Unnamed: 0
int64
0
35
king_name
stringlengths
20
68
context
stringlengths
119
203k
0
๏ พระราชพงษาวดารพิศดาร ตั้งแต่พระเจ้าอู่ทองสร้างกรุงศรีอยุธยา เล่ม ๑
๏ ศุภมัศดุศักราช ๗๑๒ ปีขานโทศก วันศุกร์เดือนห้าขึ้นหกค่ำเพลาสามนาลิกาเก้าบาท สถาปนากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา ชีพ่อพราหมณ์ให้ฤกษ์ตังพิธีกลปบาต ได้สังขทักษิณวัฏใต้ต้นหมันขอนหนึ่ง. แลสร้างพระที่นั่งไพฑูริย์มหาปราสาทองค์หนึ่ง สร้างพระที่นั่งไพชยศต์มหาปราสาทองค์หนึ่ง สร้างพระที่นั่งไอยสวรรย์มหาปราสาทองค์หนึ่ง. แล้วพระเจ้าอู่ทองเสดจ์เข้ามาครองราชสมบัติ. ชีพ่อพราหมณ์ถวายพระนามว่าสมเดจ์พระรามาธิบดีศรีสุนทรบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว กรุงเทพทวาราวดีศรีอยุทธยามหาดิลกภพนพรัตนราชธานีบุรีรมย์. จึ่งให้สมเดจ์พระเจ้าลูกเธอพระราเมศวรขึ้นไปครองราชสมบัติในเมืองลพบุรี. ครั้งนั้นพระยาประเทษราชขึ้น ๑๖ เมือง คือเมืองมลากา เมืองชวา เมืองตนาวศรี เมืองนครศรีธรรมราช เมืองทวาย เมืองเมาะตมะ เมืองเมาะลำเลิ่ง เมืองสงขลา เมืองจันทบุรี เมืองพิศณุโลกย์ เมืองศุโขไทย เมืองพิไชย เมืองสวรรคโลกย์ เมืองพิจิตร เมืองกำแพงเพชร เมืองนครสวรรค์ แล้วให้ขึ้นไปเชิญสมเดจ์พระเจ้าลูกเธอพระราเมศวรลงมาแต่เมืองลพบุรี ทรงพระกรุณาตรัสว่า ขอมแปรภักตร์จะให้ออกไปกระทำเสีย. พระราเมศวรได้ฤกษ์ยกพลห้าพัน ไปถึงกรุงกัมพูชาธิบดีเพลาพลบค่ำ. พระยาอุปราชราชบุตรพระเจ้ากัมพูชาธิบดีทูลว่า ทัพเจ้าซึ่งยกมาเลื่อยล้าอยู่ยังมิได้พร้อมมูล จะขอออกโจมทัพ พระเจ้ากัมพูชาธิบดีเหนด้วย. พระยาอุปราชก็ออกโจมทัพทัพน่ายังไม่ทันตั้งค่าย ก็แตกฉานมาประทะทัพหลวง เสียพระศรีสวัสดิ์แก่ชาวกัมพูชาธิบดี มีข่าวเข้ามาถึงพระนคร. มีพระราชโองการให้ขุนตำรวจออกไปอัญเชิญ สมเดจ์พระบรมราชาธิราชเจ้า ผู้เปนพระเชษฐาอยู่ณเมืองสุพรรณบุรี. ครั้นเสดจ์เข้ามาถึงพระนครแล้ว พระเจ้าอยู่หัวตรัสว่า ให้อัญเชิญท่านออกไปช่วยหลานท่าน. สมเดจ์พระบรมราชาธิราชเจ้า จึ่งยกทัพรีบออกไปถึงกรุงกัมพูชาธิบดี ได้รบเอาไชยชำนะได้ ให้กวาดเข้าถ่ายครัวชาวกัมพูชาธิบดี เข้าในพระนครเปนอันมาก ๚ะ๏ ศักราช ๗๑๕ ปีมเสงเบญจศก วันพฤหัศเดือนสี่ขึ้นค่ำหนึ่ง เพลาสองนาลิกาห้าบาท ทรงพระกรุณาตรัศว่า ที่ตำหนักเวียงเล็กนั้นให้สฐาปนาพระวิหาร แลพระมหาธาตุเปนพระอารามแล้ว ให้นามชื่อวัดพุทไธยสวรรค์ ม้าขุนสุวรรณพินิจไจยตกลูกศีศะเดียว ตัวเปนสองตัวแปดเท้าชิงศีศะกัน. ไก่พระศรีมโหสถ ฟักฟองตกลูกตัวเดียวสองศีศะ ๚ะ๏ ศักราช ๗๒๕ ปีเถาะเบญจศก ทรงพระกรุณาตรัสว่า เจ้าแก้วเจ้าไทยออกอหิวาตกะโรคตาย ให้ขุดขึ้นเผาเสีย ที่ปลงสพนั้น ให้สฐาปนาพระเจดีย์แลพระวิหารเปนพระอารามแล้ว ให้นามชื่อว่าวัดป่าแก้ว ๚ะ
1
๏ แผ่นดินสมเดจ์พระราเมศวร ๚ะ
๏ ศักราช ๗๓๑ ปีระกาเอกศก สมเดจ์พระรามาธิบดีเสด็จสวรรคต อยู่ในราชสมบัติ ๒๐ ปี สมเดจ์พระราเมศวรเสด็จมาจากเมืองลพบุรี ขึ้นครองราชสมบัติ ๚ะ
2
๏ แผ่นดินสมเดจ์พระบรมราชาธิราช ๚ะ
๏ ครั้นถึงศักราช ๗๓๒ ปีจอ โทศก สมเดจ์พระบรมราชาธิราชเจ้า เข้ามาแต่เมืองสุพรรณบุรี. เสนาบดีกราบทูลว่า สมเดจ์พระบรมราชาธิราชเจ้าเสด็จเข้ามา สมเดจ์พระราเมศวรก็ออกไปอัญเชิญเสดจ์ เข้ามาพระนครถวายราชสมบัติ แล้วถวายบังคมลากลับขึ้นไปลพบุรีดั่งเก่า ๚ะ๏ ศักราช ๗๓๓ ปีกุนตรีศก สมเดจ์พระบรมราชาธิราชเจ้า เสดจ์ไปเอาเมืองฝ่ายเหนือแลได้เมืองเหนือทั้งปวง. ๚ะ๏ ศักราช ๗๓๔ ปีชวดจัตวาศก เสดจ์ไปเอาเมืองนครพังคาแลเมืองแซงเทรา. ๚ะ๏ ศักราช ๗๓๕ ปีฉลูเบญจศก เสด็จไปเอาเมืองชากังราว แลพะยาไชยแก้ว พระยากำแหงเจ้าเมือง ออกต่อรบท่าน ๆ ได้ตัวพระยาไชยแก้วตาย แต่พระยากำแหงแลไพร่พลทั้งปวงหนีเข้าเมืองได้ ทัพหลวงก็เสด็จกลับคืนมาพระนคร. ๚ะ๏ ศักราช ๗๓๖ ปีขานฉศก สมเดจ์พระบรมราชาธิราชเจ้าพระมหาเถรธรรมกัลญาณ แรกสฐาปนาพระศรีรัตนมหาธาตุฝ่ายบูรพทิศ น่าพระบรรชั้นสิงสูง ๑๙ วา ยอดนพสูญสูง ๓ วา. ๚ะ๏ ศักราช ๗๓๗ ปีเถาะสัปตศก เสดจ์ไปเอาเมืองพระพิศณุโลกย แลได้ตัวขุนสามแก้วเจ้าเมือง กวาดครัวอพยบมาครั้งนั้นมาก ๚ะ๏ ศักราช ๗๓๘ ปีมโรงอัฐศก เสดจ์ไปเอาเมืองชากังราวได้พระยากำแหง แล้วท้าวผากองคิดกันว่าจะยกตีทัพหลวง ครั้นทำมิได้ท้าวผากองเลิกทัพหนี เสด็จยกทัพหลวงตามตีทัพท้าวผากองแตก ได้ท้าวพระยาเสนาขุนหมื่นครั้งนั้นมาก แล้วทัพหลวงเสด็จกลับคืนพระนคร. ๚ะ๏ ศักราช ๗๔๐ ปีมเมียสัมฤทธิศก ไปเอาเมืองชากังราวเล่า ครั้งนั้นมหาธรรมราชาออกมาถวายบังคม. ๚ะ๏ ศักราช ๗๔๒ ปีวอกโทศก เสด็จไปเอาเมืองเชียงใหม่ แลให้เข้าปล้นเมืองนครลำปางมิได้ จึงแต่งหนังสือให้เข้าไป. หมื่นนครให้เจ้าเมืองนครลำปางออกมาถวายบังคม แล้วทัพหลวงเสด็จกลับคืนพระนคร ๚ะ
