|
year,no,instruction,input,result,isAnswerable,isMultipleChoice,isSingleChoiceSolution |
|
2020,"1","ข้อมูลลักษณะสำคัญของไบโอมชนิดต่างๆแสดงดังตาราง |
|
ไบโอม ลักษณะสำคัญ |
|
สะวันนา มีอุณหภูมิค่อนข้างสูงตลอดปีมีฤดูแล้งยาวนาน และมีหญ้าเป็นพืชกลุ่มเด่น |
|
ป่าเขตร้อน มีอุณหภูมิเฉลี่ยต่อปี 25 - 29 องศาเซลเซียสมีความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตสูงมีพืชและต้นไม้ใหญ่หนาแน่น |
|
ทุนดรา มีช่วงฤดูหนาวยาวนานประมาณ10 เดือนมีช่วงฤดูร้อนสั้น ไม่มีต้นไม้ใหญ่และมักพบไลเคนมอสและหญ้า |
|
|
|
กำหนดให้สัตว์ 2 ชนิดมีลักษณะและพฤติกรรมเป็นดังนี้ |
|
ชนิดที่ 1 กินหญ้าและไลเคนเป็นอาหารเมื่อเข้าฤดูหนาวจะสร้างขึ้นชุดใหม่ที่หนาขึ้นและจะผลัดขนทิ้งเมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน |
|
ชนิดที่ 2 กินหญ้าเป็นอาหาร มีขนสั้นอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงในที่ราบโล่ง |
|
จากข้อมูลข้อใดระบุไบโอมที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสัตว์ชนิดที่ 1 และ2ได้ถูกต้องตามลำดับ","1. สะวันนาและ ทุนดรา |
|
2. ทุนดราและ สะวันนา |
|
3. ทุนด ราและ ป่าเขตร้อน |
|
4. ป่าเขต ร้อนและทุนดรา |
|
5. ป่าเขต ร้อน และ สะวันนา",2. ทุนดราและ สะวันนา,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2020,"2","พื้นที่หนึ่งมีลักษณะเป็นลานหินซึ่งไม่เคยมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่มาก่อนเมื่อเวลาผ่านไป |
|
เกิดการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมทำให้มีรอยแตกบนหินต่อมาจึงเริ่มมีสิ่งมีชีวิตชนิดแรก |
|
เกิดขึ้นและพัฒนาจนกลายเป็นป่า |
|
|
|
ข้อใดเรียงลำดับสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นในพื้นที่นี้ตั้งแต่แรกเริ่มจนกลายเป็นป่าได้ถูกต้อง","1. ไลเคน หญ้า มอส ไม้ต้น ไม้พุ่ม |
|
2. ไลเคน มอส หญ้า ไม้ต้น ไม้พุ่ม |
|
3. ไลเคน มอส หญ้า ไม้พุ่ม ไม้ต้น |
|
4. หญ้า ไลเคน มอสไม้พุ่ม ไม้ต้น |
|
5. หญ้า ไม้พุ่ม ไม้ต้น มอส ไลเคน",3. ไลเคน มอส หญ้า ไม้พุ่ม ไม้ต้น,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2020,"3","ลักษณะการลำเลียงสารเข้าสู่เซลล์ของสาร A B และ C ขณะเริ่มต้น เป็นดังภาพ |
|
|
|
จากภาพ ข้อใดระบุรูปแบบและทิศทางการลำเลียงสารได้ถูกต้อง"," ชนิดของสาร รูปแบบการลำเลียงสาร ทิศทางการล่าเลียง |
|
|
|
1. สาร A การแพร่แบบฟาซิลิเทต ความเข้มข้นมาก ➜ น้อย |
|
2. สาร A การแพร่แบบธรรมดา ความเข้มข้นมาก ➜ น้อย |
|
3. สาร B การแพร่แบบฟาซิลิเทต ความเข้มข้นน้อย ➜ มาก |
|
4. สาร B การแพร่แบบแอกทีฟทรานสปอร์ต ความเข้มข้นน้อย ➜ มาก |
|
5. สาร C การแพร่แบบฟาซิลิเกต ความเข้มข้นมาก ➜ น้อย",2. สาร A การแพร่แบบธรรมดา ความเข้มข้นมาก ➜ น้อย,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2020,"4","ข้อใดกล่าวถึงการรักษาดุลยภาพของกรด เบสในเลือดได้ถูกต้อง |
|
","1. ถ้าเลือดเป็นเบสอัตราการหายใจจะลดลง เพื่อลดปริมาณ H^+ |
|
2. ถ้าเลือดเป็นเบส อัตราการหายใจจะเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มปริมาณ H^+ |
|
3. ถ้าเลือดเป็นกรด อัตราการหายใจจะลดลง เพื่อเพิ่มปริมาณ CO2 |
|
4. ถ้าเลือดเป็นกรด อัตราการหายใจจะเพิ่มขึ้นเพื่อลดปริมาณ CO2 |
|
5. ถ้าเลือดเป็นกรด อัตราการหายใจจะลดลงเพื่อให้ปริมาณ CO₂ คงที",4. ถ้าเลือดเป็นกรด อัตราการหายใจจะเพิ่มขึ้นเพื่อลดปริมาณ CO2,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2020,"5","ชายคนหนึ่งตัดหญ้าในสนามฟุตบอลท่ามกลางอากาศร้อน จัด ที่มีอุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียส |
|
เป็นเวลา2ชั่วโมงโดยไม่หยุดพักทำให้ร่างกายของเขามีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ |
|
จากสถานการณ์ข้อใดระบุกลไกที่ทำให้อุณหภูมิร่างกายของชายคนนี้กลับสู่สภาวะปกติได้ถูกต้อง","1. อัตราเมแทบอลิซึมลดลงหลอดเลือดบริเวณผิวหนังหดตัว |
|
2. อัตราเมแทบอลิซึมเพิ่มขึ้นหลอดเลือดบริเวณผิวหนังหดตัว |
|
3. อัตราเมแทบอลิซึมเพิ่มขึ้นหลอดเลือดบริเวณผิวหนังขยายตัว |
|
