question_id
int32 1
4k
| article_id
int32 665
954k
| context
stringlengths 75
87.2k
| question
stringlengths 11
135
| answers
sequence |
---|---|---|---|---|
627 | 134,557 | หม่อมเจ้าขจรจรัสฤทธิ์ กฤดากร หม่อมเจ้าขจรจรัสฤทธิ์ กฤดากร อดีตผู้พิพากษาศาลคดีค่างประเทศ และอดีตอัยการกระทรวงยุติธรรมพระประวัติ พระประวัติ. หม่อมเจ้าขจรจรัสฤทธิ์ กฤดากร ทรงเป็นโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากฤษดาภินิหาร กรมพระนเรศรวรฤทธิ์กับหม่อมสุภาพ กฤดากร ณ อยุธยา ประสูติเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2430 เสด็จไปทรงศึกษาวิชากฎหมายที่ประเทศอังกฤษเมื่อปี พ.ศ. 2446 ทรงรับราชการในตำแหน่งเนติบัณฑิต เลขานุการกระทรวงการต่างประเทศ อัยการกระทรวงยุติธรรม ผู้พิพากษาศาลคดีต่างประเทศ ตามลำดับ สิ้นชีพิตักษัยเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2468เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา
| หม่อมเจ้าขจรจรัสฤทธิ์ กฤดากร ทรงเป็นโอรสของใคร | {
"answer": [
"พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากฤษดาภินิหาร กรมพระนเรศรวรฤทธิ์"
],
"answer_begin_position": [
285
],
"answer_end_position": [
345
]
} |
857 | 134,557 | หม่อมเจ้าขจรจรัสฤทธิ์ กฤดากร หม่อมเจ้าขจรจรัสฤทธิ์ กฤดากร อดีตผู้พิพากษาศาลคดีค่างประเทศ และอดีตอัยการกระทรวงยุติธรรมพระประวัติ พระประวัติ. หม่อมเจ้าขจรจรัสฤทธิ์ กฤดากร ทรงเป็นโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากฤษดาภินิหาร กรมพระนเรศรวรฤทธิ์กับหม่อมสุภาพ กฤดากร ณ อยุธยา ประสูติเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2430 เสด็จไปทรงศึกษาวิชากฎหมายที่ประเทศอังกฤษเมื่อปี พ.ศ. 2446 ทรงรับราชการในตำแหน่งเนติบัณฑิต เลขานุการกระทรวงการต่างประเทศ อัยการกระทรวงยุติธรรม ผู้พิพากษาศาลคดีต่างประเทศ ตามลำดับ สิ้นชีพิตักษัยเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2468เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา
| หม่อมเจ้าขจรจรัสฤทธิ์ กฤดากร ทรงเป็นโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์ใด | {
"answer": [
"พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากฤษดาภินิหาร กรมพระนเรศรวรฤทธิ์"
],
"answer_begin_position": [
285
],
"answer_end_position": [
345
]
} |
1,448 | 134,557 | หม่อมเจ้าขจรจรัสฤทธิ์ กฤดากร หม่อมเจ้าขจรจรัสฤทธิ์ กฤดากร อดีตผู้พิพากษาศาลคดีค่างประเทศ และอดีตอัยการกระทรวงยุติธรรมพระประวัติ พระประวัติ. หม่อมเจ้าขจรจรัสฤทธิ์ กฤดากร ทรงเป็นโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากฤษดาภินิหาร กรมพระนเรศรวรฤทธิ์กับหม่อมสุภาพ กฤดากร ณ อยุธยา ประสูติเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2430 เสด็จไปทรงศึกษาวิชากฎหมายที่ประเทศอังกฤษเมื่อปี พ.ศ. 2446 ทรงรับราชการในตำแหน่งเนติบัณฑิต เลขานุการกระทรวงการต่างประเทศ อัยการกระทรวงยุติธรรม ผู้พิพากษาศาลคดีต่างประเทศ ตามลำดับ สิ้นชีพิตักษัยเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2468เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา
| หม่อมเจ้าขจรจรัสฤทธิ์ กฤดากร ประสูติเมื่อวันที่เท่าไร | {
"answer": [
"29"
],
"answer_begin_position": [
394
],
"answer_end_position": [
396
]
} |
1,632 | 134,557 | หม่อมเจ้าขจรจรัสฤทธิ์ กฤดากร หม่อมเจ้าขจรจรัสฤทธิ์ กฤดากร อดีตผู้พิพากษาศาลคดีค่างประเทศ และอดีตอัยการกระทรวงยุติธรรมพระประวัติ พระประวัติ. หม่อมเจ้าขจรจรัสฤทธิ์ กฤดากร ทรงเป็นโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากฤษดาภินิหาร กรมพระนเรศรวรฤทธิ์กับหม่อมสุภาพ กฤดากร ณ อยุธยา ประสูติเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2430 เสด็จไปทรงศึกษาวิชากฎหมายที่ประเทศอังกฤษเมื่อปี พ.ศ. 2446 ทรงรับราชการในตำแหน่งเนติบัณฑิต เลขานุการกระทรวงการต่างประเทศ อัยการกระทรวงยุติธรรม ผู้พิพากษาศาลคดีต่างประเทศ ตามลำดับ สิ้นชีพิตักษัยเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2468เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา
| หม่อมเจ้าขจรจรัสฤทธิ์ กฤดากร ประสูติเมื่อวันที่เท่าไร | {
"answer": [
"29"
],
"answer_begin_position": [
394
],
"answer_end_position": [
396
]
} |
628 | 197,344 | วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย (ชื่อเล่น เอส) เกิดวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 เป็นนักแสดงชาวไทย จบมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนโพธิสารพิทยากร จบมัธยมศึกษาตอนปลายจาก โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จบการศึกษาระดับอุดมศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เข้าสู่วงการบันเทิงจากผลงานโฆษณา มีผลงานโดดเด่น เช่น "คอฟฟี่เมต" คู่กับ ครีม เปรมสินี รัตนโสภา จากนั้นเล่นละครกับค่ายยูม่า ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ปัจจุบันเป็นผู้ควบคุมสายงานการผลิตละคร ของช่อง จีเอ็มเอ็ม 25 ร่วมกับดีเจชื่อดัง พี่ฉอด สายทิพย์ ผู้อำนวยการสร้างสายงานผลิตละคร และพี่เล็ก บุษบา ดาวเรือง ผู้อำนวยการสร้างสายงานผลิตละคร บริหารร่วมกับเอไทม์มีเดีย ร่วมกับพี่ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ปัจจุบันมีลูกชาย ชื่อ ด้อล รักมากที่สุด (ลูกบุญธรรมของพี่ชายเอส วรฤทธิ์)ผลงานละครผลงาน. ละคร. - 2543 ฝนตกขี้หมูไหล คนอะไรมาพบกัน - 2543 ผู้ดีอีสาน รับบท ชัยยันต์ (ตัวร้าย) (ตายตอนจบ) - 2543 คนของแผ่นดิน รับบท - 2544 เสือ 11 ตัว รับบท ร.ต.ท. เกรียงไกร / เสือสมิง (ตัวร้าย) (ตายตอนจบ) - 2544 ลางลิขิต รับบท ติณภพ (พระเอก) คู่กับ เข็มอัปสร สิริสุขะ - 2545 ปีกมาร รับบท ลายสือ - 2546 กิเลสมาร รับบท นาคร (ตัวร้าย) คู่กับ ภัคจีรา วรรณสุทธิ์ - 2548 สำเภาทอง รับบท ต๋ง (ตัวร้าย) - 2548 ผู้หญิงชั้นหนึ่ง รับบท เฉียบวุฒิ (ตัวร้าย) คู่กับ สกาวใจ พูนสวัสดิ์ - 2548 โค่นมังกร รับบท ห้าว (พระเอก) คู่กับ รินลณี ศรีเพ็ญ / เปรมสินี รัตนโสภา - 2549 หิมะใต้พระจันทร์ รับบท ชอยยองกี คู่กับ ศกลรัตน์ วรอุไร - 2549 แก้วตาพี่ รับบท พฤกษ์ คู่กับ พริมรตา เดชอุดม - 2550 กงจักรลายดอกบัว รับบท วัณโณ (รับเชิญ) - 2550 รักนี้หัวใจเราจอง รับบท พายัพ (ตัวร้าย) คู่กับ ภัคจีรา วรรณสุทธิ์ - 2551 กิ่งแก้วกาฝาก รับบท ภาณุ คู่กับ ณปภา ตันตระกูล - 2551 ชุมทางเสือเผ่น รับบท ผู้กองไชยา คู่กับ ณิชชาพัณณ์ ชุณหะวงศ์วสุ - 2551 สะใภ้ลูกทุ่ง รับบท สหโชค คู่กับ สุนิสา เจทท์ - 2552 สายสืบเดลิเวอรี่ รับบท ผู้กองชัชนินทร์ คู่กับ พิจิตตรา สิริเวชชะพันธ์ - 2552 เป็นต่อ รับบท หมอชิน - 2552 พระจันทร์สีรุ้ง รับบท ศศิน (ตัวร้าย) คู่กับ อัมราภัสร์ จุลกะเศียน - 2552 ไฟรักอสูร รับบท วิทูรย์ (ตัวร้าย) คู่กับ สุนิสา เจทท์ - 2553 สามหัวใจ รับบท ชาญ คู่กับ ชาลิสา บุญครองทรัพย์ - 2555 เล่ห์ร้อยรัก รับบท บุญทัน / ภูบดี คู่กับ เซลีน่า เพียซ - 2555 Club Friday The Series ควรพอหรือรอต่อไป รับบท ทศรายการ รายการ. พิธีกรรายการ GPS ออกอากาศทางจีเอ็มเอ็ม 25 ทุกวันเสาร์ 11.00-12.00 น. รีรันทางจีเอ็มเอ็ม 25 ทุกวันจันทร์ 03.30 - 04.30น. / วันอังคาร 10.45 - 11.45น. / วันพุธ 00.45 - 01.45น.Pocket BookPocket Book. - S'หนังสือเดินทางมิวสิกวิดีโอมิวสิกวิดีโอ. - เพลง ช้ำ - อุเทน พรหมมินทร์ - เพลง รักจริง เลิกจริง เจ็บจริง - ปนัดดา เรืองวุฒิ - เพลง คำแก้ตัวของคนแพ้ - ปนัดดา เรืองวุฒิ - เพลง เจ็บแต่จบ - อ๊อฟ ปองศักดิ์รางวัลที่ได้รับรางวัลที่ได้รับ. - รางวัลนักแสดงสมทบชายดีเด่น จากงานรางวัลพิฆเนศวร ครั้งที่ 1 ประจำปี 2555
| วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย ชื่อเล่นว่าอะไร | {
"answer": [
"เอส"
],
"answer_begin_position": [
144
],
"answer_end_position": [
147
]
} |
1,468 | 197,344 | วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย (ชื่อเล่น เอส) เกิดวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 เป็นนักแสดงชาวไทย จบมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนโพธิสารพิทยากร จบมัธยมศึกษาตอนปลายจาก โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จบการศึกษาระดับอุดมศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เข้าสู่วงการบันเทิงจากผลงานโฆษณา มีผลงานโดดเด่น เช่น "คอฟฟี่เมต" คู่กับ ครีม เปรมสินี รัตนโสภา จากนั้นเล่นละครกับค่ายยูม่า ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ปัจจุบันเป็นผู้ควบคุมสายงานการผลิตละคร ของช่อง จีเอ็มเอ็ม 25 ร่วมกับดีเจชื่อดัง พี่ฉอด สายทิพย์ ผู้อำนวยการสร้างสายงานผลิตละคร และพี่เล็ก บุษบา ดาวเรือง ผู้อำนวยการสร้างสายงานผลิตละคร บริหารร่วมกับเอไทม์มีเดีย ร่วมกับพี่ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ปัจจุบันมีลูกชาย ชื่อ ด้อล รักมากที่สุด (ลูกบุญธรรมของพี่ชายเอส วรฤทธิ์)ผลงานละครผลงาน. ละคร. - 2543 ฝนตกขี้หมูไหล คนอะไรมาพบกัน - 2543 ผู้ดีอีสาน รับบท ชัยยันต์ (ตัวร้าย) (ตายตอนจบ) - 2543 คนของแผ่นดิน รับบท - 2544 เสือ 11 ตัว รับบท ร.ต.ท. เกรียงไกร / เสือสมิง (ตัวร้าย) (ตายตอนจบ) - 2544 ลางลิขิต รับบท ติณภพ (พระเอก) คู่กับ เข็มอัปสร สิริสุขะ - 2545 ปีกมาร รับบท ลายสือ - 2546 กิเลสมาร รับบท นาคร (ตัวร้าย) คู่กับ ภัคจีรา วรรณสุทธิ์ - 2548 สำเภาทอง รับบท ต๋ง (ตัวร้าย) - 2548 ผู้หญิงชั้นหนึ่ง รับบท เฉียบวุฒิ (ตัวร้าย) คู่กับ สกาวใจ พูนสวัสดิ์ - 2548 โค่นมังกร รับบท ห้าว (พระเอก) คู่กับ รินลณี ศรีเพ็ญ / เปรมสินี รัตนโสภา - 2549 หิมะใต้พระจันทร์ รับบท ชอยยองกี คู่กับ ศกลรัตน์ วรอุไร - 2549 แก้วตาพี่ รับบท พฤกษ์ คู่กับ พริมรตา เดชอุดม - 2550 กงจักรลายดอกบัว รับบท วัณโณ (รับเชิญ) - 2550 รักนี้หัวใจเราจอง รับบท พายัพ (ตัวร้าย) คู่กับ ภัคจีรา วรรณสุทธิ์ - 2551 กิ่งแก้วกาฝาก รับบท ภาณุ คู่กับ ณปภา ตันตระกูล - 2551 ชุมทางเสือเผ่น รับบท ผู้กองไชยา คู่กับ ณิชชาพัณณ์ ชุณหะวงศ์วสุ - 2551 สะใภ้ลูกทุ่ง รับบท สหโชค คู่กับ สุนิสา เจทท์ - 2552 สายสืบเดลิเวอรี่ รับบท ผู้กองชัชนินทร์ คู่กับ พิจิตตรา สิริเวชชะพันธ์ - 2552 เป็นต่อ รับบท หมอชิน - 2552 พระจันทร์สีรุ้ง รับบท ศศิน (ตัวร้าย) คู่กับ อัมราภัสร์ จุลกะเศียน - 2552 ไฟรักอสูร รับบท วิทูรย์ (ตัวร้าย) คู่กับ สุนิสา เจทท์ - 2553 สามหัวใจ รับบท ชาญ คู่กับ ชาลิสา บุญครองทรัพย์ - 2555 เล่ห์ร้อยรัก รับบท บุญทัน / ภูบดี คู่กับ เซลีน่า เพียซ - 2555 Club Friday The Series ควรพอหรือรอต่อไป รับบท ทศรายการ รายการ. พิธีกรรายการ GPS ออกอากาศทางจีเอ็มเอ็ม 25 ทุกวันเสาร์ 11.00-12.00 น. รีรันทางจีเอ็มเอ็ม 25 ทุกวันจันทร์ 03.30 - 04.30น. / วันอังคาร 10.45 - 11.45น. / วันพุธ 00.45 - 01.45น.Pocket BookPocket Book. - S'หนังสือเดินทางมิวสิกวิดีโอมิวสิกวิดีโอ. - เพลง ช้ำ - อุเทน พรหมมินทร์ - เพลง รักจริง เลิกจริง เจ็บจริง - ปนัดดา เรืองวุฒิ - เพลง คำแก้ตัวของคนแพ้ - ปนัดดา เรืองวุฒิ - เพลง เจ็บแต่จบ - อ๊อฟ ปองศักดิ์รางวัลที่ได้รับรางวัลที่ได้รับ. - รางวัลนักแสดงสมทบชายดีเด่น จากงานรางวัลพิฆเนศวร ครั้งที่ 1 ประจำปี 2555
| วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย หรือชื่อเล่น เอส เกิดวันที่เท่าไร | {
"answer": [
"31"
],
"answer_begin_position": [
160
],
"answer_end_position": [
162
]
} |
629 | 283,624 | นุศรา ต้อมคำ นุศรา ต้อมคำ (7 กรกฎาคม พ.ศ. 2528 — ) เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ตำแหน่งตัวเซต และเป็นหนึ่งในนักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยที่ได้เล่นวอลเลย์บอลหญิงอาชีพในต่างประเทศ โดยได้ไปแข่งขันในระดับโลกหลายรายการ อาทิ เวิลด์กรังด์ปรีซ์ เวิลด์แชมเปี้ยนชิพ เวิลด์คัพประวัติ ประวัติ. นุศรา ต้อมคำ เกิดที่อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เป็นบุตรสาวคนที่ 2 ของนายฉลวย และนางประนอม ต้อมคำ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต เริ่มเล่นวอลเลย์บอลตั้งแต่อายุ 10 ปี ขณะเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษา ที่จังหวัดราชบุรี ตาม นิตยา ต้อมคำ ซึ่งเป็นพี่สาวที่เล่นวอลเลย์บอลอยู่แล้ว โดยเมื่อเลิกเรียนจะรอพี่สาวเล่นวอลเลย์บอลเสร็จ จึงจะกลับบ้านพร้อมกัน โค้ชคนแรกจึงหัดให้เริ่มต้นวอลเลย์บอลนับแต่นั้น นุศรา ถือเป็นตัวเซตที่สร้างประวัติศาสตร์ให้แก่ทีมชาติไทยอีกคนหนึ่งนอกเหนือจากปริม อินทวงษ์ ซึ่งเป็นตัวเซตที่สร้างประวัติศาสตร์คนแรกของประเทศ นอกจากนี้ นุศรายังเป็นบุคคลต้นแบบของฮะรุกะ มิยะชิตะ ซึ่งเป็นนักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติญี่ปุ่น ปัจจุบัน นุศรา ทำงานเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ ตำแหน่งนักบริหารงานทั่วไป กองประมวลผลงานและกิจการสัมพันธ์ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคทีมชาติชุดใหญ่ทีมชาติ. ชุดใหญ่. - 2001 ชิงแชมป์เอเชีย – อันดับ 3 - 2003 ซีเกมส์ – เหรียญทอง - 2005 ซีเกมส์ – เหรียญทอง - 2007 ชิงแชมป์เอเชีย – อันดับ 3 - 2007 ซีเกมส์ – เหรียญทอง - 2008 เอวีซีคัพ – อันดับ 3 - 2009 ซีเกมส์ – เหรียญทอง - 2009 ชิงแชมป์เอเชีย – แชมป์ - 2010 เอวีซีคัพ – รองแชมป์ - 2011 ซีเกมส์ – เหรียญทอง - 2012 เอวีซีคัพ – แชมป์ - 2013 ชิงแชมป์เอเชีย – แชมป์ - 2013 ซีเกมส์ – เหรียญทอง - 2014 เอเชียนเกมส์ – เหรียญทองแดง - 2015 ชิงแชมป์เอเชีย – อันดับ 3 - 2015 ซีเกมส์ – เหรียญทอง - 2016 มงเทรอมาสเตอร์ – รองแชมป์ - 2016 เอวีซีคัพ – อันดับ 3 - 2017 ชิงแชมป์เอเชีย – รองแชมป์ - 2017 ซีเกมส์ – เหรียญทองเกียรติประวัติรางวัลส่วนบุคคลเกียรติประวัติ. รางวัลส่วนบุคคล. - 2007 ชิงแชมป์สโมสรเอเชีย - "เซตยอดเยี่ยม" - 2007 ชิงแชมป์เอเชีย - "เซตยอดเยี่ยม" - 2008 ชิงแชมป์สโมสรเอเชีย - "เซตยอดเยี่ยม" - 2009 ชิงแชมป์สโมสรเอเชีย - "เสิร์ฟยอดเยี่ยม" - 2009 ชิงแชมป์สโมสรเอเชีย - "เซตยอดเยี่ยม" - 2010 ชิงแชมป์สโมสรเอเชีย - "ผู้เล่นทรงคุณค่า" - 2010 ชิงแชมป์สโมสรเอเชีย - "เซตยอดเยี่ยม" - 2010-11 อาเซอร์ไบจานซูเปอร์ลีก - "เซตยอดเยี่ยม" - 2011 ชิงแชมป์สโมสรเอเชีย - "เสิร์ฟยอดเยี่ยม" - 2012 ชิงแชมป์สโมสรเอเชีย - "เสิร์ฟยอดเยี่ยม" - 2012 เวิลด์กรังด์ปรีซ์ - "เซตยอดเยี่ยม" - 2012 เอวีซี คัพ - "เซตยอดเยี่ยม" - 2013 ชิงแชมป์เอเชีย- "เซตยอดเยี่ยม" - 2014 ซีอีวี แชมเปียนส์ ลีก - "เซตยอดเยี่ยม" - 2013-14 อาเซอร์ไบจานซูเปอร์ลีก - "เซตยอดเยี่ยม" - 2014-15 อาเซอร์ไบจานซูเปอร์ลีก - "ผู้เล่นทรงคุณค่า" - 2014-15 อาเซอร์ไบจานซูเปอร์ลีก - "เซตยอดเยี่ยม" - 2014-15 อาเซอร์ไบจานซูเปอร์ลีก - "เสิร์ฟยอดเยี่ยม" - 2015-16 อาเซอร์ไบจานซูเปอร์ลีก - "เซตยอดเยี่ยม" - 2016 มงเทรอวอลลีย์แมสเตอส์ - "เซตยอดเยี่ยม" - 2016 เวิลด์กรังด์ปรีซ์ - "เซตยอดเยี่ยม" - 2017 ชิงแชมป์เอเชีย- "เซตยอดเยี่ยม"ทีมสโมสรทีมสโมสร. - 2007 ชิงแชมป์สโมสรเอเชีย – รองแชมป์, กับ แสงโสม - 2008 ชิงแชมป์สโมสรเอเชีย – รองแชมป์, กับ แสงโสม - 2009 ชิงแชมป์สโมสรเอเชีย – แชมป์, กับ เฟเดอร์บรอย - 2010 ชิงแชมป์สโมสรเอเชีย – แชมป์, กับ เฟเดอร์บรอย - 2010-11 ไทยแลนด์ลีก – แชมป์, กับ กะทู้ ภูเก็ต - 2010-11 ชาเลนจ์คัพ – แชมป์, กับ อาเซอร์เรล บากู - 2010-11 อาเซอร์ไบจานซูเปอร์ลีก – รองแชมป์, กับ อาเซอร์เรล บากู - 2011 ชิงแชมป์สโมสรเอเชีย – แชมป์, กับ ช้าง - 2011-12 อาเซอร์ไบจานซูเปอร์ลีก – รองแชมป์, กับ อาเซอร์เรล บากู - 2012 ชิงแชมป์สโมสรเอเชีย – อันดับ 3, กับ ช้าง - 2012-13 อาเซอร์ไบจานซูเปอร์ลีก – รองแชมป์, กับ อิกติซาดชิ บากู - 2013 ไทยเดนมาร์คซูเปอร์ลีก – แชมป์, กับ ไอเดียขอนแก่น - 2013-14 ซีอีวี แชมเปียนส์ ลีก – อันดับ 3, กับ ราบิตา บากู - 2013-14 อาเซอร์ไบจานซูเปอร์ลีก – แชมป์, กับ ราบิตา บากู - 2014-15 อาเซอร์ไบจานซูเปอร์ลีก – แชมป์, กับ ราบิตา บากู - 2015-16 อาเซอร์ไบจานซูเปอร์ลีก - แชมป์, กับ อาเซอร์เรล บากู - 2016-17 เตอร์กิช คัพ - แชมป์, กับ เฟแนร์บาห์แช - 2016-17 เตอร์กิช ลีก - แชมป์, กับ เฟแนร์บาห์แช - 2017-18 เตอร์กิช ลีก - อันดับ 3, กับ เฟแนร์บาห์แชเครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - พ.ศ. 2556 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก (ต.ช.) - พ.ศ. 2553 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นจตุตถดิเรกคุณาภรณ์ (จ.ภ.)
| นุศรา ต้อมคำ เกิดที่อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดอะไร | {
"answer": [
"จังหวัดราชบุรี"
],
"answer_begin_position": [
409
],
"answer_end_position": [
423
]
} |
630 | 283,624 | นุศรา ต้อมคำ นุศรา ต้อมคำ (7 กรกฎาคม พ.ศ. 2528 — ) เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ตำแหน่งตัวเซต และเป็นหนึ่งในนักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยที่ได้เล่นวอลเลย์บอลหญิงอาชีพในต่างประเทศ โดยได้ไปแข่งขันในระดับโลกหลายรายการ อาทิ เวิลด์กรังด์ปรีซ์ เวิลด์แชมเปี้ยนชิพ เวิลด์คัพประวัติ ประวัติ. นุศรา ต้อมคำ เกิดที่อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เป็นบุตรสาวคนที่ 2 ของนายฉลวย และนางประนอม ต้อมคำ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต เริ่มเล่นวอลเลย์บอลตั้งแต่อายุ 10 ปี ขณะเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษา ที่จังหวัดราชบุรี ตาม นิตยา ต้อมคำ ซึ่งเป็นพี่สาวที่เล่นวอลเลย์บอลอยู่แล้ว โดยเมื่อเลิกเรียนจะรอพี่สาวเล่นวอลเลย์บอลเสร็จ จึงจะกลับบ้านพร้อมกัน โค้ชคนแรกจึงหัดให้เริ่มต้นวอลเลย์บอลนับแต่นั้น นุศรา ถือเป็นตัวเซตที่สร้างประวัติศาสตร์ให้แก่ทีมชาติไทยอีกคนหนึ่งนอกเหนือจากปริม อินทวงษ์ ซึ่งเป็นตัวเซตที่สร้างประวัติศาสตร์คนแรกของประเทศ นอกจากนี้ นุศรายังเป็นบุคคลต้นแบบของฮะรุกะ มิยะชิตะ ซึ่งเป็นนักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติญี่ปุ่น ปัจจุบัน นุศรา ทำงานเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ ตำแหน่งนักบริหารงานทั่วไป กองประมวลผลงานและกิจการสัมพันธ์ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคทีมชาติชุดใหญ่ทีมชาติ. ชุดใหญ่. - 2001 ชิงแชมป์เอเชีย – อันดับ 3 - 2003 ซีเกมส์ – เหรียญทอง - 2005 ซีเกมส์ – เหรียญทอง - 2007 ชิงแชมป์เอเชีย – อันดับ 3 - 2007 ซีเกมส์ – เหรียญทอง - 2008 เอวีซีคัพ – อันดับ 3 - 2009 ซีเกมส์ – เหรียญทอง - 2009 ชิงแชมป์เอเชีย – แชมป์ - 2010 เอวีซีคัพ – รองแชมป์ - 2011 ซีเกมส์ – เหรียญทอง - 2012 เอวีซีคัพ – แชมป์ - 2013 ชิงแชมป์เอเชีย – แชมป์ - 2013 ซีเกมส์ – เหรียญทอง - 2014 เอเชียนเกมส์ – เหรียญทองแดง - 2015 ชิงแชมป์เอเชีย – อันดับ 3 - 2015 ซีเกมส์ – เหรียญทอง - 2016 มงเทรอมาสเตอร์ – รองแชมป์ - 2016 เอวีซีคัพ – อันดับ 3 - 2017 ชิงแชมป์เอเชีย – รองแชมป์ - 2017 ซีเกมส์ – เหรียญทองเกียรติประวัติรางวัลส่วนบุคคลเกียรติประวัติ. รางวัลส่วนบุคคล. - 2007 ชิงแชมป์สโมสรเอเชีย - "เซตยอดเยี่ยม" - 2007 ชิงแชมป์เอเชีย - "เซตยอดเยี่ยม" - 2008 ชิงแชมป์สโมสรเอเชีย - "เซตยอดเยี่ยม" - 2009 ชิงแชมป์สโมสรเอเชีย - "เสิร์ฟยอดเยี่ยม" - 2009 ชิงแชมป์สโมสรเอเชีย - "เซตยอดเยี่ยม" - 2010 ชิงแชมป์สโมสรเอเชีย - "ผู้เล่นทรงคุณค่า" - 2010 ชิงแชมป์สโมสรเอเชีย - "เซตยอดเยี่ยม" - 2010-11 อาเซอร์ไบจานซูเปอร์ลีก - "เซตยอดเยี่ยม" - 2011 ชิงแชมป์สโมสรเอเชีย - "เสิร์ฟยอดเยี่ยม" - 2012 ชิงแชมป์สโมสรเอเชีย - "เสิร์ฟยอดเยี่ยม" - 2012 เวิลด์กรังด์ปรีซ์ - "เซตยอดเยี่ยม" - 2012 เอวีซี คัพ - "เซตยอดเยี่ยม" - 2013 ชิงแชมป์เอเชีย- "เซตยอดเยี่ยม" - 2014 ซีอีวี แชมเปียนส์ ลีก - "เซตยอดเยี่ยม" - 2013-14 อาเซอร์ไบจานซูเปอร์ลีก - "เซตยอดเยี่ยม" - 2014-15 อาเซอร์ไบจานซูเปอร์ลีก - "ผู้เล่นทรงคุณค่า" - 2014-15 อาเซอร์ไบจานซูเปอร์ลีก - "เซตยอดเยี่ยม" - 2014-15 อาเซอร์ไบจานซูเปอร์ลีก - "เสิร์ฟยอดเยี่ยม" - 2015-16 อาเซอร์ไบจานซูเปอร์ลีก - "เซตยอดเยี่ยม" - 2016 มงเทรอวอลลีย์แมสเตอส์ - "เซตยอดเยี่ยม" - 2016 เวิลด์กรังด์ปรีซ์ - "เซตยอดเยี่ยม" - 2017 ชิงแชมป์เอเชีย- "เซตยอดเยี่ยม"ทีมสโมสรทีมสโมสร. - 2007 ชิงแชมป์สโมสรเอเชีย – รองแชมป์, กับ แสงโสม - 2008 ชิงแชมป์สโมสรเอเชีย – รองแชมป์, กับ แสงโสม - 2009 ชิงแชมป์สโมสรเอเชีย – แชมป์, กับ เฟเดอร์บรอย - 2010 ชิงแชมป์สโมสรเอเชีย – แชมป์, กับ เฟเดอร์บรอย - 2010-11 ไทยแลนด์ลีก – แชมป์, กับ กะทู้ ภูเก็ต - 2010-11 ชาเลนจ์คัพ – แชมป์, กับ อาเซอร์เรล บากู - 2010-11 อาเซอร์ไบจานซูเปอร์ลีก – รองแชมป์, กับ อาเซอร์เรล บากู - 2011 ชิงแชมป์สโมสรเอเชีย – แชมป์, กับ ช้าง - 2011-12 อาเซอร์ไบจานซูเปอร์ลีก – รองแชมป์, กับ อาเซอร์เรล บากู - 2012 ชิงแชมป์สโมสรเอเชีย – อันดับ 3, กับ ช้าง - 2012-13 อาเซอร์ไบจานซูเปอร์ลีก – รองแชมป์, กับ อิกติซาดชิ บากู - 2013 ไทยเดนมาร์คซูเปอร์ลีก – แชมป์, กับ ไอเดียขอนแก่น - 2013-14 ซีอีวี แชมเปียนส์ ลีก – อันดับ 3, กับ ราบิตา บากู - 2013-14 อาเซอร์ไบจานซูเปอร์ลีก – แชมป์, กับ ราบิตา บากู - 2014-15 อาเซอร์ไบจานซูเปอร์ลีก – แชมป์, กับ ราบิตา บากู - 2015-16 อาเซอร์ไบจานซูเปอร์ลีก - แชมป์, กับ อาเซอร์เรล บากู - 2016-17 เตอร์กิช คัพ - แชมป์, กับ เฟแนร์บาห์แช - 2016-17 เตอร์กิช ลีก - แชมป์, กับ เฟแนร์บาห์แช - 2017-18 เตอร์กิช ลีก - อันดับ 3, กับ เฟแนร์บาห์แชเครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - พ.ศ. 2556 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก (ต.ช.) - พ.ศ. 2553 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นจตุตถดิเรกคุณาภรณ์ (จ.ภ.)
| นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยที่เล่นตำแหน่งตัวเซตที่สร้างประวัติศาสตร์คนแรกของประเทศไทยคือใคร | {
"answer": [
"ปริม อินทวงษ์"
],
"answer_begin_position": [
886
],
"answer_end_position": [
899
]
} |
631 | 84,879 | แหลมทอง บัวไทย แหลมทอง บัวไทย นักร้องลูกทุ่งจากดินแดน "หลวงพ่อเงิน " แห่งเมืองพิจิตร มีความใฝ่ฝัน อยากเป็นนักร้องลูกทุ่งตั้งแต่รุ่นๆ หนีออกจากบ้านมุ่งสู่กรุงเทพฯ ทั้งๆที่ไม่รู้จัก เสี่ยงดวงแบบไร้ความหวัง จนสุดท้าย "ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น " ได้เป็นนักร้องสมใจ " โดยเฉพาะเพลง " ปราณีที่รัก" ดังกระฉ่อนทั่วไทยประวัติ ประวัติ. แหลมทอง บัวไทย มีชื่อจริง-นามสกุลจริงว่า มานิจ ฉุนจุ้ย เกิดวันจันทร์ เดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2493 ณ บ้านเลขที่ 65 หมู่ที่ 1 บ้านวัดทับทิม ตำบลท่าบัว อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร คุณพ่อชื่อ พ่อแถม บัวไทย คุณแม่ชื่อ แม่รัก ฉุนจุ้ย จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนวัดทับทิม (สมัยก่อนเรียนศาลาวัด)เข้าวงการ เข้าวงการ. หลังจากช่วยพ่อแม่ทำไร่-นา อยู่ระยะหนึ่ง ใจมันเรียกร้องอยากเป็นนักร้องเต็มแก่ จึงหนีออกจากบ้านมาสมัครเป็นนักร้องวงดังสมัยนั้น " วงรวมดาวกระจาย " ของครูสำเนียง ม่วงทอง โชคยังไม่มา เทียวไปเทียวมาสมัครกับครูหลายครั้งครูก็ไม่สนใจ เลยกลับบ้าน เพื่อนๆต่างแซวว่า "เป็นไงไอ้นักร้องไส้แห้ง กลับมาแล้วหรือ " คำนี้แท้ๆ ทำให้แหลมทอง รู้สึกว่าดูถูกและจะต้องเอาชนะให้ได้ คราวนี้มาสมัครใหม่กับ เหงา โหงกเหงก นักจัดรายการวิทยุ ป.ต.อ. และได้เป็นนักร้องสมปรารถนา แต่อยู่กับ เหงา โหงกเหงก เห็นท่าว่าอนาคตมืดมน จึงเปลี่ยนอีก จากวงเหงา โหงกเหงก ไปอยู่วงสนทยา แดนสุพรรณ ,ไปอยู่วงศักดิ์ สนทยา ราวปี พ.ศ. 2510 มาอยู่กับสมานมิตร เกิดกำแพง ที่นี่แหลมทองได้มีโอกาสบันทึกแผ่นเสียงเป็นครั้งแรกในเพลง คิดถึงน้อง งานประพันธ์ของครูสมานมิตร อยู่กับครู 2 ปีกว่าจน"พิณศรีวิชัย "กำลังบูม จึงผันตัวเองมาอยู่ด้วย อยู่จนวง " พิณศรีวิชัย " เลิกลาไป จึงหยุดร้องเพลง หันเหชีวิตมาดีทางทำดนตรี อเร้นท์เพลงในเวลาต่อมาผลงานเพลงดัง ผลงานเพลงดัง. ผลงานเพลงที่ประพันธ์เอง-ร้องเอง- ปราณีที่รัก - นาแล้ง - คนใจหิน - คอยน้องที่หาดทราย - ลาก่อนความหลอกลวง - ตามใจคุณ งานเพลงที่ประพันธ์ให้คนอื่นร้อง- อีเม้งลืมแม่ (ยอดรัก สลักใจ ) - ผมยังไม่ตาย ( ยอดรัก สลักใจ) - สกุลคนงาม (สุรชัย สมบัติเจริญ) - ไม่รักก็แล้วแต่ (พิมพา พรศิริ ) - รักอ้อให้รอแป๊บ ( ยุ้ย ญาติเยอะ ) - อย่างงั้นเรอะ (บุญโทน คนหนุ่ม)งานอเร้นท์เพลง งานอเร้นท์เพลง. ทำดนตรีหรืออเร้นท์เพลงให้นักร้องดังๆหลายคน อาทิ ศรเทพ ศรทอง พรพรรณ วนา กำแพง พิมพ์ใจ แทน นครปฐม ละอองดาว ก้าน แก้วสุพรรณ วังไพร อยุธยา มนต์ไพร ลูกราชบุรีชีวิตครอบครัว ชีวิตครอบครัว. อยู่กับครอบครัวที่แสนอบอุ่นกับ คุณอัญชัน ธงศรี ที่เขตตลิ่งชัน กทม.
| แหลมทอง บัวไทย มีชื่อและนามสกุลจริงว่าอะไร | {
"answer": [
"มานิจ ฉุนจุ้ย"
],
"answer_begin_position": [
471
],
"answer_end_position": [
484
]
} |
1,435 | 84,879 | แหลมทอง บัวไทย แหลมทอง บัวไทย นักร้องลูกทุ่งจากดินแดน "หลวงพ่อเงิน " แห่งเมืองพิจิตร มีความใฝ่ฝัน อยากเป็นนักร้องลูกทุ่งตั้งแต่รุ่นๆ หนีออกจากบ้านมุ่งสู่กรุงเทพฯ ทั้งๆที่ไม่รู้จัก เสี่ยงดวงแบบไร้ความหวัง จนสุดท้าย "ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น " ได้เป็นนักร้องสมใจ " โดยเฉพาะเพลง " ปราณีที่รัก" ดังกระฉ่อนทั่วไทยประวัติ ประวัติ. แหลมทอง บัวไทย มีชื่อจริง-นามสกุลจริงว่า มานิจ ฉุนจุ้ย เกิดวันจันทร์ เดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2493 ณ บ้านเลขที่ 65 หมู่ที่ 1 บ้านวัดทับทิม ตำบลท่าบัว อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร คุณพ่อชื่อ พ่อแถม บัวไทย คุณแม่ชื่อ แม่รัก ฉุนจุ้ย จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนวัดทับทิม (สมัยก่อนเรียนศาลาวัด)เข้าวงการ เข้าวงการ. หลังจากช่วยพ่อแม่ทำไร่-นา อยู่ระยะหนึ่ง ใจมันเรียกร้องอยากเป็นนักร้องเต็มแก่ จึงหนีออกจากบ้านมาสมัครเป็นนักร้องวงดังสมัยนั้น " วงรวมดาวกระจาย " ของครูสำเนียง ม่วงทอง โชคยังไม่มา เทียวไปเทียวมาสมัครกับครูหลายครั้งครูก็ไม่สนใจ เลยกลับบ้าน เพื่อนๆต่างแซวว่า "เป็นไงไอ้นักร้องไส้แห้ง กลับมาแล้วหรือ " คำนี้แท้ๆ ทำให้แหลมทอง รู้สึกว่าดูถูกและจะต้องเอาชนะให้ได้ คราวนี้มาสมัครใหม่กับ เหงา โหงกเหงก นักจัดรายการวิทยุ ป.ต.อ. และได้เป็นนักร้องสมปรารถนา แต่อยู่กับ เหงา โหงกเหงก เห็นท่าว่าอนาคตมืดมน จึงเปลี่ยนอีก จากวงเหงา โหงกเหงก ไปอยู่วงสนทยา แดนสุพรรณ ,ไปอยู่วงศักดิ์ สนทยา ราวปี พ.ศ. 2510 มาอยู่กับสมานมิตร เกิดกำแพง ที่นี่แหลมทองได้มีโอกาสบันทึกแผ่นเสียงเป็นครั้งแรกในเพลง คิดถึงน้อง งานประพันธ์ของครูสมานมิตร อยู่กับครู 2 ปีกว่าจน"พิณศรีวิชัย "กำลังบูม จึงผันตัวเองมาอยู่ด้วย อยู่จนวง " พิณศรีวิชัย " เลิกลาไป จึงหยุดร้องเพลง หันเหชีวิตมาดีทางทำดนตรี อเร้นท์เพลงในเวลาต่อมาผลงานเพลงดัง ผลงานเพลงดัง. ผลงานเพลงที่ประพันธ์เอง-ร้องเอง- ปราณีที่รัก - นาแล้ง - คนใจหิน - คอยน้องที่หาดทราย - ลาก่อนความหลอกลวง - ตามใจคุณ งานเพลงที่ประพันธ์ให้คนอื่นร้อง- อีเม้งลืมแม่ (ยอดรัก สลักใจ ) - ผมยังไม่ตาย ( ยอดรัก สลักใจ) - สกุลคนงาม (สุรชัย สมบัติเจริญ) - ไม่รักก็แล้วแต่ (พิมพา พรศิริ ) - รักอ้อให้รอแป๊บ ( ยุ้ย ญาติเยอะ ) - อย่างงั้นเรอะ (บุญโทน คนหนุ่ม)งานอเร้นท์เพลง งานอเร้นท์เพลง. ทำดนตรีหรืออเร้นท์เพลงให้นักร้องดังๆหลายคน อาทิ ศรเทพ ศรทอง พรพรรณ วนา กำแพง พิมพ์ใจ แทน นครปฐม ละอองดาว ก้าน แก้วสุพรรณ วังไพร อยุธยา มนต์ไพร ลูกราชบุรีชีวิตครอบครัว ชีวิตครอบครัว. อยู่กับครอบครัวที่แสนอบอุ่นกับ คุณอัญชัน ธงศรี ที่เขตตลิ่งชัน กทม.
