NLP Course documentation

ประกอบทุกอย่างเข้าด้วยกัน

Hugging Face's logo
Join the Hugging Face community

and get access to the augmented documentation experience

to get started

ประกอบทุกอย่างเข้าด้วยกัน

Ask a Question Open In Colab Open In Studio Lab

ในสองสาม sections ที่ผ่านมา เราได้พยายามทำทุกอย่างด้วยมือของเราเอง เราได้ลองศึกษาว่า tokenizer นั้นทำงานอย่างไรและวิธีการ tokenization, แปลงข้อมูลไปเป็น input IDs, การเติม(padding), การตัด(truncation), และ attention masks

อย่างไรก็ตาม เหมือนที่เราเห็นใน section 2, 🤗 Transformers API นั้นสามารถจัดการกับสิ่งต่างๆเหล่านั้นให้เราได้ด้วย high-level ฟังก์ชันที่เราจะลงลึงในรายละเอียดกันในที่นี่ เมื่อคุณเรียกใช้งาน tokenizer ของคุณตรงๆกับประโยคหนึ่งๆ, คุณได้อินพุตที่พร้อมจะใส่เข้าไปยังโมเดลกลับมา:

from transformers import AutoTokenizer

checkpoint = "distilbert-base-uncased-finetuned-sst-2-english"
tokenizer = AutoTokenizer.from_pretrained(checkpoint)

sequence = "I've been waiting for a HuggingFace course my whole life."

model_inputs = tokenizer(sequence)

ในที่นี้ ตัวแปร model_inputs นั้นประกอบด้วยทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับโมเดลที่จะทำงานได้เป็นอย่างดี สำหรับ DistilBERT นั้นรวมไปถึง input IDs และ attention mask ด้วย ส่วนโมเดลอื่นๆที่รองรับอินพุตต่างๆเพิ่มเติมก็จะได้ผลลัพท์เหล่านั้นจาก tokenizer object ด้วย

อย่างที่เราจะได้เห็นในบางตัวอย่างด้านล่างนี้ วิธีนี้เป็นวิธีที่ทรงพลังมาก อันดับแรก มันสามารถที่จะ tokenize ประโยคเพียงประโยคเดียวได้:

sequence = "I've been waiting for a HuggingFace course my whole life."

model_inputs = tokenizer(sequence)

มันยังสามารถจัดการกับประโยคหลายๆประโยคได้ในคราวเดียวกัน โดยที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนใน API เลย:

sequences = ["I've been waiting for a HuggingFace course my whole life.", "So have I!"]

model_inputs = tokenizer(sequences)

มันสามารถที่จะเติม(padding) ให้สอดคล้องกับหลายๆวัตถุประสงค์:

# จะเติมประโยคไปจนถึงความยาวที่ยาวที่สุดของประโยค
model_inputs = tokenizer(sequences, padding="longest")

# จะเติมประโยคไปจนถึงความยาวที่ยาวที่สุดที่โมเดลรับได้
# (512 for BERT or DistilBERT)
model_inputs = tokenizer(sequences, padding="max_length")

# จะเติมประโยคไปจนถึงความยาวที่ยาวที่สุดที่ระบุไว้
model_inputs = tokenizer(sequences, padding="max_length", max_length=8)

มันสามารถตัดประโยคได้อีกด้วย:

sequences = ["I've been waiting for a HuggingFace course my whole life.", "So have I!"]

# จะตัดประโยคที่มีความยาวเกินกว่าความยาวที่โมเดลรับได้
# (512 for BERT or DistilBERT)
model_inputs = tokenizer(sequences, truncation=True)

# จะตัดประโยคที่มีความยาวเกินกว่าความยาวที่ระบุไว้
model_inputs = tokenizer(sequences, max_length=8, truncation=True)

tokenizer object สามารถที่จะจัดการกับการแปลงข้อมูลไปเป็น tensors สำหรับ framework ที่เฉพาะเจาะจงได้ ซึ่งสามารถที่จะส่งเข้าโมเดลได้ทันที ยกตัวอย่างเช่น ในโค้ดตัวอย่างต่อไปนี้ เราจะสั่งให้ tokenizer ส่ง tensors จาก frameworks ต่างๆ กัน — "pt" ให้ PyTorch tensors, "tf" ให้ TensorFlow tensors, and "np" ให้ NumPy arrays:

sequences = ["I've been waiting for a HuggingFace course my whole life.", "So have I!"]