4. อัตราเมแทบอลิซึมลดลง ต่อมเหงื่อมีการสร้างเหงื่อเพิ่มมากขึ้น |
|
5. อัตราเมแทบอลิซึมเพิ่มขึ้น ต่อมเหงื่อมีการสร้างเหงื่อเพิ่มมาก ขึ้น",4. อัตราเมแทบอลิซึมลดลง ต่อมเหงื่อมีการสร้างเหงื่อเพิ่มมากขึ้น,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2020,"6","นักเรียนคนหนึ่งศึกษาสารอินทรีย์ในพืช A B และ C โดยบดพืชแต่ละชนิดให้ละเอียดผสมกับน้ำ |
|
แล้วนำ ไปคั้นและกรองเพื่อนำ ของเหลวที่ได้ไปทดสอบด้วยวิธีการต่าง ๆได้ผลการทดสอบ ดังตาราง |
|
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเมื่อทดสอบด้วยวิธีการต่างๆ |
|
พืช ทดสอบด้วย ทดสอบด้วย ถูบนกระดาษขาว |
|
สารละลายไอโอดีน สารละลายใบยูเร็ต |
|
A สารละลายสีน้ำเงินแกมม่วง สารละลายสีฟ้า กระดาษไม่โปร่งแสง |
|
B สารละลายสีน้ำตาล สารละลายสีฟ้า กระดาษโปร่งแสงมากขึ้น |
|
C สารละลายสีน้ำตาล สารละลายสีม่วง กระดาษไม่โปร่งแสง |
|
|
|
|
|
จากผลการทดสอบ ข้อใดระบุแนวทางการนำพืชมาใช้ประโยชน์ได้ถูกต้อง","1. พืช A สามารถนำ มาสกัดได้สารที่นำ มาผลิตเป็นน้ำมันได้ |
|
2. พืช B สามารถนำ มาทําผงแป้งประกอบอาหารได้ |
|
3. พืช C สามารถนำ มาสกัดได้สารที่นำ มาผลิตเป็นอาหารเสริมโปรตีนได้ |
|
4. พืช A และ B สามารถใช้เป็นแหล่งโปรตีนจากพืชได้ |
|
5. พืช B และ C สามารถนำ มารับประทานทดแทน ข้าวได้",3. พืช C สามารถนำ มาสกัดได้สารที่นำ มาผลิตเป็นอาหารเสริมโปรตีนได้,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2020,"7","สาร X เป็นสารสังเคราะห์ที่มีสมบัติเหมือนฮอร์โมนพืชซึ่งมักพบบริเวณปลายยอดของพืชชนิดหนึ่ง |
|
นักวิทยาศาสตร์ การศึกษาผลของสารชนิดนี้ในห้องมืดโดยการตัดส่วนยอดของพืชชนิดนี้ออก |
|
จากนั้นนำชิ้นวุ้นที่มีสาร X ไปวางบนลำต้นของพืชส่วนที่ถูกตัดยอดออกดังภาพที่1 เมื่อตั้งทิ้งไว้ |
|
พบว่าลำต้นพืชเกิดการเปลี่ยนแปลงดังภาพที่ 2 ในขณะที่ชุดการทดลองที่เป็นชุดควบคุมซึ่งวาง |
|
ชิ้น วันที่ไม่มีสาร บนลำต้นพืชไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว |
|
|
|
กำหนดให้ลูกศรแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของสาร X |
|
การตอบสนองของพืชในการทดลองนี้เป็นการตอบสนองของพืชต่อปัจจัยแบบใดและสารมีคุณสมบัติเหมือนฮอร์โมนพืชกลุ่มใด","1. ปัจจัยภายนอกและสาร X มีสมบัติเหมือนเอทิลีน |
|
2. ปัจจัยภายนอกและสาร X มีสมบัติเหมือนออกซิน |
|
3. ปัจจัยภายในและสาร X มีสมบัติเหมือนไซโทไคนิน |
|
4. ปัจจัยภายในและสาร X มีสมบัติเหมือนจิบเบอเรลลิน |
|
5. ปัจจัยภายใน และสาร X มีสมบัติเหมือนกรดแอบไซซิก",2. ปัจจัยภายนอกและสาร X มีสมบัติเหมือนออกซิน,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2020,"8","แผนผังแสดงข้อมูลหมู่เลือดระบบ ซึ่งควบคุมด้วยยีนบนออโตโซมและการเป็นโรค |
|
ฮีโมฟีเลียซึ่งควบคุมด้วยแอลลีกด้อยบนโครโมโซม ของครอบครัวหนึ่ง เป็นดังนี้ |
|
|
|
ถ้าครอบครัวนี้ มีลูกคนที่ 4 จีโนไทป์แบบใดจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้น |
|
กำหนดให้ คือ แอลลี ลเด่นที่ ไม่ทำให้เป็นโรคฮี โมฟี เลีย และ 6 คือ แอลลี ลน้อยที่ทำให้ |
|
เป็นโรคฮีโมฟิ เลีย","1. I^B iX^HX^h |
|
2. I^AI^BX^hX^h |
|
3. I^AI^AX^HX^H |
|
4.I^BiXHY |
|
5.iiXhY",3. I^AI^AX^HX^H,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2020,"9","แบบจำลองพอลินิวคลีโอไทด์สายหนึ่ง แสดงดังภาพ |
|
|
|
|
|
ต่อมาพอลินิ วคลีโอไทด์สาย นี้เกิดมิวเทชันที่ทำให้ ไนโตรจีนัสเบสตำแหน่งที่ 5 เปลี่ยน เป็นกวานีน |
|
ภายหลังการเกิดมิ เทชัน ได้มีการจำลองพอลินิวคลีโอไทด์คู่สายที่เกิดขึ้นใหม่ |
|
ข้อใดเป็นลำดับเบสในแบบจำลองของพอลินิวคลีโอไทด์คู่สายที่เกิด ขึ้นใหม่","1. CATGATCG |
|
2. CATGGTCG |
|
3. GTACGAGC |
|
4. GTACTAGC |
|
5. GTACCAGC",5. GTACCAGC,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2020,"10","ข้าวสีทองเกิดจากการปรับปรุงพันธุ์พืชโดยการตัดต่อยืนสังเคราะห์เบต้าแคโรทีนจากพืชชนิดอื่น |
|
เข้าไปในจีโนมของข้าวเพื่อให้ข้าวที่ได้มีเบต้าแคโรทีนอยู่ภายใน เอนโดสเปิร์มทำให้ไม่มี |
|
การสูญ เสียเบต้าแคโรทีนไปในระหว่างการขัดสี |
|
|
|