| แหลมทอง บัวไทย นักร้องลูกทุ่งจากดินแดน "หลวงพ่อเงิน " แห่งเมืองอะไร | {
"answer": [
"พิจิตร"
],
"answer_begin_position": [
165
],
"answer_end_position": [
171
]
} |
632 | 471,368 | ชลาศัย ขวัญฐิติ ชลาศัย ขวัญฐิติ หรือชื่อเดิมว่า หม่อมชลาศัย ยุคล ณ อยุธยา ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น คูณมาศ ขวัญฐิติ และ โชติกา ขวัญฐิติ มีชื่อแต่แรกเกิดว่า นิภาพร รอดอ่อน เป็นที่รู้จักในชื่อ หม่อมลูกปลา (ประมาณ พ.ศ. 2515 — ) อดีตหม่อมใน หม่อมเจ้าฐิติพันธุ์ ยุคล หรือ ท่านกบประวัติ ประวัติ. ชลาศัย เกิดเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2515 ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เป็นลูกกำพร้า เพราะถูกแม่คลอดแล้วทิ้ง มีชื่อจริงแต่แรกเกิดว่า นิภาพร รอดอ่อน จนกระทั่งหม่อมเจ้าหญิงรังษีนภดล ยุคล เจ้าน้องในหม่อมเจ้าฐิติพันธุ์ มาพบเข้าและได้นำตัวไปอุปการะที่วังอัศวินนับตั้งแต่นั้น ในฐานะของเด็กรับใช้ โดยให้ชื่อเล่นว่า "ลูกปลา" จนกระทั่งเติบโตเป็นสาวรุ่น ชลาศัยดูแลบุตรทั้งสามของหม่อมเจ้าฐิติพันธุ์ ยุคล ด้วยความที่เป็นเด็กฉลาดและรู้ใจท่านกบไปเสียทุกอย่าง ท่านกบจึงเปลี่ยนชื่อใหม่ให้เป็น "ชลาศัย ขวัญฐิติ" โดยนามสกุลนำมาจากสองคำในพระนามของท่านกบคือ "ฐิติ" รวมกันแล้วมีความหมายว่า "ที่รักของฐิติพันธุ์" และได้ตกเป็นภรรยาลับ ๆ ของท่านกบตั้งแต่มีอายุได้เพียง 12 ปี ในปี พ.ศ. 2537 ได้เสกสมรสกับหม่อมเจ้าฐิติพันธุ์ และกลายมาเป็นที่รู้จักโดยทั่วของสังคม ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นการพลิกชีวิต จนได้ถูกเปรียบเทียบว่าเป็น "ซินเดอเรลลาเมืองไทย" แต่สาเหตุแห่งการแต่งงานครั้งนี้ชลาศัยได้ออกมาพูดว่า "ท่านกบต้องการเอาชนะตนโดยไม่ให้ตนหนีเที่ยวอีก ส่วนตนก็เพื่อต้องการเอาชนะหม่อมคนอื่น ๆ ที่คอยว่าตน และการแต่งงานครั้งนี้ก็ไม่ได้มาจากความรักเลย" ท่ามกลางความรู้สึกไม่รักมาแต่เดิม ประกอบกับตนเองเองกำลังมีความรักกับนายอุเทศ ชุปวา อยู่แล้ว ซึ่งเป็นแฟนหนุ่ม ที่มีอาชีพขายเกาลัดที่เยาวราช จึงได้หนีออกจากวังมาพบปะกับนายอุเทศอยู่บ่อยครั้ง ในวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2538 หม่อมเจ้าฐิติพันธุ์ได้ถึงแก่ชีพิตักษัยอย่างกะทันหัน โดยที่ชลาศัยถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นผู้วางยาพิษในกาแฟสังหาร ร่วมกับนายอุเทศ ชุปวา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าหม่อมเจ้าฐิติพันธุ์ได้เสวยกาแฟที่มีการผสมยาฆ่าแมลงกลุ่มคาร์บอเมท โดยวันนั้นชลาศัยอยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ได้ปฏิเสธการรู้เห็นในเรื่องนี้ และนายอุเทศก็ได้ถูกจับในข้อหาบุกรุกเคหะสถานในยามวิกาลด้วย ต่อมา เมื่อนายอุเทศ ได้รับอิสรภาพ ชลาศัยได้มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันและเปลี่ยนนามสกุลเป็น ชุปวา ตามนามสกุลของนายอุเทศ ผู้เป็นสามี และย้ายไปอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีชีวิตอย่างยากลำบาก ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 2 คน ประกอบอาชีพขายก๋วยเตี๋ยว และขึ้นล่องระหว่างจังหวัดนครสวรรค์-ปทุมธานี-ร้อยเอ็ด และกรุงเทพมหานคร สลับกันไป โดยค้าขายและขายส้มตำ ไก่ย่าง พร้อมกันด้วย ซึ่งในระหว่างนี้พนักงานอัยการนำคดียื่นฟ้องต่อศาล และได้ขอยื่นประกันตัวด้วยเงินสดจำนวน 400,000 บาท ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545 ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานกระทำโดยมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย พิพากษาลงโทษจำคุก 9 ปี คำรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลย 6 ปี ต่อมาได้มีการยื่นอุทธรณ์ไปที่ศาลอุทธรณ์ ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องในวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2548 แต่ต่อมาในศาลฎีกา ซึ่งเป็นศาลสูงสุดได้พิพากษาในวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555 ได้พิพากษากลับให้จำคุก ฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุถึงแก่ความตาย พิพากษาจำคุก 7 ปี แต่คำรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 4 ปี 8 เดือน ปัจจุบัน ชลาศัย ขวัญฐิติ ได้ใช้ชีวิตอยู่กับนายทวีชัย น้อยประเสริฐ ซึ่งเป็นสามีคนปัจจุบัน
| ชลาศัย ขวัญฐิติ หรือชื่อเดิมเรียกว่าอะไร | {
"answer": [
"หม่อมชลาศัย ยุคล ณ อยุธยา"
],
"answer_begin_position": [
138
],
"answer_end_position": [
163
]
} |
1,533 | 471,368 | ชลาศัย ขวัญฐิติ ชลาศัย ขวัญฐิติ หรือชื่อเดิมว่า หม่อมชลาศัย ยุคล ณ อยุธยา ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น คูณมาศ ขวัญฐิติ และ โชติกา ขวัญฐิติ มีชื่อแต่แรกเกิดว่า นิภาพร รอดอ่อน เป็นที่รู้จักในชื่อ หม่อมลูกปลา (ประมาณ พ.ศ. 2515 — ) อดีตหม่อมใน หม่อมเจ้าฐิติพันธุ์ ยุคล หรือ ท่านกบประวัติ ประวัติ. ชลาศัย เกิดเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2515 ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เป็นลูกกำพร้า เพราะถูกแม่คลอดแล้วทิ้ง มีชื่อจริงแต่แรกเกิดว่า นิภาพร รอดอ่อน จนกระทั่งหม่อมเจ้าหญิงรังษีนภดล ยุคล เจ้าน้องในหม่อมเจ้าฐิติพันธุ์ มาพบเข้าและได้นำตัวไปอุปการะที่วังอัศวินนับตั้งแต่นั้น ในฐานะของเด็กรับใช้ โดยให้ชื่อเล่นว่า "ลูกปลา" จนกระทั่งเติบโตเป็นสาวรุ่น ชลาศัยดูแลบุตรทั้งสามของหม่อมเจ้าฐิติพันธุ์ ยุคล ด้วยความที่เป็นเด็กฉลาดและรู้ใจท่านกบไปเสียทุกอย่าง ท่านกบจึงเปลี่ยนชื่อใหม่ให้เป็น "ชลาศัย ขวัญฐิติ" โดยนามสกุลนำมาจากสองคำในพระนามของท่านกบคือ "ฐิติ" รวมกันแล้วมีความหมายว่า "ที่รักของฐิติพันธุ์" และได้ตกเป็นภรรยาลับ ๆ ของท่านกบตั้งแต่มีอายุได้เพียง 12 ปี ในปี พ.ศ. 2537 ได้เสกสมรสกับหม่อมเจ้าฐิติพันธุ์ และกลายมาเป็นที่รู้จักโดยทั่วของสังคม ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นการพลิกชีวิต จนได้ถูกเปรียบเทียบว่าเป็น "ซินเดอเรลลาเมืองไทย" แต่สาเหตุแห่งการแต่งงานครั้งนี้ชลาศัยได้ออกมาพูดว่า "ท่านกบต้องการเอาชนะตนโดยไม่ให้ตนหนีเที่ยวอีก ส่วนตนก็เพื่อต้องการเอาชนะหม่อมคนอื่น ๆ ที่คอยว่าตน และการแต่งงานครั้งนี้ก็ไม่ได้มาจากความรักเลย" ท่ามกลางความรู้สึกไม่รักมาแต่เดิม ประกอบกับตนเองเองกำลังมีความรักกับนายอุเทศ ชุปวา อยู่แล้ว ซึ่งเป็นแฟนหนุ่ม ที่มีอาชีพขายเกาลัดที่เยาวราช จึงได้หนีออกจากวังมาพบปะกับนายอุเทศอยู่บ่อยครั้ง ในวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2538 หม่อมเจ้าฐิติพันธุ์ได้ถึงแก่ชีพิตักษัยอย่างกะทันหัน โดยที่ชลาศัยถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นผู้วางยาพิษในกาแฟสังหาร ร่วมกับนายอุเทศ ชุปวา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าหม่อมเจ้าฐิติพันธุ์ได้เสวยกาแฟที่มีการผสมยาฆ่าแมลงกลุ่มคาร์บอเมท โดยวันนั้นชลาศัยอยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ได้ปฏิเสธการรู้เห็นในเรื่องนี้ และนายอุเทศก็ได้ถูกจับในข้อหาบุกรุกเคหะสถานในยามวิกาลด้วย ต่อมา เมื่อนายอุเทศ ได้รับอิสรภาพ ชลาศัยได้มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันและเปลี่ยนนามสกุลเป็น ชุปวา ตามนามสกุลของนายอุเทศ ผู้เป็นสามี และย้ายไปอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีชีวิตอย่างยากลำบาก ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 2 คน ประกอบอาชีพขายก๋วยเตี๋ยว และขึ้นล่องระหว่างจังหวัดนครสวรรค์-ปทุมธานี-ร้อยเอ็ด และกรุงเทพมหานคร สลับกันไป โดยค้าขายและขายส้มตำ ไก่ย่าง พร้อมกันด้วย ซึ่งในระหว่างนี้พนักงานอัยการนำคดียื่นฟ้องต่อศาล และได้ขอยื่นประกันตัวด้วยเงินสดจำนวน 400,000 บาท ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545 ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานกระทำโดยมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย พิพากษาลงโทษจำคุก 9 ปี คำรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลย 6 ปี ต่อมาได้มีการยื่นอุทธรณ์ไปที่ศาลอุทธรณ์ ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องในวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2548 แต่ต่อมาในศาลฎีกา ซึ่งเป็นศาลสูงสุดได้พิพากษาในวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555 ได้พิพากษากลับให้จำคุก ฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุถึงแก่ความตาย พิพากษาจำคุก 7 ปี แต่คำรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 4 ปี 8 เดือน ปัจจุบัน ชลาศัย ขวัญฐิติ ได้ใช้ชีวิตอยู่กับนายทวีชัย น้อยประเสริฐ ซึ่งเป็นสามีคนปัจจุบัน
| ชลาศัย ขวัญฐิติ หรือหม่อมลูกปลา เกิดเมื่อวันที่เท่าไร | {
"answer": [
"1"
],
"answer_begin_position": [
404
],
"answer_end_position": [
405
]
} |
633 | 126,365 | สุชาติ พรหมรุ่งโรจน์ สุชาติ พรหมรุ่งโรจน์ เป็นนักเขียนการ์ตูนในสังกัดสำนักพิมพ์บรรลือสาส์น ผู้เป็นที่รู้จักกันในนามปากกา "หมู นินจา" เจ้าของผลงานการ์ตูนชุด บ้านนี้ 4 โชะ กระบี่หยามยุทธภพ และสามก๊ก มหาสนุกประวัติ ประวัติ. สุชาติ พรหมรุ่งโรจน์เกิดเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2502 ที่กรุงเทพมหานคร จบการศึกษาจากวิทยาลัยเพาะช่าง โดยระหว่างที่กำลังศึกษาอยู่ที่วิทยาลัยเพาะช่างนั้น เขาได้ทำงานหารายได้ระหว่างเรียนโดยการเป็นนักข่าวและฝ่ายศิลป์ในกับนิตยสาร "แหล่งรถ" ต่อมาในปี พ.ศ. 2527 จึงได้ย้ายมาทำงานให้กับสำนักพิมพ์บรรลือสาส์น โดยเป็นฝ่ายศิลป์ให้กับนิตยสาร "วัยกรี๊ด" และเริ่มเขียนการ์ตูนแก๊ก 3 ช่องจบให้ขายหัวเราะและมหาสนุก ในปี พ.ศ. 2531 สุชาติได้ย้ายไปทำงานให้กับสำนักพิมพ์บางกอก เพื่อออกนิตยสารการ์ตูนชื่อ "บางกอกฮาฮา" (ทำแจกคู่กับ "นิตยสารบางกอก") แต่ออกได้เพียง 5 ฉบับ หนังสือ "บางกอกฮาฮา" ก็ปิดตัวลงในปี พ.ศ. 2534 สุชาติจึงกลับมาเขียนการ์ตูนที่บรรลือสาส์นอีกครั้ง โดยในระยะนี้สุชาติได้เขียนการ์ตูนเรื่องสั้นที่โด่งดังหลายชุด เช่น จอมยุทธ์นินจา พะโล้สตอรี่ ย้อนศร กระบี่หยามยุทธภพ และบ้านนี้ 4 โชะ ซึ่งเรื่องหลังนี้ บริษัททีวีธันเดอร์ได้ซื้อลิขสิทธิ์ไปทำเป็นละครโทรทัศน์ในชื่อเดียวกัน ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ในปี พ.ศ. 2537 สุชาติได้เดินทางไปประเทศออสเตรเลียในปี พ.ศ. 2537 เพื่อร่วมงานกับหนังสือการ์ตูน MAD ของประเทศดังกล่าว เมื่อร่วมทำงานกับ MAD ได้ 3 ฉบับ สุชาติจึงออกจาก MAD และเปิดแกลลอรี่ขายรูปอยู่ระยะหนึ่งจึงเดินทางกลับประเทศไทย และกลับมาร่วมงานกับบรรลือสาส์นอีกครั้งจนถึงบั้นปลายของชีวิต จากนั้นในปี พ.ศ. 2552 สุชาติได้นำการ์ตูนสามก๊กแปลเป็นภาษาเกาหลี และจัดเป็นหนังสือขายดีในเกาหลีใต้ สุชาติได้เสียชีวิตลงอย่างสงบเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 ที่อายุ 57 ปี ด้วยโรคเบาหวานและปอดติดเชื้อแทรกซ้อนผลงานผลงาน. - จอมยุทธ์นินจา (2527 - 2542) - พะโล้สตอรี่ (การ์ตูนสั้น) (2541 - 2546) - รวมการ์ตูนเรื่องสั้น ชุด ย้อนศร (2534 - 2536) - กระบี่หยามยุทธภพ (การ์ตูนเรื่องสั้น) (2534 - 2542) - บ้านนี้ 4 โชะ (การ์ตูนเรื่องสั้น) - มานะ น่ารัก or น่าชัง (การ์ตูนเรื่องสั้น) - มานะ คึกคัก (การ์ตูนสั้น) - สามก๊ก มหาสนุก (การ์ตูนเรื่องสั้น 45 เล่มจบ) - อีสป มหาสนุก (การ์ตูนเรื่องสั้น) (2551 - 2552) - ปิดประตูแพ้ (การ์ตูนเรื่องสั้น จนถึงปี 2546) - อะไรๆ ก็สนุก
| สุชาติ พรหมรุ่งโรจน์ ใช้นามปากกา หมู นินจา เป็นนักเขียนการ์ตูนในสังกัดสำนักพิมพ์อะไร | {
"answer": [
"สำนักพิมพ์บรรลือสาส์น"
],
"answer_begin_position": [
164
],
"answer_end_position": [
185
]
} |
1,446 | 126,365 | สุชาติ พรหมรุ่งโรจน์ สุชาติ พรหมรุ่งโรจน์ เป็นนักเขียนการ์ตูนในสังกัดสำนักพิมพ์บรรลือสาส์น ผู้เป็นที่รู้จักกันในนามปากกา "หมู นินจา" เจ้าของผลงานการ์ตูนชุด บ้านนี้ 4 โชะ กระบี่หยามยุทธภพ และสามก๊ก มหาสนุกประวัติ ประวัติ. สุชาติ พรหมรุ่งโรจน์เกิดเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2502 ที่กรุงเทพมหานคร จบการศึกษาจากวิทยาลัยเพาะช่าง โดยระหว่างที่กำลังศึกษาอยู่ที่วิทยาลัยเพาะช่างนั้น เขาได้ทำงานหารายได้ระหว่างเรียนโดยการเป็นนักข่าวและฝ่ายศิลป์ในกับนิตยสาร "แหล่งรถ" ต่อมาในปี พ.ศ. 2527 จึงได้ย้ายมาทำงานให้กับสำนักพิมพ์บรรลือสาส์น โดยเป็นฝ่ายศิลป์ให้กับนิตยสาร "วัยกรี๊ด" และเริ่มเขียนการ์ตูนแก๊ก 3 ช่องจบให้ขายหัวเราะและมหาสนุก ในปี พ.ศ. 2531 สุชาติได้ย้ายไปทำงานให้กับสำนักพิมพ์บางกอก เพื่อออกนิตยสารการ์ตูนชื่อ "บางกอกฮาฮา" (ทำแจกคู่กับ "นิตยสารบางกอก") แต่ออกได้เพียง 5 ฉบับ หนังสือ "บางกอกฮาฮา" ก็ปิดตัวลงในปี พ.ศ. 2534 สุชาติจึงกลับมาเขียนการ์ตูนที่บรรลือสาส์นอีกครั้ง โดยในระยะนี้สุชาติได้เขียนการ์ตูนเรื่องสั้นที่โด่งดังหลายชุด เช่น จอมยุทธ์นินจา พะโล้สตอรี่ ย้อนศร กระบี่หยามยุทธภพ และบ้านนี้ 4 โชะ ซึ่งเรื่องหลังนี้ บริษัททีวีธันเดอร์ได้ซื้อลิขสิทธิ์ไปทำเป็นละครโทรทัศน์ในชื่อเดียวกัน ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ในปี พ.ศ. 2537 สุชาติได้เดินทางไปประเทศออสเตรเลียในปี พ.ศ. 2537 เพื่อร่วมงานกับหนังสือการ์ตูน MAD ของประเทศดังกล่าว เมื่อร่วมทำงานกับ MAD ได้ 3 ฉบับ สุชาติจึงออกจาก MAD และเปิดแกลลอรี่ขายรูปอยู่ระยะหนึ่งจึงเดินทางกลับประเทศไทย และกลับมาร่วมงานกับบรรลือสาส์นอีกครั้งจนถึงบั้นปลายของชีวิต จากนั้นในปี พ.ศ. 2552 สุชาติได้นำการ์ตูนสามก๊กแปลเป็นภาษาเกาหลี และจัดเป็นหนังสือขายดีในเกาหลีใต้ สุชาติได้เสียชีวิตลงอย่างสงบเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 ที่อายุ 57 ปี ด้วยโรคเบาหวานและปอดติดเชื้อแทรกซ้อนผลงานผลงาน. - จอมยุทธ์นินจา (2527 - 2542) - พะโล้สตอรี่ (การ์ตูนสั้น) (2541 - 2546) - รวมการ์ตูนเรื่องสั้น ชุด ย้อนศร (2534 - 2536) - กระบี่หยามยุทธภพ (การ์ตูนเรื่องสั้น) (2534 - 2542) - บ้านนี้ 4 โชะ (การ์ตูนเรื่องสั้น) - มานะ น่ารัก or น่าชัง (การ์ตูนเรื่องสั้น) - มานะ คึกคัก (การ์ตูนสั้น) - สามก๊ก มหาสนุก (การ์ตูนเรื่องสั้น 45 เล่มจบ) - อีสป มหาสนุก (การ์ตูนเรื่องสั้น) (2551 - 2552) - ปิดประตูแพ้ (การ์ตูนเรื่องสั้น จนถึงปี 2546) - อะไรๆ ก็สนุก
| สุชาติ พรหมรุ่งโรจน์ นักเขียนการ์ตูน ใช้นามปากกา หมู นินจา เกิดเดือนอะไร | {
"answer": [
"ตุลาคม"
],
"answer_begin_position": [
355
],
"answer_end_position": [
361
]
} |
634 | 400,072 | รถไฟความเร็วสูง รถไฟความเร็วสูง หรือ ระบบรางความเร็วสูง () เป็นระบบการขนส่งทางรางที่วิ่งด้วยความเร็วสูงกว่าระบบขนส่งทางรางทั่วไปอย่างมาก โดยการใช้ระบบล้อเลื่อน () พิเศษรวมกับระบบรางที่ออกแบบมาให้ใช้โดยเฉพาะ. ส่วนใหญ่วิ่งบนรางที่มีขนาด 1.435 เมตร (สแตนดาร์ดเกจ ()). สถิติของรถไฟความเร็วสูงโดยใช้ล้อ สามารถทำความเร็วได้สูงถึง 574.8 กม./ชั่วโมง สำหรับรถเตเฌเว หรือ TGV ของประเทศฝรั่งเศส โดยขณะที่รถไฟความเร็วสูงสำหรับการทดสอบแบบแม็กเลฟ สามารถทำความเร็วได้สูงถึง 581 กม./ชั่วโมง เป็นของ MLX01 ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งรถไฟที่ไม่ใช่รถไฟความเร็วสูงนั้นจะใช้ความเร็วในการเดินทางไม่เกิน 200 กม./ชั่วโมง รถไฟความเร็วสูงส่วนใหญ่ถูกออกแบบสำหรับเป็นรถโดยสาร โดยรถไฟบางที่ได้มีการออกแบบสำหรับให้บริการขนส่งสินค้า เช่น TGV La Poste ของประเทศฝรั่งเศสคำนิยาม คำนิยาม. คำจำกัดความของรถไฟความเร็วสูง ได้มีนิยามไว้หลายอย่าง อาทิเช่น- สหรัฐอเมริกา ทางกระทรวงคมนาคม ได้นิยามว่า รถไฟความเร็วสูงคือรถไฟที่สามารถรักษาความเร็วไว้ได้มากกว่า 125 ไมล์ต่อชั่วโมง (201 กม./ชั่วโมง) ในขณะที่ ทางสหพันธ์รถไฟของสหรัฐอเมริกาให้นิยามว่ารถไฟความเร็วสูงคือรถไฟที่วิ่งได้ความเร็วอย่างน้อย 110 ไมล์ต่อชั่วโมง (177 กม./ชั่วโมง) - International Union of Railways หรือ UIC และ European Union Directive 96/48/EC, Annex 1 นิยามว่า ระบบรถไฟซึ่งมีขบวนรถไฟและโครงสร้างพื้นฐานที่ออกแบบมาให้มีความสามารถพิเศษที่สามารถเดินรถได้ในสภาวะปกติมีความเร็วสูงกว่า 250 กม./ชั่วโมงบนเส้นทางที่ก่อสร้างใหม่, หรือความเร็วที่มากกว่า 200 กม./ชั่วโมง เมื่อรถวิ่งบนเส้นทางที่มีอยู่ในปัจจุบันแต่ได้รับการ upgrade . UIC ยังกล่าวอีกว่ารถที่วิ่งได้เร็วกว่านี้แต่เป็นรถลากแบบเดิมและอยู่บนโครงสร้างเดิม ไม่ถือว่าเป็นรถไฟความเร็วสูง, เช่นระบบ SNCF Intercités ของฝรั่งเศส และระบบ DB IC ของเยอรมัน.ความเร็วในการเดินรถไฟ ความเร็วในการเดินรถไฟ. รถไฟที่ใช้ความเร็วสูง (High Speed) ความเร็วที่ใช้อยู่ในช่วง 200 กม./ชั่วโมง ถึง 400 กม./ชั่วโมง ปัจจุบันยังไม่มีมาตรฐานโลกในการแบ่งรถไฟความเร็วสูงออกจากรถไฟทั่วไป แต่มีการยอมรับตัวแปรความเร็วกันอย่างกว้างขว้างในอุตสาหกรรมรถไฟ ซึ่งโดยปกติแล้วรถไฟความเร็วสูง(High Speed Rail-HSR) จะเป็นชื่อที่ใช้เรียกรถไฟที่มีย่านความเร็วในการเดินรถ ปกติสูงกว่า 200 กม./ชั่วโมง รถไฟความเร็วสูงรูปแบบต่างๆมักขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากไฟฟ้าผ่านสายไฟเหนือตัวตู้รถไฟ แต่ไม่จำเป็นเสมอไปในระบบขับเคลื่อนอาจจะมีการใช้เครื่องยนต์ดีเซล เป็นระบบในการขับเคลื่อนได้เช่นกัน ลักษณะที่เด่นชัดของรถไฟความเร็วสูง คือตัวรางที่มีการเชื่อมต่อแบบไร้รอยต่อทำให้ลดแรงสั่นสะเทือนในตัวรางรวมทั้งลดค่าความแตกต่างของระดับในช่วงขบวนรถไฟ เพื่อให้รถไฟเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วที่สูงกว่า 200 กม./ชั่วโมง รถไฟความเร็วสูงมาก (Very High Speed) ความเร็วที่ใช้อยู่ในช่วง 310 กม./ชั่วโมง ถึง 500 กม./ชั่วโมง รถไฟความเร็วสูงมากเป็นศัพท์ทางเทคนิคที่ใช้ในการเรียกรถไฟที่ความเร็วสูงที่สุด ในปี พ.ศ. 2543 ที่ทำความเร็วได้สูงกว่า 300 กม./ชั่วโมง มีการวางแผนว่ารถไฟโดยทั่วไปจะสามารถทำความเร็วสูงถึง 350 กม./ชั่วโมง โดยรถไฟตระกูล Velaro ของ Siemens สามารถวิ่งที่ความเร็วดังกล่าวได้แล้ว รถไฟความเร็วสูงพิเศษ (Ultra High Speed) ความเร็วที่ใช้อยู่ในช่วง 500 กม./ชั่วโมง ถึง 1000 กม./ชั่วโมง จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการดำเนินการที่รถไฟสามารถทำได้ในปัจจุบัน เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างรถไฟที่สามารถทำความเร็วในช่วง 500-600 กม./ชั่วโมง จากสถิติที่ได้มีการบันทึกไว้สำหรับรถไฟที่ออกแบบเพื่อใช้งานจริงที่ทำความเร็วได้สูงสุดคือ TGV POS หมายเลข 4402 (V150) เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2007 ที่ความเร็ว 574.8 กม./ชั่วโมง อย่างไรก็ตามจากการทดลองพบว่าความเร็วที่มากกว่า 500 กม./ชั่วโมง ขึ้นไปเป็นความเร็วที่ไม่สามารถนำมาใช้ในการให้บริการได้จริง เนื่องจากจะทำให้วัสดุประกอบตัวรถเกิดความเสียหายได้อย่างรวดเร็ว แต่ในอนาคตอันใกล้นี้มีความเป็นไปได้อย่างสูงในการนำเอารถไฟที่มีความเร็วระดับสูงมากมาใช้งานจริง โดยระบบที่เรียกว่า Maglevรถไฟระบบ Maglev ที่ได้รับการยอมรับในการใช้งานปัจจุบันมีสองระบบ คือ Transrapid ที่ทำความเร็วได้ 550 กม./ชั่วโมง และ JR-Maglev MLX 01 ที่ทำความเร็วบนบกด้วยระบบรางที่ความเร็ว 581 กม./ชั่วโมง รถไฟที่ความเร็วสูงกว่า 1000 กม./ชั่วโมง ในการออกแบบยานพาหนะจะขึ้นอยู่กับหลักอากาศพลศาสตร์ และสภาพแวดล้อมภายนอก เทคโนโลยีรถไฟเริ่มที่จะแสดงให้เห็นความเป็นไปได้ของสภาพการไหลของอากาศที่เร็วกว่า ความเร็วเสียง ในระดับความเร็วที่ 0.8 มัค หรือเท่ากับ 988 กม./ชั่วโมง และมีความเป็นไปได้ที่จะมีความเร็วมากกว่ากว่าที่เป็นอยู่ เมื่อพิจารณาถึงศักยภาพของรถไฟรุ่นใหม่ในปัจจุบันที่ส่งผลสำคัญต่อความเร็วสูงสุดจริงของรถไฟ แต่เนื่องจากปรากฏการณ์ที่เรียกกันว่า Prandtl-Glauert SingularityหรือVapor Coneหรือ Shock Collar จะสร้างผลเสียหายอย่างมากกับยานพาหนะเมื่อคลื่นเสียงสะท้อนกับพื้นรองรางรถไฟ กลับคืนสู่ตัวรถไฟทำให้มีโอกาสเกิดการระเบิดออกได้ในอากาศ ดังนั้นรถไฟที่จะเดินทางด้วยความเร็วขนาดนี้หรือสูงกว่านี้ต้องเป็นระบบรถไฟที่เดินทางในระบบสุญญากาศการให้บริการรถไฟความเร็วสูงในประเทศต่างๆ การให้บริการรถไฟความเร็วสูงในประเทศต่างๆ. รถไฟความเร็วสูง ตามนิยามของ International Union of Railways หรือ UIC หมายถึง ระบบรถไฟซึ่งมีขบวนรถไฟและโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถทำให้การเดินรถในสภาวะปกติมีความเร็วสูงกว่า 250 กม./ชม. บนเส้นทางที่ก่อสร้างใหม่ หรือความเร็วที่มากกว่า 200 กม./ชม. เมื่อรถวิ่งบนเส้นทางที่มีอยู่ในปัจจุบัน ประเทศแรกที่มีการพัฒนารถไฟความเร็วสูง คือ ญี่ปุ่น เรียกกันว่า รถไฟหัวกระสุน (Bullet Train – Shinkansen) เปิดให้บริการครั้งแรกในเส้นทางกรุงโตเกียว-นครโอซาก้า ใน ค.ศ. 1964 มีความเร็วสูงสุดที่ 210 กม./ชม. จากนั้นฝรั่งเศสได้พัฒนารถไฟความเร็วสูงเรียกว่า TGV ใน ค.ศ. 1981 เป็นครั้งแรกในยุโรป ก่อนที่อีกหลายประเทศจะนำรถไฟความเร็วสูงมาใช้ ได้แก่ อิตาลี เยอรมนี สเปน เบลเยียม อังกฤษ ทำให้การเดินทางในยุโรปเชื่อมโยงถึงกันได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ส่วนในเอเชียนั้น ปัจจุบัน นอกจากมีญี่ปุ่นเป็นผู้บุกเบิกรถไฟความเร็วสูงแล้ว ยังมีเกาหลี ไต้หวัน และล่าสุดคือ จีน ที่ได้เปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูงอีกด้วยเครือข่ายแผนที่เทคโนโลยีรางที่ทำให้โดยเฉพาะ เครือข่าย. เทคโนโลยี. รางที่ทำให้โดยเฉพาะ. คำถามที่พบบ่อย ส่วนนี้ไม่อ้างอิงหรือแหล่งอ้างอิงใด ๆ กรุณาช่วยปรับปรุงส่วนนี้โดยการเพิ่มการอ้างอิงถึงแหล่งที่เชื่อถือได้ วัสดุ Unsourced อาจจะท้าทายและลบออก (กรกฎาคม 2013) ตามที่กำหนดโดยยุโรปและ UIC, โดยทั่วไประบบรางความเร็วสูงคือชุดที่รวมทั้งล้อเลื่อนความเร็วสูงและทางวิ่งความเร็วสูงที่สร้างให้โดยเฉพาะ ญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกที่สร้างทางวิ่งใหม่ที่ให้ใช้โดยเฉพาะและเครือข่ายทั้งหมดของชินคันเซ็น. ตามมาด้วยฝรั่งเศส, จากนั้นก็เยอรมัน, สเปน, ฯลฯ. ประเทศส่วนใหญ่ในวันนี้ที่มีการขนส่งระบบรางความเร็วสูงได้สร้างทางวิ่งความเร็วสูงให้ใช้โดยเฉพาะ. ข้อยกเว้นที่น่าสังเกตคือสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย. ในบางกรณี, โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอังกฤษในปี 1970 สำหรับรถไฟความเร็วสูง (HST), และในประเทศจีนเมื่อเร็วๆนี้, ทางวิ่งเก่าแบบคลาสสิกได้รับการอัพเกรดเพื่อรองรับรถไฟความเร็วสูงใหม่, มักจะทำความเร็วได้ถึง 200 กิโลเมตร / ชั่วโมง (124 ไมล์ต่อชั่วโมง). สำหรับรถไฟที่แปลกใหม่เช่น Aérotrains และ Maglev การใช้ทางวิ่งแบบสะพานข้ามโดยเฉพาะเป็นสิ่งที่จำเป็น.การออกแบบทางวิ่ง การออกแบบทางวิ่ง. ส่วนนี้ไม่อ้างอิงหรือแหล่งอ้างอิงใด ๆ กรุณาช่วยปรับปรุงส่วนนี้โดยการเพิ่มการอ้างอิงถึงแหล่งที่เชื่อถือได้ วัสดุ Unsourced อาจจะท้าทายและลบออก (กรกฎาคม 2013) รางวิ่งของรถไฟโดยทั่วไปจะถูกเชื่อมติดกันตลอดสายทางต่อเนื่องเพื่อลดการสั่นสะเทือนและให้อยู่ในแนวความกว้างที่สม่ำเสมอ (). เกือบทุกสายทางความเร็วสูงจะถูกขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าผ่านสายเคเบิลเหนือขบวน, มีระบบการส่งสัญญาณในตัวรถ, และใช้การสับรางที่ก้าวหน้าโดยการเข้ารางที่ใช้มากและใช้ง่ามแบบ "". คอคอดทั้งหลาย, เช่นที่จุดตัดต่างๆซึ่งมีหลายสายทางมาบรรจบกันและ/หรือจุดตัดกับถนน, จะต้องไม่มี. ด้วยเหตุนี้ ประเทศญี่ปุ่นและจีนมักจะสร้างรถไฟความเร็วสูงของพวกเขาบนสะพานที่ยกสูง (). รถไฟความเร็วสูงจะหลีกเลี่ยงทางโค้งที่แคบซึ่งต้องลดความเร็ว. รัศมีความโค้งโดยปกติจะสูงกว่า 4.5 กิโลเมตร (2.8 ไมล์), และสำหรับสายทางที่รองรับความเร็วที่ 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง (217 ไมล์ต่อชั่วโมง) จะมีรัศมีปกติที่ 7-9 กิโลเมตร (4.3-5.6 ไมล์). รางวิ่งทั้งหมดจะวางอยู่บนหมอนและแท่นรองหมอนแบบเดิม () (สำหรับรถไฟโบราณจะเป็นเพียงไม้หมอนที่วางบนหินกรวด) หรือวางบนแผ่นคอนกรีตและมีรั้วป้องกันการเข้าถึงรางวิ่งโดยการเดินเท้า.รูปแบบทางคู่ขนานถนนกับรางรถไฟ รูปแบบทางคู่ขนานถนนกับรางรถไฟ. รูปแบบทางคู่ขนานถนนกับรางรถไฟจะใช้ที่ดินข้างทางหลวงสำหรับทางรถไฟ. ตัวอย่าง ได้แก่ ปารีส/ลียงและโคโลญ - แฟรงค์เฟิร์ต ที่ 15% และ 70% ของรางที่วิ่งอยู่ข้างทางหลวงตามลำดับ.รางใช้ร่วมกัน รางใช้ร่วมกัน. ส่วนนี้ไม่อ้างอิงหรือแหล่งอ้างอิงใด ๆ กรุณาช่วยปรับปรุงส่วนนี้โดยการเพิ่มการอ้างอิงถึงแหล่งที่เชื่อถือได้ วัสดุ Unsourced อาจจะท้าทายและลบออก (กรกฎาคม 2013) รถไฟความเร็วสูงค่อนข้างจะเป็นพิเศษแต่ผู้เดียวหรือเปิดไปสู่มาตรฐานของรถไฟที่ใช้ความเร็ว- ในประเทศฝรั่งเศส, สายทางความเร็วสูงใช้เกณฑ์มาตรฐาน () เช่นเดียวกับมาตรฐานของเครือข่ายส่วนที่เหลือ, แต่ถูกนำมาใช้โดย TGV เพื่อการโดยสารและโดย TGV เพื่อการไปรษณีย์เท่านั้น - ในประเทศเยอรมนี, สายทางความเร็วสูงมีการใช้ร่วมกันระหว่าง ICE กับรถไฟความเร็วสูงระหว่างประเทศและรถไฟภูมิภาคและรถไฟบรรทุกสินค้า - ในประเทศจีน, สายทางความเร็วสูงที่ความเร็วระหว่าง 200 ถึง 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง (124 ถึง 155 ไมล์ต่อชั่วโมง) อาจบรรทุกสินค้าหรือผู้โดยสาร, สายทางที่ปฏิบัติการที่ความเร็ว 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง (186 ไมล์ต่อชั่วโมง) จะใช้เฉพาะรถไฟโดยสารของ CRH เท่านั้น. - ในประเทศญี่ปุ่นและสเปน, สายทางความเร็วสูงใช้เกณฑ์มาตรฐานที่ขัดกับส่วนที่เหลือของแต่ละเครือข่ายและดังนั้นมันจึงถูกอุทิศให้กับรถไฟความเร็วสูง. การใช้ร่วมกันของสายทางระหว่างการจราจรแบบเร็วและช้าเป็นปัจจัยขนาดใหญ่มากที่ลดขีดความสามารถในการบรรทุกสูงสุด, ด้วยการบังคับให้เกิดช่วงเวลาการรอที่นานขึ้นระหว่างรถไฟที่มีสองความเร็วที่แตกต่างกัน.ต้นทุนการก่อสร้าง ต้นทุนการก่อสร้าง. ส่วนนี้ไม่อ้างอิงหรือแหล่งอ้างอิงใด ๆ กรุณาช่วยปรับปรุงส่วนนี้โดยการเพิ่มการอ้างอิงถึงแหล่งที่เชื่อถือได้ วัสดุ Unsourced อาจจะท้าทายและลบออก (กรกฎาคม 2013) ระบบของญี่ปุ่นมักจะมีราคาแพงกว่าที่อื่น, เพราะพวกมันวิ่งอยู่บนรางยกระดับที่สร้างให้มันโดยเฉพาะเพื่อหลีกเลี่ยงทางข้ามและมันยังต้องติดตั้งระบบการตรวจสอบภัยพิบัติอีกด้วย. ส่วนที่ใหญ่ที่สุดของค่าใช้จ่ายของญี่ปุ่นคือการเจาะหลายอุโมงค์ผ่านภูเขา, ไต้หวันก็ทำอย่างนั้นเหมือนกัน. ในประเทศฝรั่งเศส, ค่าใช้จ่ายของการก่อสร้าง (ซึ่งเป็น €10ล้าน/กิโลเมตร (US$15.1 ล้าน/กิโลเมตร) สำหรับสาย LGV Est) จะลดลงโดยการใช้ทางลาดที่ชันแทนที่จะเป็นการสร้างอุโมงค์และสะพาน. อย่างไรก็ตามในสวิตเซอร์แลนด์ที่เต็มไปด้วยภูเขา, อุโมงค์หลีกเลี่ยงไม่ได้. เนื่องจากหลายสายทางจะอุทิศให้กับการโดยสาร, มุมลาดเอียงจะอยู่ที่ 3.5%, แทนที่จะเป็นไม่เกิน 1-1.5% ของการจราจรผสมก่อนหน้านี้. ราคาทีดินที่แพงมากขึ้นอาจจะต้องลดการเลี้ยวโค้งให้น้อยที่สุด, ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็ว, ลดต้นทุนการก่อสร้างและลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและการบำรุงรักษา. ในประเทศอื่นๆ ทางวิ่งความเร็วสูงจะถูกสร้างขึ้นโดยไม่ต้องประหยัดดังกล่าวเพื่อให้รางรถไฟยังสามารถรองรับการจราจรอื่นๆได้ เช่นการขนส่งสินค้า. อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์ที่ได้แสดงให้เห็นว่าการให้รถไฟหลายระบบวิ่งด้วยความเร็วที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญในทางวิ่งเดียวกันได้ลดความสามารถในการบรรทุกลงอย่างมีนัยสำคัญ. ผลก็คือ สายทางที่มีการจราจรแบบผสมมักจะสงวนช่วงเวลากลางวันสำหรับรถไฟความเร็วสูงและใช้ขนส่งสินค้าในเวลากลางคืน. มาตรฐานทั่วไปสำหรับสายทางความเร็วสูงธรรมดาคือ:ตัวรถ () ตัวรถ (). หัวข้อนี้ต้องการขยายความ date=July 2013 เทคโนโลยีที่สำคัญประกอบด้วยการเอียง, การออกแบบอากาศพลศาสตร์(เพื่อลดแรงตัน, การยกตัว, และเสียงรบกวน), เบรกอากาศ, การเบรกเพื่อสร้างพลังงานไฟฟ้า, เทคโนโลยีเครื่องยนต์และการยกน้ำหนักพลศาสตร์. ดูเพิ่มเติม:พัฒนาการของรถไฟความเร็วสูงฝรั่งเศส พัฒนาการของรถไฟความเร็วสูง. ฝรั่งเศส. รถไฟความเร็วสูง TGV ของประเทศฝรั่งเศสเป็นรถไฟความเร็วสูงสายแรกของยุโรปที่เปิดให้บริการใน พ.ศ. 2510 สามารถทำความเร็วได้ถึง 200 กม./ชั่วโมง หลังจากนั้น Alstom ได้ปรับปรุง TGV ให้ใช้ระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าแบบเหนือหัว จึงทำให้ TGV Sud-Est ซึ่งเป็นรุ่นแรกที่ใช้พลังงานไฟฟ้าสามารถขับเคลื่อนด้วยความเร็ว 270 กิโลเมตร/ชั่วโมง หลังจากนั้นได้มีการพัฒนาให้วิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง และ 320 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตามลำดับ ต่อมา เกิดความต้องการสูงขึ้นจนไม่สามารถเพิ่มเที่ยวรถไฟได้แล้ว SNCF และ Alstom ได้ออกรถไฟรุ่นใหม่ที่มีชื่อว่า TGV Duplex เพื่อรองรับความต้องการของผู้โดยสารที่สูงขึ้น หลังจากนั้นความนิยมในการเดินทางระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น จึงมีความจำเป็นต้องออกรถไฟความรุ่นใหม่ เพื่อเชื่อมต่อการเดินทาง เช่น TGV TMST(Eurostar), TGV Thalys PBA & PBKA (Thalys) , TGV POS(TGV Lyria) , TGV 2N2เยอรมนี เยอรมนี. ในปี พ.ศ. 2534 จากการศึกษาต้นแบบรถไฟความเร็วสูง ICE-V ประเทศเยอรมันได้เปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูง Intercity-Express(ICE) ซึ่งมีความเร็วในการเดินทาง 280 กม./ชั่วโมง โดยมีระบบที่คล้ายคลึงกับรถไฟความเร็วสูง TGV แต่มีรูปแบบที่ทันสมัยกว่าสเปน สเปน. ในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 1992(ครั้งที่25) ที่เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน ได้มีการเปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูงขึ้นมาอีกหนึ่งแห่ง คือAVE high speed rail เชื่อมระหว่างเมืองMadridกับเมืองSeville ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงมีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดการพัฒนารถไฟความเร็วสูงอย่างมากในประเทศสเปน จนรัฐบาลประเทศสเปนได้ประกาศแผน PEIT 2005-2020 โดยคาดหวังว่าจะเกิดการพัฒนาเมืองขึ้นในรัศมี 50 กิโลเมตรรอบสถานีบริการของ AVE ในปี พ.ศ. 2554 ประเทศสเปนได้ทำการเชื่อมต่อทางรถไฟความเร็วสูงเข้ากับประเทศอื่นๆในทวีปยุโรป ทำให้สเปนมีเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงมากที่สุดในทวีปยุโรป และเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากประเทศจีนเท่านั้นสวิตเซอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์. แม้ว่าในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ยังไม่มีรางที่ไว้ให้สำหรับรถไฟความเร็วสูงโดยเฉพาะ แต่เนื่องจากในประเทศฝรั่งเศส เยอรมนี หรือแม้กระทั่งอิตาลีซึ่งต้องการขยายเครือข่ายในการให้บริการรถไฟความเร็วสูงไปยังจุดหมายในสวิตเซอร์แลนด์ก็ยังสามารถใช้รางปกติววิ่งได้ เพราะรางรถไฟในสวิตเซอร์แลนด์มีความกว้าง 1.435 เมตร ซึ่งตรงกับขนาดที่ใช้รางรถไฟความเร็วสูงที่ใช้ในทั่วไป แต่ความเร็วที่ใช้จะลดลงจากรางรถไฟความเร็วสูงปกติ เนื่องจากในสวิตเซอร์แลนด์มีรถไฟหลายประเภทที่ใช้รางร่วมกัน เช่น S-Bahn , InterCity(IC) , ICN เป็นต้น รางบางช่วงมีความคดเคี้ยว และระบบอาณัติสัญญาณไม่รองรับรถไฟความเร็วสูง โดยรถไฟความเร็วสูงที่ให้บริการในสวิตเซอร์แลนด์มีอยู่ 3 ผู้ให้บริการหลักๆคือ TGV Lyria(ฝรั่งเศส - สวิตเซอร์แลนด์) , ICE(เยอรมนี - สวิตเซอร์แลนด์) และ ICE International(เนเทอร์แลนด์ - สวิตเซอร์แลนด์)เปรียบเทียบกับโหมดอื่นๆของการขนส่งระยะทางที่ดีที่สุด เปรียบเทียบกับโหมดอื่นๆของการขนส่ง. ระยะทางที่ดีที่สุด. ในขณะที่รถไฟความเร็วสูงในเชิงพาณิชย์มีความเร็วสูงสุดที่ต่ำกว่าเครื่องบินเจ็ต, พวกมันได้ให้เวลาการเดินทางรวมที่สั้นกว่าการเดินทางทางอากาศสำหรับระยะทางที่สั้น. พวกมันมักจะเชื่อมต่อสถานีรถไฟกลางของแต่ละเมืองเข้าด้วยกัน, ในขณะที่การขนส่งทางอากาศที่มักจะเชื่อมต่อสนามบินด้วยกันที่มักจะอยู่ไกลออกไปจากศูนย์เมือง. รถไฟความเร็วสูง (HSR) เหมาะที่สุดสำหรับการเดินทางที่ใช้เวลา 1 ถึง 4½ ชั่วโมง (ประมาณ 150-900 กิโลเมตรหรือ 93-559 ไมล์) ซึ่งรถไฟสามารถเอาชนะเวลาในการเดินทางทางอากาศและทางรถยนต์. สำหรับการเดินทางภายในประมาณ 700 กิโลเมตร (430 ไมล์), กระบวนการเช็คอินและผ่านการรักษาความปลอดภัยที่สนามบิน, เช่นเดียวกับการเดินทางไปสนามบินและกลับจากสนามบินทำให้การเดินทางทางอากาศทั้งหมดเท่ากับหรือช้ากว่า HSR. เจ้าหน้าที่ชาวยุโรปพิจารณ่ว่า HSR เป็นคู่แข่งกับการเดินทางทางอากาศสำหรับการเดินทาง HSR ภายใน 4½ ชั่วโมง. HSR มาทดแทนการขนส่งทางอากาศส่วนใหญ่ระหว่างปารีส-บรัสเซลส์, โคโลญ-แฟรงค์เฟิร์ต, มาดริด-บาร์เซโลนา, หนานจิง-หวู่ฮั่น, ฉงชิ่ง-เฉิงตู, โตเกียว-นาโกย่า, โตเกียว-เซนไดและโตเกียว-นิอิกาตะ. สายการบิน China Southern Airlines, สายการบินที่ใหญ่ที่สุดของจีน, คาดว่าการก่อสร้างเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงของจีนจะส่งผลกระทบ ถึง 25% ของเครือข่ายเส้นทางการบินในปีต่อมา.ส่วนแบ่งการตลาด ส่วนแบ่งการตลาด. ข้อมูลของยุโรประบุว่าการจราจรทางอากาศมีความอ่อนไหวมากกว่าการจราจรบนถนน (รถยนต์และรถประจำทาง) ในการแข่งขันกับ HSR, อย่างน้อยในการเดินทางในระยะ 400 กิโลเมตร (249 ไมล์) และมากกว่า - บางทีอาจเป็นเพราะรถยนต์และรถประจำทางอยู่ความยืดหยุ่นมากกว่าเครื่องบินมากๆ. ระบบ TGV Sud-Est ลดเวลาในการเดินทางระหว่างปารีส-ลียงจากเกือบสี่ชั่วโมงเหลือประมาณสองชั่วโมง. ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นจาก 40 เป็น 72%. ส่วนแบ่งการตลาดของการเดินทางทางอากาศและทางถนนหดตัวจาก 31% เหลือ 7% และจาก 29% เหลือ 21% ตามลำดับ. ช่วงมาดริด-เซบีญ่า, ระบบ AVE เพิ่มส่วนแบ่งจาก 16% เป็น 52%; การจราจรทางอากาศลดลงจาก 40% เหลือ 13%; การจราจรบนถนนจาก 44% เหลือ 36%, ด้วยเหตุนี้ตลาดรถไฟมีจำนวน 80% ของการจราจรทางรถไฟและทางอากาศรวมกัน. ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็น 89% ในปี 2009 ตามข้อมูลของ RENFE ผู้ประกอบการรถไฟของสเปน. ตามสูตรของ ปีเตอร์ Jorritsma, ส่วนแบ่งการตลาด s, เมื่อเทียบกับเครื่องบิน, สามารถคำนวณได้ประมาณเป็นฟังชั่นของเวลาการเดินทาง t เป็นนาที ตามสูตร ตามสูตรนี้ เวลาเดินทางสามชั่วโมงให้ผลตอบแทนเป็นส่วนแบ่งการตลาด 65%. อย่างไรก็ตาม ส่วนแบ่งการตลาดยังได้รับอิทธิพลจากราคาตั๋วประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน. การเดินทางโดยระบบรางได้เปรียบในการแข่งขันมากขึ้นในพื้นที่ที่ประชากรมีความหนาแน่นสูงหรือที่น้ำมันมีราคาแพง, เพราะรถไฟธรรมดามีประสิทธิภาพการใช้น้ำมันดีกว่ารถยนต์เมื่อมีผู้โดยสารอยู่ในระดับสูง, คล้ายกับรูปแบบอื่นๆของระบบขนส่งมวลชน. มีน้อยมากที่รถไฟความเร็วสูงใช้เชื้อเพลิงดีเซลหรือเชื้อเพลิงฟอสซิลอื่นๆ แต่โรงไฟฟ้าที่จ่ายไฟฟ้าให้กับรถไฟอาจใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล. ในประเทศญี่ปุ่นและฝรั่งเศส, ที่มีเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงที่ครอบคลุมมาก, สัดส่วนใหญ่ของกระแสไฟฟ้ามาจากพลังงานนิวเคลียร์. ที่ยูโรสตาร์, ซึ่งส่วนใหญ่ใช้กริดสายส่งฝรั่งเศส, การปล่อยก๊าซเสียจากการเดินทางโดยรถไฟจากลอนดอนไปปารีสมี 90% ต่ำกว่าการบิน. แม้ว่าจะใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากถ่านหินหรือน้ำมัน, รถไฟความเร็วสูงมีประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงต่อผู้โดยสารต่อการเดินทางหนึ่งกิโลเมตรดีกว่ารถยน์โดยทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากการประหยัดจากขนาด () ในเทคโนโลยีเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เช่นเดียวกับแรงเสียดทานอากาศที่ต่ำกว่าที่ความเร็วเท่ากัน. เครือข่ายทางราง, เหมือนกับทางหลวง, ต้องมีการลงทุนคงที่ขนาดใหญ่และดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการผสมผสานของการลงทุนที่ความหนาแน่นสูงและของรัฐบาลเพื่อให้สามารถแข่งขันกับโครงสร้างพื้นฐานของเมืองหลวงที่มีอยู่แล้ว.รถยนต์และรถโดยสาร รถยนต์และรถโดยสาร. รถไฟความเร็วสูงสามารถรองรับผู้โดยสารได้มากกว่าด้วยความเร็วที่สูงกว่ารถยนต์มาก. โดยทั่วไป, ยิ่งเดินทางไกล, เวลาในก่ารเดินทางยิ่งเร็วกว่าของรถไฟที่เหนือกว่าทางถนนถ้าจะไปยังจุดหมายเดียวกัน. อย่างไรก็ตาม รถไฟความเร็วสูงสามารถแข่งขันได้กับรถยนต์ในระยะทางที่สั้นกว่า 0-150 กิโลเมตร (0-90 ไมล์), ตัวอย่างเช่นการเดินทางในถนนที่แออัดหรือค่าจอดรถที่แพง. นอกจากนี้ รถไฟโดยสารทั่วไปสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้มากกว่า 2.83 เท่าต่อชั่วโมงต่อความกว้างของถนนเป็นเมตร. ความจุโดยทั่วไปคือยูโรสตาร์ซึ่งมีความจุ 12 ตู้รถไฟต่อชั่วโมงและ 800 ผู้โดยสารต่อขบวน, รวม 9,600 คนต่อชั่วโมงในแต่ละทิศทาง. ในทางตรงกันข้าม, 'คู่มือความจุทางหลวง' ให้ความจุสูงสุดที่ 2,250 รถโดยสารต่อชั่วโมงต่อช่องจราจร, ไม่รวมรถอื่นๆ. สมมติว่าการเข้าใช้เฉลี่ยของยานพาหนะที่ 1.57 คน. มาตรฐานรางรถไฟคู่มีความจุปกติ 13% สูงกว่าทางหลวง 6 เลน (3 เลนแต่ละฝั่ง), ในขณะที่ต้องการเพียง 40% ของที่ดิน (1.0/3.0 เมื่อเทียบกับ 2.5/7.5 เฮกตาร์ต่อกิโลเมตรของการใช้ที่ดินโดยตรง/โดยอ้อม). สาย Tokaido Shinkansen ในประเทศญี่ปุ่นมีอัตราที่สูงกว่ามาก (มีมากถึง 20,000 ผู้โดยสารต่อชั่วโมงต่อทิศทาง). ในทำนองเดียวกันถนนทั่วไปมีแนวโน้มที่จะบรรทุกน้อยกว่า 1.57 คนต่อคัน (กรมการขนส่งรัฐวอชิงตัน, ยกตัวอย่าง, ใช้ 1.2 คนต่อคัน) ในช่วงเวลาที่เดินทาง.การเดินทางทางอากาศ การเดินทางทางอากาศ. ส่วนนี้จะต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการตรวจสอบ กรุณาช่วยปรับปรุงบทความนี้โดยการเพิ่มการอ้างอิงถึงแหล่งที่เชื่อถือได้ วัสดุ Unsourced อาจจะท้าทายและลบออก (พฤษภาคม 2014) แม้ว่าการขนส่งทางอากาศจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่สูง, เวลาทั้งหมดไปยังปลายทางสามารถเพิ่มขึ้นโดยการเช็คอิน, การจัดการสัมภาระ, การรักษาความปลอดภัยและการขึ้นเครื่อง. ขั้นตอนเหล่านี้ยังเพิ่มค่าใช้จ่ายในการเดินทางทางอากาศ. รถไฟเป็นที่ต้องการในระยะทางที่สั้นกว่าและไม่ไกลมาก เนื่องจากสถานีรถไฟมักจะอยู่ใกล้ชิดกับเมืองมากกว่าสนามบิน. ในทำนองเดียวกัน การเดินทางทางอากาศต้องการระยะทางที่ไกลกว่าเพื่อที่จะมีข้อได้เปรียบด้านความเร็วหลังจากที่คิดคำนวณทั้งเวลาการดำเนินการก่อนขึ้นเครื่องและการเดินทางไปกลับสนามบิน. การเดินทางทางรถไฟยังพึ่งพาสภาพอากาศน้อยกว่าการเดินทางทางอากาศ. ระบบรถไฟที่ออกแบบและดำเนินการมาอย่างดีอาจได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่รุนแรง, เช่นหิมะตกหนัก, หมอกลงหนา, และพายุใหญ่เท่านั้น. แต่เที่ยวบินโดยทั่วไปต้องเผชิญกับการยกเลิกหรือความล่าช้าภายใต้เงื่อนไขที่รุนแรงน้อยกว่าด้วยซ้ำ. รถไฟความเร็วสูงยังจะได้ประโยชน์จากความสะดวกสบายเนื่องจากผู้โดยสารรถไฟได้รับอนุญาตให้เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระภายในรถไฟที่จุดใดๆในการเดินทาง. ที่นั่งบนรถไฟก็ยังมีข้อจำกัดเรื่องน้ำหนักน้อยกว่าบนเครื่องบินและอาจจะขยายให้กว้างมากขึ้นหรือยาวขึ้นสำหรับวางขา. ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเช่นรางรถไฟที่มีการเชื่อมเข้าด้วยกันอย่างต่อเนื่องได้ลดการสั่นสะเทือนอย่างที่พบบนรถไฟที่วิ่งช้ากว่า, ในขณะที่การเดินทางทางอากาศยังคงได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายเมื่อลมเกิดขึ้นในสภาวะที่ไม่พึงประสงค์. รถไฟยังสามารถหยุดกลางทางในเวลาและค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่ต่ำกว่าเครื่องบิน, แต่การหยุดนี้จะเกิดขึ้นน้อยใน HSR กว่ารถไฟธรรมดาที่วิ่งช้ากว่า.อุบัติเหตุ อุบัติเหตุ. การเกิดอุบัติเหตุที่น่าสังเกตที่เกี่ยวข้องกับรถไฟความเร็วสูงรวมถึงต่อไปนี้อุบัติเหตุ Eschede 1998 อุบัติเหตุ Eschede 1998. บทความหลัก: อุบัติเหตุรถไฟที่ Eschede ในปี ค.ศ. 1998 , หลังจากกว่าสามสิบปีของการเดินรถไฟความเร็วสูงทั่วโลกโดยไม่เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง, อุบัติเหตุ Eschede ได้เกิดขึ้นในประเทศเยอรมนี: การออกแบบที่ไม่ดีของล้อระบบ ICE 1 แตกออกที่ความเร็ว 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง (124 ไมล์ต่อชั่วโมง) ใกล้เมือง Eschede, เป็นผลให้รถไฟตกรางและการเสียหายเกือบหมดทั้งชุด 16 ขบวนและยอดผู้เสียชีวิต 101 คน.อุบัติเหตุที่ Wenzhou 2011 อุบัติเหตุที่ Wenzhou 2011. บทความหลัก: รถไฟชนกันที่ Wenzhou เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2011, 13 ปีหลังจากอุบัติเหตุรถไฟที่ Eschede, CRH2 ของจีนเดินทางที่ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง (62 ไมล์ต่อชั่วโมง) ชนกับ CRH1 ที่หยุดบนสะพานในเขตชานเมืองของเวินโจวมณฑลเจ้อเจียงประเทศจีน. รถไฟสองขบวนตกรางและรถยนต์สี่คันตกจากสะพาน, 40 คนตาย, อย่างน้อย 192 คนได้รับบาดเจ็บ, 12 คนในจำนวนนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส. ภัยพิบัตินำไปสู่การเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในการบริหารจัดการและการใช้ประโยชน์ของรถไฟความเร็วสูงในประเทศจีน. แม้จะมีความจริงที่ว่าความเร็วที่สูงไม่ได้เป็นปัจจัยในการเกิดอุบัติเหตุ, หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือการลดลง 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง (31 ไมล์ต่อชั่วโมง)ของทุกความเร็วสูงสุดในระบบ HSTของจีน, 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง (217 ไมล์ต่อชั่วโมง) กลายเป็น 300, 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง (155 ไมล์ต่อชั่วโมง) กลายเป็น 200 และ 150 กิโลเมตร/ชั่วโมง (124 ไมล์ต่อชั่วโมง) กลายเป็น 160.อุบัติเหตุ Santiago de Compostela ในปี 2013 อุบัติเหตุ Santiago de Compostela ในปี 2013. บทความหลัก: อุบัติเหตุรถไฟ Santiago de Compostela ตกราง ในเดือนกรกฎาคม 2013, รถไฟความเร็วสูงในประเทศสเปนพยายามที่จะวิ่งอ้อมโค้งที่จำกัดความเร็วแค่ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (50 ไมล์ต่อชั่วโมง) ด้วยความเร็วถึง 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (120 ไมล์ต่อชั่วโมง), นำไปสู่การเสียชีวิต 78 คน. ปกติ รถไฟความเร็วสูงจะมีการจำกัดความเร็วอัตโนมัติ, แต่ส่วนนี้ของรางเป็นส่วนของรางธรรมดาทั่วไปและในกรณีนี้การจำกัด ความเร็วอัตโนมัติถูกปิดใช้งานหลายกิโลเมตรก่อนที่สถานี. สองวันหลังจากอุบัติเหตุ, คนขับรถไฟถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมชั่วคราวโดยประมาท. นี้เป็นอุบัติเหตุครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับรถไฟความเร็วสูงของสเปน แต่มันเกิดขึ้นในส่วนที่ไม่ได้เป็นความเร็วสูง.การขนส่งสินค้าEuro Carex การขนส่งสินค้า. Euro Carex. ในยุโรป การขนส่งสินค้าทางอากาศมีข้อจำกัดเนื่องจากในยุโรปมีกำหนดเรื่องการเปิดปิดสนามบินและมาตรการในการลดมลพิษจากการคมนาคม จึงเกิดความคิดที่นำรถไฟความเร็วสูงมาใช้ในการขนส่งสินค้าโดยความร่วมมือของประเทศในยุโรปจึงเกิดโครงการ Euro Carex โดยในโครงการนี้อยู่ในระยะทดลองเพื่อที่จะทดสอบระบบของ Euro Carex โดยวิ่งไปตามประเทศต่างๆ เช่น ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม เนเทอร์แลนด์ เยอรมนี อังกฤษ เป็นต้น ซึ่ง Euro Carex จะใช้เครือข่ายรถไฟที่สามารถเชื่อมต่อกับสนามบิน โดยใช้รถไฟกระจายสินค้าจากสนามบินไปที่ต่างๆ เพื่อลดระยะเวลาในการขนส่งภายและระหว่างประเทศติดกันตลาด ตลาด. ดูเพิ่มเติม: การวางแผนรถไฟความเร็วสูงสำหรับประเทศที่ไม่ได้มีเครือข่ายที่มีอยู่ () พื้นที่เป้าหมายในช่วงต้นได้แก่ฝรั่งเศส, ญี่ปุ่น, สเปน, และสหรัฐอเมริกา. ระบบจะให้บริการอยู่ระหว่างเมืองใหญ่ด้วยกัน. ในฝรั่งเศส คือปารีส-ลียง, ในญี่ปุ่น โตเกียว-โอซาก้า, ในสเปน มาดริด-เซวิลล์ (แล้วก็บาร์เซโลน่า). ในประเทศยุโรป, เกาหลีใต้และญี่ปุ่น, เครือข่ายที่หนาแน่นของรถไฟใต้ดินและทางรถไฟบนดินในเมืองได้มีการเชื่อมต่อกับรถไฟความเร็วสูง.เอเชียจีน เอเชีย. จีน. บทความหลัก: จีนมีเครือข่ายทางรถไฟความเร็วสูงที่ใหญ่ที่สุดในโลกและในปี 2013 เครื่อข่ายนี้จะยาวถึง 10,000 กิโลเมตร. อ้างอิงจากราชกิจจานุเบกษาของรถไฟ, รถไฟระหว่างฉือเจียจวงและเจิ้งโจวตะวันออกมีความเร็วในการทำงานโดยเฉลี่ยสูงที่สุดในโลกที่ 283.7 กิโลเมตร/ชั่วโมง (176.3 ไมล์ต่อชั่วโมง) (สถิติของเดือนสิงหาคมปี 2013).ญี่ปุ่น ญี่ปุ่น. บทความหลัก: High-speed rail in Japan ในญี่ปุ่น, การใช้งานในชีวิตประจำวันทางรถไฟระหว่างเมืองต่อหัวมีจำนวนสูงสุด, ด้วยจำนวนผู้โดยสารสะสมที่ 6 พันล้านคน (ณ ปี 2003).ไต้หวัน ไต้หวัน. ส่วนนี้ไม่อ้างอิงหรือแหล่งอ้างอิงใด ๆ กรุณาช่วยปรับปรุงส่วนนี้โดยการเพิ่มการอ้างอิงถึงแหล่งที่เชื่อถือได้ วัสดุ Unsourced อาจจะท้าทายและลบออก (ตุลาคม 2013) บทความหลัก: รถไฟความเร็วสูงในไต้หวัน รถไฟความเร็วสูงของไต้หวันวิ่งที่ระยะทางประมาณ 345 กิโลเมตร (214 ไมล์) ไปตามชายฝั่งทางตะวันตกของไต้หวันจากเมืองหลวงแห่งชาติไทเปไปยังเมืองทางตอนใต้ของเกาสง. การก่อสร้างได้รับการจัดการโดยบริษัทเอกชนไต้หวันชื่อรถไฟความเร็วสูงคอร์ปอเรชั่นที่ต้นทุนรวมของโครงการอยู่ที่ US$ 18 พันล้าน และบริษัทนี้เป็นผู้ดำเนินการเดินรถ. ระบบจะมีพื้นฐานหลักจากเทคโนโลยีชิงกันเซ็งของญี่ปุ่น.เกาหลีใต้ เกาหลีใต้. บทความหลัก: รถไฟความเร็วสูงในเกาหลีใต้ ตั้งแต่เปิดใช้งานในปี 2004, KTX ได้ขนส่งผู้โดยสารกว่า 360 ล้านคนจนถึงเมษายน 2013, คิดเป็นสัดส่วนถึงหนึ่งคนเกาหลีใต้ใช้มันถึงเจ็ดครั้ง. สำหรับการขนส่งที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางมากกว่า 300 กิโลเมตร (186 ไมล์), KTX มีส่วนแบ่งการตลาด 57% เหนือการขนส่งในโหมดอื่นๆ, ซึ่งมันใหญ่ที่สุด.รัสเซีย รัสเซีย. บทความหลัก: รถไฟความเร็วสูงในรัสเซีย พื้นที่เป้าหมายอื่นๆได้แก่ สายการขนส่งสินค้า, เช่นทรานส์ไซบีเรียรถไฟในรัสเซีย, ซึ่งจะใช้เวลา 3 วันจากตะวันออกไกลไปยังยุโรปสำหรับการขนส่งสินค้า, อาจทำได้ภายในหนึ่งเดือนโดยทางเรือและหลายชั่วโมงโดยทางอากาศอเมริกาสหรัฐอเมริกา อเมริกา. สหรัฐอเมริกา. บทความหลัก: รถไฟความเร็วสูงในประเทศสหรัฐอเมริกา สหรัฐอเมริกามีคำจำกัดความภายในประเทศสำหรับรถไฟความเร็วสูงที่แตกต่างในแต่ละท้องถิ่น.