|
Book,Page,LineNumber,Text
|
|
26,0038,001,ใส่โทษพระ ข. ว่าได้เห็นพระ ข. เสพเมถุนกับหญิง ค. ดังนี้เป็นต้น.
|
|
26,0038,002,[ ตามพระมติของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า ฯ ทรงอธิบายว่า ถึงแม้
|
|
26,0038,003,จะไม่ได้เอาสิ่งอื่นมาเป็นเลศโจท จะเป็นแต่เพียงกล่าวโจทโดยทางอ้อม
|
|
26,0038,004,คือไม่ได้โจทจัง ๆ เช่น พระ ก. จะโจทพระ ข. แต่ไม่ได้ออกชื่อ
|
|
26,0038,005,พระ ข. โดยตรง เป็นแต่กล่าวว่า ตนได้เห็นพระรูปร่างสูงต่ำดำขาวเช่น
|
|
26,0038,006,นั้นกิริยาท่าทางอย่างนั้น นิสัยใจคออย่างนั้น อันบ่งให้ผู้อื่นรู้หรือเข้า
|
|
26,0038,007,ใจได้ว่าเป็นพระ ข. ดังนี้ ก็จัดว่าเป็นหาเลศโจทได้เหมือนกัน ].
|
|
26,0038,008,<B>ยาวตติยกา</B>
|
|
26,0038,009,สิกขาบทที่ ๑๐ ในสิกขาบทนี้ คำว่าทำลายสงฆ์ให้แตกกัน
|
|
26,0038,010,[ สังฆเภท ] หมายความว่ายังคณะสงฆ์ตั้งแต่ ๔ องค์ขึ้นไป ให้แตกจาก
|
|
26,0038,011,กัน เป็นก๊ก เป็นพวก ไม่เป็นหมู่เดียวกัน จนถึงไม่ลงอุโบสถสังฆ-
|
|
26,0038,012,กรรมร่วมกัน ภิกษุใดยังคณะสงฆ์ให้แตกกันเช่นนี้ แม้ถ้าภิกษุอื่นห้าม
|
|
26,0038,013,แล้วเชื่อฟังไม่ดื้อดึง เป็นเพียงอาบัติทุกกฎ ถ้าไม่เชื่อฟังยังขืนประพฤติ
|
|
26,0038,014,อีก สงฆ์สวดกรรมจบ ๒ ครั้ง เป็นอาบัติถุลลัจจัย จบ ๓ ครั้ง
|
|
26,0038,015,เป็นอาบัติสังหาทิเสส [สงฆ์สวดกรรมต้องครบคณะสงฆ์ คือ ๔ รูป].
|
|
26,0038,016,สิกขาบทที่ ๑๑ ภิกษุประพฤติตามภิกษุผู้ประพฤติดังกล่าวแล้ว
|
|
26,0038,017,ในสิกขาบทก่อน เข้าข้างฝ่ายภิกษุผู้พยายามทำลายสงฆ์นั้น [สิกขาบท
|
|
26,0038,018,ที่ ๑๐] รูปหนึ่งหรือสองรูปสามรูปก็ตาม ภิกษุอื่นห้ามไม่ฟัง ต้อง
|
|
26,0038,019,อาบัติทุกกฎ ถ้าสงฆ์สวดสมนุภาสนะด้วยญัตติจตุตถกรรม จบ ๒ ครั้ง
|
|
26,0038,020,ต้องถุลลัจจัย จบ ๓ ครั้ง ต้องสังฆาทิเสส สิกขาบทนี้คล้ายกับสิกขาบท
|
|
|