จากข้อมูลข้อใดคือวัตถุประสงค์ของการประยุกต์เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอในการสร้างข้าวสีทอง","1. เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ |
|
2. เพื่อเพิ่มปริมาณ ผลผลิตของข้าว |
|
3. เพื่อป้องกันการรบกวนจากศัตรูพืช |
|
4. เพื่อยืดอายุการเก็บรักษาผลผลิตข้าว |
|
5. เพื่อเพิ่มความทนทานต่อสภาพอากาศ",1. เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2020,"11","พิจารณาข้อมูลเกี่ยวกับเลขมวลและจำนวนนิวตรอนของธาตุ X Y WและZ ดังนี้ |
|
ธาตุ เลขมวล นิวตรอน |
|
X 23 12 |
|
Y 18 10 |
|
W 27 14 |
|
Z 16 8 |
|
จากข้อมูลข้อใดกล่าวถูกต้อง","1. เลขอะตอมของ W เท่ากับ14 |
|
2. Y กับ Z เป็นธาตุชนิดเดียวกัน |
|
3. สัญลักษณ์นิวเคลียร์ของ X คือ 1223X |
|
4. Z^2- ไอออนมีจํานวนโปรตอนเท่ากับ 6 |
|
5.X^+ ไอออนกับอะตอม W มีจํานวนอิเล็กตรอนเท่ากัน |
|
",2. Y กับ Z เป็นธาตุชนิดเดียวกัน,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2020,"12","กำหนดตำแหน่งของธาตุ 8 ชนิด ในตารางธาตุ เป็นดังนี้ |
|
|
|
จากข้อมูลข้อสรุปใดไม่ถูกต้อง","1. ธาตุ Q มีแนวโน้มรับอิเล็กตรอนเมื่อเกิดปฏิกิริยากับธาตุ Z |
|
2. ธาตุ E มีสมบัติการนำไฟฟ้าได้ดีกว่าธาตุ แต่ไม่ดีเท่าธาตุ P |
|
3. ธาตุ W E และ L มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากับ 2 4 และ 6 ตามลำดับ |
|
4. ธาตุ G มีสถานะเป็นแก๊สที่อยู่ในรูปอะตอมเดี่ยวและไม่ว่องไวต่อปฏิกิริยาเคมี |
|
5. ธาตุ Z และ M มีสมบัติทางเคมีคล้ายกัน แต่ธาตุ Z อยู่ในคาบที่มีค่าตัวเลขมากกว่าธาตุ M ",5. ธาตุ Z และ M มีสมบัติทางเคมีคล้ายกัน แต่ธาตุ Z อยู่ในคาบที่มีค่าตัวเลขมากกว่าธาตุ M ,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2020,"13","สารประกอบไอออนิก A B C D และ E เกิดจากแรงยึดเหนี่ยวระหว่างไอออนบวกกับ ไอออนลบดังนี้ |
|
สารประกอบไอออนิก ไอออนบวก ไอออนลบ |
|
A Na^+ NO3- |
|
B Al^3+ S^2- |
|
C NH4+ SO4 |
|
D Mg2+ PO4^3- |
|
E Ca²+ CI^- |
|
จากข้อมูลอัตราส่วนการรวมตัวของไอออนบวกต่อไอออนลบที่ทำให้เกิดสารประกอบไอออนิกในข้อใดถูกต้อง"," สารประกอบไอออนิก อัตราส่วนการรวมตัว |
|
1. A 1 : 3 |
|
2. B 3 : 2 |
|
3. C 2 : 1 |
|
4. D 4 : 1 |
|
5. E 2 : 1",3. C 2 : 1,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2020,"14","สูตรโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ A B C และ D เป็นดังนี้ |
|
|
|
จากข้อมูลข้อใดระบุสมบัติความเป็นกรด เบสของสารได้ถูกต้อง"," กรด เบส |
|
1. สาร C สาร A |
|
2. สาร B สาร C |
|
3. สาร D สาร B |
|
4. สาร C สาร D |
|
5. สาร A สาร D",2. สาร B สาร C,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2020,"15","ข้อมูลแสดงสมบัติและผลิตภัณฑ์จากพอลิเมอร์ 4ชนิด เป็นดังตาราง |
|
พอลิเมอร์ สมบัติ ผลิตภัณฑ์ |
|
A แข็งเหนียวทนความร้อน ขวดนําดื่มแบบใส |
|
B แข็งเปราะ นําหนักเบา ช้อนส้อมพลาสติก |
|
C แข็งทนความร้อนสูง ปลั๊กไฟ |
|
D เหนียวยืดหยุ่นโปร่งใส ถุงพลาสติกใส่ของเย็น |
|
|
|
จากข้อมูล ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง","1. พอลิเมอร์ A และ B มีโครงสร้างแบบเส้น |
|
2. พอลิเมอร์ C และ D สามารถนำ มารีไซเคิลได้ |
|
3. พอลิเมอร์ A มีจุดหลอมเหลวสูงกว่าพอลิเมอร์ D |
|
4. พอลิเมอร์ B และ D เป็นพอลิเมอร์เทอร์มอพลาสติก |
|
5. ตัวอย่างของพอลิเมอร์ D คือพอลิเอทิลีนความหนาแน่นต่ำ",2. พอลิเมอร์ C และ D สามารถนำ มารีไซเคิลได้,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2020,"16","ธาตุ025กรัมท่าปฏิกิริยากับสารละลาย เข้มข้นร้อยละ040โดยมวลต่อปริมาตร |
|
จำนวน10ลูกบาศก์เซนติเมตรที่อุณหภูมิ30 องศาเซลเซียสเกิดสารประกอบและธาตุ |
|
โดยมีสมการเคมีที่ดุลแล้วเป็นดังนี้ |
|
2A(s) + 2B(aq) ---> 2C(aq) + D(g |
|
สมการเคมีแสดงด้วยแบบจำลองเปนดังนี้ |
|
|
|
|
|
จากข้อมูลสารประกอบมีแบบจำลองแบบใดและภาวะการทดลองใดที่ทำให้ |
|
อัตราการเกิดปฏิกิริยาเร็วขึ้น"," แบบจําลองของ |
|
สารประกอบ C ภาวะการทดลอง |
|
1. บดธาตุ เป็นผงละเอียด |
|
2. บดธาตุ เป็นผงละเอียด |