- รหัสสหรัฐ () นิยามรถไฟความเร็วสูงว่าเป็นบริการ "ที่คาดหวังอย่างมีเหตุผลว่าที่จะไปถึงความเร็วที่ยั่งยืนกว่า 125 ไมล์ต่อชั่วโมง (201 กิโลเมตรต่อชั่วโมง", - การบริหารรถไฟกลาง (FRA) ใช้คำนิยามของความเร็วสูงสุดที่ 110 ไมล์ต่อชั่วโมง (177 km/h) และมากกว่า. - 'บริการวิจัยแห่งสภา' ใช้คำว่า "รถไฟความเร็วสูงกว่า" สำหรับความเร็วถึง 150 ไมล์ต่อชั่วโมง (241 กิโลเมตร/ชม) และ "รถไฟความเร็วสูงมาก" สำหรับรถไฟบนรางรถไฟโดยเฉพาะด้วยความเร็วกว่า 150 ไมล์ต่อชั่วโมง (241 กิโลเมตร/ชั่วโมง). ณ ปี 2013, Northeast corridor (Acela Express) เป็นเพียงเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเดียวในการดำเนินงานในประเทศสหรัฐอเมริกา, เชื่อมโยงบอสตัน, นิวยอร์กซิตี้, และวอชิงตันดีซี. โครงการรถไฟความเร็วสูงแคลิฟอร์เนียมีแผนที่จะดำเนินงานช่วงแรกระหว่าง Fresno และ Bakersfield ใน 2021. ไม่มีส่วนอื่นที่คาดว่าจะให้บริการก่อนปี 2025.ยุโรป ยุโรป. บทความหลัก: รถไฟความเร็วสูงในยุโรปฝรั่งเศส ฝรั่งเศส. บทความหลัก: รถไฟความเร็วสูงในประเทศฝรั่งเศส การแบ่งตลาดออกเป็นส่วนๆได้ให้ความสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดการเดินทางทางธุรกิจ. การให้ความสำคัญแต่เดิมกับการเดินทางทางธุรกิจของฝรั่งเศสเห็นได้จากการออกแบบในตอนแรกของการรถไฟ TGV. การเดินทางเพื่อพักผ่อนเป็นตลาดรอง; ตอนนี้หลายสายทางของฝรั่งเศสจะเชื่อมต่อกับชายหาดวันหยุดบนมหาสมุทรแอตแลนติกและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน, เช่นเดียวกับสวนสนุกที่สำคัญและสกีรีสอร์ทในประเทศฝรั่งเศสและสวิตเซอร์. ตอนเย็นวันศุกร์จะเป็นช่วงสูงสุดสำหรับ TGVs (train à grande vitesse). ระบบจะลดราคาให้ในการเดินทางระยะทางไกลเพื่อแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นกับบริการทางอากาศ, และผลก็คือ บางเมืองที่อยู่ภายในหนึ่งชั่วโมงจากกรุงปารีสโดย TGV ได้กลายเป็นแหล่งชุมชนของนักเดินทาง, เป็นการเพิ่มขึ้นของตลาดในขณะที่มีการปรับโครงสร้างการใช้ที่ดิน. ในสายปารีส-ลียง, จำนวนของผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นถึงความถูกต้องในการนำโค้ชสองชั้นมาใช้. เส้นทางความเร็วสูงต่อมาเช่น LGV Atlantique, LGV Est, และส่วนใหญ่ของสายทางความเร็วสูงในประเทศฝรั่งเศส, ได้รับการออกแบบให้เป็นเส้นทางป้อนแยกเป็นสาขาให้กับในรถไฟธรรมดา, เป็นการให้บริการกับเมืองขนาดกลางจำนวนมาก.เยอรมัน เยอรมัน. บทความหลัก: รถไฟความเร็วสูงในประเทศเยอรมนี เส้นทางความเร็วสูงสายแรกของเยอรมนีวิ่งจากเหนือมาใต้, ด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์, และต่อมาจากตะวันตกมาตะวันออกได้ถูกพัฒนาหลังจากการรวมเยอรมัน.อิตาลี อิตาลี. บทความหลัก: รถไฟความเร็วสูงในประเทศอิตาลี ในช่วงปี 1920s และ 30s, อิตาลีเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆที่พัฒนาเทคโนโลยีสำหรับรถไฟความเร็วสูง. ประเทศได้สร้างทางรถไฟ 'Direttissime' เชื่อมต่อเมืองใหญ่ด้วยรางไฟฟ้าความเร็วสูงที่สร้างให้โดยเฉพาะ (ถึงแม้จะไม่ได้เป็นความเร็วสูงแบบที่ควรจะเป็นในปัจจุบัน) และได้พัฒนาระบบรถไฟ ETR 200 อย่างรวดเร็ว. หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองและการล่มสลายของระบอบการปกครองเผด็จการ, ความสนใจในรถไฟความเร็วสูงลดลง, กับรัฐบาลที่คิดว่ามันแพงเกินไปและเริ่มพัฒนาระบบ Pendolino ที่เอียงได้, เพื่อให้วิ่งได้ที่ความเร็วกลางถึงสูง (สูงถึง 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง (160 ไมล์ต่อชั่วโมง)) บนเส้นทางธรรมดา,แทน. ยกเว้นอย่างเดียวคือ Direttissima ที่วิ่งระหว่างฟลอเรนซ์และโรม, แต่มันก็ไม่ได้คิดต่อยอดที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสายความเร็วสูงในสเกลที่ใหญ่. เครือข่ายทางรถไฟความเร็วสูงโดยเฉพาะที่แท้จริงได้รับการพัฒนาในช่วงยุค 80s, 90s และในปี 2010 1,000 กิโลเมตร (621 ไมล์) ของรถไฟความเร็วสูงมีการดำเนินงานอย่างเต็มที่. บริการ Frecciarossa จะดำเนินการด้วย ETR 500 รถไฟที่ไม่เอียงที่ 25kVAC 50 Hz. ความเร็วในการให้บริการเป็น 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง (186 ไมล์ต่อชั่วโมง). ระบบ ETR1000 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างและได้รับการพัฒนาโดยกลุ่มที่เกิดจากการรมตัวของ AnsaldoBreda และ Bombardier. ขึ้นอยู่กับระบบ Bombardier Zefiro, ETR1000 จะทำงานได้ถึง 360 กิโลเมตร/ชั่วโมง (224 ไมล์ต่อชั่วโมง) บนระบบรางความเร็วสูงที่มีอยู่แล้ว. ผู้โดยสารกว่า 100 ล้านคนได้ใช้ Frecciarossa จากการแนะนำบริการตั้งแต่เดือนแรกของปี 2012. บริการความเร็วสูงของอิตาลีได้รับการบันทึกว่ามีกำไร, ซึ่งให้กำลังใจระบบ Trenitalia ในการวางแผนการลงทุนที่สำคัญ และในการยึดครองส่วนใหญ่ของการบริการท้องถิ่นและภูมิภาคจากผู้ประกอบการอื่นๆ (เช่น Nuovo Trasporto Viaggiatori และ Trenord) และมุ่งเน้นในความพยายามเพื่อการบริการความเร็วสูงและระยะทางไกล (หรือผ่านระบบ Frecciargento, Frecciabianca และบริการภายในเมืองความเร็วปานกลางซึ่งวิ่งบนรางธรรมดา).สเปน สเปน. บทความหลัก: รถไฟความเร็วสูงในประเทศสเปน สเปนได้สร้างเครือข่ายความเร็วสูงที่กว้างขวางราว 3,100 กิโลเมตร (1,926 ไมล์) (ปี 2013), ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป. มันใช้ standard gauge ตรงข้ามกับ Iberian gauge ที่ใช้ในส่วนใหญ่ของเครือข่ายรถไฟแห่งชาติ, ซึ่งหมายความว่ารางรถไฟความเร็วสูงจะถูกแยกออกต่างหากและมีเกือบเฉพาะรถไฟความเร็วสูงเท่านั้น, ไม่มีรถไฟท้องถิ่นและไม่มีการขนส่งสินค้า. เครือข่ายนี้จากปี 2013 เชื่อมต่อกับเครือข่ายของฝรั่งเศสกับรถไฟสายตรงปารีสไปบาร์เซโลนา.สวิสเซอร์แลนด์ สวิสเซอร์แลนด์. สายการขนส่งสินค้าความเร็วสูงจากเหนือมาใต้ในสวิสเซอร์แลนด์อยู่ระหว่างการก่อสร้าง, เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรรถบรรทุกภูเขาที่ช้าและลดค่าจ้างแรงงาน. สายทางใหม่, โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Gotthard Base Tunnel, จะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความเร็ว 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง (155 ไมล์ต่อชั่วโมง). แต่ช่วงความเร็วสูงในระยะที่สั้นและการผสมผสานกับการขนส่งสินค้าจะทำให้ความเร็วเฉลี่ยลดลง. ขนาดที่จำกัดของประเทศทำให้เวลาในการเดินทางในประเทศค่อนข้างสั้นอยู่แล้ว.ตุรกี ตุรกี. บทความหลัก: รถไฟความเร็วสูงในตุรกี 'การรถไฟตุรกี'ได้เริ่มสร้างทางรถไฟความเร็วสูงในปี 2003. ส่วนแรกของสายทาง, ระหว่างอังการาและ Eskişehir, ได้รับการเปิดตัวในวันที่ 13 มีนาคม 2009. มันเป็นส่วนหนึ่งของ 533 กิโลเมตร (331 ไมล์) เส้นทางรถไฟความเร็วสูงอิสตันบูล-อังการา. บริษัทในเครือของการรถไฟตุรกี, Yüksek Hızlı Tren เป็นผู้ประกอบการในเชิงพาณิชย์แต่เพียงผู้เดียวของรถไฟความเร็วสูงในตุรกี. การก่อสร้างของสามสายความเร็วสูงที่แยกต่างหากจากอังการาไปอิสตันบูล, ไป Konya และ ไป Sivas, เช่นเดียวกับการนำสายอังการา-İzmir ไปยังเวทีเปิดตัว, เป็นส่วนหนึ่งของจุดมุ่งหมายทางยุทธศาสตร์และเป้าหมายของกระทรวงการขนส่งตุรกี. ตุรกีวางแผนในการสร้างเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงในช่วงต้นของศตวรรษที่ 21, กำหนดเป้าหมายไว้ 1,500 กิโลเมตร (932 ไมล์) ภายในปี 2013 และ 10,000 กิโลเมตร (6,214 ไมล์) ภายในปี 2023.สหราชอาณาจักร สหราชอาณาจักร. บทความหลัก: รถไฟความเร็วสูงในสหราชอาณาจักร สายความเร็วสูงที่เร็วที่สุดของสหราชอาณาจักร (HS-1) เชื่อมต่อ London St Pancras กับบรัสเซลส์และปารีสผ่านช่องอุโมงค์ลอดช่องแคบอังกฤษ. มันเป็นสายที่มีความเร็วสูงสายเดียวในสหราชอาณาจักรที่มีความเร็วในการทำงานมากกว่า 125 ไมล์ต่อชั่วโมง (201 km/h) Great Western Main Line, South Wales Main Line, West Coast Main Line, Midland Main Line, Cross Country Route และ East Coast Main Line ทั้งหมดนี้มีการจำกัดความเร็วสูงสุดที่ 125 ไมล์ต่อชั่วโมง (201 กิโลเมตร/ชม) ในทั้งหมดหรือบางส่วนของสายทาง. ความพยายามที่จะเพิ่มความเร็วถึง 140 ไมล์ต่อชั่วโมง (225 กิโลเมตร/ชั่วโมง) ในทั้ง West Coast Main Line และ East Coast Main Line มีการล้มเหลวเพราะรถไฟบนสายทางเหล่านี้ไม่ได้มีการส่งสัญญาณที่เรียกว่า cab signaling, ซึ่งเป็นข้อกำหนดทางกฎหมายในสหราชอาณาจักรสำหรับรถไฟที่จะอนุญาตให้ทำงานที่ความเร็วสูงกว่า 125 ไมล์ต่อชั่วโมง (201 กิโลเมตร/ชั่วโมง) เนื่องจากความเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติในการสังเกตอาณัติสัญญาณด้านข้างสายทางที่ความเร็วดังกล่าวที่ไม่รองรับรถไฟความเร็วสูงประกอบกับมีรถไฟหลายประเภทที่ใช้รางร่วมกัน เช่น London Midland , Thameslink , Great Northern , Scotrail และรถไฟอื่นๆที่วิ่งในสายชนบทมาใช้รางร่วมกัน เป็นต้น
| รถไฟความเร็วสูงของประเทศใดที่ถือว่าเป็นรถไฟความเร็วสูงสายแรกของยุโรปที่เปิดให้บริการใน พ.ศ. 2510 | {
"answer": [
"ฝรั่งเศส"
],
"answer_begin_position": [
10754
],
"answer_end_position": [
10762
]
} |
635 | 36,343 | เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (; , เป็นเมืองท่าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของสหพันธรัฐรัสเซีย ตั้งอยู่ปากแม่น้ำเนวา ริมอ่าวฟินแลนด์ในทะเลบอลติก เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กสร้างโดยพระเจ้าซาร์ปีเตอร์มหาราช เมื่อ พ.ศ. 2246 โดยตัวเมืองเริ่มสร้างด้วยการถมทรายและหินเป็นจำนวนมากเพราะว่าพื้นที่เดิมของเมืองนั้นเป็นดินเลนของทะเล พระองค์ทรงเลือกที่จะสร้างเมืองที่บริเวณนี้เพราะว่าตัวเมืองมีทางออกทะเลบอลติกและสามารถติดต่อไปทางยุโรปและประเทศอื่นๆได้ง่าย เพื่อการปฏิรูปรัสเซียให้ทัดเทียมกับประเทศอื่น ๆ ในยุโรปได้โดยง่าย ต่อมาเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์กจึงได้รับสมญานามว่าหน้าต่างแห่งยุโรป และได้เป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิรัสเซียเป็นเวลา 206 ปี (หลังจากนั้นได้ย้ายเมืองหลวงไปที่มอสโก เมื่อ พ.ศ. 2461) ชื่อเดิมของเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กคือ เปโตรกราด (Petrograd, Петрогра́д, ใช้ในช่วง พ.ศ. 2457-2467) และ เลนินกราด (Leningrad, Ленингра́д, ใช้ในช่วง พ.ศ. 2467-2534) ปัจจุบันเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กมีประชากรมากกว่า 4.7 ล้านคน เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของรัสเซีย และเป็นมรดกโลกขององค์กรยูเนสโกภูมิอากาศ
| เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเป็นเมืองท่าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอะไร | {
"answer": [
"สหพันธรัฐรัสเซีย"
],
"answer_begin_position": [
175
],
"answer_end_position": [
191
]
} |
636 | 36,343 | เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (; , เป็นเมืองท่าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของสหพันธรัฐรัสเซีย ตั้งอยู่ปากแม่น้ำเนวา ริมอ่าวฟินแลนด์ในทะเลบอลติก เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กสร้างโดยพระเจ้าซาร์ปีเตอร์มหาราช เมื่อ พ.ศ. 2246 โดยตัวเมืองเริ่มสร้างด้วยการถมทรายและหินเป็นจำนวนมากเพราะว่าพื้นที่เดิมของเมืองนั้นเป็นดินเลนของทะเล พระองค์ทรงเลือกที่จะสร้างเมืองที่บริเวณนี้เพราะว่าตัวเมืองมีทางออกทะเลบอลติกและสามารถติดต่อไปทางยุโรปและประเทศอื่นๆได้ง่าย เพื่อการปฏิรูปรัสเซียให้ทัดเทียมกับประเทศอื่น ๆ ในยุโรปได้โดยง่าย ต่อมาเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์กจึงได้รับสมญานามว่าหน้าต่างแห่งยุโรป และได้เป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิรัสเซียเป็นเวลา 206 ปี (หลังจากนั้นได้ย้ายเมืองหลวงไปที่มอสโก เมื่อ พ.ศ. 2461) ชื่อเดิมของเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กคือ เปโตรกราด (Petrograd, Петрогра́д, ใช้ในช่วง พ.ศ. 2457-2467) และ เลนินกราด (Leningrad, Ленингра́д, ใช้ในช่วง พ.ศ. 2467-2534) ปัจจุบันเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กมีประชากรมากกว่า 4.7 ล้านคน เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของรัสเซีย และเป็นมรดกโลกขององค์กรยูเนสโกภูมิอากาศ
| ผู้สร้างเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของรัสเซีย คือใคร | {
"answer": [
"พระเจ้าซาร์ปีเตอร์มหาราช"
],
"answer_begin_position": [
269
],
"answer_end_position": [
293
]
} |
637 | 78,877 | สวนจตุจักร สวนจตุจักร เป็นสวนสาธารณะสำหรับพักผ่อนหย่อนใจทางตอนเหนือของกรุงเทพฯ ในความดูแลของกรุงเทพมหานคร ทิศตะวันออกจรดถนนพหลโยธิน ทิศเหนือจรดถนนวิภาวดีรังสิต ทิศตะวันตกและทิศใต้จรดถนนกำแพงเพชร 3ประวัติ ประวัติ. ปี พ.ศ. 2518 การรถไฟแห่งประเทศไทยได้น้อมเกล้าฯ ถวายที่ดิน 100ไร่ เพื่อสร้างสวนสาธารณะตามพระราชประสงค์ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 4 รอบ หรือ 48 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2518 ซึ่งเมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2519 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามของสวนแห่งนี้ว่า "สวนจตุจักร" (ซึ่งเป็นชื่อภาษาสันสกฤต มีความหมายว่า "สี่รอบ") สวนจตุจักรเปิดทำการในวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2523ลักษณะเด่นและจุดที่น่าสนใจ ลักษณะเด่นและจุดที่น่าสนใจ. อนุสรณ์เป็นประจักษ์พยานตั้งแต่เมื่อครั้งเมื่อแรกสร้าง เป็นสัญลักษณ์ของสวนสาธารณะ ได้แก่หอนาฬิกา นาฬิกาดอกไม้ ประติมากรรมอาเซียน 6 ประเทศ นอกจากนี้แล้วในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน ซึ่งตรงกับช่วงฤดูร้อนในแต่ละปี บริเวณริมถนนพหลโยธินตรงช่วงด้านข้างของสวนจตุจักร และรวมไปถึงสวนวชิรเบญจทัศ หรือสวนรถไฟที่อยู่ใกล้เคียง จะตรงกับช่วงที่ดอกชมพูพันธุ์ทิพย์บานสะพรั่ง และร่วงหล่นกับพื้นเป็นสีชมพูตัดกับสีเขียวของพื้นหญ้า ก่อให้เกิดเป็นภาพที่สวยงามอย่างยิ่งจุดเชื่อมต่อการเดินทาง
| สวนจตุจักรเปิดทำการครั้งแรกเมื่อใด | {
"answer": [
"4 ธันวาคม พ.ศ. 2523"
],
"answer_begin_position": [
720
],
"answer_end_position": [
739
]
} |
638 | 16,938 | บูดาเปสต์ บูดาเปสต์ (; , ) เป็นเมืองหลวงของประเทศฮังการี และเป็นศูนย์กลางการปกครอง อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม และการคมนาคมขนส่งของประเทศ มีประชากรมากกว่า 1.7 ล้านคน มีจำนวนลดลงจากกลางทศวรรษ 1980 ซึ่งมีประชากรถึง 2.07 ล้านคน บูดาเปสต์กลายเป็นเมืองเดี่ยวที่มีอาณาเขตครอบคลุมทั้ง 2 ฝั่งของแม่น้ำดานูบหลังจากการรวมกันในพ.ศ. 2416 (ค.ศ. 1873) ของเมืองทางฝั่งขวา ได้แก่ เมืองบูดอ (Buda) และโอบูดอ (Óbuda) เข้ากับเมืองแป็ชต์ (Pest) ทางฝั่งซ้าย (ฝั่งตะวันออก) ปัจจุบันบูดาเปสต์เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 6 ของสหภาพยุโรป
| เมืองบูดาเปสต์กลายเป็นเมืองเดียวที่มีอาณาเขตครอบคลุมทั้ง 2 ฝั่งของแม่น้ำอะไร | {
"answer": [
"แม่น้ำดานูบ"
],
"answer_begin_position": [
363
],
"answer_end_position": [
374
]
} |
1,405 | 16,938 | บูดาเปสต์ บูดาเปสต์ (; , ) เป็นเมืองหลวงของประเทศฮังการี และเป็นศูนย์กลางการปกครอง อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม และการคมนาคมขนส่งของประเทศ มีประชากรมากกว่า 1.7 ล้านคน มีจำนวนลดลงจากกลางทศวรรษ 1980 ซึ่งมีประชากรถึง 2.07 ล้านคน บูดาเปสต์กลายเป็นเมืองเดี่ยวที่มีอาณาเขตครอบคลุมทั้ง 2 ฝั่งของแม่น้ำดานูบหลังจากการรวมกันในพ.ศ. 2416 (ค.ศ. 1873) ของเมืองทางฝั่งขวา ได้แก่ เมืองบูดอ (Buda) และโอบูดอ (Óbuda) เข้ากับเมืองแป็ชต์ (Pest) ทางฝั่งซ้าย (ฝั่งตะวันออก) ปัจจุบันบูดาเปสต์เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 6 ของสหภาพยุโรป
| เมืองบูดาเปสต์ เป็นเมืองหลวงของประเทศอะไร | {
"answer": [
"ฮังการี"
],
"answer_begin_position": [
131
],
"answer_end_position": [
138
]
} |
639 | 612,586 | นากทะเล สำหรับนากทะเลที่อยู่ในสกุล Lontra ดูที่: นากทะเลอเมริกาใต้ นากทะเล (; ) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเล ประเภทหนึ่งโดยอาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งตอนเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก ในวัยเจริญพันธุ์จะมีน้ำหนักประมาณ 14–45 กิโลกรัม (31–99 ปอนด์) นากทะเลเป็นสัตว์ในวงศ์เพียงพอน (Mustelidae) ชนิดหนึ่ง และเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมทางทะเลที่มีขนาดเล็กที่สุดอีกด้วย นากทะเลนั้นไม่เหมือนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเลทั่วไปเพราะมีฉนวนกันความร้อนด้วยขนที่หนาแน่น จึงทำให้นากทะเลสามารถหาอาหารในทะเลเป็นเวลานาน ๆ ได้ นากทะเลจะอาศัยอยู่บริเวณชายฝั่ง โดยจะดำดิ่งสู่พื้นทะเลเพื่อหาอาหาร อาหารที่ชอบคือ สาหร่ายทะเล (ถ้าเป็นสาหร่ายเคลท์จะชอบมาก) เม่นทะเล หอยต่าง ๆ กุ้งบางชนิด และปลาบางชนิด นอกจากนี้นากทะเลยังเป็นสัตว์ที่สามารถวัดความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ได้อีกด้วย ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าพฤติกรรมการกินอาหารของนากทะเลที่ใช้หินทุบเปลือกหอยบนหน้าอกตัวเองนั้นเป็นพฤติกรรมที่มีมานานเป็นระยะเวลานับหลายล้านปี ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ โดยถือว่าเป็นพฤติกรรมการกินอาหารที่พัฒนาขึ้นมาจากการกินหรือหาอาหารทั่วไปของสัตว์โลก และเป็นสัตว์ทะเลชนิดแรกที่มีพัฒนาการเช่นนี้ โดยการสังเกตพฤติกรรมแม้แต่ลูกนากทะเลกำพร้าในสถานที่เลี้ยงก็ยังพบว่ามีพฤติกรรมเช่นนี้ ในอดีตจำนวนากทะเลอยูที่ประมาณ 1,000–2,000 ตัวเท่านั้นเพราะถูกล่าอย่างหนักในปี ค.ศ. 1741–1911 ต่อมามีสนธิสัญญาระหว่างประเทศในการห้ามล่า และให้อนุรักษ์นากทะเล จึงส่งผลให้จำนวนนากทะเลเพิ่มขึ้นเป็น 150,000–300,000 ตัว นับเป็นความสำเร็จในการอนุรักษ์นากทะเล แต่ปัจจุบันจำนวนนากทะเลได้ลดลงอีกครั้ง นากทะเลจึงเป็นเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมทางทะเลที่ใกล้สูญพันธุ์
| นากทะเลเป็นสัตว์ในวงศ์ไหน | {
"answer": [
"เพียงพอน"
],
"answer_begin_position": [
363
],
"answer_end_position": [
371
]
} |
640 | 612,586 | นากทะเล สำหรับนากทะเลที่อยู่ในสกุล Lontra ดูที่: นากทะเลอเมริกาใต้ นากทะเล (; ) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเล ประเภทหนึ่งโดยอาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งตอนเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก ในวัยเจริญพันธุ์จะมีน้ำหนักประมาณ 14–45 กิโลกรัม (31–99 ปอนด์) นากทะเลเป็นสัตว์ในวงศ์เพียงพอน (Mustelidae) ชนิดหนึ่ง และเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมทางทะเลที่มีขนาดเล็กที่สุดอีกด้วย นากทะเลนั้นไม่เหมือนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเลทั่วไปเพราะมีฉนวนกันความร้อนด้วยขนที่หนาแน่น จึงทำให้นากทะเลสามารถหาอาหารในทะเลเป็นเวลานาน ๆ ได้ นากทะเลจะอาศัยอยู่บริเวณชายฝั่ง โดยจะดำดิ่งสู่พื้นทะเลเพื่อหาอาหาร อาหารที่ชอบคือ สาหร่ายทะเล (ถ้าเป็นสาหร่ายเคลท์จะชอบมาก) เม่นทะเล หอยต่าง ๆ กุ้งบางชนิด และปลาบางชนิด นอกจากนี้นากทะเลยังเป็นสัตว์ที่สามารถวัดความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ได้อีกด้วย ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าพฤติกรรมการกินอาหารของนากทะเลที่ใช้หินทุบเปลือกหอยบนหน้าอกตัวเองนั้นเป็นพฤติกรรมที่มีมานานเป็นระยะเวลานับหลายล้านปี ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ โดยถือว่าเป็นพฤติกรรมการกินอาหารที่พัฒนาขึ้นมาจากการกินหรือหาอาหารทั่วไปของสัตว์โลก และเป็นสัตว์ทะเลชนิดแรกที่มีพัฒนาการเช่นนี้ โดยการสังเกตพฤติกรรมแม้แต่ลูกนากทะเลกำพร้าในสถานที่เลี้ยงก็ยังพบว่ามีพฤติกรรมเช่นนี้ ในอดีตจำนวนากทะเลอยูที่ประมาณ 1,000–2,000 ตัวเท่านั้นเพราะถูกล่าอย่างหนักในปี ค.ศ. 1741–1911 ต่อมามีสนธิสัญญาระหว่างประเทศในการห้ามล่า และให้อนุรักษ์นากทะเล จึงส่งผลให้จำนวนนากทะเลเพิ่มขึ้นเป็น 150,000–300,000 ตัว นับเป็นความสำเร็จในการอนุรักษ์นากทะเล แต่ปัจจุบันจำนวนนากทะเลได้ลดลงอีกครั้ง นากทะเลจึงเป็นเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมทางทะเลที่ใกล้สูญพันธุ์
| นากทะเลโปรดปรานสาหร่ายทะเลชนิดใด | {
"answer": [
"สาหร่ายเคลท์"
],
"answer_begin_position": [
705
],
"answer_end_position": [
717
]
} |
641 | 348,996 | เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์ ณ ราชสีมา) เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์ ณ ราชสีมา) หรือ ทองอินท์, ทองอิน เจ้าเมืองนครราชสีมาสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ บุตรบุญธรรมในเจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น ณ ราชสีมา) เป็นพระราชโอรสองค์สุดท้ายในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และเป็นแม่ทัพคนสำคัญของไทยในสงครามปราบกบฏเวียงจันทน์ และสงครามอานามสยามยุทธประวัติ ประวัติ. เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) เกิดในปี พ.ศ. 2323 เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี กับเจ้าจอมมารดาเจ้าหญิงจวน ราชธิดาของพระเจ้านครศรีธรรมราช รับราชการฝ่ายใน ณ ราชสำนักกรุงธนบุรี เมื่อทรงครรภ์แล้ว สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีจึงพระราชทานแก่เจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น ณ ราชสีมา) ให้เป็นแม่เมือง หาได้ถือเป็นภรรยาไม่ เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) จึงถือได้ว่าเป็นพระราชโอรสองค์หนึ่งของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี และเป็นบุตรบุญธรรมของเจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น ณ ราชสีมา) ในตอนปลายรัชกาลกรุงธนบุรี ปรากฏว่าเจ้าเมืองนครราชสีมาขณะนั้น คือ พระยากำแหงสงคราม (บุญคง กาญจนาคม) ไปราชการช่วยเหลือสมเด็จพระมหาอุปราช เจ้าฟ้าจุ้ย กรมขุนอินทรพิทักษ์ ในการสงครามกัมพูชา-ญวน และเมื่อเกิดการเปลี่ยนแผ่นดิน พระยากำแหงสงคราม(บุญคง) ถูกสำเร็จโทษ ตามเจ้าฟ้ากรมขุนอินทรพิทักษ์ แต่บุตรหลานสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีที่ยังเล็กไม่ได้ถูกสำเร็จโทษด้วย เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ได้สมรสกับท่านผู้หญิงทับทิม ธิดาพระยาสุริยเดช (ทัศน์ ราณยสุข) บุตรคนหนึ่งของเจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น) ต่อมาท่านผู้หญิงทับทิมได้ถึงแก่กรรม จึงได้สมรสใหม่กับ ท่านผู้หญิงบุนนาค ธิดาของเจ้าพระยาอภัยราชา (ปิ่น สิงหเสนี) และเป็นน้องสาวของเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) มีบุตรธิดารวม 50 ท่าน ต่อมาเชื้อสายและเครือญาติ ได้มีมีบทบาทสำคัญในราชสำนักสยาม และในราชการบ้านเมือง พ.ศ. 2386 เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ได้ล้มป่วยลง ทำให้ต้องลาพักราชการสงคราม กลับมาพักรักษาตัว ณ เมืองนครราชสีมา แต่บุตรหลานยังคงอยู่ช่วยงานราชการสงคราม และในปี พ.ศ. 2388 เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ถึงแก่อสัญกรรมด้วยความสงบเกียรติประวัติขึ้นเป็นเจ้าเมืองนครราชสีมาแทนพี่ชายบุญธรรม เกียรติประวัติ. ขึ้นเป็นเจ้าเมืองนครราชสีมาแทนพี่ชายบุญธรรม. เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ได้เริ่มรับราชการ ณ เมืองนครราชสีมา ตั้งแต่ครั้งรัชกาลที่ 1 โดยช่วยงานราชการ พระยานครราชสีมา (เที่ยง ณ ราชสีมา) บุตรของเจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น) ซึ่งมีศักดฺืเป็นพี่ชายบุญธรรม ต่อมาในปลายรัชกาลที่ 2 จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองนครราชสีมาสืบแทน และได้รับบรรดาศักดิ์สุดท้ายเป็น "เจ้าพระยากำแหงสงคราม รามภักดี อภัยพิริยบรากรมพาหุ เจ้าเมืองนครราชสีมา"ปราบเจ้าเมืองขุขันธ์ เจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ และเจ้าราชวงศ์แห่งจำปาศักดิ์ ปราบเจ้าเมืองขุขันธ์ เจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ และเจ้าราชวงศ์แห่งจำปาศักดิ์. ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. 2369 พระยาไกรสงคราม เจ้าเมืองขุขันธ์ วิวาทกับน้องชาย มีพระราชโองการให้เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) กับพระยาปลัดเมืองนครราชสีมา ยกกำลังไปปราบปรามให้สงบ โดยให้หลวงยกกระบัตรอยู่รักษาเมือง แต่ในที่สุดกลับต้องทำการรบติดพันกับพระยาไกรสงครามที่เมืองขุขันธ์ ทำให้เจ้าอนุวงศ์ นำทัพลาวเวียงจันทน์ เข้ายึดเมืองนครราชสีมาโดยง่าย เมื่อความทราบถึงเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) จึงให้พระยาปลัดเมืองนครราชสีมากลับเข้าเมืองนครราชสีมาเพื่อควบคุมครัวเรือนนครราชสีมาให้รวมกันติดที่บ้านปราสาท ในขณะที่ชาวเมืองนครราชสีมา ได้ถูกกวาดต้อนไปกับกองทัพเวียงจันทน์ จากนั้นพระยาปลัดเมืองนครราชสีมา คุณหญิงโมภรรยาปลัดเมือง หลวงยกกระบัตร พระณรงค์สงคราม ได้ร่วมกันนำชาวเมืองนครราชสีมาเข้าต่อสู้กับกองทัพลาวจนได้ชัยชนะในเบื้องต้นจนเกิดเป็นวีรกรรม ณ ทุ่งสำริด และกองกำลังชาวเมืองนครราชสีมาได้ตีทัพลาวที่เจ้าอนุวงศ์ส่งมาช่วยแตกพ่ายไปอีกครั้งหนึ่ง จากวีรกรรมครั้งนี้ คุณหญิงโมได้รับพระราชทานนามเป็น ท้าวสุรนารี ในเวลาเดียวกันเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ยังรบติดพันกับกองทัพเมืองขุขันธ์และกองทัพลาว จากนั้นได้ถอยอ้อมมาทางเมืองเสียมราฐ และเข้าจังหวัดปราจีนบุรีจึงบรรจบกับกองทัพไทยอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเจ้าอนุวงศ์รู้ข่าวกองทัพพระนครจึงสั่งถอยทัพออกจากเมืองนครราชสีมาและสั่งทำลายกำแพงเมืองนครราชสีมาสองด้าน พระยาไกรสงครามได้ถอยทัพไปด้วยแต่ในที่สุดถูกเจ้าอนุวงศ์สั่งประหารเนื่องจากไม่สามารถจับเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอิน) ได้ตามแผนที่วางไว้ พ.ศ. 2370 สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ ได้ชุมนุมทัพที่นครราชสีมา เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ได้กลับเข้าเมืองนครราชสีมาไปเฝ้า มีรับสั่งให้คุมทัพเมืองนครราชสีมา และหัวเมืองไปช่วยกองทัพพระยาราชสุภาวดี (สิงห์ สิงหเสนี) ต่อมาคือเจ้าพระยาบดินทรเดชา) ในการปราบเจ้าราชวงศ์ที่เมืองจำปาศักดิ์ หลังจากนั้นให้ไปร่วมตีเมืองเวียงจันทน์ ในครั้งนั้นได้พบครัวเมืองปักธงชัยกลับคืนมาจากการถูกกวาดต้อนไปบริเวณเมืองสกลนคร เมื่อเสร็จสิ้นการปราบกบฏเวียงจันทน์แล้วเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ได้นำชาวเมืองนครราชสีมาบูรณะเมืองนครราชสีมาให้กลับคืนมาดีเหมือนแต่ก่อน ในครั้งนั้นกองทัพไทยได้ร่วมกันสร้างวัดสามัคคี ในบริเวณนอกกำแพงเมืองด้านเหนือเป็นแม่ทัพในสงครามกัมพูชา-ญวน เป็นแม่ทัพในสงครามกัมพูชา-ญวน. พ.ศ. 2376 โปรดเกล้าให้เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์) เป็นแม่ทัพใหญ่ในราชการสงครามกับกัมพูชา-ญวน (อานามสยามยุทธ) มีเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) เป็นแม่ทัพหน้า และเจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) เป็นแม่ทัพเรือ ในครั้งนั้นทัพหน้าของเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอิน) ได้เดินทัพจนเกือบถึงบริเวณเมืองไซ่ง่อน ก่อนที่กองทัพไทยจะถูกทัพญวนตีโต้กลับมา และในปี พ.ศ. 2380 เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) เป็นแม่กองบูรณะกำแพงเมืองพระตะบอง และป้อมค่ายให้เข็งแรง เพื่อเตรียมรับศึกกัมพูชา-ญวน โดยเป็นแม่ทัพใหญ่ในเขตทะเลสาบภาคตะวันออกถวายช้างเผือก ถวายช้างเผือก. พ.ศ. 2377 เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ได้น้อมเกล้าฯ ถวายช้างเผือกที่พบในเขตเมืองนางรอง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อช้างนั้นว่า "พระยามงคลนาคินทร์ อินทรไอยราววรรณ พรรณสีสังข์สารเศวต กมเลศรังสฤษฎิ์ อิศวรรังรักษ์ จักรกฤษณราชรังสัน มหันตมหาวัฒนาคุณ วิบุลยลักษณเลิศฟ้า" ในปี พ.ศ. 2387 ได้น้อมเกล้าฯ ถวายช้างพลายที่มีคชลักษณ์ดีอีก 3 เชือก (พลายบาน พลายเยียว และพลายแลม) และในปี พ.ศ. 2388 ก่อนอสัญกรรม ได้น้อมเกล้าฯ ถวาย ช้างพลายที่มีคชลักษณ์ดีอีก 2 เชือก (พลายอุเทน และ พลายสาร)เชื้อสาย/สกุล เชื้อสาย/สกุล. ในปีพุทธศักราช 2494 (วันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2494) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งพระราชทานนามสกุล แก่- พระยากำธรพายัพทิศ (ดิศ อินทโสฬส) - พระบุรคามบริรักษ์ (นาค เมนะรุจิ) - พันตรี พระพิทักษ์โยธา (พิทักษ์ อธินันทน์) - หลวงเรืองนรารักษ์ (รศ พรหมนารท) - หลวงอุบลศักดิ์ประชาบาล (พันธ์ พรหมนารท) - หลวงรามฤทธิรงค์ (เขียว มหาณรงค์) และ - พันตรี ขุนกำแหงเสนีย์ (กำแหง อินทรกำแหง) ตามที่ขอเปลี่ยนใหม่ และได้จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติชื่อบุคคล พุทธศักราช 2484 แล้วว่า ณ ราชสีมา (เขียนเป็นอักษรโรมัน na Rajasima) เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ผู้เป็นต้นสกุล ซึ่งได้รับราชการประกอบคุณงามความดีแก่ นครราชสีมา และทั้งทายาทก็ได้รับราชการด้วยจงรักภักดีเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบเนื่องกันมาในจังหวัดนี้เป็นเวลาหลายรัชกาล
| เจ้าจอมมารดาเจ้าหญิงจวน เป็นพระราชธิดาของใคร | {
"answer": [
"พระเจ้านครศรีธรรมราช"
],
"answer_begin_position": [
588
],
"answer_end_position": [
608
]
} |
1,519 | 348,996 | เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์ ณ ราชสีมา) เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์ ณ ราชสีมา) หรือ ทองอินท์, ทองอิน เจ้าเมืองนครราชสีมาสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ บุตรบุญธรรมในเจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น ณ ราชสีมา) เป็นพระราชโอรสองค์สุดท้ายในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และเป็นแม่ทัพคนสำคัญของไทยในสงครามปราบกบฏเวียงจันทน์ และสงครามอานามสยามยุทธประวัติ ประวัติ. เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) เกิดในปี พ.ศ. 2323 เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี กับเจ้าจอมมารดาเจ้าหญิงจวน ราชธิดาของพระเจ้านครศรีธรรมราช รับราชการฝ่ายใน ณ ราชสำนักกรุงธนบุรี เมื่อทรงครรภ์แล้ว สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีจึงพระราชทานแก่เจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น ณ ราชสีมา) ให้เป็นแม่เมือง หาได้ถือเป็นภรรยาไม่ เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) จึงถือได้ว่าเป็นพระราชโอรสองค์หนึ่งของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี และเป็นบุตรบุญธรรมของเจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น ณ ราชสีมา) ในตอนปลายรัชกาลกรุงธนบุรี ปรากฏว่าเจ้าเมืองนครราชสีมาขณะนั้น คือ พระยากำแหงสงคราม (บุญคง กาญจนาคม) ไปราชการช่วยเหลือสมเด็จพระมหาอุปราช เจ้าฟ้าจุ้ย กรมขุนอินทรพิทักษ์ ในการสงครามกัมพูชา-ญวน และเมื่อเกิดการเปลี่ยนแผ่นดิน พระยากำแหงสงคราม(บุญคง) ถูกสำเร็จโทษ ตามเจ้าฟ้ากรมขุนอินทรพิทักษ์ แต่บุตรหลานสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีที่ยังเล็กไม่ได้ถูกสำเร็จโทษด้วย เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ได้สมรสกับท่านผู้หญิงทับทิม ธิดาพระยาสุริยเดช (ทัศน์ ราณยสุข) บุตรคนหนึ่งของเจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น) ต่อมาท่านผู้หญิงทับทิมได้ถึงแก่กรรม จึงได้สมรสใหม่กับ ท่านผู้หญิงบุนนาค ธิดาของเจ้าพระยาอภัยราชา (ปิ่น สิงหเสนี) และเป็นน้องสาวของเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) มีบุตรธิดารวม 50 ท่าน ต่อมาเชื้อสายและเครือญาติ ได้มีมีบทบาทสำคัญในราชสำนักสยาม และในราชการบ้านเมือง พ.ศ. 2386 เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ได้ล้มป่วยลง ทำให้ต้องลาพักราชการสงคราม กลับมาพักรักษาตัว ณ เมืองนครราชสีมา แต่บุตรหลานยังคงอยู่ช่วยงานราชการสงคราม และในปี พ.ศ. 2388 เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ถึงแก่อสัญกรรมด้วยความสงบเกียรติประวัติขึ้นเป็นเจ้าเมืองนครราชสีมาแทนพี่ชายบุญธรรม เกียรติประวัติ. ขึ้นเป็นเจ้าเมืองนครราชสีมาแทนพี่ชายบุญธรรม. เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ได้เริ่มรับราชการ ณ เมืองนครราชสีมา ตั้งแต่ครั้งรัชกาลที่ 1 โดยช่วยงานราชการ พระยานครราชสีมา (เที่ยง ณ ราชสีมา) บุตรของเจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น) ซึ่งมีศักดฺืเป็นพี่ชายบุญธรรม ต่อมาในปลายรัชกาลที่ 2 จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองนครราชสีมาสืบแทน และได้รับบรรดาศักดิ์สุดท้ายเป็น "เจ้าพระยากำแหงสงคราม รามภักดี อภัยพิริยบรากรมพาหุ เจ้าเมืองนครราชสีมา"ปราบเจ้าเมืองขุขันธ์ เจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ และเจ้าราชวงศ์แห่งจำปาศักดิ์ ปราบเจ้าเมืองขุขันธ์ เจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ และเจ้าราชวงศ์แห่งจำปาศักดิ์. ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. 2369 พระยาไกรสงคราม เจ้าเมืองขุขันธ์ วิวาทกับน้องชาย มีพระราชโองการให้เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) กับพระยาปลัดเมืองนครราชสีมา ยกกำลังไปปราบปรามให้สงบ โดยให้หลวงยกกระบัตรอยู่รักษาเมือง แต่ในที่สุดกลับต้องทำการรบติดพันกับพระยาไกรสงครามที่เมืองขุขันธ์ ทำให้เจ้าอนุวงศ์ นำทัพลาวเวียงจันทน์ เข้ายึดเมืองนครราชสีมาโดยง่าย เมื่อความทราบถึงเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) จึงให้พระยาปลัดเมืองนครราชสีมากลับเข้าเมืองนครราชสีมาเพื่อควบคุมครัวเรือนนครราชสีมาให้รวมกันติดที่บ้านปราสาท ในขณะที่ชาวเมืองนครราชสีมา ได้ถูกกวาดต้อนไปกับกองทัพเวียงจันทน์ จากนั้นพระยาปลัดเมืองนครราชสีมา คุณหญิงโมภรรยาปลัดเมือง หลวงยกกระบัตร พระณรงค์สงคราม ได้ร่วมกันนำชาวเมืองนครราชสีมาเข้าต่อสู้กับกองทัพลาวจนได้ชัยชนะในเบื้องต้นจนเกิดเป็นวีรกรรม ณ ทุ่งสำริด และกองกำลังชาวเมืองนครราชสีมาได้ตีทัพลาวที่เจ้าอนุวงศ์ส่งมาช่วยแตกพ่ายไปอีกครั้งหนึ่ง จากวีรกรรมครั้งนี้ คุณหญิงโมได้รับพระราชทานนามเป็น ท้าวสุรนารี ในเวลาเดียวกันเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ยังรบติดพันกับกองทัพเมืองขุขันธ์และกองทัพลาว จากนั้นได้ถอยอ้อมมาทางเมืองเสียมราฐ และเข้าจังหวัดปราจีนบุรีจึงบรรจบกับกองทัพไทยอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเจ้าอนุวงศ์รู้ข่าวกองทัพพระนครจึงสั่งถอยทัพออกจากเมืองนครราชสีมาและสั่งทำลายกำแพงเมืองนครราชสีมาสองด้าน พระยาไกรสงครามได้ถอยทัพไปด้วยแต่ในที่สุดถูกเจ้าอนุวงศ์สั่งประหารเนื่องจากไม่สามารถจับเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอิน) ได้ตามแผนที่วางไว้ พ.ศ. 2370 สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ ได้ชุมนุมทัพที่นครราชสีมา เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ได้กลับเข้าเมืองนครราชสีมาไปเฝ้า มีรับสั่งให้คุมทัพเมืองนครราชสีมา และหัวเมืองไปช่วยกองทัพพระยาราชสุภาวดี (สิงห์ สิงหเสนี) ต่อมาคือเจ้าพระยาบดินทรเดชา) ในการปราบเจ้าราชวงศ์ที่เมืองจำปาศักดิ์ หลังจากนั้นให้ไปร่วมตีเมืองเวียงจันทน์ ในครั้งนั้นได้พบครัวเมืองปักธงชัยกลับคืนมาจากการถูกกวาดต้อนไปบริเวณเมืองสกลนคร เมื่อเสร็จสิ้นการปราบกบฏเวียงจันทน์แล้วเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ได้นำชาวเมืองนครราชสีมาบูรณะเมืองนครราชสีมาให้กลับคืนมาดีเหมือนแต่ก่อน ในครั้งนั้นกองทัพไทยได้ร่วมกันสร้างวัดสามัคคี ในบริเวณนอกกำแพงเมืองด้านเหนือเป็นแม่ทัพในสงครามกัมพูชา-ญวน เป็นแม่ทัพในสงครามกัมพูชา-ญวน. พ.ศ. 2376 โปรดเกล้าให้เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์) เป็นแม่ทัพใหญ่ในราชการสงครามกับกัมพูชา-ญวน (อานามสยามยุทธ) มีเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) เป็นแม่ทัพหน้า และเจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) เป็นแม่ทัพเรือ ในครั้งนั้นทัพหน้าของเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอิน) ได้เดินทัพจนเกือบถึงบริเวณเมืองไซ่ง่อน ก่อนที่กองทัพไทยจะถูกทัพญวนตีโต้กลับมา และในปี พ.ศ. 2380 เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) เป็นแม่กองบูรณะกำแพงเมืองพระตะบอง และป้อมค่ายให้เข็งแรง เพื่อเตรียมรับศึกกัมพูชา-ญวน โดยเป็นแม่ทัพใหญ่ในเขตทะเลสาบภาคตะวันออกถวายช้างเผือก ถวายช้างเผือก. พ.ศ. 2377 เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ได้น้อมเกล้าฯ ถวายช้างเผือกที่พบในเขตเมืองนางรอง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อช้างนั้นว่า "พระยามงคลนาคินทร์ อินทรไอยราววรรณ พรรณสีสังข์สารเศวต กมเลศรังสฤษฎิ์ อิศวรรังรักษ์ จักรกฤษณราชรังสัน มหันตมหาวัฒนาคุณ วิบุลยลักษณเลิศฟ้า" ในปี พ.ศ. 2387 ได้น้อมเกล้าฯ ถวายช้างพลายที่มีคชลักษณ์ดีอีก 3 เชือก (พลายบาน พลายเยียว และพลายแลม) และในปี พ.ศ. 2388 ก่อนอสัญกรรม ได้น้อมเกล้าฯ ถวาย ช้างพลายที่มีคชลักษณ์ดีอีก 2 เชือก (พลายอุเทน และ พลายสาร)เชื้อสาย/สกุล เชื้อสาย/สกุล. ในปีพุทธศักราช 2494 (วันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2494) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งพระราชทานนามสกุล แก่- พระยากำธรพายัพทิศ (ดิศ อินทโสฬส) - พระบุรคามบริรักษ์ (นาค เมนะรุจิ) - พันตรี พระพิทักษ์โยธา (พิทักษ์ อธินันทน์) - หลวงเรืองนรารักษ์ (รศ พรหมนารท) - หลวงอุบลศักดิ์ประชาบาล (พันธ์ พรหมนารท) - หลวงรามฤทธิรงค์ (เขียว มหาณรงค์) และ - พันตรี ขุนกำแหงเสนีย์ (กำแหง อินทรกำแหง) ตามที่ขอเปลี่ยนใหม่ และได้จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติชื่อบุคคล พุทธศักราช 2484 แล้วว่า ณ ราชสีมา (เขียนเป็นอักษรโรมัน na Rajasima) เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ผู้เป็นต้นสกุล ซึ่งได้รับราชการประกอบคุณงามความดีแก่ นครราชสีมา และทั้งทายาทก็ได้รับราชการด้วยจงรักภักดีเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบเนื่องกันมาในจังหวัดนี้เป็นเวลาหลายรัชกาล
| จ้าพระยานครราชสีมา หรือทองอินทร์ เกิดในปี พ.ศ. ใด | {
"answer": [
"2323"
],
"answer_begin_position": [
506
],
"answer_end_position": [
510
]
} |
1,736 | 348,996 | เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์ ณ ราชสีมา) เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์ ณ ราชสีมา) หรือ ทองอินท์, ทองอิน เจ้าเมืองนครราชสีมาสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ บุตรบุญธรรมในเจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น ณ ราชสีมา) เป็นพระราชโอรสองค์สุดท้ายในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และเป็นแม่ทัพคนสำคัญของไทยในสงครามปราบกบฏเวียงจันทน์ และสงครามอานามสยามยุทธประวัติ ประวัติ. เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) เกิดในปี พ.ศ. 2323 เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี กับเจ้าจอมมารดาเจ้าหญิงจวน ราชธิดาของพระเจ้านครศรีธรรมราช รับราชการฝ่ายใน ณ ราชสำนักกรุงธนบุรี เมื่อทรงครรภ์แล้ว สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีจึงพระราชทานแก่เจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น ณ ราชสีมา) ให้เป็นแม่เมือง หาได้ถือเป็นภรรยาไม่ เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) จึงถือได้ว่าเป็นพระราชโอรสองค์หนึ่งของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี และเป็นบุตรบุญธรรมของเจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น ณ ราชสีมา) ในตอนปลายรัชกาลกรุงธนบุรี ปรากฏว่าเจ้าเมืองนครราชสีมาขณะนั้น คือ พระยากำแหงสงคราม (บุญคง กาญจนาคม) ไปราชการช่วยเหลือสมเด็จพระมหาอุปราช เจ้าฟ้าจุ้ย กรมขุนอินทรพิทักษ์ ในการสงครามกัมพูชา-ญวน และเมื่อเกิดการเปลี่ยนแผ่นดิน พระยากำแหงสงคราม(บุญคง) ถูกสำเร็จโทษ ตามเจ้าฟ้ากรมขุนอินทรพิทักษ์ แต่บุตรหลานสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีที่ยังเล็กไม่ได้ถูกสำเร็จโทษด้วย เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ได้สมรสกับท่านผู้หญิงทับทิม ธิดาพระยาสุริยเดช (ทัศน์ ราณยสุข) บุตรคนหนึ่งของเจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น) ต่อมาท่านผู้หญิงทับทิมได้ถึงแก่กรรม จึงได้สมรสใหม่กับ ท่านผู้หญิงบุนนาค ธิดาของเจ้าพระยาอภัยราชา (ปิ่น สิงหเสนี) และเป็นน้องสาวของเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) มีบุตรธิดารวม 50 ท่าน ต่อมาเชื้อสายและเครือญาติ ได้มีมีบทบาทสำคัญในราชสำนักสยาม และในราชการบ้านเมือง พ.ศ. 2386 เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ได้ล้มป่วยลง ทำให้ต้องลาพักราชการสงคราม กลับมาพักรักษาตัว ณ เมืองนครราชสีมา แต่บุตรหลานยังคงอยู่ช่วยงานราชการสงคราม และในปี พ.ศ. 2388 เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ถึงแก่อสัญกรรมด้วยความสงบเกียรติประวัติขึ้นเป็นเจ้าเมืองนครราชสีมาแทนพี่ชายบุญธรรม เกียรติประวัติ. ขึ้นเป็นเจ้าเมืองนครราชสีมาแทนพี่ชายบุญธรรม. เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ได้เริ่มรับราชการ ณ เมืองนครราชสีมา ตั้งแต่ครั้งรัชกาลที่ 1 โดยช่วยงานราชการ พระยานครราชสีมา (เที่ยง ณ ราชสีมา) บุตรของเจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น) ซึ่งมีศักดฺืเป็นพี่ชายบุญธรรม ต่อมาในปลายรัชกาลที่ 2 จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองนครราชสีมาสืบแทน และได้รับบรรดาศักดิ์สุดท้ายเป็น "เจ้าพระยากำแหงสงคราม รามภักดี อภัยพิริยบรากรมพาหุ เจ้าเมืองนครราชสีมา"ปราบเจ้าเมืองขุขันธ์ เจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ และเจ้าราชวงศ์แห่งจำปาศักดิ์ ปราบเจ้าเมืองขุขันธ์ เจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ และเจ้าราชวงศ์แห่งจำปาศักดิ์. ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. 2369 พระยาไกรสงคราม เจ้าเมืองขุขันธ์ วิวาทกับน้องชาย มีพระราชโองการให้เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) กับพระยาปลัดเมืองนครราชสีมา ยกกำลังไปปราบปรามให้สงบ โดยให้หลวงยกกระบัตรอยู่รักษาเมือง แต่ในที่สุดกลับต้องทำการรบติดพันกับพระยาไกรสงครามที่เมืองขุขันธ์ ทำให้เจ้าอนุวงศ์ นำทัพลาวเวียงจันทน์ เข้ายึดเมืองนครราชสีมาโดยง่าย เมื่อความทราบถึงเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) จึงให้พระยาปลัดเมืองนครราชสีมากลับเข้าเมืองนครราชสีมาเพื่อควบคุมครัวเรือนนครราชสีมาให้รวมกันติดที่บ้านปราสาท ในขณะที่ชาวเมืองนครราชสีมา ได้ถูกกวาดต้อนไปกับกองทัพเวียงจันทน์ จากนั้นพระยาปลัดเมืองนครราชสีมา คุณหญิงโมภรรยาปลัดเมือง หลวงยกกระบัตร พระณรงค์สงคราม ได้ร่วมกันนำชาวเมืองนครราชสีมาเข้าต่อสู้กับกองทัพลาวจนได้ชัยชนะในเบื้องต้นจนเกิดเป็นวีรกรรม ณ ทุ่งสำริด และกองกำลังชาวเมืองนครราชสีมาได้ตีทัพลาวที่เจ้าอนุวงศ์ส่งมาช่วยแตกพ่ายไปอีกครั้งหนึ่ง จากวีรกรรมครั้งนี้ คุณหญิงโมได้รับพระราชทานนามเป็น ท้าวสุรนารี ในเวลาเดียวกันเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ยังรบติดพันกับกองทัพเมืองขุขันธ์และกองทัพลาว จากนั้นได้ถอยอ้อมมาทางเมืองเสียมราฐ และเข้าจังหวัดปราจีนบุรีจึงบรรจบกับกองทัพไทยอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเจ้าอนุวงศ์รู้ข่าวกองทัพพระนครจึงสั่งถอยทัพออกจากเมืองนครราชสีมาและสั่งทำลายกำแพงเมืองนครราชสีมาสองด้าน พระยาไกรสงครามได้ถอยทัพไปด้วยแต่ในที่สุดถูกเจ้าอนุวงศ์สั่งประหารเนื่องจากไม่สามารถจับเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอิน) ได้ตามแผนที่วางไว้ พ.ศ. 2370 สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ ได้ชุมนุมทัพที่นครราชสีมา เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ได้กลับเข้าเมืองนครราชสีมาไปเฝ้า มีรับสั่งให้คุมทัพเมืองนครราชสีมา และหัวเมืองไปช่วยกองทัพพระยาราชสุภาวดี (สิงห์ สิงหเสนี) ต่อมาคือเจ้าพระยาบดินทรเดชา) ในการปราบเจ้าราชวงศ์ที่เมืองจำปาศักดิ์ หลังจากนั้นให้ไปร่วมตีเมืองเวียงจันทน์ ในครั้งนั้นได้พบครัวเมืองปักธงชัยกลับคืนมาจากการถูกกวาดต้อนไปบริเวณเมืองสกลนคร เมื่อเสร็จสิ้นการปราบกบฏเวียงจันทน์แล้วเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ได้นำชาวเมืองนครราชสีมาบูรณะเมืองนครราชสีมาให้กลับคืนมาดีเหมือนแต่ก่อน ในครั้งนั้นกองทัพไทยได้ร่วมกันสร้างวัดสามัคคี ในบริเวณนอกกำแพงเมืองด้านเหนือเป็นแม่ทัพในสงครามกัมพูชา-ญวน เป็นแม่ทัพในสงครามกัมพูชา-ญวน. พ.ศ. 2376 โปรดเกล้าให้เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์) เป็นแม่ทัพใหญ่ในราชการสงครามกับกัมพูชา-ญวน (อานามสยามยุทธ) มีเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) เป็นแม่ทัพหน้า และเจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) เป็นแม่ทัพเรือ ในครั้งนั้นทัพหน้าของเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอิน) ได้เดินทัพจนเกือบถึงบริเวณเมืองไซ่ง่อน ก่อนที่กองทัพไทยจะถูกทัพญวนตีโต้กลับมา และในปี พ.ศ. 2380 เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) เป็นแม่กองบูรณะกำแพงเมืองพระตะบอง และป้อมค่ายให้เข็งแรง เพื่อเตรียมรับศึกกัมพูชา-ญวน โดยเป็นแม่ทัพใหญ่ในเขตทะเลสาบภาคตะวันออกถวายช้างเผือก ถวายช้างเผือก. พ.ศ. 2377 เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ได้น้อมเกล้าฯ ถวายช้างเผือกที่พบในเขตเมืองนางรอง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อช้างนั้นว่า "พระยามงคลนาคินทร์ อินทรไอยราววรรณ พรรณสีสังข์สารเศวต กมเลศรังสฤษฎิ์ อิศวรรังรักษ์ จักรกฤษณราชรังสัน มหันตมหาวัฒนาคุณ วิบุลยลักษณเลิศฟ้า" ในปี พ.ศ. 2387 ได้น้อมเกล้าฯ ถวายช้างพลายที่มีคชลักษณ์ดีอีก 3 เชือก (พลายบาน พลายเยียว และพลายแลม) และในปี พ.ศ. 2388 ก่อนอสัญกรรม ได้น้อมเกล้าฯ ถวาย ช้างพลายที่มีคชลักษณ์ดีอีก 2 เชือก (พลายอุเทน และ พลายสาร)เชื้อสาย/สกุล เชื้อสาย/สกุล. ในปีพุทธศักราช 2494 (วันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2494) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งพระราชทานนามสกุล แก่- พระยากำธรพายัพทิศ (ดิศ อินทโสฬส) - พระบุรคามบริรักษ์ (นาค เมนะรุจิ) - พันตรี พระพิทักษ์โยธา (พิทักษ์ อธินันทน์) - หลวงเรืองนรารักษ์ (รศ พรหมนารท) - หลวงอุบลศักดิ์ประชาบาล (พันธ์ พรหมนารท) - หลวงรามฤทธิรงค์ (เขียว มหาณรงค์) และ - พันตรี ขุนกำแหงเสนีย์ (กำแหง อินทรกำแหง) ตามที่ขอเปลี่ยนใหม่ และได้จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติชื่อบุคคล พุทธศักราช 2484 แล้วว่า ณ ราชสีมา (เขียนเป็นอักษรโรมัน na Rajasima) เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ผู้เป็นต้นสกุล ซึ่งได้รับราชการประกอบคุณงามความดีแก่ นครราชสีมา และทั้งทายาทก็ได้รับราชการด้วยจงรักภักดีเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบเนื่องกันมาในจังหวัดนี้เป็นเวลาหลายรัชกาล
