความแตกแยกอย่างรุนแรง “ต้องหาคำตอบให้เจอ ความโกรธเคืองและความผิดหวังที่ทำให้เพื่อนร่วมชาติของเราลงคะแนนให้ฝ่ายขวาจัด มันจะเป็นความรับผิดชอบของผม” มาครง กล่าว เหล่าผู้จัดการการเงินมองว่าเงินยูโร พันธบัตรฝรั่งเศส และหุ้นธนาคาร เป็นกลุ่มสินทรัพย์ที่น่าจะได้รับประโยชน์เมื่อมาครงชนะ เงินยูโรแข็งค่าขึ้นทันที 0.5% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังมารีน เลอเปน ประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ในศึกครั้งนี้ ด้านหุ้นธนาคารในฝรั่งเศสอย่าง BNP Paribas SA และ Societe Generale SA มีแนวโน้มตอบรับเชิงบวกต่อชัยชนะของมาครงในวัย 44 ปี ที่ให้คำมั่นว่าจะมุ่งหน้าต่อไปเพื่อให้ฝรั่งเศสเป็นรากฐานที่สำคัญของอียู คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (22 เม.ย.) ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ดัชนี CAC 40 ปิดลบ 2% ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี Euro Stoxx 600 ปิดลบ 1.8% Alexandre Baradez หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดจาก IG France กล่าวว่า ชัยชนะของมาครงทำให้ความเสี่ยงในอียูลดลง ซึ่งเป็นเรื่องดีเพราะตอนนี้ตลาดกำลังเผชิญกับความท้าทายมากมาย ทั้งโควิดในจีน ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ และเงินเฟ้อที่สูงขึ้น โดยเขาคาดว่า ดัชนี CAC 40 จะสามารถขึ้นไปได้ถึง 1% เว้นแต่จะมีข่าวร้ายในช่วงเวลาซื้อขายของตลาดเอเชีย ก่อนหน้านี้ตลาดกังวลผลการเลือกตั้ง เพราะหากเลอเปนคว้าชัยนโยบายของฝรั่งเศสจะเปลี่ยนไป โดยจะเน้นสนับสนุนอุตสาหกรรมสำคัญให้กลายเป็นของรัฐ เตรียมลดภาษี และต้องการลดเงินสนับสนุนของฝรั่งเศสในงบประมาณของอียู มาครง กลายเป็นปธน.คนแรกในรอบ 20 ปี ที่ได้เป็นผู้นำฝรั่งเศสถึง 2 สมัย และเป็นปธน.คนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสที่รักษาเก้าอี้ผู้นำสมัย 2 ไว้ได้ อย่างไรก็ตามในวันเดียวกัน ตำรวจปราบจลาจลยิงแก๊สน้ำตาและจับกุมผู้ประท้วงกลางกรุงปารีส ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาที่ไม่พอใจผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในครั้งนี้ อ้างอิง: https://www.reuters.com/world/europe/european-markets-cheer-macron-set-win-french-election-2022-04-24/ https://www.cnbc.com/2022/04/24/france-election-2022-result-emmanuel-macron-vs-marine-le-pen.html https://www.voathai.com/a/6543078.html https://mgronline.com/around/detail/9650000039048 ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update ฝรั่งเศส มาครง เอ็มมานูเอล มาครง แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: สูงสุดคืนสู่สามัญ ARKK ร่วงแล้ว 60% จากจุดสูงสุด ล้างผลตอบแทนหลังยุคโควิด - FINNOMENA แรงเทขายหุ้นเทคโนโลยีในวงกว้างได้ฉุดผลตอบแทน ARKK ให้ร่วงกว่า 70% จากระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี และลดลงมา 60% จากจุดสูงสุดในเดือน เม.ย. 2021 หรือเรียกได้ว่าผลตอบแทนที่เคยทำในช่วงหลังโควิด ได้ถูกลบล้างไปหมดแล้ว 22 เม.ย. 2565 แรงเทขายหุ้นเทคโนโลยีในวงกว้างได้ฉุดผลตอบแทน ARKK ให้ร่วงกว่า 70% จากระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี และลดลงมา 60% จากจุดสูงสุดในเดือน เม.ย. 2021 หรือเรียกได้ว่าผลตอบแทนที่เคยทำในช่วงหลังโควิด ได้ถูกลบล้างไปหมดแล้ว เมื่อวานนี้ (21 เม.ย.) กองทุน ARKK ร่วงลงมาอีก 4.7% ปิดที่ราคา $56.89 ถ้า ARKK ไม่ได้ถือครอง Tesla ในสัดส่วนสูงสุดในพอร์ตที่ 10.55% ผลตอบแทนของกองทุนอาจแย่กว่านี้ได้อีก เพราะ Tesla ร่วงลงมาแค่ประมาณ 16.4% จากจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 4 พ.ย. ขณะที่หุ้นอื่นร่วงแรงมาก อย่าง Berkeley Lights บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพร่วงมาแล้ว 94% จากจุดสูงสุดในรอบ 5 ปี เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา Cathie Wood ได้เพิ่มเป้าราคา Tesla ที่ $4,600 ภายในปี 2026 หรือมากกว่าราคาปัจจุบันถึง 4 เท่า โดย Ark มองว่าในปี 2026 หุ้น Tesla จะถูกซื้อขายแบบบริษัทที่โตเต็มที่แล้วไม่ใช่แค่บริษัทเติบโตสูงแบบตอนนี้ 📌 อ่านข่าว “Cathie Wood เพิ่มเป้าราคา Tesla สู่ $4,600 ภายในปี 2026 สูงกว่าตอนนี้ 4 เท่าตัว ผู้เชี่ยวชาญชี้ แค่สร้างความหวังให้รายย่อย” ต่อได้ที่นี่ ข้อมูลจาก Bespoke Investment ระบุว่า เกือบครึ่งหนึ่งของหุ้นในกองทุน ARKK ร่วงลงอย่างน้อย 75% จากจุดสูงสุดในรอบ 5 ปี และมีหุ้น Signify Health เพียงตัวเดียวที่ตั้งแต่ต้นปีนี้ที่สามารถสร้างผลตอบแทนเป็นบวกได้ “หากต้องการกลับไปสู่ระดับสูงสุดก่อนหน้านี้ ARKK จำเป็นต้องปรับตัวขึ้นมาให้ได้ 348% ” Bespoke Investment กล่าว Cathie Wood ให้สัมภาษณ์กับ Yahoo Finance ว่า Ark เข้าใจลูกค้าที่เผชิญกับภาวะขาดทุนอย่างหนัก แต่สิ่งสำคัญอันดับหนึ่งของ Ark คือ “กลยุทธ์ระยะยาว” ที่ 5 ปี และมองว่ากรอบเวลาที่ 12-18 เดือนของผู้จัดการกองทุนแบบดั้งเดิมคือ กลยุทธ์ระยะสั้น ผลตอบแทนที่ +150% ในปี 2020 สร้างความโด่งดังให้กับบริษัท และทำให้ Cathie Wood กลายเป็นผู้จัดการกองทุนชื่อดัง แต่ตอนนี้ผลตอบแทนดังกล่าวถูกล้างไปหมดแล้ว ผลการดำเนินงานที่ย่ำแย่ทำให้ Morningstar ลดอันดับความน่าเชื่อถือของ ARKK จาก ระดับ ‘ปานกลาง’ (Neutral) สู่ระดับ ‘ติดลบ’ (Negative) ซึ่งเป็นระดับ ‘ต่ำสุด’ ของคำแนะนำการลงทุน 📌 อ่านข่าว “Morningstar สับ ป้าเคธี่ ‘เละ’ ปรับคำแนะนำ ARKK สู่ระดับต่ำสุด ชี้จัดการแย่ ไม่บริหารความเสี่ยง ให้ป้าเคธี่รับผิดชอบงานคนเดียวมากเกินไป” ได้ที่นี่ อ้างอิง: https://finance.yahoo.com/news/cathie-woods-arkk-is-down-60-from-its-peak-185056213.html #ข่าว #ลงทุน #Ark #CathieWood ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: ARK ARK Invest ARKK Cathie Wood News Update แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: หุ้นจีนส่อแววถูกถอดจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ? สะท้อนผ่านพฤติกรรมนักลงทุน ปริมาณการซื้อขายหุ้น JD และ Alibaba ในสหรัฐฯ ถูกย้ายมาตลาดหุ้นฮ่องกงเพิ่มขึ้น - FINNOMENA สัญญาณหุ้นจีนถูกถอดจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ส่อแววชัดเจน? หลังนักลงทุนแห่ย้ายมาซื้อขายหุ้นยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซอย่าง JD และ Alibaba ในตลาดหุ้นฮ่องกงมากขึ้น 21 เม.ย. 2565 สัญญาณหุ้นจีนถูกถอดจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ส่อแววชัดเจน? หลังนักลงทุนแห่ย้ายมาซื้อขายหุ้นยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซอย่าง JD และ Alibaba ในตลาดหุ้นฮ่องกงมากขึ้น 🇭🇰 นักลงทุนเพิ่มการซื้อหุ้นจีนในตลาดหุ้นฮ่องกงแทนสหรัฐฯ ตอนนี้ 77% ของหุ้น JD กำลังหมุนเวียนและซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับระดับ 44% เมื่อต้นปี ขณะที่สัดส่วนการซื้อขายของหุ้น Alibaba ในตลาดหุ้นฮ่องกงเพิ่มขึ้นเป็น 56% จาก 53% ในช่วงเวลาเดียวกัน สัญญาณดังกล่าวชัดเจนขึ้นในเดือนนี้ แม้ทางการจีนจะออกมาแก้ไขกฎเกณฑ์ที่ใช้มานับทศวรรษเพื่ออนุญาตให้หน่วยงานกำกับดูแลสหรัฐฯ สามารถเข้าถึงการตรวจสอบข้อมูลได้ง่ายขึ้นแล้วก็ตาม แม้จะยังไม่ค่อยเห็นแนวโน้มดังกล่าวในบริษัทจีนอื่นๆ แต่ความเคลื่อนไหวในหุ้น JD และ Alibaba ซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่มากในจีนนั้นเน้นย้ำความเสี่ยงที่ตลาดกำลังกังวล 🐉 นักวิเคราะห์ชี้ มีโอกาส 50% ที่หุ้นจีนอาจถูกถอด Louis Lau ผู้จัดการกองทุนจาก Brandes Investment Partners กล่าวว่า บริษัทได้เพิ่มการซื้อหุ้นจีนในตลาดหุ้นฮ่องกงแทนการซื้อผ่านตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยมองว่ามีโอกาส 50% ที่หุ้นจีนอาจถูกถอด “ประเด็นที่ตลาดจับตาคือ ทางการจีนจะให้สิทธิในการตรวจสอบแก่ ก.ล.ต.สหรัฐฯ แค่ไหน และมีบริษัทใดบ้างที่ทางการจีนจะยอมให้ทำแบบนั้น” Louis Lau กล่าว การตรวจข้อมูลของบริษัทจีนในสหรัฐฯ เป็นประเด็นมานานกว่า 2 ทศวรรษ ซึ่งตอนนี้มีความเป็นไปได้ที่บริษัทจีนอาจถูกถอดจากตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก และ Nasdaq โดยเร็วที่สุดในปี 2024 ถ้าพวกเขาหลีกเลี่ยงข้อกำหนดเกิน 3 ปีติดต่อกัน ไม่นานมานี้ ก.ล.ต. สหรัฐฯ เพิ่งเผยรายชื่อ 23 บริษัทจีนที่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านการตรวจสอบบัญชี มีบริษัทจีนมากกว่า 200 แห่งที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ และมี 20 แห่งที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงควบคู่ไปด้วย ซึ่งคาดว่าตัวเลขดังกล่าวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เพราะผู้ถือ ADRs หุ้นจีนในสหรัฐฯ สามารถให้ธนาคารแปลงเป็นหุ้นที่จดทะเบียนในฮ่องกงตามอัตราส่วนที่กำหนดได้ ⚠️ หนีความเสี่ยงจากการถูกถอด มาเจอความเสี่ยงด้านโครงสร้างตลาด แต่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ไม่ได้ชดเชยความเสี่ยงทั้งหมดที่เกิดขึ้นในกรณีที่หุ้นถูกถอดออกจากสหรัฐฯ เพราะนักลงทุนต้องเผชิญกับตลาดที่มีสภาพคล่องน้อยกว่าและมีมูลค่าต่ำกว่าเมื่อย้ายกลับไปฮ่องกง Jamie Chen จาก Third Bridge Group กล่าวว่า มีการถกเถียงกันมากขึ้นถึงความแตกต่างของสภาพคล่องและนักลงทุนระหว่างตลาดหุ้นฮ่องกงและสหรัฐฯ เพราะการเปลี่ยนมาซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกงจะต้องเผชิญกับมูลค่า สภาพคล่อง และ Turnover Rate ที่ลดลง ซึ่งนี่เป็นความเสี่ยงหลักของตลาดหุ้นฮ่องกง อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-04-20/jd-alibaba-stock-exodus-from-new-york-intensifies-tech-watch?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Tesla ท็อปฟอร์ม รายได้โต 81% มั่นใจปีนี้ผลิตได้ 1.5 ล้านคัน แม้ซัพพลายขาดแคลน กำไรทุบสถิติใหม่ ดันราคาหุ้นพุ่งเกือบ 6% - FINNOMENA Tesla รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2022 รายได้โต 81% กำไรทุบสถิติใหม่ ดันหุ้นพุ่งเกือบ 6% แม้เผชิญแรงกดดันจากเงินเฟ้อและซัพพลายขาดแคลน 21 เม.ย. 2565 Tesla รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2022 รายได้โต 81% กำไรทุบสถิติใหม่ ดันหุ้นพุ่งเกือบ 6% แม้เผชิญแรงกดดันจากเงินเฟ้อและซัพพลายขาดแคลน ผลประกอบการไตรมาสแรกของ Tesla ➢ กำไรต่อหุ้น: $3.22 ➢ รายได้รวม: 18,760 ล้านดอลลาร์ (+81% YoY) ➢ รายได้จากรถไฟฟ้า: 16,860 ล้านดอลลาร์ (+87% YoY) ➢ กำไรขั้นต้นจากรถไฟฟ้า: ทำสถิติใหม่ที่ 5,540 ล้านดอลลาร์ (+32.9% YoY) ➢ รายได้จากการขายรถยนต์ไฟฟ้าให้ผู้ผลิตรถยนต์เจ้าอื่น (Regulatory Credits): 679 ล้านดอลลาร์ ปัจจัยหลักที่หนุนให้รายได้เติบโตคือ จำนวนส่งมอบรถยนต์และราคาเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น โดยไตรมาสแรกของปีนี้ Tesla ส่งมอบรถยนต์ไปทั้งหมด 310,048 คัน ใกล้เคียงกับสถิติสูงสุดที่บริษัทเคยทำได้ ซึ่ง 95% ของการส่งมอบเป็น Model 3 และ Model Y ส่งผลให้เมื่อคืนนี้ (20 เม.