|
3. เพิ่มปริมาตรสารละลาย B เป็น 20 ลูกบาศก์เซนติเมตร |
|
4. ใช้สารละลาย B เข้มข้นร้อยละ 0.50 โดยมวลต่อปริมาตร |
|
5. ใช้สารละลาย B เข้มข้นร้อยละ 0.50 โดยมวลต่อปริมาตร",1. บดธาตุ เป็นผงละเอียด,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2020,"17","สารกัมมันตรังสี X มวล 100 กรัม เกิดการสลาย ดังกราฟ |
|
|
|
จากข้อมูล ถ้าเริ่มต้นมีสารกัมมันตรังสี X มวล 2000 กรัม และเมื่อเวลาผ่านไปพบว่า |
|
สารกัมมันตรังสี X สลายไป 1875กรัม สารกัมมันตรังสี X ใช้เวลาในการสลายกี่วัน","1. 10 วัน |
|
2. 19 วัน |
|
3. 40 วัน |
|
4. 60 วัน |
|
5. 80 วัน",3. 40 วัน,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2020,"18","วัตถุหนึ่ึ่งเคลื่อนที่เป็นแนวตรง ซึ่งกราฟที่แสดงความเร็วของวัตถุที่เวลาต่างๆ เป็นดังนี้ |
|
|
|
|
|
ข้อใดระบุเวลาที่วัตถุมีความเร่งเท่ากับศูนย์และระบุช่วงเวลาที่วัตถุมีความเร่งเฉลี่ย -2เมตรต่อวินาที^5 ได้ถูกต้อง"," เวลาที่ความเร่งมีค่าเท่ากับศูนย์ ช่วงเวลาที่มีความเร่งเฉลี่ย - 2 เมตรต่อวินาที^2 |
|
1. ณ เวลา 3 วินาที ณ ช่วงเวลา 4-5 วินาที |
|
2. ณ เวลา 3 วินาที ณ ช่วงเวลา 4-6 วินาที |
|
3. ณ เวลา 6 วินาที ณ ช่วงเวลา 4-6 วินาที |
|
4. ณ เวลา 6 วินาที ณ ช่วงเวลา 6-7 วินาที |
|
5. ณ เวลา 8 วินาที ณ ช่วงเวลา 6-7 วินาที",5. ณ เวลา 8 วินาที ณ ช่วงเวลา 6-7 วินาที,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2020,"19","วัตถุ A และ B วางซ้อนกันบนพ้น ดังภาพโดยวัตถุ B มีน้ำหนัก ฃเแ็น 2 เท่าของวัตถุ A |
|
|
|
ข้อใดกล่าวถูกต้อง","1. แรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุ A มีทิศทางขึ้น |
|
2. แรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุ B มีทิศทางขึ้น |
|
3. แรงที่วัตถุ A กระทำต่อพื้นมีขนาดมากกว่าแรงที่วัตถุ A กระทำต่อวัตถุ B |
|
4. แรงที่วัตถุ A กระทำต่อวัตถุ B มีทิศทางเดียวกับแรงที่วัตถุ A กระทำต่อพื้น |
|
5. แรงที่วัตถุ A กระทำต่อวัตถุ B มีขนาดมากกว่าแรงที่วัตถุ B กระทำต่อวัตถุ A",3. แรงที่วัตถุ A กระทำต่อพื้นมีขนาดมากกว่าแรงที่วัตถุ A กระทำต่อวัตถุ B,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2020,"20","ครูวาดภาพจำลองโลกและด่วเทียม A และ B ที่โคจรรอบโลก โดยกำหนดให้ดาวเทียมทั้งสองมีมวลเท่ากัน และดาวเทียมแต่ละดวงเคลื่อนที่แบบวงกลมรอบโลกด้วยอีตราเร็วคงตัว |
|
|
|
|
|
ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการโคจรของดาวเทียมในแผนภาพข้างต้น ซึ่งนักเรียน 3 คนกล่าวดังนี้ |
|
ไก่ : ขณะดาวเทียม A โคจรรอบโลกจะมีความเร่งในทิศทางตั้งฉากกับแรงที่โลกดึงดูดดาวเทียม A |
|
ไข่ : อัตราเร็วในวงโคจรของดาวเทียม A น้อยกว่าของดาวเทียม B |
|
คม : แรงโน้มถ่วงระหว่างดาวเทียม B กับโลกมีขนาดน้อยกว่าแรงโน้มถ่วงระหว่างดาวเทียม A กับโลก |
|
นักเรียนคนใดกล่าวถูกต้อง","1. ไก่ เท่านั้น |
|
2. ไข่ เท่านั้น |
|
3. คม เท่านั้น |
|
4. ไก่และไข่เท่านั้น |
|
5. ไข่และคมเท่านั้น",2. ไข่ เท่านั้น,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2020,"21","อิเล็กตรอนกำลังเคลื่อนที่เป็นแนวตรงจากจุด O ไปยังจุด A ตามแกน Y ดังภาพในมุมมองสามมิติ |
|
|
|
|
|
จากภาพถ้าต้องการให้อิเล็กตรอนเบนเข้าหาผนังโดยใช้สนามแม่เหล็กสนามแม่เหล็ก |
|
ต้องมีทิศทางใด","1. ทิศพุ่งออกตามแกน |
|
2. ทิศพุ่งเข้าสวนทางกับแกน |
|
3. ทิศพุ่งขึ้นตามแกน |
|
4. ทิศพุ่งลงสวนทางกับแกน |
|
5. ทิศพุ่งไปทางซ้ายสวนทางกับแกน","3. ทิศพุ่งขึ้นตามแกน |
|
",FALSE,TRUE,TRUE |
|
2020,"22","ปฏิกิริยานิวเคลียร์หนึ่งเกิดโดยนิวเคลียสทั้งต้น2นิวเคลียสรวมตัวกันกลายเป็นนิวเคลียสของ |
|
ฮีเลียม(42He) พร้อมกับปลดปล่อยโปรตอน(11H) จำนวน 2 อนุภาคและพลังงาน (0.001M)c^2 |
|
เมื่อ M คือ มวลรวมของนิวเคลียสหลังเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ |
|
c คืออัตราเร็วของแสงในสุญญากาศ |
|
ข้อใดแสดงสมการที่สอดคล้องกับปฏิกิริยาข้างต้น และมวลรวมของนิวเคลียสก่อนเกิดปฏิกิริยา |
|
ได้ถูกต้อง"," สมการของปฏิกิริยา มวลรวมก่อนเกิดปฏิกิริยา |
|
