|
Book,Page,LineNumber,Text
|
|
04,0004,001,เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ
|
|
04,0004,002,เพราะภพดับ ชาติจึงดับ
|
|
04,0004,003,เพราะชาติดับ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส จึงดับ
|
|
04,0004,004,เป็นอันว่ากองทุกข์ทั้งมวลนั่นย่อมดับ ด้วยประการฉะนี้.
|
|
04,0004,005,ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนั้นแล้ว จึงทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้น
|
|
04,0004,006,ว่าดังนี้:-
|
|
04,0004,007,พุทธอุทานคาถาที่ ๒
|
|
04,0004,008,เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลาย ปรากฏแก่พราหมณ์
|
|
04,0004,009,ผู้มีเพียรเพ่งอยู่ เมื่อนั้น ความสงสัยทั้งปวง
|
|
04,0004,010,ของพราหมณ์นั้นย่อมสิ้นไป เพราะได้รู้ความ
|
|
04,0004,011,สิ้นแห่งปัจจัยทั้งหลาย.
|
|
04,0004,012,[๓] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงมนสิการปฏิจจสมุปบาท เป็นอนุโลมและปฏิโลม
|
|
04,0004,013,ตลอดปัจฉิมยามแห่งราตรี ว่าดังนี้:-
|
|
04,0004,014,ปฏิจจสมุปบาท อนุโลม
|
|
04,0004,015,เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร
|
|
04,0004,016,เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ
|
|
04,0004,017,เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป
|
|
04,0004,018,เพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ
|
|
04,0004,019,เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ
|
|
04,0004,020,เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา
|
|
04,0004,021,เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา
|
|
04,0004,022,เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน
|
|
04,0004,023,เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ
|
|
04,0004,024,เพราะภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ
|
|
|