| เจ้าพระยานครราชสีมา หรือ ทองอินทร์ เกิดในปี พ.ศ. ใด | {
"answer": [
"2323"
],
"answer_begin_position": [
506
],
"answer_end_position": [
510
]
} |
1,737 | 348,996 | เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์ ณ ราชสีมา) เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์ ณ ราชสีมา) หรือ ทองอินท์, ทองอิน เจ้าเมืองนครราชสีมาสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ บุตรบุญธรรมในเจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น ณ ราชสีมา) เป็นพระราชโอรสองค์สุดท้ายในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และเป็นแม่ทัพคนสำคัญของไทยในสงครามปราบกบฏเวียงจันทน์ และสงครามอานามสยามยุทธประวัติ ประวัติ. เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) เกิดในปี พ.ศ. 2323 เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี กับเจ้าจอมมารดาเจ้าหญิงจวน ราชธิดาของพระเจ้านครศรีธรรมราช รับราชการฝ่ายใน ณ ราชสำนักกรุงธนบุรี เมื่อทรงครรภ์แล้ว สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีจึงพระราชทานแก่เจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น ณ ราชสีมา) ให้เป็นแม่เมือง หาได้ถือเป็นภรรยาไม่ เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) จึงถือได้ว่าเป็นพระราชโอรสองค์หนึ่งของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี และเป็นบุตรบุญธรรมของเจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น ณ ราชสีมา) ในตอนปลายรัชกาลกรุงธนบุรี ปรากฏว่าเจ้าเมืองนครราชสีมาขณะนั้น คือ พระยากำแหงสงคราม (บุญคง กาญจนาคม) ไปราชการช่วยเหลือสมเด็จพระมหาอุปราช เจ้าฟ้าจุ้ย กรมขุนอินทรพิทักษ์ ในการสงครามกัมพูชา-ญวน และเมื่อเกิดการเปลี่ยนแผ่นดิน พระยากำแหงสงคราม(บุญคง) ถูกสำเร็จโทษ ตามเจ้าฟ้ากรมขุนอินทรพิทักษ์ แต่บุตรหลานสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีที่ยังเล็กไม่ได้ถูกสำเร็จโทษด้วย เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ได้สมรสกับท่านผู้หญิงทับทิม ธิดาพระยาสุริยเดช (ทัศน์ ราณยสุข) บุตรคนหนึ่งของเจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น) ต่อมาท่านผู้หญิงทับทิมได้ถึงแก่กรรม จึงได้สมรสใหม่กับ ท่านผู้หญิงบุนนาค ธิดาของเจ้าพระยาอภัยราชา (ปิ่น สิงหเสนี) และเป็นน้องสาวของเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) มีบุตรธิดารวม 50 ท่าน ต่อมาเชื้อสายและเครือญาติ ได้มีมีบทบาทสำคัญในราชสำนักสยาม และในราชการบ้านเมือง พ.ศ. 2386 เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ได้ล้มป่วยลง ทำให้ต้องลาพักราชการสงคราม กลับมาพักรักษาตัว ณ เมืองนครราชสีมา แต่บุตรหลานยังคงอยู่ช่วยงานราชการสงคราม และในปี พ.ศ. 2388 เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ถึงแก่อสัญกรรมด้วยความสงบเกียรติประวัติขึ้นเป็นเจ้าเมืองนครราชสีมาแทนพี่ชายบุญธรรม เกียรติประวัติ. ขึ้นเป็นเจ้าเมืองนครราชสีมาแทนพี่ชายบุญธรรม. เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ได้เริ่มรับราชการ ณ เมืองนครราชสีมา ตั้งแต่ครั้งรัชกาลที่ 1 โดยช่วยงานราชการ พระยานครราชสีมา (เที่ยง ณ ราชสีมา) บุตรของเจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น) ซึ่งมีศักดฺืเป็นพี่ชายบุญธรรม ต่อมาในปลายรัชกาลที่ 2 จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองนครราชสีมาสืบแทน และได้รับบรรดาศักดิ์สุดท้ายเป็น "เจ้าพระยากำแหงสงคราม รามภักดี อภัยพิริยบรากรมพาหุ เจ้าเมืองนครราชสีมา"ปราบเจ้าเมืองขุขันธ์ เจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ และเจ้าราชวงศ์แห่งจำปาศักดิ์ ปราบเจ้าเมืองขุขันธ์ เจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ และเจ้าราชวงศ์แห่งจำปาศักดิ์. ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. 2369 พระยาไกรสงคราม เจ้าเมืองขุขันธ์ วิวาทกับน้องชาย มีพระราชโองการให้เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) กับพระยาปลัดเมืองนครราชสีมา ยกกำลังไปปราบปรามให้สงบ โดยให้หลวงยกกระบัตรอยู่รักษาเมือง แต่ในที่สุดกลับต้องทำการรบติดพันกับพระยาไกรสงครามที่เมืองขุขันธ์ ทำให้เจ้าอนุวงศ์ นำทัพลาวเวียงจันทน์ เข้ายึดเมืองนครราชสีมาโดยง่าย เมื่อความทราบถึงเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) จึงให้พระยาปลัดเมืองนครราชสีมากลับเข้าเมืองนครราชสีมาเพื่อควบคุมครัวเรือนนครราชสีมาให้รวมกันติดที่บ้านปราสาท ในขณะที่ชาวเมืองนครราชสีมา ได้ถูกกวาดต้อนไปกับกองทัพเวียงจันทน์ จากนั้นพระยาปลัดเมืองนครราชสีมา คุณหญิงโมภรรยาปลัดเมือง หลวงยกกระบัตร พระณรงค์สงคราม ได้ร่วมกันนำชาวเมืองนครราชสีมาเข้าต่อสู้กับกองทัพลาวจนได้ชัยชนะในเบื้องต้นจนเกิดเป็นวีรกรรม ณ ทุ่งสำริด และกองกำลังชาวเมืองนครราชสีมาได้ตีทัพลาวที่เจ้าอนุวงศ์ส่งมาช่วยแตกพ่ายไปอีกครั้งหนึ่ง จากวีรกรรมครั้งนี้ คุณหญิงโมได้รับพระราชทานนามเป็น ท้าวสุรนารี ในเวลาเดียวกันเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ยังรบติดพันกับกองทัพเมืองขุขันธ์และกองทัพลาว จากนั้นได้ถอยอ้อมมาทางเมืองเสียมราฐ และเข้าจังหวัดปราจีนบุรีจึงบรรจบกับกองทัพไทยอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเจ้าอนุวงศ์รู้ข่าวกองทัพพระนครจึงสั่งถอยทัพออกจากเมืองนครราชสีมาและสั่งทำลายกำแพงเมืองนครราชสีมาสองด้าน พระยาไกรสงครามได้ถอยทัพไปด้วยแต่ในที่สุดถูกเจ้าอนุวงศ์สั่งประหารเนื่องจากไม่สามารถจับเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอิน) ได้ตามแผนที่วางไว้ พ.ศ. 2370 สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ ได้ชุมนุมทัพที่นครราชสีมา เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ได้กลับเข้าเมืองนครราชสีมาไปเฝ้า มีรับสั่งให้คุมทัพเมืองนครราชสีมา และหัวเมืองไปช่วยกองทัพพระยาราชสุภาวดี (สิงห์ สิงหเสนี) ต่อมาคือเจ้าพระยาบดินทรเดชา) ในการปราบเจ้าราชวงศ์ที่เมืองจำปาศักดิ์ หลังจากนั้นให้ไปร่วมตีเมืองเวียงจันทน์ ในครั้งนั้นได้พบครัวเมืองปักธงชัยกลับคืนมาจากการถูกกวาดต้อนไปบริเวณเมืองสกลนคร เมื่อเสร็จสิ้นการปราบกบฏเวียงจันทน์แล้วเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ได้นำชาวเมืองนครราชสีมาบูรณะเมืองนครราชสีมาให้กลับคืนมาดีเหมือนแต่ก่อน ในครั้งนั้นกองทัพไทยได้ร่วมกันสร้างวัดสามัคคี ในบริเวณนอกกำแพงเมืองด้านเหนือเป็นแม่ทัพในสงครามกัมพูชา-ญวน เป็นแม่ทัพในสงครามกัมพูชา-ญวน. พ.ศ. 2376 โปรดเกล้าให้เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์) เป็นแม่ทัพใหญ่ในราชการสงครามกับกัมพูชา-ญวน (อานามสยามยุทธ) มีเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) เป็นแม่ทัพหน้า และเจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) เป็นแม่ทัพเรือ ในครั้งนั้นทัพหน้าของเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอิน) ได้เดินทัพจนเกือบถึงบริเวณเมืองไซ่ง่อน ก่อนที่กองทัพไทยจะถูกทัพญวนตีโต้กลับมา และในปี พ.ศ. 2380 เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) เป็นแม่กองบูรณะกำแพงเมืองพระตะบอง และป้อมค่ายให้เข็งแรง เพื่อเตรียมรับศึกกัมพูชา-ญวน โดยเป็นแม่ทัพใหญ่ในเขตทะเลสาบภาคตะวันออกถวายช้างเผือก ถวายช้างเผือก. พ.ศ. 2377 เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ได้น้อมเกล้าฯ ถวายช้างเผือกที่พบในเขตเมืองนางรอง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อช้างนั้นว่า "พระยามงคลนาคินทร์ อินทรไอยราววรรณ พรรณสีสังข์สารเศวต กมเลศรังสฤษฎิ์ อิศวรรังรักษ์ จักรกฤษณราชรังสัน มหันตมหาวัฒนาคุณ วิบุลยลักษณเลิศฟ้า" ในปี พ.ศ. 2387 ได้น้อมเกล้าฯ ถวายช้างพลายที่มีคชลักษณ์ดีอีก 3 เชือก (พลายบาน พลายเยียว และพลายแลม) และในปี พ.ศ. 2388 ก่อนอสัญกรรม ได้น้อมเกล้าฯ ถวาย ช้างพลายที่มีคชลักษณ์ดีอีก 2 เชือก (พลายอุเทน และ พลายสาร)เชื้อสาย/สกุล เชื้อสาย/สกุล. ในปีพุทธศักราช 2494 (วันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2494) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งพระราชทานนามสกุล แก่- พระยากำธรพายัพทิศ (ดิศ อินทโสฬส) - พระบุรคามบริรักษ์ (นาค เมนะรุจิ) - พันตรี พระพิทักษ์โยธา (พิทักษ์ อธินันทน์) - หลวงเรืองนรารักษ์ (รศ พรหมนารท) - หลวงอุบลศักดิ์ประชาบาล (พันธ์ พรหมนารท) - หลวงรามฤทธิรงค์ (เขียว มหาณรงค์) และ - พันตรี ขุนกำแหงเสนีย์ (กำแหง อินทรกำแหง) ตามที่ขอเปลี่ยนใหม่ และได้จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติชื่อบุคคล พุทธศักราช 2484 แล้วว่า ณ ราชสีมา (เขียนเป็นอักษรโรมัน na Rajasima) เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์) ผู้เป็นต้นสกุล ซึ่งได้รับราชการประกอบคุณงามความดีแก่ นครราชสีมา และทั้งทายาทก็ได้รับราชการด้วยจงรักภักดีเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบเนื่องกันมาในจังหวัดนี้เป็นเวลาหลายรัชกาล
| พระราชบิดาของเจ้าพระยานครราชสีมา หรือ ทองอินทร์ มีพระนามว่าอะไร | {
"answer": [
"สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี"
],
"answer_begin_position": [
527
],
"answer_end_position": [
550
]
} |
642 | 366,962 | ไกรวิทย์ พุ่มสุโข ไกรวิทย์ พุ่มสุโข (ชื่อเล่น: ต้อม) อดีตนักแสดง, นักร้อง และพิธีกรชาวไทย เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2509 ที่กรุงเทพมหานคร เป็นลูกชายคนที่ 2 ในบรรดาพี่น้องทั้งหมดที่เป็นผู้ชาย 4 คน ของ นายโกมล และนางบรรลุ พุ่มสุโข ไกรวิทย์มีความชื่นชอบในดนตรีและการร้องเพลงมาตั้งแต่ยังเด็ก โดยมีนักร้องที่ชื่นชอบและถือเป็นแบบอย่างคือ นันทิดา แก้วบัวสาย โดยฝึกหัดเล่นดนตรีเมื่อเรียนอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 3 ต่อมาได้เข้าประกวดร้องเพลงกับทางสยามกลการ และเข้าประกวดร้องเพลงอีกกับทางคลื่นวิทยุ 98.5 FM จึงทำให้ได้รู้จักกับ ปาริชาติ บริสุทธิ์ นักแสดงผู้เป็นภริยาของเพิ่มพล เชยอรุณ อดีตผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง จึงถูกชักชวนให้เล่นละครโทรทัศน์ทางช่อง 3 ในบทตัวร้ายซึ่งเป็นตัวประกอบ ต่อมาได้ออกอัลบั้มเพลงของตัวเองเมื่อต้นปี พ.ศ. 2531 ชื่อชุด มันอยู่ที่ใจ โดยที่ขณะนั้นยังมีสถานะเป็นพนักงานฝ่ายต่างประเทศของธนาคารกสิกรไทย สาขาสำนักงานใหญ่ อยู่ด้วย จากนั้นจึงได้มีผลงานภาพยนตร์และละครตามมาอีกหลายเรื่องในฐานะตัวประกอบ เช่น เทวดาตกสวรรค์ ในปี พ.ศ. 2532, รักในรอยแค้น ในปี พ.ศ. 2535, มงกุฎดอกส้ม ในปี พ.ศ. 2539 และมีผลงานเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ เช่น ท็อปเท็น ทางช่อง 9 และวิก 07 ทางช่อง 7 เป็นต้น ปัจจุบัน ได้เลิกราจากวงการบันเทิงโดยหันไปเป็นช่างแต่งทรงผมที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง ชีวิตส่วนตัว จบการศึกษาจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมีน้องชายคนหนึ่งที่เป็นนักร้องในสังกัดเอสพี ศุภมิตร คือ กิตติพันธ์ พุ่มสุโข
| ไกรวิทย์ พุ่มสุโข อดีตนักแสดง นักร้อง และพิธีกรชาวไทย มีชื่อเล่นเรียกว่าอะไร | {
"answer": [
"ต้อม"
],
"answer_begin_position": [
139
],
"answer_end_position": [
143
]
} |
1,527 | 366,962 | ไกรวิทย์ พุ่มสุโข ไกรวิทย์ พุ่มสุโข (ชื่อเล่น: ต้อม) อดีตนักแสดง, นักร้อง และพิธีกรชาวไทย เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2509 ที่กรุงเทพมหานคร เป็นลูกชายคนที่ 2 ในบรรดาพี่น้องทั้งหมดที่เป็นผู้ชาย 4 คน ของ นายโกมล และนางบรรลุ พุ่มสุโข ไกรวิทย์มีความชื่นชอบในดนตรีและการร้องเพลงมาตั้งแต่ยังเด็ก โดยมีนักร้องที่ชื่นชอบและถือเป็นแบบอย่างคือ นันทิดา แก้วบัวสาย โดยฝึกหัดเล่นดนตรีเมื่อเรียนอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 3 ต่อมาได้เข้าประกวดร้องเพลงกับทางสยามกลการ และเข้าประกวดร้องเพลงอีกกับทางคลื่นวิทยุ 98.5 FM จึงทำให้ได้รู้จักกับ ปาริชาติ บริสุทธิ์ นักแสดงผู้เป็นภริยาของเพิ่มพล เชยอรุณ อดีตผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง จึงถูกชักชวนให้เล่นละครโทรทัศน์ทางช่อง 3 ในบทตัวร้ายซึ่งเป็นตัวประกอบ ต่อมาได้ออกอัลบั้มเพลงของตัวเองเมื่อต้นปี พ.ศ. 2531 ชื่อชุด มันอยู่ที่ใจ โดยที่ขณะนั้นยังมีสถานะเป็นพนักงานฝ่ายต่างประเทศของธนาคารกสิกรไทย สาขาสำนักงานใหญ่ อยู่ด้วย จากนั้นจึงได้มีผลงานภาพยนตร์และละครตามมาอีกหลายเรื่องในฐานะตัวประกอบ เช่น เทวดาตกสวรรค์ ในปี พ.ศ. 2532, รักในรอยแค้น ในปี พ.ศ. 2535, มงกุฎดอกส้ม ในปี พ.ศ. 2539 และมีผลงานเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ เช่น ท็อปเท็น ทางช่อง 9 และวิก 07 ทางช่อง 7 เป็นต้น ปัจจุบัน ได้เลิกราจากวงการบันเทิงโดยหันไปเป็นช่างแต่งทรงผมที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง ชีวิตส่วนตัว จบการศึกษาจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมีน้องชายคนหนึ่งที่เป็นนักร้องในสังกัดเอสพี ศุภมิตร คือ กิตติพันธ์ พุ่มสุโข
| ไกรวิทย์ พุ่มสุโข หรือชื่อเล่น ต้อม อดีตนักแสดง นักร้อง และพิธีกรชาวไทย เกิดเมื่อปี พ.ศ.ใด | {
"answer": [
"2509"
],
"answer_begin_position": [
199
],
"answer_end_position": [
203
]
} |
643 | 43,521 | ดอยคำ บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด ก่อตั้งเมื่อ วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2537 ดำเนินธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป ในรูปแบบธุรกิจเพื่อสังคม หรือ Social Business เพื่อสร้างตลาดรองรับผลิตผลทางการเกษตรและส่งเสริมเกษตรกรจากโครงการในพระราชดำริประวัติ ประวัติ. จากการเสด็จประพาสต้นภาคเหนือของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เมื่อ พ.ศ. 2512 ทรงทอดพระเนตรเห็นความทุกข์ยากลำบากของราษฎร และปัญหาการปลูกฝิ่น อันเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติและเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ จึงมีพระราชดำริให้จัดตั้งโครงการพระบรมราชานุเคราะห์ชาวเขาขึ้น เพื่อแก้ปัญหาการปลูกฝิ่น โดยโครงการส่งเสริมให้ปลูกพืชชนิดอื่นทดแทนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวไทยภูเขา ต่อมาในปี พ.ศ. 2537 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จัดตั้งนิติบุคคลชื่อ บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด (Doi Kham Food Products Co.,Ltd.) เพื่อความสะดวกในการดำเนินธุรกิจเชิงพาณิชย์ โดยรองรับผลผลิตของมูลนิธิโครงการหลวงและเกษตรกรในพื้นที่โดยรอบโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูป ทั้ง 3 แห่ง เพื่อผลิตสินค้าที่มีคุณภาพภายใต้ชื่อตราผลิตภัณฑ์ ดอยคำการดำเนินธุรกิจ การดำเนินธุรกิจ. บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด มีวัตถุประสงค์หลักตามกระแสพระราชดำริ การดำเนินกิจการจึงเน้นการตลาดเฉพาะผลิตภัณฑ์และผลผลิตที่ได้จากการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชนเผ่าที่อยู่อาศัยบนที่สูงเป็นอันดับแรก ปกติพื้นที่สูงมีอุณหภูมิเหมาะสมต่อการปลูกพืชเมืองหนาวโดยเฉพาะพืชประเภทผัก ผลไม้และดอกไม้เมืองหนาวโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูป. - โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 1 (ฝาง) ตั้งอยู่ที่บ้านยาง ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ จัดเป็นโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปแห่งแรกที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้ความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น ก่อตั้งขึ้นเมื่อราว พ.ศ. 2512 - โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 2 (แม่จัน) ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านป่าห้า ตำบลป่าซาง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ก่อตั้งขึ้นเมื่อราว พ.ศ. 2517 - โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 3 (เต่างอย) ตั้งอยู่ที่บ้านนางอย อำเภอเต่างอย จังหวัดสกลนคร ก่อตั้งเมื่อ วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2523สาขา สาขา. ปัจจุบันร้านดอยคำมีทั้งหมด 30 สาขา ได้แก่- สาขาราชเทวี (สำนักงานใหญ่) - สาขาฝาง จ.เชียงใหม่ - สาขาแม่จัน จ.เชียงราย - สาขาเต่างอย จ.สกลนคร - สาขามอเตอร์เวย์ขาเข้า - สาขามอเตอร์เวย์ขาออก - สาขาโรงพยาบาลศิริราช - สาขาพลัสมอลล์ ศรีนครินทร์ - สาขาเทสโก้ โลตัส พระราม 2 - สาขาพาราไดซ์ พาร์ค - สาขาการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย - สาขาเทสโก้ โลตัส ลำลูกกา คลอง 2 - สาขาเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์ตร้า บางนา - สาขาเอสซีบี ปาร์ค พลาซา - สาขาเพียวเพลส รามคำแหง - สาขาอาคารฟิฟตี้ฟิฟธ์ ทองหล่อ - สาขาเทสโก้ โลตัส หางดง จ.เชียงใหม่ - สาขาเทสโก้ โลตัส จรัญสนิทวงศ์ - สาขาเทสโก้ โลตัส รังสิต - สาขาเดอะวอล์ค เกษตร-นวมินทร์ - สาขาโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ (อาคาร สธ.) - สาขาโรงพยาบาลรามาธิบดี - สาขาเทสโก้ โลตัส บางกะปิ - สาขาทำเนียบรัฐบาล - สาขาศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ (อาคารรัฐประศาสน์ภักดี) - สาขาเทเวศร์ (ถนนกรุงเกษม) - สาขาเทสโก้ โลตัส รังสิต-นครนายก คลอง 4 - สาขาเทสโก้ โลตัส หลักสี่ - สาขาสวนจิตรลดา (วิทยาลัยเทคโนโลยีจิตรลดา) - สาขาอาคารสินธร ถนนวิทยุ - สาขาโรบินสัน บางรัก
| บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด ดำเนินธุรกิจในด้านผลิตภัณฑ์ชนิดใดเป็นหลัก | {
"answer": [
"อาหารแปรรูป"
],
"answer_begin_position": [
182
],
"answer_end_position": [
193
]
} |
644 | 854,434 | พระเจ้าจูอี่ พระเจ้าจูอี่ () เป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 13 แห่งราชวงศ์ซางในประวัติศาสตร์จีน ทรงครองราชย์ระหว่าง 1445 - 1426 ปีก่อนคริสตกาล ปีรัชกาล 19 ปี เมื่อ 1426 ปีก่อนคริสตกาล พระองค์สวรรคต พระเจ้าจูซิน พระราชโอรสขึ้นสืบราชวงศ์
| พระเจ้าจูอี่เป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์ซางของจีน รัชกาลที่เท่าไร | {
"answer": [
"รัชกาลที่ 13 แห่งราชวงศ์ซาง"
],
"answer_begin_position": [
128
],
"answer_end_position": [
155
]
} |
645 | 854,434 | พระเจ้าจูอี่ พระเจ้าจูอี่ () เป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 13 แห่งราชวงศ์ซางในประวัติศาสตร์จีน ทรงครองราชย์ระหว่าง 1445 - 1426 ปีก่อนคริสตกาล ปีรัชกาล 19 ปี เมื่อ 1426 ปีก่อนคริสตกาล พระองค์สวรรคต พระเจ้าจูซิน พระราชโอรสขึ้นสืบราชวงศ์
| พระเจ้าจูอี่เป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 13 แห่งราชวงศ์ซางในประวัติศาสตร์จีน พระราชโอรสที่สืบทอดราชวงศ์แทนคือใคร | {
"answer": [
"พระเจ้าจูซิน"
],
"answer_begin_position": [
276
],
"answer_end_position": [
288
]
} |
646 | 151,149 | ทับ จำเกาะ ทับ จำเกาะ เป็นนักมวยไทยฝีมือดีจากจังหวัดนครราชสีมา ถูกส่งตัวเข้ามาชกในกรุงเทพฯในยุคสนามมวยสวนกุหลาบเมื่อ พ.ศ. 2464 เพื่อเก็บเงินซื้อปืนให้กองเสือป่า การเดินทางเข้ามาชกมวยของนายทับครั้งนั้นได้สร้างชื่อเสียงเป็นที่กล่าวขวัญในวงการมวยยุคนั้นว่า "หมัดนายจีน ตีนนายทับ" เมื่อเข้ามาชกมวยในกรุงเทพฯ กรมหลวงชุมพรฯรับอุปการะให้เข้าพักในวังเปรมประชากร นายทับขึ้นชกครั้งแรกกับนักมวยจากจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งปรากฏว่านายทับเตะเป็นชุด จนนักมวยจากมหาสารคามลุกไม่ขึ้น ยอมแพ้แค่ยกแรก จากชัยชนะในครั้งแรก ฝ่ายผู้จัดการแข่งขันได้คัดเลือกนักมวยขึ้นสู้กับนายทับ ครั้งแรก ม.ร.ว. มานพฯ เสนอบังสะเล็บ ศรไขว้ แต่นายทับไม่สู้ ดังนั้นจึงประกบคู่ให้นายทับพบกับประสิทธิ์ บุณยารมณ์ ครูพลศึกษาซึ่งนายทับตอบตกลง ต่อมาเมื่อนายทับรู้ภายหลังว่าได้คู่กับนายประสิทธิ์ซึ่งเป็นมวยนักเรียนพลศึกษา และมีชื่อในทางชนะนักมวยหัวเมืองด้วยอิทธิพล นายทับถอดใจไม่ยอมซ้อมจนกรมหลวงชุมพรรับสั่งให้หา เมื่อทราบว่านายทับกลัวอิทธิพลจึงปลอบใจให้สู้และเชิญหลวงพ่อศุข วัดมะขามเฒ่ามาประกอบพิธีแต่งตัวให้นายทับเพื่อให้เกิดขวัญกำลังใจ หลังจากนั้นขวัญกำลังใจของนายทับจึงดีขึ้น ซ้อมมวยได้ตามปกติ เมื่อถึงวันชกที่สนามมวยสวนกุหลาบ โดยมีพระยานนทิเสนสุรภักดี แม่กองเสือป่า เป็นคนนำเป่าปี่บรรเลง การแข่งขันปรากฏว่านายทับใช้ชั้นเชิงในจังหวะที่ประสิทธิ์ต่อยพลาด เข้าเตะประสิทธิ์เป็นชุดแบบเดียวกับที่ใช้ในการชกครั้งแรก จนนายประสิทธิ์หมดสติ ถูกจับแพ้ไป หลังจากการชกในครั้งนั้น มีผู้เสนอนักมวยที่จะเป็นคู่ชกรายต่อไปของนายทับหลายคน เช่น สุวรรณ นิวาสะวัต อินทร์ ศักดิ์เดช แต่ในระหว่างที่รอคู่ชกอยู่ นายทับมีความจำเป็นต้องกลับภูมิลำเนา กรมหลวงชุมพรทรงอนุญาตให้กลับได้ นายทับยังคงชกมวยตามหัวเมืองต่อมา แต่ไม่ได้เข้ามาชกมวยในกรุงเทพฯอีกเลย อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของนายทับ ยังเป็นที่จดจำของชาวกรุงเทพฯ เมื่อครั้งที่ อภิเดช ศิษย์หิรัญโด่งดัง ยังมีผู้ตั้งฉายาให้เขาว่าทับ จำเกาะคนใหม่ แม้ว่าเวลาจะห่างกันถึง 40 ปีก็ตาม
| ทับ จำเกาะ เป็นนักมวยไทยฝีมือดีจากจังหวัด | {
"answer": [
"จังหวัดนครราชสีมา"
],
"answer_begin_position": [
130
],
"answer_end_position": [
147
]
} |
647 | 151,149 | ทับ จำเกาะ ทับ จำเกาะ เป็นนักมวยไทยฝีมือดีจากจังหวัดนครราชสีมา ถูกส่งตัวเข้ามาชกในกรุงเทพฯในยุคสนามมวยสวนกุหลาบเมื่อ พ.ศ. 2464 เพื่อเก็บเงินซื้อปืนให้กองเสือป่า การเดินทางเข้ามาชกมวยของนายทับครั้งนั้นได้สร้างชื่อเสียงเป็นที่กล่าวขวัญในวงการมวยยุคนั้นว่า "หมัดนายจีน ตีนนายทับ" เมื่อเข้ามาชกมวยในกรุงเทพฯ กรมหลวงชุมพรฯรับอุปการะให้เข้าพักในวังเปรมประชากร นายทับขึ้นชกครั้งแรกกับนักมวยจากจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งปรากฏว่านายทับเตะเป็นชุด จนนักมวยจากมหาสารคามลุกไม่ขึ้น ยอมแพ้แค่ยกแรก จากชัยชนะในครั้งแรก ฝ่ายผู้จัดการแข่งขันได้คัดเลือกนักมวยขึ้นสู้กับนายทับ ครั้งแรก ม.ร.ว. มานพฯ เสนอบังสะเล็บ ศรไขว้ แต่นายทับไม่สู้ ดังนั้นจึงประกบคู่ให้นายทับพบกับประสิทธิ์ บุณยารมณ์ ครูพลศึกษาซึ่งนายทับตอบตกลง ต่อมาเมื่อนายทับรู้ภายหลังว่าได้คู่กับนายประสิทธิ์ซึ่งเป็นมวยนักเรียนพลศึกษา และมีชื่อในทางชนะนักมวยหัวเมืองด้วยอิทธิพล นายทับถอดใจไม่ยอมซ้อมจนกรมหลวงชุมพรรับสั่งให้หา เมื่อทราบว่านายทับกลัวอิทธิพลจึงปลอบใจให้สู้และเชิญหลวงพ่อศุข วัดมะขามเฒ่ามาประกอบพิธีแต่งตัวให้นายทับเพื่อให้เกิดขวัญกำลังใจ หลังจากนั้นขวัญกำลังใจของนายทับจึงดีขึ้น ซ้อมมวยได้ตามปกติ เมื่อถึงวันชกที่สนามมวยสวนกุหลาบ โดยมีพระยานนทิเสนสุรภักดี แม่กองเสือป่า เป็นคนนำเป่าปี่บรรเลง การแข่งขันปรากฏว่านายทับใช้ชั้นเชิงในจังหวะที่ประสิทธิ์ต่อยพลาด เข้าเตะประสิทธิ์เป็นชุดแบบเดียวกับที่ใช้ในการชกครั้งแรก จนนายประสิทธิ์หมดสติ ถูกจับแพ้ไป หลังจากการชกในครั้งนั้น มีผู้เสนอนักมวยที่จะเป็นคู่ชกรายต่อไปของนายทับหลายคน เช่น สุวรรณ นิวาสะวัต อินทร์ ศักดิ์เดช แต่ในระหว่างที่รอคู่ชกอยู่ นายทับมีความจำเป็นต้องกลับภูมิลำเนา กรมหลวงชุมพรทรงอนุญาตให้กลับได้ นายทับยังคงชกมวยตามหัวเมืองต่อมา แต่ไม่ได้เข้ามาชกมวยในกรุงเทพฯอีกเลย อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของนายทับ ยังเป็นที่จดจำของชาวกรุงเทพฯ เมื่อครั้งที่ อภิเดช ศิษย์หิรัญโด่งดัง ยังมีผู้ตั้งฉายาให้เขาว่าทับ จำเกาะคนใหม่ แม้ว่าเวลาจะห่างกันถึง 40 ปีก็ตาม
| นายทับขึ้นชกครั้งแรกกับนักมวยจากจังหวัดใด | {
"answer": [
"จังหวัดมหาสารคาม"
],
"answer_begin_position": [
471
],
"answer_end_position": [
487
]
} |
648 | 910,687 | อาร์ชดยุกเลโอปอลด์ ฟรันซ์แห่งออสเตรีย อาร์ชดยุกเลโอปอลด์ ฟรันซ์แห่งออสเตรีย ()พระประวัติ พระประวัติ. อาร์ชดยุกเลโอปอลด์ ฟรันซ์แห่งออสเตรีย ประสูติเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2485 เป็นพระโอรสที่ 3 และพระองค์เดียวใน อาร์ชดยุกกอทท์ฟรีดแห่งออสเตรีย กับ อาร์ชดัชเชสโดโรเธียแห่งออสเตรีย โดยพระองค์ทรงเป็น แกรนด์ดยุกแห่งทัสคานี ตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2527 - 18 มิถุนายน พ.ศ. 2536เสกสมรส เสกสมรส. อาร์ชดยุกเลโอปอลด์ ฟรันซ์แห่งออสเตรีย ทรงเสกสมรสครั้งแรกกับ แลทิเทีย เด เอิร์นเบิร์ก เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2508 โดยนางสาวแลทีเทีย ได้รับพระราชทานพระอิสริยยศเป็น อาร์ชดัชเชสแลทีเทีย แกรนด์ดัชเชสแห่งทัสคานี โดยมีพระบุตรร่วมกัน 2 พระองค์ดังนี้1. อาร์ชดยุกซีกิสมุนด์ แกรนด์ดยุกแห่งทัสคานี 2. อาร์ชดยุกกอตทัม ทั้ง 2 ทรงหย่ากันเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2524 โดยแลทิเทียต้องสละพระอิสริยศและกลับไปเป็นสามัญชนตามเดิมทุกประการ ต่อมา อาร์ชดยุกเลโอปอลด์ ฟรันซ์แห่งออสเตรีย ได้เสกสมรสกับพระชายาคนที่ 2 คือ นางสาวมาร์ธา วอลดี เมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2536 โดยการเสกสมรสดังกล่าวทำให้พระองค์ค้องสละพระอิสริยยศ แกรนด์ดยุกแห่งทัสคานี และกลับไปใช้พระอิสริยศ อาร์ชดยุกแห่งออสเตรีย ตามเดิม โดยนางสาวมาร์ธาได้รับการสถาปนาเป็น อาร์ชดัชเชสมาร์ธาแห่งออสเตรีย ในขณะที่พระอิสริยยศแกรนด์ดยุกแห่งทัสคานีตกไปเป็นของพระโอรสพระองค์ใหญ่ของพระองค์ คือ อาร์ชดยุกซีกิสมุนด์ แกรนด์ดยุกแห่งทัสคานี หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2541 พระองค์และพระชายาพระองค์ที่ 2 ก็หย่าขาดจากกัน มาร์ธากลับไปเป็นสามัญชนธรรมดาตามเดิม
| อาร์ชดยุกเลโอปอลด์ ฟรันซ์แห่งออสเตรีย ทรงเสกสมรสครั้งแรกกับใคร | {
"answer": [
"แลทิเทีย เด เอิร์นเบิร์ก"
],
"answer_begin_position": [
566
],
"answer_end_position": [
590
]
} |
1,584 | 910,687 | อาร์ชดยุกเลโอปอลด์ ฟรันซ์แห่งออสเตรีย อาร์ชดยุกเลโอปอลด์ ฟรันซ์แห่งออสเตรีย ()พระประวัติ พระประวัติ. อาร์ชดยุกเลโอปอลด์ ฟรันซ์แห่งออสเตรีย ประสูติเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2485 เป็นพระโอรสที่ 3 และพระองค์เดียวใน อาร์ชดยุกกอทท์ฟรีดแห่งออสเตรีย กับ อาร์ชดัชเชสโดโรเธียแห่งออสเตรีย โดยพระองค์ทรงเป็น แกรนด์ดยุกแห่งทัสคานี ตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2527 - 18 มิถุนายน พ.ศ. 2536เสกสมรส เสกสมรส. อาร์ชดยุกเลโอปอลด์ ฟรันซ์แห่งออสเตรีย ทรงเสกสมรสครั้งแรกกับ แลทิเทีย เด เอิร์นเบิร์ก เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2508 โดยนางสาวแลทีเทีย ได้รับพระราชทานพระอิสริยยศเป็น อาร์ชดัชเชสแลทีเทีย แกรนด์ดัชเชสแห่งทัสคานี โดยมีพระบุตรร่วมกัน 2 พระองค์ดังนี้1. อาร์ชดยุกซีกิสมุนด์ แกรนด์ดยุกแห่งทัสคานี 2. อาร์ชดยุกกอตทัม ทั้ง 2 ทรงหย่ากันเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2524 โดยแลทิเทียต้องสละพระอิสริยศและกลับไปเป็นสามัญชนตามเดิมทุกประการ ต่อมา อาร์ชดยุกเลโอปอลด์ ฟรันซ์แห่งออสเตรีย ได้เสกสมรสกับพระชายาคนที่ 2 คือ นางสาวมาร์ธา วอลดี เมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2536 โดยการเสกสมรสดังกล่าวทำให้พระองค์ค้องสละพระอิสริยยศ แกรนด์ดยุกแห่งทัสคานี และกลับไปใช้พระอิสริยศ อาร์ชดยุกแห่งออสเตรีย ตามเดิม โดยนางสาวมาร์ธาได้รับการสถาปนาเป็น อาร์ชดัชเชสมาร์ธาแห่งออสเตรีย ในขณะที่พระอิสริยยศแกรนด์ดยุกแห่งทัสคานีตกไปเป็นของพระโอรสพระองค์ใหญ่ของพระองค์ คือ อาร์ชดยุกซีกิสมุนด์ แกรนด์ดยุกแห่งทัสคานี หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2541 พระองค์และพระชายาพระองค์ที่ 2 ก็หย่าขาดจากกัน มาร์ธากลับไปเป็นสามัญชนธรรมดาตามเดิม
| อาร์ชดยุกเลโอปอลด์ ฟรันซ์แห่งออสเตรีย ประสูติเมื่อวันที่เท่าไร | {
"answer": [
"25"
],
"answer_begin_position": [
270
],
"answer_end_position": [
272
]
} |
649 | 707,744 | เป็กกา ปืกเกอ เป็กกา ปืกเกอ () เกิดเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2483 เป็นศาสตราจารย์ชาวฟินแลนด์ด้านเคมีในมหาวิทยาลัยเฮลซิงกิ ในช่วง พ.ศ. 2552 – พ.ศ. 2555 เขาเป็นประธานของโรงเรียนนานาชาติวิทยาศาสตร์โมเลกุลควอนตัม เขาเป็นที่รู้จักในเรื่องของตารางธาตุขยายของเขา ซึ่งเรียกกันว่าแบบจำลองของปืกเกอ นอกจากนี้เขายังสามารถทำนายความเป็นไปได้ของการทำพันธะของทองคำและซีนอน ซึ่งมีความเฉื่อยสูงมาก พันธะที่เกิดขึ้นนี้เรียกว่าเตตระซีนอนโอโกลด์(II) (Tetraxenonogold(II))อ้้างอิง
| เป็กกา ปืกเกอ เป็นศาสตราจารย์ชาวฟินแลนด์ด้านเคมีสอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยอะไร | {
"answer": [
"มหาวิทยาลัยเฮลซิงกิ"
],
"answer_begin_position": [
191
],
"answer_end_position": [
210
]
} |
1,561 | 707,744 | เป็กกา ปืกเกอ เป็กกา ปืกเกอ () เกิดเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2483 เป็นศาสตราจารย์ชาวฟินแลนด์ด้านเคมีในมหาวิทยาลัยเฮลซิงกิ ในช่วง พ.ศ. 2552 – พ.ศ. 2555 เขาเป็นประธานของโรงเรียนนานาชาติวิทยาศาสตร์โมเลกุลควอนตัม เขาเป็นที่รู้จักในเรื่องของตารางธาตุขยายของเขา ซึ่งเรียกกันว่าแบบจำลองของปืกเกอ นอกจากนี้เขายังสามารถทำนายความเป็นไปได้ของการทำพันธะของทองคำและซีนอน ซึ่งมีความเฉื่อยสูงมาก พันธะที่เกิดขึ้นนี้เรียกว่าเตตระซีนอนโอโกลด์(II) (Tetraxenonogold(II))อ้้างอิง
| เป็กกา ปืกเกอ ศาสตราจารย์ชาวฟินแลนด์ด้านเคมี เกิดเมื่อวันที่เท่าไร | {
"answer": [
"12"
],
"answer_begin_position": [
135
],
"answer_end_position": [
137
]
} |
650 | 499,909 | วัน อยู่บำรุง วัน อยู่บำรุง ชื่อเดิม วันเฉลิม อยู่บำรุง เกิดวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2517 เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม โดยได้รับการแต่งตั้ง ณ วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 วันเป็นบุตรชายของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ซึ่งเคยได้รับการกล่าวถึงผ่านสื่อบ่อยครั้งประวัติ ประวัติ. สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และเคยเป็นประธานรุ่นของโรงเรียน จากนั้นได้ศึกษาต่อที่คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพเป็นระยะเวลา 2 ปี เมื่อขึ้นปี 3 จึงได้ย้ายไปเรียนต่อที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และสำเร็จการศึกษาโดยใช้เวลา 3 ปี รวมถึงเป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ส่วนผลงานด้านการเมือง ได้แก่การแก้ปัญหาจากการเรียกเก็บค่าคุ้มครองที่เกิดขึ้นในวินมอเตอร์ไซค์เถื่อน มีส่วนร่วมในกิจกรรมของกระทรวงสาธารณสุขโดยเป็นแฮปปี้ทอยเลตคนแรกของประเทศไทย และมีส่วนร่วมในกิจกรรมของแอร์พอร์ตลิงก์ โดยเป็นมิสเตอร์แอร์พอร์ตลิงก์คนแรกของประเทศไทย รวมทั้งเป็นผู้จัดการแข่งขันมวยนัดพิเศษร่วมกับเมืองชัย กิตติเกษม ผู้เป็นอดีตแชมป์โลก เพื่อนำรายได้ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในประเทศไทย พ.ศ. 2554ชีวิตส่วนตัว ชีวิตส่วนตัว. ด้านชีวิตส่วนตัว วัน อยู่บำรุง มีบุตรชายกับภรรยาคนก่อน ชื่ออาชวิน อยู่บำรุง ส่วนบุตรชายคนที่สองชื่อ นโม และลูกสาวคนสุดท้องชื่อ ลดาเครื่องราชอิสริยาภรณ์
| วัน อยู่บำรุง มีชื่อเดิมว่าอะไร | {
"answer": [
"วันเฉลิม อยู่บำรุง"
],
"answer_begin_position": [
125
],
"answer_end_position": [
143
]
} |
651 | 499,909 | วัน อยู่บำรุง วัน อยู่บำรุง ชื่อเดิม วันเฉลิม อยู่บำรุง เกิดวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2517 เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม โดยได้รับการแต่งตั้ง ณ วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 วันเป็นบุตรชายของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ซึ่งเคยได้รับการกล่าวถึงผ่านสื่อบ่อยครั้งประวัติ ประวัติ. สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และเคยเป็นประธานรุ่นของโรงเรียน จากนั้นได้ศึกษาต่อที่คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพเป็นระยะเวลา 2 ปี เมื่อขึ้นปี 3 จึงได้ย้ายไปเรียนต่อที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และสำเร็จการศึกษาโดยใช้เวลา 3 ปี รวมถึงเป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ส่วนผลงานด้านการเมือง ได้แก่การแก้ปัญหาจากการเรียกเก็บค่าคุ้มครองที่เกิดขึ้นในวินมอเตอร์ไซค์เถื่อน มีส่วนร่วมในกิจกรรมของกระทรวงสาธารณสุขโดยเป็นแฮปปี้ทอยเลตคนแรกของประเทศไทย และมีส่วนร่วมในกิจกรรมของแอร์พอร์ตลิงก์ โดยเป็นมิสเตอร์แอร์พอร์ตลิงก์คนแรกของประเทศไทย รวมทั้งเป็นผู้จัดการแข่งขันมวยนัดพิเศษร่วมกับเมืองชัย กิตติเกษม ผู้เป็นอดีตแชมป์โลก เพื่อนำรายได้ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในประเทศไทย พ.ศ. 2554ชีวิตส่วนตัว ชีวิตส่วนตัว. ด้านชีวิตส่วนตัว วัน อยู่บำรุง มีบุตรชายกับภรรยาคนก่อน ชื่ออาชวิน อยู่บำรุง ส่วนบุตรชายคนที่สองชื่อ นโม และลูกสาวคนสุดท้องชื่อ ลดาเครื่องราชอิสริยาภรณ์
| วัน อยู่บำรุง มีบุตรชายกับภรรยาคนก่อน ชื่ออะไร | {
"answer": [
"อาชวิน อยู่บำรุง"
],
"answer_begin_position": [
1188
],
"answer_end_position": [
1204
]
} |
652 | 56,171 | ไมยราพ ไมยราพ เป็นตัวละครในเรื่องรามเกียรติ์ พญายักษ์เจ้าแห่งเมืองบาดาล กายสีม่วงอ่อน มงกุฏยอดกระหนก ปากขบ นัยน์ตาจระเข้ มีเวทมนตร์สะกดทัพ และเครื่องสรรพยาเป่ากล้องล่องหนเป็นอาวุธ ในต้นฉบับภาษาสันสกฤตชื่อว่า อหิรภัณ อหิรภณะ ไมยราพเป็นยักษ์ที่มีนิสัยดุร้ายเป็นอย่างมากประวัติ ประวัติ. ไมยราพเป็นโอรสท้าวมหายมยักษ์กษัตริย์เมืองบาดาลองค์ที่ 2 และนางจันทรประภาศรี มีพี่สาว 1 คน คือนาง พิรากวน ภายหลังเมื่อท้าวมหายมยักษ์สิ้นพระชนม์ ไมยราพได้ครองเมืองบาดาลสืบแทนเป็นกษัตริย์แห่งเมืองบาดาลองค์ที่ 3 ซึ่งก่อนตายมหายมยักษ์ ก็ได้สั่งเสียว่าอย่าไปยุ่งกับทศกัณฐ์ผู้มีศักดิ์เป็นลุง เพราะจะเป็นภัยต่อเมืองบาดาล ต่อมาไมยราพได้ไปเรียนวิชากับพระฤษีสุเมธ ที่เชิงป่าหิมพานต์จนมีวิชาเก่งกล้า รวมทั้งยังถอดหัวใจได้ จึงถอดดวงใจไว้ในแมลงภู่ แล้วนำไปซ่อนไว้ที่ยอดเขาตรีกูฏ ไมยราพได้พบมัจฉานุ ลูกของนางสุพรรณมัจฉากับหนุมานที่คลอดทิ้งไว้บนหาดทราย จึงเก็บมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม เมื่อทศกัณฐ์ได้มาเชิญให้ไมยราพไปช่วยรบ แม้นางจันทรประภาศรีพระมารดาจะห้ามปรามไว้ ไมยราพก็ไม่เชื่อฟัง และได้ไปสะกดทัพ และลักพาพระรามไปซ่อนไว้ที่เมืองบาดาล โดยใส่กรงเหล็กขังไว้ที่ดงตาลเพื่อรอต้มให้ตายพร้อมกับไวยวิกหลานชาย บุตรของนางพิรากวนที่ไมยราพกล่าวหาว่าเป็นกบฏ หนุมานจึงตามไปช่วยและได้พบกับมัจฉานุ ทั้งสองเกิดต่อสู้กันโดยไม่รู้ว่าเป็นพ่อลูก แต่ก็ทำอะไรกันไม่ได้จึงสอบถามความเป็นมาซึ่งกันและกัน ครั้นสอบถามและพิสูจน์กันด้วยลักษณะและการหาวเป็นดาวเป็นเดือนของหนุมาน มัจฉานุจึงยอมเชื่อ หนุมานจะให้มัจฉานุบอกที่ซ่อนพระราม แต่มัจฉานุยังกตัญญูต่อไมยราพ ก็ไม่ยอมบอกตามตรง แต่บอกใบ้ว่ามาทางใดก็ให้ไปทางนั้น หนุมานจึงมุดลงไปในสายบัวเหมือนกับที่ลงมาครั้งแรก และที่สุดหนุมานก็ฆ่าไมยราพตาย ไวยวิกบุตรของนางพิรากวนจึงได้เป็นกษัตริย์แห่งกรุงบาดาลองค์ที่ 4ข้อมูลเพิ่มเติมข้อมูลเพิ่มเติม. - โขนเรื่องรามเกียรติ์ ชุดมัยราพณ์สะกดทัพ ของกรมศิลปากร
| ไมยราพคือพญายักษ์เจ้าแห่งเมืองบาดาล เป็นตัวละครในเรื่องอะไร | {
"answer": [
"รามเกียรติ์"
],
"answer_begin_position": [
112
],
"answer_end_position": [
123
]
} |
653 | 56,171 | ไมยราพ ไมยราพ เป็นตัวละครในเรื่องรามเกียรติ์ พญายักษ์เจ้าแห่งเมืองบาดาล กายสีม่วงอ่อน มงกุฏยอดกระหนก ปากขบ นัยน์ตาจระเข้ มีเวทมนตร์สะกดทัพ และเครื่องสรรพยาเป่ากล้องล่องหนเป็นอาวุธ ในต้นฉบับภาษาสันสกฤตชื่อว่า อหิรภัณ อหิรภณะ ไมยราพเป็นยักษ์ที่มีนิสัยดุร้ายเป็นอย่างมากประวัติ ประวัติ. ไมยราพเป็นโอรสท้าวมหายมยักษ์กษัตริย์เมืองบาดาลองค์ที่ 2 และนางจันทรประภาศรี มีพี่สาว 1 คน คือนาง พิรากวน ภายหลังเมื่อท้าวมหายมยักษ์สิ้นพระชนม์ ไมยราพได้ครองเมืองบาดาลสืบแทนเป็นกษัตริย์แห่งเมืองบาดาลองค์ที่ 3 ซึ่งก่อนตายมหายมยักษ์ ก็ได้สั่งเสียว่าอย่าไปยุ่งกับทศกัณฐ์ผู้มีศักดิ์เป็นลุง เพราะจะเป็นภัยต่อเมืองบาดาล ต่อมาไมยราพได้ไปเรียนวิชากับพระฤษีสุเมธ ที่เชิงป่าหิมพานต์จนมีวิชาเก่งกล้า รวมทั้งยังถอดหัวใจได้ จึงถอดดวงใจไว้ในแมลงภู่ แล้วนำไปซ่อนไว้ที่ยอดเขาตรีกูฏ ไมยราพได้พบมัจฉานุ ลูกของนางสุพรรณมัจฉากับหนุมานที่คลอดทิ้งไว้บนหาดทราย จึงเก็บมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม เมื่อทศกัณฐ์ได้มาเชิญให้ไมยราพไปช่วยรบ แม้นางจันทรประภาศรีพระมารดาจะห้ามปรามไว้ ไมยราพก็ไม่เชื่อฟัง และได้ไปสะกดทัพ และลักพาพระรามไปซ่อนไว้ที่เมืองบาดาล โดยใส่กรงเหล็กขังไว้ที่ดงตาลเพื่อรอต้มให้ตายพร้อมกับไวยวิกหลานชาย บุตรของนางพิรากวนที่ไมยราพกล่าวหาว่าเป็นกบฏ หนุมานจึงตามไปช่วยและได้พบกับมัจฉานุ ทั้งสองเกิดต่อสู้กันโดยไม่รู้ว่าเป็นพ่อลูก แต่ก็ทำอะไรกันไม่ได้จึงสอบถามความเป็นมาซึ่งกันและกัน ครั้นสอบถามและพิสูจน์กันด้วยลักษณะและการหาวเป็นดาวเป็นเดือนของหนุมาน มัจฉานุจึงยอมเชื่อ หนุมานจะให้มัจฉานุบอกที่ซ่อนพระราม แต่มัจฉานุยังกตัญญูต่อไมยราพ ก็ไม่ยอมบอกตามตรง แต่บอกใบ้ว่ามาทางใดก็ให้ไปทางนั้น หนุมานจึงมุดลงไปในสายบัวเหมือนกับที่ลงมาครั้งแรก และที่สุดหนุมานก็ฆ่าไมยราพตาย ไวยวิกบุตรของนางพิรากวนจึงได้เป็นกษัตริย์แห่งกรุงบาดาลองค์ที่ 4ข้อมูลเพิ่มเติมข้อมูลเพิ่มเติม. - โขนเรื่องรามเกียรติ์ ชุดมัยราพณ์สะกดทัพ ของกรมศิลปากร
| ไมยราพ เป็นตัวละครในเรื่องรามเกียรติ์ ซึ่งเป็นโอรสของใคร | {
"answer": [
"ท้าวมหายมยักษ์กษัตริย์เมืองบาดาลองค์ที่ 2"
],
"answer_begin_position": [
377
],
"answer_end_position": [
418
]
} |
654 | 5,272 | จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ (เดิมสะกดว่า ไชยภูมิ์) เป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของประเทศไทยภูมิศาสตร์ลักษณะภูมิประเทศ ภูมิศาสตร์. ลักษณะภูมิประเทศ. จังหวัดชัยภูมิ ตั้งอยู่บนสันขอบของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปจึงประกอบด้วยป่าไม้และภูเขาร้อยละ 50 ของพื้นที่จังหวัด นอกนั้นเป็นที่ราบสูง บริเวณตอนกลางของจังหวัดเป็นพื้นที่ราบ มีพื้นที่ป่าไม้และเทือกเขาตั้งเรียงรายจากทิศตะวันออกสู่ทิศตะวันตก ซึ่งจังหวัดชัยภูมิ สามารถแบ่งภูมิประเทศของจังหวัดออกได้เป็น 3 ลักษณะคือ- พื้นที่ราบในฝั่งแม่น้ำ มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 180 – 300 เมตร ได้แก่บริเวณพื้นที่ราบเรียบ ความลาดเอียงของพื้นที่อยู่ระหว่างร้อยละ0 - 2 ซึ่งมีพื้นที่ประมาณร้อยละ 13 ได้แก่พื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำชีในเขตอำเภอเมืองชัยภูมิ อำเภอคอนสวรรค์ อำเภอบ้านเขว้า อำเภอบำเหน็จณรงค์ อำเภอจัตุรัส อำเภอเนินสง่า บริเวณนี้จะเป็นที่ราบน้ำท่วมถึง - พื้นที่ลูกคลื่นลอนต่ำ อยู่ตอนกลางของพื้นที่จังหวัด เป็นแนวยาวตามทิศเหนือ-ใต้ ตามแนวเทือกเขาดงพญาเย็น มีความสูงประมาณ 300 – 500 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลางได้แก่ พื้นที่บางส่วนในเขตอำเภอเมืองชัยภูมิ อำเภอหนองบัวระเหว อำเภอบ้านเขว้า อำเภอแก้งคร้อ อำเภอเทพสถิต อำเภอบำเหน็จณรงค์ อำเภอเกษตรสมบูรณ์และอำเภอบ้านแท่น- พื้นที่สูงและภูเขา สภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ลอนลึกและภูเขา ในเขตเทือกเขาดงพญาเย็น มีความสูงตั้งแต่ 500 – มากกว่า 1,000 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ได้แก่ พื้นที่บางส่วนของอำเภอหนองบัวระเหว อำเภอเทพสถิต อำเภอคอนสาร อำเภอเกษตรสมบูรณ์ อำเภอหนองบัวแดง อำเภอภูเขียว อำเภอแก้งคร้อ อำเภอภักดีชุมพล อำเภอซับใหญ่ และพื้นที่ทางตอนเหนือของอำเภอเมืองชัยภูมิ จุดสูงสุดของจังหวัดชัยภูมิ คือ ภูเขาโป่งทองหลาง มีความสูง 1,336 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ในเขตพื้นที่อำเภอหนองบัวแดงเขื่อนที่สำคัญเขื่อนที่สำคัญ. - เขื่อนจุฬาภรณ์ - เขื่อนลำปะทาว - อ่างเก็บน้ำช่อระกา - อ่างเก็บน้ำบ้านเพชร - อ่างเก็บน้ำลำคันฉู - บึงละหานแหล่งน้ำที่สำคัญแหล่งน้ำที่สำคัญ. - แม่น้ำชี - ห้วยลำปะทาว - ลำน้ำพรม - ลำปะทาว - ลำคันฉูประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์. แต่เดิมเมืองชัยภูมิก่อนการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัยสันนิษฐานว่ามีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่สมัยทวารวดี โดยเมืองชัยภูมินั้นถือเป็นเส้นทางการเผยแพร่วัฒนธรรมทวารวดีจากภาคกลางเข้าสู่ภาคอีสาน ปรากฏหลักฐานจากใบเสมาบ้านกุดโง้งในอำเภอเมือง และใบเสมานครกาหลงที่อำเภอคอนสวรรค์ และมีกลุ่มประชาชนชาวมอญญัฮกุร ซึ่งเป็นมอญโบราณทวารวดีอาศัยอยู่ทางขอบสันเขาตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัด ในเวลาต่อมาเมื่ออิทธิพลทวารวดีเสื่อมลง อิทธิพลของขอมก็เข้ามาแทน ซึ่งมีลักษณะเดียวกันกับจังหวัดอื่น ๆ ของอีสานในเวลานั้น ปรากฏหลักฐาน เช่น ปรางค์กู่ในอำเภอเมือง และบ้านแท่น กู่แดงในอำเภอบ้านเขว้า เป็นต้น ส่วนในสมัยสุโขทัยนั้นสันนิษฐานว่าชัยภูมิน่าจะเป็นเมืองหนึ่งที่สุโขทัยครอบคลุมอีกด้วย สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี สันนิษฐานว่าบริเวณจังหวัดชัยภูมิมีประชากรลาวเข้ามาอาศัยอยู่ และมีการสร้างพระธาตุหนองสามหมื่น ซึ่งอยู่บริเวณตำบลบ้านแก้ง อำเภอภูเขียวปัจจุบัน โดยมีลักษณะแบบศิลปะล้านช้าง ล้านนา และอยุธยา โดยสร้างในสมัยพระไชยเชษฐาธิราชผู้ครองเมืองลาวในยุคนั้น ในเวลาต่อมาเมืองชัยภูมิปรากฏในทำเนียบแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชว่าเป็นเมืองขึ้นกับเมืองนครราชสีมา แต่ต่อมาผู้คนได้อพยพออกไปตั้งหลักแหล่งทำมาหากินที่อื่น ในสมัยธนบุรี พระเจ้าตากสินหรือพระเจ้ากรุงธนบุรียกทัพมาปราบก๊กเจ้าพิมาย ซึ่งมีกรมหมื่นเทพพิพิธเป็นหัวหน้าก๊ก ตั้งมั่นอยู่ที่เมืองพิมายและต่อมาได้ ยึดเมืองนครราชสีมาเป็นที่ตั้งมั่น เจ้าพิมายให้พระยาวรวงษาธิราชคุมทัพไปตั้งรับเพื่อตีสกัดทัพพระเจ้าตากสินที่ด่านขุนทดและถูกกองทัพ พระเจ้าตากสินตีจนแตกพ่ายในที่สุดในกรณีศึกครั้งนี้อาจารย์คำผู้นำหมู่บ้านสี่มุมได้นำชาวบ้านเข้าสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้าตากสินและขออาสาเป็น กองกำลังร่วมสู้รบในกองทัพหลวงด้วย พระเจ้าตากสินทรงยินดีรับไว้และให้เป็นกองกำลังเข้าตีด่านจอหอจนแตกพ่ายสามารถยึดเมืองพิมายและเมือง นครราชสีมาคืนมาได้ในครั้งเข้าตีด่านจอหอ กองกำลังของบ้าน สี่มุมโดยการนำของอาจารย์คำได้แสดงความสามารถในการรบอย่างกล้าหาญ เข้มแข็งเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าตากสินเป็นอย่างมาก เมื่อเสร็จการศึกสงครามจึงได้ปูนบำเหน็จความชอบให้อาจารย์คำเป็น “พระนรินทร์สงคราม” ยกฐานะบ้านสี่มุมขึ้นเป็น “เมืองสี่มุม” (ในเขตอำเภอจัตุรัส ในจังหวัดชัยภูมิปัจจุบัน) ให้ปกครองเมืองสี่มุมให้ขึ้นตรงต่อเมืองนครราชสีมา เมื่อก้าวเข้าสู่ยุคกรุงรัตนโกสินทร์ ในสมัยรัชกาลที่ 1 หมื่นอร่ามกำแหง หรือนายภูมีชาวเมืองนครไทยซึ่งเป็นคนเชื้อสายหลวงพระบาง ได้เข้ามาตั้งบ้านแปงเมืองในเขตพื้นที่บริเวณอำเภอคอนสารในปัจจุบัน และขึ้นตรงต่อกรุงเทพมหานคร ในสมัยรัชกาลที่ 2 ปี พ.ศ. 2352 ในเขตอำเภอภูเขียว และเกษตรสมบูรณ์ มีชุมชนลาวเวียงจันทน์อพยพ คือหลวงไกรสิงหนาท ขึ้นตรงต่อกรุงเทพมหานคร และเมื่อปี พ.ศ. 2360 "นายแล" ข้าราชการสำนักเจ้าอนุวงศ์เมืองเวียงจันทน์ได้อพยพครอบครัวและบริวารเดินทางข้ามลำน้ำโขงมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บ้านหนองน้ำขุ่น (หนองอีจาน) ซึ่งอยู่ในบริเวณท้องที่อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมาในปัจจุบัน ต่อมาในปี พ.ศ. 2362 เมื่อมีคนอพยพเข้ามาอยู่มาก นายแลก็ได้ย้ายชุมชนมาตั้งใหม่ที่บ้านโนนน้ำอ้อม บ้านชีลอง ห่างจากตัวเมืองชัยภูมิ 6 กิโลเมตร นายแลได้เก็บส่วยผ้าขาวส่งไปบรรณาการเจ้าอนุวงศ์จนได้รับบำเหน็จความชอบแต่งตั้งเป็น "ขุนภักดีชุมพล" ในปี พ.ศ. 2365 นายแลได้ย้ายชุมชนอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากที่เดิมกันดารน้ำ มาตั้งใหม่ที่บริเวณบ้านหลวงซึ่งตั้งอยู่ระหว่างหนองปลาเฒ่ากับหนองหลอด (เขตอำเภอเมืองชัยภูมิปัจจุบัน) และได้หันมาขึ้นตรงต่อเมืองนครราชสีมา และส่งส่วยทองคำถวายแด่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่ยอมขึ้นต่อเจ้าอนุวงศ์อีกต่อไป พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้ายกบ้านหลวงขึ้นเป็น เมืองชัยภูมิ และแต่งตั้งขุนภักดีชุมพล (แล) เป็น "พระยาภักดีชุมพล" เจ้าเมืองคนแรก ต่อมาเจ้าอนุวงศ์ได้ก่อการกบฏ ยกทัพเข้ามาหมายจะตีกรุงเทพมหานคร โดยหลอกหัวเมืองต่าง ๆ ที่เดินทัพมาว่าจะมาช่วยกรุงเทพมหานครรบกับอังกฤษ จนกระทั่งเจ้าอนุวงศ์สามารถยึดเมืองนครราชสีมาได้เมื่อปี พ.