3
๏ แผ่นดินพระเจ้าท้องลั่น, แลสมเดจ์พระราเมศวรจับฆ่าเสีย ๚ะ
๏ ศักราช ๗๔๔ ปีจอจัตวาศก สมเดจ์พระบรมราชาธิราชเจ้าเสด็จสวรรคต อยู่ในราชสมบัติ ๑๓ ปี จึงเจ้าท้องลั่นราชกุมารขึ้นครองราชสมบัติได้เจ็ดวัน. สมเด็จพระราเมศวรเสดจ์ลงมาแต่เมืองลพบุรี เข้าในพระราชวังกุมเอาตัวเจ้าทองลั่นได้ให้พิฆาฎเสียณวัดโคกพระยา. ๚ะ๏ ศักราช ๗๔๖ ปีชวดฉศก สมเดจ์พระราเมศวรให้เลียบพลไว้ยกขึ้นไปเมืองเชียงใหม่ ตั้งค่ายหลวงใกล้คูเมือง ๑๕๐ เส้น ให้นายทัพนายกองตั้งค่ายล้อมแลแต่งการปล้นเอาจงได้ฝ่ายเจ้าน่าที่ยิงปืนใหญ่ออกมาถูกกำแพงเมืองพังประมาณห้าวา พระเจ้าเชียงใหม่ขึ้นยืนถือพัชนีอยู่บนเชิงเทินให้ทหารเอาหนังสือผูกลูกธนูยิงลงมา. ในหนังสือนั้นว่าฃอพระราชทานให้งดสักเจ็ดวัน จะนำเครื่องพระราชบรรณาการออกไปจำเริญพระราชไมตรี. พระเจ้าอยู่หัวจึ่งปฤกษาด้วยมุขมนตรีว่า พระเจ้าเชียงใหม่ให้มีหนังสือออกมาดั่งนี้ควรจะให้งดไว้หรือประการใด. มุขมนตรีนายทัพนายกองปฤกษาว่า เกลือกพระเจ้าเชียงใหม่จะเตรียมการมิทันจึ่งคิดกลอุบายมา ฃอพระราชทานให้ปล้นเอาเมืองจงได้. สมเดจ์พระเจ้าอยู่หัวตรัสว่าเปนพระเจ้าแผ่นดินใหญ่เขาไม่รบแล้วเราจะให้รบนั้นมิควร ถึงมาทว่าพระเจ้าเชียงไหม่จะมิได้คงอยู่ในสัตยานุสัตยก็ดี ใช่ว่าจะพ้นมือทหารเรานั้นเมื่อไรมี. ฝ่ายในเมืองเชียงใหม่นั้นก็ดีแตะบังที่กำแพงทะลายแล้วนั้นให้ก่อขึ้น ครั้นท่วนเจ็ดวันแล้ว พระเจ้าเชียงใหม่มิได้แต่งเครื่องจำเริญพระราชไมตรีออกมานายทัพนายกองข้าทหารร้องทุกขว่า เข้าในกองทัพทนานละสิบสลึงหาที่ซื้อมิได้ จะขอพระราชทานเร่งปล้น.พระเจ้าอยู่หัวบัญชาตามนายทัพนายกอง. ทรงพระกรุณาสั่งให้เลิกกองทัพเสียด้านหนึ่งให้เร่งปล้นณวันจันทร์เดือนสี่ขึ้นสี่ค่ำ. เพลาสามทุ่มสองบาทเดือนตก เจ้าพนักงานยิงปืนใหญ่น้อยระดมทั้งสามด้าน เอาบันไดหกพาดปีนกำแพงขึ้นไป. พระเจ้าเชียงใหม่ต้านทานมิได้ ก็ภาครัวอพยบหนีออกเพลา ๑๑ ทุ่มทหารเข้าเมืองได้ ได้แต่นักส้างบุตรพระเจ้าเชียงใหม่องค์หนึ่งมาถวาย.พระเจ้าอยู่หัวตรัสต่อนักส้างว่า พระเจ้าเชียงใหม่บิดาท่านหาสัจมิได้ เราคิดว่าจะออกมาหาเราโดยสัจเราจะให้ครองราชสมบัติ. ตรัสดั่งนั้นแล้วก็ให้นักส้างถวายสัตยานุสัตย. พระเจ้าอยู่หัวก็ให้แบ่งไพร่พลเมืองไว้ภอสมควร เหลือนั้นให้กวาดครัวอพยบหญิงชายลงมา ให้นักส้างลงมาส่งเสดจ์ถึงเมืองสว่างคบุรี. ทรงพระกรุณาให้นักส้างกลับขึ้นไปครองราชสมบัติณเมืองเชียงใหม่ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จยังในเมืองพิศณุโลกย นมัศการพระชินราชชินสีหเปลื้องเครื่องต้นถวายทรงสการบูชาสมโภชเจ็ดวัน แล้วเสด็จลงมาพระนคร แลลาวซึ่งต้อนลงมานั้นให้ส่งไปไว้เมืองพัทลุง เมืองสงขลา เมืองนครศรีธรรมราช เมืองจันทบุรี แล้วเสด็จออกทรงศีลยังพระที่นั่งมังคลาภิเศก เพลา ๑๐ ทุ่มทอดพระเนตรไปโดยฝ่ายทิศบูรพ เหนพระสาริริกบรมธาตุปราฏิหาร เรียกปลัดวังให้เอาพระราชยานทรงเสด็จออกไป ให้กรุยปักขึ้นไว้สฐาปนาพระมหาธาตุนั้นสูง ๑๙ วา ยอดนพสูญสูงสามวา. แล้วขนานนามให้ชื่อวัดมหาธาตุ แลให้ทำพระราชพิธีประเวศน์พระนครแลเฉลิมพระราชมณเฑียร. ขณะนั้นพระยากัมพูชายกเข้ามาถึงเมืองชลบุรี กวาดครัวอพยบหญิงชายในเมืองชลบุรีแลเมืองจันทบุรี คนประมาณหกพันเจ็ดพันกลับไปเมืองกัมพูชาธิบดี. สมเดจ์พระพุทธเจ้าอยู่หัวให้พระยาไชยณรงค์เปนทัพน่า ยกไปถึงตภานแยก ชาวกัมพูชาออกมาตีทัพพระยาไชยณรงค์ ได้รบพุ่งกันเปนสามารถ พระยากัมพูชาก็แตกฉาน. พระเจ้าอยู่หัวให้ตั้งค่ายประจำอยู่สามวัน แล้วยกเข้าตีแตกฉานเข้าเมืองได้ พระยากัมพูชาลงเรือหนี. พระเจ้าอยู่หัวลงจากช้างให้ยิงปืนนกสับลงไปต้องม่อดินเปนเพลิงลุกขึ้น. พระยากัมพูชาหนีไปรอด. จับได้แต่พระยาอุปราชบุตรพระยากัมพูชา. ให้พระยาไชยณรงค์อยู่เมืองกำพูชาไว้คนห้าพัน พระเจ้าอยู่หัวเสดจ์คืนพระนครศรีอยุทธยา. ครั้นอยู่มาญวนยกมารบ ถ้ามาน้อยชาวกัมพูชาเปนใจรบ ถ้ามามากก็เรรวนไป. พระยาไชยณรงค์บอกหนังสือมากราบทูล. สมเดจ์พระเจ้าอยู่หัวให้มีหนังสือตอบไป ให้กวาดครัวอพยบยกมาถึงพระนครแล้ว ให้ทำพระราชพิธีประเวศน์พระนคร แล้วปูนบำเน็จรางวัลนายทัพนายกอง. ๚ะ