1. 21H + 32He → 42He + 2(¦H) 0.999M |
|
2. 21H + 32He → 42He + 2(¦H) 1.001M |
|
3. ²¦HHe + 32He → 42He + 2(¦H) 0.999M |
|
4. ²¦HHe + 32He → 42He + 2(¦H) 1.001M |
|
5. ²¦HHe + 32He → 42He + 2(¦H) 0.999M",4. ²¦HHe + 32He → 42He + 2(¦H) 1.001M,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2020,"23","ทดลองปรับชุดอุปกรณ์แผงเซลล์สุริยะดังภาพ |
|
|
|
โดยปรับขนาดของมุมระหว่างกระจกเงากับพื้น 8 ให้มีค่าแตกต่างกันวัดความเข้มแสง |
|
ที่ตกกระทบบนแผงเซลล์สุริยะได้ผลดังตาราง |
|
ความเข้มแสง |
|
o (องศา) วัตต์ต่อตารางเมตร |
|
90 750 |
|
80 794 |
|
70 810 |
|
60 806 |
|
50 798 |
|
ถ้ามุม o มีค่าคงตัวความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มแสงกับพลังงานไฟฟ้าที่แผงเซลล์สุริยะ |
|
และถ้ามีแผงเซลล์สุริยะชุดหนึ่งที่มีอุปกรณ์และการติดตั้งเหมือนดังภาพผลิตได้เป็นอย่างไร |
|
แต่กระจกเงาทำ มุมกับพื้น 60 องศา อยู่ก่อนแล้ว ควรทดลองปรับกระจกเงาอย่างไร |
|
เพื่อหาขนาดของมุม o ที่เพิ่มประสิทธิภาพ ของแผงเซลล์สุริยะได้มากที่สุด"," ความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มแสงกับพลังงานไฟฟ้า การทดลองปรับกระจกเงา |
|
|
|
1. ความสัมพันธ์แบบทิศทางเดียวกัน ลด o ให้มีค่าระหว่าง 50 - 60 องศา |
|
2. ความสัมพันธ์แบบทิศทางตรงข้ามกัน ลด o ให้มีค่าระหว่าง 50 - 60 องศา |
|
3. ความสัมพันธ์แบบทิศทางตรงข้ามกัน ไม่ต้องปรับมุม o อีก |
|
4. ความสัมพันธ์แบบทิศทางตรงข้ามกัน เพิ่ม o ให้มีค่าระหว่าง 60 - 80 องศา |
|
5. ความสัมพันธ์แบบทิศทางเดียวกัน เพิ่ม o ให้มีค่าระหว่าง 60 - 80 องศา",5. ความสัมพันธ์แบบทิศทางเดียวกัน เพิ่ม o ให้มีค่าระหว่าง 60 - 80 องศา,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2020,"24","คลื่นสองคลื่นเคลื่อนที่เข้าหากัน |
|
โดยแต่ละคลีนมีอัตราเร็ว010 เมตรต่อวินาที |
|
ซึ่งภาพแสดงคลื่นที่เกิดจากการรวมกัน |
|
ณเวลา13วินาทีเป็นดังนี้ |
|
|
|
ข้อใดแสดงภาพคลื่น ณ เวลา t = 3 วินาทีได้ถูกต้อง","1. ณ t = 3 วินาที คลื่นในภาพนี้จะเกิดการรวมคลื่นแบบเสริม |
|
2. ณ t = 3 วินาที คลื่นในภาพนี้จะเกิดการรวมคลื่นแบบเสริม |
|
3. ณ t = 3 วินาที คลื่นในภาพนี้จะเกิดการรวมคลื่นแบบหักล้าง |
|
4. ณ t = 3 วินาที คลื่นในภาพนี้จะเกิดการรวมคลื่นแบบหักล้าง |
|
5. ณ t = 3 วินาที คลื่นในภาพนี้จะเกิดการรวมคลื่นแบบเสริม",4. ณ t = 3 วินาที คลื่นในภาพนี้จะเกิดการรวมคลื่นแบบหักล้าง,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2020,"25","กำหนดให้แสงสีมีความยาวคลื่นดังตาราง และการผสมแสงสีปฐมภูมิเป็นดังภาพ |
|
|
|
วัตถุชิ้นหนึ่งสามารถดูดกลืนแสงสีที่มีความยาวคลื่น400 550นาโนเมตร วัตถุดังกล่าวมีสาร ใด |
|
และถ้าคนตาปกติมองวัตถุชิ้นนี้ภายใต้แสงขาวเซลล์รูปกรวยชนิดที่มีความ ไวสูงสุดต่อแสงสีใด |
|
จะถูกกระตุ้น"," สีของวัตถุ เซลล์รูปกรวยที่จะถูกกระตุ้น |
|
1. เหลือง เหลือง |
|
2. เหลือง แดงและ เขียว |
|
3. นํ้าเงิน นํ้าเงิน |
|
4. น้ำเงิน แดงและเขียว |
|
5. แดง น้ำเงิน และเขียว",2. เหลือง แดงและ เขียว,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2020,"26","สายลับคนหนึ่งมีรีโมทที่สามารถควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ X ได้โดยใช้รังสีอินฟราเรด |
|
ความถี่ค่าหนึ่ง แต่สายลับพบว่าอุปกรณ์ X ถูกเก็บอยู่ในกล่องแก้วบางที่ภายในกล่องเป็น |
|
สูญญากาศ |
|
จากสถานการณ์ พิจารณาข้อความต่อไปนี้ |
|
A. รีโมทของสายลับสามารถควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ X จากภายนอกกล่องได้ |
|
B. รังสีอินฟราเรดเคลื่อนที่ในอากาศนอกกล่องด้วยอัตราเร็วมากกว่าภายในเนื้อแก้ว |
|
จากข้อมูลข้อความใดไม่ถูกต้อง เพราะเหตุใด","1. A ไม่ถูกต้อง เพราะรีโมทไม่สามารถควบคุมอุปกรณ์ X ได้เนื่องจากรังสีอินฟราเรดไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ในสุญญากาศ |
|
2. B ไม่ถูกต้อง เพราะรีโมทไม่สามารถควบคุมอุปกรณ์ X ได้เนื่องจากเมื่อรังสีอินฟราเรดเคลื่อนที่เข้าสู่สุญญากาศ ความถี่จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม |
|
