|
Book,Page,LineNumber,Text
|
|
21,0043,001,กระวายก็สงบระงับลง เมื่อกระวนกระวายสงบระงับลงแล้ว จิตก็เบา
|
|
21,0043,002,ขึ้นแล้วกายก็เบาขึ้นด้วย ดุจถึงซึ่งอาการอันลอยไปในอากาศ เมื่อลม
|
|
21,0043,003,อัสสาสะปัสสาสะหยาบดับลงแล้ว จิตของโยคาพจรนั้นก็มีแต่นิมิต
|
|
21,0043,004,คือลมอัสสาสะปัสสาสะอันสุขุมเป็นอารมณ์ เมื่อพยายามสืบต่อไป ลม
|
|
21,0043,005,อันสุขุมนั้นก็ดับลง เกิดลมที่สุขุมละเอียดหนักเข้า โยคาพจรผู้เจริญ
|
|
21,0043,006,ซึ่งกัมมัฏฐานอื่น ๆ นั้น ครั้นมนสิการตรึกตรองไป ๆ ก็ยิ่งปรากฏ
|
|
21,0043,007,แจ้งชัดเข้า ๆ ก็อานาปานัสสติกัมมัฏฐานนี้ มิได้เป็นเช่นนั้น ยิ่ง
|
|
21,0043,008,เจริญไป ๆ ลมก็ยิ่งละเอียดเข้า ๆ ถึงซึ่งมิได้ปรากฏแก่โยคาพจร
|
|
21,0043,009,ผู้เจริญนั้น ลมนั้นดังประหนึ่งว่าหายไปหมดไปโดยลำดับ. ครั้นเมื่อ
|
|
21,0043,010,ลมหายไปหมดไป มิได้ปรากฏดังนี้แล้ว โยคาพจรอย่าพึงลุกจาก
|
|
21,0043,011,อาสนะไปเสีย ด้วยคิดว่าพระกัมมัฏฐานของเราฉิบหายเสื่อมเสียแล้ว
|
|
21,0043,012,ดังนี้เป็นต้น ถ้าลุกจากอาสนะไปเสีย อิริยาบถนั้นกำเริบแล้ว พระ
|
|
21,0043,013,กัมมัฏฐานนั้นก็จะเสื่อมไปเสียไป คือลมที่สุขุมละเอียดยิ่งนักนั้น ก็
|
|
21,0043,014,จะเสื่อมหายไป จะเกิดลมหยาบขึ้น เหตุดังนั้น ให้โยคาพจรกุลบุตร
|
|
21,0043,015,อย่าลุกไป นั่งอยู่ในที่นั้น พึงทำกัมมัฏฐานที่เสื่อมไปนั้นให้คืนมา
|
|
21,0043,016,แต่ประเทศที่ลมเคยถูกต้องเป็นปรกตินั้น. อุบายที่จะทำลมที่เสื่อมไป
|
|
21,0043,017,นั้นให้คืนมาดังนี้ เมื่อโยคาพจรรู้ว่าลมเสื่อมหายไปมิได้ปรากฏแล้ว
|
|
21,0043,018,พึงพิจารณาค้นคว้าดูว่า ลมอัสสาสะปัสสาสะนี้ว่า มีในที่ไร ไม่มีในที่ไร
|
|
21,0043,019,มีแก่คนพวกไร ไม่มีแก่คนพวกไร เมื่อพิจารณาดังนี้ ก็จะรู้ว่าลม
|
|
21,0043,020,หายใจเข้าออกนี้ มิได้มีแก่คนตายเป็นต้น เมื่อรู้ดังนี้แล้ว พึงตักเตือน
|
|
21,0043,021,ตนเองว่า ดูก่อนบัณฑิต ตัวท่านก็มิใช่คนตายเป็นต้น ลมจะสูญหาย
|
|
|