4
๏ แผ่นดินพระเจ้าราม, แลสมเดจ์พระอินทราชา ๚ะ
๏ ศักราช ๗๔๙ ปีเถาะนพศก สฐาปนาวัดภูเขาทอง เพลาเย็นเสด็จไป ณพระที่นั่งมังคลาภิเศก ท้าวมณเฑียรซึ่งถึงอนิจกรรมแต่ก่อนนั้นมา นั่งขวางทางเสดจ์อยู่แล้วแลหายไป. สมเดจ์พระราเมศวรบรมบพิตรก็เสด็จสวรรคต อยู่ในราชสมบัติหกปี. จึ่งพระยารามผู้เปนพระราชบุตรได้ครองราชสมบัติได้ห้าปี สมเดจ์พระยารามเจ้ามีความพิโรธแก่เจ้าพระยามหาเสนาบดี ดำรัศสั่งให้กุมเอาตัวไป เจ้าพระยามหาเสนาบดีหนีรอดไปอยู่ฟากปะทาคูจาม. จึ่งให้เชิญเสด็จสมเดจ์พระอินทราชา ณเมืองสุพรรณบุรีเสด็จเข้ามาถึง จึ่งเจ้าพระยามหาเสนาบดียกเข้าปล้นเอาพระนครศรีอยุทธยาได้ จึ่งเชิญสมเดจ์พระอินทราชาขึ้นครองราชสมบัติในศักราช ๗๖๓ ปีมเสงตรีศก ให้สมเดจ์พระยารามไปกินเมืองปะทาคูจาม แล้วพระราชทานเปนบำเน็จแก่เจ้าพระยามหาเสนาบดี บุตรพระสนมองค์หนึ่ง เจียดทองคู่หนึ่ง ภานทองคู่หนึ่งเต้านำทอง กระบี่กั้นหยั่นเสลี่ยงงาเสลี่ยงกลีบบัว ๚ะ๏ ศักราช ๗๖๕ ปีมแมเบญจศก มีข่าวพระมหาธรรมราชาธิราชเจ้าเมืองพิศณุโลกย์เสด็จสวรรคต แลเมืองเหนือทั้งปวงเปนจลาจล จึ่งเสด็จขึ้นไปถึงเมืองพระบางพระยาบาลเมือง พระยารามออกมาถวายบังคม พระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จกลับยังพระนคร แล้วจึ่งให้สมเดจ์พระเจ้าลูกเธออ้ายพระยาครองเมืองสูพรรณบุรี เจ้ายี่พระยาครองเมืองแพรกศรีราชา เจ้าสามพระยาครองเมืองไชยนาท. ๚ะ
5
๏ แผ่นดินสมเดจ์พระบรมราชาธิราช ๚ะ
๏ ศักราช ๗๘๐ ปีจอสัมฤทธิศก สมเดจ์พระอินทราชาเสด็จสวรรคตอยู่ในราชสมบัติ ๑๕ ปี เจ้าอ้ายพระยา เจ้ายี่พระยายกเข้ามาชิงราชสมบัติแก่กัน เจ้าอ้ายพระยามาตั้งอยู่ดํตำบลป่ามพร้าวณวัดพลับพลาไชย เจ้ายี่พระยามาตั้ง ณวัดไชยภูม จะเข้าทางตลาดเจ้าพรม ช้างต้นมาปะทะกันเข้าที่เชิงตะภานป่าถ่าน ทั้งสองพระองค์ทรงพระแสงของ้าวต้องพระสอขาดพร้อมกันทั้งสองพระองค์. มุขมนตรีออกไปเฝ้าเจ้าสามพระยา ทูลอาการซึ่งพระเชษฐาธิราชขาดฅอช้างทั้งสองพระองค์ แล้วเชิญเสด็จเข้ามาในพระนครครองราชสมบัติ ทรงพระนามชื่อสมเดจ์พระบรมราชาธิราชเจ้า จึ่งมีพระราชดำรัศให้ขุดพระสพเจ้าอ้ายพระยา เจ้ายี่พระยาไปถวายพระเพลิง ที่ถวายพระเพลิงนั้นให้สฐาปนาพระมหาธาตุแลวิหารเปนพระอารามแล้ว ให้นามชื่อวัดราชบุรณะที่เจ้าอ้ายพระยา เจ้ายี่พระยาชนช้างกันถึงทิวงคตนั้น ให้ก่อพระเจดีย์สองพระองค์ไว้ที่เชิงตะภานป่าถ่าน. ๚ะ๏ ศักราช ๗๘๓ ปีฉลูตรีศก สมเดจ์พระบรมราชาธิราชเจ้าเสด็จไปเอาเมืองนครหลวงได้ จึ่งให้พระราชบุตรอยู่ครองเมือง พระนครอินทเจ้าครองราชสมบัติ ณเมืองพระนครหลวง ท่านจึ่งให้เอาพระยาแก้วพระยาไทยแลครอบครัวกับทั้งรูปพระโครูปลิงสัตวทั้งปวงมาด้วย ครั้นถึงพระนครศรีอยุทธยา จึ่งให้เอารูปสัตวทั้งปวงไปบูชาไว้ ณวัดพระศรีรัตนมหาธาตุบ้าง ไปไว้วัดพระศรีสรรเพชบ้าง. ๚ะ๏ ศักราช ๗๘๖ ปีมโรง ฉศก สมเดจพระบรมราชาธิราชเจ้าสร้างวัดมเหยงคณ์ สมเดจ์พระราเมศรรผู้เปนพระราชกุมาร เสด็จไปเมือง พิศณุโลกย์. ครั้งนั้นเหนน้ำพระเนตรพระพุทธซินราชตกออกเปนโลหิต. ๚ะ๏ ศักราช ๗๘๘ ปีมเมียอัฐศก ครั้งนั้นเกิดเพลิงไหม้พระราชมณเฑียรสถาน. ๚ะ๏ ศักราช ๗๘๙ ปีมแมนพศก ครั้งนั้นเกิดเพลิงไหม้พระที่นั่งตรีมุข. ๚ะ๏ ศักราช ๗๙๐ ปีวอกสัมฤทธิศก สมเดจ์พระบรมราชาธิราชเจ้าเสด็จไปเอาเมืองเชียงใหม่ แลเข้าปล้นเมืองมิได้ ภอทรงพระประชวรทัพหลวงเสด็จกลับคืน. ๚ะ๏ ศักราช ๗๙๒ ปีจอโทศก เสด็จขึ้นไปตีเมืองเชียงใหม่อีกครั้งหนึ่ง แลตั้งทัพหลวงตำบลท้ายเกษม ครั้งนั้นได้ชเลยแสนสองหมื่น ทัพหลวงเสด็จกลับคืน. ๚ะ