3. B ไม่ถูกต้องเพราะรังสีอินฟราเรดเคลื่อนที่ภายในเนื้อแก้วได้เร็วกว่าในอากาศ |
|
4. B ไม่ถูกต้องเพราะรังสีอินฟราเรดเคลื่อนที่ภายในเนื้อแก้วและในอากาศด้วยอัตราเร็วเท่ากัน |
|
5. ไม่มี เพราะถูกต้องทั้ง A และ B ",5. ไม่มี เพราะถูกต้องทั้ง A และ B ,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2020,"27","กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่าความเร็วของกาแล็กซี A B C และ D ในการเคลื่อนที่ิออกจากกาแล็กซีทางช้างเผือกกับระยะทางระหว่างกาแล็กซีทางเผือกดังภาพ |
|
|
|
จากภาพ ข้อความใดไม่ถูกต้อง","1. กาแล็กซี A อยู่ห่างจากกาแล็กซีทางช้างเผือกน้อยกว่ากาแล็กซี่ B |
|
2. เมื่อเวลาผ่านไปกาแล็กซี C จะอยู่ใกล้กาแล็กซี D มากขึ้น |
|
3. เมื่อเวลาผ่านไปกาแล็กซี Cจะอยู่ห่างจากกาแล็กซีทางช้างเผือกมากกว่า 1.5 Mpe |
|
4. เมื่อเวลาผ่านไป กาแล็กซี B จะมีความเร็วในการเคลื่อนที่ออกจากกาแล็กซีทางช้างเผือกเพิ่มขึ้น |
|
5. เมื่อเวลาผ่านไปกาแล็กซี A และ D จะมีความเร็วในการเคลื่อนที่ออกจากกาแล็กซีทางช้างเผือกเพิ่มขึ้นแต่กาแล็กซี A ยังคงมีความเร็วน้อยกว่ากาแล็กซี D ",2. เมื่อเวลาผ่านไปกาแล็กซี C จะอยู่ใกล้กาแล็กซี D มากขึ้น,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2020,"28","ข้อมูลมวลของดาวฤกษ์ก่อนเกิด5ดวงเทียบกับมวลดวงอาทิตย์เป็นดังตาราง |
|
|
|
ดาวฤกษ์ก่อนเกิด มวลของดาวฤกษ์ก่อนเกิดเทียบกับมวลดวงอาทิตย์ |
|
(เท่า) |
|
A 40.0 |
|
B 4.2 |
|
C 3.5 |
|
D 1.4 |
|
E 15.5 |
|
จากข้อมูล ข้อใดระบุดาวฤกษ์ก่อนเกิดที่เมื่อจบชีวิตจะเกิดซูเปอร์โนวาและอายุขัยของดาวฤกษ์ดวงดังกล่าวเมื่อเทียบกับดวงอาทิตย์ได้ถูกต้อง |
|
"," ดาวฤกษ์ก่อนเกิดที่เมื่อจบชีวิต อายุขัยของดาวฤกษ์ดวงดังกล่าว |
|
จะเกิดซูเปอร์โนวา เมื่อเทียบกับดวงอาทิตย์ |
|
1. A ยาวกว่า |
|
2. B สั้นกว่า |
|
3. C ยาวกว่า |
|
4. D ใกล้เคียงกัน |
|
5. E สั้นกว่า",5. E สั้นกว่า,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2020,"29","เมื่อไม่นานมานี้นักดาราศาสตร์ได้ค้นพบดาวเคราะห์ดวงใหม่นอกระบบสุริยะ ที่มีขนาดและ |
|
ลักษณะคล้ายโลกมากที่สุดดาวเคราะห์ดวงนี้ชื่อว่า“Kepler-1649c ”เป็นดาวเคราะห์หินที่มี |
|
รัศมีเป็น 1.06 เท่าของโลกอยู่ห่างจากโลกประมาณ300ปีแสงโคจรรอบดาวฤกษ์นอกระบบสุริยะ |
|
มีวงโคจรใกล้กับดาวฤกษ์ดวงแม่และได้รับพลังงานจากดาวฤกษ์ดวงแม่ใกล้เคียงกับพลังงาน |
|
ที่โลกได้รับจากดวงอาทิตย์นับเป็นครั้งแรกที่มีการค้นพบดาวเคราะห์ที่มีขนาดใกล้เคียงกับโลก |
|
และอยู่ในเขตเอื้อชีวิตต่อสิ่งมีชีวิตแบบเดียวกับโลก |
|
จากข้อมูล ข้อใดเป็นสาเหตุที่นักดาราศาสตร์จัดดาวเคราะห์ Kepler-1649c เป็นดาวเคราะห์ |
|
ที่อยู่ในบริเวณเขตที่อาจเอื้อชีวิตต่อสิ่งมีชีวิตแบบเดียวกับโลก |
|
","1. มีขนาดใกล้เคียงกับโลก |
|
2. เป็นดาวเคราะห์หินเช่นเดียวกับโลก |
|
3. มีระยะห่างจากโลกประมาณ300ปีแสง |
|
4. โคจรรอบดาวฤกษ์ศูนย์กลางเช่นเดียวกับโลก |
|
5. ได้รับพลังงานจากดาวฤกษ์ดวงแม่ใกล้เคียงกับพลังงานที่โลกได้รับจากดวงอาทิตย์",5. ได้รับพลังงานจากดาวฤกษ์ดวงแม่ใกล้เคียงกับพลังงานที่โลกได้รับจากดวงอาทิตย์,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2020,"30","ภาพแสดงแนวรอยต่อของแผ่นธรณีและทิศทางการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีต่าง ๆ บนโลก เป็นดังนี้ |
|
|
|
|
|
จากภาพเหตุการณ์ใดต่อนี้ไม่มีโอกาศเกิดขึ้นจริง","1. พบแนวรอยเลื่อนขนาดใหญ่ที่บริเวณ |
|
2. พบการปะทุ ของภูเขาไฟใต้ทะเลที่บริเวณ |
|
3. เกิดพื้นมหาสมุทรใหม่ที่เป็นหินบะซอลต์ขึ้นที่บริเวณ |
|
4. เกิดธรณี สัณฐาน ที่เป็นหมู่เกาะภูเขาไฟ รูปโค้งขึ้นที่บริเวณ |
|
5. ตรวจสอบพบว่าการเกิดแผ่นดินไหวหลายครั้ง มีศูนย์เกิดแผ่นดินไหวที่บริเวณ ",4. เกิดธรณี สัณฐาน ที่เป็นหมู่เกาะภูเขาไฟ รูปโค้งขึ้นที่บริเวณ ,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2020,"31","คลื่นสึนามิที่สร้างความเสียหายต่อพื้นที่คาบสมุทรแห่งหนึ่งเกิดภายหลังการเกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเล |
|
