|
Book,Page,LineNumber,Text
|
|
50,0034,001,มรรค ด้วยบำเพ็ญสมถะและวิปัสสนาโดยลำดับ ปัญญาวิมุตติ ได้
|
|
50,0034,002,แก่ปฏิปทาแห่งกพระอรหันต์ผู้สำเร็จด้วยเจริญวิปัสสนาอย่างเดียว. อีก
|
|
50,0034,003,วิกัปป์หนึ่ง ตทังควิมุตติ เป็นกามาพจร วิกขัมภนวิมุตติ เป็น
|
|
50,0034,004,รูปาพจร สมุจเฉทวิมุตติ ปฏิปัสสัทธิวิมุตติ เป็นโลกุตตระ วิมุตติ ๒
|
|
50,0034,005,ตามบาลี วิมุตติ ๕ ตามอรรถกถา.
|
|
50,0034,006,๖/๙/๖๕
|
|
50,0034,007,ถ. พูดถึงวิมุตติ ทำให้น่าฉงนถึงการจัดประเภท ในอรรถกถา
|
|
50,0034,008,ท่านจัดสมุจเฉทวิมุตติแล้ว ไฉนจึงจัดปฏิปัสสัทธิและนิสรณวิมุตติ
|
|
50,0034,009,เข้าอีก ไม่เป็นการซ้ำซากหรือ มีอธิบายว่าอย่างไร ?
|
|
50,0034,010,ต. การจัดวิมุตติในอรรถกถา ถ้านึกถึงการจัดโลกกุตตรธรรม
|
|
50,0034,011,ที่จัดเป็นอริยมรรคอริยผลและนิพพาน เป็น ๓ ประเภท ก็ไม่น่าฉงน
|
|
50,0034,012,อะไร เพราะโลกุตตรวิมุตติก็ได้แก่โลกุตรธรรมนั่นเอง อีกอย่าง
|
|
50,0034,013,หนึ่ง ความหลุดพ้นจากกิเลสโดยอาการย่อมมีเป็น ๓ ทาง การตัด
|
|
50,0034,014,กิเลสให้เด็ดขาดก็เป็นความหลุดพ้นได้ทางหนึ่ง อีกทางหนึ่ง การ
|
|
50,0034,015,ออกไปเสียให้พ้นจากกิเลสไม่หลงหมกจมอยู่ ก็จัดเป็นความหลุดพ้น
|
|
50,0034,016,ได้เหมือนกัน เมื่อความหลุดพ้นได้มีเป็น ๓ เช่นนี้ ก็ไม่น่าฉงน เห็น
|
|
50,0034,017,เป็นการซ้ำซากไป เพราะอาการพ้นเป็นไปต่าง ๆ กัน หรืออีกอย่าง
|
|
50,0034,018,หนึ่ง เมื่อว่าโดยเหตุผล วิมุตติทั้ง ๓ ต่างเป็นเหตุผลของกันและกัน
|
|
50,0034,019,สมุจเฉทเป็นเหตุของปฏิปัสสัทธิ ๆ เป็นเหตุของนิสสรณะ เมื่อกล่าว
|
|
50,0034,020,โดยเหตุแล้ว ผลของเหตุนั้นยังเป็นเหตุต่อไปได้อีก ก็ควรกล่าวเสีย
|
|
50,0034,021,ให้สิ้นเชิง จงถึงผลที่สุดซึ่งไม่ต้องกลายเป็นเหตุอีก เพื่อเป็นความ
|
|
|