ย.) ราคาหุ้น Tesla หลังปิตลาดพุ่งขึ้นมา 5.52% จากราคาปิดตลาดที่ $977.2 บริษัทมั่นใจว่า Tesla จะสามารถเติบโตได้อย่างน้อย 50% จากปี 2021 แต่ระบุถึงการสูญเสียกำลังการผลิตบางส่วนไปประมาณ 1 เดือน จากการล็อกดาวน์ในเซี่ยงไฮ้ “การผลิตกำลังอยู่ในระดับที่จำกัด แต่บริษัทกำลังเร่งดำเนินการเพื่อให้สามารถกลับมาผลิตแบบเต็มรูปแบบโดยเร็วที่สุด” CFO ของบริษัทกล่าว Elon Musk คาดว่า บริษัทจะสามารถผลิตรถยนต์ได้ประมาณ 1.5 ล้านคันในปีนี้ แต่เตือนว่าลูกค้าที่สั่งซื้อในช่วงเวลานี้อาจต้องรอนาน และคำสั่งซื้อบางส่วนอาจยังไม่ได้รับการส่งมอบจนกว่าจะถึงปีหน้า แรงกดดันจากเงินเฟ้อ และการขาดแคลนทั้งชิ้นส่วนรวมถึงชิปนั้นทวีความรุนแรงขึ้นจากการแพร่ระบาดของโควิดและสงครามยูเครน ทำให้ระยะเวลาที่สินค้า Tesla อยู่ในคลัง ลดลงเหลือ 3 วันในไตรมาส 1/2022 จาก 4 วันในไตรมาสก่อนหน้า และ 8 วันในไตรมาส 1/2021 Elon Musk ยอมรับว่า การพัฒนาเทคโนโลยีขับขี่แบบอัตโนมัติใช้เวลานานกว่าที่เขาคาด พร้อมเชิญชวนให้ลูกค้าใช้ FSD Beta หรือระบบขับเคลื่อนด้วยตนเอง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายล่วงหน้าอยู่ที่ 12,000 ดอลลาร์หรือ 199 ดอลลาร์ต่อเดือน Tesla ยังไม่ได้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรโบแท็กซี่ แต่บริษัทเตรียมการเปิดตัวในปีหน้า และตั้งเป้าที่จะผลิตปริมาณมากในปี 2024 อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/04/20/tesla-tsla-earnings-q1-2022.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Elon Musk News Update Tesla แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: ธนาคารกลางจีน เปิด 23 มาตรการ พยุงเศรษฐกิจจากโควิด-19 เตรียมปล่อยสินเชื่อ สนับสนุนภาคธุรกิจ - FINNOMENA ธนาคารกลางจีนออก 23 มาตรการฟื้นเศรษฐกิจ พร้อมให้คำมั่นว่าจะส่งเสริมการปล่อยสินเชื่อ และสนับสนุนอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากโควิดและการล็อกดาวน์ มาดูกันว่ามีประเด็นสำคัญอะไรบ้าง? 21 เม.ย. 2565 ธนาคารกลางจีนออก 23 มาตรการฟื้นเศรษฐกิจ พร้อมให้คำมั่นว่าจะส่งเสริมการปล่อยสินเชื่อ และสนับสนุนอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากโควิดและการล็อกดาวน์ มาดูกันว่ามีประเด็นสำคัญอะไรบ้าง? 🦠มาตรการที่เกี่ยวข้องกับโควิด 1) ใช้นโยบายการเงินเพื่อรักษาสภาพคล่อง สนับสนุนธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อเพิ่ม และโอนผลประโยชน์ไปสู่เศรษฐกิจอย่างเหมาะสม 2) ขยายโควต้าสำหรับธุรกิจเกษตรกรรมและธุรกิจขนาดเล็ก เพิ่มการสนับสนุนอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด เช่น ธุรกิจบริการ จัดเลี้ยง ท่องเที่ยวและค้าปลีก 3) สนับสนุนเงินทุนแก่ธนาคารพาณิชย์ 1% ของเงินกู้ที่ธนาคารปล่อยให้บริษัทขนาดเล็ก ยาวไปจนถึงกลางปี 2023 4) ขยายหรือเลื่อนการชำระเงินกู้สำหรับผู้ที่ต้องกักตัวชั่วคราวจนสูญเสียรายได้ และให้สินเชื่อเพิ่มเติมแก่แรงงานบางประเภท เช่น คนขับรถแท็กซี่ เจ้าของร้านค้าออนไลน์ และคนขับรถบรรทุก 💰มาตรการสนับสนุนทางการเงิน 5) เพิ่มการสนับสนุนสินเชื่อสำหรับการปลูกในฤดูใบไม้ผลิ การจัดเก็บและแปรรูปธัญพืช รวมถึงการผลิตพืชผลที่สำคัญ เช่น ถั่วเหลือง 6) โครงการปล่อยเงินกู้ใหม่ (Relending Program) สนับสนุนการผลิตถ่านหินให้ตอบสนองต่อความต้องการของบริษัทผลิตไฟฟ้า 7) เพิ่มการสนับสนุนสินเชื่อสำหรับบริษัทขนส่ง คนขับรถบรรทุก รวมถึงสนับสนุนเงินกู้ฉุกเฉินสำหรับสายการบินและสนามบิน 8) สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาของบริษัท (R&D) ด้วยโครงการปล่อยเงินกู้ใหม่ (Relending Program) 9) เพิ่มงบสนับสนุนโครงการที่เน้นโครงสร้างพื้นฐานใหม่ รวมถึงแนะให้ธนาคารพาณิชย์ซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพื่อรองรับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแบบ Front-load 10) สนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์เป็นพาร์ทเนอร์ระยะยาวกับบริษัทเอกชน และเพิ่มส่วนแบ่งสินเชื่อ 11) กำหนดนโยบายสินเชื่ออสังหาฯ ทั้งเงินดาวน์และอัตราดอกเบี้ยที่ต่างกันไปในแต่ละมณฑล สนับสนุนโครงการที่มีคุณภาพ และเพิ่มการปล่อยกู้แก่บริษัทรับเหมา 12) ลดค่าธรรมเนียมและอัตราดอกเบี้ยสำหรับบริษัทฟินเทค 13) เพิ่มการสนับสนุนทางการเงินแก่ภาคส่วนต่างๆ ได้แก่ การดูแลผู้สูงอายุ การท่องเที่ยว พลังงานสีเขียว และภาคชนบท 💱มาตรการเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนเงิน 14) ทำให้ระบบการชำระด้วยเงินหยวนสะดวกมากขึ้นทั้งในด้านการค้าและการลงทุน 15) อำนวยความสะดวกให้บริษัทต่างๆ สามารถกู้ยืมเงินจากต่างประเทศได้ง่ายขึ้น 16) ส่งเสริมให้บริษัทต่างๆ ใช้เงินหยวนในการชำระข้ามพรมแดน พร้อมกับยกระดับอนุพันธ์ Forex เพื่อให้บริษัทสามารถป้องกันความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น 17) พัฒนาการชำระเงินข้ามพรมแดนให้เป็นรูปแบบดิจิทัล 18) สนับสนุนประกันภัยสำหรับผู้ส่งออกและผู้นำเข้ารายย่อย 19) ยกระดับขั้นตอนและมาตรฐานให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนให้หลักทรัพย์จีนได้ง่ายขึ้น 💬มาตรการอื่นๆ 20) ธนาคารกลางพร้อมเสริมความแข็งแกร่งแก่พรรคคอมมิวนิสต์ในการดำเนินนโยบายต่างๆ 21) ธนาคารกลางพร้อมแนะนำกฎต่างๆ เพื่อป้องกันอันตรายทางศีลธรรม 22) ธนาคารกลางจะเร่งอนุมัติการออกหุ้นกู้แก่บริษัทที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ด้วยการลดขั้นตอนและข้อกำหนดอย่างสมเหตุสมผล 23) รับประกันปริมาณเงินสด ควบคู่ไปกับการทำงานของระบบการชำระเงินดิจิทัล โดยธนาคารพาณิชย์สามารถอนุมัติสินเชื่อผ่านการประชุมทางวิดีโอได้ อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-04-19/pboc-unveils-23-measures-in-latest-bid-to-revive-china-s-economy?srnd=premium-asia&sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update จีน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: World Bank หั่น GDP โลกเหลือ 3.2% เซ่นพิษสงครามรัสเซีย-ยูเครน หวั่นปรับลดคาดการณ์ลงอีก เตรียมตั้งกองทุนช่วยเหลือ $170,000 ล้าน - FINNOMENA World Bank หั่น GDP โลกเหลือ 3.2% จาก 4.1% เซ่นพิษสงครามรัสเซีย-ยูเครน เตรียมตั้งกองทุนวงเงิน 170,000 ล้านดอลลาร์ หวังช่วยเหลือประเทศที่เผชิญผลกระทบ 19 เม.ย. 2565 World Bank หั่น GDP โลกเหลือ 3.2% จาก 4.1% เซ่นพิษสงครามรัสเซีย-ยูเครน เตรียมตั้งกองทุนวงเงิน 170,000 ล้านดอลลาร์ หวังช่วยเหลือประเทศที่เผชิญผลกระทบ 💥 สงครามรัสเซีย-ยูเครนสะเทือนเศรษฐกิจโลก David Malpass ประธาน World Bank มองว่าปัจจัยกดดันใหญ่ที่สุดคือ แนวโน้มหดตัว 4.1% ของเศรษฐกิจยุโรปและเอเชียกลาง นอกจากนี้ต้นทุนอาหารและเชื้อเพลิงที่แพงขึ้นจนกลายเป็นภาระของผู้บริโภคยังเป็นอีกปัจจัยที่กดดันการเติบโต โดยต้นทุนสินค้าต่างๆ ที่แพงขึ้นเป็นผลจากทั้งการที่รัสเซียถูกคว่ำบาตรด้านพลังงาน รวมถึงการหยุดชะงักด้านการส่งออกสินค้าเกษตรจากยูเครนซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตธัญพืชรายใหญ่ของโลก ตอนนี้รัสเซียได้ปิดกั้นท่าเรือสำคัญบริเวณทะเลดำที่เชื่อมต่อยูเครนกับส่วนอื่นๆ ของโลก ทำให้ส่งผลกระทบต่อเรือขนส่งที่บรรทุกธัญพืชและผลิตภัณฑ์อื่นๆ 💰World Bank เตรียมตั้งกองทุนวงเงินมหาศาลเพื่อปล่อยกู้แก่ประเทศที่ได้รับผลกระทบ “World Bank กำลังเตรียมความพร้อมเพื่อตอบสนองต่อวิกฤติที่เกิดขึ้น โดยในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าจะมีการเจรจาเกี่ยวกับแผนตั้งกองทุนวงเงิน 170,000 ล้านดอลลาร์ เป็นระยะเวลา 15 เดือน เพื่อปล่อยกู้แก่ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน” วงเงินดังกล่าวสูงกว่าตอนที่ World Bank ปล่อยกู้เพื่อบรรเทาทุกข์จากโควิด-19 ที่มูลค่า 160,000 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ เมื่อเดือนที่แล้ว World Bank เพิ่งประกาศแผนจัดตั้งกองทุนวงเงิน 3,000 ล้านดอลลาร์ให้แก่ยูเครน ซึ่งคาดว่าจะได้รับอนุมัติและนำไปใช้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า “วิกฤตหนี้ของประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลางจะเลวร้ายลงในปี 2022” ประธาน World Bank กล่าว ตอนนี้ความคืบหน้าในแผนช่วยประเทศกำลังพัฒนาที่มีหนี้สินจากประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่กำลังชะลอ ตัวลง โดยเหล่าประเทศกำลังพัฒนามีหนี้มูลค่ารวมกว่า 35,000 ล้านดอลลาร์ที่กำลังครบกำหนดในปีนี้ David Malpass กล่าวว่า หลายประเทศกำลังอยู่ภายใต้แรงกดดันทางการเงินขั้นรุนแรง ตอนนี้ 60% ของประเทศที่มีรายได้ต่ำกำลังอยู่ในวิกฤติหนี้หรือไม่ก็อยู่ในภาวะเสี่ยงสูง ซึ่ง World Bank ได้เรียกร้องให้กลุ่มประเทศ G-20 ปรับแนวทางเพื่อจัดระเบียบหนี้ของประเทศต่างๆ ที่อาจจะถูกผิดนัด 📉เศรษฐกิจโลกกำลังไม่แน่นอน และอาจถูกปรับลดคาดการณ์ลงมาอีก ด้าน Carmen Reinhart หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ World Bank เตือนว่า เศรษฐกิจโลกกำลังผ่านช่วงความไม่แน่นอนที่ผิดปกติอย่างมาก และมีแนวโน้มที่การเติบโตในอนาคตจะถูกปรับลดคาดการณ์ลงมาอีก “ตอนนี้เห็นได้ชัดว่ามีความเสี่ยงจากการหยุดชะงักมากมาย ตั้งแต่การล็อกดาวน์ในจีน ไปจนถึงผลกระทบต่อราคาอาหารจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน” Carmen Reinhart กล่าว อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/04/18/world-bank-slashes-global-growth-forecast-to-3point2percent-from-4point1percent-citing-ukraine-war-.html https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-04-18/world-bank-cuts-2022-global-growth-outlook-on-russia-invasion?sref=e4t2werz https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-04-19/world-bank-s-reinhart-says-global-risks-lay-on-the-downside?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: GDP News Update World Bank แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: Hang Sang ร่วง 2.5% เหตุกังวล Delisting และมาตรการควบคุม - FINNOMENA Hang Seng Index เปิดร่วงกว่า 2.5% หลังจากกลับมาเปิดเทรดในช่วงหลังวันหยุดยาว 19 เม.ย. 2565 Hang Seng Index เปิดร่วงกว่า 2.5% หลังจากกลับมาเปิดเทรดในช่วงหลังวันหยุดยาว ซึ่งตลาดกังวลประเด็นมาตรการควบคุมอีกครั้ง และความกังวลจากกรณี DiDi มีแผน Delisting ออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่ยังไม่เปิดเผยการเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง FINNOMENA Investment Team มองว่าประเด็นดังกล่าวจะสร้างแรงกดดันแต่เพียงระยะสั้นและปัจจัยเฉพาะตัวของ DiDi เนื่องจากทางการจีนได้เริ่มมีท่าทีผ่อนคลายมากกว่าช่วงเริ่มต้น ส่วนประเด็นการ Delisting นับว่าเป็นประเด็นที่มีทางออก เช่น นำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง แต่ในกรณี DiDi ซึ่งสร้างความกังวลต่อตลาดอีกครั้ง เนื่องจาก DiDi ไม่เปิดเผยแผนการนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง จากการที่ตลาดปรับตัวลงมาที่แนวรับ ณ ขณะนี้ ประกอบกับสาเหตุของการปรับตัวลง FINNOMENA Investment Team แนะนำให้ทยอยสะสมกองทุนหุ้นจีน All-China ตามสัดส่วนและความสามารถในการรับความเสี่ยงของนักลงทุน ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นฮ่องกง แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Cathie Wood เพิ่มเป้าราคา Tesla สู่ $4,600 ภายในปี 2026 สูงกว่าตอนนี้ 4 เท่าตัว ผู้เชี่ยวชาญชี้ แค่สร้างความหวังให้รายย่อย - FINNOMENA Cathie Wood ผู้จัดการกองทุนชื่อดังตั้งเป้าราคา Tesla ที่ $4,600 ภายในปี 2026 หรือมากกว่าราคาปัจจุบันถึง 4 เท่า แล้ว Ark เห็นอะไรใน Tesla? 22 เม.