# Returns PyTorch tensors
model_inputs = tokenizer(sequences, padding=True, return_tensors="pt")

# Returns TensorFlow tensors
model_inputs = tokenizer(sequences, padding=True, return_tensors="tf")

# Returns NumPy arrays
model_inputs = tokenizer(sequences, padding=True, return_tensors="np")

tokens พิเศษ

ถ้าเราดูที่ input IDs ที่ได้จาก tokenizer เราจะเห็นได้ว่ามันค่อนข้างแตกต่างไปจากสิ่งที่เราเคยได้ก่อนหน้านี้:

sequence = "I've been waiting for a HuggingFace course my whole life."

model_inputs = tokenizer(sequence)
print(model_inputs["input_ids"])

tokens = tokenizer.tokenize(sequence)
ids = tokenizer.convert_tokens_to_ids(tokens)
print(ids)
[101, 1045, 1005, 2310, 2042, 3403, 2005, 1037, 17662, 12172, 2607, 2026, 2878, 2166, 1012, 102]
[1045, 1005, 2310, 2042, 3403, 2005, 1037, 17662, 12172, 2607, 2026, 2878, 2166, 1012]

มีหนึ่ง token ID ได้ถูกใส่เข้ามาด้านหน้าสุด และอีกหนึ่ง token ID ใส่ด้านหลังสุด มาถอดรหัสสองประโยคของ IDs ด้านบนดูว่ามันเกี่ยกับอะไร:

print(tokenizer.decode(model_inputs["input_ids"]))
print(tokenizer.decode(ids))
"[CLS] i've been waiting for a huggingface course my whole life. [SEP]"
"i've been waiting for a huggingface course my whole life."

tokenizer ทำการเพิ่มคำพิเศษ [CLS] ที่ด้านหน้าสุด และคำพิเศษ [SEP] ที่ด้านหลังสุด นั้นก็เพราะว่าโมเดลนั้นได้ผ่านการเทรนมาแบบนั้น ดังนั้นเพื่อให้ได้ผลลัพท์เดียวกันสำหรับการอนุมาน(inference) เราจำเป็นต้องเพิ่มมันเข้าไปเช่นเดียวกัน แต่ก็ต้องตระหนักว่าบางโมเดลนั้นไม่ได้เพิ่มคำพิเศษ หรือ ใส่คำที่ต่างออกไป; โมเดลอาจจะเพิ่มคำพิเศษเหล่านี้แค่เฉพาะด้านหน้าสุด หรือ ด้านหลังสุดเท่านั้น ไม่ว่าจะในกรณีใดๆ tokenizer รู้ว่าอันไหนเป็นอันที่ต้องการและมันจะจัดการให้คุณเอง:

สรุป: จาก tokenizer ไปยังโมเดล

ถึงตรงนี้เราได้เห็นขั้นตอนแต่ละอย่างทั้งหมดที่ tokenizer ใช้เพื่อประมวลผลข้อความ เรามาดูกันครั้งสุดท้ายว่ามันสามารถจัดการประโยคหลายๆประโยค (padding!), ประโยคยาวๆ, และ tensors หลายๆ ประเภทได้อย่างไรด้วย API หลักของมัน:

import torch
from transformers import AutoTokenizer, AutoModelForSequenceClassification

checkpoint = "distilbert-base-uncased-finetuned-sst-2-english"
tokenizer = AutoTokenizer.from_pretrained(checkpoint)
model = AutoModelForSequenceClassification.from_pretrained(checkpoint)
sequences = ["I've been waiting for a HuggingFace course my whole life.", "So have I!"]

tokens = tokenizer(sequences, padding=True, truncation=True, return_tensors="pt")
output = model(**tokens)