6
๏ แผ่นดินพระบรมไตรโลกย์นาถเจ้า. ๚ะ
๏ ศักราช ๗๙๖ ปีขานฉศก สมเดจ์พระบรมราชาธิราชเจ้าเสดจ์สวรรคต อยู่ในราชสมบัติ ๑๖ ปี. สมเดจ์พระราเมศวรผู้เปนพระราชกุมาร ขึ้นครองราชสมบัติ ทรงพระนามชื่อพระบรมไตรโลกย์นารถ ยกวังทำเปนวัดพระศรีสรรเพช. เสดจ์ลงไปตั้งพระราชนิเวศน์ประทับอยู่ริมน้ำ จึ่งให้สร้างพระที่นั่งเบญจรัตนมหาปราสาทองค์หนึ่ง สร้างพระที่นั่งสรรเพชปราสาทองค์หนึ่ง แล้วพระราชทานชื่อขุนนางตำแหน่งนา ให้เอาทหารเปนสมุหพระกลาโหม. เอาพลเรือนเปนสมุหนายก. เอาขุนเมืองเปนพระนครบาลเมือง. เอาขุนวังเปนพระธรรมาธิกรณ์. เอาขุนนาเปนพระเกษตรา. เอาขุนคลังเปนโกษาธิบดี. ถือศักดิ์นาหมื่นหนึ่ง. แลที่ถวายพระเพลิงสมเดจ์พระเจ้ารามาธิบดี ที่พระองค์สร้างกรุงนั้น. ให้สฐาปนาพระมหาธาตุ แลพระวิหารเปนพระอาราม แล้วให้นามชื่อวัดพระราม. ๚ะ๏ ศักราช ๘๐๒ ปีวอกโทศก ครั้งนั้นคนออกทรพิศม์ตายมากนัก. ๚ะ๏ ศักราช ๘๐๓ ปีรกาตรีศก แต่งทัพไปเอาเมืองมลากา. ๚ะ๏ ศักราช ๘๐๔ ปีจอจัตวาศก แต่งทัพไปเอาเมืองศีสพเถิน ครั้งนั้นเสดจ์หนุนทัพขึ้นไป ตั้งทัพหลวงตำบลบ้านโคน. ๚ะ๏ ศักราช ๘๐๕ ปีกุนเบญจศก เข้าเปลือกแพงเปนทนานละ ๘๐๐เบี้ย เบี้ยเพื้องละแปดร้อยเบี้ย เกวียนหนึ่งเปนเงินสามชั่งกับสิบบาท. ๚ะ๏ ศักราช ๘๐๖ ปีชวดฉศก ให้บำรุงพระพุทธสาศนาบริบูรณ์ แลหล่อรูปพระโพธิสัตว ๕๕๐ พระชาติ. ๚ะ๏ ศักราช ๘๐๘ ปีขานอัฐศก เล่นการมโหรสพฉลองพระแลพระราชทานสมณชีพราหมณ์ แลวรรณิภกทั้งปวง. ครั้งนั้นพระยาชะเลียงคิดกระบถ ภาครัวทั้งปวงไปแต่มหาราช ๚ะ๏ ศักราช ๘๐๙ ปีเถาะนพศก พระยาชะเลี่ยงนำมหาราชมาเอาเมืองพระพิศณุโลกย์ เข้าปล้นเมืองเปนสามารถมิได้. จึ่งยกทัพไปเอาเมืองกำแพงเพชร์ เข้าปล้นเมืองถึงเจ็ดวันมิได้. สมเดจ์พระบรมไตรยโลกย์นารถเจ้า แลสมเดจ์พระอินทราชา เสด็จขึ้นไปช่วยเมืองกำแพงเพชร์ทัน. แลสมเดจ์พระอินทราชาเจ้า ตีทัพพระยาเกียรติ์แตก. ทัพท่านมาปะทะทัพหมื่นนครได้ชนช้างด้วยหมื่นนคร. แลข้าศึกลาวทั้งสี่ช้าง เข้ารุมเอาช้างพระที่นั่งช้างเดียว. ครั้งนั้นพระอินทราชาเจ้าต้องปืน ณพระภักตร์ ทัพมหาราชนั้นเลิกกลับคืนไป. ๚ะ๏ ศักราช ๘๑๐ ปีมโรงสัมฤทธิศก สมเดจ์พระบรมไตรยโลกย์นารถเจ้า สร้างพระวิหารวัดจุฬามณี. ๚ะ๏ ศักราช ๘๑๑ ปีมเสงเอกศก สมเดจ์พระบรมไตรยโลกย์นาถเจ้า ทรงผนวชณวัดจุฬามณีได้แปดเดือน แล้วลาผนวช. ๚ะ๏ ศักราช ๘๑๓ ปีมแมตรีศก ครั้งนั้นท้าวมหาบุญชิงเมืองเชียงใหม่กันแก่ท้าวลูก. ๚ะ๏ ศักราช ๘๑๕ ปีรกาเบญจศก สมเดจ์พระเจ้าอยู่หัวได้ช้างเผือก. ๚ะ๏ ศักราช ๘๑๖ ปีจอฉศก สมภพพระราชโอรสท่าน. ๚ะ๏ ศักราช ๘๑๘ ปีชวดอัฐศก เสด็จไปเมืองชะเลี่ยง. ๚ะ๏ ศักราช ๘๒๑ ปีเถาะเอกศก แรกตั้งเมืองนครไทย ๚ะ๏ ศักราช ๘๒๒ ปีมโรงโทศก พระสีหราชเดโชถึงแก่กรรม ๚ะ๏ ศักราช ๘๒๔ ปีมเมียจัตวาศก พระยาล้านช้างถึงแก่กรรม. พระราชทานให้อภิเศกพระยาชาวขวา เปนพระยาล้านช้าง. ๚ะ๏ ศักราช ๘๒๖ ปีวอกฉศก ทรงพระกรุณาให้เล่นการมโหรสพ ฉลองพระศรีรัตนมหาธาตุ ๑๕ วัน. ๚ะ๏ ศักราช ๘๒๘ ปีจออัฐศก พระบรมราชาผู้เปนพระโอรสทรงผนวช. ๚ะ๏ ศักราช ๘๒๙ ปีกุนนพศก สมเดจ์พระราชโอรสเจ้าลาผนวช พระราชทานอภิเศกพระบรมราชาราชบุตรไว้ในที่พระมหาอุปราช. ๚ะ๏ ศักราช ๘๓๐ ปีชวดสัมฤทธิศก สมเดจ์พระบรมราชาธิราชเจ้าไปวังช้างตำบล. สัมฤทธิบริบูรรณ ๚ะ๏ ศักราช ๘๓๑ ปีฉลูเอกศก มหาราชท้าวลูกถึงแก่พิราไลย. ๚ะ๏ ศักราช ๘๓๒ ปีขานโทศก สมเดจ์พระบรมราชาธิราชเจ้า เสด็จยกทัพไปตีเมืองทวาย. แลเมื่อเมืองทวายจะเสียนั้น เกิดอุบาทว์เปนหลายประการ. โคตกลูกตัวหนึ่งเปนแปดเท้า ไก่ฟักฟองตกลูกตัวหนึ่งเปนสี่เท้า ไก่ฟักฟองคู่ขอนตกลูกเปนหกตัว. อนึ่งเข้าสานงอกเปนใบขึ้นในปีนั้น. สมเดจ์พระบรมไตรยโลกย์นารถเสด็จสวรรคต อยู่ในราชสมบัติ ๓๘ ปี ๚ะ๏ ศักราช ๘๓๔ ปีมโรงจัตวาศก แรกให้ก่อกำแพงเมืองพิไชย. ๚ะ
7
๏ แผ่นดินสมเดจ์พระรามาธิบดี. ๚ะ