ย. 2565 Cathie Wood ผู้จัดการกองทุนชื่อดังตั้งเป้าราคา Tesla ที่ $4,600 ภายในปี 2026 หรือมากกว่าราคาปัจจุบันถึง 4 เท่า แล้ว Ark เห็นอะไรใน Tesla? เมื่อปีที่แล้ว Ark ชี้เป้าว่าราคาหุ้น Tesla จะแตะ $3,000 ภายในปี 2025 ก่อนจะเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นมาเรื่อยๆ เนื่องจากมองเห็นความหวังในธุรกิจใหม่โรโบแท็กซี่ รวมถึงประสิทธิภาพด้านเงินทุนของ Tesla ภายในปี 2026 Ark คาดว่าราคาหุ้น Tesla จะสูงถึง $5,800 สำหรับกรณีขาขึ้น และ $2,900 สำหรับกรณีขาลง ซึ่งก็ยังมากกว่าราคาปัจจุบันเกือบ 3 เท่า โดย Ark มองว่าในปี 2026 หุ้น Tesla จะถูกซื้อขายแบบบริษัทที่โตเต็มที่แล้วไม่ใช่แค่บริษัทเติบโตสูงแบบตอนนี้ เป็นที่รู้กันว่า Cathie Wood ชื่นชอบและสนับสนุนทั้งหุ้น Tesla และ Elon Musk มาเป็นเวลานาน และแม้ว่ากองทุนเรือธงอย่าง ARKK จะลดสัดส่วนการถือครองลงเมื่อเดือนที่แล้ว แต่หุ้น Tesla ยังคงมีน้ำหนักมากสุดและคิดเป็น 10% ของกองทุน ปัจจัยหนุนราคา Tesla ที่ Ark มองไว้คือ แนวโน้มที่เพิ่มขึ้นของบริการเรียกรถอัตโนมัติที่ตอนนี้มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 11-12 ล้านล้านดอลลาร์ ความหวังในธุรกิจใหม่อย่างโรโบแท็กซี่ โดย Ark คาดว่าธุรกิจนี้จะมีส่วนสำคัญถึง 60% ในการสนับสนุนราคาเป้าหมายที่ตั้งไว้ ประสิทธิภาพด้านเงินทุนของบริษัท เนื่องจากรายจ่ายฝ่ายทุนต่อหน่วยความจุที่เพิ่มขึ้นนั้นลดลงเหลือเพียง $7,700 จาก $84,000 ในปี 2017 เมื่อวานนี้ (19 เม.ย.) ราคาหุ้น Tesla เพิ่มขึ้นมา 1.96% ปิดที่ราคา $1,004.29 อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนจะมีมุมมองบวกและตื่นเต้นกับราคาหุ้น Tesla ที่พุ่งขึ้น 40% ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เช่น David Trainer ซีอีโอของ New Constructs ที่มองว่าราคาหุ้น Tesla จะลดลงเหลือเพียง $150 – $200 David Trainer มองว่า Tesla ได้เปรียบแค่เพราะเข้าสู่ตลาดเป็นรายแรกๆ แต่ตอนนี้ไม่เป็นแบบนั้นแล้ว เพราะมีรถยนต์ไฟฟ้าอีกหลายยี่ห้อที่ประสบความสำเร็จในการแข่งขัน ส่วนคำพูดของ Cathie Wood มีขึ้นเพื่อสร้างความหวังและลดความแคลงใจของนักลงทุนรายย่อยเท่านั้น อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-04-18/cathie-wood-s-ark-now-sees-tesla-shares-more-than-quadrupling?srnd=premium-asia&sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: ARK ARK Invest Cathie Wood News Update Tesla แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: รวยสุดในโลกแต่ขอประหยัด? ‘อีลอน มัสก์’ เผยไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง ขออาศัยนอนบ้านเพื่อนไปเรื่อยๆ - FINNOMENA “ผมไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง ผมอาศัยนอนบ้านเพื่อน” อีลอน มัสก์ ให้สัมภาษณ์กับคริส แอนเดอร์สัน หัวหน้าผู้จัดประชุม TED 18 เม.ย. 2565 “ผมไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง ผมอาศัยนอนบ้านเพื่อน” อีลอน มัสก์ ให้สัมภาษณ์กับคริส แอนเดอร์สัน หัวหน้าผู้จัดประชุม TED อีลอน มัสก์ บอกว่า ถ้าเขาต้องเดินทางไปแถวอ่าวซานฟรานซิสโกซึ่งเป็นที่ตั้งโรงงานของ Tesla เขาจะสลับไปนอนที่ห้องว่างของเพื่อนๆ แทน แล้วทำไมคนรวยที่สุดในโลกอย่าง ‘อีลอน มัสก์’ ถึงเลือกที่จะไม่มีบ้านเป็นของตัวเองและนอนบ้านเพื่อนแทน? ชายผู้มีทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ประมาณ 251,000 ล้านดอลลาร์ พูดคุยกับแอนเดอร์สันในประเด็นที่สังคมถกเถียงอย่างมหาเศรษฐีและความเหลื่อมล้ำ โดยก่อนหน้านี้วุฒิสภาเอลิซาเบธ วอร์เรน ได้วิจารณ์เหล่าเศรษฐีว่าพวกเขาจ่ายภาษีในสัดส่วนที่ต่ำเมื่อเทียบกับทรัพย์สินที่มี “แน่นอนว่ามันจะเป็นประเด็นถ้าผมใช้เงินหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปีใช้จ่ายส่วนตัว แต่นี่ไม่ใช่กรณีดังกล่าว โดยเขาไม่ได้เป็นเจ้าของเรือยอชท์หรือแม้แต่ได้พักผ่อนจริงๆ ด้วยซ้ำ” อีลอน มัสก์ พูดแบบนั้นแม้จะเป็นที่รู้กันว่าเขามีเครื่องบินส่วนตัว แต่มัสก์บอกว่า การใช้จ่ายส่วนตัวของเขาไม่ได้สูงเลย แต่ถ้าไม่ใช้เครื่องบินส่วนตัวเขาก็จะมีเวลาทำงานน้อยลง นี่เหมือนเป็นการยืนยันครั้งแรกจากปากมัสก์ว่าเขาไม่มีบ้านถาวรแม้จะเป็นคนรวยที่สุดในโลกก็ตาม ซึ่งเป็นไปตามที่เพื่อนมหาเศรษฐีเคยพูดถึงนิสัยสุดมัธยัสถ์ของมัสก์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ย้อนกลับไปในปี 2015 แลร์รี่ เพจ ผู้ร่วมก่อตั้งของ Google เล่าว่า บางครั้งที่มัสก์มาซิลิคอนวัลเลย์เขามักจะเมลมาถามว่า “คืนนี้ฉันไม่รู้ว่าจะนอนที่ไหน ขอค้างที่บ้านหน่อยได้ไหม?” ขณะที่นักร้อง Grimes อดีตแฟนสาวที่รักๆ เลิกๆ กับเขามาหลายปีให้สัมภาษณ์เมื่อไม่นานมานี้ว่า มัสก์ใช้จ่ายเหมือนคนที่อยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจน และปฏิเสธที่จะซื้อที่นอนใหม่แม้มันจะมีรูอยู่ก็ตาม ในเดือน พ.ค. 2020 อีลอน มัสก์ ทวีตข้อความว่า เขาตั้งใจที่จะขายทรัพย์สินทั้งหมด และไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง ซึ่งต่อมาในเดือน ส.ค. 2021 Insider รายงานว่า อีลอน มัสก์ เคยคิดที่จะอาศัยอยู่ในบ้านขนาดเล็กสำเร็จรูปมูลค่า 50,000 ดอลลาร์ซึ่งเช่าจาก SpaceX “ณ จุดนี้ ผมไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้อสะทกสะท้อนหรือรู้ร้อนรู้หนาว” คือคำตอบที่มัสก์ให้กับแอนเดอร์สันเมื่อถูกถามว่า รู้สึกโมโหหรือไม่ที่มีประเด็นว่าเขามหาเศรษฐีคนอื่นๆ นั้นร่ำรวยเกินไป อ้างอิง: https://www.businessinsider.com/elon-musk-doesnt-own-home-sleeps-in-spare-bedrooms-2022-4 ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Elon Musk News Update Tesla อีลอน มัสก์ แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: ทองคำจะถึง $2,000 หรือไม่? ส่อง 3 ปัจจัยหนุนราคาทอง สงคราม-เงินเฟ้อ-เศรษฐกิจถดถอย - FINNOMENA สงครามยูเครน ความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ และเงินเฟ้อ ทำให้ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น จนดันราคาทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ คำถามคือ ราคาทองคำจะสามารถไปถึง $2,000 ได้หรือไม่? 18 เม.ย. 2565 สงครามยูเครน ความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ และเงินเฟ้อ ทำให้ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น จนดันราคาทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ คำถามคือ ราคาทองคำจะสามารถไปถึง $2,000 ได้หรือไม่? ราคาทองคำตอนนี้ (เวลา 13:00 น.) อยู่ที่ประมาณ $1,985 พุ่งขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 และมาสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 14 มี.ค. 📌 ปัจจัยแรก ที่หนุนให้ราคาทองคำปรับขึ้นมาคือ ความตึงเครียดในสงครามยูเครน หลังเมืองยุทธศาสตร์สำคัญของยูเครน Mariupol ถูกกองทัพรัสเซียปิดล้อม และมีความเป็นไปได้ที่จะถูกโจมตีทั้งทางน้ำและทางอากาศเพิ่มเติม 📌 ปัจจัยที่สองคือ ความเป็นไปได้ที่สหภาพยุโรปจะคว่ำบาตรต่อรัสเซียโดยการแบนก๊าซธรรมชาติและน้ำมัน ซึ่งอาจไม่ได้มีการออกกฎระเบียบมาอย่างชัดเจน แต่จะเป็นการแบนด้วยการกระทำหรือโดยพฤตินัย (De Facto) นั่นทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั้ง 2 ชนิดแพงขึ้นมาก ดันราคาวัตถุดิบทั่วโลก และเป็นเหตุให้ความต้องการทองคำพุ่งสูงขึ้นเพราะปกติแล้วทองคำนั้นถูกนำมาใช้ Hedge ความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ 📌 และปัจจัยสุดท้ายคือ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย แม้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี จะสูงถึง 3% หลัง Fed ส่งสัญญาณใช้นโยบายเชิงรุกในการขึ้นดอกเบี้ยก็ตาม แต่ราคาทองคำยังสามารถปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง จากสถิติที่ผ่านมาชี้ว่า เป็นงานยากสำหรับ Fed ที่จะขึ้นดอกเบี้ยโดยไม่ทำให้เศรษฐกิจเผชิญกับสภาวะถดถอย ด้าน Goldman Sachs เตือนว่า ในอีก 2 ปีข้างหน้ามีโอกาสสูงถึง 35% ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสูภาวะถดถอยและอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงจะมีผลต่อสินทรัพย์ที่ไม่สร้างกระแสเงินสดหรือดอกเบี้ยอย่างทองคำ Kelvin Wong จาก CMC Markets วิเคราะห์ว่า ทองคำได้รับแรงหนุนจากอัตราเงินเฟ้อและความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยหากราคาสามารถพุ่งเหนือแนวต้านเทคนิคระยะกลางที่สำคัญ ณ $1,975 มาได้ ก็มีแนวโน้มที่จะดึงดูดนักลงทุนจนทำให้โมเมนตัมกลับมาขาขึ้นอีกครั้ง อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-04-18/gold-rises-to-five-week-high-with-growing-risks-boosting-havens?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update ทองคำ ลงทุนทองคำ แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: หุ้นจีนร่วงแรงกว่า 2.5% จากปัญหา Supply Chain และตัวเลขเงินเฟ้อมากกว่าที่คาด - FINNOMENA ดัชนี Hang Seng Index ร่วงแรงกว่า 2.5% จาก หุ้นผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Nio ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวลดลงกว่า 7% 11 เม.ย. 2565 ดัชนี Hang Seng Index ร่วงแรงกว่า 2.5% จาก หุ้นผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Nio ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวลดลงกว่า 7% หลังบริษัทประกาศระงับการผลิตจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่ได้รับผลกระทบจากการล็อคดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ของทางการจีน และจากประกาศของทางการจีนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับการจัดการการผูกขาดของข้อมูล และป้องกันไม่ให้มีการจำกัดการแข่งขัน ดัชนี China A50 และ CSI300 ปรับตัวลดลง 2.21% และ 2.59% ตามลำดับ ในช่วงเปิดตลาดเช้านี้ หลังดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประกาศออกมาที่ 1.5% (YoY) มากกว่าที่คาดไว้ 1.2%ขณะที่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) อยู่ที่ 8.3% มากกว่าที่คาดไว้ที่ 7.9% พร้อมกับการตรวจพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 26,078 รายในเซียงไฮ้รุนแรงที่สุดตั้งแต่ต้นปี 63 Finnomena Investment Team มองว่าหุ้นจีนยังมีโอกาสถูกกดันอย่างต่อเนื่องในระยะสั้น หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ยังไม่ดีขึ้น อาจส่งผลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจของจีน อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปัจจุบันสร้างแรงกดดันให้ทางการจีนมีความจำเป็นมากขึ้นที่จะต้องดำเนินนโยบายการเงินและการคลังแบบผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ปัจจุบันนั้น การปรับประมาณการ EPS ทรงตัวเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นโลก สวนทางความเคลื่อนไหวดัชนี ขณะที่ ระดับ P/E ยังถูกเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นโลก จึงแนะนำทยอยสะสม เมื่อเริ่มเห็นการปรับท่าทีของนโยบายและการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เน้นสเถียรภาพมากขึ้น ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นจีน แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: เศรษฐกิจถดถอยมาหรือยัง? หาสัญญาณเศรษฐกิจผ่านดัชนีสุดแปลก ตึกระฟ้า-กางเกงใน-ลิปสติก - FINNOMENA ไม่ใช่แค่ราคาหุ้นหรือพันธบัตรที่สามารถส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจถดถอยกำลังมา เพราะทั้งตึกระฟ้า ชุดชั้นในชาย ความยาวของกระโปรง หรือแม้แต่ยอดขายลิปสติก ก็สามารถบ่งชี้สภาวะเศรษฐกิจได้เช่นกัน 8 เม.