ศ. 2369 ซึ่งตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้นต่อมาเมื่อความแตก เจ้าอนุวงศ์ได้กวาดต้อนชาวเมืองนครราชสีมาเพื่อนำไปยังเมืองเวียงจันทน์ เมื่อไปถึงทุ่งสัมฤทธิ์ หญิงชายชาวเมืองที่ถูกจับโดยการนำของคุณหญิงโม ภรรยาเจ้าเมืองนครราชสีมา ได้ลุกฮือขึ้นต่อสู้ พระยาภักดีชุมพล (แล) เจ้าเมืองชัยภูมิ พร้อมด้วยเจ้าเมืองใกล้เคียงได้ยกทัพออกไปสมทบกับคุณหญิงโม ตีกระหนาบทัพเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์จนแตกพ่ายไป ฝ่ายกองทัพลาวส่วนหนึ่งล่าถอยจากเมืองนครราชสีมาเข้ายึดเมืองชัยภูมิไว้และเกลี้ยกล่อมให้พระยาภักดีชุมพลเข้าร่วมเป็นกบฏด้วย แต่พระยาภักดีชุมพลไม่ยอม เจ้าอนุวงศ์เกิดความแค้นจึงจับตัวพระยาภักดีชุมพลมาประหารชีวิตที่บริเวณใต้ต้นมะขามใหญ่ริมหนองปลาเฒ่า ซึ่งต่อมาชาวชัยภูมิได้ระลึกถึงคุณความดีที่ท่านมีความซื่อสัตย์และเสียสละต่อแผ่นดิน จึงได้พร้อมใจกันสร้างศาลขึ้น ณ บริเวณนั้น ปัจจุบันทางราชการได้สร้างศาลขึ้นใหม่เป็นศาลาทรงไทยชื่อว่า "ศาลาพระยาภักดีชุมพล (แล)" มีรูปหล่อของท่านอยู่ภายใน เป็นที่เคารพกราบไหว้และถือเป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งของจังหวัด ตั้งอยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดชัยภูมิประมาณ 3 กิโลเมตร เมื่อการปกครองเปลี่ยนแปลงหัวเมืองชั้นนอกมาเป็นมณฑลจังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ได้เกิดการผนวกเมืองต่าง ๆ เข้าเป็นอำเภอส่วนหนึ่งของจังหวัดชัยภูมิ ได้แก่ เมืองสี่มุมของพระยานรินทรสงคราม ปัจจุบัน คืออำเภอจัตุรัส บำเหน็จณรงค์ เทพสถิต ซับใหญ่ หนองบัวระเหว เนินสง่า เมืองภูเขียว-เกษตรสมบูรณ์ของพระไกรสิหนาท ปัจจุบันคือ อำเภอภูเขียว เกษตรสมบูรณ์ บ้านแท่น แก้งคร้อ หนองบัวแดง ภักดีชุมพล ส่วนเมืองคอนสารของหมื่นอร่ามกำแหง ปัจจุบันคืออำเภอคอนสาร ซึ่งเคยเป็นตำบลหนึ่งของอำเภอภูเขียว และเมืองชัยภูมิของพระยาภักดีชุมพล ปัจจุบันคืออำเภอเมือง อำเภอบ้านเขว้า อำเภอคอนสวรรค์ โดยทั้งหมดในปัจจุบันรวมกันเป็นจังหวัดชัยภูมิประวัติ ประวัติ. สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ยังไม่มีการจัดตั้งจังหวัดชัยภูมิขึ้นเป็นทางการ บริเวณจังหวัดชัยภูมิประกอบไปด้วยเมืองใหญ่ 3 เมือง คือ เมืองชัยภูมิ, เมืองภูเขียว และเมืองสี่มุม (จัตุรัส) ในปี พ.ศ. 2440 ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองราชอาณาจักร โดยการจัดตั้งมณฑลเทศาภิบาล ให้อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของกระทรวงมหาดไทยหน่วยงานเดียว เมืองในจังหวัดชัยภูมิ จึงเข้าอยู่ในมณฑลนครราชสีมา ต่อมาในสมัยหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองปี พ.ศ. 2475 มีการเปลี่ยนแปลงรูปการปกครองประเทศครั้งใหญ่ จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชเป็นระบอบประชาธิปไตย โดยพระราชบัญญัติระเบียบราชการบริหารแห่งราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. 2476 ได้ยกเลิกเขตการปกครองแบบ “เมือง” ทั่วราชอาณาจักร แล้วตั้งขึ้นเป็น “จังหวัด” แทน เมืองชัยภูมิ, เมืองภูเขียว และเมืองสี่มุม (จัตุรัส) จึงรวมกันกลายเป็นจังหวัดชัยภูมิ โดยใช้บริเวณเมืองชัยภูมิจัดตั้งเป็นอำเภอเมืองชัยภูมิยกฐานะเป็นศูนย์กลางของจังหวัด เมืองชัยภูมิยุบเป็นอำเภอเมืองชัยภูมิก่อนที่จะแยกออกเป็นอำเภอคอนสวรรค์ และอำเภอบ้านเขว้า เมืองภูเขียวยุบเป็นอำเภอภูเขียว ก่อนที่จะแยกออกเป็นอำเภอเกษตรสมบูรณ์, อำเภอคอนสาร, อำเภอแก้งคร้อ, อำเภอบ้านแท่น, อำเภอหนองบัวแดง และอำเภอภักดีชุมพล เมืองสี่มุมยุบเป็นอำเภอจัตุรัส ก่อนที่จะแยกออกเป็นอำเภอบำเหน็จณรงค์, อำเภอเทพสถิต, อำเภอหนองบัวระเหว, อำเภอเนินสง่า และอำเภอซับใหญ่ ชัยภูมิมีเขตติดต่อกับจังหวัดเพื่อนบ้านหลายจังหวัด ได้แก่ ทิศเหนือ ติดกับเพชรบูรณ์และขอนแก่น ทิศตะวันออกติดกับขอนแก่นและนครราชสีมา ทิศตะวันตกติดกับเพชรบูรณ์และจังหวัดลพบุรี และทิศใต้ติดกับจังหวัดนครราชสีมา จังหวัดชัยภูมิในด้านภูมิศาสตร์อยู่ในเขตอีสานตะวันตกร่วมกับเลยและนครราชสีมา ในด้านอุตุนิยมวิทยาอยู่ในเขตอีสานตอนบน และในด้านการปกครองอยู่ในเขตอีสานตอนใต้ผู้ว่าราชการจังหวัดหน่วยการปกครองการปกครองส่วนภูมิภาค หน่วยการปกครอง. การปกครองส่วนภูมิภาค. การปกครองแบ่งออกเป็น 16 อำเภอ 124 ตำบล 1393 หมู่บ้าน1. อำเภอเมืองชัยภูมิ 2. อำเภอบ้านเขว้า 3. อำเภอคอนสวรรค์ 4. อำเภอเกษตรสมบูรณ์ 5. อำเภอหนองบัวแดง 6. อำเภอจัตุรัส 7. อำเภอบำเหน็จณรงค์ 8. อำเภอหนองบัวระเหว 9. อำเภอเทพสถิต 10. อำเภอภูเขียว 11. อำเภอบ้านแท่น 12. อำเภอแก้งคร้อ 13. อำเภอคอนสาร 14. อำเภอภักดีชุมพล 15. อำเภอเนินสง่า 16. อำเภอซับใหญ่การปกครองส่วนท้องถิ่น การปกครองส่วนท้องถิ่น. แบ่งออกเป็น 1 องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 เทศบาลเมือง 34 เทศบาลตำบล และ 107 องค์การบริหารส่วนตำบล โดยมีรายชื่อเทศบาลดังนี้ อำเภอชัยภูมิ- เทศบาลเมืองชัยภูมิ - เทศบาลตำบลบ้านค่ายหมื่นแผ้ว - เทศบาลตำบลลาดใหญ่ - เทศบาลตำบลชีลอง - เทศบาลตำบลโคกสูง อำเภอเกษตรสมบูรณ์- เทศบาลตำบลเกษตรสมบูรณ์ - เทศบาลตำบลบ้านเป้า - เทศบาลตำบลบ้านเดื่อ อำเภอแก้งคร้อ- เทศบาลตำบลแก้งคร้อ - เทศบาลตำบลนาหนองทุ่ม - เทศบาลตำบลหนองสังข์ อำเภอคอนสวรรค์- เทศบาลตำบลคอนสวรรค์ อำเภอคอนสาร- เทศบาลตำบลคอนสาร - เทศบาลตำบลห้วยยาง - เทศบาลตำบลทุ่งลุยลาย อำเภอจัตุรัส- เทศบาลตำบลจัตุรัส - เทศบาลตำบลหนองบัวโคก - เทศบาลตำบลหนองบัวใหญ่ อำเภอเทพสถิต- เทศบาลตำบลเทพสถิต อำเภอบ้านเขว้า- เทศบาลตำบลบ้านเขว้า - เทศบาลตำบลทุ่งทอง - เทศบาลตำบลตลาดแร้ง - เทศบาลตำบลลุ่มลำชี อำเภอบ้านแท่น- เทศบาลตำบลบ้านแท่น - เทศบาลตำบลบ้านเต่า อำเภอบำเหน็จณรงค์- เทศบาลตำบลบ้านเพชร - เทศบาลตำบลบำเหน็จณรงค์ อำเภอภูเขียว- เทศบาลตำบลภูเขียว - เทศบาลตำบลบ้านเพชรภูเขียว - เทศบาลตำบลบ้านแก้ง - เทศบาลตำบลธาตุทอง อำเภอหนองบัวระเหว- เทศบาลตำบลหนองบัวระเหว - เทศบาลตำบลห้วยแย้ - เทศบาลตำบลโคกสะอาด อำเภอหนองบัวแดง- เทศบาลตำบลหนองบัวแดง - เทศบาลตำบลหลวงศิริเศรษฐกิจ เศรษฐกิจ. ในปี พ.ศ. 2558 จังหวัดชัยภูมิมีขนาดเศรษฐกิจหรือผลิตภัณฑ์มวลรวมในจังหวัด 53,278 ล้านบาท มีผลิตภัณฑ์มวลรวมเฉลี่ยต่อคนต่อปี 55,665 ต่อคนต่อปี อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ร้อยละ 2.9 และคาดว่าในปี พ.ศ. 2559 จังหวัดชัยภูมิจะมีผลิตภัณฑ์มวลรวมในจังหวัด 60,248 ล้านบาท หรือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมเฉลี่ยต่อคนต่อปี 63,079 บาทต่อคนต่อปี หรือมีอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจร้อยละ 13.1 (รายงานประมาณการเศรษฐกิจจังหวัดชัยภูมิ ฉบับที่ 3/2560) การจ้างงานมีจำนวนคนงานทั้งสิ้น 23,623 คน อำเภอที่มีการจ้างงานมากที่สุดคือ อำเภอจัตุรัส 7,801 คน รองลงมาคือ อำเภอเมืองชัยภูมิ 4,269 คน อำเภอแก้งคร้อ 3,704 คน อำเภอเกษตรสมบูรณ์ 2,274 คน อำเภอภูเขียว 1,557 คน ตามลำดับ ประเภทอุตสาหกรรมที่จ้างงานมากที่สุดคือ อุตสาหกรรมสิ่งทอ มีข้อมูลในทำเนียบโรงงานทั้งสิ้น 32 โรงงงาน มีการจ้างงานทั้งสิ้น 17,917 คน คิดเป็นร้อยละ 75.84 ของแรงงานทั้งหมด สำหรับแหล่งที่ตั้งสำคัญของโรงงานอุตสาหกรรม พิจารณาจากความหนาแน่นของโรงงาน ขนาดเงินลงทุน และจำนวนการจ้างงาน ได้แก่- อำเภอเมือง เป็นพื้นที่ที่มีโรงงานตั้งอยู่หนาแน่นมากเป็นอันดับ 1 และมีจำนวนการจ้างงานสูงเป็นอันดับ 2 ของจังหวัดชัยภูมิ - อำเภอจัตุรัส มีจำนวนโรงงานตั้งอยู่หนาแน่นเป็นอันดับ 2 มีจำนวนการจ้างแรงงานสูงเป็นอันดับ 1 ของจังหวัด และมีเงินทุนภาคอุตสาหกรรมสูงเป็นอันดับที่ 2 ของจังหวัดชัยภูมิ การจ้างแรงงานที่สูงเป็นอันดับ 1 ของจังหวัดเป็นการจ้างงานในประเภทอุตสาหกรรมสิ่งทอ - อำเภอแก้งคร้อ เป็นแหล่งที่ตั้งสำคัญของกลุ่มอุตสาหกรรมถักทอ การตัดเย็บเสื้อผ้า เป็นพื้นที่ที่มีการจ้างแรงงานสูงเป็นอันดับ 3 ของจังหวัดชัยภูมิ - อำเภอภูเขียว เป็นแหล่งที่ตั้งสำคัญของอุตสาหกรรมเกษตร (น้ำตาลทราย) ผลิตเอทานอล การผลิตกระแสไฟฟ้า และการผลิต PARTICLE BOARD มีเงินทุนภาคอุตสาหกรรมสูงเป็นอันดับที่ 1 ของจังหวัดชัยภูมิ - อำเภอบำเหน็จณรงค์และอำเภอหนองบัวระเหว เป็นแหล่งที่ตั้งสำคัญของอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลัง อำเภอบำเหน็จณรงค์ เป็นแหล่งที่ตั้งเหมืองโปแตชของโครงการอาเซียน ส่วนในพื้นที่ของอำเภอที่เหลือ คือ คอนสวรรค์ บ้านเขว้า เกษตรสมบูรณ์ หนองบัวแดง เทพสถิต บ้านแท่น คอนสาร ภักดีชุมพล เนินสง่า และอำเภอซับใหญ่ แม้สถานภาพปัจจุบันจะบ่งชี้ว่ามีธุรกรรมอุตสาหกรรมตั้งอยู่เบาบาง แต่มีหลายพื้นที่ที่มีศักยภาพในการส่งเสริมพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่ที่เข้มข้น เช่น การผลิตผลิตภัณฑ์ผ้าไหม สิ่งถักทอ ในอำเภอคอนสวรรค์ บ้านเขว้า เนินสง่า เทพสถิตการท่องเที่ยว การท่องเที่ยว. จังหวัดชัยภูมิมีจำนวนผู้มาเยี่ยมเยือนในปี พ.ศ. 2559 จำนวน 1,505,718 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ซึ่งมีจำนวนผู้มาเยี่ยมเยือน 1,418,833 คน รวมทั้งสิ้น 86,885 คน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.12 และมีรายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2559 จำนวน 1,639.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2558 ซึ่งมีรายได้จากการท่องเที่ยว 1,467.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 171.95 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 11.71 มีจำนวนห้องพัก 2,612 ห้อง จำนวนผู้เข้าพักแรม 744,179 คน มีอัตราการเข้าพักร้อยละ 54.44แหล่งท่องเที่ยวแหล่งท่องเที่ยว. - อนุสาวรีย์พระยาภักดีชุมพล อำเภอเมือง - ศาลเจ้าพ่อพระยาแล อำเภอเมือง - ศาลเจ้าพ่อหลวงบรรเทา (ศาลหลักเมืองจัตุรัส) อำเภอจัตุรัส - วัดศิริพงษาวาส (พระธาตุเจดีย์ศิริมหามงคล) - วัดสระหงษ์ อำเภอเมือง - น้ำตกตาดฟ้า - วัดศิลาอาสน์ อำเภอเมือง - พระปรางค์กู่ อำเภอเมือง - ใบเสมาบ้านกุดโง้ง อำเภอเมือง - น้ำตกผาเอียง - ประตูโขลง - วัดชัยภูมิพิทักษ์ (ผาเกิ้ง) อำเภอหนองบัวแดง - หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านเขว้า อำเภอบ้านเขว้า - หมู่บ้านท่องเที่ยวไหม นครชัยบุรินทร์ บ้านส้มป่อย อำเภอจัตุรัส - กู่แดง อำเภอบ้านเขว้า - วัดภูแฝด อำเภอเมือง - มอหินขาว อำเภอเกษตรสมบูรณ์ - ถ้ำแก้ว - จุดชมวิวเทือกเขาพังเหย อำเภอเทพสถิต - บึงแวง อำเภอคอนสวรรค์ - พระพุทธรูปใหญ่สมัยทวารวดี อำเภอคอนสวรรค์ - ศูนย์รวมไม้ดัดบ้านแข้ อำเภอภูเขียว - พระธาตุหนองสามหมื่น อำเภอภูเขียว - แหล่งทอผ้าขิตบ้านโนนเสลา อำเภอภูเขียว - เขื่อนจุฬาภรณ์ อำเภอคอนสาร - หาดน้ำพรม - เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว-ทุ่งกะมัง อำเภอภ - สถานีวิจัยเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าภูเขียว- น้ำตกเทพพนา - น้ำตกเทพประทาน - บึงละหาน อำเภอจัตุรัส - รอยเท้าและซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ อำเภอหนองบัวแดง - ศาลปู่ด้วง-ย่าดี อำเภอหนองบัวแดง - เขื่อนลำปะทาว อำเภอแก้งคร้อ - วัดชัยสามหมอ อำเภอแก้งคร้อ - พระแท่นบัลลังก์ อำเภอบ้านแท่น - พระง้าง อำเภอเนินสง่า - สวนรุกขชาติน้ำผุดทัพลาว อำเภอคอนสาร - ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ถ้ำแก้ว - พระพุทธบาทเกือกแก้วสี่รอยเขายายหอม - พระพุทธบาทเขาแก้วพิสดาร (เขาน้อย) - พระพุทธบาทวัดหลักศิลา - เขาพระบาท - วัดถ้ำฮวงโป อำเภอคอนสาร - วัดถ้ำพญาช้างเผือก อำเภอคอนสาร - สะพานสวนหมากบ้านนาเขิน อำเภอคอนสาร - ปรางค์กู่ อำเภอบ้านแท่น - ภูคิ้ง อำเภอเกษตรสมบูรณ์ - พระพุทธบาทสวนป่าโพธิธรรม - เมืองพระศรีอาริย์ - วัดปราสาทดิน อำเภอภักดีชุมพล - ป่าปรงพันปี อำเภอเกษตรสมบูรณ์ - ตาดร้อยรู อำเภอบ้านเขว้า - พระพุทธบาทภูชาติ - พระธาตุชัยภูมิ อรุณธรรมสถาน อำเภอแก้งคร้อ - พระประธาน 700 ปี วัดเจดีย์อุทยาน สวนสาธารณะ และสวนพฤกษศาสตร์ อุทยาน สวนสาธารณะ และสวนพฤกษศาสตร์. ชัยภูมิเป็นจังหวัดที่มีทรัพยากรธรรมชาติทั้งภูเขาและป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ เป็น1ใน5จังหวัด (5จังหวัดที่ประกาศเป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธารของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ;จังหวัดนครราชสีมา-แม่น้ำมูล-ลำมูลบน-ลำตะคอง,จังหวัดชัยภูมิ-แม่น้ำชี-ลำน้ำพรม-ลำน้ำเซิน,จังหวัดเลย-แม่น้ำเลย-ลำน้ำพอง-แม่น้ำเหือง,จังหวัดอุดรธานี-แม่น้ำสงคราม-แม่น้ำปาว-ลำน้ำห้วยหลวงและจังหวัดสกลนคร-แม่น้ำสงคราม-ลำน้ำพุง-ลำน้ำก่ำ) ที่เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอุทยานแห่งชาติ/เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่สำคัญดังนี้1. อุทยานแห่งชาติตาดโตน ที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ที่ตำบลนาฝาย อำเภอเมืองชัยภูมิ 2. อุทยานแห่งชาติภูแลนคา ที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ที่ตำบลห้วยต้อน อำเภอเมืองชัยภูมิ 3. อุทยานแห่งชาติไทรทอง ที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ที่ตำบลวังตะเฆ่ อำเภอหนองบัวระเหว 4. อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ที่อำเภอเทพสถิต 5. อุทยานแห่งชาติน้ำพอง ที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านผือ อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น (ขอนแก่น-ชัยภูมิ) 6. อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ที่อำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ (เพชรบูรณ์-ชัยภูมิ) 7. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ตั้งอยูที่ตำบลทุ่งลุยลาย อำเภอคอนสาร 8. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าตะเบาะ-ห้วยใหญ่ ที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ตั้งอยูที่ตำบลตะเบาะ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ (เพชรบูรณ์-ชัยภูมิ) 9. สวนพฤกษศาสตร์สวนรุกขชาติน้ำผุดทัพลาว 10. สวนพฤกษศาสตร์สวนรุกชาติ100ปี กรมป่าไม้ (ภูกุ้มข้าว) ชัยภูมิวัฒนธรรมภาษา วัฒนธรรม. ภาษา. จังหวัดชัยภูมิมีประชากรที่สืบเชื้อสายต่าง ๆ อาศัยปะปนกันอยู่ จึงทำให้จังหวัดชัยภูมิมีภาษาที่ใช้แตกต่างกัน โดยมีส่วนใหญ่เป็นกลุ่มภาษา ไท-กะได โดยมีภาษาไทยมาตรฐานเป็นภาษาราชการ โดยสามารถแยกได้เป็น 5 ภาษาหลัก ดังนี้- ภาษาลาวสำเนียงเวียงจันทน์ เป็นภาษาที่ใช้มากที่สุดในจังหวัดชัยภูมิ เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากเวียงจันทน์ โดยพบการใช้ทุกอำเภอ ซึ่งปัจจุบันภาษาดังกล่าวมีการปะปนสำเนียงทั้งจากโคราช ภาษาไทย และภาษาล้านนา จึงทำให้มีสำเนียงที่แตกต่างออกไปจากเดิม เช่น หากจะใช้คำว่า "งู" ภาษาอีสานจะออกเสียง "งู่" ส่วนภาษานี้จะออกเสียง "งู้" อีกทั้งยังมีคำว่า "เมือบ้าน" ที่เป็นภาษาอีสานทั่วไป แต่ภาษานี้จะใช้ว่า "กับบ้าน" ส่วนคำว่าขนมจีน จะใช้คำว่า "ขนมเส่น" ไม่ใช้คำว่า "ข้าวปุ้น" และ "ซกเล็ก"ในที่นี้ หมายถึง ส้มตำใส่ขนมจีน มิได้หมายถึง ลาบเลือด เป็นต้น โดยแถบที่ยังคงรักษาสำเนียงเดิมไว้ได้มากที่สุดอยู่ที่แถบอำเภอเกษตรสมบูรณ์ และภูเขียว - ภาษาลาวสำเนียงหลวงพระบาง เป็นภาษาเดียวกันที่ใช้มากในแถบจังหวัดเลย บางส่วนของหนองคาย อุตรดิตถ์ เชียงราย น่าน พิษณุโลก โดยเป็นภาษาหลักของแขวงหลวงพระบาง ทางตอนบนของประเทศลาว ซึ่งภาษานี้เป็นภาษาหลักที่ใช้ในอำเภอคอนสาร และมีกระจัดกระจายแถบอำเภอภูเขียว และเกษตรสมบูรณ์ - ภาษาไทโคราช มีใช้มากเป็นอันดับสองรองจากภาษาลาวเวียงจันทน์ ใช้มากในแถบอำเภอทางตอนล่างของจังหวัด ได้แก่ อำเภอจัตุรัส อำเภอเทพสถิต อำเภอบำเหน็จณรงค์ อำเภอเนินสง่า และบางส่วนในแถบอำเภอเมือง เช่น ตำบลบ้านค่าย และในอำเภอคอนสวรรค์ ได้แก่ บ้านโนนพันชาติ ตำบลโนนสะอาด - ภาษาญัฮกุร เป็นภาษามอญโบราณ เป็นภาษาตระกูลมอญ-เขมร ใช้ในหมู่ชาวบนหรือญัฮกุร ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์เก่าแก่ และเป็นมอญโบราณเผ่าสุดท้าย ซึ่งหากเทียบกับจังหวัดอื่นที่มีชนกลุ่มนี้อาศัยอยู่ จังหวัดชัยภูมิถือว่ามีมากที่สุด โดยพบได้ที่ บ้านน้ำลาด หมู่ที่ 4 ตำบลนายางกลัก อำเภอเทพสถิต นอกจากนี้ยังมีที่บ้านวังกำแพง ในอำเภอบ้านเขว้า ที่บ้านท่าโป่ง บ้านห้วยแย้ ในอำเภอหนองบัวระเหว ที่บ้านสะพานหิน บ้านสะพานยาง ในอำเภอเทพสถิต - ภาษาอีสาน หรือ ภาษาลาวตะวันตก มีการใช้บางหมู่บ้าน โดยส่วนใหญ่จะกระจัดกระจายอยู่กับคนเชื้อสายเวียงจันทน์ในแถบอำเภอแก้งคร้อ และอำเภอคอนสวรรค์ นอกจากนี้ จังหวัดชัยภูมิยังมีกลุ่มชนต่าง ๆ เช่น ชาวไทยเชื้อสายจีน และชาวไทยเชื้อสายแขก ที่กระจายไปตามเมืองใหญ่ๆต่างๆของจังหวัด ทั้งยังมีชาวภูไท ที่ปะปนอยู่กับชาวคอนสารอีกด้วยประเพณี ประเพณี. ด้วยประชากรที่หลากหลาย จังหวัดชัยภูมิจึงมีวัฒนธรรมประเพณีที่เกิดจากการผสมผสานกันระหว่างชุมชน จนกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำจังหวัด โดยมีประเพณีสามอย่าง ดังนี้- ประเพณีการแห่นาคโหด จัดอยู่ที่ วัดตาแขก บ้านโนนเสลา ตำบลหนองตูม อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ เป็นประเพณีที่เป็นบททดสอบความอดทนของบุตรชาย เพื่อทดแทนพระคุณของมารดา ที่ต้องทนอยู่ไฟ และเลี้ยงดูบุตรจนเติบใหญ่ โดยจะจัดงานบวชเป็นหมู่ ในช่วงเดือนหกตามจันทรคติของไทย ซึ่งชาวบ้านจะหามนาคที่นั่งอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ พร้อมกับโยน และเขย่าแคร่ไม้ไผ่อย่างรุนแรงเดินรอบหมู่บ้าน กันอย่างสนุกสนาน เพื่อทดสอบความอดทน และความตั้งใจของนาคที่อยู่บนแคร่ เพื่อจะบวชทดแทนคุณบิดามารดา - ประเพณีงานบุญกระธูป อำเภอหนองบัวแดง เป็นประเพณีที่จัดในช่วงของวันออกพรรษา ในอดีตแต่ก่อนประเพณีออกพรรษา ชาวบ้านจะร่วมแรงร่วมใจกันสร้างกระธูปโดยจะตีเกราะเคาะขอลอให้ชาวบ้านออกไปรวมตัว ณ จุดนัดหมาย (อาจเป็นศาลากลางบ้านหรือบ้านผู้ใหญ่บ้าน) หนุ่มสาวตื่นเต้นมากในการไปพันกระธูป ซึ่งกว่าจะเป็นกระธูปจุดได้ต้องผ่านกระบวนการยาวนานพอสมควรเพราะไม่ใช้กระธูปหรือธูปที่วางขายตามท้องตลาด แต่เกิดมาจากการขยี้เอามาจากกาบมะพร้าวจนร่วงออกมาราวผง แล้วพันด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์หุ้มอีกทีด้วยกระดาษสีหรือกระดาษหลากสีสัน ก่อนที่จะนำเข้าไปมัดกับดาวก้านตาล (สานจากใบตาลหรือใบลาน) จากนั้นจึงนำไปมัดห้อยกับก้านธูปที่เป็นเสมือนคันเบ็ด ทำไว้มากๆเสร็จแล้วจึงนำเข้าไปเสียบเข้าไปรูรอบปล้องไม้ไผ่ทำเป็นชั้นขึ้นไปเหมือนฉัตร ประดับตกแต่งงดงามก่อนที่จะนำออกมาจุดในวันเวียนเทียนออกพรรษา และในปัจจุบันประเพณีบุญกระธูปได้เป็นอัตลักษณ์ของอำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ - ประเพณีการตีคลีไฟ หรือการละเล่นตีคลีไฟ ถือเป็นกีฬาโบราณการละเล่นพื้นบ้านของชาวบ้านหนองเขื่อง ต.กุดตุ้ม อ.เมือง จ.ชัยภูมิ มาช้านานกว่า 100 ปี กีฬานี้สูญหายมาจนถึงช่วงปี 2546 ได้มีกลุ่มคณาจารย์ ผู้ใหญ่บ้าน วัดและได้กลับมาให้ความสนใจภูมิปัญญาของชาวบ้านดั่งเดิมให้กลับมาฟื้นคืนขึ้นอีกครั้ง ได้มีการริเริ่มอนุรักษ์กีฬาโบราณตีคลีไฟมาอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการละเล่นในช่วงวันออกพรรษา และหน้าหนาวของทุกปี นอกจากนี้ยังมีประเพณีในช่วงเทศกาลที่สำคัญต่างๆ เช่น- งานเจ้าพ่อพระยาแล และงานกาชาด - งานบุญเดือนหก - งานบุญเดือนสี่ประเพณีไทคอนสาร - งานส้มโอบ้านแท่น - งานพระไกรสิงหนาท อีกทั้งยังมีงานเทศกาลที่เกิดขึ้นจากบทเพลงรำวงของวงสุนทราภรณ์ ชื่อว่า "สาวบ้านแต้" เมื่อ 60 ปีก่อน คือ งานสืบสานตำนานสาวบ้านแต้ จัดที่อำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งในบทเพลงกล่าวถึงสาวบ้านแต้ขี่รถจักรยานไปเกษตรสมบูรณ์ ซึ่งบ้านแต้นั้นคือ บ้านหนองแต้ หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านยาง อำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ โดยเริ่มจัดเมื่อเดือนกันยายน ปีพุ.ศ.2559 ซึ่งเป็นงานเทศกาลใหม่ของจังหวัดชัยภูมิสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาสถาบันการศึกษา. ระดับอุดมศึกษา. - สถาบันอุดมศึกษารัฐ - มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ - มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดชัยภูมิ- สถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐ - มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (วิทยาลัยสงฆ์ชัยภูมิ)- สถาบันอุดมศึกษาในกำกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา - สถาบันการพลศึกษา (วิทยาเขตชัยภูมิ)- สถาบันอุดมศึกษาในกำกับกระทรวงสาธารณสุข - ศูนย์แพทยศาสตร์ศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลชัยภูมิ (ศูนย์แพทยศาสตร์ศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลชัยภูมิ สถาบันร่วมผลิตแพทย์ แห่งสำนักวิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี)- สถาบันอุดมศึกษาในกำกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา - สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๕ (วิทยาลัยเทคนิคชัยภูมิ) - สถาบันการอาชีวศึกษาเกษตรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีชัยภูมิ)ระดับอาชีวศึกษาระดับอาชีวศึกษา. - ประเภทรัฐบาล - วิทยาลัยสารพัดช่างชัยภูมิ - วิทยาลัยการอาชีพแก้งคร้อ อำเภอแก้งคร้อ - วิทยาลัยการอาชีพบำเหน็จณรงค์ อำเภอบำเหน็จณรงค์- ประเภทเอกชน - วิทยาลัยเทคโนโลยีชัยภูมิบริหารธุรกิจ อำเภอเมืองชัยภูมิ - วิทยาลัยเทคโนโลยีภูเขียว อำเภอภูเขียว - วิทยาศิขรินทร์บริหารธุรกิจ อำเภอภูเขียว - วิทยาลัยเทคโนโลยีบางกอก อำเภอหนองบัวแดง - วิทยาลัยอาชีวศึกษาไทเฉลิมราช ชัยภูมิ อำเภอหนองบัวแดง - วิทยาลัยเทคโนโลยีคอนสาร อำเภอคอนสาร - วิทยาลัยบ้านแท่นเทคโนโลยี อำเภอบ้านแท่น - วิทยาลัยอาชีวศึกษาชัยภูมิ อำเภอคอนสวรรค์ระดับมัธยมศึกษาระดับมัธยมศึกษา. - โรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล โรงเรียนชายประจำจังหวัด - โรงเรียนสตรีชัยภูมิ โรงเรียนหญิงประจำจังหวัดสถานที่สำคัญศาสนสถานที่สำคัญสถานที่สำคัญ. ศาสนสถานที่สำคัญ. - วัดทรงศิลา - วัดชัยภูมิพิทักษ์ (วัดผาเกิ้ง,สถานที่ประดิษฐานพระพุทธชัยภูมิพิทักษ์พระพุทธรูปประจำจังหวัดชัยภูมิ ) - วัดไพรีพินาศ (กลางเมืองเก่า) - วัดป่าสุคะโต - วัดภูแฝด - วัดศิลาอาสน์ - วัดสระหงษ์ - วัดอินทรีย์สังวรวนาราม - พระปรางค์กู่ - คริสตจักรสร้างสรรค์ชัยภูมิ - มัสยิดดารุชซารีฟ อำเภอจัตุรัสสนามกีฬาสำคัญสนามกีฬาสำคัญ. - สนามกีฬากลาง จังหวัดชัยภูมิ - สนามกีฬา สถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตชัยภูมิ - ศูนย์กีฬาครบวงจร มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ - โรงยิมสิริวัณวรี - สนามกีฬาเทศบาลเมืองชัยภูมิ - สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ เทศบาลตำบลจัตุรัสบุคคลสำคัญบุคคลสำคัญ. - พระเถระ- พระเทพมงคลเมธี (ประจักษ์ โชติโก) – เจ้าอาวาสวัดชัยสามหมอ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ - พระเทพภาวนาวิกรม วิ. (บุญมา ปุญฺญาภิรโต ป.ธ.6) – เจ้าอาวาสวัดชัยภูมิพิทักษ์ เจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ - พระสุวีรญาณ (ป.ธ.7) เจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ (ธ) – เจ้าอาวาสวัดศรีแก้งคร้อ - พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต (ป.ธ.7) - หลวงพ่อจื่อ พันธมุตโต วัดเขาตาเงาะอุดมพร - หลวงพ่อสายทอง เตชะธัมโม วัดป่าห้วยกุ่ม - หลวงปู่วิไลย์ เขมิโย วัดถ้ำพญาช้างเผือก - ผู้ว่าราชการจังหวัด - พีระศักดิ์ หินเมืองเก่า - ชวน ศิรินันท์พร (อดีตอธิบดีกรมการปกครอง) - วิรัตน์ ลิ้มสุวัฒน์- นักแสดง- อรวรรษา ฐานวิเศษ - ชาติ ชัยภูมิ - อติรุจ สิงหอำพล - โกวิท วัฒนกุล - รมิดา ประภาสโนบล - ขวัญนภา เรืองศรี (ลาล่า โปงลางสะออน) - ไอเดียร์ ธันลดา - นพัตฏ์ธร มัททวีวงศ์ (โจ๊กเกอร์) - นักมวย- ปิ๊กมี่ เมืองชัยภูมิ - ไผ่ผารบ พ.นอบน้อม - พรชัย ศิษย์พระพรหม - พิชิต ช.ศิริวัฒน์ - พิชิต ศิษย์บางพระจันทร์ - แหวนเพชร ชูวัฒนะ - ทัพทอง ต.บัวมาศ - ยอดแสนเก่ง ซีพียิมส์ - อภิสิทธิ์ เค.ที.ยิม - หยกเพชร ทก.ยิมส์ - นักร้อง- การะเกด (นักร้อง) - โชคชัย โชคอนันต์ - ประทีป ขจัดพาล - รุจิรา พญาแล - สายัญห์ นิรันดร - พิมพา พรศิริ - เสี่ยวอี้ ประสานชาติ - เบียร์ พร้อมพงษ์ - นักจัดรายการวิทยุ- ฟองสนาน จามรจันทร์ - ยุทธนา บุญอ้อม - อภิรดี ตรีโมกข์ - ธนธรณ์ ไชยวงศ์ - สุเมธ พิมพ์สราญ (บ่าวทองก้อน) - นักเขียน - กาญจนา นาคนันทน์- นักกีฬา- ชูเกียรติธน ยศภัทร์หนูสลุง - ประกิต ด่านขุนทด - ไพฑูรย์ นนทะดี - หัตถยา บำรุงสุข - เชิดศักดิ์ ชัยบุตร - ถวิล บุตรสมบัติ - ศุภชัย ศรีภูมิ - แหวนเพชร ชูวัฒนะ - อภิสิทธิ์ เค.ที.ยิม - ยอดแสนเก่ง ซีพียิมส์ - ฤทธิเดช ว.วรรณทวี - พิชิต ช.ศิริวัฒน์ - พิชิต ศิษย์บางพระจันทร์ - ไผ่ผารบ ก่อเกียรติยิม - พรชัย ศิษย์พระพรหม - สุริยน กุลพิมล (นักตะกร้อทีมชาติไทย) - นักการเมือง- คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยา พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร (นายกรัฐมนตรีคนที่ 23) - สุชน ชาลีเครือ อดีตประธานวุฒิสภา - พรทิพย์ โล่ห์วีระ จันทร์รัตนปรีดา อดีตรองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 - เจริญ จรรย์โกมล อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 - วุฒิชัย สงวนวงศ์ชัย อดีต ส.ส. ชัยภูมิ 7 สมัย - ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี - สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี - สุนทรีย์ ชัยวิรัตนะ อดีต ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย - โอชิษฐ์ เกียรติก้องชูชัย อดีต ส.ส.ชัยภูมิ เขต 1 พรรคภูมิใจไทย - มานะ โลหะวณิชย์ อดีต ส.ส.ชัยภูมิ เขต 2 พรรคเพื่อไทย - ปาริชาติ ชาลีเครือ อดีต ส.ส.ชัยภูมิ เขต 3 พรรคเพื่อไทย - อนันต์ ลิมปคุปตถาวร อดีต ส.ส.ชัยภูมิ เขต 4 พรรคเพื่อไทย - พรเพ็ญ บุญศิริวัฒนกุล อดีต ส.ส.ชัยภูมิ เขต 6 พรรคเพื่อไทย - มนตรี ชาลีเครือ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ
| จังหวัดชัยภูมิ เดิมสะกดว่าอย่างไร | {
"answer": [
"ไชยภูมิ์"
],
"answer_begin_position": [
128
],
"answer_end_position": [
136
]
} |
2,329 | 5,272 | จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ (เดิมสะกดว่า ไชยภูมิ์) เป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของประเทศไทยภูมิศาสตร์ลักษณะภูมิประเทศ ภูมิศาสตร์. ลักษณะภูมิประเทศ. จังหวัดชัยภูมิ ตั้งอยู่บนสันขอบของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปจึงประกอบด้วยป่าไม้และภูเขาร้อยละ 50 ของพื้นที่จังหวัด นอกนั้นเป็นที่ราบสูง บริเวณตอนกลางของจังหวัดเป็นพื้นที่ราบ มีพื้นที่ป่าไม้และเทือกเขาตั้งเรียงรายจากทิศตะวันออกสู่ทิศตะวันตก ซึ่งจังหวัดชัยภูมิ สามารถแบ่งภูมิประเทศของจังหวัดออกได้เป็น 3 ลักษณะคือ- พื้นที่ราบในฝั่งแม่น้ำ มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 180 – 300 เมตร ได้แก่บริเวณพื้นที่ราบเรียบ ความลาดเอียงของพื้นที่อยู่ระหว่างร้อยละ0 - 2 ซึ่งมีพื้นที่ประมาณร้อยละ 13 ได้แก่พื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำชีในเขตอำเภอเมืองชัยภูมิ อำเภอคอนสวรรค์ อำเภอบ้านเขว้า อำเภอบำเหน็จณรงค์ อำเภอจัตุรัส อำเภอเนินสง่า บริเวณนี้จะเป็นที่ราบน้ำท่วมถึง - พื้นที่ลูกคลื่นลอนต่ำ อยู่ตอนกลางของพื้นที่จังหวัด เป็นแนวยาวตามทิศเหนือ-ใต้ ตามแนวเทือกเขาดงพญาเย็น มีความสูงประมาณ 300 – 500 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลางได้แก่ พื้นที่บางส่วนในเขตอำเภอเมืองชัยภูมิ อำเภอหนองบัวระเหว อำเภอบ้านเขว้า อำเภอแก้งคร้อ อำเภอเทพสถิต อำเภอบำเหน็จณรงค์ อำเภอเกษตรสมบูรณ์และอำเภอบ้านแท่น- พื้นที่สูงและภูเขา สภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ลอนลึกและภูเขา ในเขตเทือกเขาดงพญาเย็น มีความสูงตั้งแต่ 500 – มากกว่า 1,000 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ได้แก่ พื้นที่บางส่วนของอำเภอหนองบัวระเหว อำเภอเทพสถิต อำเภอคอนสาร อำเภอเกษตรสมบูรณ์ อำเภอหนองบัวแดง อำเภอภูเขียว อำเภอแก้งคร้อ อำเภอภักดีชุมพล อำเภอซับใหญ่ และพื้นที่ทางตอนเหนือของอำเภอเมืองชัยภูมิ จุดสูงสุดของจังหวัดชัยภูมิ คือ ภูเขาโป่งทองหลาง มีความสูง 1,336 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ในเขตพื้นที่อำเภอหนองบัวแดงเขื่อนที่สำคัญเขื่อนที่สำคัญ. - เขื่อนจุฬาภรณ์ - เขื่อนลำปะทาว - อ่างเก็บน้ำช่อระกา - อ่างเก็บน้ำบ้านเพชร - อ่างเก็บน้ำลำคันฉู - บึงละหานแหล่งน้ำที่สำคัญแหล่งน้ำที่สำคัญ. - แม่น้ำชี - ห้วยลำปะทาว - ลำน้ำพรม - ลำปะทาว - ลำคันฉูประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์. แต่เดิมเมืองชัยภูมิก่อนการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัยสันนิษฐานว่ามีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่สมัยทวารวดี โดยเมืองชัยภูมินั้นถือเป็นเส้นทางการเผยแพร่วัฒนธรรมทวารวดีจากภาคกลางเข้าสู่ภาคอีสาน ปรากฏหลักฐานจากใบเสมาบ้านกุดโง้งในอำเภอเมือง และใบเสมานครกาหลงที่อำเภอคอนสวรรค์ และมีกลุ่มประชาชนชาวมอญญัฮกุร ซึ่งเป็นมอญโบราณทวารวดีอาศัยอยู่ทางขอบสันเขาตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัด ในเวลาต่อมาเมื่ออิทธิพลทวารวดีเสื่อมลง อิทธิพลของขอมก็เข้ามาแทน ซึ่งมีลักษณะเดียวกันกับจังหวัดอื่น ๆ ของอีสานในเวลานั้น ปรากฏหลักฐาน เช่น ปรางค์กู่ในอำเภอเมือง และบ้านแท่น กู่แดงในอำเภอบ้านเขว้า เป็นต้น ส่วนในสมัยสุโขทัยนั้นสันนิษฐานว่าชัยภูมิน่าจะเป็นเมืองหนึ่งที่สุโขทัยครอบคลุมอีกด้วย สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี สันนิษฐานว่าบริเวณจังหวัดชัยภูมิมีประชากรลาวเข้ามาอาศัยอยู่ และมีการสร้างพระธาตุหนองสามหมื่น ซึ่งอยู่บริเวณตำบลบ้านแก้ง อำเภอภูเขียวปัจจุบัน โดยมีลักษณะแบบศิลปะล้านช้าง ล้านนา และอยุธยา โดยสร้างในสมัยพระไชยเชษฐาธิราชผู้ครองเมืองลาวในยุคนั้น ในเวลาต่อมาเมืองชัยภูมิปรากฏในทำเนียบแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชว่าเป็นเมืองขึ้นกับเมืองนครราชสีมา แต่ต่อมาผู้คนได้อพยพออกไปตั้งหลักแหล่งทำมาหากินที่อื่น ในสมัยธนบุรี พระเจ้าตากสินหรือพระเจ้ากรุงธนบุรียกทัพมาปราบก๊กเจ้าพิมาย ซึ่งมีกรมหมื่นเทพพิพิธเป็นหัวหน้าก๊ก ตั้งมั่นอยู่ที่เมืองพิมายและต่อมาได้ ยึดเมืองนครราชสีมาเป็นที่ตั้งมั่น เจ้าพิมายให้พระยาวรวงษาธิราชคุมทัพไปตั้งรับเพื่อตีสกัดทัพพระเจ้าตากสินที่ด่านขุนทดและถูกกองทัพ พระเจ้าตากสินตีจนแตกพ่ายในที่สุดในกรณีศึกครั้งนี้อาจารย์คำผู้นำหมู่บ้านสี่มุมได้นำชาวบ้านเข้าสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้าตากสินและขออาสาเป็น กองกำลังร่วมสู้รบในกองทัพหลวงด้วย พระเจ้าตากสินทรงยินดีรับไว้และให้เป็นกองกำลังเข้าตีด่านจอหอจนแตกพ่ายสามารถยึดเมืองพิมายและเมือง นครราชสีมาคืนมาได้ในครั้งเข้าตีด่านจอหอ กองกำลังของบ้าน สี่มุมโดยการนำของอาจารย์คำได้แสดงความสามารถในการรบอย่างกล้าหาญ เข้มแข็งเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าตากสินเป็นอย่างมาก เมื่อเสร็จการศึกสงครามจึงได้ปูนบำเหน็จความชอบให้อาจารย์คำเป็น “พระนรินทร์สงคราม” ยกฐานะบ้านสี่มุมขึ้นเป็น “เมืองสี่มุม” (ในเขตอำเภอจัตุรัส ในจังหวัดชัยภูมิปัจจุบัน) ให้ปกครองเมืองสี่มุมให้ขึ้นตรงต่อเมืองนครราชสีมา เมื่อก้าวเข้าสู่ยุคกรุงรัตนโกสินทร์ ในสมัยรัชกาลที่ 1 หมื่นอร่ามกำแหง หรือนายภูมีชาวเมืองนครไทยซึ่งเป็นคนเชื้อสายหลวงพระบาง ได้เข้ามาตั้งบ้านแปงเมืองในเขตพื้นที่บริเวณอำเภอคอนสารในปัจจุบัน และขึ้นตรงต่อกรุงเทพมหานคร ในสมัยรัชกาลที่ 2 ปี พ.ศ. 2352 ในเขตอำเภอภูเขียว และเกษตรสมบูรณ์ มีชุมชนลาวเวียงจันทน์อพยพ คือหลวงไกรสิงหนาท ขึ้นตรงต่อกรุงเทพมหานคร และเมื่อปี พ.ศ. 2360 "นายแล" ข้าราชการสำนักเจ้าอนุวงศ์เมืองเวียงจันทน์ได้อพยพครอบครัวและบริวารเดินทางข้ามลำน้ำโขงมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บ้านหนองน้ำขุ่น (หนองอีจาน) ซึ่งอยู่ในบริเวณท้องที่อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมาในปัจจุบัน ต่อมาในปี พ.ศ. 2362 เมื่อมีคนอพยพเข้ามาอยู่มาก นายแลก็ได้ย้ายชุมชนมาตั้งใหม่ที่บ้านโนนน้ำอ้อม บ้านชีลอง ห่างจากตัวเมืองชัยภูมิ 6 กิโลเมตร นายแลได้เก็บส่วยผ้าขาวส่งไปบรรณาการเจ้าอนุวงศ์จนได้รับบำเหน็จความชอบแต่งตั้งเป็น "ขุนภักดีชุมพล" ในปี พ.ศ. 2365 นายแลได้ย้ายชุมชนอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากที่เดิมกันดารน้ำ มาตั้งใหม่ที่บริเวณบ้านหลวงซึ่งตั้งอยู่ระหว่างหนองปลาเฒ่ากับหนองหลอด (เขตอำเภอเมืองชัยภูมิปัจจุบัน) และได้หันมาขึ้นตรงต่อเมืองนครราชสีมา และส่งส่วยทองคำถวายแด่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่ยอมขึ้นต่อเจ้าอนุวงศ์อีกต่อไป พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้ายกบ้านหลวงขึ้นเป็น เมืองชัยภูมิ และแต่งตั้งขุนภักดีชุมพล (แล) เป็น "พระยาภักดีชุมพล" เจ้าเมืองคนแรก ต่อมาเจ้าอนุวงศ์ได้ก่อการกบฏ ยกทัพเข้ามาหมายจะตีกรุงเทพมหานคร โดยหลอกหัวเมืองต่าง ๆ ที่เดินทัพมาว่าจะมาช่วยกรุงเทพมหานครรบกับอังกฤษ จนกระทั่งเจ้าอนุวงศ์สามารถยึดเมืองนครราชสีมาได้เมื่อปี พ.ศ. 2369 ซึ่งตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้นต่อมาเมื่อความแตก เจ้าอนุวงศ์ได้กวาดต้อนชาวเมืองนครราชสีมาเพื่อนำไปยังเมืองเวียงจันทน์ เมื่อไปถึงทุ่งสัมฤทธิ์ หญิงชายชาวเมืองที่ถูกจับโดยการนำของคุณหญิงโม ภรรยาเจ้าเมืองนครราชสีมา ได้ลุกฮือขึ้นต่อสู้ พระยาภักดีชุมพล (แล) เจ้าเมืองชัยภูมิ พร้อมด้วยเจ้าเมืองใกล้เคียงได้ยกทัพออกไปสมทบกับคุณหญิงโม ตีกระหนาบทัพเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์จนแตกพ่ายไป ฝ่ายกองทัพลาวส่วนหนึ่งล่าถอยจากเมืองนครราชสีมาเข้ายึดเมืองชัยภูมิไว้และเกลี้ยกล่อมให้พระยาภักดีชุมพลเข้าร่วมเป็นกบฏด้วย แต่พระยาภักดีชุมพลไม่ยอม เจ้าอนุวงศ์เกิดความแค้นจึงจับตัวพระยาภักดีชุมพลมาประหารชีวิตที่บริเวณใต้ต้นมะขามใหญ่ริมหนองปลาเฒ่า ซึ่งต่อมาชาวชัยภูมิได้ระลึกถึงคุณความดีที่ท่านมีความซื่อสัตย์และเสียสละต่อแผ่นดิน จึงได้พร้อมใจกันสร้างศาลขึ้น ณ บริเวณนั้น ปัจจุบันทางราชการได้สร้างศาลขึ้นใหม่เป็นศาลาทรงไทยชื่อว่า "ศาลาพระยาภักดีชุมพล (แล)" มีรูปหล่อของท่านอยู่ภายใน เป็นที่เคารพกราบไหว้และถือเป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งของจังหวัด ตั้งอยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดชัยภูมิประมาณ 3 กิโลเมตร เมื่อการปกครองเปลี่ยนแปลงหัวเมืองชั้นนอกมาเป็นมณฑลจังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ได้เกิดการผนวกเมืองต่าง ๆ เข้าเป็นอำเภอส่วนหนึ่งของจังหวัดชัยภูมิ ได้แก่ เมืองสี่มุมของพระยานรินทรสงคราม ปัจจุบัน คืออำเภอจัตุรัส บำเหน็จณรงค์ เทพสถิต ซับใหญ่ หนองบัวระเหว เนินสง่า เมืองภูเขียว-เกษตรสมบูรณ์ของพระไกรสิหนาท ปัจจุบันคือ อำเภอภูเขียว เกษตรสมบูรณ์ บ้านแท่น แก้งคร้อ หนองบัวแดง ภักดีชุมพล ส่วนเมืองคอนสารของหมื่นอร่ามกำแหง ปัจจุบันคืออำเภอคอนสาร ซึ่งเคยเป็นตำบลหนึ่งของอำเภอภูเขียว และเมืองชัยภูมิของพระยาภักดีชุมพล ปัจจุบันคืออำเภอเมือง อำเภอบ้านเขว้า อำเภอคอนสวรรค์ โดยทั้งหมดในปัจจุบันรวมกันเป็นจังหวัดชัยภูมิประวัติ ประวัติ. สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ยังไม่มีการจัดตั้งจังหวัดชัยภูมิขึ้นเป็นทางการ บริเวณจังหวัดชัยภูมิประกอบไปด้วยเมืองใหญ่ 3 เมือง คือ เมืองชัยภูมิ, เมืองภูเขียว และเมืองสี่มุม (จัตุรัส) ในปี พ.ศ. 2440 ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองราชอาณาจักร โดยการจัดตั้งมณฑลเทศาภิบาล ให้อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของกระทรวงมหาดไทยหน่วยงานเดียว เมืองในจังหวัดชัยภูมิ จึงเข้าอยู่ในมณฑลนครราชสีมา ต่อมาในสมัยหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองปี พ.ศ. 2475 มีการเปลี่ยนแปลงรูปการปกครองประเทศครั้งใหญ่ จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชเป็นระบอบประชาธิปไตย โดยพระราชบัญญัติระเบียบราชการบริหารแห่งราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. 2476 ได้ยกเลิกเขตการปกครองแบบ “เมือง” ทั่วราชอาณาจักร แล้วตั้งขึ้นเป็น “จังหวัด” แทน เมืองชัยภูมิ, เมืองภูเขียว และเมืองสี่มุม (จัตุรัส) จึงรวมกันกลายเป็นจังหวัดชัยภูมิ โดยใช้บริเวณเมืองชัยภูมิจัดตั้งเป็นอำเภอเมืองชัยภูมิยกฐานะเป็นศูนย์กลางของจังหวัด เมืองชัยภูมิยุบเป็นอำเภอเมืองชัยภูมิก่อนที่จะแยกออกเป็นอำเภอคอนสวรรค์ และอำเภอบ้านเขว้า เมืองภูเขียวยุบเป็นอำเภอภูเขียว ก่อนที่จะแยกออกเป็นอำเภอเกษตรสมบูรณ์, อำเภอคอนสาร, อำเภอแก้งคร้อ, อำเภอบ้านแท่น, อำเภอหนองบัวแดง และอำเภอภักดีชุมพล เมืองสี่มุมยุบเป็นอำเภอจัตุรัส ก่อนที่จะแยกออกเป็นอำเภอบำเหน็จณรงค์, อำเภอเทพสถิต, อำเภอหนองบัวระเหว, อำเภอเนินสง่า และอำเภอซับใหญ่ ชัยภูมิมีเขตติดต่อกับจังหวัดเพื่อนบ้านหลายจังหวัด ได้แก่ ทิศเหนือ ติดกับเพชรบูรณ์และขอนแก่น ทิศตะวันออกติดกับขอนแก่นและนครราชสีมา ทิศตะวันตกติดกับเพชรบูรณ์และจังหวัดลพบุรี และทิศใต้ติดกับจังหวัดนครราชสีมา จังหวัดชัยภูมิในด้านภูมิศาสตร์อยู่ในเขตอีสานตะวันตกร่วมกับเลยและนครราชสีมา ในด้านอุตุนิยมวิทยาอยู่ในเขตอีสานตอนบน และในด้านการปกครองอยู่ในเขตอีสานตอนใต้ผู้ว่าราชการจังหวัดหน่วยการปกครองการปกครองส่วนภูมิภาค หน่วยการปกครอง. การปกครองส่วนภูมิภาค. การปกครองแบ่งออกเป็น 16 อำเภอ 124 ตำบล 1393 หมู่บ้าน1. อำเภอเมืองชัยภูมิ 2. อำเภอบ้านเขว้า 3. อำเภอคอนสวรรค์ 4. อำเภอเกษตรสมบูรณ์ 5. อำเภอหนองบัวแดง 6. อำเภอจัตุรัส 7. อำเภอบำเหน็จณรงค์ 8. อำเภอหนองบัวระเหว 9. อำเภอเทพสถิต 10. อำเภอภูเขียว 11. อำเภอบ้านแท่น 12. อำเภอแก้งคร้อ 13. อำเภอคอนสาร 14. อำเภอภักดีชุมพล 15. อำเภอเนินสง่า 16. อำเภอซับใหญ่การปกครองส่วนท้องถิ่น การปกครองส่วนท้องถิ่น. แบ่งออกเป็น 1 องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 เทศบาลเมือง 34 เทศบาลตำบล และ 107 องค์การบริหารส่วนตำบล โดยมีรายชื่อเทศบาลดังนี้ อำเภอชัยภูมิ- เทศบาลเมืองชัยภูมิ - เทศบาลตำบลบ้านค่ายหมื่นแผ้ว - เทศบาลตำบลลาดใหญ่ - เทศบาลตำบลชีลอง - เทศบาลตำบลโคกสูง อำเภอเกษตรสมบูรณ์- เทศบาลตำบลเกษตรสมบูรณ์ - เทศบาลตำบลบ้านเป้า - เทศบาลตำบลบ้านเดื่อ อำเภอแก้งคร้อ- เทศบาลตำบลแก้งคร้อ - เทศบาลตำบลนาหนองทุ่ม - เทศบาลตำบลหนองสังข์ อำเภอคอนสวรรค์- เทศบาลตำบลคอนสวรรค์ อำเภอคอนสาร- เทศบาลตำบลคอนสาร - เทศบาลตำบลห้วยยาง - เทศบาลตำบลทุ่งลุยลาย อำเภอจัตุรัส- เทศบาลตำบลจัตุรัส - เทศบาลตำบลหนองบัวโคก - เทศบาลตำบลหนองบัวใหญ่ อำเภอเทพสถิต- เทศบาลตำบลเทพสถิต อำเภอบ้านเขว้า- เทศบาลตำบลบ้านเขว้า - เทศบาลตำบลทุ่งทอง - เทศบาลตำบลตลาดแร้ง - เทศบาลตำบลลุ่มลำชี อำเภอบ้านแท่น- เทศบาลตำบลบ้านแท่น - เทศบาลตำบลบ้านเต่า อำเภอบำเหน็จณรงค์- เทศบาลตำบลบ้านเพชร - เทศบาลตำบลบำเหน็จณรงค์ อำเภอภูเขียว- เทศบาลตำบลภูเขียว - เทศบาลตำบลบ้านเพชรภูเขียว - เทศบาลตำบลบ้านแก้ง - เทศบาลตำบลธาตุทอง อำเภอหนองบัวระเหว- เทศบาลตำบลหนองบัวระเหว - เทศบาลตำบลห้วยแย้ - เทศบาลตำบลโคกสะอาด อำเภอหนองบัวแดง- เทศบาลตำบลหนองบัวแดง - เทศบาลตำบลหลวงศิริเศรษฐกิจ เศรษฐกิจ. ในปี พ.ศ. 2558 จังหวัดชัยภูมิมีขนาดเศรษฐกิจหรือผลิตภัณฑ์มวลรวมในจังหวัด 53,278 ล้านบาท มีผลิตภัณฑ์มวลรวมเฉลี่ยต่อคนต่อปี 55,665 ต่อคนต่อปี อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ร้อยละ 2.9 และคาดว่าในปี พ.ศ. 2559 จังหวัดชัยภูมิจะมีผลิตภัณฑ์มวลรวมในจังหวัด 60,248 ล้านบาท หรือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมเฉลี่ยต่อคนต่อปี 63,079 บาทต่อคนต่อปี หรือมีอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจร้อยละ 13.1 (รายงานประมาณการเศรษฐกิจจังหวัดชัยภูมิ ฉบับที่ 3/2560) การจ้างงานมีจำนวนคนงานทั้งสิ้น 23,623 คน อำเภอที่มีการจ้างงานมากที่สุดคือ อำเภอจัตุรัส 7,801 คน รองลงมาคือ อำเภอเมืองชัยภูมิ 4,269 คน อำเภอแก้งคร้อ 3,704 คน อำเภอเกษตรสมบูรณ์ 2,274 คน อำเภอภูเขียว 1,557 คน ตามลำดับ ประเภทอุตสาหกรรมที่จ้างงานมากที่สุดคือ อุตสาหกรรมสิ่งทอ มีข้อมูลในทำเนียบโรงงานทั้งสิ้น 32 โรงงงาน มีการจ้างงานทั้งสิ้น 17,917 คน คิดเป็นร้อยละ 75.84 ของแรงงานทั้งหมด สำหรับแหล่งที่ตั้งสำคัญของโรงงานอุตสาหกรรม พิจารณาจากความหนาแน่นของโรงงาน ขนาดเงินลงทุน และจำนวนการจ้างงาน ได้แก่- อำเภอเมือง เป็นพื้นที่ที่มีโรงงานตั้งอยู่หนาแน่นมากเป็นอันดับ 1 และมีจำนวนการจ้างงานสูงเป็นอันดับ 2 ของจังหวัดชัยภูมิ - อำเภอจัตุรัส มีจำนวนโรงงานตั้งอยู่หนาแน่นเป็นอันดับ 2 มีจำนวนการจ้างแรงงานสูงเป็นอันดับ 1 ของจังหวัด และมีเงินทุนภาคอุตสาหกรรมสูงเป็นอันดับที่ 2 ของจังหวัดชัยภูมิ การจ้างแรงงานที่สูงเป็นอันดับ 1 ของจังหวัดเป็นการจ้างงานในประเภทอุตสาหกรรมสิ่งทอ - อำเภอแก้งคร้อ เป็นแหล่งที่ตั้งสำคัญของกลุ่มอุตสาหกรรมถักทอ การตัดเย็บเสื้อผ้า เป็นพื้นที่ที่มีการจ้างแรงงานสูงเป็นอันดับ 3 ของจังหวัดชัยภูมิ - อำเภอภูเขียว เป็นแหล่งที่ตั้งสำคัญของอุตสาหกรรมเกษตร (น้ำตาลทราย) ผลิตเอทานอล การผลิตกระแสไฟฟ้า และการผลิต PARTICLE BOARD มีเงินทุนภาคอุตสาหกรรมสูงเป็นอันดับที่ 1 ของจังหวัดชัยภูมิ - อำเภอบำเหน็จณรงค์และอำเภอหนองบัวระเหว เป็นแหล่งที่ตั้งสำคัญของอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลัง อำเภอบำเหน็จณรงค์ เป็นแหล่งที่ตั้งเหมืองโปแตชของโครงการอาเซียน ส่วนในพื้นที่ของอำเภอที่เหลือ คือ คอนสวรรค์ บ้านเขว้า เกษตรสมบูรณ์ หนองบัวแดง เทพสถิต บ้านแท่น คอนสาร ภักดีชุมพล เนินสง่า และอำเภอซับใหญ่ แม้สถานภาพปัจจุบันจะบ่งชี้ว่ามีธุรกรรมอุตสาหกรรมตั้งอยู่เบาบาง แต่มีหลายพื้นที่ที่มีศักยภาพในการส่งเสริมพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่ที่เข้มข้น เช่น การผลิตผลิตภัณฑ์ผ้าไหม สิ่งถักทอ ในอำเภอคอนสวรรค์ บ้านเขว้า เนินสง่า เทพสถิตการท่องเที่ยว การท่องเที่ยว. จังหวัดชัยภูมิมีจำนวนผู้มาเยี่ยมเยือนในปี พ.ศ. 2559 จำนวน 1,505,718 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ซึ่งมีจำนวนผู้มาเยี่ยมเยือน 1,418,833 คน รวมทั้งสิ้น 86,885 คน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.12 และมีรายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2559 จำนวน 1,639.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2558 ซึ่งมีรายได้จากการท่องเที่ยว 1,467.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 171.95 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 11.71 มีจำนวนห้องพัก 2,612 ห้อง จำนวนผู้เข้าพักแรม 744,179 คน มีอัตราการเข้าพักร้อยละ 54.44แหล่งท่องเที่ยวแหล่งท่องเที่ยว. - อนุสาวรีย์พระยาภักดีชุมพล อำเภอเมือง - ศาลเจ้าพ่อพระยาแล อำเภอเมือง - ศาลเจ้าพ่อหลวงบรรเทา (ศาลหลักเมืองจัตุรัส) อำเภอจัตุรัส - วัดศิริพงษาวาส (พระธาตุเจดีย์ศิริมหามงคล) - วัดสระหงษ์ อำเภอเมือง - น้ำตกตาดฟ้า - วัดศิลาอาสน์ อำเภอเมือง - พระปรางค์กู่ อำเภอเมือง - ใบเสมาบ้านกุดโง้ง อำเภอเมือง - น้ำตกผาเอียง - ประตูโขลง - วัดชัยภูมิพิทักษ์ (ผาเกิ้ง) อำเภอหนองบัวแดง - หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านเขว้า อำเภอบ้านเขว้า - หมู่บ้านท่องเที่ยวไหม นครชัยบุรินทร์ บ้านส้มป่อย อำเภอจัตุรัส - กู่แดง อำเภอบ้านเขว้า - วัดภูแฝด อำเภอเมือง - มอหินขาว อำเภอเกษตรสมบูรณ์ - ถ้ำแก้ว - จุดชมวิวเทือกเขาพังเหย อำเภอเทพสถิต - บึงแวง อำเภอคอนสวรรค์ - พระพุทธรูปใหญ่สมัยทวารวดี อำเภอคอนสวรรค์ - ศูนย์รวมไม้ดัดบ้านแข้ อำเภอภูเขียว - พระธาตุหนองสามหมื่น อำเภอภูเขียว - แหล่งทอผ้าขิตบ้านโนนเสลา อำเภอภูเขียว - เขื่อนจุฬาภรณ์ อำเภอคอนสาร - หาดน้ำพรม - เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว-ทุ่งกะมัง อำเภอภ - สถานีวิจัยเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าภูเขียว- น้ำตกเทพพนา - น้ำตกเทพประทาน - บึงละหาน อำเภอจัตุรัส - รอยเท้าและซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ อำเภอหนองบัวแดง - ศาลปู่ด้วง-ย่าดี อำเภอหนองบัวแดง - เขื่อนลำปะทาว อำเภอแก้งคร้อ - วัดชัยสามหมอ อำเภอแก้งคร้อ - พระแท่นบัลลังก์ อำเภอบ้านแท่น - พระง้าง อำเภอเนินสง่า - สวนรุกขชาติน้ำผุดทัพลาว อำเภอคอนสาร - ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ถ้ำแก้ว - พระพุทธบาทเกือกแก้วสี่รอยเขายายหอม - พระพุทธบาทเขาแก้วพิสดาร (เขาน้อย) - พระพุทธบาทวัดหลักศิลา - เขาพระบาท - วัดถ้ำฮวงโป อำเภอคอนสาร - วัดถ้ำพญาช้างเผือก อำเภอคอนสาร - สะพานสวนหมากบ้านนาเขิน อำเภอคอนสาร - ปรางค์กู่ อำเภอบ้านแท่น - ภูคิ้ง อำเภอเกษตรสมบูรณ์ - พระพุทธบาทสวนป่าโพธิธรรม - เมืองพระศรีอาริย์ - วัดปราสาทดิน อำเภอภักดีชุมพล - ป่าปรงพันปี อำเภอเกษตรสมบูรณ์ - ตาดร้อยรู อำเภอบ้านเขว้า - พระพุทธบาทภูชาติ - พระธาตุชัยภูมิ อรุณธรรมสถาน อำเภอแก้งคร้อ - พระประธาน 700 ปี วัดเจดีย์อุทยาน สวนสาธารณะ และสวนพฤกษศาสตร์ อุทยาน สวนสาธารณะ และสวนพฤกษศาสตร์. ชัยภูมิเป็นจังหวัดที่มีทรัพยากรธรรมชาติทั้งภูเขาและป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ เป็น1ใน5จังหวัด (5จังหวัดที่ประกาศเป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธารของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ;จังหวัดนครราชสีมา-แม่น้ำมูล-ลำมูลบน-ลำตะคอง,จังหวัดชัยภูมิ-แม่น้ำชี-ลำน้ำพรม-ลำน้ำเซิน,จังหวัดเลย-แม่น้ำเลย-ลำน้ำพอง-แม่น้ำเหือง,จังหวัดอุดรธานี-แม่น้ำสงคราม-แม่น้ำปาว-ลำน้ำห้วยหลวงและจังหวัดสกลนคร-แม่น้ำสงคราม-ลำน้ำพุง-ลำน้ำก่ำ) ที่เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอุทยานแห่งชาติ/เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่สำคัญดังนี้1. อุทยานแห่งชาติตาดโตน ที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ที่ตำบลนาฝาย อำเภอเมืองชัยภูมิ 2. อุทยานแห่งชาติภูแลนคา ที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ที่ตำบลห้วยต้อน อำเภอเมืองชัยภูมิ 3. อุทยานแห่งชาติไทรทอง ที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ที่ตำบลวังตะเฆ่ อำเภอหนองบัวระเหว 4. อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ที่อำเภอเทพสถิต 5. อุทยานแห่งชาติน้ำพอง ที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านผือ อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น (ขอนแก่น-ชัยภูมิ) 6. อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ที่อำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ (เพชรบูรณ์-ชัยภูมิ) 7. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ตั้งอยูที่ตำบลทุ่งลุยลาย อำเภอคอนสาร 8. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าตะเบาะ-ห้วยใหญ่ ที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ตั้งอยูที่ตำบลตะเบาะ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ (เพชรบูรณ์-ชัยภูมิ) 9. สวนพฤกษศาสตร์สวนรุกขชาติน้ำผุดทัพลาว 10. สวนพฤกษศาสตร์สวนรุกชาติ100ปี กรมป่าไม้ (ภูกุ้มข้าว) ชัยภูมิวัฒนธรรมภาษา วัฒนธรรม. ภาษา. จังหวัดชัยภูมิมีประชากรที่สืบเชื้อสายต่าง ๆ อาศัยปะปนกันอยู่ จึงทำให้จังหวัดชัยภูมิมีภาษาที่ใช้แตกต่างกัน โดยมีส่วนใหญ่เป็นกลุ่มภาษา ไท-กะได โดยมีภาษาไทยมาตรฐานเป็นภาษาราชการ โดยสามารถแยกได้เป็น 5 ภาษาหลัก ดังนี้- ภาษาลาวสำเนียงเวียงจันทน์ เป็นภาษาที่ใช้มากที่สุดในจังหวัดชัยภูมิ เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากเวียงจันทน์ โดยพบการใช้ทุกอำเภอ ซึ่งปัจจุบันภาษาดังกล่าวมีการปะปนสำเนียงทั้งจากโคราช ภาษาไทย และภาษาล้านนา จึงทำให้มีสำเนียงที่แตกต่างออกไปจากเดิม เช่น หากจะใช้คำว่า "งู" ภาษาอีสานจะออกเสียง "งู่" ส่วนภาษานี้จะออกเสียง "งู้" อีกทั้งยังมีคำว่า "เมือบ้าน" ที่เป็นภาษาอีสานทั่วไป แต่ภาษานี้จะใช้ว่า "กับบ้าน" ส่วนคำว่าขนมจีน จะใช้คำว่า "ขนมเส่น" ไม่ใช้คำว่า "ข้าวปุ้น" และ "ซกเล็ก"ในที่นี้ หมายถึง ส้มตำใส่ขนมจีน มิได้หมายถึง ลาบเลือด เป็นต้น โดยแถบที่ยังคงรักษาสำเนียงเดิมไว้ได้มากที่สุดอยู่ที่แถบอำเภอเกษตรสมบูรณ์ และภูเขียว - ภาษาลาวสำเนียงหลวงพระบาง เป็นภาษาเดียวกันที่ใช้มากในแถบจังหวัดเลย บางส่วนของหนองคาย อุตรดิตถ์ เชียงราย น่าน พิษณุโลก โดยเป็นภาษาหลักของแขวงหลวงพระบาง ทางตอนบนของประเทศลาว ซึ่งภาษานี้เป็นภาษาหลักที่ใช้ในอำเภอคอนสาร และมีกระจัดกระจายแถบอำเภอภูเขียว และเกษตรสมบูรณ์ - ภาษาไทโคราช มีใช้มากเป็นอันดับสองรองจากภาษาลาวเวียงจันทน์ ใช้มากในแถบอำเภอทางตอนล่างของจังหวัด ได้แก่ อำเภอจัตุรัส อำเภอเทพสถิต อำเภอบำเหน็จณรงค์ อำเภอเนินสง่า และบางส่วนในแถบอำเภอเมือง เช่น ตำบลบ้านค่าย และในอำเภอคอนสวรรค์ ได้แก่ บ้านโนนพันชาติ ตำบลโนนสะอาด - ภาษาญัฮกุร เป็นภาษามอญโบราณ เป็นภาษาตระกูลมอญ-เขมร ใช้ในหมู่ชาวบนหรือญัฮกุร ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์เก่าแก่ และเป็นมอญโบราณเผ่าสุดท้าย ซึ่งหากเทียบกับจังหวัดอื่นที่มีชนกลุ่มนี้อาศัยอยู่ จังหวัดชัยภูมิถือว่ามีมากที่สุด โดยพบได้ที่ บ้านน้ำลาด หมู่ที่ 4 ตำบลนายางกลัก อำเภอเทพสถิต นอกจากนี้ยังมีที่บ้านวังกำแพง ในอำเภอบ้านเขว้า ที่บ้านท่าโป่ง บ้านห้วยแย้ ในอำเภอหนองบัวระเหว ที่บ้านสะพานหิน บ้านสะพานยาง ในอำเภอเทพสถิต - ภาษาอีสาน หรือ ภาษาลาวตะวันตก มีการใช้บางหมู่บ้าน โดยส่วนใหญ่จะกระจัดกระจายอยู่กับคนเชื้อสายเวียงจันทน์ในแถบอำเภอแก้งคร้อ และอำเภอคอนสวรรค์ นอกจากนี้ จังหวัดชัยภูมิยังมีกลุ่มชนต่าง ๆ เช่น ชาวไทยเชื้อสายจีน และชาวไทยเชื้อสายแขก ที่กระจายไปตามเมืองใหญ่ๆต่างๆของจังหวัด ทั้งยังมีชาวภูไท ที่ปะปนอยู่กับชาวคอนสารอีกด้วยประเพณี ประเพณี. ด้วยประชากรที่หลากหลาย จังหวัดชัยภูมิจึงมีวัฒนธรรมประเพณีที่เกิดจากการผสมผสานกันระหว่างชุมชน จนกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำจังหวัด โดยมีประเพณีสามอย่าง ดังนี้- ประเพณีการแห่นาคโหด จัดอยู่ที่ วัดตาแขก บ้านโนนเสลา ตำบลหนองตูม อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ เป็นประเพณีที่เป็นบททดสอบความอดทนของบุตรชาย เพื่อทดแทนพระคุณของมารดา ที่ต้องทนอยู่ไฟ และเลี้ยงดูบุตรจนเติบใหญ่ โดยจะจัดงานบวชเป็นหมู่ ในช่วงเดือนหกตามจันทรคติของไทย ซึ่งชาวบ้านจะหามนาคที่นั่งอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ พร้อมกับโยน และเขย่าแคร่ไม้ไผ่อย่างรุนแรงเดินรอบหมู่บ้าน กันอย่างสนุกสนาน เพื่อทดสอบความอดทน และความตั้งใจของนาคที่อยู่บนแคร่ เพื่อจะบวชทดแทนคุณบิดามารดา - ประเพณีงานบุญกระธูป อำเภอหนองบัวแดง เป็นประเพณีที่จัดในช่วงของวันออกพรรษา ในอดีตแต่ก่อนประเพณีออกพรรษา ชาวบ้านจะร่วมแรงร่วมใจกันสร้างกระธูปโดยจะตีเกราะเคาะขอลอให้ชาวบ้านออกไปรวมตัว ณ จุดนัดหมาย (อาจเป็นศาลากลางบ้านหรือบ้านผู้ใหญ่บ้าน) หนุ่มสาวตื่นเต้นมากในการไปพันกระธูป ซึ่งกว่าจะเป็นกระธูปจุดได้ต้องผ่านกระบวนการยาวนานพอสมควรเพราะไม่ใช้กระธูปหรือธูปที่วางขายตามท้องตลาด แต่เกิดมาจากการขยี้เอามาจากกาบมะพร้าวจนร่วงออกมาราวผง แล้วพันด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์หุ้มอีกทีด้วยกระดาษสีหรือกระดาษหลากสีสัน ก่อนที่จะนำเข้าไปมัดกับดาวก้านตาล (สานจากใบตาลหรือใบลาน) จากนั้นจึงนำไปมัดห้อยกับก้านธูปที่เป็นเสมือนคันเบ็ด ทำไว้มากๆเสร็จแล้วจึงนำเข้าไปเสียบเข้าไปรูรอบปล้องไม้ไผ่ทำเป็นชั้นขึ้นไปเหมือนฉัตร ประดับตกแต่งงดงามก่อนที่จะนำออกมาจุดในวันเวียนเทียนออกพรรษา และในปัจจุบันประเพณีบุญกระธูปได้เป็นอัตลักษณ์ของอำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ - ประเพณีการตีคลีไฟ หรือการละเล่นตีคลีไฟ ถือเป็นกีฬาโบราณการละเล่นพื้นบ้านของชาวบ้านหนองเขื่อง ต.กุดตุ้ม อ.เมือง จ.ชัยภูมิ มาช้านานกว่า 100 ปี กีฬานี้สูญหายมาจนถึงช่วงปี 2546 ได้มีกลุ่มคณาจารย์ ผู้ใหญ่บ้าน วัดและได้กลับมาให้ความสนใจภูมิปัญญาของชาวบ้านดั่งเดิมให้กลับมาฟื้นคืนขึ้นอีกครั้ง ได้มีการริเริ่มอนุรักษ์กีฬาโบราณตีคลีไฟมาอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการละเล่นในช่วงวันออกพรรษา และหน้าหนาวของทุกปี นอกจากนี้ยังมีประเพณีในช่วงเทศกาลที่สำคัญต่างๆ เช่น- งานเจ้าพ่อพระยาแล และงานกาชาด - งานบุญเดือนหก - งานบุญเดือนสี่ประเพณีไทคอนสาร - งานส้มโอบ้านแท่น - งานพระไกรสิงหนาท อีกทั้งยังมีงานเทศกาลที่เกิดขึ้นจากบทเพลงรำวงของวงสุนทราภรณ์ ชื่อว่า "สาวบ้านแต้" เมื่อ 60 ปีก่อน คือ งานสืบสานตำนานสาวบ้านแต้ จัดที่อำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งในบทเพลงกล่าวถึงสาวบ้านแต้ขี่รถจักรยานไปเกษตรสมบูรณ์ ซึ่งบ้านแต้นั้นคือ บ้านหนองแต้ หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านยาง อำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ โดยเริ่มจัดเมื่อเดือนกันยายน ปีพุ.ศ.2559 ซึ่งเป็นงานเทศกาลใหม่ของจังหวัดชัยภูมิสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาสถาบันการศึกษา. ระดับอุดมศึกษา. - สถาบันอุดมศึกษารัฐ - มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ - มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดชัยภูมิ- สถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐ - มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (วิทยาลัยสงฆ์ชัยภูมิ)- สถาบันอุดมศึกษาในกำกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา - สถาบันการพลศึกษา (วิทยาเขตชัยภูมิ)- สถาบันอุดมศึกษาในกำกับกระทรวงสาธารณสุข - ศูนย์แพทยศาสตร์ศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลชัยภูมิ (ศูนย์แพทยศาสตร์ศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลชัยภูมิ สถาบันร่วมผลิตแพทย์ แห่งสำนักวิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี)- สถาบันอุดมศึกษาในกำกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา - สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๕ (วิทยาลัยเทคนิคชัยภูมิ) - สถาบันการอาชีวศึกษาเกษตรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีชัยภูมิ)ระดับอาชีวศึกษาระดับอาชีวศึกษา. - ประเภทรัฐบาล - วิทยาลัยสารพัดช่างชัยภูมิ - วิทยาลัยการอาชีพแก้งคร้อ อำเภอแก้งคร้อ - วิทยาลัยการอาชีพบำเหน็จณรงค์ อำเภอบำเหน็จณรงค์- ประเภทเอกชน - วิทยาลัยเทคโนโลยีชัยภูมิบริหารธุรกิจ อำเภอเมืองชัยภูมิ - วิทยาลัยเทคโนโลยีภูเขียว อำเภอภูเขียว - วิทยาศิขรินทร์บริหารธุรกิจ อำเภอภูเขียว - วิทยาลัยเทคโนโลยีบางกอก อำเภอหนองบัวแดง - วิทยาลัยอาชีวศึกษาไทเฉลิมราช ชัยภูมิ อำเภอหนองบัวแดง - วิทยาลัยเทคโนโลยีคอนสาร อำเภอคอนสาร - วิทยาลัยบ้านแท่นเทคโนโลยี อำเภอบ้านแท่น - วิทยาลัยอาชีวศึกษาชัยภูมิ อำเภอคอนสวรรค์ระดับมัธยมศึกษาระดับมัธยมศึกษา. - โรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล โรงเรียนชายประจำจังหวัด - โรงเรียนสตรีชัยภูมิ โรงเรียนหญิงประจำจังหวัดสถานที่สำคัญศาสนสถานที่สำคัญสถานที่สำคัญ. ศาสนสถานที่สำคัญ. - วัดทรงศิลา - วัดชัยภูมิพิทักษ์ (วัดผาเกิ้ง,สถานที่ประดิษฐานพระพุทธชัยภูมิพิทักษ์พระพุทธรูปประจำจังหวัดชัยภูมิ ) - วัดไพรีพินาศ (กลางเมืองเก่า) - วัดป่าสุคะโต - วัดภูแฝด - วัดศิลาอาสน์ - วัดสระหงษ์ - วัดอินทรีย์สังวรวนาราม - พระปรางค์กู่ - คริสตจักรสร้างสรรค์ชัยภูมิ - มัสยิดดารุชซารีฟ อำเภอจัตุรัสสนามกีฬาสำคัญสนามกีฬาสำคัญ. - สนามกีฬากลาง จังหวัดชัยภูมิ - สนามกีฬา สถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตชัยภูมิ - ศูนย์กีฬาครบวงจร มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ - โรงยิมสิริวัณวรี - สนามกีฬาเทศบาลเมืองชัยภูมิ - สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ เทศบาลตำบลจัตุรัสบุคคลสำคัญบุคคลสำคัญ. - พระเถระ- พระเทพมงคลเมธี (ประจักษ์ โชติโก) – เจ้าอาวาสวัดชัยสามหมอ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ - พระเทพภาวนาวิกรม วิ. (บุญมา ปุญฺญาภิรโต ป.ธ.6) – เจ้าอาวาสวัดชัยภูมิพิทักษ์ เจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ - พระสุวีรญาณ (ป.ธ.7) เจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ (ธ) – เจ้าอาวาสวัดศรีแก้งคร้อ - พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต (ป.ธ.7) - หลวงพ่อจื่อ พันธมุตโต วัดเขาตาเงาะอุดมพร - หลวงพ่อสายทอง เตชะธัมโม วัดป่าห้วยกุ่ม - หลวงปู่วิไลย์ เขมิโย วัดถ้ำพญาช้างเผือก - ผู้ว่าราชการจังหวัด - พีระศักดิ์ หินเมืองเก่า - ชวน ศิรินันท์พร (อดีตอธิบดีกรมการปกครอง) - วิรัตน์ ลิ้มสุวัฒน์- นักแสดง- อรวรรษา ฐานวิเศษ - ชาติ ชัยภูมิ - อติรุจ สิงหอำพล - โกวิท วัฒนกุล - รมิดา ประภาสโนบล - ขวัญนภา เรืองศรี (ลาล่า โปงลางสะออน) - ไอเดียร์ ธันลดา - นพัตฏ์ธร มัททวีวงศ์ (โจ๊กเกอร์) - นักมวย- ปิ๊กมี่ เมืองชัยภูมิ - ไผ่ผารบ พ.นอบน้อม - พรชัย ศิษย์พระพรหม - พิชิต ช.ศิริวัฒน์ - พิชิต ศิษย์บางพระจันทร์ - แหวนเพชร ชูวัฒนะ - ทัพทอง ต.บัวมาศ - ยอดแสนเก่ง ซีพียิมส์ - อภิสิทธิ์ เค.ที.ยิม - หยกเพชร ทก.ยิมส์ - นักร้อง- การะเกด (นักร้อง) - โชคชัย โชคอนันต์ - ประทีป ขจัดพาล - รุจิรา พญาแล - สายัญห์ นิรันดร - พิมพา พรศิริ - เสี่ยวอี้ ประสานชาติ - เบียร์ พร้อมพงษ์ - นักจัดรายการวิทยุ- ฟองสนาน จามรจันทร์ - ยุทธนา บุญอ้อม - อภิรดี ตรีโมกข์ - ธนธรณ์ ไชยวงศ์ - สุเมธ พิมพ์สราญ (บ่าวทองก้อน) - นักเขียน - กาญจนา นาคนันทน์- นักกีฬา- ชูเกียรติธน ยศภัทร์หนูสลุง - ประกิต ด่านขุนทด - ไพฑูรย์ นนทะดี - หัตถยา บำรุงสุข - เชิดศักดิ์ ชัยบุตร - ถวิล บุตรสมบัติ - ศุภชัย ศรีภูมิ - แหวนเพชร ชูวัฒนะ - อภิสิทธิ์ เค.ที.ยิม - ยอดแสนเก่ง ซีพียิมส์ - ฤทธิเดช ว.วรรณทวี - พิชิต ช.ศิริวัฒน์ - พิชิต ศิษย์บางพระจันทร์ - ไผ่ผารบ ก่อเกียรติยิม - พรชัย ศิษย์พระพรหม - สุริยน กุลพิมล (นักตะกร้อทีมชาติไทย) - นักการเมือง- คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยา พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร (นายกรัฐมนตรีคนที่ 23) - สุชน ชาลีเครือ อดีตประธานวุฒิสภา - พรทิพย์ โล่ห์วีระ จันทร์รัตนปรีดา อดีตรองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 - เจริญ จรรย์โกมล อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 - วุฒิชัย สงวนวงศ์ชัย อดีต ส.ส. ชัยภูมิ 7 สมัย - ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี - สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี - สุนทรีย์ ชัยวิรัตนะ อดีต ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย - โอชิษฐ์ เกียรติก้องชูชัย อดีต ส.ส.ชัยภูมิ เขต 1 พรรคภูมิใจไทย - มานะ โลหะวณิชย์ อดีต ส.ส.ชัยภูมิ เขต 2 พรรคเพื่อไทย - ปาริชาติ ชาลีเครือ อดีต ส.ส.ชัยภูมิ เขต 3 พรรคเพื่อไทย - อนันต์ ลิมปคุปตถาวร อดีต ส.ส.ชัยภูมิ เขต 4 พรรคเพื่อไทย - พรเพ็ญ บุญศิริวัฒนกุล อดีต ส.ส.ชัยภูมิ เขต 6 พรรคเพื่อไทย - มนตรี ชาลีเครือ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ
| ในปี พ.ศ. 2558 จังหวัดชัยภูมิมีขนาดเศรษฐกิจหรือผลิตภัณฑ์มวลรวมในจังหวัดจำนวนเท่าไร | {
"answer": [
"53,278 ล้านบาท"
],
"answer_begin_position": [
10280
],
"answer_end_position": [
10294
]
} |
655 | 457,327 | ณัฐภัสสรา อดุลยาเมธาสิริ ณัฐภัสสรา อดุลยาเมธาสิริ ชื่อเล่น กอล์ฟ (เดิมมีชื่อว่า บุศริน หยกพรายพันธ์) สาวหน้าหมวยซึ่งเคยเป็นพรีเซนเตอร์สินค้ามาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาภาพนิ่ง โฆษณาโทรทัศน์ หรือถ่ายแบบปกนิตยสาร และภายหลังจากที่ได้ทำงานในวงการโฆษณาอยู่พักใหญ่ ๆ กอล์ฟก็ได้ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว จากการได้เล่นภาพยนตร์อีกหลายเรื่องในเวลาต่อมา เช่น เป็นนางเอกเรื่อง รักเอาอยู่ คู่กับ ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ผลงานละครโทรทัศน์ภาพยนตร์มิวสิกวิดีโอโฆษณาผลงาน. โฆษณา. - แชมพู Sunsilk - ครีมบำรุงผิว ซิตร้า - นมถั่วเหลือง แลคตาซอย - Zenya - Axe Land - รถยนต์ Toyota - เครื่องดื่มแบรนด์วีต้า พรุนสกัดเข้มข้น - ผู้ให้บริการมือถือ AIS วันทูคอล - ไก่ทอด KFC - กระดาษชำระ PIGEON BABY WIPES - ห้างเซ็นทรัล - น้ำยาบ้วนปาก ซิทเท็มม่า - แป้งเค้ก ชีเน่ ไวท์ พลัส - ผู้ให้บริการมือถือ ทรูมูฟ - โรงเรียนอินเทอร์เน็ตและการออกแบบ Net Design - ยาอมฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ fisherman's friend - AP : Live More(ชีวิตที่มากกว่า) - ชุดชั้นในสตรี วาโก้ - เครื่องสำอาง มิสทีน - โออิชิ บุฟเฟ่ต์ - เกี๊ยวหมู ตราซีพี - รถยนต์นิสสัน รุ่น ลิวิน่า - สบู่อิงอร - ผลิตภัณฑ์กาแฟ เนสกาแฟรางวัลที่ได้รับรางวัลที่ได้รับ. - ชนะเลิศการประกวด Tea Tree (หนุ่มสาวหน้าใส) - รองชนะเลิศการประกวด Mister & Miss University พ.ศ. 2550 - ทูตนิสิตนักศึกษาเพื่อคุณธรรมและจริยธรรม แต่งตั้งโดยรัฐสภา - นักเรียนทุนเพชรพระจอม ด้านศิลปวัฒนธรรม สาขาการแสดงช่องทางการติดตามช่องทางการติดตาม. - fanpage : http://www.facebook.com/GolfThaFc http://www.facebook.com/pages/Golf_FC/102999876410162 - twitter : https://twitter.com/golfzakusung - instagram : http://instagram.com/golf_natpassara - search tag #กอล์ฟฐา or #พี่กอล์ฟ in twitter
| ณัฐภัสสรา อดุลยาเมธาสิริ ชื่อเดิมคือ บุศริน หยกพรายพันธ์ มีชื่อเล่นว่าอะไร | {
"answer": [
"กอล์ฟ"
],
"answer_begin_position": [
158
],
"answer_end_position": [
163
]
} |
656 | 457,327 | ณัฐภัสสรา อดุลยาเมธาสิริ ณัฐภัสสรา อดุลยาเมธาสิริ ชื่อเล่น กอล์ฟ (เดิมมีชื่อว่า บุศริน หยกพรายพันธ์) สาวหน้าหมวยซึ่งเคยเป็นพรีเซนเตอร์สินค้ามาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาภาพนิ่ง โฆษณาโทรทัศน์ หรือถ่ายแบบปกนิตยสาร และภายหลังจากที่ได้ทำงานในวงการโฆษณาอยู่พักใหญ่ ๆ กอล์ฟก็ได้ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว จากการได้เล่นภาพยนตร์อีกหลายเรื่องในเวลาต่อมา เช่น เป็นนางเอกเรื่อง รักเอาอยู่ คู่กับ ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ผลงานละครโทรทัศน์ภาพยนตร์มิวสิกวิดีโอโฆษณาผลงาน. โฆษณา. - แชมพู Sunsilk - ครีมบำรุงผิว ซิตร้า - นมถั่วเหลือง แลคตาซอย - Zenya - Axe Land - รถยนต์ Toyota - เครื่องดื่มแบรนด์วีต้า พรุนสกัดเข้มข้น - ผู้ให้บริการมือถือ AIS วันทูคอล - ไก่ทอด KFC - กระดาษชำระ PIGEON BABY WIPES - ห้างเซ็นทรัล - น้ำยาบ้วนปาก ซิทเท็มม่า - แป้งเค้ก ชีเน่ ไวท์ พลัส - ผู้ให้บริการมือถือ ทรูมูฟ - โรงเรียนอินเทอร์เน็ตและการออกแบบ Net Design - ยาอมฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ fisherman's friend - AP : Live More(ชีวิตที่มากกว่า) - ชุดชั้นในสตรี วาโก้ - เครื่องสำอาง มิสทีน - โออิชิ บุฟเฟ่ต์ - เกี๊ยวหมู ตราซีพี - รถยนต์นิสสัน รุ่น ลิวิน่า - สบู่อิงอร - ผลิตภัณฑ์กาแฟ เนสกาแฟรางวัลที่ได้รับรางวัลที่ได้รับ. - ชนะเลิศการประกวด Tea Tree (หนุ่มสาวหน้าใส) - รองชนะเลิศการประกวด Mister & Miss University พ.ศ. 2550 - ทูตนิสิตนักศึกษาเพื่อคุณธรรมและจริยธรรม แต่งตั้งโดยรัฐสภา - นักเรียนทุนเพชรพระจอม ด้านศิลปวัฒนธรรม สาขาการแสดงช่องทางการติดตามช่องทางการติดตาม. - fanpage : http://www.facebook.com/GolfThaFc http://www.facebook.com/pages/Golf_FC/102999876410162 - twitter : https://twitter.com/golfzakusung - instagram : http://instagram.com/golf_natpassara - search tag #กอล์ฟฐา or #พี่กอล์ฟ in twitter
| ณัฐภัสสรา อดุลยาเมธาสิริ ชื่อเล่น กอล์ฟ มีชื่อเดิมว่าอะไร | {
"answer": [
"บุศริน หยกพรายพันธ์"
],
"answer_begin_position": [
179
],
"answer_end_position": [
198
]
} |
657 | 46,482 | หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล (28 กันยายน 2486 - ) กรรมการกฤษฎีกา ประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยและรองประธานกรรมการมูลนิธิสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และอดีตปลัดกระทรวงการคลัง สื่อมวลชนเรียก หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล กันติดปากว่า หม่อมเต่าประวัติ ประวัติ. หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล โอรสของพลตรี หม่อมเจ้าฉัตรมงคล โสณกุล พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา กับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุไรรัตนศิริมาน พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เป็นโอรสคนสุดท้องในจำนวนสี่คน คือ- หม่อมราชวงศ์อายุมงคล โสณกุล (นักหนังสือพิมพ์ ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ เดอะ เนชั่น) - พันเอก หม่อมราชวงศ์ถวัลย์มงคล โสณกุล (ถึงแก่กรรม) - หม่อมราชวงศ์สุมาลยมงคล โชติกเสถียร (โสณกุล) - หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล จบการศึกษาจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และโรงเรียนแฮร์โรว์ จบปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมศาสตร์และเศรษฐศาสตร์จาก มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เมื่อ พ.ศ. 2508 ปริญญาโทบริหารรัฐกิจ จาก Kennedy School of Government มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เมื่อ พ.ศ. 2512 และวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร เมื่อ พ.ศ. 2532 หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล สมรสกับ รัชนี คชเสนี มีบุตร 1 คน คือ- หม่อมหลวงมิ่งมงคล โสณกุล ผู้กำกับภาพยนตร์ หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล สมรสครั้งที่สองกับ คุณหญิงบูลย์วิภา โสณกุล ณ อยุธยา (สกุลเดิม ทองไข่มุกข์) มีบุตร 2 คน คือ- หม่อมหลวงอรมงคล โสณกุล - หม่อมหลวงอภิมงคล โสณกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต 6 พ.ศ. 2548 พรรคประชาธิปัตย์ (ต่อจาก หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร)การรับราชการ การรับราชการ. หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล เริ่มรับราชการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง จนกระทั่งดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในภายหลังได้ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมบัญชีกลาง อธิบดีกรมสรรพสามิต อธิบดีกรมสรรพากร และปลัดกระทรวงการคลัง เป็นสมาชิกวุฒิสภาในปี พ.ศ. 2539 เมื่อปี พ.ศ. 2540 ขณะดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง เกิดความขัดแย้งด้านนโยบายการคลังกับรัฐบาลในยุคพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ และถูกคำสั่งย้ายไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จึงลาออกจากราชการทันที ต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2541 ในรัฐบาลชวน หลีกภัย หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2544 เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ทบทวนนโยบายด้านดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจธุรกิจ ธุรกิจ. หลังจากเกษียณราชการแล้ว ได้หันมาประกอบธุรกิจส่วนตัว ร้านอาหาร Orangery และ Lemongery ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ร้านเสื้อผ้า และร้านชุดชั้นในสตรีเครื่องราชอิสริยาภรณ์ลำดับสาแหรก
| หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล เป็นโอรสของใคร | {
"answer": [
"พลตรี หม่อมเจ้าฉัตรมงคล โสณกุล"
],
"answer_begin_position": [
475
],
"answer_end_position": [
505
]
} |
786 | 46,482 | หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล (28 กันยายน 2486 - ) กรรมการกฤษฎีกา ประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยและรองประธานกรรมการมูลนิธิสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และอดีตปลัดกระทรวงการคลัง สื่อมวลชนเรียก หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล กันติดปากว่า หม่อมเต่าประวัติ ประวัติ. หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล โอรสของพลตรี หม่อมเจ้าฉัตรมงคล โสณกุล พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา กับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุไรรัตนศิริมาน พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เป็นโอรสคนสุดท้องในจำนวนสี่คน คือ- หม่อมราชวงศ์อายุมงคล โสณกุล (นักหนังสือพิมพ์ ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ เดอะ เนชั่น) - พันเอก หม่อมราชวงศ์ถวัลย์มงคล โสณกุล (ถึงแก่กรรม) - หม่อมราชวงศ์สุมาลยมงคล โชติกเสถียร (โสณกุล) - หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล จบการศึกษาจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และโรงเรียนแฮร์โรว์ จบปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมศาสตร์และเศรษฐศาสตร์จาก มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เมื่อ พ.ศ. 2508 ปริญญาโทบริหารรัฐกิจ จาก Kennedy School of Government มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เมื่อ พ.ศ. 2512 และวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร เมื่อ พ.ศ. 2532 หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล สมรสกับ รัชนี คชเสนี มีบุตร 1 คน คือ- หม่อมหลวงมิ่งมงคล โสณกุล ผู้กำกับภาพยนตร์ หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล สมรสครั้งที่สองกับ คุณหญิงบูลย์วิภา โสณกุล ณ อยุธยา (สกุลเดิม ทองไข่มุกข์) มีบุตร 2 คน คือ- หม่อมหลวงอรมงคล โสณกุล - หม่อมหลวงอภิมงคล โสณกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต 6 พ.ศ. 2548 พรรคประชาธิปัตย์ (ต่อจาก หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร)การรับราชการ การรับราชการ. หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล เริ่มรับราชการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง จนกระทั่งดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในภายหลังได้ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมบัญชีกลาง อธิบดีกรมสรรพสามิต อธิบดีกรมสรรพากร และปลัดกระทรวงการคลัง เป็นสมาชิกวุฒิสภาในปี พ.ศ. 2539 เมื่อปี พ.ศ. 2540 ขณะดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง เกิดความขัดแย้งด้านนโยบายการคลังกับรัฐบาลในยุคพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ และถูกคำสั่งย้ายไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จึงลาออกจากราชการทันที ต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2541 ในรัฐบาลชวน หลีกภัย หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2544 เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ทบทวนนโยบายด้านดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจธุรกิจ ธุรกิจ. หลังจากเกษียณราชการแล้ว ได้หันมาประกอบธุรกิจส่วนตัว ร้านอาหาร Orangery และ Lemongery ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ร้านเสื้อผ้า และร้านชุดชั้นในสตรีเครื่องราชอิสริยาภรณ์ลำดับสาแหรก
| หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล สมรสครั้งที่สองกับใคร | {
"answer": [
"คุณหญิงบูลย์วิภา โสณกุล ณ อยุธยา"
],
"answer_begin_position": [
1398
],
"answer_end_position": [
1430
]
} |
787 | 46,482 | หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล (28 กันยายน 2486 - ) กรรมการกฤษฎีกา ประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยและรองประธานกรรมการมูลนิธิสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และอดีตปลัดกระทรวงการคลัง สื่อมวลชนเรียก หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล กันติดปากว่า หม่อมเต่าประวัติ ประวัติ. หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล โอรสของพลตรี หม่อมเจ้าฉัตรมงคล โสณกุล พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา กับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุไรรัตนศิริมาน พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เป็นโอรสคนสุดท้องในจำนวนสี่คน คือ- หม่อมราชวงศ์อายุมงคล โสณกุล (นักหนังสือพิมพ์ ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ เดอะ เนชั่น) - พันเอก หม่อมราชวงศ์ถวัลย์มงคล โสณกุล (ถึงแก่กรรม) - หม่อมราชวงศ์สุมาลยมงคล โชติกเสถียร (โสณกุล) - หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล จบการศึกษาจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และโรงเรียนแฮร์โรว์ จบปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมศาสตร์และเศรษฐศาสตร์จาก มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เมื่อ พ.ศ. 2508 ปริญญาโทบริหารรัฐกิจ จาก Kennedy School of Government มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เมื่อ พ.ศ. 2512 และวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร เมื่อ พ.ศ. 2532 หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล สมรสกับ รัชนี คชเสนี มีบุตร 1 คน คือ- หม่อมหลวงมิ่งมงคล โสณกุล ผู้กำกับภาพยนตร์ หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล สมรสครั้งที่สองกับ คุณหญิงบูลย์วิภา โสณกุล ณ อยุธยา (สกุลเดิม ทองไข่มุกข์) มีบุตร 2 คน คือ- หม่อมหลวงอรมงคล โสณกุล - หม่อมหลวงอภิมงคล โสณกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต 6 พ.ศ. 2548 พรรคประชาธิปัตย์ (ต่อจาก หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร)การรับราชการ การรับราชการ. หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล เริ่มรับราชการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง จนกระทั่งดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในภายหลังได้ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมบัญชีกลาง อธิบดีกรมสรรพสามิต อธิบดีกรมสรรพากร และปลัดกระทรวงการคลัง เป็นสมาชิกวุฒิสภาในปี พ.ศ. 2539 เมื่อปี พ.ศ. 2540 ขณะดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง เกิดความขัดแย้งด้านนโยบายการคลังกับรัฐบาลในยุคพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ และถูกคำสั่งย้ายไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จึงลาออกจากราชการทันที ต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2541 ในรัฐบาลชวน หลีกภัย หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2544 เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ทบทวนนโยบายด้านดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจธุรกิจ ธุรกิจ. หลังจากเกษียณราชการแล้ว ได้หันมาประกอบธุรกิจส่วนตัว ร้านอาหาร Orangery และ Lemongery ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ร้านเสื้อผ้า และร้านชุดชั้นในสตรีเครื่องราชอิสริยาภรณ์ลำดับสาแหรก
| พระบิดาของหม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล มีพระนามว่าอะไร | {
"answer": [
"พลตรี หม่อมเจ้าฉัตรมงคล โสณกุล"
],
"answer_begin_position": [
475
],
"answer_end_position": [
505
]
} |
891 | 46,482 | หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล (28 กันยายน 2486 - ) กรรมการกฤษฎีกา ประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยและรองประธานกรรมการมูลนิธิสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และอดีตปลัดกระทรวงการคลัง สื่อมวลชนเรียก หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล กันติดปากว่า หม่อมเต่าประวัติ ประวัติ. หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล โอรสของพลตรี หม่อมเจ้าฉัตรมงคล โสณกุล พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา กับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุไรรัตนศิริมาน พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เป็นโอรสคนสุดท้องในจำนวนสี่คน คือ- หม่อมราชวงศ์อายุมงคล โสณกุล (นักหนังสือพิมพ์ ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ เดอะ เนชั่น) - พันเอก หม่อมราชวงศ์ถวัลย์มงคล โสณกุล (ถึงแก่กรรม) - หม่อมราชวงศ์สุมาลยมงคล โชติกเสถียร (โสณกุล) - หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล จบการศึกษาจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และโรงเรียนแฮร์โรว์ จบปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมศาสตร์และเศรษฐศาสตร์จาก มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เมื่อ พ.ศ. 2508 ปริญญาโทบริหารรัฐกิจ จาก Kennedy School of Government มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เมื่อ พ.ศ. 2512 และวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร เมื่อ พ.ศ. 2532 หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล สมรสกับ รัชนี คชเสนี มีบุตร 1 คน คือ- หม่อมหลวงมิ่งมงคล โสณกุล ผู้กำกับภาพยนตร์ หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล สมรสครั้งที่สองกับ คุณหญิงบูลย์วิภา โสณกุล ณ อยุธยา (สกุลเดิม ทองไข่มุกข์) มีบุตร 2 คน คือ- หม่อมหลวงอรมงคล โสณกุล - หม่อมหลวงอภิมงคล โสณกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต 6 พ.ศ. 2548 พรรคประชาธิปัตย์ (ต่อจาก หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร)การรับราชการ การรับราชการ. หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล เริ่มรับราชการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง จนกระทั่งดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในภายหลังได้ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมบัญชีกลาง อธิบดีกรมสรรพสามิต อธิบดีกรมสรรพากร และปลัดกระทรวงการคลัง เป็นสมาชิกวุฒิสภาในปี พ.ศ. 2539 เมื่อปี พ.ศ. 2540 ขณะดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง เกิดความขัดแย้งด้านนโยบายการคลังกับรัฐบาลในยุคพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ และถูกคำสั่งย้ายไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จึงลาออกจากราชการทันที ต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2541 ในรัฐบาลชวน หลีกภัย หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2544 เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ทบทวนนโยบายด้านดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจธุรกิจ ธุรกิจ. หลังจากเกษียณราชการแล้ว ได้หันมาประกอบธุรกิจส่วนตัว ร้านอาหาร Orangery และ Lemongery ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ร้านเสื้อผ้า และร้านชุดชั้นในสตรีเครื่องราชอิสริยาภรณ์ลำดับสาแหรก
| หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล เป็นพระโอรสของผู้ใด | {
"answer": [
"พลตรี หม่อมเจ้าฉัตรมงคล โสณกุล"
],
"answer_begin_position": [
475
],
"answer_end_position": [
505
]
} |
892 | 46,482 | หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล (28 กันยายน 2486 - ) กรรมการกฤษฎีกา ประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยและรองประธานกรรมการมูลนิธิสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และอดีตปลัดกระทรวงการคลัง สื่อมวลชนเรียก หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล กันติดปากว่า หม่อมเต่าประวัติ ประวัติ. หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล โอรสของพลตรี หม่อมเจ้าฉัตรมงคล โสณกุล พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา กับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุไรรัตนศิริมาน พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เป็นโอรสคนสุดท้องในจำนวนสี่คน คือ- หม่อมราชวงศ์อายุมงคล โสณกุล (นักหนังสือพิมพ์ ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ เดอะ เนชั่น) - พันเอก หม่อมราชวงศ์ถวัลย์มงคล โสณกุล (ถึงแก่กรรม) - หม่อมราชวงศ์สุมาลยมงคล โชติกเสถียร (โสณกุล) - หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล จบการศึกษาจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และโรงเรียนแฮร์โรว์ จบปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมศาสตร์และเศรษฐศาสตร์จาก มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เมื่อ พ.ศ. 2508 ปริญญาโทบริหารรัฐกิจ จาก Kennedy School of Government มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เมื่อ พ.ศ. 2512 และวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร เมื่อ พ.ศ. 2532 หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล สมรสกับ รัชนี คชเสนี มีบุตร 1 คน คือ- หม่อมหลวงมิ่งมงคล โสณกุล ผู้กำกับภาพยนตร์ หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล สมรสครั้งที่สองกับ คุณหญิงบูลย์วิภา โสณกุล ณ อยุธยา (สกุลเดิม ทองไข่มุกข์) มีบุตร 2 คน คือ- หม่อมหลวงอรมงคล โสณกุล - หม่อมหลวงอภิมงคล โสณกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต 6 พ.ศ. 2548 พรรคประชาธิปัตย์ (ต่อจาก หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร)การรับราชการ การรับราชการ. หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล เริ่มรับราชการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง จนกระทั่งดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในภายหลังได้ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมบัญชีกลาง อธิบดีกรมสรรพสามิต อธิบดีกรมสรรพากร และปลัดกระทรวงการคลัง เป็นสมาชิกวุฒิสภาในปี พ.ศ. 2539 เมื่อปี พ.ศ. 2540 ขณะดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง เกิดความขัดแย้งด้านนโยบายการคลังกับรัฐบาลในยุคพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ และถูกคำสั่งย้ายไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จึงลาออกจากราชการทันที ต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2541 ในรัฐบาลชวน หลีกภัย หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2544 เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ทบทวนนโยบายด้านดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจธุรกิจ ธุรกิจ. หลังจากเกษียณราชการแล้ว ได้หันมาประกอบธุรกิจส่วนตัว ร้านอาหาร Orangery และ Lemongery ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ร้านเสื้อผ้า และร้านชุดชั้นในสตรีเครื่องราชอิสริยาภรณ์ลำดับสาแหรก
| หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล สมรสครั้งที่สองกับผู้ใด | {
"answer": [
"คุณหญิงบูลย์วิภา โสณกุล ณ อยุธยา"
],
"answer_begin_position": [
1398
],
"answer_end_position": [
1430
]
} |
1,412 | 46,482 | หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล (28 กันยายน 2486 - ) กรรมการกฤษฎีกา ประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยและรองประธานกรรมการมูลนิธิสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และอดีตปลัดกระทรวงการคลัง สื่อมวลชนเรียก หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล กันติดปากว่า หม่อมเต่าประวัติ ประวัติ. หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล โอรสของพลตรี หม่อมเจ้าฉัตรมงคล โสณกุล พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา กับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุไรรัตนศิริมาน พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เป็นโอรสคนสุดท้องในจำนวนสี่คน คือ- หม่อมราชวงศ์อายุมงคล โสณกุล (นักหนังสือพิมพ์ ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ เดอะ เนชั่น) - พันเอก หม่อมราชวงศ์ถวัลย์มงคล โสณกุล (ถึงแก่กรรม) - หม่อมราชวงศ์สุมาลยมงคล โชติกเสถียร (โสณกุล) - หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล จบการศึกษาจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และโรงเรียนแฮร์โรว์ จบปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมศาสตร์และเศรษฐศาสตร์จาก มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เมื่อ พ.ศ. 2508 ปริญญาโทบริหารรัฐกิจ จาก Kennedy School of Government มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เมื่อ พ.ศ. 2512 และวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร เมื่อ พ.ศ. 2532 หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล สมรสกับ รัชนี คชเสนี มีบุตร 1 คน คือ- หม่อมหลวงมิ่งมงคล โสณกุล ผู้กำกับภาพยนตร์ หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล สมรสครั้งที่สองกับ คุณหญิงบูลย์วิภา โสณกุล ณ อยุธยา (สกุลเดิม ทองไข่มุกข์) มีบุตร 2 คน คือ- หม่อมหลวงอรมงคล โสณกุล - หม่อมหลวงอภิมงคล โสณกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต 6 พ.ศ. 2548 พรรคประชาธิปัตย์ (ต่อจาก หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร)การรับราชการ การรับราชการ. หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล เริ่มรับราชการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง จนกระทั่งดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในภายหลังได้ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมบัญชีกลาง อธิบดีกรมสรรพสามิต อธิบดีกรมสรรพากร และปลัดกระทรวงการคลัง เป็นสมาชิกวุฒิสภาในปี พ.ศ. 2539 เมื่อปี พ.ศ. 2540 ขณะดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง เกิดความขัดแย้งด้านนโยบายการคลังกับรัฐบาลในยุคพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ และถูกคำสั่งย้ายไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จึงลาออกจากราชการทันที ต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2541 ในรัฐบาลชวน หลีกภัย หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2544 เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ทบทวนนโยบายด้านดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจธุรกิจ ธุรกิจ. หลังจากเกษียณราชการแล้ว ได้หันมาประกอบธุรกิจส่วนตัว ร้านอาหาร Orangery และ Lemongery ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ร้านเสื้อผ้า และร้านชุดชั้นในสตรีเครื่องราชอิสริยาภรณ์ลำดับสาแหรก
| หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล จบปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมศาสตร์และเศรษฐศาสตร์จาก มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เมื่อ พ.ศ. ใด | {
"answer": [
"2508"
],
"answer_begin_position": [
1115
],
"answer_end_position": [
1119
]
} |
658 | 757,534 | อนุภาษ เหลืองสดใส อนุภาษ เหลืองสดใส เกิดเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 เป็นนักแสดงชาวไทย มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน เป็นบุตรชายคนสุดท้อง เข้าศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ปัจจุบันศึกษาอยู่ สาขาภาพยนตร์และสื่อดิจิดอล วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงจากการแคสติ้งละคร เลิฟซิคเดอะซีรีส์ รักวุ่น วัยรุ่นแสบ และได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในนักแสดง รับบทเป็น เอิ้น ประธานชมรมเชียร์ผลงานผลงานโฆษณาMusic Videoผลงานเพลงผลงานละครโทรทัศน์ผลงานภาพยนตร์หนังสั้นรางวัลรางวัล. - 2017 Asia Model Festival Face of Asia
| อนุภาษ เหลืองสดใส ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในนักแสดงซีรีส์ รักวุ่น วัยรุ่นแสบ รับบทเป็นใคร | {
"answer": [
"เอิ้น"
],
"answer_begin_position": [
509
],
"answer_end_position": [
514
]
} |
1,567 | 757,534 | อนุภาษ เหลืองสดใส อนุภาษ เหลืองสดใส เกิดเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 เป็นนักแสดงชาวไทย มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน เป็นบุตรชายคนสุดท้อง เข้าศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ปัจจุบันศึกษาอยู่ สาขาภาพยนตร์และสื่อดิจิดอล วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงจากการแคสติ้งละคร เลิฟซิคเดอะซีรีส์ รักวุ่น วัยรุ่นแสบ และได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในนักแสดง รับบทเป็น เอิ้น ประธานชมรมเชียร์ผลงานผลงานโฆษณาMusic Videoผลงานเพลงผลงานละครโทรทัศน์ผลงานภาพยนตร์หนังสั้นรางวัลรางวัล. - 2017 Asia Model Festival Face of Asia
| อนุภาษ เหลืองสดใส เกิดเมื่อวันที่เท่าไร | {
"answer": [
"30"
],
"answer_begin_position": [
144
],
"answer_end_position": [
146
]
} |
659 | 570,002 | สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ดร.สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและอดีตประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อดีตปลัดกระทรวงการคลังประวัติ ประวัติ. นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ เกิดเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2493 เป็นชาวอำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จากโรงเรียนตรังวิทยา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จากโรงเรียนสมาคมโรงเรียนราษฎร์ ระดับปริญญาตรีนิติศาสตรบัณฑิต จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในปี พ.ศ. 2514 และสำเร็จการศึกษาหลักสูตรเนติบัณฑิตไทย ในปี พ.ศ. 2516 ระดับปริญญาโท LL.M. (Taxation) จากมหาวิทยาลัยทูเลน สหรัฐอเมริกา และปริญญาเอก Ph.D. (Development Administration) จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ในปี พ.ศ. 2537 และหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 42 นอกจากนั้นยังได้ศึกษาจนสำเร็จการศึกษาเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ในปี พ.ศ. 2546การรับราชการการรับราชการ. - อัครราชทูตที่ปรึกษาการศุลกากร ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซล (และเป็นผู้แทนถาวรไทยประจำแกตต์ และผู้แทนไทยประจำประชาคมยุโรป) - ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง - อธิบดีกรมสรรพสามิต - อธิบดีกรมศุลกากร - รองปลัดกระทรวงการคลัง (หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายได้) - ปลัดกระทรวงการคลัง - ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.) - พ.ศ. 2544 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)
| นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ บ้านเกิดอยู่จังหวัดอะไร | {
"answer": [
"จังหวัดนครศรีธรรมราช"
],
"answer_begin_position": [
419
],
"answer_end_position": [
439
]
} |
1,546 | 570,002 | สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ดร.สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและอดีตประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อดีตปลัดกระทรวงการคลังประวัติ ประวัติ. นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ เกิดเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2493 เป็นชาวอำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จากโรงเรียนตรังวิทยา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จากโรงเรียนสมาคมโรงเรียนราษฎร์ ระดับปริญญาตรีนิติศาสตรบัณฑิต จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในปี พ.ศ. 2514 และสำเร็จการศึกษาหลักสูตรเนติบัณฑิตไทย ในปี พ.ศ. 2516 ระดับปริญญาโท LL.M. (Taxation) จากมหาวิทยาลัยทูเลน สหรัฐอเมริกา และปริญญาเอก Ph.D. (Development Administration) จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ในปี พ.ศ. 2537 และหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 42 นอกจากนั้นยังได้ศึกษาจนสำเร็จการศึกษาเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ในปี พ.ศ. 2546การรับราชการการรับราชการ. - อัครราชทูตที่ปรึกษาการศุลกากร ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซล (และเป็นผู้แทนถาวรไทยประจำแกตต์ และผู้แทนไทยประจำประชาคมยุโรป) - ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง - อธิบดีกรมสรรพสามิต - อธิบดีกรมศุลกากร - รองปลัดกระทรวงการคลัง (หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายได้) - ปลัดกระทรวงการคลัง - ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.) - พ.ศ. 2544 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)
| นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ เกิดเมื่อวันที่เท่าไร | {
"answer": [
"9"
],
"answer_begin_position": [
382
],
"answer_end_position": [
383
]
} |
660 | 592,845 | จามาล อุดดีน อัล-อัฟกานี จามาล อุดดีน อัล-อัฟกานี (Jamal ad-Din al-Afghani) เป็นนักคิดเจ้าของลัทธิรวมกลุ่มอิสลามและเป็นปัญญาชนคนสำคัญในโลกอิสลาม เกิดเมื่อ พ.ศ. 2382 ใกล้กับเมืองฮะมะดันในอิหร่านตะวันตก และเข้าศึกษาทางด้านอิสลามที่สำนักอิสลามนิกายชีอะห์ในอิรัก ก่อนจะเผยแพร่ลัทธิรวมกลุ่มอิสลาม เพื่อฟื้นฟูศาสนาอิสลามให้เป็นหนึ่งเดียวกันทั้งโลก ใน พ.ศ. 2400 เขาได้เดินทางไปอินเดีย และได้เห็นเหตุการณ์กบฏซีปอย ทำให้เขารู้สึกเกลียดชังอังกฤษ เขาได้เดินทางไปอัฟกานิสถานและสนับสนุนให้อัฟกานิสถานต่อสู้กับอังกฤษ แต่ไม่สำเร็จจึงถูกเนรเทศออกมา จากนั้นจามาลได้ไปเผยแพร่ศาสนาในอียิปต์ ซึ่งความเชื่อของเขาได้รับความนิยมมาก แต่ในที่สุด เขาถูกขับออกจากอียิปต์เพราะเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง โดยสนับสนุนให้ข้าหลวงอิสมาอีลสละบัลลังก์ให้เตาฟีก บุตรชาย และสนับสนุนให้ชาวอียิปต์ต่อต้านตะวันตก เมื่ออกจากอียิปต์เขาเดินทางไปยังไฮเดอราบาดและเขียนบทความโจมตีเซอร์ไซยิด อาหมัด ข่านที่นิยมอังกฤษ เขาจึงถูกจำคุกที่กัลกัตตา เมื่อพ้นโทษจึงเดินทางไปปารีสและออกหนังสือพิมพ์ต่อต้านอังกฤษ ภายหลังได้เดินทางไปรัสเซียและอิหร่าน แต่ก็ถูกปฏิเสธจากรัฐบาลเหล่านี้ จามาลจึงตั้งองค์กรลับและออกใบปลิวต่อต้านรัฐบาลที่ยอมให้สัมปทานแก่ตะวันตก ในบั้นปลายชีวิต เขาได้เดินทางไปยังออตโตมานใน พ.ศ. 2435 เพื่อพบกับสุลต่านอับดุล ฮามิดที่ 2 ในระยะแรก สุลต่านสนับสนุนเขา แต่ภายหลังเมื่อสุลต่านพบว่าจามาลไม่ได้จงรักภักดีต่อพระองค์อย่างแท้จริงจึงสั่งกักบริเวณจนเขาถึงแก่กรรมด้วยโรคมะเร็งเมื่อ 9 มีนาคม พ.ศ. 2439 แม้ว่าจามาลจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเกลี้ยกล่อมผู้นำมุสลิมต่างๆต่อต้านตะวันตกแต่ไม่สำเร็จ แต่คนรุ่นต่อมาได้นำความคิดของเขามาใช้จนเกิดเป็นขบวนการภราดรภาพอิสลามในอียิปต์
| จามาล อุดดีน อัล-อัฟกานี หรือ Jamal ad-Din al-Afghani เป็นนักคิดเจ้าของลัทธิอะไร | {
"answer": [
"ลัทธิรวมกลุ่มอิสลาม"
],
"answer_begin_position": [
192
],
"answer_end_position": [
211
]
} |
1,552 | 592,845 | จามาล อุดดีน อัล-อัฟกานี จามาล อุดดีน อัล-อัฟกานี (Jamal ad-Din al-Afghani) เป็นนักคิดเจ้าของลัทธิรวมกลุ่มอิสลามและเป็นปัญญาชนคนสำคัญในโลกอิสลาม เกิดเมื่อ พ.ศ. 2382 ใกล้กับเมืองฮะมะดันในอิหร่านตะวันตก และเข้าศึกษาทางด้านอิสลามที่สำนักอิสลามนิกายชีอะห์ในอิรัก ก่อนจะเผยแพร่ลัทธิรวมกลุ่มอิสลาม เพื่อฟื้นฟูศาสนาอิสลามให้เป็นหนึ่งเดียวกันทั้งโลก ใน พ.ศ. 2400 เขาได้เดินทางไปอินเดีย และได้เห็นเหตุการณ์กบฏซีปอย ทำให้เขารู้สึกเกลียดชังอังกฤษ เขาได้เดินทางไปอัฟกานิสถานและสนับสนุนให้อัฟกานิสถานต่อสู้กับอังกฤษ แต่ไม่สำเร็จจึงถูกเนรเทศออกมา จากนั้นจามาลได้ไปเผยแพร่ศาสนาในอียิปต์ ซึ่งความเชื่อของเขาได้รับความนิยมมาก แต่ในที่สุด เขาถูกขับออกจากอียิปต์เพราะเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง โดยสนับสนุนให้ข้าหลวงอิสมาอีลสละบัลลังก์ให้เตาฟีก บุตรชาย และสนับสนุนให้ชาวอียิปต์ต่อต้านตะวันตก เมื่ออกจากอียิปต์เขาเดินทางไปยังไฮเดอราบาดและเขียนบทความโจมตีเซอร์ไซยิด อาหมัด ข่านที่นิยมอังกฤษ เขาจึงถูกจำคุกที่กัลกัตตา เมื่อพ้นโทษจึงเดินทางไปปารีสและออกหนังสือพิมพ์ต่อต้านอังกฤษ ภายหลังได้เดินทางไปรัสเซียและอิหร่าน แต่ก็ถูกปฏิเสธจากรัฐบาลเหล่านี้ จามาลจึงตั้งองค์กรลับและออกใบปลิวต่อต้านรัฐบาลที่ยอมให้สัมปทานแก่ตะวันตก ในบั้นปลายชีวิต เขาได้เดินทางไปยังออตโตมานใน พ.ศ. 2435 เพื่อพบกับสุลต่านอับดุล ฮามิดที่ 2 ในระยะแรก สุลต่านสนับสนุนเขา แต่ภายหลังเมื่อสุลต่านพบว่าจามาลไม่ได้จงรักภักดีต่อพระองค์อย่างแท้จริงจึงสั่งกักบริเวณจนเขาถึงแก่กรรมด้วยโรคมะเร็งเมื่อ 9 มีนาคม พ.ศ. 2439 แม้ว่าจามาลจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเกลี้ยกล่อมผู้นำมุสลิมต่างๆต่อต้านตะวันตกแต่ไม่สำเร็จ แต่คนรุ่นต่อมาได้นำความคิดของเขามาใช้จนเกิดเป็นขบวนการภราดรภาพอิสลามในอียิปต์
| จามาล อุดดีน อัล-อัฟกานีเป็นนักคิดเจ้าของลัทธิรวมกลุ่มอิสลาม ถึงแก่กรรมด้วยโรคมะเร็งเมื่อวันที่เท่าไร | {
"answer": [
"9"
],
"answer_begin_position": [
1436
],
"answer_end_position": [
1437
]
} |
661 | 207,330 | ฮวัง ชัน-ซ็อง ฮวาง ชาน-ซอง () เป็นศิลปินสมาชิกวงทูพีเอ็ม กลุ่มนักร้องชายจากประเทศเกาหลีใต้ สังกัดค่ายเจวายพีเอ็นเตอร์เทนเมนท์ประวัติ ประวัติ. ฮวาง ชาน-ซอง เกิดเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2533 มีอายุน้อยที่สุดในวงจึงเรียกว่า "มักแน" (แปลว่าน้องเล็ก) แต่ก็เป็นน้องเล็กที่ตัวโตที่สุดในบรรดาน้องเล็กของวงบอยแบนด์เกาหลีใต้ นับถือศาสนาพุทธ เข้าวงการด้วยการเป็นนักแสดง นายแบบ เล่นโฆษณา ชัน-ซ็องมีชื่อเล่นว่า fairy, phwang-ka มีส่วนสูง 184 เซนติเมตร น้ำหนัก 72 กิโลกรัม จบการศึกษาระดับมัธยมปลายจากโรงเรียนฮันกุกเยซุล (Korean Art High School) ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 1 (พ.ศ. 2552) มหาวิทยาลัยโฮวอน คณะ Boardcasting & Entertainment พูดภาษาจีน นอกจากนั้นยังมีความสามารถในด้านกีฬาเทควันโดและฟันดาบด้วย อยู่ในวงจะได้รับการร้องท่อนแรปและท่อนกลางของเพลง ก่อนเข้าเป็นสมาชิกวงทูพีเอ็ม ชาน-ซองเคยแสดงละครซิตคอมของเกาหลีที่มีเรตติงสูงมาก เรื่อง Unstoppable High Kick และเคยเข้าร่วมทดสอบความสามารถ Superstar Survival ปี 2006 พร้อมกับเพื่อนร่วมวงอย่างจุน-โฮ และแทค-ยอน แต่ก็แพ้ ซึ่งเขาเคยเข้าทดสอบความสามารถถึงสองครั้งแล้วจึงได้รับการยอมรับจากบริษัท ตำแหน่งในวง : ร้อง (Vocalist), แรป (Rapper)ภาพลักษณ์ ภาพลักษณ์. ได้รับการจัดอันดับใน Mnet Super 100 pop idols 2009 ให้อยู่อันดับที่ 36ผลงานผลงานเพลงผลงาน. ผลงานเพลง. - ปี 2008 อัลบัม Hottest Time of the Day - ปี 2009 อัลบัม 2:00PM Time for change - ปี 2009 อัลบัม 2PM - The First Album 1:59PM - ปี 2010 อัลบัม Don't Stop Can't Stop - ปี 2010 อัลบัม STILL 2:00PM - ปี 2011 อัลบัม Hands up - ปี 2013 อัลบัม GROWN - ปี 2014 อัลบัม GO CRAZY! - ปี 2015 อัลบัม No.5 - ปี 2016 อัลบัม Gentlemen's gameผลงานด้านการแสดงผลงานด้านการแสดง. - รายการ Super Star Survival ปี 2006 ทางช่อง SBS - ซิตคอมเกาหลีเรื่อง Unstoppable Highkick ทางช่อง MBC - ซิตคอมเกาหลีเรื่อง Jungle Fish - นักแสดงรับเชิญ Dream High 1 - 7th Grade Civil Servant ทางช่อง MBC - ภาพยนตร์เรื่อง Red Carpet - ภาพยนตร์เรื่อง 5 พี่น้อง ทกซูรี - นักแสดงรับเชิญ ภาพยนตร์เรื่อง I wanna hold your hand (China) - ภาพยนตร์เรื่อง Wasureyuki (Japan)พิธีกร
| ฮวาง ชาน-ซอง สังกัดค่ายเจวายพีเอ็นเตอร์เทนเมนท์ เป็นศิลปินสมาชิกวงอะไร | {
"answer": [
"วงทูพีเอ็ม"
],
"answer_begin_position": [
134
],
"answer_end_position": [
144
]
} |
1,472 | 207,330 | ฮวัง ชัน-ซ็อง ฮวาง ชาน-ซอง () เป็นศิลปินสมาชิกวงทูพีเอ็ม กลุ่มนักร้องชายจากประเทศเกาหลีใต้ สังกัดค่ายเจวายพีเอ็นเตอร์เทนเมนท์ประวัติ ประวัติ. ฮวาง ชาน-ซอง เกิดเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2533 มีอายุน้อยที่สุดในวงจึงเรียกว่า "มักแน" (แปลว่าน้องเล็ก) แต่ก็เป็นน้องเล็กที่ตัวโตที่สุดในบรรดาน้องเล็กของวงบอยแบนด์เกาหลีใต้ นับถือศาสนาพุทธ เข้าวงการด้วยการเป็นนักแสดง นายแบบ เล่นโฆษณา ชัน-ซ็องมีชื่อเล่นว่า fairy, phwang-ka มีส่วนสูง 184 เซนติเมตร น้ำหนัก 72 กิโลกรัม จบการศึกษาระดับมัธยมปลายจากโรงเรียนฮันกุกเยซุล (Korean Art High School) ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 1 (พ.ศ. 2552) มหาวิทยาลัยโฮวอน คณะ Boardcasting & Entertainment พูดภาษาจีน นอกจากนั้นยังมีความสามารถในด้านกีฬาเทควันโดและฟันดาบด้วย อยู่ในวงจะได้รับการร้องท่อนแรปและท่อนกลางของเพลง ก่อนเข้าเป็นสมาชิกวงทูพีเอ็ม ชาน-ซองเคยแสดงละครซิตคอมของเกาหลีที่มีเรตติงสูงมาก เรื่อง Unstoppable High Kick และเคยเข้าร่วมทดสอบความสามารถ Superstar Survival ปี 2006 พร้อมกับเพื่อนร่วมวงอย่างจุน-โฮ และแทค-ยอน แต่ก็แพ้ ซึ่งเขาเคยเข้าทดสอบความสามารถถึงสองครั้งแล้วจึงได้รับการยอมรับจากบริษัท ตำแหน่งในวง : ร้อง (Vocalist), แรป (Rapper)ภาพลักษณ์ ภาพลักษณ์. ได้รับการจัดอันดับใน Mnet Super 100 pop idols 2009 ให้อยู่อันดับที่ 36ผลงานผลงานเพลงผลงาน. ผลงานเพลง. - ปี 2008 อัลบัม Hottest Time of the Day - ปี 2009 อัลบัม 2:00PM Time for change - ปี 2009 อัลบัม 2PM - The First Album 1:59PM - ปี 2010 อัลบัม Don't Stop Can't Stop - ปี 2010 อัลบัม STILL 2:00PM - ปี 2011 อัลบัม Hands up - ปี 2013 อัลบัม GROWN - ปี 2014 อัลบัม GO CRAZY! - ปี 2015 อัลบัม No.5 - ปี 2016 อัลบัม Gentlemen's gameผลงานด้านการแสดงผลงานด้านการแสดง. - รายการ Super Star Survival ปี 2006 ทางช่อง SBS - ซิตคอมเกาหลีเรื่อง Unstoppable Highkick ทางช่อง MBC - ซิตคอมเกาหลีเรื่อง Jungle Fish - นักแสดงรับเชิญ Dream High 1 - 7th Grade Civil Servant ทางช่อง MBC - ภาพยนตร์เรื่อง Red Carpet - ภาพยนตร์เรื่อง 5 พี่น้อง ทกซูรี - นักแสดงรับเชิญ ภาพยนตร์เรื่อง I wanna hold your hand (China) - ภาพยนตร์เรื่อง Wasureyuki (Japan)พิธีกร
| ฮวาง ชาน-ซอง สมาชิกวงทูพีเอ็ม เกิดเมื่อวันที่เท่าไร | {
"answer": [
"11"
],
"answer_begin_position": [
259
],
"answer_end_position": [
261
]
} |
662 | 735,113 | เขยบ้านนอก เขยบ้านนอก เป็นละครแนวคอมเมดี จากบทประพันธ์ของ เพ็ญแข วงศ์สง่า ถูกนำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทางช่อง 3 ถึง 2 ครั้งการสร้างเป็นละครโทรทัศน์ การสร้างเป็นละครโทรทัศน์. ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2544 ผลิตโดย บริษัท ทีวีซีน จำกัด เขียนบทโทรทัศน์โดย เอกลิขิต กำกับการแสดงโดย สุประวัติ ปัทมสูต นำแสดงโดย ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ, อาทิตยา ดีถีเพ็ญ,นพชัย มัททวีวงศ์ ออกอากาศทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 19.00 - 19.45 น. ครั้งที่สองในปี พ.ศ. 2553 ผลิตโดย บริษัท ทีวี ธันเดอร์ จำกัด เขียนบทโทรทัศน์โดย กษิดินทร์ แสงวงศ์ กำกับการแสดงโดย ปกาสิต กิ่งศักดิ์ นำแสดงโดย เกียรติกมล ล่าทา,จิตตาภา แจ่มปฐม,วริษฐ์ ทิพโกมุท เริ่มออกอากาศตอนแรกวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ออกอากาศทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 19.00 - 20.00 น. เริ่ม 6 มกราคม พ.ศ. 2553 - 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553นักแสดงเพลงประกอบละครเพลงประกอบละคร. - เขยบ้านนอก - ขับร้องโดย เกียรติกมล ล่าทา - อย่าไปไหนนะ - ขับร้องโดย เกียรติกมล ล่าทา - มันเป็นอะไรของมันนะหัวใจ - จิตตาภา แจ่มปฐม
| บทประพันธ์เรื่องเขยบ้านนอก เป็นละครแนวคอมเมดี จากบทประพันธ์ของใคร | {
"answer": [
"เพ็ญแข วงศ์สง่า"
],
"answer_begin_position": [
143
],
"answer_end_position": [
158
]
} |
663 | 735,113 | เขยบ้านนอก เขยบ้านนอก เป็นละครแนวคอมเมดี จากบทประพันธ์ของ เพ็ญแข วงศ์สง่า ถูกนำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทางช่อง 3 ถึง 2 ครั้งการสร้างเป็นละครโทรทัศน์ การสร้างเป็นละครโทรทัศน์. ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2544 ผลิตโดย บริษัท ทีวีซีน จำกัด เขียนบทโทรทัศน์โดย เอกลิขิต กำกับการแสดงโดย สุประวัติ ปัทมสูต นำแสดงโดย ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ, อาทิตยา ดีถีเพ็ญ,นพชัย มัททวีวงศ์ ออกอากาศทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 19.00 - 19.45 น. ครั้งที่สองในปี พ.ศ. 2553 ผลิตโดย บริษัท ทีวี ธันเดอร์ จำกัด เขียนบทโทรทัศน์โดย กษิดินทร์ แสงวงศ์ กำกับการแสดงโดย ปกาสิต กิ่งศักดิ์ นำแสดงโดย เกียรติกมล ล่าทา,จิตตาภา แจ่มปฐม,วริษฐ์ ทิพโกมุท เริ่มออกอากาศตอนแรกวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ออกอากาศทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 19.00 - 20.00 น. เริ่ม 6 มกราคม พ.ศ. 2553 - 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553นักแสดงเพลงประกอบละครเพลงประกอบละคร. - เขยบ้านนอก - ขับร้องโดย เกียรติกมล ล่าทา - อย่าไปไหนนะ - ขับร้องโดย เกียรติกมล ล่าทา - มันเป็นอะไรของมันนะหัวใจ - จิตตาภา แจ่มปฐม
| เพลงประกอบละครเรื่องเขยบ้านนอก ที่ออกอากาศตอนแรกวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ขับร้องโดยใคร | {
"answer": [
"เกียรติกมล ล่าทา"
],
"answer_begin_position": [
892
],
"answer_end_position": [
908
]
} |
664 | 346,236 | ชเว มิน-โฮ ชเว มิน-โฮ (; ) เกิดวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ. 1980 ที่เมืองกิมชอน จังหวัดเกียงซางเหนือ ประเทศเกาหลีใต้ เป็นนักกีฬายูโดชายชาวเกาหลีใต้ ผู้ซึ่งเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2004 กับโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 ในรุ่นเอ็กซ์ตร้า-ไลท์เวท 60 กก. ในโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 เขาสามารถจบการแข่งขันทั้งห้านัดลงได้ด้วยการอิปปง และได้เอาชนะลุดวิก เพสเชอร์ ซึ่งเป็นแชมป์ชาวยุโรปในรอบไฟนอลสำหรับการชิงเหรียญทองได้สำเร็จ นอกจากนี้ ชเวยังได้ชนะการโหวตนักกีฬายูโดยอดเยี่ยมแห่งปีจากนิตยสาร L´Esprit du Judo ของฝรั่งเศส ในปีค.ศ. 2008 ด้วยเช่นกัน
| ชเวยังได้ชนะการโหวตนักกีฬายูโดยอดเยี่ยมแห่งปีจากนิตยสารอะไร | {
"answer": [
"นิตยสาร L´Esprit du Judo"
],
"answer_begin_position": [
553
],
"answer_end_position": [
577
]
} |
1,518 | 346,236 | ชเว มิน-โฮ ชเว มิน-โฮ (; ) เกิดวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ. 1980 ที่เมืองกิมชอน จังหวัดเกียงซางเหนือ ประเทศเกาหลีใต้ เป็นนักกีฬายูโดชายชาวเกาหลีใต้ ผู้ซึ่งเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2004 กับโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 ในรุ่นเอ็กซ์ตร้า-ไลท์เวท 60 กก. ในโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 เขาสามารถจบการแข่งขันทั้งห้านัดลงได้ด้วยการอิปปง และได้เอาชนะลุดวิก เพสเชอร์ ซึ่งเป็นแชมป์ชาวยุโรปในรอบไฟนอลสำหรับการชิงเหรียญทองได้สำเร็จ นอกจากนี้ ชเวยังได้ชนะการโหวตนักกีฬายูโดยอดเยี่ยมแห่งปีจากนิตยสาร L´Esprit du Judo ของฝรั่งเศส ในปีค.ศ. 2008 ด้วยเช่นกัน
| ชเว มิน-โฮ นักกีฬายูโดชายชาวเกาหลีใต้ เกิดเมื่อวันที่เท่าไร | {
"answer": [
"18"
],
"answer_begin_position": [
123
],
"answer_end_position": [
125
]
} |
665 | 674,203 | เขยใหญ่ สะใภ้เล็ก เขยใหญ่ สะใภ้เล็ก เป็นบทประพันธ์ของ อาริตา ถูกนำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์ โดยครั้งแรกออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ออกอากาศทุกวัน จันทร์-ศุกร์ เวลา 19.15 น. กำกับการแสดงโดย ชูศักดิ์ สุธีรธรรม ผลิตโดย บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด นำแสดงโดย สมชาย เข็มกลัด,อิสริยา สายสนั่น,สราวุฒิ มาตรทอง และศิรพันธ์ วัฒนจินดา ส่วนครั้งที่ 2 ถูกนำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์อีกครั้ง ซึ่งจะออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ออกอากาศทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 18.20 น กำกับการแสดงโดย ปัญญา ชุ่มฤทธิ์ ผลิตโดย เฟิร์สคลาส เอนเตอร์เทนเมนท์ นำแสดงโดย พูลภัทร อัตถปัญญาพล, ธัญยกันต์ ธนกิตติ์ธนานนท์, ปิยพันธ์ ขำกฤษ และกรรณาภรณ์ พวงทองนักแสดง
| ผลงานการประพันธ์เรื่องเขยใหญ่ สะใภ้เล็ก เป็นบทประพันธ์ของใคร | {
"answer": [
"อาริตา"
],
"answer_begin_position": [
146
],
"answer_end_position": [
152
]
} |
666 | 674,203 | เขยใหญ่ สะใภ้เล็ก เขยใหญ่ สะใภ้เล็ก เป็นบทประพันธ์ของ อาริตา ถูกนำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์ โดยครั้งแรกออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ออกอากาศทุกวัน จันทร์-ศุกร์ เวลา 19.15 น. กำกับการแสดงโดย ชูศักดิ์ สุธีรธรรม ผลิตโดย บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด นำแสดงโดย สมชาย เข็มกลัด,อิสริยา สายสนั่น,สราวุฒิ มาตรทอง และศิรพันธ์ วัฒนจินดา ส่วนครั้งที่ 2 ถูกนำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์อีกครั้ง ซึ่งจะออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ออกอากาศทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 18.20 น กำกับการแสดงโดย ปัญญา ชุ่มฤทธิ์ ผลิตโดย เฟิร์สคลาส เอนเตอร์เทนเมนท์ นำแสดงโดย พูลภัทร อัตถปัญญาพล, ธัญยกันต์ ธนกิตติ์ธนานนท์, ปิยพันธ์ ขำกฤษ และกรรณาภรณ์ พวงทองนักแสดง
| ละครโทรทัศน์เรื่องเขยใหญ่ สะใภ้เล็ก ออกอากาศทุกวัน จันทร์-ศุกร์ เวลา 19.15 น. ทางช่อง 3 ใครเป็นผู้กำกับการแสดง | {
"answer": [
"ชูศักดิ์ สุธีรธรรม"
],
"answer_begin_position": [
296
],
"answer_end_position": [
314
]
} |
667 | 530,638 | สมเด็จพระเจ้าเฏาะลาลแห่งจอร์แดนประสูติ ประสูติ. สมเด็จพระราชาธิบดีฎอลาลแห่งจอร์แดน () ประสูติเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1909 เป็นพระโอรสของสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลลาห์ที่ 1 แห่งจอร์แดน และ สมเด็จพระราชินีมุสบาห์ บิน นัสเซอแห่งจอร์แดน ประสูติที่มักกะฮ์ ประเทศซาอุดีอาระเบียเสด็จครองราชย์ เสด็จครองราชย์. สมเด็จพระราชาธิบดีฎอลาลแห่งจอร์แดน ขึ้นครองราชย์เมื่อ ค.ศ. 1951 ต่อจาก สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลลาห์ที่ 1 แห่งจอร์แดน พระบิดาพระองค์อภิเษกสมรส อภิเษกสมรส. สมเด็จพระราชาธิบดีฎอลาลแห่งจอร์แดน ทรงอภิเษกกับสมเด็จพระราชินีเซนแห่งจอร์แดน เมื่อปี ค.ศ. 1934-1952 มีพระราชบุตร ดังนี้1. สมเด็จพระราชาธิบดีฮุสเซนแห่งจอร์แดน 2. เจ้าชายมูฮัมหมัด บิน เฏาะลาล 3. เจ้าชายฮัสซัน บิน เฏาะลาล 4. เจ้าหญิงบัสมาห์ บิน เฏาะลาลสละราชสมบัติ สละราชสมบัติ. สมเด็จพระราชาธิบดีฎอลาลแห่งจอร์แดน ทรงสละราชสมบัติให้สมเด็จพระราชาธิบดีฮุสเซนแห่งจอร์แดน เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 1952สวรรคต สวรรคต. สมเด็จพระราชาธิบดีฎอลาลแห่งจอร์แดน สวรรคตเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 1972 ที่เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี รวม 63 ปี
| สมเด็จพระราชาธิบดีฎอลาลแห่งจอร์แดน ขึ้นครองราชย์เมื่อ ค.ศ. ใด | {
"answer": [
"ค.ศ. 1951"
],
"answer_begin_position": [
467
],
"answer_end_position": [
476
]
} |
1,539 | 530,638 | สมเด็จพระเจ้าเฏาะลาลแห่งจอร์แดนประสูติ ประสูติ. สมเด็จพระราชาธิบดีฎอลาลแห่งจอร์แดน () ประสูติเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1909 เป็นพระโอรสของสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลลาห์ที่ 1 แห่งจอร์แดน และ สมเด็จพระราชินีมุสบาห์ บิน นัสเซอแห่งจอร์แดน ประสูติที่มักกะฮ์ ประเทศซาอุดีอาระเบียเสด็จครองราชย์ เสด็จครองราชย์. สมเด็จพระราชาธิบดีฎอลาลแห่งจอร์แดน ขึ้นครองราชย์เมื่อ ค.ศ. 1951 ต่อจาก สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลลาห์ที่ 1 แห่งจอร์แดน พระบิดาพระองค์อภิเษกสมรส อภิเษกสมรส. สมเด็จพระราชาธิบดีฎอลาลแห่งจอร์แดน ทรงอภิเษกกับสมเด็จพระราชินีเซนแห่งจอร์แดน เมื่อปี ค.ศ. 1934-1952 มีพระราชบุตร ดังนี้1. สมเด็จพระราชาธิบดีฮุสเซนแห่งจอร์แดน 2. เจ้าชายมูฮัมหมัด บิน เฏาะลาล 3. เจ้าชายฮัสซัน บิน เฏาะลาล 4. เจ้าหญิงบัสมาห์ บิน เฏาะลาลสละราชสมบัติ สละราชสมบัติ. สมเด็จพระราชาธิบดีฎอลาลแห่งจอร์แดน ทรงสละราชสมบัติให้สมเด็จพระราชาธิบดีฮุสเซนแห่งจอร์แดน เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 1952สวรรคต สวรรคต. สมเด็จพระราชาธิบดีฎอลาลแห่งจอร์แดน สวรรคตเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 1972 ที่เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี รวม 63 ปี
| สมเด็จพระราชาธิบดีฎอลาลแห่งจอร์แดน ประสูติเมื่อวันที่เท่าไร | {
"answer": [
"26"
],
"answer_begin_position": [
211
],
"answer_end_position": [
213
]
} |
668 | 331,878 | แช่ม แช่มรัมย์ วิวัฒน์ แช่มรัมย์ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ แช่ม แช่มรัมย์ เกิดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2519 ที่อำเภอห้วยราช จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นนักร้อง นักแสดงชาวไทย ร้องเพลงแนวเพื่อชีวิต สังกัดแกรมมี่โกลด์ ก่อนออกผลงานอัลบั้ม เล่นดนตรีตามร้านอาหาร และเคยได้รับรางวัล รองชนะเลิศอันดับที่สอง จากการประกวดดนตรีโฟล์คซอง ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนมีผลงานอัลบั้มชุดแรกชื่อชุด แช่ม แช่มรัมย์ Vol.1 ในปี 2542 หลังจากนั้นออกผลงานชุดที่ 2 ชื่อ พันธุ์เดียวกัน ในปี 2543 ชีวิตครอบครัว สมรสกับภรรยาลูกครึ่งที่นับถือศาสนาอิสลามชื่อ โฮไซนา จึงเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลามตามภรรยา ทั้งสองมีบุตรสองคน คนโตชื่อ ชารีนา ในปี 2554 เพลง กรุณาฟังให้จบ ตามชื่อเดียวกับอัลบั้ม ซึ่งเป็นชุดที่ 8 สามารถทำยอดคลิกดูในเว็บไซต์ยูทูบสูงถึง 30 ล้านวิว นับเป็นประวัติการณ์ของวงการเพลงไทย บุตรหนุ่มชื่อ น้องตุ๊กตา ชื่อจริง ด.ช. กฤษฎี แช่มรัมย์ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2554 (7 ปี)ผลงานอัลบั้มเพลงผลงาน. อัลบั้มเพลง. - ชุดที่ 1 แช่ม แช่มรัมย์ (พ.ศ. 2542) - ชุดที่ 2 พันธุ์เดียวกัน (พ.ศ. 2543) - ชุดที่ 3 คนสวยใจดำ (พ.ศ. 2544) - ชุดที่ 4 ขวัญเอย ขวัญมา (พ.ศ. 2545) - ชุดที่ 5 ส่งข่าวถึงฟ้า (พ.ศ. 2549) - ชุดที่ 6 ตุ๊กตาเบาะหลัง (พ.ศ. 2550) - ชุดที่ 7 น้องสาวคนล่าสุด (พ.ศ. 2551) - ชุดที่ 8 กรุณาฟังให้จบ (พ.ศ. 2554) - ชุดที่ 9 มั่นใจน่ะว่ายังโสด (พ.ศ. 2557)อัลบั้มพิเศษ20 ปี แกรมมี่ โกลด์ เพลงของฉัน เพลงของเธอ เพลงของเรา (25 มิถุนายน 2558) อัลบั้มพิเศษ. 20 ปี แกรมมี่ โกลด์ เพลงของฉัน เพลงของเธอ เพลงของเรา (25 มิถุนายน 2558). อัลบั้มพิเศษ 20 ปี แกรมมี่ โกลด์ เพลงของฉัน เพลงของเธอ เพลงของเรา เป็นโปรเจกต์พิเศษในโอกาสครบรอบ 20 ปี ของค่าย แกรมมี่โกลด์ เป็นอัลบั้มที่นำบทเพลงที่ได้รับความนิยม ตลอด 20 ปี ที่ผ่านมา ของค่าย แกรมมี่โกลด์ มาขับร้องใหม่โดยศิลปินยอดนิยมที่คุณชื่นชอบ กว่า 27 ชีวิต อัลบั้มนี้มีทั้งหมด 3 ชุด เจมส์ ชินกฤช อยู่ชุดที่ 3- ชุดที่ 3 ร่วมด้วย พี สะเดิด, เสถียร ทำมือ, แช่ม แช่มรัมย์, แสน นากา, เดวิด อินธี, ไม้เมือง, โกไข่กับนายสน, รัชนก ศรีโลพันธุ์ และ กล้วย แสตมป์1. คนบ้านเดียวกัน ศิลปิน พี สะเดิด 2. สาวกระโปรงเหี่ยน ศิลปิน แสน นากา 3. ความคิดถึงกำลังเดินทาง ศิลปิน รัชนก ศรีโลพันธุ์ 4. หัวใจมักง่าย ศิลปิน นายสน 5. อยากพับแผ่นฟ้า ศิลปิน เสถียร ทำมือ 6. แทนความคิดถึง ศิลปิน ไม้เมือง 7. คิดถึง...คิดถึง ศิลปิน โกไข่ 8. รักหมดใจ ใจหมดรัก ศิลปิน เจมส์ ชินกฤช 9. อยากมีเธอเป็นแฟน ศิลปิน เดวิด อินธี 10. ไม่มีอะไรจะคุยกับเธอ ศิลปิน กล้วย แสตมป์ 11. ชีวิตไม่พร้อม แต่หัวใจพร้อม ศิลปิน พี สะเดิด 12. เดี๋ยวโทรกลับ ศิลปิน แช่ม แช่มรัมย์ (ต้นฉบับ โกไข่กับนายสน)ละครโทรทัศน์ละครโทรทัศน์. - หมัดเด็ดเสียงทอง รับบท แช่ม (2557)ภาพยนตร์ภาพยนตร์. - 7 ประจัญบาน 1 (พ.ศ. 2545) - 7 ประจัญบาน 2 (พ.ศ. 2548) - เพลงประกอบละคร "หางเครื่อง ละคร "หางเครื่อง" ได้นำ เพลง "กรุณาฟังให้จบ" จากชุดที่ 8 กรุณาฟังให้จบ ไปใช้ประกอบละคร
| วิวัฒน์ แช่มรัมย์ นักร้องเพลงแนวเพื่อชีวิต สังกัดแกรมมี่โกลด์ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อว่าอะไร | {
"answer": [
"แช่ม แช่มรัมย์"
],
"answer_begin_position": [
147
],
"answer_end_position": [
161
]
} |
1,506 | 331,878 | แช่ม แช่มรัมย์ วิวัฒน์ แช่มรัมย์ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ แช่ม แช่มรัมย์ เกิดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2519 ที่อำเภอห้วยราช จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นนักร้อง นักแสดงชาวไทย ร้องเพลงแนวเพื่อชีวิต สังกัดแกรมมี่โกลด์ ก่อนออกผลงานอัลบั้ม เล่นดนตรีตามร้านอาหาร และเคยได้รับรางวัล รองชนะเลิศอันดับที่สอง จากการประกวดดนตรีโฟล์คซอง ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนมีผลงานอัลบั้มชุดแรกชื่อชุด แช่ม แช่มรัมย์ Vol.1 ในปี 2542 หลังจากนั้นออกผลงานชุดที่ 2 ชื่อ พันธุ์เดียวกัน ในปี 2543 ชีวิตครอบครัว สมรสกับภรรยาลูกครึ่งที่นับถือศาสนาอิสลามชื่อ โฮไซนา จึงเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลามตามภรรยา ทั้งสองมีบุตรสองคน คนโตชื่อ ชารีนา ในปี 2554 เพลง กรุณาฟังให้จบ ตามชื่อเดียวกับอัลบั้ม ซึ่งเป็นชุดที่ 8 สามารถทำยอดคลิกดูในเว็บไซต์ยูทูบสูงถึง 30 ล้านวิว นับเป็นประวัติการณ์ของวงการเพลงไทย บุตรหนุ่มชื่อ น้องตุ๊กตา ชื่อจริง ด.ช. กฤษฎี แช่มรัมย์ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2554 (7 ปี)ผลงานอัลบั้มเพลงผลงาน. อัลบั้มเพลง. - ชุดที่ 1 แช่ม แช่มรัมย์ (พ.ศ. 2542) - ชุดที่ 2 พันธุ์เดียวกัน (พ.ศ. 2543) - ชุดที่ 3 คนสวยใจดำ (พ.ศ. 2544) - ชุดที่ 4 ขวัญเอย ขวัญมา (พ.ศ. 2545) - ชุดที่ 5 ส่งข่าวถึงฟ้า (พ.ศ. 2549) - ชุดที่ 6 ตุ๊กตาเบาะหลัง (พ.ศ. 2550) - ชุดที่ 7 น้องสาวคนล่าสุด (พ.ศ. 2551) - ชุดที่ 8 กรุณาฟังให้จบ (พ.ศ. 2554) - ชุดที่ 9 มั่นใจน่ะว่ายังโสด (พ.ศ. 2557)อัลบั้มพิเศษ20 ปี แกรมมี่ โกลด์ เพลงของฉัน เพลงของเธอ เพลงของเรา (25 มิถุนายน 2558) อัลบั้มพิเศษ. 20 ปี แกรมมี่ โกลด์ เพลงของฉัน เพลงของเธอ เพลงของเรา (25 มิถุนายน 2558). อัลบั้มพิเศษ 20 ปี แกรมมี่ โกลด์ เพลงของฉัน เพลงของเธอ เพลงของเรา เป็นโปรเจกต์พิเศษในโอกาสครบรอบ 20 ปี ของค่าย แกรมมี่โกลด์ เป็นอัลบั้มที่นำบทเพลงที่ได้รับความนิยม ตลอด 20 ปี ที่ผ่านมา ของค่าย แกรมมี่โกลด์ มาขับร้องใหม่โดยศิลปินยอดนิยมที่คุณชื่นชอบ กว่า 27 ชีวิต อัลบั้มนี้มีทั้งหมด 3 ชุด เจมส์ ชินกฤช อยู่ชุดที่ 3- ชุดที่ 3 ร่วมด้วย พี สะเดิด, เสถียร ทำมือ, แช่ม แช่มรัมย์, แสน นากา, เดวิด อินธี, ไม้เมือง, โกไข่กับนายสน, รัชนก ศรีโลพันธุ์ และ กล้วย แสตมป์1. คนบ้านเดียวกัน ศิลปิน พี สะเดิด 2. สาวกระโปรงเหี่ยน ศิลปิน แสน นากา 3. ความคิดถึงกำลังเดินทาง ศิลปิน รัชนก ศรีโลพันธุ์ 4. หัวใจมักง่าย ศิลปิน นายสน 5. อยากพับแผ่นฟ้า ศิลปิน เสถียร ทำมือ 6. แทนความคิดถึง ศิลปิน ไม้เมือง 7. คิดถึง...คิดถึง ศิลปิน โกไข่ 8. รักหมดใจ ใจหมดรัก ศิลปิน เจมส์ ชินกฤช 9. อยากมีเธอเป็นแฟน ศิลปิน เดวิด อินธี 10. ไม่มีอะไรจะคุยกับเธอ ศิลปิน กล้วย แสตมป์ 11. ชีวิตไม่พร้อม แต่หัวใจพร้อม ศิลปิน พี สะเดิด 12. เดี๋ยวโทรกลับ ศิลปิน แช่ม แช่มรัมย์ (ต้นฉบับ โกไข่กับนายสน)ละครโทรทัศน์ละครโทรทัศน์. - หมัดเด็ดเสียงทอง รับบท แช่ม (2557)ภาพยนตร์ภาพยนตร์. - 7 ประจัญบาน 1 (พ.ศ. 2545) - 7 ประจัญบาน 2 (พ.ศ. 2548) - เพลงประกอบละคร "หางเครื่อง ละคร "หางเครื่อง" ได้นำ เพลง "กรุณาฟังให้จบ" จากชุดที่ 8 กรุณาฟังให้จบ ไปใช้ประกอบละคร
| ด.ช. กฤษฎี แช่มรัมย์ ลูกชายของวิวัฒน์ แช่มรัมย์ เกิดวันอะไร | {
"answer": [
"พฤหัสบดี"
],
"answer_begin_position": [
916
],
"answer_end_position": [
924
]
} |
669 | 707,914 | มาร์ก เดวิส มาร์ก เดวิส () เป็นนักสนุกเกอร์อาชีพจากเมืองเซนต์เลินนาดส์ ซัสเซกซ์ เดวิสเริ่มเล่นอาชีพตั้งแต่ปี 1991 แต่ใช้เวลาหลายปีกว่าฝีมือการเล่นของเขาดีขึ้น จนฝีมือของเขาดีขึ้นในช่วงปลายทศวรรษที่ 2000 ส่งผลทำให้ติดอันดับท็อป 16 ในปี 2012 นอกจากนี้เขาได้คว้าแชมป์รายการเบนสันแอนดเฮดเจสมาสเตอส์ 2002 นับเป็นแชมป์สูงสุดของเขา และเขายังคว้าแชมป์สนุกเกอร์ 6 แดง ถึง 3 สมัย (ในปี 2009 2012 และ 2013)
| มาร์ก เดวิส เป็นนักสนุกเกอร์อาชีพจากเมืองใด | {
"answer": [
"เมืองเซนต์เลินนาดส์ ซัสเซกซ์"
],
"answer_begin_position": [
137
],
"answer_end_position": [
165
]
} |
670 | 707,914 | มาร์ก เดวิส มาร์ก เดวิส () เป็นนักสนุกเกอร์อาชีพจากเมืองเซนต์เลินนาดส์ ซัสเซกซ์ เดวิสเริ่มเล่นอาชีพตั้งแต่ปี 1991 แต่ใช้เวลาหลายปีกว่าฝีมือการเล่นของเขาดีขึ้น จนฝีมือของเขาดีขึ้นในช่วงปลายทศวรรษที่ 2000 ส่งผลทำให้ติดอันดับท็อป 16 ในปี 2012 นอกจากนี้เขาได้คว้าแชมป์รายการเบนสันแอนดเฮดเจสมาสเตอส์ 2002 นับเป็นแชมป์สูงสุดของเขา และเขายังคว้าแชมป์สนุกเกอร์ 6 แดง ถึง 3 สมัย (ในปี 2009 2012 และ 2013)
| มาร์ก เดวิส นักสนุกเกอร์อาชีพ เริ่มเล่นอาชีพตั้งแต่ปีใด | {
"answer": [
"ปี 1991"
],
"answer_begin_position": [
192
],
"answer_end_position": [
199
]
} |
671 | 2,372 | อุดมพร พลศักดิ์ พันตรีหญิง อุดมพร พลศักดิ์ ชื่อเล่นอร (เกิด 6 ตุลาตม พ.ศ. 2524) อดีตนักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทย เป็นนักกีฬาหญิงคนแรกของประเทศไทย ที่ได้เหรียญทองโอลิมปิก โดยได้จากการแข่งขันโอลิมปิก ปี 2004 ที่กรุงเอเธนส์, เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2547 ในการแข่งขันยกน้ำหนัก รุ่นไม่เกิน 53 กก. โดยยกในท่าสแนชได้ 97.5 กก. ท่าคลีนแอนด์เจิร์กได้ 125 กก. รวม 222.5 กก. โดยเป็นการทำลายสถิติโอลิมปิก ในท่าคลีนแอนด์เจิร์กของประเภทนี้ด้วย อุดมพร เกิดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2524 ที่จังหวัดนครราชสีมา เริ่มเข้ารับการศึกษาในชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนสวนหม่อน และศึกษาในชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนบุญวัฒนา และโรงเรียนเทพลีลา ก่อนจะมาศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาที่วิทยาลัยพลศึกษากรุงเทพจนจบปริญญาตรี ในการแข่งขันยกน้ำหนักชิงแชมป์โลก 2003 ที่เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา อุดมพรทำได้สองเหรียญทอง โดยทำน้ำหนักได้ 100 กก. ในท่าสแนช และ 222.5 กก. ในน้ำหนักรวมชีวิตส่วนตัว ชีวิตส่วนตัว. อุดมพร พลศักดิ์ สมรสกับนายชัยรัตน์ ล้อประกานต์สิทธิ์ อดีตนักกีฬายกน้ำหนัก เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2551 โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกอบพิธีสมรสพระราชทาน ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน และได้จัดงานฉลองมงคลสมรสที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมสีมาธานี จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 10 ม.ค.2552 ในช่วงต้นปี พ.ศ. 2553 อุดมพร พลศักดิ์ ได้เปิดเผยว่าตนเองได้แท้งลูกเนื่องจากไม่ทราบว่าตั้งครรภ์จึงไม่ทันระวังตัวคำประจำตัว คำประจำตัว. ก่อนขึ้นยกน้ำหนักและคว้าเหรียญทองในกีฬาโอลิมปิก น้องอรตะโกนคำว่า "สู้โว้ย" ออกมาดังๆเพื่อปลุกขวัญกำลังใจ เป็นที่ถูกอกถูกใจแฟนกีฬาชาวไทย คำว่าสู้โว้ยจึงเป็นวลีติดปากของคนไทย และสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดนครราชสีมาที่สำคัญจบจากโรงเรียนบุญวัฒนาเครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - พ.ศ. 2547 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้น ตติยดิเรกคุณาภรณ์
| พันตรีหญิง อุดมพร พลศักดิ์ อดีตนักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทย มีชื่อเล่นว่าอะไร | {
"answer": [
"อร"
],
"answer_begin_position": [
137
],
"answer_end_position": [
139
]
} |
672 | 2,372 | อุดมพร พลศักดิ์ พันตรีหญิง อุดมพร พลศักดิ์ ชื่อเล่นอร (เกิด 6 ตุลาตม พ.ศ. 2524) อดีตนักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทย เป็นนักกีฬาหญิงคนแรกของประเทศไทย ที่ได้เหรียญทองโอลิมปิก โดยได้จากการแข่งขันโอลิมปิก ปี 2004 ที่กรุงเอเธนส์, เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2547 ในการแข่งขันยกน้ำหนัก รุ่นไม่เกิน 53 กก. โดยยกในท่าสแนชได้ 97.5 กก. ท่าคลีนแอนด์เจิร์กได้ 125 กก. รวม 222.5 กก. โดยเป็นการทำลายสถิติโอลิมปิก ในท่าคลีนแอนด์เจิร์กของประเภทนี้ด้วย อุดมพร เกิดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2524 ที่จังหวัดนครราชสีมา เริ่มเข้ารับการศึกษาในชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนสวนหม่อน และศึกษาในชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนบุญวัฒนา และโรงเรียนเทพลีลา ก่อนจะมาศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาที่วิทยาลัยพลศึกษากรุงเทพจนจบปริญญาตรี ในการแข่งขันยกน้ำหนักชิงแชมป์โลก 2003 ที่เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา อุดมพรทำได้สองเหรียญทอง โดยทำน้ำหนักได้ 100 กก. ในท่าสแนช และ 222.5 กก. ในน้ำหนักรวมชีวิตส่วนตัว ชีวิตส่วนตัว. อุดมพร พลศักดิ์ สมรสกับนายชัยรัตน์ ล้อประกานต์สิทธิ์ อดีตนักกีฬายกน้ำหนัก เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2551 โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกอบพิธีสมรสพระราชทาน ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน และได้จัดงานฉลองมงคลสมรสที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมสีมาธานี จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 10 ม.ค.2552 ในช่วงต้นปี พ.ศ. 2553 อุดมพร พลศักดิ์ ได้เปิดเผยว่าตนเองได้แท้งลูกเนื่องจากไม่ทราบว่าตั้งครรภ์จึงไม่ทันระวังตัวคำประจำตัว คำประจำตัว. ก่อนขึ้นยกน้ำหนักและคว้าเหรียญทองในกีฬาโอลิมปิก น้องอรตะโกนคำว่า "สู้โว้ย" ออกมาดังๆเพื่อปลุกขวัญกำลังใจ เป็นที่ถูกอกถูกใจแฟนกีฬาชาวไทย คำว่าสู้โว้ยจึงเป็นวลีติดปากของคนไทย และสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดนครราชสีมาที่สำคัญจบจากโรงเรียนบุญวัฒนาเครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - พ.ศ. 2547 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้น ตติยดิเรกคุณาภรณ์
| พันตรีหญิง อุดมพร พลศักดิ์ อดีตนักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทย สมรสกับใคร | {
"answer": [
"นายชัยรัตน์ ล้อประกานต์สิทธิ์"
],
"answer_begin_position": [
974
],
"answer_end_position": [
1003
]
} |
673 | 53,196 | เพชรไทย ชูวัฒนะ เพชรไทย ชูวัฒนะ หรือชื่อจริง นฤพล สุกใส เกิดวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2511 ที่จังหวัดชัยนาท สถิติการชก 9 ครั้ง ชนะ 8 (น็อค 7) แพ้ 1ประวัติ ประวัติ. เพชรไทยหัดชกมวยไทยกับพี่ชายก่อนจะเดินสายชกมวยไทยตามงานวัด และชกมวยสากลสมัครเล่นในกีฬาแห่งชาติ ต่อมา จึงได้รับการสนับสนุนให้ขึ้นชกมวยอาชีพในสังกัดของชูเจริญ รวีอร่ามวงศ์ โดยขึ้นชกมวยสากลครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2532 ชนะคะแนนสมเดช แก่นนรสิงห์ จากนั้น ชกชนะน็อครวดอีก 6 ครั้งจนได้เป็นรองแชมป์มวยสากลทั้งเวทีลุมพินีและราชดำเนิน เมื่อครั้งที่เมืองชัย กิตติเกษมป้องกันแชมป์โลกกับลี เจืองแจ เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2533 เพชรไทยได้เป็นคู่ซ้อมให้กับลี ซึ่งเพชรไทยชกจนลีเลือดกำเดาไหลต้องหยุดซ้อม ทางด้านชูเจริญ ผู้จัดการจึงสนับสนุนเพชรไทยเต็มที่ ติดต่อกับอลัน คิม ซึ่งในขณะนั้นเป็นผู้จัดการของคิม บองจุนแชมป์โลกรุ่นมินิมัมเวทของสมาคมมวยโลก เพื่อเปิดโอกาสให้เพชรไทยได้ขึ้นชิงแชมป์โลก ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2533 เพชรไทยได้เป็นรองแชมป์โลกอันดับ 10 รุ่นมินิมัมเวทของสมาคมมวยโลกทั้งที่เคยชกกับนักมวยสากลชาวไทยทั้งสิ้น จากนั้น เพชรไทยได้เดินทางไปชิงแชมป์โลกกับคิม บองจุนเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2533 ที่โซล ปรากฏว่าเพชรไทยเป็นฝ่ายแพ้น็อคไปในยกที่ 3 จากนั้น เพชรไทยขึ้นชกอีกแค่ครั้งเดียวเมื่อ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2533 ชนะน็อค ศุภชัยน้อย ทวีรัตน์ ยกแรก จากนั้นก็แขวนนวมไปเกียรติประวัติเกียรติประวัติ. - เคยชิงแชมป์ต่อไปนี้แต่ไม่สำเร็จ- ชิงแชมป์โลกรุ่นมินิมัมเวท WBA เมื่อ 10 ก.พ. 2533 แพ้น็อค คิม บองจุน (เกาหลีใต้) ยก 3
| เพชรไทย ชูวัฒนะ นักมวยไทย มีชื่อจริงว่าอะไร | {
"answer": [
"นฤพล สุกใส"
],
"answer_begin_position": [
133
],
"answer_end_position": [
143
]
} |
1,422 | 53,196 | เพชรไทย ชูวัฒนะ เพชรไทย ชูวัฒนะ หรือชื่อจริง นฤพล สุกใส เกิดวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2511 ที่จังหวัดชัยนาท สถิติการชก 9 ครั้ง ชนะ 8 (น็อค 7) แพ้ 1ประวัติ ประวัติ. เพชรไทยหัดชกมวยไทยกับพี่ชายก่อนจะเดินสายชกมวยไทยตามงานวัด และชกมวยสากลสมัครเล่นในกีฬาแห่งชาติ ต่อมา จึงได้รับการสนับสนุนให้ขึ้นชกมวยอาชีพในสังกัดของชูเจริญ รวีอร่ามวงศ์ โดยขึ้นชกมวยสากลครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2532 ชนะคะแนนสมเดช แก่นนรสิงห์ จากนั้น ชกชนะน็อครวดอีก 6 ครั้งจนได้เป็นรองแชมป์มวยสากลทั้งเวทีลุมพินีและราชดำเนิน เมื่อครั้งที่เมืองชัย กิตติเกษมป้องกันแชมป์โลกกับลี เจืองแจ เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2533 เพชรไทยได้เป็นคู่ซ้อมให้กับลี ซึ่งเพชรไทยชกจนลีเลือดกำเดาไหลต้องหยุดซ้อม ทางด้านชูเจริญ ผู้จัดการจึงสนับสนุนเพชรไทยเต็มที่ ติดต่อกับอลัน คิม ซึ่งในขณะนั้นเป็นผู้จัดการของคิม บองจุนแชมป์โลกรุ่นมินิมัมเวทของสมาคมมวยโลก เพื่อเปิดโอกาสให้เพชรไทยได้ขึ้นชิงแชมป์โลก ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2533 เพชรไทยได้เป็นรองแชมป์โลกอันดับ 10 รุ่นมินิมัมเวทของสมาคมมวยโลกทั้งที่เคยชกกับนักมวยสากลชาวไทยทั้งสิ้น จากนั้น เพชรไทยได้เดินทางไปชิงแชมป์โลกกับคิม บองจุนเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2533 ที่โซล ปรากฏว่าเพชรไทยเป็นฝ่ายแพ้น็อคไปในยกที่ 3 จากนั้น เพชรไทยขึ้นชกอีกแค่ครั้งเดียวเมื่อ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2533 ชนะน็อค ศุภชัยน้อย ทวีรัตน์ ยกแรก จากนั้นก็แขวนนวมไปเกียรติประวัติเกียรติประวัติ. - เคยชิงแชมป์ต่อไปนี้แต่ไม่สำเร็จ- ชิงแชมป์โลกรุ่นมินิมัมเวท WBA เมื่อ 10 ก.พ. 2533 แพ้น็อค คิม บองจุน (เกาหลีใต้) ยก 3
| เพชรไทย ชูวัฒนะ มีชื่อจริงว่า นฤพล สุกใส เกิดวันที่เท่าไร | {
"answer": [
"1"
],
"answer_begin_position": [
155
],
"answer_end_position": [
156
]
} |
674 | 457,000 | ธราวุธ นพจินดา ธราวุธ นพจินดา (ชื่อเล่น: หนู; นามปากกา: น้องหนู) อดีตผู้บรรยายการแข่งขันกีฬาทางโทรทัศน์, อดีตผู้ประกาศข่าวกีฬา ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 9 อ.ส.ม.ท., สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 และสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5ประวัติ ประวัติ. ธราวุธ เกิดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2499 ที่บ้านพักย่านถนนเฟื่องนคร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรคนสุดท้องของพันโทไพฑูรย์กับพันโทหญิงอุไร นพจินดา และน้องชายร่วมบิดามารดากับ ย.โย่ง-เอกชัย นพจินดา (เกิด: 21 มิถุนายน พ.ศ. 2496; ถึงแก่กรรม: 6 มีนาคม พ.ศ. 2540; อายุ ปี) จบการศึกษาชั้นมัธยม จากวชิราวุธวิทยาลัย และระดับปริญญาตรี จากวิทยาลัยกรุงเทพ (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยกรุงเทพ) ธราวุธสมรสกับวัลยา นพจินดา มีบุตรชายและบุตรสาวด้วยกันคือ ชยาพัฒน์ และ ธัญพิชา ตามลำดับงานสื่อมวลชนสายกีฬา งานสื่อมวลชนสายกีฬา. ธราวุธ เข้าสู่วงการสื่อมวลชนสายกีฬาที่สยามสปอร์ต ร่วมกับเอกชัยผู้เป็นพี่ชายมาตั้งแต่ พ.ศ. 2525 โดยเมื่อเอกชัยเป็นหัวหน้าข่าวต่างประเทศ หนังสือพิมพ์สยามกีฬารายวัน และบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์สตาร์ซอคเก้อร์รายวัน ธราวุธก็เป็นรองหัวหน้า หรือผู้ช่วยดูแลงาน ในส่วนที่พี่ชายมอบหมาย จากนั้น สยามสปอร์ตก็ส่งธราวุธไปทำข่าวการแข่งขันฟุตบอลโลก ที่ประเทศเม็กซิโก เมื่อปี พ.ศ. 2529 และเป็นผู้สื่อข่าวชาวไทยคนแรก ที่ไปรายงานข่าวการแข่งขันฟุตบอลอังกฤษกลับมายังประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2531 ต่อมาเมื่อเอกชัยขึ้นเป็นผู้ประกาศข่าวกีฬา และผู้บรรยายกีฬาทางช่อง 7 สี ธราวุธก็ไปเป็นผู้ประกาศข่าวกีฬา ทางช่อง 9 อ.ส.ม.ท. หลังจากพี่ชายเสียชีวิตลง เขาก็ย้ายมาเข้าร่วมงานกับช่อง 7 สีแทน ก่อนจะลาออกไปทำงานส่วนตัว แล้วจึงกลับมาเป็นผู้ประกาศข่าวกีฬาทาง ททบ.5 พร้อมทั้งรับงานผู้ประกาศข่าวกับพิธีกรทางสตาร์ซอคเก้อร์ทีวี หรือพิธีกรกิจกรรมกีฬา และบรรยายการแข่งขันกีฬา (ส่วนมากทางทรูวิชันส์)การเสียชีวิต การเสียชีวิต. ธราวุธ ถึงแก่กรรมอย่างกะทันหัน ในคืนวันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555 ด้วยภาวะหัวใจวาย ขณะนำส่งโรงพยาบาล ซึ่งเป็นอาการเดียวกับพี่ชาย ที่เสียชีวิตไปเมื่อ 6 มีนาคม พ.ศ. 2540 หลังจากเป็นพิธีกรการแข่งขันกอล์ฟ ที่สนามกอล์ฟเพรสิเดนต์ ย่านถนนสุวินทวงศ์ ช่วงก่อนจะเดินทางกลับ เขาเกิดอาการจุกแน่นหน้าอกอย่างแรง ตาพร่ามัว ตัวเย็น หน้าซีด จนไม่สามารถขับรถได้ จึงต้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนที่ไปด้วย เพื่อนำส่งห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลเสรีรักษ์ เขตมีนบุรี ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด เมื่ออาการเบื้องต้นดีขึ้นเล็กน้อย เขาจึงขอย้ายไปยังโรงพยาบาลวิภาวดี ซึ่งแพทย์ประจำตัวทำงานอยู่ ขณะเดินทางด้วยรถพยาบาล เกิดอาการจุกแน่นอย่างหนักขึ้นอีก จนกระทั่งหมดสติไป เมื่อถึงโรงพยาบาลพบว่า สัญญาณชีพจรหยุดไประยะหนึ่งแล้ว เจ้าหน้าที่จึงพยายามเร่งช่วยชีวิตอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่อาจยื้อชีวิตไว้ได้เครื่องราชอิสริยาภรณ์
| ธราวุธ นพจินดา ใช้นามปากกาว่า น้องหนู มีชื่อเล่นว่าอะไร | {
"answer": [
"หนู"
],
"answer_begin_position": [
130
],
"answer_end_position": [
133
]
} |
1,532 | 457,000 | ธราวุธ นพจินดา ธราวุธ นพจินดา (ชื่อเล่น: หนู; นามปากกา: น้องหนู) อดีตผู้บรรยายการแข่งขันกีฬาทางโทรทัศน์, อดีตผู้ประกาศข่าวกีฬา ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 9 อ.ส.ม.ท., สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 และสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5ประวัติ ประวัติ. ธราวุธ เกิดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2499 ที่บ้านพักย่านถนนเฟื่องนคร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรคนสุดท้องของพันโทไพฑูรย์กับพันโทหญิงอุไร นพจินดา และน้องชายร่วมบิดามารดากับ ย.โย่ง-เอกชัย นพจินดา (เกิด: 21 มิถุนายน พ.ศ. 2496; ถึงแก่กรรม: 6 มีนาคม พ.ศ. 2540; อายุ ปี) จบการศึกษาชั้นมัธยม จากวชิราวุธวิทยาลัย และระดับปริญญาตรี จากวิทยาลัยกรุงเทพ (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยกรุงเทพ) ธราวุธสมรสกับวัลยา นพจินดา มีบุตรชายและบุตรสาวด้วยกันคือ ชยาพัฒน์ และ ธัญพิชา ตามลำดับงานสื่อมวลชนสายกีฬา งานสื่อมวลชนสายกีฬา. ธราวุธ เข้าสู่วงการสื่อมวลชนสายกีฬาที่สยามสปอร์ต ร่วมกับเอกชัยผู้เป็นพี่ชายมาตั้งแต่ พ.ศ. 2525 โดยเมื่อเอกชัยเป็นหัวหน้าข่าวต่างประเทศ หนังสือพิมพ์สยามกีฬารายวัน และบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์สตาร์ซอคเก้อร์รายวัน ธราวุธก็เป็นรองหัวหน้า หรือผู้ช่วยดูแลงาน ในส่วนที่พี่ชายมอบหมาย จากนั้น สยามสปอร์ตก็ส่งธราวุธไปทำข่าวการแข่งขันฟุตบอลโลก ที่ประเทศเม็กซิโก เมื่อปี พ.ศ. 2529 และเป็นผู้สื่อข่าวชาวไทยคนแรก ที่ไปรายงานข่าวการแข่งขันฟุตบอลอังกฤษกลับมายังประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2531 ต่อมาเมื่อเอกชัยขึ้นเป็นผู้ประกาศข่าวกีฬา และผู้บรรยายกีฬาทางช่อง 7 สี ธราวุธก็ไปเป็นผู้ประกาศข่าวกีฬา ทางช่อง 9 อ.ส.ม.ท. หลังจากพี่ชายเสียชีวิตลง เขาก็ย้ายมาเข้าร่วมงานกับช่อง 7 สีแทน ก่อนจะลาออกไปทำงานส่วนตัว แล้วจึงกลับมาเป็นผู้ประกาศข่าวกีฬาทาง ททบ.5 พร้อมทั้งรับงานผู้ประกาศข่าวกับพิธีกรทางสตาร์ซอคเก้อร์ทีวี หรือพิธีกรกิจกรรมกีฬา และบรรยายการแข่งขันกีฬา (ส่วนมากทางทรูวิชันส์)การเสียชีวิต การเสียชีวิต. ธราวุธ ถึงแก่กรรมอย่างกะทันหัน ในคืนวันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555 ด้วยภาวะหัวใจวาย ขณะนำส่งโรงพยาบาล ซึ่งเป็นอาการเดียวกับพี่ชาย ที่เสียชีวิตไปเมื่อ 6 มีนาคม พ.ศ. 2540 หลังจากเป็นพิธีกรการแข่งขันกอล์ฟ ที่สนามกอล์ฟเพรสิเดนต์ ย่านถนนสุวินทวงศ์ ช่วงก่อนจะเดินทางกลับ เขาเกิดอาการจุกแน่นหน้าอกอย่างแรง ตาพร่ามัว ตัวเย็น หน้าซีด จนไม่สามารถขับรถได้ จึงต้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนที่ไปด้วย เพื่อนำส่งห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลเสรีรักษ์ เขตมีนบุรี ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด เมื่ออาการเบื้องต้นดีขึ้นเล็กน้อย เขาจึงขอย้ายไปยังโรงพยาบาลวิภาวดี ซึ่งแพทย์ประจำตัวทำงานอยู่ ขณะเดินทางด้วยรถพยาบาล เกิดอาการจุกแน่นอย่างหนักขึ้นอีก จนกระทั่งหมดสติไป เมื่อถึงโรงพยาบาลพบว่า สัญญาณชีพจรหยุดไประยะหนึ่งแล้ว เจ้าหน้าที่จึงพยายามเร่งช่วยชีวิตอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่อาจยื้อชีวิตไว้ได้เครื่องราชอิสริยาภรณ์
| ธราวุธ นพจินดา ชื่อเล่น หนู มีนามปากกาว่า น้องหนู เกิดเมื่อวันที่เท่าไร | {
"answer": [
"31"
],
"answer_begin_position": [
363
],
"answer_end_position": [
365
]
} |
675 | 939,134 | มอซือ มอซือ หรือ จักรพรรดินีเหมา (; สิ้นพระชนม์ 22 กันยายน 237) พระนามเดิม ไม่ทราบ ฐานันดรศักดิ์ จักรพรรดินีหมิงเต้า จักรพรรดินีแห่ง วุยก๊ก ระหว่าง ยุคสามก๊ก ของจีนพระนางอภิเษกกับ พระเจ้าเว่ยหมิง หรือ พระเจ้าโจยอย จักรพรรดิองค์ที่ 2 ของวุยก๊กพระประวัติ พระประวัติ. มอซือเป็นพระสนมของพระเจ้าโจยอยตั้งแต่รัชสมัยของพระราชบิดา พระเจ้าเว่ยเหวิน หรือ พระเจ้าโจผี ปฐมจักรพรรดิของวุยก๊กเมื่อครั้งยังดำรงพระยศเป็น ผิงยฺเหวียนหฺวัง
