|
Book,Page,LineNumber,Text
|
|
20,0013,001,ว่า สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์อันสัตว์ทนยากฉะนี้ เมื่อนั้นบุคคลย่อม
|
|
20,0013,002,เหนื่อยหน่ายในทุกข์ คือบริหารทำนุบำรุงรักษาเบญจขันธ์ อันนี้เป็น
|
|
20,0013,003,มรรคาแห่งความบริสุทธิ์. เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า ธรรม
|
|
20,0013,004,ทั้งปวงเป็นอนัตตา ดังนี้ เมื่อนั้นบุคคลย่อมเหนื่อยหน่ายในทุกข์ คือ
|
|
20,0013,005,ความบริหารทำนุบำรุงเบญจขันธ์ อันนี้เป็นมรรคาแห่งความบริสุทธิ์.
|
|
20,0013,006,วิปัสสนาญาณที่พิจารณาสังขารโดยเป็นธรรม ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็น
|
|
20,0013,007,อนัตตาแล้ว เกิดนิพพานความเบื่อหน่าย เป็นมรรคาอุบายแห่งนิพพาน
|
|
20,0013,008,ด้วยประการฉะนี้.
|
|
20,0013,009,เพระเหตุฉะนี้ สมเด็จพระสุคตศักยมุนีโลกนาถ จึงได้ทรง
|
|
20,0013,010,แสดงอานิสงส์ในพระสูตรต่าง ๆ เป็นอเนกสถานว่า พระอริยสาวก
|
|
20,0013,011,ผู้ได้สดับแล้ว เมื่อเห็นลงเป็นยถาภูตญาณทัสสนะแล้ว ถอนคาหะ
|
|
20,0013,012,๓ อย่างเสีย ก็ย่อมเหนื่อยหน่ายในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
|
|
20,0013,013,ครบทั้ง ๕ ขันธ์ เมื่อเหนื่อยหน่ายอยู่ฉะนั้น ก็วิราชปราศย้อม คือ
|
|
20,0013,014,บรรลุอริยมรรค เป็นสมุจเฉทปหาน สยายกิเลสที่ย้อมสันดานให้นิราศ
|
|
20,0013,015,ไป เพราะวิราคะอริยมรรคเกิดแล้ว อริยสาวกนั้น ก็วิมุตหลุดถอน
|
|
20,0013,016,จากสรรพอาสวะ คือบรรลุอริยผล ให้จิตหลุดพ้นจากกิเลสลามกธรรม
|
|
20,0013,017,เป็นวิสุทธสัตว์สันดานหมดจดแล้วด้วยดี ครั้นจิตพ้นกิเลสแล้ว ก็
|
|
20,0013,018,ย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่าจิตพ้นแล้ว เธอนั้นก็รู้สว่างชัดว่าสิ้นชาติ อยู่
|
|
20,0013,019,จบพรหมจรรย์แล้ว กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อเหตุ
|
|
20,0013,020,อย่างนี้ไม่มี เธอนั้นมีปัจจเวกขณญาณหยั่งทราบฉะนี้.
|
|
|