ย. 2565 ไม่ใช่แค่ราคาหุ้นหรือพันธบัตรที่สามารถส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจถดถอยกำลังมา เพราะทั้งตึกระฟ้า ชุดชั้นในชาย ความยาวของกระโปรง หรือแม้แต่ยอดขายลิปสติก ก็สามารถบ่งชี้สภาวะเศรษฐกิจได้เช่นกัน 🏢 Skyscraper Index: ตึกระฟ้าที่สร้างเสร็จคือจุดเริ่มต้นของเศรษฐกิจถดถอย ย้อนกลับไปในปี 1999 Andrew Lawrence นักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษได้คิดค้น ‘ดัชนีตึกระฟ้า’ ซึ่งแสดงความสัมพันธ์ที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันระหว่างการสร้างตึกที่สูงที่สุดในโลกและการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ ตึกเอ็มไพร์สเตตและตึกไครสเลอร์สร้างเสร็จในช่วง The Great Depression ซึ่งทฤษฎีนี้อาจฟังดูเข้าใจยาก แต่โดยส่วนมากภาวะเศรษฐกิจถดถอยมักเกิดขึ้นหลังเศรษฐกิจเฟื่องฟูมากๆ Lawrence ให้เหตุผลว่า เมื่อโครงการที่ใช้เงินมหาศาลอย่างการสร้างตึกที่สูงที่สุดในโลกสิ้นสุดลง เศรษฐกิจของประเทศนั้นอาจถูกมองว่าขยายตัวมากจนมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดการล่มสลายในอนาคตอันใกล้ โดยความสูงของอาคารไม่ใช่ปัญหา แต่เศรษฐกิจถดถอยจะเกิดขึ้นเมื่อมีการ “กระจุกตัว” ของตึกระฟ้าเหล่านี้ ซึ่งตึกระฟ้าที่เพิ่งสร้างเสร็จไม่นานนี้ ได้แก่ Merdeka 118 ในกัวลาลัมเปอร์ และ Steinway Tower ในนิวยอร์ก 👨 Men’s Underwear Index: เมื่อผู้ชายมีปัญหาทางการเงิน พวกเขาจะไม่ซื้อกางเกงชั้นในชาย Alan Greenspan อดีตประธาน Fed เคยกล่าวกับนักข่าวของ NPR ในปี 2008 ที่เกิดวิกฤตการเงินโลกว่า กางเกงชั้นในชายเป็นหนึ่งในเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายที่ผู้ชายมองหา ดังนั้นมันจึงเป็นตัวชี้วัดที่ดีในการวัดภาวะเศรษฐกิจ เพราะปกติแล้วยอดขายกางเกงชั้นในชายนั้นค่อนข้างคงที่ ดังนั้นยอดขายที่ลดลงบ่งบอกว่า พวกเขากำลังเจอกับสถานการณ์การเงินที่ยากลำบากจนต้องตัดสินใจไม่ซื้อกางเกงชั้นใน 👗 Hemline Index: ชายกระโปรงจะยาวขึ้นในช่วงตลาดขาลง George Taylor นักเศรษฐศาสตร์จาก Wharton Business School คิดค้นดัชนีชายกระโปรงขึ้นมาในปี 1920 โดยทฤษฎีคือกระโปรงจะสั้นลงในตลาดขาขึ้น และยาวขึ้นในตลาดขาลง ตัวอย่างที่สนับสนุนทฤษฎีนี้คือ ในช่วงทศวรรษที่ 1920 ผู้คนนิยมใส่กระโปรงทรงตรงแบบ Flapper ยาวคลุมเข่า และต่อมาในช่วงทศวรรษที่ 1960 ที่ภาวะเศรษฐกิจมีความเข้มแข็งขึ้น กระโปรงมินิสเกิร์ตได้รับความนิยมอย่างมาก อย่างไรก็ตาม งานวิจัยของ George Taylor ถูกตั้งคำถามจำนวนมากเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือ ซึ่งต่อมาในปี 2010 งานวิจัยจาก Erasmus School ที่รวบรวมข้อมูลความยาวชายกระโปรงระหว่างปี 1921 ถึง 2009 ระบุว่า ผลวิจัยดังกล่าวนั้นเป็นความจริง แต่มี time-lag อยู่ที่ประมาณ 3 ปี 💄 Lipstick Index: ผู้หญิงซื้อลิปสติกเยอะขึ้นเมื่อมีปัญหาการเงิน Leonard Lauder ประธานของ Estee Lauder ค้นพบดัชนีลิปสติกในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2001 โดยพบว่า ผู้หญิงใช้จ่ายมากขึ้นในสินค้าฟุ่มเฟือยชิ้นเล็กๆ เช่น ลิปสติก ในเวลาที่มีปัญหาด้านการเงิน แต่ทฤษฎีดังกล่าวไม่เป็นความจริงในช่วงโควิด-19 ที่ยอดขายเครื่องสำอางลดลงเพราะผู้บริโภคต้องอยู่แต่บ้านในช่วงล็อกดาวน์ อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/04/08/recession-signals-these-unusual-indicators-may-be-worth-monitoring.html https://www.investopedia.com/terms/s/skyscraper-effect.asp#:~:text=The%20theory%20that%20there%20is,known%20as%20the%20Skyscraper%20Index. ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update เศรษฐกิจถดถอย แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: “คุณปู่ต่อต้านสังคม” Peter Thiel โจมตี Buffett และคณะ ศัตรูคริปโทฯ ขวาง Bitcoin ไปไม่ถึง $100,000 - FINNOMENA Peter Thiel นักธุรกิจและนักลงทุนชื่อดังแห่งซิลิคอนวัลเลย์โจมตี Warren Buffett ว่าเป็น “คุณปู่ต่อต้านสังคม” 8 เม.ย. 2565 Peter Thiel นักธุรกิจและนักลงทุนชื่อดังแห่งซิลิคอนวัลเลย์โจมตี Warren Buffett ว่าเป็น “คุณปู่ต่อต้านสังคม” พร้อมจัดอยู่ในลิสต์ศัตรูที่พยายามต่อต้านคริปโทฯ ขณะที่ Jamie Dimon และ Larry Fink โดนด้วยเช่นกัน ในงาน Bitcoin 2022 Peter Thiel กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้ราคา Bitcoin ไปไม่ถึงระดับ 100,000 ดอลลาร์เป็นเพราะยักษ์ใหญ่ทางการเงินเหล่านี้ โดยเขาให้ Warren Buffett เป็นศัตรูหมายเลข 1 และเรียก Jamie Dimon แห่ง JPMorgan ว่าเป็นคนชราที่มีอคติแบบนายธนาคารยุคเก่า Peter Thiel ยกวลีของ Warren Buffett ที่บอกว่า คริปโทฯ เหมือนยาเบื่อหนู รวมถึงประโยคที่ว่า ไม่ได้ลงทุนและไม่มีวันเป็นเจ้าของคริปโทฯ แต่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา Berkshire กลับลงทุนใน Nubank ของบราซิล ธนาคารออนไลน์ที่ได้รับความนิยมในหมู่นักลงทุนคริปโทฯ รวมมูลค่าแล้ว 1,000 ล้านดอลลาร์ Peter Thiel กล่าวว่า ทั้ง Buffett, Dimon และ Larry Fink จาก Blackrock ใช้แนวทางการลงทุนแบบ ESG มาเครื่องมือบ่อนทำลาย Bitcoin และธุรกิจอื่นๆ “นักลงทุนเหล่านี้คือสิ่งที่เราต้องต่อสู้เพื่อให้ราคา Bitcoin ทวีคูณไป 10 หรือ 100 เท่าต่อจากนี้” Peter Thiel กล่าว นอกจากนี้ Peter Thiel ยังกล่าวโจมตีธนาคารกลางรวมถึงประธาน Fed ด้วย โดยบอกว่า พาวเวลล์ ควรที่จะขอบคุณ Bitcoin เพราะมันเป็นคำเตือนครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้รับ แต่ถ้ายังยืนยันที่จะเพิกเฉย ก็ต้องชดใช้ผลที่ตามมาในปีถัดๆ ไป อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/04/07/thiel-calls-buffett-sociopathic-grandpa-from-omaha-about-bitcoin.html https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-04-07/thiel-blasts-dimon-buffett-and-fink-as-finance-gerontocracy?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Bitcoin Jamie Dimon Larry Fink News Update Peter Thiel Warren Buffett แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: JPMorgan เตือน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาจพุ่งอีก 40% ทำจุดสูงสุดใหม่ เหตุนักลงทุนใช้ป้องกันเงินเฟ้อ - FINNOMENA JPMorgan เตือน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาจพุ่งอีก 40% ไปสู่ระดับสูงสุดใหม่ หากนักลงทุนยังคงเพิ่มการลงทุนในช่วงเวลาที่เงินเฟ้อสูงอยู่ตอนนี้ 8 เม.ย. 2565 JPMorgan เตือน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาจพุ่งอีก 40% ไปสู่ระดับสูงสุดใหม่ หากนักลงทุนยังคงเพิ่มการลงทุนในช่วงเวลาที่เงินเฟ้อสูงอยู่ตอนนี้ สินค้าโภคภัณฑ์พุ่งสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเดือนที่แล้ว หลังการรุกรานยูเครนของรัสเซียส่งผลให้ราคาสินค้าทุกอย่างพุ่งสูงขึ้นตั้งแต่น้ำมัน ไปจนถึงข้าวสาลี อย่างไรก็ตาม นักกลยุทธ์ของ JPMorgan ยังมองว่า การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตก็จริง แต่ไม่ถึงกับ overweight ซึ่งบ่งชี้ถึงขอบเขตของกำไร ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พี่แพงขึ้นกำลังกระตุ้นเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงอยู่แล้ว เมื่อรวมกับท่าทีที่เข้มงวดขึ้นของ Fed ได้กระตุ้นให้นักลงทุนต้องจัดสรรการลงทุนในพอร์ตครั้งใหม่ เพื่อถ่วงน้ำหนักสินทรัพย์ระหว่างหุ้น พันธบัตร และสินค้าโภคภัณฑ์อย่างวัตถุดิบต่างๆ JPMorgan กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ และการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อน่าจะเพิ่มขึ้น ทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นการจัดสรรสินค้าโภคภัณฑ์ในระยะยาวเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 1% ของสินทรัพย์ทางการเงินทั้งหมดทั่วโลก และนั่นจะทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาจพุ่งอีก 30-40% จากตอนนี้ ตั้งแต่ต้นปี สินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นอย่างถ้วนหน้าทั้งพลังงาน โลหะ และพืชผล โดยน้ำมันดิบเบรนท์ เกณฑ์มาตรฐานน้ำมันโลกพุ่งขึ้นมากกว่า 30% และเมื่อเดือนที่แล้วได้แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008 สอดคล้องกับมุมมองของ Goldman Sachs ที่มองว่าราคาวัตถุดับจะพุ่งสูงต่อเนื่องเพราะสินค้าโภคภัณฑ์มีบทบาทในการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ พร้อมเตือนว่าวิกฤติทองแดงโลกกำลังเกิดขึ้นอยู่ อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-04-07/commodities-could-soar-40-as-investors-pivot-jpmorgan-predicts?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: JPMorgan News Update สินค้าโภคภัณฑ์ แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: ปู่บัฟเฟตต์ซื้อหุ้นเทคโนโลยีเพิ่ม ทุ่มซื้อ HP กว่า 1.4 แสนล้านบาท ดันราคาหุ้นพุ่ง 10% หลังปิดตลาด - FINNOMENA Berkshire Hathaway ของปู่บัฟเฟตต์ ทุ่มซื้อหุ้นบริษัทไอทีชื่อดังอย่าง HP รวมแล้ว 121 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่ากว่า 4,200 ล้านดอลลาร์ ดันราคาหุ้น HP พุ่ง 10% หลังปิดตลาด 7 เม.ย. 2565 Berkshire Hathaway ของปู่บัฟเฟตต์ ทุ่มซื้อหุ้นบริษัทไอทีชื่อดังอย่าง HP รวมแล้ว 121 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่ากว่า 4,200 ล้านดอลลาร์ ดันราคาหุ้น HP พุ่ง 10% หลังปิดตลาด “Berkshire Hathaway คือหนึ่งในบริษัทโฮลดิ้งที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลก และ HP ยินดีต้อนรับพวกเขาในฐานะนักลงทุน” โฆษกของ HP กล่าว ในช่วงเวลาที่ตลาดผันผวนและดัชนี S&P 500 ลดลงไปแล้วเกือบ 6% ตั้งแต่ต้นปี บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการลงทุนของปู่บัฟเฟตต์ได้เดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง โดยในเดือน มี.ค. Berkshire Hathaway ได้ซื้อหุ้น Occidental Petroleum จนกลายเป็น 1 ใน 10 ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัทน้ำมัน ราคาหุ้นของ HP บริษัทผู้ผลิตเครื่องพิมพ์และคอมพิวเตอร์พุ่งขึ้นมาถึง 53% ในปีที่แล้ว แต่ลดลงมา 7.3% ในปีนี้ โดยราคาล่าสุด (7 เม.ย.) อยู่ที่ $34.91 ก่อนหน้านี้ Berkshire Hathaway ไม่ได้สนใจหุ้นเทคโนโลยีมากนัก แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นบริษัทเทคโนโลยีมากขึ้น อย่างหุ้น Apple ที่บัฟเฟตต์มีสัดส่วนการถือหุ้นมากกว่า 161,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2021 อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-04-07/buffett-s-berkshire-hathaway-builds-new-4-2-billion-hp-stake?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Berkshire Hathaway HP News Update Warren Buffett วอร์เรน บัฟเฟตต์ แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Morgan Stanley มองตลาดขาลงกำลังมา ย้ำ Bear Market Rally สิ้นสุดลงแล้ว คาด S&P 500 ร่วงอย่างน้อย 13% ใน 6 เดือน - FINNOMENA แม้ล่าสุดตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะรีบาวด์กลับมาอย่างสดใส แต่ Morgan Stanley มองว่า ตั้งแต่ตอนนี้ยาวไปถึงเดือน ก.ย. ดัชนี S&P 500 จะร่วงลงมาอย่างน้อย 13% 5 เม.ย. 2565 แม้ล่าสุดตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะรีบาวด์กลับมาอย่างสดใส แต่ Morgan Stanley มองว่า ตั้งแต่ตอนนี้ยาวไปถึงเดือน ก.