dhamma-scholar-book / 30 /300035.csv
uisp's picture
init upload
c5b6280
raw
history blame
3.03 kB
Book,Page,LineNumber,Text
30,0035,001,ให้เข้าไปใกล้ต่อพระวิปัสสนาญาณด้วยพระโอวาทข้อนี้.
30,0035,002,๒๐/๘/๕๘
30,0035,003,ถ. ผู้ใดเว้นจากทุจริต ผู้นั้นชื่อว่าประพฤติสุจริตมมิใช่หรือ ?
30,0035,004,เหตุไฉนในโอวาทพระพุทธเจ้า จึงแยกการไม่ทำบาปและการทำ
30,0035,005,กุศลไว้ต่างข้อกัน ?
30,0035,006,ต. พึงเห็นโดยนัยนี้ คนเว้นจากผลาญชีวิตและทำร้ายเขา หรือ
30,0035,007,เว้นจากลักทรัพย์ของเขา ชื่อว่าไม่ทำบาปได้อยู่ แต่จะได้ทำกุศล
30,0035,008,หาได้ไม่ ต่อเมื่อได้ช่วยชีวิตเขา ขวนขวายให้พ้นจากเจ็บไข้ หรือ
30,0035,009,ได้ให้ทรัพย์ของตนเกื้อกูลเขา จึงได้ชื่อว่าได้ทำกุศล.
30,0035,010,๗/๑๑/๕๘
30,0035,011,ถ. การเว้นจากทุจริตก็เป็นอันประกอบสุจริต การประกอบ
30,0035,012,สุจริตก็เป็นอนเว้นจากทุจริต ๒ อย่างนี้ ย่อมเป็นอันเดียวกันโดย
30,0035,013,เนื้อความมิใช่หรือ ? ทำไมท่านจึงจัดให้เป็นโอวาทข้อ ๑ ข้อ ๒ ?
30,0035,014,จงอธิบาย.
30,0035,015,ต. การเว้นจากทุจริตกับการประกอบสุจริต ไม่เป็นอันเดียว
30,0035,016,กัน เพราะผู้ที่ละความชั่วได้แล้ว ยังไม่ประกอบความดีก็มี ประกอบ
30,0035,017,ความดีก็มี ถ้าไม่เช่นนั้น ท่านคงไม่แยกไว้ต่างกัน. โอวาทที่ ๑ รวม
30,0035,018,ลงในปหานะ ข้อ ๒ รวมลงในภาวนา เพราะเหตุนั้น โอวาททั้ง ๒ นี้
30,0035,019,ท่านจึงจัดไว้ให้เป็นข้อ ๑ และข้อ ๒ ไม่รวมกัน.
30,0035,020,๑๔/๑๑/๖๓
30,0035,021,ถ. เว้นจากทุจริตก็ดี ประกอบสุจริตก็ดี จะได้ชื่อว่ากระทำ