๏ ศักราช ๘๓๕ ปีมเสงเบญจศก สมเดจ์พระบรมราชาธิราชเจ้า ขึ้นครองราชสมบัติ ทรงพระนามชื่อสมเดจ์พระรามาธิบดี. ๚ะ๏ ศักราช ๘๓๖ ปีมเมียฉศก ประดิษฐานพระอัฐิธาตุสมเดจ์พระบรมไตรยโลกย์นาถเจ้าในพระมหาสถูป. ๚ะ๏ ศักราช ๘๓๘ ปีวอกอัฐศก ท่านประพฤษดิ์การเบญจเพศ พระองค์ให้เล่นการดึกดำบรรพ์. ๚ะ๏ ศักราช ๘๓๙ ปีรกานพศก ให้ทำการปถมกรรม์. ๚ะ๏ ศักราช ๘๔๑ ปีกุนเอกศก แรกสร้างพระวิหาร วัดพระศรีสรรเพช. สมเดจ์พระรามาธิบดี แรกหล่อพระศรีสรรเพช ในวันอาทิตย์เดือนหกขึ้นแปดค่ำ ๚ะ๏ ครั้นถึงศักราช ๘๔๕ ปีเถาะ เบญจศก วันศุกร์เดือนแปดขึ้นสิบเอ็ดค่ำ ฉลองพระพุทธเจ้าพระศรีสรรเพช คณะณาพระพุทธปฏิมากรเจ้านั้น แต่พระบาทถึงยอดพระรัศมีสูงได้ ๘ วา พระภักตรนั้นยาวได้ ๔ ศอก โดยกว้างได้สามศอก พระอุระกว้างได้สิบเอ็ดศอก แลทองหล่อพระพุทธปฏิมากรเจ้าหนักห้าหมื่นสามพันชั่ง. ทองคำหุ้มหนักสองร้อยแปดสิบหกชั่ง. ช้างน่านั้นทองเนื้อเจ็ดน้ำสองขา. ข้างหลังนั้นทองเนื้อหกน้ำสองขา. ๚ะ๏ ศักราช ๘๖๐ ปีมเมียสัมฤทธิศก สมเดจ์พระรามาธิบดี แรกให้ทำตำราพิไชยสงคราม แลแรกทำสารบาญชีพระราชพิธีทุกเมือง. ขณะนั้นคลองสำโรงที่จะไปคลองศีศะจรเข้. คลองทับนางที่จะไปปากน้ำเจ้าพระยาตื้น. เรือใหญ่จะเดิรไปมาขัดสน. จึ่งให้ชำระขุดได้รูปเทพารักษสององค์ หล่อด้วยทองสำฤทธิ จาฤกองค์หนึ่งชื่อพระยาแสนตา องค์หนึ่งชื่อบาทสังฆังกร. ในที่ร่วมคลองสำโรง กับคลองทับนางต่อกัน. จึ่งให้พลีกรรมบวงสรวง แล้วรับออกมาปลูกศาล เชิญขึ้นประดิษฐานไว้ ณะเมืองพระประแดง. ๚ะ๏ ศักราช ๘๖๖ ปีชวดฉศก ครั้งนั้นงาเบื้องขวาช้างต้น เจ้าพระยาปราบแตกออกไป. อนึ่งในเดือนเจ็ดนั้น คนทอดบาศสนเท่ห์ ครั้งนั้นให้ฆ่าขุนนางเสียมาก. ๚ะ๏ ศักราช ๘๖๗ ปีฉลูสัปตศก น้ำน้อยเข้าตายฝอยมากสิ้น. อนึ่งแผ่นดินไหว แลเกิดอุบาทว์หลายประการ. ๚ะ๏ ศักราช ๘๖๘ ปีขานอัฐศก เข้าแพงเปนสามทนานต่อเฟื้อง. เบี้ยแปดร้อยต่อเฟื้อง เกวียนหนึ่งเปนเงินชั่งหนึ่งกับเก้าบาทสลึง. ครั้งนั้นประดิษฐานสมเดจ์พระเจ้าลูกเธอพระอาทิตยวงษ์ ไว้ในที่มหาอุปราช ให้ขึ้นครองเมืองพระพิศณุโลกย์. ๚ะ
8
๏ แผ่นดินสมเดจ์พระบรมราชาหน่อพุทธางกูร ๚ะ
๏ ศักราช ๘๗๑ ปีมเสงเอกศก ในเพลาราษตรีภาคย์ เหนอากาษนิมิตรเปนอินท์ธนู แต่ทิศหรดีผ่านมาทิศพยับ มีพรรณศรีชาว. อยู่มาณวันอาทิตย์เดือนสิบสองขึ้นแปดค่ำ สมเดจ์พระรามาธิบดี เสด็จสวรรคต อยู่ในราชสมบัติ ๔๐ ปี. สมเดจ์พระอาทิตย์วงษ์เจ้าขึ้นเสวยราชสมบัติทรงพระนามชื่อสมเดจ์พระบรมราชาหน่อพุทธางกูร. ๚ะ
9
๏ แผ่นดินพระรัษฎาธิราชกุมาร ๚ะ
๏ ศักราช ๘๗๕ ปีรกาเบญจศก สมเดจ์พระบรมราชาเสด็จสวรรคต อยู่ในราชสมบัติ ๕ ปี. สมเดจ์พระรัษฎาธิราชกุมาร ได้ครองราชสมบัติ ๚ะ
10
๏ แผ่นดินพระไชยราชาธิราชเจ้า ๚ะ
๏ ศักราช ๘๗๖ ปีจอฉศก สมเดจ์พระรัษฎาธิราชกุมารเสด็จสวรรคต. แล้วสมเดจ์พระไชยราชาธิราชเจ้า ได้เสวยราชสมบัติ. ๚ะ๏ ศักราช ๘๘๐ ปีขานสัมฤทธิศก แรกให้พูนดินวัดชีเชียง. ถึงเดือนสิบเอ็ดเสด็จไปเชียงไตรเชียงตราน. ถึงเดือนสี่ขึ้นเก้าค่ำ เพลาประมาณยามหนึ่ง เกิดลมพายุห์พัดหนัก ฅอเรืออ้อมแก้วแสนเมืองม้านั้นหัก. เรือไกรแก้วนั้นแตก. อนึ่งเสด็จมาแต่เมืองกำแพงเพชร์นั้น พระยานารายน์เปนกระบถ ให้กุมเอาพระยานารายน์ ฆ่าเสียในเมืองกำแพงเพชร์. ๚ะ๏ ศักราช ๘๘๗ ปีรกาสัปตศก ณวันพฤหัศเดือนเจ็ดขึ้นสี่ค่ำ สมเดจ์พระไชยราชาธิราชเจ้าเสด็จไปเชียงใหม่ ให้พระยาพระพิศณุโลกยเปนแม่ทัพ ยกพลออกตั้งทัพไชยตำบลบางบาล. ๚ะ๏ วันเสาร์เดือนเจ็ดขึ้นสิบสี่ค่ำ จึ่งยกทัพหลวงจากที่ทัพไชย ไปถึงเมืองกำแพงเพชร์. ๚ะ๏ วันอาทิตย์เดือนเจ็ดแรมสิบสี่ค่ำ ยกทัพไปตั้งเมืองเชียงทอง. แล้วยกไปถึงเมืองเชียงใหม่. ๚ะ๏ ครั้นณวันอาทิตย์เดือนเก้าขึ้นสี่ค่ำ เสด็จยกพยุหบาตราทัพหลวง กลับคืนยังพระนครศรีอยุทธยา. ๚ะ๏ อยู่ณวันพุดเดือนสามขึ้นสี่ค่ำ เกิดเพลิงไหม้ในพระนคร แต่ท่ากลาโหมลงไปถึงพระราชวังท้ายท่อตลาดยอด. ลมหอบเอาลูกเพลิงไปตกตะแลงแกง ไหม้ลามลงไปป่าตองโรงความฉะไกรย สามวันจึ่งดับ มีบาญชีเรือนศาลากุฏีวิหารไหม้แสนห้าสิบ. ๚ะ๏ ศักราช ๘๘๘ ปีจออัฐศก ณวันอาทิตย์เดือนยี่ขึ้นสิบเอ็ดค่ำ สมเดจ์พระไซยราชาธิราชเจ้า เสด็จยกพยุหบาตราทัพไปเมืองเชียงใหม่. ดำรัศให้พระยาพระพิศณุโลกย์ ถือพลสองหมื่นเปนกองน่า. เสด็จยกพยุหแสนยากรรอนแรมไปโดยระยะทาง สิบสองเวนถึงเมืองกำแพงเพชร์. เสด็จประทับแรมอยู่สิบห้าวัน. ๚ะ๏ ครั้นณวันพฤหัศเดือนสามขึ้นหกค่ำ เสด็จตั้งทัพไชย. ถึงณวันเสาร์เดือนสามขึ้นแปดค่ำ จึ่งยกทัพหลวงเสด็จจากที่นั้น. ๚ะ๏ ครั้นณวันอังคารเดือนสี่ขึ้นสามค่ำ ได้เมืองลำพูนไชย. ถึงณวันจันทร์เดือนสี่ขึ้นเก้าค่ำ ได้เมืองเซียงใหม่. ๚ะ๏ ณวันศุกร์เดือนสี่ขึ้นสิบสามค่ำ บังเกิดอุบาทว์นิมิตร์ เหนโลหิตตกอยู่ณประตูบ้าน แลเรือนชนทั้งปวง ในเมืองนอกเมืองทุกตำบล. ๚ะ๏ ครั้นณวันจันทร์เดือนสี่แรมสิบสี่ค่ำ เสด็จยกพยุหบาตราทัพหลวงจากเมืองเชียงใหม่ จะมายังพระนครศรีอยุทธยา ๚ะ