ย. ดัชนี S&P 500 จะร่วงลงมาอย่างน้อย 13% “ภาวะที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงตลาดขาลงระยะยาวหรือที่เรียกว่า Bear Market Rally นั้นสิ้นสุดลงแล้ว” Mike Wilson กล่าว Michael Wilson หัวหน้าทีมนักกลยุทธ์หุ้นสหรัฐฯ จาก Morgan Stanley กล่าวว่า การฟื้นตัวครั้งล่าสุดของตลาดหุ้นจะเป็นเพียงช่วงสั้นๆ และแนะนำให้นักลงทุนหลบภัยในพันธบัตร เงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นและนโยบายที่เข้มงวดของ Fed จะยิ่งไปเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้ในระยะสั้น Morgan Stanley มีมุมองบวกต่อพันธบัตรมากกว่าหุ้น และได้เดิมพัน 2 เท่าในหุ้น Defensive อย่างกลุ่มสาธารณูปโภค สินค้าอุปโภคบริโภค และเฮลท์แคร์ สำหรับมุมมองต่อเศรษฐกิจ Michael Wilson มีความเห็นว่าเศรษฐกิจกำลังจะชะลอตัวลงอย่างมาก เนื่องจาก 1) ความต้องการบริโภคลดลง จากทั้งการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และราคาของที่แพงขึ้นจากสงครามโดยเฉพาะราคาอาหารและพลังงาน และ 2) ปัจจัยด้านอุปทานสามารถไล่ทันความต้องการของผู้บริโภคได้แล้ว ซึ่งนั่นจะทำให้นักลงทุนไม่สามารถเพิกเฉยต่อปัจจัยด้านมหภาคได้แล้ว เพราะมันกัดกินผลกำไรของบริษัท ท่ามกลางความกังวลว่าสงครามยูเครนและการคว่ำบาตรต่อรัสเซียจะยิ่งกดดันอุปทานสินค้าโภคภัณฑ์และปัญหาเงินเฟ้อ แต่หุ้นสหรัฐฯ และยุโรปสามารถดีดตัวขึ้นมาได้ในเดือนที่แล้ว โดย Morgan Stanley มีคำแนะนำให้นักลงทุนขายหุ้นในช่วงที่ปรับตัวขึ้นมานี้ มุมมองของ Morgan Stanley สวนทางกับ JPMorgan อย่างสิ้นเชิง เพราะ JPMorgan มองเห็น upside อยู่อีกมาก และมองว่าความกังวลต่อการเติบโตนั้นมีมากเกินไป Mislav Matejka จาก JPMorgan มองว่า ประเด็นด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นปัจจัยกดดัน แต่เมื่อพิจารณาผลตอบแทนเทียบความเสี่ยงแล้วยังไม่เห็นว่าตลาดหุ้นเป็นขาลง โดย JPMorgan แนะนำลดน้ำหนักการลงทุน (Underweight) ในหุ้น Defensive ตั้งแต่ต้นปี ในบรรดานักวิเคราะห์ที่สำรวจโดย Bloomberg นั้น Michael Wilson มีมุมมองลบที่สุดต่อดัชนี S&P 500 ซึ่งก่อนหน้านี้ในปี 2021 เขาก็มองว่าตลาดอยู่ในขาลงเช่นกัน และต่อมาก็ได้ยอมรับว่ามุมมองของเขานั้นผิด Michael Wilson ทิ้งท้ายว่าถ้ามุมมองของ Morgan Stanley จะผิดพลาด นั่นคงเป็นเรื่องกำไรของบริษัทที่ไม่ต่ำอย่างที่คาดการณ์ไว้ อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-04-04/morgan-stanley-s-wilson-says-bear-market-rally-is-now-over?sref=e4t2werz https://www.cnbc.com/2022/04/04/bear-market-rally-setting-stage-for-correction-morgan-stanley-warns.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Elon Musk ซื้อหุ้น Twitter 9.2% กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด ดันราคาพุ่ง 27% สูงสุดในรอบ 5 เดือน - FINNOMENA หุ้น Twitter ปิดบวก 27% ดันราคาพุ่งสูงสุดในรอบ 5 เดือน หลัง Elon Musk ซื้อหุ้นไปเกือบ 73.5 ล้านหุ้น คิดเป็น 9.2% ของหุ้นทั้งหมดของ Twitter 5 เม.ย. 2565 หุ้น Twitter ปิดบวก 27% ดันราคาพุ่งสูงสุดในรอบ 5 เดือน หลัง Elon Musk ซื้อหุ้นไปเกือบ 73.5 ล้านหุ้น คิดเป็น 9.2% ของหุ้นทั้งหมดของ Twitter นั่นทำให้ Elon Musk กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ Twitter โดยการทุ่มซื้อครั้งนี้รวมมูลค่ากว่า 2,890 ล้านดอลลาร์ และเกิดขึ้นไม่ถึง 2 สัปดาห์ หลังเขาวิจารณ์ว่า Twitter ล้มเหลวในการรักษาเสรีภาพของการแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ ก่อนหน้านี้ Elon Musk ทวีตข้อความว่า Twitter เป็นเหมือนจัตุรัสกลางเมือง ดังนั้นความล้มเหลวในการพูดอย่างเสรีนั้นเป็นบ่อนทำลายประชาธิปไตย และเขายังกล่าวว่าอีกว่า มีความคิดที่จะสร้างแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียใหม่ขึ้นมาด้วย ส่งผลให้เมื่อคืนนี้ (4 เม.ย.) ราคาหุ้น Twitter พุ่งขึ้น 27.13% ปิดที่ราคา $49.97 สูงสุดในรอบ 5 เดือน นักวิเคราะห์ของ Wedbush คาดว่าจะได้เห็นท่าทีที่รุนแรงขึ้นของ Elon Musk บน Twitter และอาจนำไปสู่การซื้อหุ้นเพิ่มเพื่อให้มีอำนาจควบคุมในบริษัท (Buyout) และมองว่าสิ่งที่ Elon Musk พูดนั้นถือว่าสมเหตุสมผลจากมุมมองของโซเชียลมีเดีย อย่างที่รู้กันว่า Elon Musk ใช้ Twitter เป็นประจำและมีผู้ติดตามมากกว่า 80 ล้านคน แต่หลายโพสของเขาทำให้เขาเผชิญกับสถานการณ์ยากลำบาก รวมถึงคำวิจารณ์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เช่นในเดือน ส.ค. 2018 Elon Musk ได้ทวีตข้อความว่าเขามีเงินทุนที่มั่นคงจนสามารถทำให้ราคา Tesla อยู่ที่ $420 ต่อหุ้นได้ หลังจากนั้นในช่วง 1 ปี ราคาหุ้น Tesla ผันผวนอย่างหนัก ซึ่งในตอนนั้นบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีมาก แต่ก็ต้องจัดการกับคดีควาและการไต่สวนของรัฐบาล อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/04/04/twitter-shares-soar-more-than-25percent-after-elon-musk-takes-9percent-stake-in-social-media-company.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Elon Musk News Update twitter แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
Fund Update: บลจ.กรุงศรี มองขาดทุนสะสม (Drawdown) ใกล้จบรอบ หลัง Bond Yield ขึ้นมาสูงมากแล้ว แนะนำคงสัดส่วนการลงทุน KFAFIX-A และ KFSMART - FINNOMENA KFAFIX-A และ KFSMART ยังคงสัดส่วนการลงทุน และปรับลดอายุตราสารหนี้เล็กน้อย แนะนำให้ลงทุนในกองทุนที่เหมาะสมกับระยะเวลาในการถือครอง โดย KFAFIX-A ควรลงทุนอย่างน้อย 1 ปี และ KFSMART ควรลงทุนอย่างน้อย 3 เดือน 4 เม.ย. 2565 มุมมองและกลยุทธ์การลงทุนกองทุนตราสารหนี้ไทย โดย บลจ.กรุงศรี การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยชะลอตัวจากสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน อัตราผลตอบแทน (Bond Yield) ขึ้นมาสูงมากแล้ว คาดว่าระดับผลตอบแทนขาดทุนสะสม (Drawdown) ในรอบนี้น่าจะใกล้สิ้นสุด KFAFIX-A และ KFSMART ยังคงสัดส่วนการลงทุน และปรับลดอายุตราสารหนี้เล็กน้อย แนะนำให้ลงทุนในกองทุนที่เหมาะสมกับระยะเวลาในการถือครอง โดย KFAFIX-A ควรลงทุนอย่างน้อย 1 ปี และ KFSMART ควรลงทุนอย่างน้อย 3 เดือน มุมมองตราสารหนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังชะลอออกไปจากมุมมองของวิจัยกรุงศรี ได้มีการปรับลด GDP เติบโตลดลงเหลือ 2.8% จากสถานการณ์รัสเซียและยูเครน คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ตลอดทั้งปี การปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ไทย (Bond Yield ไทย) เป็นการปรับขึ้นตามตลาดสหรัฐเป็นหลัก องค์ประกอบและบรรยากาศโดยรวม (Sentiment) ของตลาดไม่ดี ส่งผลให้การประมูลตราสารหนี้ไทย อายุ 3 ปี ในสัปดาห์ที่ผ่านมาออกมาไม่ดี จึงทำให้อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ อายุ 2-3 ปี ซึ่งเป็นสัดส่วนหลักในพอร์ตของกองทุนตราสารหนี้ระยะกลาง ที่ค่อนข้างนิ่งมาตลอดตั้งแต่ต้นปีปรับตัวสูงขึ้นมาก อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ไทย (Bond Yield ไทย) ในระดับปัจจุบัน ขึ้นมาอยู่ในระดับที่สูงแล้ว Upside ในระยะสั้นค่อนข้างจำกัด อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้สหรัฐ (US Bond Yield) มีทิศทางเช่นเดียวกัน โดยปัจจุบัน อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้สหรัฐ อายุ 2 ปี อยู่ที่ 2.31% อายุ 10 ปี อยู่ที่ 2.35% ขณะที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์สิ้นปีที่ 1.96% และ 2.30% ตามลำดับ จึงมี Upside ในการปรับขึ้นอีกไม่มาก กลยุทธ์การลงทุนกองทุนตราสารหนี้ไทย กองทุนเปิดกรุงศรีแอคทีฟตราสารหนี้-สะสมมูลค่า (KFAFIX-A) สัดส่วนหลักในพอร์ตของกองทุนยังคงเป็นตราสารหนี้ อายุ 2-3 ปี มีการปรับสัดส่วนรุ่นอายุตราสารหนี้ (Tenor) และ อายุเฉลี่ยตราสาร (Duration) ให้สั้นลงอีก โดย ณ วันที่ 28 ก.พ. 65 มีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ อายุ 1-5 ปี 43% ต่ำกว่า 1 ปี 38% จากเดิม ณ วันที่ 30 พ.ย. 64 มีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ อายุ 1-5 ปี 55% และต่ำกว่า 1 ปี 25% อายุเฉลี่ยตราสาร (Duration) จาก 2.36 ปี ณ วันที่ 30 พ.ย. 64 ลงมาที่ 2.19 ปี ณ วันที่ 30 มี.ค 65 กองทุนเปิดกรุงศรีสมาร์ทตราสารหนี้ (KFSMART) สัดส่วนการลงทุนยังคงเน้นกระจายการลงทุน พันธบัตร / ตราสารหนี้ / เงินฝาก โดยประมาณ อย่างละ 1 ใน 3 ซึ่งทางผู้จัดการกองทุนมองว่าเป็นอัตราส่วนที่เหมาะสม อายุเฉลี่ยตราสาร (Duration) ปรับลดลงมาอยู่ในขอบล่างของกรอบการลงทุน โดย ณ วันที่ 28 ก.พ. 65 มี Duration ที่ 0.58 ปี (จากกรอบประมาณ 0.5-1 ปี) คาดการณ์การปรับตัวลง (Estimate Drawdown) และคาดการณ์การฟื้นตัว (Estimate Recovery) ของกองทุนตราสารหนี้ไทย จากการที่อัตราผลตอบแทน (Bond Yield) ขึ้นมาสูงมากแล้ว คาดว่า Drawdown ในรอบนี้น่าจะใกล้สิ้นสุดแล้ว ในรอบที่ผ่านมา Drawdown ของ KFAFIX-A ช่วงวันที่ 2 ถึง 30 มี.ค. อยู่ที่ -0.41% และ Drawdown ของ KFSMART ช่วงวันที่ 17 ถึง 30 มี.ค. อยู่ที่ -0.07% คาดการณ์การฟื้นตัว (Estimate Recovery) โดยประเมินจากการฟื้นตัว Net Carry Yield เท่านั้น (ไม่มี Cap Gain/loss) KFAFIX-A จะใช้เวลาฟื้นตัว 4 เดือน KFSMART ใช้เวลาฟื้นตัว 1 เดือน กองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเพิ่มทรัพย์ (KFSPLUS) โอกาส NAV ผันผวนน้อยลงเมื่อเทียบกับช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทน (Bond Yield) ที่ปรับขึ้นมาในช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้ Carry Yield ของกองทุนสูงขึ้น มีส่วนเพิ่มเติมในยามฉุกเฉิน (Buffer) ที่มากขึ้น ทิศทางอัตราผลตอบแทน (Bond Yield) ของตราสารหนี้อายุต่ำกว่า 3 เดือน มีการเคลื่อนไหวไม่มากนัก (KFSPLUS ณ วันที่ 28 ก.พ. 65 มีสัดส่วนรุ่นอายุตราสารหนี้ (Tenor) ที่ต่ำกว่า 3 เดือน 91%) คำแนะนำในการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี ในสภาวะที่ตลาดตราสารหนี้มีความผันผวนสูง แนะนำให้ลงทุนในกองทุนที่เหมาะสมกับระยะเวลาในการถือครอง โดย KFAFIX-A ควรลงทุนอย่างน้อย 1 ปี KFSMART ควรลงทุนอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีตามความเสี่ยงของนักลงทุน หากนักลงทุนรับความผันผวนได้น้อยมาก แนะนำให้ลงทุนในกองทุน KFSPLUS กองทุน KFAFIX-A จากการศึกษา NAV 5 ปีย้อนหลัง หากลงทุนครบ 1 ปี จะสามารถสร้างผลตอบแทนเป็นบวกได้ตลอด มีแค่เพียงช่วงวันที่ 22 ก.พ. ถึง 12 มี.