บริเวณแนวรอยต่อของแผ่นธรณีมหาสุมทร ดังภาพโดยเป็นตำแหน่งศูนย์เกิดแผ่นดินไหว |
|
และเป็นตำแหน่งพื้นที่ชายฝั่งน้ำ ตื้นแห่งหนึ่งของคาบสมุทร |
|
|
|
ถ้าเกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเลเวลา930 น และมีประกาศแจ้งเตือนภัยสึ นามิเวลา1000 น |
|
และหลังจากประกาศแจ้งเตือนภัยเป็นเวลานานเท่าใดที่คลื่นสึนามิจะเคลื่อนที่ถึงตำแหน่ง |
|
ลักษณะของคลื่นสึนามิขณะอยู่ใกล้ชายฝั่งจะเปลี่ยนแปลงไปจากขณะอยู่กลางมหาสมุทรอย่างไร","ระยะเวลาที่คลื่นสึนามิ ลักษณะของคลื่นสึนามิขณะอยู่ใกล้ชายฝั่ง |
|
เคลื่อนที่ถึงตำแหน่ง B เปรียบเทียบกับขณะอยู่กลางมหาสมุทร |
|
หลังจากประกาศแจ้งเตือนภัย ความยาวคลื่น ความเร็วคลื่น |
|
1. 3 ชั่วโมง30นาที ลดลง ลดลง |
|
2. 4ชั่วโมง เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น |
|
3. 3 ชั่วโมง 30 นาที เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น |
|
4. 4 ชั่วโมง เพิ่มขึ้น ลดลง |
|
5. 3 ชั่วโมง 30 นาที ลดลง เพิ่มขึ้น","หลังจากประกาศแจ้งเตือนภัย ความยาวคลื่น ความเร็วคลื่น |
|
1. 3 ชั่วโมง30นาที ลดลง ลดลง",FALSE,TRUE,TRUE |
|
2020,"32",ตำแหน่งของเมือง A B C D และ E บริเวณชายฝั่งของมหาสมุทรแปซิฟิก และทิศทางการหมุนเวียนของน้ำผิวหน้ามหาสมุทรของโลก ,"จากภาพ ข้อใดอธิบายเกี่ยวกับกระแสน้ำ ผิวหน้าในมหาสมุทร และอิทธิพลของกระแสน้ำ ผิวหน้า |
|
ในมหาสมุทรที่ส่งผลต่อภูมิอากาศไม่ถูกต้อง |
|
1. ในสภาวะปกติ เมือง C แห้งแล้งกว่าเมือง B |
|
2. เมือง D มีอุณหภูมิอากาศเฉลี่ยสูงกว่าเมือง E |
|
3. เมือง E มีปริมาณ น้ำฝนเฉลี่ยน้อยกว่าเมือง D |
|
4. กระแสน้ำ X เป็นกระแสน้ำ อุ่น เช่นเดียวกับกระแสน้ำ Y |
|
5. เมือง A ได้รับอิทธิพลจากกระแสน้ำ เย็นเช่นเดียวกับเมือง E",4. กระแสน้ำ X เป็นกระแสน้ำ อุ่น เช่นเดียวกับกระแสน้ำ Y,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2020,"33","จากการศึกษาแผนที่อากาศผิวพื้นของพื้นที่ในซีกโลกเหนือ 3 บริเวณ ของเช้าวันหนึ่งปรากฎสัญลักษณ์แสดงสภาพลมฟ้าอากาศบริเวณกว้างบนแผนที่อากาศผิวพื้น ดังนี้ |
|
|
|
|
|
|
|
ข้อใดที่คนอาศัยอยู่ในพื้นที่มีการวางแผนรับมือได้สอดคล้องกับสภาพลมฟ้าอากาศทั้ง 3 บริเวณประเทศไทย ตอนบนของประเทศจีน ตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น","ข้อใดที่คนอาศัยอยู่ในพื้นที่มีการวางแผนรับมือได้สอดคล้องกับสภาพลมฟ้าอากาศทั้ง 3บริเวณ |
|
ประเทศไทย ตอนบนของประเทศจีน ตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น |
|
1. เตรียมอุปกรณ์กันหนาว เตรียมอุปกรณ์กันฝน เตรียมอุปกรณ์กันหนาว |
|
2. เตรียมอุปกรณ์กันหนาว เตรียมอุปกรณ์กันหนาว เตรียมรับมือกับแผ่นดินถล่ม |
|
3. เตรียมอุปกรณ์กันหนาว เตรียมรับมือกับอุทกภัย หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง |
|
4. เตรียมอุปกรณ์กันฝน เตรียมอุปกรณ์กันหนาว หลีกเลี่ยงการเดินทางโดยเรือ |
|
5. เตรียมรับมือกับอุทกภัย เตรียมอุปกรณ์กันหนาว เตรียมอุปกรณ์กันหนาว ",4. เตรียมอุปกรณ์กันฝน เตรียมอุปกรณ์กันหนาว หลีกเลี่ยงการเดินทางโดยเรือ,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2020,"34","การแก้ปัญหาดินเปรี้ยวโดยวิธีการแกล้งดินเริ่มจากการใส่น้ำ และปล่อยน้ำ ออกสลับกันไปมา |
|
ทำให้ดินแห้งและเปียกสลับกันไปเพื่อทำให้ดินเป็นกรดมากที่สุดจนพืชไม่สามารถเจริญเติบโตได้ |
|
จากนั้นจึงปรับปรุงดินดังกล่าวโดยใส่ปูนขาวที่มีสภาพเป็นเบสผสมคลุกเคล้ากับหน้าดิน |
|
จนดินมีสภาพเป็นกลาง ก็จะทำให้สามารถปลูกพืชได้ |
|
|
|
สถานการณ์ดังกล่าวเป็นการแสดงให้เห็นการทํางานของระบบทางเทคโนโลยี งประกอบด้วย |
|
ตัวป้อน กระบวนการ ผลผลิต และข้อมูลย้อนกลับของการแก้ปัญหาดินเปรี้ยว |
|
|
|
ข้อใดเป็นกระบวนการการแก้ปัญหาดินเปรี้ยวโดย วิธีการแกล้งดินได้ถูกต้องและครบถ้วนที่สุด","1. การลดความเป็นกรดของดิน |
|
2. การปรับดินให้มีความเป็นกรด |
|
3. การทําให้ดินแห้งและเปียกสลับกันไป |
|
4. การใส่ปูนขาวเพื่อทำให้ดินมีสภาพเป็นกลาง |
|