11
๏ แผ่นดินพระยอดฟ้า, แลขุนวรวงษาธิราช ๚ะ
๏ ศักราช ๘๘๙ ปีกุนนพศก สมเดจ์พระไชยราชาธิราชเจ้า เสด็จสวรรคตณมัชฌิมวิถีประเทศ มุขมนตรีเชิญพระบรมสพเข้าพระนครศรีอยุทธยา. สมเดจ์พระไชยราชาธิราชเจ้า อยู่ในราชสมบัติมไหสวรรย์สิบสี่พรรษา มีพระราชโอรสสองพระองค์. แลพระราชโอรผผู้พี่ ทรงพระนามพระยอดฟ้า พระชนม์ได้สิบเอ็ดพรรษา พระราชโอรสผู้น้อง ทรงพระนามชื่อพระศรีศิลป์พระชนม์ได้ห้าพรรษา. ครั้นถวายพระเพลิงพระไชยราชาเสร็จแล้ว ฝ่ายพระเทียรราชา ซึ่งเปนเชื้อพระวงษสมเดจ์พระไชยราชานั้น จึ่งดำริหว่า ครั้นกูจะอยู่ในฆราวาศบัดนี้ เหนไภยจะบังเกิดมีเปนมั่นคง ไม่เหนสิ่งใดที่จะเปนที่พึ่งได้. เหนแต่พระพุทธสาศนาแลผ้ากาสาวพัตร อันเปนธงไชยแห่งพระอรหรรต จะเปนที่พำนักนิ์พ้นไภย์อุปัทวอันตราย. ครั้นดำริหแล้ว ก็ออกไปอุปสมบทเปนภิกษุภาวะอยู่ณวัดราชประดิษฐาน ฝ่ายสมณพราหมณาจาริย์ มุขมนตรีกระวีราชนักปราชราชบัณฑิตย์โหราราชครู สโมษรพร้อมประชุมเชิญพระยอดฟ้า พระชนม์ได้สิบเอ็ดพรรษา เสด็จผ่านพิภพถวัลย์ราชประเวณี สืบศรีสุริยวงษต่อไป. แลนางพระยาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันท์ ผู้เปนสมเดจ์พระชนนีช่วยทำนุบำรุงประคองราชการแผ่นดิน ในปีนั้นแผ่นดินไหว. ๚ะ๏ ครั้นศักราช ๘๙๐ ปีชวดสัมฤทธิศก ณวันเสาร์เดือนห้าขึ้นห้าค่ำ สมเดจ์พระยอดฟ้าเสด็จออกท้องสนาม พร้อมด้วยหมู่มุขอำมาตยมนตรี เฝ้าพระบาทยุคลเปนอันมาก. ดำรัสสั่งให้เอาช้างต้นพระฉัททันต์บำรุงงากัน บังเกิดทุจริตนิมิตรงาช้างพระยาไฟนั้นหักเปนสามท่อน. ครั้นเพลาค่ำช้างต้นพระฉัททันตไล่ร้องเปนเสี่ยงคนร้องไห้. ประการหนึ่งประตูไพชยนต์ร้องเปนอุบาทว์. ครั้นอยู่มานางพระยาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันท์ เสด็จไปประภาศเล่น ณพระที่นั่งพิมานรัตยาหอพระข้างน่า ทอดพระเนตรเหนพันบุตรศรีเทพผู้เฝ้าหอพระ ก็มีความเสนหารักษใคร่พันบุตรศรีเทพ จึ่งสั่งสาวใช้ให้เอาเมี่ยงหมากห่อผ้าเช็ดหน้า ไปพระราชทานพันบุตรศรีเทพ ๆ รับแล้วก็รู้พระอัชฌาไศรยว่า นางพระยามีพระไทยยินดีรักษใคร่. พันบุตรศรีเทพจึ่งเอาดอกจำปาส่งให้สาวใช้ ให้เอาไปถวายแก่นางพระยา นางพระยาก็ยิ่งมีความกำหนัดในพันบุตรศรีเทพเปนอันมาก. จึ่งมีพระเสาวนีสั่งพระยาราชภักดีว่า พันบุตรศรีเทพเปนข้าหลวงเดิม. ให้เอามาเปนที่ขุนชินราช รักษาหอพระข้างใน ให้เปลี่ยนขุนชินราชออกไป เปนพันบุตรศรีเทพรักษาหอพระข้างน่า. ครั้นพันบุตรศรีเทพเปนขุนชินราช เข้าไปอยู่รักษาหอพระข้างในแล้ว นางพระยาก็ลอบลักสมัคสังวาศกับด้วยขุนชินราชมาช้านาน แล้วดำริหจะเอาราชสมบัติให้สิทธิ์แก่ขุนชินราช. จึ่งตรัสสั่งพระยาราชภักดี ให้ขุนชินราชเปนขุนวรวงษาธิราช ให้ปลูกจวนอยู่ริมศาลาสารบาญชี ให้พิจารณาเลขสมสังกัดพรรค์ หวังจะให้กำลังมากขึ้น แล้วให้เตียงที่อันเปนราชอาศน์ ไปตั้งไว้ข้างน่า สำหรับขุนวรวงษาธิราชนั่ง. เพื่อจะให้ขุนนางทั้งปวงอ่อนน้อมยำเกรง แล้วนางพระยาสั่งให้ปลูกจวน ให้ขุนวรวงษาธิราชว่าราชการ ณประตูดินริมต้นหมัน. อยู่มาพระยามหาเสนา ภบพระยาราชภักดี จึ่งพูดว่า เมื่อแผ่นดินเปนทุรยศฉนี้ เราจะคิดเปนประการใด. ครั้นรุ่งขึ้นนางพระยารู้ว่า พระยามหาเสนาพูดกันกับพระยาราชภักดี. จึ่งสั่งให้พระยามหาเสนา เข้ามาเฝ้าที่ประตูดิน. ครั้นเพลาค่ำพระยามหาเสนากลับออกไป มีผู้มาแทงพระยามหาเสนาล้มลง เมื่อใกล้จะสิ้นใจพระยามหาเสนาจึ่งว่า เมื่อเราเปนดั่งนี้แล้ว ผู้อยู่ภายหลังจะเปนประการใดเล่า ขณะนั้นนางพระยาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันท์ มีครรภ์ด้วยขุนวรวงษา จึ่งมีพระเสวนีตรัสปฤกษาด้วยหมู่มุขมนตรีทั้งปวงว่า พระยอดฟ้าโอรสเรายังเยาวนักสลวนแต่จะเล่น จะว่าราชการแผ่นดินเหนเหลือสติปัญานัก. อนึ่งหัวเมืองฝ่ายเหนือเล่าก็ยังมิเปนปรกติ จะไว้ใจแก่ราชการมิได้ เราคิดจะให้ขุนวรวงษาธิราชว่าราชการแผ่นดิน กว่าพระราชบุตรเราจะจำเริญไวยขึ้นจะเหนเปนประการใด. ท้าวพระยามุขมนตรีรู้อัชฌาไศรยก็ทูลว่า ซึ่งตรัสโปรดมานี้ควรอยู่แล้ว. นางพระยาจึ่งมีพระเสาวนีตรัสสั่งให้ปลัดวังในไปเอาราชยาน แลเครื่องสูงแตรสังขกับขัติยวงษออกไปรับขุนวรวงษาธิราชเข้ามาในพระราชนิเวศมณเฑียรสถาน แล้วตั้งพระราชพิธีราชาภิเศกยกขุนวรวงษาธิราชขึ้นเปนเจ้าพิภพกรุงเทพทวาราวดีศรีอยุทธยา จึ่งเอานายจันผู้น้องขุนวรวงษาธิราช. บ้านอยู่มหาโลกย เปนมหาอุปราช แล้วขุนวรวงษาธิราชผู้เปนเจ้าแผ่นดิน ตรัสปฤกษาแก่นางพระยาว่า บัดนี้ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยรักษเราบ้างชังเราบ้าง หัวเมืองเหนือทั้งปวงก็ยังกระด้างกระเดื่องอยู่ เราจำจะให้หาลงมาผลัดเปลี่ยนเสียใหม่ จึ่งจะจงรักษภักดีต่อเรา นางพระยาก็เหนด้วย. ครั้นรุ่งขึ้นเสด็จออกขุนนางสั่งสมุหนายกให้มีตราขึ้นไปหาเมืองเหนือทั้งเจ็ดหัวเมืองลงมา ๚ะ๏ ครั้นศักราช ๘๙๑ ปีฉลูเอกศกณวันอาทิตยเดือนแปดขึ้นห้าค่ำ ขุนวรวงษาธิราชเจ้าแผ่นดิน คิดกันกับแม่อยู่หัวศรีสุดาจันท์ ให้เอาพระยอดฟ้าไปประหารชิวิตรเสียณวัดโคกพระยา. แต่พระศรีศิลปน้องชายพระชนม์ได้เจ็ดพรรษานั้นเลี้ยงไว้. สมเดจ์พระยอดฟ้าอยู่ในราชสมบัติได้สองปีกับหกเดือน. ฝ่ายขุนพิเรนทรเทพเชื้อพระวงษ กับขุนอินทรเทพ หมื่นราชเสน่หา หลวงศรียศบ้านลานตากฟ้า สี่คนไว้ใจกันเข้าไปในที่ลับ แล้วปฤกษากันว่า เมื่อแผ่นดินเปนทรยศดั่งนี้เราจะละไว้ดูไม่ควร จำจะกุมเอาตัวขุนวรวงษาธิราชประหารชิวิตรเสีย. ขุนพิเรนทรเทพ หมื่นราชเสน่หา หลวงศรียศ จึ่งว่าถ้าเราทำได้สำเร็จแล้วจะเหนผู้ใดเล่าที่จะปกป้องครองประชาราษฎรสืบต่อไป. ขุนพิเรนทรเทพจึ่งว่า เหนแต่พระเทียนราชาที่บวชอยู่นั้น จะเปนเจ้าแผ่นดินได้. ขุนพิเรนทรเทพ หมื่นราชเสน่หา หลวงศรียศจึ่งว่า ถ้าฉนั้นเราจำจะไปเฝ้าพระเทียนราชาปฤกษาให้เธอรู้จะได้ทำด้วยกัน. แลขุนพิเรนทรเทพ ขุนอินทรเทพ หมื่นราชเสน่หา หลวงศรียศ. ก็ภากันไปยังวัดราชประดิษฐาน เข้าไปเฝ้าพระเทียนราชานมัศการ จึ่งแจ้งความว่า ทุกวันนี้แผ่นดินเกิดทุรยศ ข้าพระบาทเจ้าทั้งสี่คนคิดจะจับขุนวรวงษาธิราชฆ่าเสีย แล้วจะเชิญพระองคลาผนวชขึ้นครองสิริราชสมบัติ จะเหนประการใด. พระเทียรราชาก็เหนด้วย. ฝ่ายขุนอินทรเทพ หมื่นราชเสน่หา หลวงศรียศ จึ่งว่าเราคิดการทั้งปวงนี้เปนการใหญ่หลวงนัก. จำจะไปอัธิฐานเสี่ยงเทียนเฉภาะพระภักตรที่พระปฏิมากรเจ้า ฃอเอาพระพุทธคุณเปนที่พำนักนิ์ให้ประจักแจ้งว่า พระเทียนราชาประกอบด้วยบุญบารมี จะเปนที่สาสนุปถัมภกปกป้องอาณาประชาราษฎรได้ฤๅมิได้ประการใดจะได้แจ้ง. พระเทียนราชาก็เหนชอบด้วย. ขุนพิเรนทรเทพจึ่งว่า เราคิดการใหญ่หลวงถึงเพียงนี้ อนึ่งก็ได้เตรียมการพร้อมแล้ว ถ้าเสี่ยงเทียนมิสมดังเจตนาจะมิเสียไชยสวัศดิ์มงคลไปฤๅ ถ้ามิเสี่ยงเที่ยนตกจะไม่ทำฤๅประการใด ว่าแล้วต่างคนต่างก็ไป. ครั้นค่ำลงวันนั้น ฝ่ายขุนอินทรเทพ หมื่นราชเสน่หา หลวงศรียศ พระเทียนราชาก็ชวนกันฟั่นเทียนสองเล่มขี้พึ่งหนักเท่ากัน ด้ายไส้เทียนนั้นนับเส้นเท่ากัน เล่มเทียนสั้นยาวเสมอกัน. แล้วก็ภากันไปอุโบสถวัดป่าแก้ว ฝ่ายพระเทียนราชากราบถวายนมัศการพระพุทธปฏิมากรเจ้าโดยเบญจางคประดิษฐ. แล้วจึ่งกระทำเสี่ยงวจีสัตยอัธิฐานว่า ปางเมื่อสมเดจ์พระบรมไตรยโลกย์นารถเจ้า เสด็จยังเที่ยวสทิตย์ไปรฎสัตวอยู่ย่อมยังโลกย์อันมีความวิมัตติ์ในสันดานให้บริสุทธิ์สิ้นสงไสย ด้วยพระญาณสัพพัญู ครั้นพระพุทธองค์เสด็จเข้าสู่พระมหาปรินิพพานแล้ว ก็ยังทรงพระมหากรุณาประดิษฐานพระเจดีย์ทั้งห้า คือพระปฏิมากร พระมหาโพทธิ พระสถูป พระชินธาตุ พระไตรยปิฎกไว้สนองต่างพระพุทธองค์ เปนที่พึ่งแก่สัตวโลกย์อันเกิดมาภายหลัง. เปนความสัตยแห่งข้าพระพุทธเจ้าฉนี้ ประการหนึ่งข้าพระพุทธเจ้าคิดจะใคร่ได้ราชสมบัติครั้งนี้ ด้วยโลกียจิตรจะใคร่เปนใหญ่ จะได้จัดแจงราชการกิจานุกิจ ให้สถิตย์อยู่ในยุติธรรม จะได้เปนที่พึ่งพำนักนิ์ในนิกรราชบรรพสัตวให้มีศุขสมบูรณ์ ตามบุราณราชประเพณี เปนความสัตยแห่งข้าพระพุทธเจ้าฉนี้ถ้วนเคารพสอง. แลยังมีความสงไสยอยู่จะสมลุดั่งมโนรถแล้วฤๅ ฤๅมิสมลุประการใดมิได้แจ้ง. ข้าพระพุทธเจ้าฃอพระบวรคุณานุภาพพระมหาเจดีย์ฐานเจ้าทั้งห้า มีพุทธปฏิมากรเจ้าเปนอาทิ อันพระพุทธองค์ทรงประดิษฐานไว้ต่างพระองค์ แลวจีสัตยาธิฐานทั้งสองสัตยแห่งข้าพระพุทธเจ้า จงเปนที่พำนักนิ์ตัดความสงไสย. ข้าพระพุทธเจ้าจะกระทำสัตยเสี่ยงเทียนของข้าพระองค์เล่มหนึ่ง. ของขุนวรวงษาธิราชเล่มหนึ่ง. ถ้าพระองค์จะสมลุดั่งมโนรถด้วยปราถนาด้วยบุญญาธิการบุราณ แลปจุบันกรรมควรจะได้มหาเสวตรฉัตรสกลรัษฐาธิปไตยจะได้รำงับทรยศยุคเขญเปนจลาจล แห่งสมณพราหมณเสนาบดีไพร่ฟ้าประชาราษฎรได้ความเดือดร้อน แลได้เปนมหาอรรคถานทายก อุปถัมภกพระบวรพุทธสาศนา ในวรราไชยสวรรย์สืบไป. ขอให้เทียนขุนวรวงษาธิราชดับก่อน. ถ้ามิสมลุดั่งมโนรถความปราถนาแล้ว ขอให้เทียนข้าพระองค์ดับก่อน. ฃอพระบวรคุณานุภาพแลความสัตยทั้งสองแห่งข้าพเจ้าจงมาตัดความสงไสยให้ปรากฎตามเสี่ยงวจีสัตยาธิฐาน อันข้าพระพุทธเจ้าอุทิศเทียนสองเล่มนี้ เปนพุทธสการบูชาแลเสี่ยงกระทำด้วยสัตยเคารพนี้เถิด. ครั้นอัธิฐานเสร็จแล้ว ก็จุดเทียนทั้งสองเล่มนั้นเข้า. ฝ่ายขุนพิเรนทรเทพไปถึงเห็นเทียนขุนวรวงษาธิราช ยาวกว่าเทียนพระเทียนราชาก็โกรธ. จึ่งว่าห้ามมิให้ทำสิขืนทำเล่า ก้คายชานหมากดิบทิ้งไป จะได้ตั้งใจทิ้งเอาเทียนขุนวรวงษาธิราชนั้นหามิได้. เปนศุภนิมิตรเหตุภอทิ้งไปต้องเทียนขุนวรวงษาธิราชดับลง. คนทั้งห้าก็บังเกิดโสมนัศยินดียิ่งนัก. ขณะนั้นมีพระสงฆองค์หนึ่งครองไตรยจีวรครบถือตาลปัดเดินเข้าไปในพระอุโบสศให้พรว่า ท่านทั้งห้านี้จะได้สำเร็จมโนรถความปราถนาเปนแท้. ทั้งห้าคนก็นมัศการรับพร พระสงฆนั้นกลับออกมาก็หายไป ต่างคนก็ต่างกลับมายังที่อยู่. ครั้นประมาณสิบห้าวัน กรมการเมืองลพบุรีบอกลงมาว่า ช้างพลายสูงหกศอกสี่นิ้วหูหางสรรพต้องลักษณะติดโขลง สมุหนายกกราบทูลตรัสว่า เราจะขึ้นไปจับ. อยู่อีกสองวันเราจะเสด็จ. แล้วสั่งให้มีตราขึ้นไปว่าให้กรมการจับเสียเถิด. ครั้นอยู่มาประมาณเจ็ดวันโขลงชักปกเถื่อน เข้ามาทางวัดแม่นางปลื้มเข้าพะเนียดวัดซอง. สมุหนายกกราบทูลตรัสว่า พรุ่งนี้เราจะไปจับ. ครั้นเพลาค่ำขุนพิเรนทรเทพจึ่งสั่งหมื่นราชเสน่หานอกราชการ ให้ออกไปคอยทำร้ายมหาอุปราชอยู่ที่ท่าเสือ สั่งแล้วภอพระยาพิไชย พระยาสวรรคโลกยลงมาถึง ขุนพิเรนทรเทพจึ่งให้ไปบอกโดยความลับ. พระยาพิไชย พระยาสวรรคโลกยก็ดีใจ จึ่งไปซุ่มอยู่ที่คลองบางปลาหมอ กับด้วยขุนพิเรนทรเทพ หลวงศรียศ หมื่นราชเสน่หาในราชการขี่เรือคลลำ พลภายมีสาตราวุธครบมือ. ฝ่ายหมื่นราชเสน่หานอกราชการถือปืนไปแอบคอยอยู่ทำอาการดุจหนึ่งทนายเลือก ครั้นเห็นมหาอุปราชขี่ช้างจะไปพะเนียด หมื่นราชเสน่หาก็ยิงถูกมหาอุปราชตกช้างลงตาย. ครั้นเข้าตรู่ขุนวรวงษาธิราชกับแม่อยู่หัวศรีสุดาจันท์ แลราชบุตรซึ่งเกิดด้วยกันนั้น ทั้งพระศรีศิลปก็ลงเรือพระที่นั่งลำเดียวกัน มาตรงคลองสระบัว. ขุนอินทรเทพก็ตามประจำมา. ๚ะ๏ ฝ่ายขุนพิเรนทรเทพ พระยาพิไชย พระยาสวรรคโลกย หลวงศรียศ หมื่นราชเสนหาในราชการ. ครั้นเหนเรือพระที่นั่งขึ้นมา พร้อมกันออกสกัด. ขุนวรวงษาธิราชร้องไปว่า เรือใครตรงเข้ามา. ขุนพิเรนทรเทพร้องตอบไปว่า กูจะมาเอาชิวิตรเองทั้งสอง. ฝ่ายขุนอินทรเทพให้ภายเรือกระหนาบเรือพระที่นั่งขึ้นมาแล้ว ช่วยกันกลุ้มรุมจับขุนวรวงษาธิราช กับแม่อยู่หัวเจ้าศรีสุดาจันท์ แลบุตรซึ่งเกิดด้วยกันนั้นฆ่าเสีย. แล้วให้เอาสพไปเสียบประจานไว้ณวัดแร้ง แต่พระศรีศิลปนั้นเอาไว้. ขุนวรวงษาธิราชอยู่ในราชสมบัติห้าเดือน. ขุนพิเรนทรเทพ ขุนอินทรเทพ กับขุนนางทั้งปวง กลับเข้ามารักษาพระราชวัง ๚ะ

PongSawaML

PongsawaM(L) is a Thai annal Ayutthaya, Thonburi, and Rattakosin (Rama I). This annal writed by Dan Beach Bradley an American Protestant missionary

Downloads last month
0
Edit dataset card