ค. 64 เท่านั้นที่ติดลบ เนื่องจากอัตราผลตอบแทน (Bond Yield) ปรับตัวขึ้นแรง พร้อมกับฐาน NAV ในปีก่อนหน้า (ก่อนเกิด COVID) มีการเร่งขึ้นสูงมาก และช่วงเวลาเข้าลงทุน (Entry point) ของกองทุน KFAFIX-A คือ ช่วงที่ NAV ปรับตัวลงแรง แสดงว่าอัตราผลตอบแทน (Yield) ที่ได้รับสูงขึ้น การลงทุนในช่วงนี้มักจะให้ผลตอบแทนที่ดี กองทุน KFSMART จากการศึกษา NAV ย้อนหลังของกอง KFSMART 5 ปีย้อนหลัง หากลงทุนครบ 62 วันทำการ (ประมาณ 3 เดือน) ยังไม่มีช่วงไหนสร้างผลตอบแทนเป็นลบ นโยบายการลงทุนและคำเตือน KFAFIX-A เน้นลงทุนในประเทศและ/หรือต่างประเทศในตราสารหนี้ และ/หรือ เงินฝากหรือตราสารเทียบเท่าเงินฝาก ที่ออกรับรองรับอาวัล หรือค้ำประกันการจ่ายเงิน โดยภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน และ/หรือภาคเอกชน ซึ่งอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือของผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ และอาจลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้ หรือที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ระดับความเสี่ยง 4 – เสี่ยงปานกลาง ค่อนข้างต่ำ | ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน KFSMART เน้นลงทุนในประเทศ และ/หรือต่างประเทศ ในตราสารหนี้ และ/หรือ เงินฝากหรือตราสารเทียบเท่าเงินฝากที่ออก รับรอง รับอาวัล หรือค้ำประกันการจ่ายเงิน โดยภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน และ/หรือภาคเอกชน ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือผู้ออกตราสาร อยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment grade) ระดับความเสี่ยง 4 – เสี่ยงปานกลาง ค่อนข้างต่ำ | ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน (โดยปกติกองทุนจะป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ของจำนวนเงินลงทุนในต่างประเทศ) KFSPLUS ลงทุนในประเทศในตราสารหนี้ภาครัฐ ตราสารหนี้ออกโดยสถาบันการเงินหรือบริษัทเอกชนในประเทศ อันดับความน่าเชื่อถือ “A-“ ขึ้นไปและตราสารหนี้สถาบันการเงินต่างประเทศ ระดับความเสี่ยง 4 – เสี่ยงปานกลาง ค่อนข้างต่ำ | ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือ และ ความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ที่มา: บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: KFAFIX-A KFSMART KFSPLUS News Update กองทุนตราสารหนี้ แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Morningstar สับ ป้าเคธี่ ‘เละ’ ปรับคำแนะนำ ARKK สู่ระดับต่ำสุด ชี้จัดการแย่ ไม่บริหารความเสี่ยง ให้ป้าเคธี่รับผิดชอบงานคนเดียวมากเกินไป ด้าน ก.ล.ต.สหรัฐฯ ไม่อนุมัติตั้งกองทุน Bitcoin ARKB - FINNOMENA Morningstar ลดอันดับคำแนะนำการลงทุน ARKK ของ Cathie Wood จากระดับ ‘ปานกลาง’ (Neutral) สู่ระดับ ‘ติดลบ’ (Negative) 4 เม.ย. 2565 Morningstar ลดอันดับคำแนะนำการลงทุน ARKK ของ Cathie Wood จากระดับ ‘ปานกลาง’ (Neutral) สู่ระดับ ‘ติดลบ’ (Negative) ซึ่งเป็นระดับ ‘ต่ำสุด’ ของคำแนะนำการลงทุน หลังกองทุนชื่อดังไม่สามารถปกป้องนักลงทุนจากผลขาดทุนอันเลวร้ายได้ ขณะที่กองทุน Bitcoin ของ Ark Invest ถูก ก.ล.ต.สหรัฐฯ ปฏิเสธการยื่นจัดตั้ง Robby Greengold นักวิเคราะห์ของ Morningstar กล่าวว่า กองทุน ARK Innovation ETF (ARKK) ได้ลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นเหลือเพียง 35 ตัว จากหุ้น 60 ตัวในปีที่แล้ว ซึ่งลดลงเกือบ 2 เท่าตัว จากกลยุทธ์การลงทุนของ Cathie Wood ซึ่งเชื่อมั่นในบริษัทหลายแห่งที่ยังไม่สร้างกำไร และสวนทางกับราคาหุ้น Robby ยังวิจารณ์ว่า Ark Invest ไม่มีทีมบริหารความเสี่ยง รวมถึงขาดประสบการณ์การจัดการ โดย ARKK มี Cathie Wood เป็นผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอเพียงแค่คนเดียว Morningstar ระบุว่า บริษัทที่จัดการทรัพย์สินของลูกค้ามากกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์ โดยมีผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอเพียงคนเดียวคือ Cathie Wood ที่ดูแลกลยุทธ์ทั้งหมด และเป็นทั้ง CEO,CIO และผู้ถือหุ้นใหญ่ ที่ความรับผิดชอบทั้งหมดเกินกว่าที่คนหนึ่งคนจะรับไหว นี่จึงถือเป็นจุดใกล้สิ้นสุดของการทำงานมากกว่าจะเป็นการเริ่มต้น มันคือสัญญาณที่ชี้ให้เห็นถึง “การขาดความเอาใจใส่” Robby Greengold กล่าว ARKK ขาดทุนเกือบ 30% แล้วในปีนี้ หลังจากการขาดทุน 23.6% ตลอดปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนตลอดช่วง 2 ปี ของ ARKK ยังบวกอยู่ที่ 47.32% ผลจากการพุ่งแรงของกองทุนตลอดปี 2020 และไตรมาสแรกของปี 2021 แม้จะขาดทุนหนักมาต่อเนื่องตลอดช่วง 1 ปีที่ผ่านมา แต่ตั้งแต่ต้นปี ARKK ยังมีเงินทุนไหลเข้ามาต่อเนื่องที่ 678 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง Robby ยังรู้สึกว่าปริมาณสินทรัพย์ของ Ark Invest นั้นน่าทึ่งมาก นอกจากจะถูกลดอันดับ Ark ยังถูก ก.ล.ต.สหรัฐฯ ปฏิเสธการจัดตั้งกองทุน ARK 21Shares Bitcoin exchange-traded fund (ARKB) อย่างเป็นทางการ ตามเอกสารเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (31 มี.ค.) ก.ล.ต. สหรัฐฯ ได้ปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงกฎที่เสนอจาก Cboe BZX Exchange เพื่อจดทะเบียนและซื้อขาย ARK 21Shares Bitcoin (BTC) ETF โดยให้เหตุผลว่า กฎระเบียบที่เสนอมาไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันการกระทำและการปฏิบัติที่ฉ้อโกงและบิดเบือน รวมถึงไม่ปกป้องนักลงทุนและผลประโยชน์สาธารณะ และยังไม่เป็นไปตามข้อกำหนดในการแสดงรายการผลิตภัณฑ์ทางการเงินภายใต้พ.ร.บ. Exchange Act อีกด้วย อ้างอิง: https://finance.yahoo.com/news/morningstar-downgrades-arkk-lowest-rating-150000881.html https://cointelegraph.com/news/sec-rejects-ark-21shares-spot-bitcoin-etf-application ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: ARK ARK Invest ARKK Cathie Wood News Update แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: หุ้นจีนในสหรัฐฯ มีความหวัง จีนเปิดทางสหรัฐฯ เข้าถึงข้อมูลบริษัทจีน Baidu และ Pinduoduo พุ่งกว่า 6% - FINNOMENA หุ้นจีนในสหรัฐฯ ปิดบวกเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังทางการจีนเตรียมเปิดทางให้หน่วยงานสหรัฐฯ​ สามารถเข้าถึงข้อมูลภายในของบริษัทจีนได้ 4 เม.ย. 2565 หุ้นจีนในสหรัฐฯ ปิดบวกเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังทางการจีนเตรียมเปิดทางให้หน่วยงานสหรัฐฯ สามารถเข้าถึงข้อมูลภายในของบริษัทจีนได้ Bloomberg รายงานว่า หน่วยงานกำกับดูแลของจีนกำลังดำเนินการเพื่อให้ทางการสหรัฐฯ สามารถตรวจสอบบริษัทจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ได้ โดยกระบวนการดังกล่าวน่าจะเกิดขึ้นในกลางปีนี้ ก.ล.ต.จีนแถลงการณ์เพิ่มเติมว่า ได้หารือกับสำนักงานบัญชีบางแห่งในประเทศ เพื่อให้พิจารณาเตรียมการตรวจสอบร่วมกัน ส่งผลให้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (1 เม.ย.) ราคาหุ้นจีนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก นำโดย Baidu พุ่งแรง 6.55% Pinduoduo พุ่งขึ้น 6.33% ด้าน JD.com เพิ่มขึ้น 2.11% และ Alibaba บวก 1.29% ขณะที่ ดัชนี ADRs ของจีน เพิ่มขึ้นประมาณ 4% ขณะที่ ตลาดหุ้นจีนปิดทำการวันที่ 4-5 เม.ย. เนื่องในเทศกาลเชงเม้ง รายงานระบุว่า หน่วยงานกำกับดูแลของจีนกำลังสร้างกรอบการทำงานเพื่อให้บริษัทจีนส่วนใหญ่สามารถซื้อขายในสหรัฐฯ ได้ต่อไป แต่บริษัทบางแห่งที่มีข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอาจจำเป็นต้องถูกเพิกถอน ความเคลื่อนไหวของทางการจีนเกิดขึ้นหลัง ก.ล.ต.สหรัฐฯ เพิ่มบริษัท Search Engine อย่าง Baidu ลงในรายชื่อบริษัทที่อาจถูกเพิกถอน หากทางการสหรัฐฯ ไม่สามารถเข้าถึงการตรวจสอบทางการเงินในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมาได้ ในช่วงปีที่แล้ว หน่วยงานกำกับดูแลของจีนได้เพิ่มกฎระเบียบเกี่ยวกับการจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และขอให้ Didi ถอนตัวออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลังบริษัท IPO ไปเพียงไม่กี่เดือน อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ในช่วงต้นเดือน มี.ค. ทางการจีนได้กล่าวว่ากำลังดำเนินการและส่งสัญญาณสนับสนุนบริษัทจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสัญญาณบวกต่อทิศทางหุ้นจีน อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/04/01/us-listed-chinese-stocks-jump-after-china-reportedly-considers-sharing-company-audits.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update จีน หุ้นจีน หุ้นจีนในสหรัฐฯ แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: ปี 2021 ปีที่ดีที่สุดของบริษัทอเมริกัน กำไรพุ่ง 35% มากสุดนับตั้งแต่ 1950 แต่ส่วนแบ่งรายได้สู่แรงงานไม่เพิ่มตาม - FINNOMENA ปี 2021 หนึ่งในปีที่ดีที่สุดของบริษัทอเมริกัน หลังทำกำไรมากสุดนับตั้งแต่ 1950 31 มี.ค. 2565 ปี 2021 หนึ่งในปีที่ดีที่สุดของบริษัทอเมริกัน หลังทำกำไรมากสุดนับตั้งแต่ 1950 กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานผลกำไรบริษัทสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 35% ในปี 2021 โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ภาคครัวเรือนที่แข็งแกร่งจากเงินอุดหนุนของรัฐบาลในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยอัตราการทำกำไร (Profit Margin) ในทุกไตรมาสของปีที่แล้วอยู่เหนือ 13% ซึ่งเป็นระดับที่ไม่ได้เห็นมาตั้งแต่ช่วง 70 ปีที่ผ่านมา นอกจากจะเป็นปีที่มั่งคั่งสำหรับผู้ถือหุ้น 2021 ยังเป็นปีที่มั่นคงสำหรับภาคแรงงานด้วยเช่นกัน เพราะค่าตอบแทนพนักงานเพิ่มขึ้นถึง 11% อย่างไรก็ตาม ส่วนแบ่งของรายได้ที่ตกมาสู่ภาคแรงงานได้ลดลงสู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดแล้ว ซึ่งนี่ไปโต้แย้งประเด็นที่อ้างว่าเงินเฟ้อได้รับแรงกดดันจากค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นได้ ขณะที่ อัตราการทำกำไรรวม ณ สิ้นปี ของธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงินลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 13.9% จาก 15% ในไตรมาสที่ 2 ตัวเลขกำไรในระดับสูงทำให้เกิดข้อสังเกตว่า นี่เป็นการฉวยโอกาสขึ้นราคาและมีส่วนทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น โดยประเด็นนี้ได้รับแรงหนุนจากฝ่ายบริหารของโจ ไบเดน เมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้นักลงทุนมองเห็นโอกาสที่สดใสในตลาดหุ้นรออยู่ข้างหน้าจากแนวโน้มกำไรในปี 2022 แม้ดัชนี S&P 500 จะเริ่มต้นปีมาอย่างสะดุดเล็กน้อย จนติดลบ 4% ตั้งแต่ต้นปี “ปี 2022 จะมีการเปลี่ยนผ่านจากกำไรที่สนับสนุนจากภาครัฐ มาสู่กำไรที่มาจากภาคเอกชนแทน” Robert King จาก Jerome Levy Forecasting Center กล่าว Robert King เสริมว่า แรงงานก็จะได้รับประโยชน์เช่นกัน เพราะผลกำไรที่แข็งแกร่งจะทำให้บริษัทจ้างงานมากขึ้น โดยเฉพาะในเวลาที่อุปทานแรงงานกำลังขาดแคลนจะยิ่งเพิ่มโอกาสที่ค่าแรงจะพุ่งขึ้นอย่างมาก ความเสี่ยงที่จะส่งผลต่อแนวโน้มที่สดใสในปี 2022 คือ การขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกของ Fed และการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา (16 มี.ค.) เจอโรม พาวเวลล์กล่าวหลังประกาศขึ้นดอกเบี้ยว่า อุปสงค์และอุปทานในตอนนี้ไม่สอดคล้องกันโดยเฉพาะในตลาดแรงงาน นั่นทำให้ค่าจ้างเพิ่มขึ้นแบบไม่สอดคล้องกับเงินเฟ้อ ดังนั้น Fed จำเป็นต้องใช้เครื่องมือทางการเงิน เพื่อฉุดเงินเฟ้อให้กลับมาอยู่ในระดับเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม George Pearkes จาก Bespoke Investment Group มองว่า ค่าจ้างไม่ใช่คือสิ่งที่ผลักดันให้เงินเฟ้อสูงขึ้น เพราะผลกำไรนั้นพุ่งขึ้นแซงหน้าการเพิ่มขึ้นของค่าจ้าง ขณะที่ส่วนแบ่งของรายได้ที่ตกมาสู่ภาคแรงงานกลับไม่ได้เพิ่มขึ้นตาม อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-03-30/2021-was-best-year-for-u-s-corporation-profits-since-1950?sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update จ้างงานสหรัฐฯ สหรัฐฯ เงินเฟ้อ เงินเฟ้อสหรัฐ แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: ก.ล.ต.ให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ต้องส่งรายงานซื้อขายให้ลูกค้า ชี้ข้อดี ลูกค้าตรวจสอบ - ใช้ยื่นภาษีได้ - FINNOMENA ก.