File size: 3,809 Bytes
c5b6280
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
Book,Page,LineNumber,Text
06,0041,001,กหาปณะนั้น  เป็นมาตราทองคำ  ราคาเท่าทองคำหนัก  ๒๐  มาสก  
06,0041,002,มาสก  ๑  มีราคาเท่าทองคำหนัก  ๔  เมล็ดข้าวเปลือก.  บาทหนึ่งเป็น
06,0041,003,๑  เสี้ยวที่  ๔  ของกหาปณะ  จึงมีราคา  ๕  มาสก    คือเท่าทองคำ
06,0041,004,หนัก  ๒๐  เมล็ดข้าวเปลือก.  เพราะเป็นมาตราทองคำเทียบกับมาตรา
06,0041,005,เงิน  จึงมีขึ้นมีลงไม่คงที่.  เรื่องนี้ท่านพระอมราภิรักขิต  (อมร  เกิด)
06,0041,006,ได้อธิบายไว้โดยพิสดารแล้วในบุพพสิกขาวัณณนา  ผู้ต้องการรู้ละเอียด  
06,0041,007,จงดุข้างท้ายแห่งคัมภีร์นั้นเถิด  แต่พึงเข้าใจว่า   ครั้งเรียงบุพพสิกขา-
06,0041,008,วัณณนานั้น  ราคาทองคำเทียบกับราคาเงินสูงเพียง  ๑๖  หนักเท่านั้น.
06,0041,009,เพราะเหตุนั้น  ควรกำหนดทรัพย์เป็นวัตถุแห่งอาบัติในสิกขาบทนี้
06,0041,010,ดังต่อไปนี้ :-
06,0041,011,ทรัพย์มีราคาบาทหนึ่ง  คือ  ๕  มาสก  เป็นวัตถุแห่งอาบัติปาราชิก.
06,0041,012,ทรัพย์มีราคาหย่อนบาทลงมา  แต่สุงกว่า   ๑  มาสก  เป็นวัตถุแห่ง
06,0041,013,อาบัติถุลลัจจัย.  ทรัพย์มีราคาตั้งแต่  ๑  มาสกลงมา  เป็นวัตถุแห่ง
06,0041,014,อาบัติทุกกฏ.   ในอรรถกถากล่าวไว้ว่า  ของที่เก่าแล้วหรือใช้แล้ว
06,0041,015,ราคาย่อมตกลงมา  แม้เป็นของใหม่ก็ยังควรตีราคาซึ่งเป็นไปอยู่ใน
06,0041,016,ประเทศและในกาลที่เกิดเหตุขึ้น.  ทรัพย์สิ่งเดียวมีราคาหย่อนจากวัตถุ
06,0041,017,ปาราชิก   รวมกันเข้าตีราคาปรับอาบัติที่สูงกว่าได้   ดังวินิจฉันแล้วใน
06,0041,018,บทว่านานาภัณฑะข้างต้น.   ภิกษุมีไถยจิต  ถือเอาทรัพย์มีราคาบาท
06,0041,019,หนึ่ง   หรือยิ่งกว่า  ต้องอาบัติปาราชิก.  มีไถยจิตถือเอาทรัพย์มี
06,0041,020,ราคาหย่อนจากนั้น  ต้องอาบัติตามวัตถุ.
06,0041,021,ภิกษุมีไถยจิต  พยายามเพื่อจะถือเอาทรัพย์เป็นวัตถุแห่งปาราชิก