| มอซือ หรือ จักรพรรดินีเหมา เป็นพระสนมของใคร | {
"answer": [
"พระเจ้าโจยอย"
],
"answer_begin_position": [
363
],
"answer_end_position": [
375
]
} |
1,588 | 939,134 | มอซือ มอซือ หรือ จักรพรรดินีเหมา (; สิ้นพระชนม์ 22 กันยายน 237) พระนามเดิม ไม่ทราบ ฐานันดรศักดิ์ จักรพรรดินีหมิงเต้า จักรพรรดินีแห่ง วุยก๊ก ระหว่าง ยุคสามก๊ก ของจีนพระนางอภิเษกกับ พระเจ้าเว่ยหมิง หรือ พระเจ้าโจยอย จักรพรรดิองค์ที่ 2 ของวุยก๊กพระประวัติ พระประวัติ. มอซือเป็นพระสนมของพระเจ้าโจยอยตั้งแต่รัชสมัยของพระราชบิดา พระเจ้าเว่ยเหวิน หรือ พระเจ้าโจผี ปฐมจักรพรรดิของวุยก๊กเมื่อครั้งยังดำรงพระยศเป็น ผิงยฺเหวียนหฺวัง
| มอซือ หรือ จักรพรรดินีเหมา สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่เท่าไร | {
"answer": [
"22"
],
"answer_begin_position": [
128
],
"answer_end_position": [
130
]
} |
676 | 48,079 | กุมารทอง ป.ปลื้มกมล กุมารทอง ป.ปลื้มกมล เป็นชาวจังหวัดบุรีรัมย์ และเป็นพี่ชายของเวทย์ ศักดิ์เมืองแกลง เกิดเมื่อ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2516 สถิติการชก 26 ครั้ง ชนะ 15 (น็อค 11) เสมอ 1 แพ้ 10เกียรติประวัติเกียรติประวัติ. - แชมป์ประเทศไทยรุ่นแบนตัมเวท - ชิง 13 ธันวาคม 2547 ชนะน็อค ยก 8 พรชัย ศิษย์พระพรหม - สละแชมป์- แชมป์ OPBF รุ่นแบนตัมเวท (2548) - ชิง, 16 ก.ค. 2548 ชนะคะแนน จุน โทริอูมิ () ที่ โตเกียว - เสียแชมป์ 19 พ.ย. 2548 แพ้คะแนน มัลคอร์ม ทูนาเกา () ที่ โตเกียว- แชมป์ประเทศไทยรุ่นจูเนียร์เฟเธอร์เวท - ชิง 9 สิงหาคม 2550 ชนะน็อค ยก 5 ทองไท ราชานนท์
| กุมารทอง ป.ปลื้มกมล เป็นพี่ชายของใคร | {
"answer": [
"เวทย์ ศักดิ์เมืองแกลง"
],
"answer_begin_position": [
172
],
"answer_end_position": [
193
]
} |
1,413 | 48,079 | กุมารทอง ป.ปลื้มกมล กุมารทอง ป.ปลื้มกมล เป็นชาวจังหวัดบุรีรัมย์ และเป็นพี่ชายของเวทย์ ศักดิ์เมืองแกลง เกิดเมื่อ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2516 สถิติการชก 26 ครั้ง ชนะ 15 (น็อค 11) เสมอ 1 แพ้ 10เกียรติประวัติเกียรติประวัติ. - แชมป์ประเทศไทยรุ่นแบนตัมเวท - ชิง 13 ธันวาคม 2547 ชนะน็อค ยก 8 พรชัย ศิษย์พระพรหม - สละแชมป์- แชมป์ OPBF รุ่นแบนตัมเวท (2548) - ชิง, 16 ก.ค. 2548 ชนะคะแนน จุน โทริอูมิ () ที่ โตเกียว - เสียแชมป์ 19 พ.ย. 2548 แพ้คะแนน มัลคอร์ม ทูนาเกา () ที่ โตเกียว- แชมป์ประเทศไทยรุ่นจูเนียร์เฟเธอร์เวท - ชิง 9 สิงหาคม 2550 ชนะน็อค ยก 5 ทองไท ราชานนท์
| กุมารทอง ป.ปลื้มกมล เป็นคนจังหวัดอะไร | {
"answer": [
"บุรีรัมย์"
],
"answer_begin_position": [
146
],
"answer_end_position": [
155
]
} |
677 | 121,016 | อับดุล กลาม ดร. เอ. พี. เจ. อับดุล กลาม () หรือ อวุล ปกีร์ ไชนุลาบดีน อับดุล กลาม () () เกิดเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2474 ประธานาธิบดีคนที่ 11 ของประเทศอินเดีย ช่วง 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 – 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 ได้รับการยกย่องว่าเป็น "บิดาแห่งจรวดและขีปนาวุธ" และ "นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่" อัตชีวประวัติ ได้ถูกทำเป็นหนังสือ “ปีกแห่งไฟ” เขาเกิดมาจากครอบครัวเจ้าของเรือที่มีการศึกษาน้อย และได้เป็นเป็นนักวิทยาศาสตร์แห่งกระทรวงกลาโหม
| อัตชีวประวัติของ ดร. เอ. พี. เจ. อับดุล กลาม ประธานาธิบดีคนที่ 11 ของประเทศอินเดีย ได้ถูกเขียนเป็นหนังสือชื่อว่าอะไร | {
"answer": [
"ปีกแห่งไฟ"
],
"answer_begin_position": [
408
],
"answer_end_position": [
417
]
} |
1,445 | 121,016 | อับดุล กลาม ดร. เอ. พี. เจ. อับดุล กลาม () หรือ อวุล ปกีร์ ไชนุลาบดีน อับดุล กลาม () () เกิดเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2474 ประธานาธิบดีคนที่ 11 ของประเทศอินเดีย ช่วง 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 – 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 ได้รับการยกย่องว่าเป็น "บิดาแห่งจรวดและขีปนาวุธ" และ "นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่" อัตชีวประวัติ ได้ถูกทำเป็นหนังสือ “ปีกแห่งไฟ” เขาเกิดมาจากครอบครัวเจ้าของเรือที่มีการศึกษาน้อย และได้เป็นเป็นนักวิทยาศาสตร์แห่งกระทรวงกลาโหม
| ดร. เอ. พี. เจ. อับดุล กลาม อดีตประธานาธิบดีคนที่ 11 ของประเทศอินเดีย เกิดวันที่เท่าไร | {
"answer": [
"15"
],
"answer_begin_position": [
190
],
"answer_end_position": [
192
]
} |
678 | 348,735 | หลู่ ซฺวิ่น หลู่ ซฺวิ่น เป็นนามปากกาของ โจว จางโช่ว นักเขียนชาวจีนที่สำคัญคนหนึ่งของคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยมากจะเป็นผู้เขียนวรรณคดีจีนสมัยใหม่ รวมทั้งวรรณคดีคลาสสิกจีนประวัติ ประวัติ. โจว จางโช่ว เริ่มเข้าเรียนที่โรงเรียนเจียงหนาน เขาได้สัมผัสกับวรรณกรรมตะวันตกเป็นครั้งแรกที่สถานศึกษาแห่งนี้ และได้รู้จักกับวิชาวิทยาศาสตร์ด้วย ทั้งยังได้เรียนภาษาอังกฤษและเยอรมันจากหนังสือแปลจำนวนหนึ่ง ปี พ.ศ. 2441 โจว จางโช่ว ได้เข้ารับการศึกษาด้านวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ที่หนานจิง และต่อมาก็ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนเหมืองแร่และการรถไฟ โดยได้รับทุนการศึกษาไปเรียนต่างประเทศถึง 4 ปี ด้วยทุนการศึกษาของรัฐบาล เขาจึงได้เดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี พ.ศ. 2445 เขาได้เริ่มเขียนบทความ แต่เป็นรูปแบบการเขียนแบบยุคเก่า ปีต่อมาเขาเดินทางกลับมายังบ้านเกิดเพื่อแต่งงานกับหญิงสาวที่แม่จัดหาไว้ให้ ชื่อว่า "จู อาน" โจว จางโช่ว กลับไปเข้าเรียนที่สถาบันการแพทย์เซ็นไดในปีถัดมา โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษาคือ ฟุจิโนะ เก็งกุโร และเป็นที่มาของการเขียนบันทึกความทรงจำถึงอาจารย์ท่านนี้ไว้ในผลงานเรื่องหนึ่งของตนผลงาน
| หลู่ ซฺวิ่น เป็นนามปากกาของนักเขียนชาวจีนที่สำคัญคนหนึ่งของคริสต์ศตวรรษที่ 20 คือใคร | {
"answer": [
"โจว จางโช่ว"
],
"answer_begin_position": [
126
],
"answer_end_position": [
137
]
} |
679 | 348,735 | หลู่ ซฺวิ่น หลู่ ซฺวิ่น เป็นนามปากกาของ โจว จางโช่ว นักเขียนชาวจีนที่สำคัญคนหนึ่งของคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยมากจะเป็นผู้เขียนวรรณคดีจีนสมัยใหม่ รวมทั้งวรรณคดีคลาสสิกจีนประวัติ ประวัติ. โจว จางโช่ว เริ่มเข้าเรียนที่โรงเรียนเจียงหนาน เขาได้สัมผัสกับวรรณกรรมตะวันตกเป็นครั้งแรกที่สถานศึกษาแห่งนี้ และได้รู้จักกับวิชาวิทยาศาสตร์ด้วย ทั้งยังได้เรียนภาษาอังกฤษและเยอรมันจากหนังสือแปลจำนวนหนึ่ง ปี พ.ศ. 2441 โจว จางโช่ว ได้เข้ารับการศึกษาด้านวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ที่หนานจิง และต่อมาก็ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนเหมืองแร่และการรถไฟ โดยได้รับทุนการศึกษาไปเรียนต่างประเทศถึง 4 ปี ด้วยทุนการศึกษาของรัฐบาล เขาจึงได้เดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี พ.ศ. 2445 เขาได้เริ่มเขียนบทความ แต่เป็นรูปแบบการเขียนแบบยุคเก่า ปีต่อมาเขาเดินทางกลับมายังบ้านเกิดเพื่อแต่งงานกับหญิงสาวที่แม่จัดหาไว้ให้ ชื่อว่า "จู อาน" โจว จางโช่ว กลับไปเข้าเรียนที่สถาบันการแพทย์เซ็นไดในปีถัดมา โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษาคือ ฟุจิโนะ เก็งกุโร และเป็นที่มาของการเขียนบันทึกความทรงจำถึงอาจารย์ท่านนี้ไว้ในผลงานเรื่องหนึ่งของตนผลงาน
| โจว จางโช่ว เป็นนักเขียนชาวจีนที่สำคัญคนหนึ่งของคริสต์ศตวรรษที่ 20 ใช้นามปากกาว่า หลู่ ซฺวิ่น เริ่มเข้าเรียนที่โรงเรียนอะไร | {
"answer": [
"โรงเรียนเจียงหนาน"
],
"answer_begin_position": [
298
],
"answer_end_position": [
315
]
} |
680 | 327,130 | เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน (12 มิถุนายน พ.ศ. 2454 - 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2508) อดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลของหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำพูน 2 สมัย ได้รับเลือกตั้งครั้งแรกในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2481ประวัติ ประวัติ. เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน สูติวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2454 เป็นโอรสองค์เดียวในเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าผู้ครองนครลำพูนองค์สุดท้าย ที่ประสูตแต่แม่เจ้าแขกแก้วจักรคำขจรศักดิ์ และมีพี่น้องต่างมารดา ได้แก่- เจ้าลำเจียก ณ ลำพูน - เจ้าวรรณรา ณ ลำพูน - เจ้าพงศ์ธาดา ณ ลำพูน - เจ้ารัทธาธร ณ ลำพูน - เจ้าประกายคำ ณ ลำพูน - เจ้าสุริยา ณ ลำพูน - เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน - เจ้าพัฒนา ณ ลำพูน ด้านชีวิตครอบครัว สมรสกับนางเทวี ณ ลำพูน (สกุลเดิม วัฒนะทัสสี) มีบุตร 2 คน คือ เจ้าหญิงวรเทวี (ณ ลำพูน) ชลวณิช และเจ้าวีรทัศน์ ณ ลำพูน เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2508การศึกษา การศึกษา. เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนจักรคำคณาทร จังหวัดลำพูน และไปศึกษาต่อที่โรงเรียนอัสสัมชัญ โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย และโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จากนั้นได้เข้าศึกษาต่อแผนกธรรมศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์บทบาททางการเมือง บทบาททางการเมือง. เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเลือกตั้งครั้งแรกในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2481 และได้รับเลือกอีกครั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ เจ้าวรทัศน์ เคยได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ในรัฐบาลของหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ดำรงตำแหน่งระหว่างวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2488 - 31 มกราคม พ.ศ. 2489 ในยุคหลังเลิกสงครามมหาเอเชียบูรพาราชตระกูล
| เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนอะไร | {
"answer": [
"โรงเรียนจักรคำคณาทร"
],
"answer_begin_position": [
1007
],
"answer_end_position": [
1026
]
} |
1,505 | 327,130 | เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน (12 มิถุนายน พ.ศ. 2454 - 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2508) อดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลของหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำพูน 2 สมัย ได้รับเลือกตั้งครั้งแรกในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2481ประวัติ ประวัติ. เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน สูติวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2454 เป็นโอรสองค์เดียวในเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าผู้ครองนครลำพูนองค์สุดท้าย ที่ประสูตแต่แม่เจ้าแขกแก้วจักรคำขจรศักดิ์ และมีพี่น้องต่างมารดา ได้แก่- เจ้าลำเจียก ณ ลำพูน - เจ้าวรรณรา ณ ลำพูน - เจ้าพงศ์ธาดา ณ ลำพูน - เจ้ารัทธาธร ณ ลำพูน - เจ้าประกายคำ ณ ลำพูน - เจ้าสุริยา ณ ลำพูน - เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน - เจ้าพัฒนา ณ ลำพูน ด้านชีวิตครอบครัว สมรสกับนางเทวี ณ ลำพูน (สกุลเดิม วัฒนะทัสสี) มีบุตร 2 คน คือ เจ้าหญิงวรเทวี (ณ ลำพูน) ชลวณิช และเจ้าวีรทัศน์ ณ ลำพูน เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2508การศึกษา การศึกษา. เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนจักรคำคณาทร จังหวัดลำพูน และไปศึกษาต่อที่โรงเรียนอัสสัมชัญ โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย และโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จากนั้นได้เข้าศึกษาต่อแผนกธรรมศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์บทบาททางการเมือง บทบาททางการเมือง. เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเลือกตั้งครั้งแรกในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2481 และได้รับเลือกอีกครั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ เจ้าวรทัศน์ เคยได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ในรัฐบาลของหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ดำรงตำแหน่งระหว่างวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2488 - 31 มกราคม พ.ศ. 2489 ในยุคหลังเลิกสงครามมหาเอเชียบูรพาราชตระกูล
| เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน สูติเมื่อวันที่เท่าไร | {
"answer": [
"12"
],
"answer_begin_position": [
411
],
"answer_end_position": [
413
]
} |
2,612 | 327,130 | เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน (12 มิถุนายน พ.ศ. 2454 - 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2508) อดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลของหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำพูน 2 สมัย ได้รับเลือกตั้งครั้งแรกในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2481ประวัติ ประวัติ. เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน สูติวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2454 เป็นโอรสองค์เดียวในเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าผู้ครองนครลำพูนองค์สุดท้าย ที่ประสูตแต่แม่เจ้าแขกแก้วจักรคำขจรศักดิ์ และมีพี่น้องต่างมารดา ได้แก่- เจ้าลำเจียก ณ ลำพูน - เจ้าวรรณรา ณ ลำพูน - เจ้าพงศ์ธาดา ณ ลำพูน - เจ้ารัทธาธร ณ ลำพูน - เจ้าประกายคำ ณ ลำพูน - เจ้าสุริยา ณ ลำพูน - เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน - เจ้าพัฒนา ณ ลำพูน ด้านชีวิตครอบครัว สมรสกับนางเทวี ณ ลำพูน (สกุลเดิม วัฒนะทัสสี) มีบุตร 2 คน คือ เจ้าหญิงวรเทวี (ณ ลำพูน) ชลวณิช และเจ้าวีรทัศน์ ณ ลำพูน เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2508การศึกษา การศึกษา. เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนจักรคำคณาทร จังหวัดลำพูน และไปศึกษาต่อที่โรงเรียนอัสสัมชัญ โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย และโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จากนั้นได้เข้าศึกษาต่อแผนกธรรมศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์บทบาททางการเมือง บทบาททางการเมือง. เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเลือกตั้งครั้งแรกในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2481 และได้รับเลือกอีกครั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ เจ้าวรทัศน์ เคยได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ในรัฐบาลของหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ดำรงตำแหน่งระหว่างวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2488 - 31 มกราคม พ.ศ. 2489 ในยุคหลังเลิกสงครามมหาเอเชียบูรพาราชตระกูล
| เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน สูติวันที่เท่าไร | {
"answer": [
"12"
],
"answer_begin_position": [
411
],
"answer_end_position": [
413
]
} |
2,613 | 327,130 | เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน (12 มิถุนายน พ.ศ. 2454 - 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2508) อดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลของหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำพูน 2 สมัย ได้รับเลือกตั้งครั้งแรกในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2481ประวัติ ประวัติ. เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน สูติวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2454 เป็นโอรสองค์เดียวในเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าผู้ครองนครลำพูนองค์สุดท้าย ที่ประสูตแต่แม่เจ้าแขกแก้วจักรคำขจรศักดิ์ และมีพี่น้องต่างมารดา ได้แก่- เจ้าลำเจียก ณ ลำพูน - เจ้าวรรณรา ณ ลำพูน - เจ้าพงศ์ธาดา ณ ลำพูน - เจ้ารัทธาธร ณ ลำพูน - เจ้าประกายคำ ณ ลำพูน - เจ้าสุริยา ณ ลำพูน - เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน - เจ้าพัฒนา ณ ลำพูน ด้านชีวิตครอบครัว สมรสกับนางเทวี ณ ลำพูน (สกุลเดิม วัฒนะทัสสี) มีบุตร 2 คน คือ เจ้าหญิงวรเทวี (ณ ลำพูน) ชลวณิช และเจ้าวีรทัศน์ ณ ลำพูน เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2508การศึกษา การศึกษา. เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนจักรคำคณาทร จังหวัดลำพูน และไปศึกษาต่อที่โรงเรียนอัสสัมชัญ โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย และโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จากนั้นได้เข้าศึกษาต่อแผนกธรรมศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์บทบาททางการเมือง บทบาททางการเมือง. เจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเลือกตั้งครั้งแรกในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2481 และได้รับเลือกอีกครั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ เจ้าวรทัศน์ เคยได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ในรัฐบาลของหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ดำรงตำแหน่งระหว่างวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2488 - 31 มกราคม พ.ศ. 2489 ในยุคหลังเลิกสงครามมหาเอเชียบูรพาราชตระกูล
| บิดาของเจ้าวรทัศน์ ณ ลำพูน มีนามว่าอะไร | {
"answer": [
"เจ้าจักรคำขจรศักดิ์"
],
"answer_begin_position": [
452
],
"answer_end_position": [
471
]
} |
681 | 492,773 | จังหวัดอาเจะฮ์ อาเจะฮ์ () เป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ทางเหนือสุดของเกาะสุมาตราประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์. อาเจะฮ์เคยเป็นรัฐอิสระที่มีบทบาททางการค้าและการเดินเรือระหว่างประเทศ อาเจะฮ์เริ่มรับศาสนาอิสลามจากชวาในราวพุทธศตวรรษที่ 13 และได้สถาปนาการปกครองแบบสุลต่านขึ้นที่เมืองบันดาอาเจะฮ์ อาเจะฮ์มีอำนาจมากในสมัยสุลต่านอาลี มูตคายัต ซะห์ ที่ครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. 2057 – 2073 ที่ได้ทำให้อาเจะฮ์เป็นศูนย์กลางทางการค้าแทนมะละกาที่ถูกโปรตุเกสโจมตี เมื่อ พ.ศ. 2044 และพระองค์ยังทำสงครามต่อต้านโปรตุเกสที่พยายามเข้ายึดครองเมืองปาไซ และได้ขยายอำนาจเข้าครอบครองดินแดนส่วนอื่นของสุมาตรา และบางส่วนในคาบสมุทรมลายู ยุคทองของอาเจะฮ์ที่มีความรุ่งเรืองมากตชคือในสมัยสุลต่านอิสกันดาร์ มุดา ที่ข้ามไปยึดครองยะโฮร์และเประก์ได้ และกลายเป็นศูนย์กลางของศาสนาอิสลามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่เรียกว่า ประตูทางตะวันออกที่เปิดสู่มักกะฮ์ อาเจะฮ์เริ่มตกต่ำลงหลังจากเนเธอร์แลนด์เข้ามายึดครองมะละกาเมื่อ พ.ศ. 2184 ประกอบกับในอาเจะฮ์มีความขัดแย้งระหว่างขุนนางท้องถิ่นกับสุลต่าน เนเธอร์แลนด์เข้ามาแทรกแซงโดยสนับสนุนให้ชาวมีนังกาเบาแยกตัวออกมาจากอาเจะฮ์ รัฐทางคาบสมุทรมลายู เช่น ยะโฮร์ก็เริ่มแข็งข้อกับอาเจะฮ์ และได้รับผลกระทบจากการเข้าครอบครองปีนังและสิงคโปร์ของอังกฤษ ทำให้อิทธิพลทางการเมืองและเศรษฐกิจของอาเจะฮ์ลดลง ในที่สุดเนเธอร์แลนด์ได้ทำสงครามอาเจะฮ์เพื่อยึดอาเจะฮ์เป็นอาณานิคม การสู้รบเริ่มขึ้นใน พ.ศ. 2416 และยึดเมืองบันดาอาเจะฮ์ได้ใน พ.ศ. 2420 แต่ก็ยังคงสู้รบแบบกองโจรต่อไป แม้ว่าสุลต่านจะยอมจำนนใน พ.ศ. 2446 เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง และอินโดนีเซียได้รับเอกราช แต่อาเจะฮ์ก็ยังมีการปฏิวัติต่อต้านรัฐบาลกลางระหว่าง พ.ศ. 2496–2502 นำโดยพวกอูลามา แม้จะมีสถานภาพเป็นเขตการปกครองพิเศษตั้งแต่ พ.ศ. 2502 แต่ก็ยังมีกองกำลังที่ต้องการแยกตัวเป็นอิสระคือขบวนการอาเจะฮ์เสรีจนถึง พ.ศ. 2548 ปัจจุบันจังหวัดอะเจะฮ์เป็นจังหวัดเดียวที่บังคับใช้กฎหมายชารีอะห์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อยินยอมจากรัฐบาลกลางการแบ่งเขตบริหาร
| อาเจะฮ์ เป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศอะไร | {
"answer": [
"ประเทศอินโดนีเซีย"
],
"answer_begin_position": [
134
],
"answer_end_position": [
151
]
} |
1,536 | 492,773 | จังหวัดอาเจะฮ์ อาเจะฮ์ () เป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ทางเหนือสุดของเกาะสุมาตราประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์. อาเจะฮ์เคยเป็นรัฐอิสระที่มีบทบาททางการค้าและการเดินเรือระหว่างประเทศ อาเจะฮ์เริ่มรับศาสนาอิสลามจากชวาในราวพุทธศตวรรษที่ 13 และได้สถาปนาการปกครองแบบสุลต่านขึ้นที่เมืองบันดาอาเจะฮ์ อาเจะฮ์มีอำนาจมากในสมัยสุลต่านอาลี มูตคายัต ซะห์ ที่ครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. 2057 – 2073 ที่ได้ทำให้อาเจะฮ์เป็นศูนย์กลางทางการค้าแทนมะละกาที่ถูกโปรตุเกสโจมตี เมื่อ พ.ศ. 2044 และพระองค์ยังทำสงครามต่อต้านโปรตุเกสที่พยายามเข้ายึดครองเมืองปาไซ และได้ขยายอำนาจเข้าครอบครองดินแดนส่วนอื่นของสุมาตรา และบางส่วนในคาบสมุทรมลายู ยุคทองของอาเจะฮ์ที่มีความรุ่งเรืองมากตชคือในสมัยสุลต่านอิสกันดาร์ มุดา ที่ข้ามไปยึดครองยะโฮร์และเประก์ได้ และกลายเป็นศูนย์กลางของศาสนาอิสลามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่เรียกว่า ประตูทางตะวันออกที่เปิดสู่มักกะฮ์ อาเจะฮ์เริ่มตกต่ำลงหลังจากเนเธอร์แลนด์เข้ามายึดครองมะละกาเมื่อ พ.ศ. 2184 ประกอบกับในอาเจะฮ์มีความขัดแย้งระหว่างขุนนางท้องถิ่นกับสุลต่าน เนเธอร์แลนด์เข้ามาแทรกแซงโดยสนับสนุนให้ชาวมีนังกาเบาแยกตัวออกมาจากอาเจะฮ์ รัฐทางคาบสมุทรมลายู เช่น ยะโฮร์ก็เริ่มแข็งข้อกับอาเจะฮ์ และได้รับผลกระทบจากการเข้าครอบครองปีนังและสิงคโปร์ของอังกฤษ ทำให้อิทธิพลทางการเมืองและเศรษฐกิจของอาเจะฮ์ลดลง ในที่สุดเนเธอร์แลนด์ได้ทำสงครามอาเจะฮ์เพื่อยึดอาเจะฮ์เป็นอาณานิคม การสู้รบเริ่มขึ้นใน พ.ศ. 2416 และยึดเมืองบันดาอาเจะฮ์ได้ใน พ.ศ. 2420 แต่ก็ยังคงสู้รบแบบกองโจรต่อไป แม้ว่าสุลต่านจะยอมจำนนใน พ.ศ. 2446 เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง และอินโดนีเซียได้รับเอกราช แต่อาเจะฮ์ก็ยังมีการปฏิวัติต่อต้านรัฐบาลกลางระหว่าง พ.ศ. 2496–2502 นำโดยพวกอูลามา แม้จะมีสถานภาพเป็นเขตการปกครองพิเศษตั้งแต่ พ.ศ. 2502 แต่ก็ยังมีกองกำลังที่ต้องการแยกตัวเป็นอิสระคือขบวนการอาเจะฮ์เสรีจนถึง พ.ศ. 2548 ปัจจุบันจังหวัดอะเจะฮ์เป็นจังหวัดเดียวที่บังคับใช้กฎหมายชารีอะห์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อยินยอมจากรัฐบาลกลางการแบ่งเขตบริหาร
| อาเจะฮ์เริ่มรับศาสนาอิสลามจากชวาในราวพุทธศตวรรษที่เท่าไร | {
"answer": [
"13"
],
"answer_begin_position": [
334
],
"answer_end_position": [
336
]
} |
682 | 185,715 | องค์บาก 2 องค์บาก 2 () เป็นภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้ ที่นำแสดงโดย ทัชชกร ยีรัมย์ เป็นภาพยนตร์ภาคต่อของ องค์บาก ของสหมงคลฟิล์ม ซึ่งกำกับโดยปรัชญา ปิ่นแก้ว ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในตลาดต่างประเทศ ภาพยนตร์เขียนบทและกำกับโดย ทัชชกร ยีรัมย์ ไอยราฟิล์ม โดยการสนับสนุนของพันนา ฤทธิไกร โดยมีการนำศิลปะการต่อสู้ของไทย มาผสมผสานกับศิลปะการแสดงโขน เริ่มถ่ายทำตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2550 มีกำหนดออกฉายช่วงต้นปี พ.ศ. 2551 แต่ภาพยนตร์ประสบปัญหาเนื่องจากเปลี่ยนผู้ควบคุมงานซึ่งเดิมคือ แวว ยีรัมย์ และ ธรัช ศุภโชคไพศาล ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งไอยราฟิล์มออก จึงทำให้เกิดปัญหาของการควบคุมงาน และปัญหาความล่าช้าในการถ่ายทำ และใช้งบประมาณบานปลาย จนต้องหยุดการถ่ายทำ และเกิดความขัดแย้งระหว่าง ทัชชกร ยีรัมย์ กับ ปรัชญา ปิ่นแก้ว และบริษัท สหมงคลฟิล์ม จนต้องมีการเจรจาไกล่เกลี่ยกันหลายครั้ง ได้เปิดตัวในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 และมีกำหนดการฉายอย่างเป็นทางการ ในประเทศไทย วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ทำรายได้รวมในประเทศไทย 102.29 ล้านบาท วีซีดีและดีวีดีวางจำหน่าย วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2552เรื่องย่อ เรื่องย่อ. เหตุการณ์เกิดขึ้นในรัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 เทียน (ทัชชกร ยีรัมย์) บุรุษผู้ถือกำเนิดมาพร้อมกับคำทำนายที่ว่า "จะเติบโตกาย ใต้วังวนแห่งคมดาบและกลิ่นคาวเลือด" เข่าเป็นหอก ศอกเป็นดาบ ทุกส่วนของร่างกายใช้เป็นสรรพาวุธสยบคู่ต่อสู้ให้พ่ายแพ้ไร้ข้อต่อรอง โดยการสอนของ "เชอนัง" (สรพงษ์ ชาตรี) หัวหน้ากองโจรผาปีกครุฑผู้ยิ่งใหญ่ที่ช่วยเทียนไว้จากตลาดการค้าทาส และสอนทุกศาสตร์ให้โดยหวังให้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้ากองโจรต่อไป แต่สิ่งเดียวที่เทียนต้องการ คือการเปิดสังเวียนเลือดล้างเลือด ล้างแค้นให้ผู้เป็นพ่อ (สันติสุข พรหมศิริ) ที่ต้องตายอย่างทุกข์ทรมาณโดยฝีมือพระยาราชเสนา (ศรัณยู วงษ์กระจ่าง)นักแสดงนักแสดง. - ทัชชกร ยีรัมย์ เป็น เทียน - สรพงษ์ ชาตรี เป็น เชอนัง (ได้รับรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติสุพรรณหงส์ปี 2551 ผู้แสดงสบทบชายยอดเยี่ยม) - นิรุตติ์ ศิริจรรยา เป็น ครูบัว - ศรัณยู วงษ์กระจ่าง เป็น พระยาราชเสนา - สันติสุข พรหมศิริ เป็น ขุนสีหเดโช - พริมรตา เดชอุดม เป็น พิม - เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา เป็น ไอ้เหม็น - ชูพงษ์ ช่างปรุง เป็น ภูติสางกา - ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ เป็น องค์รักษ์เกราะทอง - ปัทมา ปานทอง เป็น นางไปล่รางวัลในประเทศไทย รางวัลในประเทศไทย. ตารางสาขารางวัลที่ได้เข้าชิงรางวัล สีเขียวคือได้รับรางวัล สีแดงคือได้รับการเสนอชื่อแต่พลาดรางวัลไป
| องค์บาก 2 เป็นภาพยนตร์ไทยเน้นศิลปะการต่อสู้ ที่นำแสดงโดยใคร | {
"answer": [
"ทัชชกร ยีรัมย์"
],
"answer_begin_position": [
147
],
"answer_end_position": [
161
]
} |
683 | 185,715 | องค์บาก 2 องค์บาก 2 () เป็นภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้ ที่นำแสดงโดย ทัชชกร ยีรัมย์ เป็นภาพยนตร์ภาคต่อของ องค์บาก ของสหมงคลฟิล์ม ซึ่งกำกับโดยปรัชญา ปิ่นแก้ว ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในตลาดต่างประเทศ ภาพยนตร์เขียนบทและกำกับโดย ทัชชกร ยีรัมย์ ไอยราฟิล์ม โดยการสนับสนุนของพันนา ฤทธิไกร โดยมีการนำศิลปะการต่อสู้ของไทย มาผสมผสานกับศิลปะการแสดงโขน เริ่มถ่ายทำตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2550 มีกำหนดออกฉายช่วงต้นปี พ.ศ. 2551 แต่ภาพยนตร์ประสบปัญหาเนื่องจากเปลี่ยนผู้ควบคุมงานซึ่งเดิมคือ แวว ยีรัมย์ และ ธรัช ศุภโชคไพศาล ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งไอยราฟิล์มออก จึงทำให้เกิดปัญหาของการควบคุมงาน และปัญหาความล่าช้าในการถ่ายทำ และใช้งบประมาณบานปลาย จนต้องหยุดการถ่ายทำ และเกิดความขัดแย้งระหว่าง ทัชชกร ยีรัมย์ กับ ปรัชญา ปิ่นแก้ว และบริษัท สหมงคลฟิล์ม จนต้องมีการเจรจาไกล่เกลี่ยกันหลายครั้ง ได้เปิดตัวในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 และมีกำหนดการฉายอย่างเป็นทางการ ในประเทศไทย วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ทำรายได้รวมในประเทศไทย 102.29 ล้านบาท วีซีดีและดีวีดีวางจำหน่าย วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2552เรื่องย่อ เรื่องย่อ. เหตุการณ์เกิดขึ้นในรัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 เทียน (ทัชชกร ยีรัมย์) บุรุษผู้ถือกำเนิดมาพร้อมกับคำทำนายที่ว่า "จะเติบโตกาย ใต้วังวนแห่งคมดาบและกลิ่นคาวเลือด" เข่าเป็นหอก ศอกเป็นดาบ ทุกส่วนของร่างกายใช้เป็นสรรพาวุธสยบคู่ต่อสู้ให้พ่ายแพ้ไร้ข้อต่อรอง โดยการสอนของ "เชอนัง" (สรพงษ์ ชาตรี) หัวหน้ากองโจรผาปีกครุฑผู้ยิ่งใหญ่ที่ช่วยเทียนไว้จากตลาดการค้าทาส และสอนทุกศาสตร์ให้โดยหวังให้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้ากองโจรต่อไป แต่สิ่งเดียวที่เทียนต้องการ คือการเปิดสังเวียนเลือดล้างเลือด ล้างแค้นให้ผู้เป็นพ่อ (สันติสุข พรหมศิริ) ที่ต้องตายอย่างทุกข์ทรมาณโดยฝีมือพระยาราชเสนา (ศรัณยู วงษ์กระจ่าง)นักแสดงนักแสดง. - ทัชชกร ยีรัมย์ เป็น เทียน - สรพงษ์ ชาตรี เป็น เชอนัง (ได้รับรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติสุพรรณหงส์ปี 2551 ผู้แสดงสบทบชายยอดเยี่ยม) - นิรุตติ์ ศิริจรรยา เป็น ครูบัว - ศรัณยู วงษ์กระจ่าง เป็น พระยาราชเสนา - สันติสุข พรหมศิริ เป็น ขุนสีหเดโช - พริมรตา เดชอุดม เป็น พิม - เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา เป็น ไอ้เหม็น - ชูพงษ์ ช่างปรุง เป็น ภูติสางกา - ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ เป็น องค์รักษ์เกราะทอง - ปัทมา ปานทอง เป็น นางไปล่รางวัลในประเทศไทย รางวัลในประเทศไทย. ตารางสาขารางวัลที่ได้เข้าชิงรางวัล สีเขียวคือได้รับรางวัล สีแดงคือได้รับการเสนอชื่อแต่พลาดรางวัลไป
| ภาพยนตร์เรื่ององค์บาก 2 ออกฉายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ทำรายได้รวมเท่าไร | {
"answer": [
"102.29 ล้านบาท"
],
"answer_begin_position": [
988
],
"answer_end_position": [
1002
]
} |
684 | 14,167 | หลุยส์ เบรลล์ หลุยส์ เบรล (เกิดวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2352 (ค.ศ. 1809) ที่เมือง Coupvray ประเทศฝรั่งเศส) ครูตาบอดชาวฝรั่งเศส โดยเมื่อปี พ.ศ. 2372 สำนักงานสำมะโนประชากรฝรั่งเศสขึ้นบัญชีชื่อของเขา เป็นผู้ไม่รู้หนังสือแต่ในปีนั้นเขาเพิ่งจะตีพิมพ์ผลงานว่าด้วยเรื่อง "ภาษาใหม่" ผู้ประดิษฐ์อักษรเบรลล์สำหรับคนตาบอดอ่าน โดยใช้นิ้วมือสัมผัส เขาได้ความคิดมาจากการส่งข่าวสารทางทหาร ในเวลากลางคืนของกัปตันชาร์ลส์ บาร์บิเอร์ ซึ่งใช้กระดาษแข็งปั๊มเป็นรหัสจุด-ขีด โดยพัฒนามาเป็นระบบ 6 จุด ซึ่งสามารถจัดกลุ่มของจุดได้ถึง 63 แบบ ใช้แทนอักษรตาดี
| ผู้ประดิษฐ์อักษรเบรลล์สำหรับคนตาบอดอ่านโดยใช้นิ้วมือสัมผัส คือใคร | {
"answer": [
"หลุยส์ เบรล"
],
"answer_begin_position": [
100
],
"answer_end_position": [
111
]
} |
1,404 | 14,167 | หลุยส์ เบรลล์ หลุยส์ เบรล (เกิดวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2352 (ค.ศ. 1809) ที่เมือง Coupvray ประเทศฝรั่งเศส) ครูตาบอดชาวฝรั่งเศส โดยเมื่อปี พ.ศ. 2372 สำนักงานสำมะโนประชากรฝรั่งเศสขึ้นบัญชีชื่อของเขา เป็นผู้ไม่รู้หนังสือแต่ในปีนั้นเขาเพิ่งจะตีพิมพ์ผลงานว่าด้วยเรื่อง "ภาษาใหม่" ผู้ประดิษฐ์อักษรเบรลล์สำหรับคนตาบอดอ่าน โดยใช้นิ้วมือสัมผัส เขาได้ความคิดมาจากการส่งข่าวสารทางทหาร ในเวลากลางคืนของกัปตันชาร์ลส์ บาร์บิเอร์ ซึ่งใช้กระดาษแข็งปั๊มเป็นรหัสจุด-ขีด โดยพัฒนามาเป็นระบบ 6 จุด ซึ่งสามารถจัดกลุ่มของจุดได้ถึง 63 แบบ ใช้แทนอักษรตาดี
| หลุยส์ เบรล ครูตาบอดชาวฝรั่งเศส เกิดวันที่เท่าไร | {
"answer": [
"4"
],
"answer_begin_position": [
124
],
"answer_end_position": [
125
]
} |
685 | 749,338 | เจ้าหญิงลัลลา มาลิกะฮ์ เจ้าหญิงลัลลา มาลิกะฮ์ (ประสูติ: 14 มีนาคม พ.ศ. 2476) เป็นพระราชธิดาในสมเด็จพระราชาธิบดีมุฮัมมัดที่ 5 กับเจ้าหญิงลัลลา อับลา พระชายาองค์ที่สอง และเป็นพระปิตุจฉาในสมเด็จพระราชาธิบดีมุฮัมมัดที่ 6 แห่งโมร็อกโก ทั้งนี้พระองค์ดำรงตำแหน่งเป็นองค์นายิกาของสภาเสี้ยววงเดือนแดงแห่งโมร็อกโก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 เจ้าหญิงลัลลา มาลิกะฮ์ เสกสมรสกับพลโทมุฮัมมัด เชร์เคาวีย์ (Muhammad Cherkaoui; พ.ศ. 2464—2545) อดีตเอกอัครราชทูตประจำประเทศฝรั่งเศส โดยงานเสกสมรสครั้งนั้นเป็นพิธีเสกสมรสหมู่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2504 โดยมีเจ้าหญิงลัลลา อาอิชะฮ์ และเจ้าหญิงลัลลา ฟาฏิมะฮ์ เสกสมรสกับพระภัสดาในงานเดียวกันนั้น เจ้าหญิงลัลลา มาลิกะฮ์และพระสวามีพระบุตรด้วยกัน 4 คน ได้แก่1. สุลัยมาน เชร์เคาวีย์ (Sulaiman Cherkaoui) 2. อุมัร เชร์เคาวีย์ (Omar Cherkaoui) 3. มะฮ์ดี เชร์เคาวีย์ (Mehdi Cherkaoui) 4. รอบิยะฮ์ เชร์เคาวีย์ (Rabia Cherkaoui)เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - โมร็อกโก : เครื่องราชอิสริยาภรณ์ราชบัลลังก์ ชั้นสายสะพาย
| เจ้าหญิงลัลลา มาลิกะฮ์เป็นพระราชธิดาในสมเด็จพระราชาธิบดีมุฮัมมัดที่ 5 เสกสมรสกับใคร | {
"answer": [
"พลโทมุฮัมมัด เชร์เคาวีย์"
],
"answer_begin_position": [
454
],
"answer_end_position": [
478
]
} |
1,566 | 749,338 | เจ้าหญิงลัลลา มาลิกะฮ์ เจ้าหญิงลัลลา มาลิกะฮ์ (ประสูติ: 14 มีนาคม พ.ศ. 2476) เป็นพระราชธิดาในสมเด็จพระราชาธิบดีมุฮัมมัดที่ 5 กับเจ้าหญิงลัลลา อับลา พระชายาองค์ที่สอง และเป็นพระปิตุจฉาในสมเด็จพระราชาธิบดีมุฮัมมัดที่ 6 แห่งโมร็อกโก ทั้งนี้พระองค์ดำรงตำแหน่งเป็นองค์นายิกาของสภาเสี้ยววงเดือนแดงแห่งโมร็อกโก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 เจ้าหญิงลัลลา มาลิกะฮ์ เสกสมรสกับพลโทมุฮัมมัด เชร์เคาวีย์ (Muhammad Cherkaoui; พ.ศ. 2464—2545) อดีตเอกอัครราชทูตประจำประเทศฝรั่งเศส โดยงานเสกสมรสครั้งนั้นเป็นพิธีเสกสมรสหมู่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2504 โดยมีเจ้าหญิงลัลลา อาอิชะฮ์ และเจ้าหญิงลัลลา ฟาฏิมะฮ์ เสกสมรสกับพระภัสดาในงานเดียวกันนั้น เจ้าหญิงลัลลา มาลิกะฮ์และพระสวามีพระบุตรด้วยกัน 4 คน ได้แก่1. สุลัยมาน เชร์เคาวีย์ (Sulaiman Cherkaoui) 2. อุมัร เชร์เคาวีย์ (Omar Cherkaoui) 3. มะฮ์ดี เชร์เคาวีย์ (Mehdi Cherkaoui) 4. รอบิยะฮ์ เชร์เคาวีย์ (Rabia Cherkaoui)เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - โมร็อกโก : เครื่องราชอิสริยาภรณ์ราชบัลลังก์ ชั้นสายสะพาย
| เจ้าหญิงลัลลา มาลิกะฮ์ เป็นพระราชธิดาในสมเด็จพระราชาธิบดีมุฮัมมัดที่ 5 ประสูติเมื่อวันที่เท่าไร | {
"answer": [
"14"
],
"answer_begin_position": [
153
],
"answer_end_position": [
155
]
} |
686 | 45,443 | สะพานภูมิพล สะพานภูมิพล () หรือเดิม สะพานวงแหวนอุตสาหกรรม เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาสำหรับถนนวงแหวนอุตสาหกรรม เชื่อมระหว่างถนนพระรามที่ 3 ถนนสุขสวัสดิ์ ถนนปู่เจ้าสมิงพราย และถนนกาญจนาภิเษก ลักษณะเป็นสะพานขึงขนาด 7 ช่องจราจร ทางด้านเหนือหรือ "สะพานภูมิพล 1" เชื่อมระหว่างแขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร กับตำบลทรงคนอง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ทางด้านใต้หรือ "สะพานภูมิพล 2" เชื่อมระหว่างตำบลทรงคนองกับตำบลบางหญ้าแพรก อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2549 แต่ก่อนหน้านั้นได้เปิดใช้ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2549 ในวันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทางชลมารค โดยเรือพระที่นั่งอังสนาของกองทัพเรือ ทรงทำพิธีเปิดสะพานภูมิพลและประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ ณ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการโครงสร้างพื้นฐาน โครงสร้างพื้นฐาน. สะพานภูมิพล ประกอบด้วย 2 ช่วง คือ- สะพานภูมิพล 1 เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาทางด้านเหนือ เชื่อมระหว่างแขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร กับตำบลทรงคนอง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เป็นสะพานขึงเคเบิลคู่ขนาดกว้าง 7 ช่องจราจร ที่ประกอบด้วยเสาสูง จำนวน 2 ต้น ความยาวสะพานช่วงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา 326 เมตร เป็นโครงสร้างประกอบระหว่างคอนกรีต และเหล็ก และความยาวตัวสะพานในช่วงด้านหลัง 128 เมตร เป็นโครงสร้างแบบคอนกรีตอัดแรง ความสูงจากระดับน้ำสูงสุดที่กึ่งกลางสะพานประมาณ 50 เมตร เพื่อให้เรือบรรทุกหรือขนส่งสินค้าสามารถแล่นลอดได้- สะพานภูมิพล 2 เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาทางด้านใต้ เชื่อมระหว่างตำบลทรงคนองกับตำบลบางหญ้าแพรก อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เป็นสะพานขึงเคเบิลคู่ขนาดกว้าง 7 ช่องจราจร ที่ประกอบด้วยเสาสูง จำนวน 2 ต้น ความยาวสะพาน ช่วงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา 398 เมตร เป็นโครงสร้างประกอบระหว่างคอนกรีตและเหล็ก และความยาวตัวสะพานในช่วงด้านหลัง 152 เมตร เป็นโครงสร้างแบบคอนกรีตอัดแรง ความสูงจากระดับน้ำสูงสุดที่กึ่งกลางสะพานประมาณ 50 เมตร เพื่อให้เรือบรรทุกหรือขนส่งสินค้าจากปากแม่น้ำเจ้าพระยาสามารถลอดได้เพื่อเข้าสู่ท่าเรือคลองเตย- ช่วงตะวันตก เป็นทางยกระดับข้ามถนนพระราชวิริยาภรณ์ และเป็นทางระดับพื้นราบ ก่อนจะเป็นทางยกระดับอีกครั้งเมื่อบรรจบกับถนนสุขสวัสดิ์ โดยแยกเส้นทางออกไปจากช่วงที่ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา- การก่อสร้างการเชื่อมสะพาน ใช้วิธีก่อสร้างทั้งสองฝั่งมาบรรจบกันตรงกลาง โดยทีมแขวนสะพานกำหนดระยะการเชื่อมสะพานแค่ 6 เดือน โดยการเชื่อมใช้พื้นคอนกรีตหนักอัดแรงหนักชิ้นละ 480 ตัน มาเชื่อมกัน โดยใช้เครนคู่ขนาดยักษ์ในดึงคอนกรีตขึ้นจากเรือขนส่งด้านล่าง ซึ่งการยกคอนกรีตมีเวลาแค่ 4 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น เพื่อเปิดทางให้การจราจรทางน้ำให้เป็นปกติ ใช้ระยะเวลาการก่อสร้างเพียง 4 เดือนเท่านั้น จากกำหนดเดิม 6 เดือน ซึ่งบันทึกในสถิติโลกว่า เป็นการสร้างสะพานขึงคู่ที่สร้างเร็วที่สุดในโลกการออกแบบ การออกแบบ. สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นด้วยงบประมาณของกรมทางหลวงชนบท ตามแบบเดิมจะเป็นอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา แต่ติดปัญหาด้านงบประมาณจึงปรับเป็นรูปแบบสะพาน วิศวกรผู้ออกแบบ พอลเล กุสตาฟสันส์ ชาวสวีเดนได้เลือกรูปแบบสะพานขึงเนื่องจากข้อกำหนดว่าตัวสะพานต้องสูงกว่าระดับน้ำ ไม่น้อยกว่า 50 เมตร ลักษณะโครงสร้างสถาปัตยกรรมมีรูปร่างเพรียว เพื่อความประหยัด ผู้ออกแบบกำหนดให้ระหว่างสะพานทั้งสองช่วง มีลักษณะคล้ายหัวแหวน โดยออกแบบให้มีลักษณะคล้ายพระธำมรงค์ถวายแต่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชชื่อสะพาน ชื่อสะพาน. เมื่อเปิดใช้สะพานใหม่ ๆ ในปี พ.ศ. 2549 สะพานเคยมีชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า "สะพานวงแหวนอุตสาหกรรม" โดยเข้าใจผิดว่าเป็นนามพระราชทาน จนกระทั่งนายวิชาญ คุณากูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท ได้เปิดเผยเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อสะพานแห่งนี้ว่า "สะพานภูมิพล"ทางแยก ทางแยก. เริ่มต้น ถนนพระรามที่ 3- ถนนสุขสวัสดิ์ - ถนนปู่เจ้าสมิงพราย สิ้นสุด ถนนกาญจนาภิเษกรูปภาพ
| สะพานภูมิพล มีชื่อเดิมเรียกว่าอะไร | {
"answer": [
"สะพานวงแหวนอุตสาหกรรม"
],
"answer_begin_position": [
120
],
"answer_end_position": [
141
]
} |
1,411 | 45,443 | สะพานภูมิพล สะพานภูมิพล () หรือเดิม สะพานวงแหวนอุตสาหกรรม เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาสำหรับถนนวงแหวนอุตสาหกรรม เชื่อมระหว่างถนนพระรามที่ 3 ถนนสุขสวัสดิ์ ถนนปู่เจ้าสมิงพราย และถนนกาญจนาภิเษก ลักษณะเป็นสะพานขึงขนาด 7 ช่องจราจร ทางด้านเหนือหรือ "สะพานภูมิพล 1" เชื่อมระหว่างแขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร กับตำบลทรงคนอง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ทางด้านใต้หรือ "สะพานภูมิพล 2" เชื่อมระหว่างตำบลทรงคนองกับตำบลบางหญ้าแพรก อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2549 แต่ก่อนหน้านั้นได้เปิดใช้ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2549 ในวันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทางชลมารค โดยเรือพระที่นั่งอังสนาของกองทัพเรือ ทรงทำพิธีเปิดสะพานภูมิพลและประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ ณ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการโครงสร้างพื้นฐาน โครงสร้างพื้นฐาน. สะพานภูมิพล ประกอบด้วย 2 ช่วง คือ- สะพานภูมิพล 1 เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาทางด้านเหนือ เชื่อมระหว่างแขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร กับตำบลทรงคนอง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เป็นสะพานขึงเคเบิลคู่ขนาดกว้าง 7 ช่องจราจร ที่ประกอบด้วยเสาสูง จำนวน 2 ต้น ความยาวสะพานช่วงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา 326 เมตร เป็นโครงสร้างประกอบระหว่างคอนกรีต และเหล็ก และความยาวตัวสะพานในช่วงด้านหลัง 128 เมตร เป็นโครงสร้างแบบคอนกรีตอัดแรง ความสูงจากระดับน้ำสูงสุดที่กึ่งกลางสะพานประมาณ 50 เมตร เพื่อให้เรือบรรทุกหรือขนส่งสินค้าสามารถแล่นลอดได้- สะพานภูมิพล 2 เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาทางด้านใต้ เชื่อมระหว่างตำบลทรงคนองกับตำบลบางหญ้าแพรก อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เป็นสะพานขึงเคเบิลคู่ขนาดกว้าง 7 ช่องจราจร ที่ประกอบด้วยเสาสูง จำนวน 2 ต้น ความยาวสะพาน ช่วงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา 398 เมตร เป็นโครงสร้างประกอบระหว่างคอนกรีตและเหล็ก และความยาวตัวสะพานในช่วงด้านหลัง 152 เมตร เป็นโครงสร้างแบบคอนกรีตอัดแรง ความสูงจากระดับน้ำสูงสุดที่กึ่งกลางสะพานประมาณ 50 เมตร เพื่อให้เรือบรรทุกหรือขนส่งสินค้าจากปากแม่น้ำเจ้าพระยาสามารถลอดได้เพื่อเข้าสู่ท่าเรือคลองเตย- ช่วงตะวันตก เป็นทางยกระดับข้ามถนนพระราชวิริยาภรณ์ และเป็นทางระดับพื้นราบ ก่อนจะเป็นทางยกระดับอีกครั้งเมื่อบรรจบกับถนนสุขสวัสดิ์ โดยแยกเส้นทางออกไปจากช่วงที่ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา- การก่อสร้างการเชื่อมสะพาน ใช้วิธีก่อสร้างทั้งสองฝั่งมาบรรจบกันตรงกลาง โดยทีมแขวนสะพานกำหนดระยะการเชื่อมสะพานแค่ 6 เดือน โดยการเชื่อมใช้พื้นคอนกรีตหนักอัดแรงหนักชิ้นละ 480 ตัน มาเชื่อมกัน โดยใช้เครนคู่ขนาดยักษ์ในดึงคอนกรีตขึ้นจากเรือขนส่งด้านล่าง ซึ่งการยกคอนกรีตมีเวลาแค่ 4 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น เพื่อเปิดทางให้การจราจรทางน้ำให้เป็นปกติ ใช้ระยะเวลาการก่อสร้างเพียง 4 เดือนเท่านั้น จากกำหนดเดิม 6 เดือน ซึ่งบันทึกในสถิติโลกว่า เป็นการสร้างสะพานขึงคู่ที่สร้างเร็วที่สุดในโลกการออกแบบ การออกแบบ. สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นด้วยงบประมาณของกรมทางหลวงชนบท ตามแบบเดิมจะเป็นอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา แต่ติดปัญหาด้านงบประมาณจึงปรับเป็นรูปแบบสะพาน วิศวกรผู้ออกแบบ พอลเล กุสตาฟสันส์ ชาวสวีเดนได้เลือกรูปแบบสะพานขึงเนื่องจากข้อกำหนดว่าตัวสะพานต้องสูงกว่าระดับน้ำ ไม่น้อยกว่า 50 เมตร ลักษณะโครงสร้างสถาปัตยกรรมมีรูปร่างเพรียว เพื่อความประหยัด ผู้ออกแบบกำหนดให้ระหว่างสะพานทั้งสองช่วง มีลักษณะคล้ายหัวแหวน โดยออกแบบให้มีลักษณะคล้ายพระธำมรงค์ถวายแต่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชชื่อสะพาน ชื่อสะพาน. เมื่อเปิดใช้สะพานใหม่ ๆ ในปี พ.ศ. 2549 สะพานเคยมีชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า "สะพานวงแหวนอุตสาหกรรม" โดยเข้าใจผิดว่าเป็นนามพระราชทาน จนกระทั่งนายวิชาญ คุณากูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท ได้เปิดเผยเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อสะพานแห่งนี้ว่า "สะพานภูมิพล"ทางแยก ทางแยก. เริ่มต้น ถนนพระรามที่ 3- ถนนสุขสวัสดิ์ - ถนนปู่เจ้าสมิงพราย สิ้นสุด ถนนกาญจนาภิเษกรูปภาพ
| กษัตริย์พระองค์ใดเป็นผู้พระราชทานชื่อ สะพานภูมิพล | {
"answer": [
"พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช"
],
"answer_begin_position": [
3445
],
"answer_end_position": [
3484
]
} |
687 | 342,847 | ชมพูภูคา ชมพูภูคา (ชื่อวิทยาศาสตร์: Bretschneidera sinensis) เป็นไม้ยืนต้นชนิดเดียวที่อยู่ในสกุล Bretschneideraceae เป็นไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูง 10-25 เมตร ดอกออกเป็นช่อตั้งสีชมพู พบเฉพาะทางตอนใต้ของจีน เวียดนามตอนบน ไต้หวัน และภาคเหนือของไทย ที่ดอยภูคา จังหวัดน่านลักษณะทางพฤษศาสตร์ ลักษณะทางพฤษศาสตร์. ชมพูภูคาเป็นไม้ยืนต้น สูง 10-25 เมตร เปลือกลำต้นเรียบสีเทาน้ำตาล ใบประกอบแบบขนนก ยาว 30-80 ซม. ใบรูปหอกถึงรูปไข่ กว้าง 2.5-6 ซม ยาว 8-25 ซม. โคนใบรูปลิ่มหรือกลม ปลายใบแหลม ดอกสีขาว-ชมพู คล้ายรูประฆัง ออกเป็นช่อที่ปลายยอด ช่อดอกยาวได้ถึง 20-40 ซม. กลีบรองดอกขนาดใหญ่ รูปถ้วยขอบหยักตื้นๆ กลีบดอก 5 กลีบ รูปไข่กว้าง โคนกลีบเรียวยาว ปลายกลีบม้วนออกด้านนอก ขนาด 1.8-2 ซม. กลีบบนมักคว่ำลง เกสรผู้ 8 อัน ก้านเกสรเพศผู้ยาว 2.5-3 ซม. ปลายโค้ง รังไข่และก้านเกสรเพศเมียมีขนปกคลุม รังไข่ยาว 0.3-0.4 ซม. เกสรเพศเมียยาว 3-4 ซม. ปลายงอลง ผลรูปกระสวยแก่แล้วแตก เมล็ดรูปรี กว้าง 12 มม. ยาว 20 มม.การค้นพบ การค้นพบ. ชมพูภูคา เป็นหนึ่งในพันธุ์ไม้หายาก ใกล้สูญพันธุ์ชนิดหนึ่งของโลก เมื่อประมาณ 30 ปีที่ผ่านมา มีรายงานว่าพบพันธุ์ไม้ชนิดนี้ ที่มณฑลยูนานประเทศจีน แต่ปัจจุบันคาดว่าสูญพันธุ์ไปแล้วเนื่องด้วยการตัดไม้ทำลายป่า สำหรับในประเทศไทยมีรายงานการสำรวจพบพันธุ์ไม้ชนิดนี้เมื่อมี พ.ศ. 2532 บริเวณป่าดงดิบเขาดอยภูคา อุทยานแห่งชาติดอยภูคา อำเภอปัว จังหวัดน่านการกระจายพันธุ์ การกระจายพันธุ์. ชมพูภูคามีเขตการกระจายพันธุ์แคบๆ พบเฉพาะทางตอนใต้ของประเทศจีน ภาคเหนือของประเทศเวียดนาม ไต้หวัน และไทย ในประเทศไทย พบที่ดอยภูคาในจังหวัดน่าน ขึ้นตามที่ลาดชันในป่าดิบเขา ที่ระดับความสูง 1200-1500 เมตร ในต่างประเทศพบจนถึงระดับความสูง 1700 เมตร
| ชมพูภูคา ชื่อวิทยาศาสตร์คืออะไร | {
"answer": [
"Bretschneidera sinensis"
],
"answer_begin_position": [
119
],
"answer_end_position": [
142
]
} |