ล.ต. ออกเกณฑ์ให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจัดทำและส่งรายงานข้อมูลการซื้อขาย การแลกเปลี่ยน และ การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้า 31 มี.ค. 2565 ก.ล.ต. ออกเกณฑ์ให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจัดทำและส่งรายงานข้อมูลการซื้อขาย การแลกเปลี่ยน และ การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ออกหลักเกณฑ์กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจัดทำและส่งรายงานข้อมูลการซื้อขาย การแลกเปลี่ยน และการลงทุน ในสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้าเพื่อประโยชน์ในการสอบทานทรัพย์สินของลูกค้า ปัจจุบันหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลยังมิได้มีการกำหนดในเรื่องการจัดทำรายงานการซื้อขาย การแลกเปลี่ยน หรือการลงทุนของลูกค้าของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล คณะกรรมการ ก.ล.ต. ในการประชุมครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 จึงได้มีมติเห็นชอบหลักการในการกำหนดหลักเกณฑ์ให้ผู้ประกอบธุรกิจประเภทศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล และผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล จัดทำรายงานข้อมูลการซื้อขาย การแลกเปลี่ยน หรือการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล และส่งรายงานข้อมูลดังกล่าวให้แก่ลูกค้า โดยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และเงื่อนเวลาที่สำนักงานประกาศกำหนดไว้บนเว็บไซต์ของ ก.ล.ต. โดย ก.ล.ต. ร่วมกับกรมสรรพากร และสมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทยกำหนดรายละเอียดของรายงานดังกล่าว เพื่อให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบธุรกรรมของตนเองตามรายการซื้อขาย การแลกเปลี่ยน หรือการลงทุน ที่กระทำผ่านผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และยังสามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้เพื่อประโยชน์ในการยื่นเสียภาษีได้อีกด้วย ทั้งนี้ การออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าวได้ลงราชกิจจานุเบกษาและมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2565 โดย (1) ตั้งแต่วันที่ประกาศใช้บังคับจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2565 ผู้ประกอบธุรกิจจะจัดส่งรายงานให้แก่ลูกค้าเมื่อลูกค้าร้องขอ เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจมีเวลาปรับตัว และ (2) ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป ผู้ประกอบธุรกิจต้องจัดส่งรายงานให้ลูกค้าภายในวันถัดไปหลังจากที่ลูกค้าทำธุรกรรม และให้ลูกค้าเข้าดูธุรกรรมย้อนหลังได้ 1 ปี 6 เดือน ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ลิงก์: https://www.sec.or.th/TH/Pages/News_Detail.aspx?SECID=9369&fbclid=IwAR1zGx_MOjrB2F7ooXhI92WdbN-wnAdZ16Sfd4Qyjc7N2J2P7y-lTRy9ReU ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update กลต คริปโต แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: สิงคโปร์ต้อนรับเศรษฐีจีน แห่ย้ายเงิน-ตั้งสำนักงานธุรกิจครอบครัว หนีนโยบาย ‘รุ่งเรืองร่วมกัน’ - FINNOMENA เศรษฐีจีนแห่ย้ายเงินไปสิงคโปร์ ประเทศที่ผู้คนพูดภาษาจีนกลางได้ และไม่เก็บภาษีความมั่งคั่งในอัตราที่สูงเหมือนหลายประเทศ 31 มี.ค. 2565 เศรษฐีจีนแห่ย้ายเงินไปสิงคโปร์ ประเทศที่ผู้คนพูดภาษาจีนกลางได้ และไม่เก็บภาษีความมั่งคั่งในอัตราที่สูงเหมือนหลายประเทศ กระแสย้ายเงินทุนกลับมาอีกครั้งในปีที่แล้ว หลังรัฐบาลจีนคุมเข้มด้านกฎระเบียบ พร้อมเน้นย้ำแนวคิด “รุ่งเรืองร่วมกัน” โดยมีเป้าหมายจัดสรรปันส่วนความมั่งคั่งระดับปานกลางให้แก่ทุกคน ไม่ใช่ไปกระจุกอยู่แค่คนบางกลุ่ม จุดเริ่มต้นที่ทำให้เหล่าเศรษฐีจีนมองหาแหล่งเก็บความมั่งคั่งใหม่นั้นเริ่มตั้งแต่ปี 2019 ที่การประท้วงในฮ่องกงรุนแรงจนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของฮ่องกง สิงคโปร์มีบริษัทที่ให้บริการแก่เหล่าเศรษฐีจีนในการย้ายทรัพย์สินด้วยวิธีการจัดตั้งสำนักงานธุรกิจครอบครัว ซึ่งส่วนใหญ่มักจะต้องมีทรัพย์สินอย่างน้อย 5 ล้านดอลลาร์ในการจัดตั้ง Jenga บริษัทบัญชีและบริการองค์กรที่ก่อตั้งโดย Iris Xu มาเป็นเวลา 5 ปี ระบุว่า คำร้องขอจัดตั้งสำนักงานธุรกิจครอบครัวเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เป็นคนที่อยู่ในเมืองจีน หรือไม่ก็คนที่อพยพมาจากจีน ข้อมูลจาก Forbes รายงานว่า เศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างรวดเร็วจนเกิดเศรษฐีพันล้านหน้าใหม่หลายร้อยคนในเวลาเพียงไม่กี่ทศวรรษ แต่นี่ไม่ได้แปลว่าเศรษฐีจีนมองว่าจีนไม่มีโอกาสแล้ว Iris Xu กล่าวว่า ลูกค้าชาวจีนเชื่อว่ามีโอกาสมากมายที่จะสร้างความมั่งคั่งในจีน เพียงแต่พวกเขาไม่มั่นใจว่าจะปลอดภัยหากเก็บเงินไว้ที่จีน มหาเศรษฐีหลายคนทั่วโลกเลือกการจัดตั้งสำนักงานธุรกิจครอบครัวในการบริหารความมั่งคั่ง นอกจากนี้ทำเลของสิงคโปร์ยังน่าสนใจเพราะใกล้ชิดกับโอกาสการลงทุนอื่นๆ ในเอเชีย ตามรายงานของ Bloomberg ช่วงปลายปี 2020 Ray Dalio ผู้ก่อตั้ง Bridgewater และ Sergey Brin ผู้ร่วมก่อตั้ง Google ได้เปิดสำนักงานธุรกิจครอบครัวในสิงคโปร์เพื่อใช้ประโยชน์จากนโยบายภาษีที่เป็นมิตร อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนที่แล้ว Lawrence Wong รมว.คลังของสิงคโปร์ระบุว่า รัฐบาลสิงคโปร์กำลังพิจารณาเกี่ยวกับภาษีความมั่งคั่ง ซึ่งรวมถึงกำไรจากการลงทุน เงินปันผล และความมั่งคั่งสุทธิ อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/03/30/chinas-wealthy-moving-money-to-singapore-amid-common-prosperity-push.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update จีน รุ่งเรืองร่วมกัน สิงคโปร์ เศรษฐีจีน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
FINNOMENA Market Alert: หุ้นจีน A-Shares เด้งแรง 3% รับมาตรการช่วยเหลือ lockdown - FINNOMENA ดัชนี China A50 และ CSI300 ปรับตัวขึ้นปิดตลาดที่ 3.09% และ 2.9% ตามลำดับ หลังรัฐบาลท้องถิ่นเมืองเซียงไฮ้ออกมาตรการช่วยเหลือกว่า 140,000 ล้านหยวน 30 มี.ค. 2565 ดัชนี China A50 และ CSI 300 ปรับตัวขึ้นปิดตลาดที่ 3.09% และ 2.9% ตามลำดับ หลังรัฐบาลท้องถิ่นเมืองเซี่ยงไฮ้ออกมาตรการช่วยเหลือกว่า 140,000 ล้านหยวน ทั้งการลดภาษี ยกเว้นค่าเช่า และสนับสนุนให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อช่วยเหลือ นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้แพลตฟอร์มอินเตอร์เน็ตลดค่าบริการและให้บริการ cloud แบบไม่มีค่าใช้จ่ายเป็นเวลา 3 เดือน ขณะที่ทิศทางการเจรจาที่ดีระหว่างรัสเซียและยูเครนก็เป็นอีกปัจจัยที่หนุนตลาดหุ้นจีนในวันนี้ FINNOMENA Investment Team มองว่าหลายธุรกิจในประเทศจีนมีมาตรการรองรับการ lockdown อยู่แล้ว เช่น ภาคการเงินให้พนักงานใช้ชีวิตที่ออฟฟิส ส่วนภาคอุตสาหกรรมก็เปิดพื้นที่ให้แรงงานใช้ชีวิตในบริเวณโรงงานเช่นกัน ทำให้มาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐนี้ได้เข้ามาทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจนอกเหนือจากการช่วยเหลือเท่านั้น เราจึงแนะนำให้นักลงทุนทยอยสะสมกองทุนหุ้นจีน A-Shares ตามสัดส่วนในพอร์ตการลงทุนแนะนำ ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: FINNOMENA Market Alert ตลาดหุ้นจีน แชร์บทความ:
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: รัสเซีย ‘ถอนปฏิบัติการรบครั้งใหญ่’ หลังยูเครนยอมรับสถานะเป็นกลาง ด้านชาติตะวันตกจับตาใกล้ชิด - FINNOMENA รัสเซียประกาศ ‘ถอนปฏิบัติการรบครั้งใหญ่’ ในยูเครนตอนเหนือ ท่ามกลางสัญญาณบวกของการเจรจาสันติภาพ แต่ยังต้องจับตาอย่างระมัดระวัง 30 มี.ค. 2565 รัสเซียประกาศ ‘ถอนปฏิบัติการรบครั้งใหญ่’ ในยูเครนตอนเหนือ ท่ามกลางสัญญาณบวกของการเจรจาสันติภาพ แต่ยังต้องจับตาอย่างระมัดระวัง นายอเล็กซานเดอร์ โฟมีน รมช.กลาโหมของรัสเซียกล่าวว่า การตัดสินใจลดการโจมตีรอบกรุงเคียฟและเมืองเชอร์นิฮิฟมีขึ้นเพื่อเพิ่มความไว้วางใจระหว่างกัน และนำไปสู่เป้าหมายสูงสุดในการลงนามในข้อตกลงทวิภาคี การตัดสินใจของรัสเซียมีขึ้นหลังยูเครนระบุว่า จะยอมรับสถานะเป็นกลางในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ นั่นหมายความว่า ยูเครนจะไม่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรด้านการทหารใดๆ ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องสำคัญของรัสเซีย เพื่อแลกกับการมีประเทศที่ 3 มารับประกันความปลอดภัยให้แก่ยูเครน ขณะที่ ปธน.โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ออกมาบอกว่า เหล่าพันธมิตรชาติตะวันตกกำลังจับตาว่า รัสเซียจะลดการโจมตีในพื้นที่ดังกล่าวตามที่ให้คำมั่นไว้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม เซอร์เก ชอยกู รมว.กลาโหมของรัสเซีย กล่าวว่า กองกำลังรัสเซียจะมุ่งเน้นปฏิบัติการในดอนบาสมากขึ้น โดยจะมุ่งแยกเขตปกครองลูฮันสก์กับดอแนตสก์ให้เป็นอิสระ พร้อมกล่าวว่า รัสเซียประสบความสำเร็จในขั้นแรกของการลดทอนศักยภาพทางทหารของยูเครน ผู้ใกล้ชิดกับเรื่องนี้กล่าวว่า การลดระดับความรุนแรงไม่ได้หมายถึงการหยุดยิงหรือถอนกำลังทหารทั้งหมดออกจากเมืองหลวง และมองว่ารัสเซียจะยังคงเรียกร้องข้อตกลงที่ยูเครนไม่น่าจะเห็นด้วย “สิ่งเดียวที่จะนำพวกเขาไปสู่การเจรจาจริงๆ คือความสำเร็จของยูเครนในสนามรบ และแรงกดดันทางเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้นต่อการคว่ำบาตรรัสเซีย” Alexander Rodnyansky ที่ปรึกษาปธน.ยูเครนกล่าว อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-03-29/russian-pull-back-from-kyiv-likely-to-be-limited-and-tactical?sref=e4t2werz https://www.bbc.com/thai/international-60908188 https://www.voathai.com/a/ukraine-russia-peace-talks/6506344.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update รัสเซีย รัสเซียถอนกำลัง รัสเซียยูเครน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Morningstar ประกาศรางวัล Morningstar Thailand Fund Awards 2022 6 กองทุนสร้างผลตอบแทนดีเยี่ยมในระยะยาว - FINNOMENA Morningstar ประกาศผู้ชนะรางวัล Morningstar Thailand Fund Awards 2022 โดยเป็นรางวัลที่จัดขึ้นเพื่อช่วยนักลงทุนเลือกกองทุนที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับนักลงทุนเมื่อเปรียบเทียบกับกองทุนกลุ่มเดียวกันในปี 2021 และในระยะยาว 29 มี.ค. 2565 วันนี้ (29 มี.ค.) Morningstar ประกาศผู้ชนะรางวัล Morningstar Thailand Fund Awards 2022 โดยเป็นรางวัลที่จัดขึ้นเพื่อช่วยนักลงทุนเลือกกองทุนที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับนักลงทุนเมื่อเปรียบเทียบกับกองทุนกลุ่มเดียวกันในปี 2021 และในระยะยาว “ผู้ชนะรางวัลในปี 2022 พิสูจน์ให้เห็นถึงการดูแลเงินลงทุนของผู้ลงทุนได้อย่างยอดเยี่ยม ความสามารถในการนำพาผู้ลงทุนผ่านพ้นช่วงตลาดผันผวนและสร้างผลตอบแทนได้อย่างดีเยี่ยมในระยะยาว เราขอชื่นชมและยินดีกับผู้ชนะรางวัลทุกท่านสำหรับความสำเร็จในครั้งนี้” Wing Chan กล่าว โดยกองทุนที่ได้รับรางวัล Morningstar Thailand Fund Awards 2022 มีดังนี้ ➢ กองทุนหุ้นขนาดใหญ่ K-STEQ กองทุนเปิดเค สตราทีจิค เทรดดิ้ง หุ้นทุน ➢ กองทุนหุ้นขนาดกลางและเล็ก KKP SM CAP กองทุนเปิดเคเคพี SMALL AND MID CAP EQUITY (หน่วยลงทุนชนิดทั่วไป) ➢ กองทุนตราสารหนี้ระยะกลางและยาว KKP ACT FIXED กองทุนเปิด เคเคพี แอ็กทิฟ ฟิกซ์ อินคัม ➢ กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น SCBRF กองทุนเปิดไทยพาณิชย์เกษียณสุข (ตราสารหนี้) ➢ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ประเภทตราสารทุน KEURMF กองทุนเปิดเค ยูโรเปียน หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ➢ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ประเภทตราสารหนี้ TMBABRMF กองทุนเปิดทีเอ็มบี ธนไพบูลย์ เพื่อการเลี้ยงชีพ บริษัทจัดการกองทุนยอดเยี่ยม ➢ ประเภทการลงทุนหุ้นภายในประเทศ: บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด ➢ ประเภทการลงทุนตราสารหนี้ภายในประเทศ: บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด หมายเหตุ: รางวัลประเภทกลุ่มกองทุนมอร์นิ่งสตาร์ใช้ข้อมูลกองทุน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2021 โดยวิธีการให้รางวัลให้ความสำคัญกับช่วงระยะเวลา 1 ปี แต่กองทุนจะต้องมีผลตอบแทนที่ปรับด้วยความเสี่ยงที่แข็งแกร่งเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มในช่วง 3 ปีและ 5 ปีจึงจะได้รับรางวัล การคัดเลือกผู้ชนะจะใช้ผลตอบแทนที่ปรับด้วยความเสี่ยง (Morningstar Risk) ที่พิจารณาในส่วนของความผันผวนที่เป็นลบมากกว่าความผันผวนที่เป็นบวก ที่มา: Morningstar Thailand ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Morningstar News Update กองทุน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: Nikkei เผย Apple เตรียมลดการผลิตทั้ง iPhone SE และ AirPods เหตุสงคราม-เงินเฟ้อ กระทบความต้องการซื้อ - FINNOMENA Apple วางแผนลดการผลิต iPhone และ AirPods เหตุวิกฤติยูเครนและเงินเฟ้อส่งผลกระทบต่อความต้องการซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของผู้บริโภค 28 มี.ค. 2565 Apple วางแผนลดการผลิต iPhone และ AirPods เหตุวิกฤติยูเครนและเงินเฟ้อส่งผลกระทบต่อความต้องการซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของผู้บริโภค สำนักข่าว Nikkei รายงานว่า Apple เตรียมลดการผลิต iPhone SE ลงประมาณ 20% หรือประมาณ 2-3 ล้านเครื่องจากที่วางแผนไว้ตอนแรก เนื่องจากความต้องการบริโภคอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ นอกจากนี้ บริษัทยังเตรีมลดกำลังการผลิต AirPods ลงมากกว่า 10 ล้านเครื่องในปีนี้ ด้วยเหตุผลเดียวกัน โดย Apple เพิ่งเปิดเปิดตัว iPhone SE ที่รองรับ 5G ไปในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นรุ่นราคาประหยัดที่มุ่งเป้าไปที่ผู้บริโภคในตลาดเกิดใหม่เป็นหลัก Counterpoint Research ระบุว่า ยอดขาย iPhone SE รุ่นก่อนหน้าคิดเป็น 12% ของยอดขาย Phone ทั้งหมด นับตั้งแต่เปิดตัวในไตรมาส 2 ปี 2020 จนถึงสิ้นปี 2021 โดยญี่ปุ่นเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดรองจากสหรัฐฯ สำนักข่าว Nikkei ยังรายงานว่าเพิ่มเติมว่า Apple ได้ขอให้ซัพพลายเออร์ผลิต iPhone 13 ทุกรุ่นน้อยกว่าที่วางแผนไว้ก่อนหน้านี้ลงอีก 2-3 ล้านเครื่อง แต่การลดการผลิตนี้เป็นการปรับตามความต้องการตามฤดูกาล ขณะที่ Apple ยังไม่ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ อ้างอิง: https://www.reuters.com/technology/apple-cut-iphone-airpods-output-nikkei-2022-03-28/ ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Apple iPhone News Update แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: หุ้นจีนกลับมาร่วงอีกครั้ง! หลังเซี่ยงไฮ้ถูกสั่งล็อกดาวน์ หวั่นเศรษฐกิจจีนหยุกชะงัก - FINNOMENA หุ้นจีนกลับมาร่วงอีกครั้ง หลังรัฐบาลจีนสั่งล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้เพื่อควบคุมโอมิครอน ซึ่งอาจทำให้การดำเนินธุรกิจและการเติบโตของเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวต้องหยุดชะงักลง 28 มี.ค. 2565 หุ้นจีนกลับมาร่วงอีกครั้ง หลังรัฐบาลจีนสั่งล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้เพื่อควบคุมโอมิครอน ซึ่งอาจทำให้การดำเนินธุรกิจและการเติบโตของเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวต้องหยุดชะงักลง วันนี้ (28 มี.ค.) ดัชนี CSI 300 ปรับตัวลงมา 0.63% โดยระหว่างวันร่วงไปถึง 2% นำโดยหุ้นกลุ่มผู้บริโภค ทั้ง Kweichow Moutai ผู้ผลิตเหล้ารายใหญ่ของจีน รวมถึงผู้ผลิตชุดกีฬาอย่าง Li Ning และ Anta Sports เซี่ยงไฮ้เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทต่างชาติหลายแห่งในจีน ดังนั้นการล็อกดาวน์จะยิ่งไปเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับหุ้นจีนที่ก่อนหน้านี้เผชิญทั้งปัญหาด้านกฎระเบียบ ความไม่แน่นอนจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และความเสี่ยงที่อาจถูกเพิกถอนในตลาดหุ้นต่างประเทศ Hao Hong จาก Bocom International กล่าวว่า ตลาดหุ้นจีนจะได้รับผลกระทบจากปริมาณการซื้อขายที่ลดลง ตอนนี้นักลงทุนต่างกังวลผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเซี่ยงไฮ้ เมืองที่มี GDP ถึง 4.32 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 4% ของ GDP ทั้งหมดในจีน การล็อกดาวน์อันเข้มงวดของจีนมีต้นทุนทางเศรษฐกิจที่สูงมาก โดยตั้งแต่ต้นปี ดัชนี CSI 300 ร่วงแล้ว 16% ถือเป็นดัชนีที่มีผลการดำเนินงานแย่สุดในภูมิภาค ทำให้เมื่อไม่นานมานี้ ทางการจีนต้องออกมาให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนเศรษฐกิจและตลาดอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม วันนี้ (28 มี.ค.) ดัชนี Hang Seng ในตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวขึ้นมา 1.21% หลังหุ้น Meituan บริษัทฟู้ดเดลิเวรี่ที่ใหญ่ที่สุดในจีนพุ่งแรงกว่า 11.48% จากผลประกอบการไตรมาส 4 ที่ดีกว่าคาด Meituan ถูกทางการจีนเรียกตรวจสอบอย่างละเอียดทั้งในเรื่องสวัสดิการพนักงานส่งของ ไปจนถึงค่าคอมมิชชั่นที่เรียกเก็บจากร้านอาหาร โดยทั้ง Meituan และหลายบริษัทเทคโนโลยีจีนต้องอยู่ภายใต้แรงกดดันจากการขับเลื่อนแนวคิด “ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน” ของสี จิ้นผิง ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มองว่า การล็อกดาวน์ในเซี่ยงไฮ้มีแนวโน้มขยายเป็นวงกว้างไปสูเมืองอื่นๆ เมื่อรวมกับการเริ่มต้นที่อ่อนแอของจีนในปีนี้ อาจทำให้เป้าหมาย GDP โตที่ 5.5% ของรัฐบาลจีนสำเร็จยากขึ้น ตลาดคาดว่าจะได้เห็นรัฐบาลจีนเร่งเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่คงไม่เพียงพอที่จะพลิกกลับโมเมนตัมในตลาด โดย Securities Times แนะว่า นโยบายการเงินของจีนจำเป็นต้องมุ่งเน้นไปที่เงื่อนไขภายในประเทศ และปล่อยนโยบายให้ถูกเวลา อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนจะมองหุ้นและเศรษฐกิจจีนในแง่ร้าย โดย Goldman Sachs ยังคงมุมมองเพิ่มน้ำหนัก (Overweight) ทั้งหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่และที่จดทะเบียนนอกประเทศ และคาดการณ์ Upside ของดัชนี MSCI China อยู่ที่ 22% ในอีก 12 เดือนข้างหน้า Kinger Lau นักกลยุทธ์ของบริษัทกล่าววว่า โมเมนตัมด้านมหภาคของจีนจะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาสที่ 2 เพราะความกังวลจะถูกบรรเทาไปบางส่วนจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินและการคลัง แนวโน้มที่ดีขึ้นในตลาดอสังหาฯ และแนวทางที่ผ่อนปรนมากขึ้นในการคุมโควิด อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-03-28/china-stocks-slide-as-half-of-shanghai-locked-down-to-curb-virus?srnd=premium-asia https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-03-28/meituan-shares-surge-as-much-as-12-in-hong-kong-after-earnings-l1a3grlm?srnd=premium-asia&sref=e4t2werz ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: Meituan Dianping News Update จีน ตลาดหุ้นจีน หุ้นจีน โควิด-19 แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }
News Update: ส่องอนาคตหุ้นจีน ถึงเวลาลงทุนหรือยัง? หลังรัฐบาลจีนส่งสัญญาณสนับสนุน - FINNOMENA ส่องอนาคตหุ้นจีน ถึงเวลาลงทุนแล้วหรือยัง? หลังมีสัญญาณผ่อนคลายการคุมเข้มภาคเทคโนโลยี 25 มี.ค. 2565 ส่องอนาคตหุ้นจีน ถึงเวลาลงทุนแล้วหรือยัง? หลังมีสัญญาณผ่อนคลายการคุมเข้มภาคเทคโนโลยี สัญญาณสนับสนุนตลาดหุ้น รวมถึงการผ่อนคลายการคุมเข้มด้านกฎระเบียบของรัฐบาล หนุนให้ตลาดหุ้นจีนในสัปดาห์ก่อนสามารถดีดตัวกลับขึ้นมาได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ หุ้นจีนร่วงมาต่อเนื่อง จากความกังวลของนักลงทุนทั้งในเรื่องโควิด และความเห็นของ JPMorgan ที่บอกว่า “ภาคอินเทอร์เน็ตของจีนไม่สามารถลงทุนได้” แม้จะฟื้นตัวกลับขึ้นมาบ้าง แต่หุ้นจีนยังถือว่าร่วงหนักมาตั้งแต่ต้นปี โดยดัชนี Shanghai Composite ลดลงกว่า 11% และดัชนี Shenzhen Component ร่วงกว่า 18% ขณะที่ ดัชนี Hang Seng ของตลาดหุ้นฮ่องกงร่วงกว่า 8% มูลค่าหุ้นจีนน่าสนใจหลังร่วงมาอยู่ระดับต่ำสุดรอบ 10 ปี? Jack Siu จาก Credit Suisse มองว่า แม้จะมีการดีดขึ้นมาบ้างแล้ว แต่มูลค่าหุ้นจีนยังน่าสนใจอยู่ ซึ่งการร่วงต่อเนื่องทำให้ช่วงหนึ่งหุ้นจีนเคยลงมาแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี “แม้จะมีความผันผวน แต่เราพร้อมจะเข้าไปแล้ว” Jack Siu เสริมว่า ตลาดหุ้นจีนรับรู้ความเสี่ยงจากทั้งประเด็นโควิด และความวิตกกังวลในตลาดอสังหาฯไปเพียงพอแล้ว อย่างไรก็ตาม IMA Asia เตือนว่า หุ้นจีนลงทุนได้แต่ต้องระวัง Richard Martin แนะให้ระวังการลงทุนในตลาดหุ้นจีน เพราะเป็นตลาดที่ถูกควบคุมโดย ‘นโยบายรัฐ’ โดยเขาบอกว่า ตลาดหุ้นที่ร่วงลงไป 30% ในเวลาเพียง 10 วัน และสามารถฟื้นตัวกลับมาได้ด้วยถ้อยคำสนับสนุนของรัฐบาล เป็นตลาดหุ้นที่ถูกขับเคลื่อนด้วยนโยบาย แทนที่จะเป็นมูลค่าหรือผลการดำเนินงานของบริษัท แต่ Richard Martin ก็ยังมองว่าหุ้นจีนสามารถลงทุนได้ ถ้าเข้าใจทิศทางของการเมืองและนโยบาย สอดคล้องกับ Michael Yoshikami จาก Destination Wealth Management ที่บอกว่าหนทางข้างหน้าของบริษัทจีนนั้นขรุขระ จากสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่ไม่แน่นอน เพราะแม้รัฐบาลจีนจะส่งสัญญาณสนับสนุนและบอกว่ากำลังสร้างรากฐานให้หุ้นจีน แต่ Michael Yoshikami มองว่า รัฐบาลจีนยังคงต้องการให้สิ่งต่างๆ มีเสถียรภาพ และแนะนำให้นักลงทุนระมัดระวัง และอีกประเด็นที่หลายคนจับตาคือ รัฐบาลจีนจะใช้วิธีไหนเพื่อบรรลุเป้าหมาย GDP ปีนี้ให้โตที่ 5.5% Fidelity International คาดหวังให้ผู้กำหนดนโยบายของจีนแสดงความกระตือรือร้นในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยคาดว่าจะได้เห็นการปรับลดดอกเบี้ยเงินและ RRR รวมถึงการเพิ่มเงิบประมาณสำหรับการใช้จ่ายด้านการคลังในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า อ้างอิง: https://www.cnbc.com/2022/03/24/china-may-be-looking-to-ease-regulations-is-it-time-to-invest.html ——————- 👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน Facebook: https://finno.me/the-opp-fb Youtube: https://finno.me/youtube-channel แท็ก: News Update จีน ตลาดหุ้นจีน หุ้นจีน แชร์บทความ: ผู้เขียน THE OPPORTUNITY ศูนย์รวมข่าวสารด้านเศรษฐกิจ และการเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน โดย FINNOMENA
{ "license": "CC BY 4.0 License", "src": "airesearch/CMDF_VISTEC", "subset": "dataset.finnomena" }