5. การปรับดินให้มีความเป็นกรดมากที่สุดแล้วปรับสภาพให้เป็นกลาง",5. การปรับดินให้มีความเป็นกรดมากที่สุดแล้วปรับสภาพให้เป็นกลาง,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2020,"35","ในช่วงฤดูฝนของประเทศไทยพบว่ามีการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกโดยมียุงลายเป็นพาหะ |
|
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขจึงแนะนำ ให้ประชาชนปิดครอบหรือทำลายภาชนะที่มี |
|
น้ำขังซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง |
|
นักเรียนกลุ่มหนึ่งมีแนวคิดในการสร้างเครื่องดักยุง จึงได้รวบรวมข้อมูลวางแผนและ |
|
ดำเนินการสร้างจากนั้นทดสอบประสิทธิภาพปรับปรุงแก้ไขและนำ เสนอในงานสัปดาห์ |
|
วิทยาศาสตร์ของโรงเรียน |
|
ข้อใดแสดงการทํางานตามกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมในขั้นการทดสอบประสิทธิภาพ |
|
ของเครื่องดักยุง","1. ประกอบเครื่องดักยุงตามแบบที่ร่างไว้โดยใช้วัสดุที่หาง่ายในท้องถิ่น |
|
2. สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับยุงแหล่งเพาะพันธุ์และเครื่องดักยุงในท้องตลาด |
|
3. ร่างภาพเครื่องดักยุงจากข้อมูลที่สืบค้นและรวบรวมได้จากอินเทอร์เน็ต |
|
4. วางเครื่องดักยุงไว้ข้างบ้านในช่วงกลางวันและช่วงเย็นและนับจำนวนยุงที่ดักได้ |
|
5. ตรวจพบผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นในช่วงฤดูฝนที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออก",4. วางเครื่องดักยุงไว้ข้างบ้านในช่วงกลางวันและช่วงเย็นและนับจำนวนยุงที่ดักได้,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2020,"36"," บริษัทผู้ให้บริการส่งอาหารมีหลักเกณฑ์การคิดค่าบริการตามระยะทางจากร้านอาหารไปยัง |
|
ที่อยู่ของลูกค้าดังนี้ |
|
|
|
ถ้าระยะทางไม่เกิน 6 กิโลเมตร คิดค่าส่ง 10 บาทแต่ถ้าระยะทางเกิน6กิโลเมตรจะคิดค่าส่ง |
|
เริ่มต้นที่ 55 บาท และเพิ่มขึ้น 7บาทในทุกๆกิโลเมตรถัดไป |
|
หากต้องทำ โครงงานเพื่อพัฒนาแอปพลิเคชันการคิดค่าบริการส่งอาหารของบริษัท |
|
ข้อใดระบุข้อมูลเข้าข้อมูลออก และเงื่อนไขในการคำนวณสำหรับสร้างแอปพลิเคชันข้างต้น |
|
ได้ถูกต้อง"," ข้อมูลเข้า (Input) ข้อมูลออก (Output) เงื่อนไขในการคํานวณ |
|
|
|
1. ระยะทางจากร้านอาหารถึงที่อยู่ของลูกค้า ระยะเวลาในการส่งอาหาร ไม่มี |
|
|
|
|
|
2. ที่อยู่ของร้านอาหารและลูกค้า ระยะทาง ระยะทางมากกว่า 6 กิโลเมตร |
|
|
|
3. ระยะทางจากร้านอาหารถึงที่อยู่ของลูกค้า ค่าบริการส่งอาหาร ระยะทางน้อยกว่าหรือเท่ากับ6กิโลเมตร |
|
|
|
4. ความเร็วในการให้บริการส่งอาหาร ค่าบริการส่งอาหาร ระยะทางน้อยกว่าหรือเท่ากับ 6 กิโลเมตร |
|
|
|
5. ค่าบริการส่งอาหาร ระยะทางจากร้านอาหารถึงที่อยู่ของลูกค้า ไม่มี",3. ระยะทางจากร้านอาหารถึงที่อยู่ของลูกค้า ค่าบริการส่งอาหาร ระยะทางน้อยกว่าหรือเท่ากับ6กิโลเมตร,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2020,"37","นักเรียนกลุ่มหนึ่งต้องการวิเคราะห์ข้อมูลจากปริมาณ ฝุ่นละออง PM 10และ PM 2.5 ในจังหวัดทางภาคเหนือตั้งแต่ปี พ.ศ.2560 โดยสมาชิกในกลุ่มแต่ละคนแยกกันหาข้อมูล |
|
สมาชิกในกลุ่มคนใดต่อไปนี้เลือกข้อมูลที่จะนำ มาวิเคราะห์ได้เหมาะสมที่สุด","1. กาสะลองเลือกใช้ข้อมูลปริมาณ ฝุ่นละอองขนาดเล็กจากเว็บไซต์ขายหน้ากากป้องกันฝุ่น PM 2.5 ที่ไม่ได้มีการอ้างอิงแหล่งข้อมูล |
|
2. เดซี่ดาวน์โหลดข้อมูลสภาพอากาศในภาคเหนือย้อนหลัง 5 ปีจากกรมอุตุนิยมวิทยาที่มีข้อมูลอุณหภูมิความกดอากาศความชื้นสัมพัทธ์ความเร็วลมและปริมาณน้ำ ฝน |
|
3. ชวนชมดาวน์โหลดไฟล์ข้อมูลคุณภาพอากาศประเทศไทย PM 10 รายชั่วโมง พ.ศ.2557 |
|
ของกรมควบคุมมลพิษจากเว็บไซต์บริการข้อมูลเปิดภาครัฐ (Open Government Data) |
|
ภายใต้ชื่อ data.go.th |
|
4. ลิลลี่เลือกใช้ข้อมูลปริมาณฝุ่นละอองจากเครื่องมือวัดฝุ่นละออง PM 10 และ PM2.5 |
|
ที่ประดิษฐ์ขึ้นเองในการทำ โครงงานวิทยาศาสตร์ และวัดปริมาณ ฝุ่นละอองจากหลังบ้าน |
|
ในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นเวลา 1ปี |
|
5. ดาหลาเลือกใช้ข้อมูลปริมาณฝุ่นละอองPM10และ PM2.5จากเว็บไซต์รายงาน |
|
สถานการณ์และคุณภาพอากาศประเทศไทยของกรมควบคุมมลพิษที่มีรายงานคุณภาพ |
|
อากาศทั่วประเทศและสามารถดูข้อมูลแบบเรียลไทม์และย้อนหลังได้ถึงปีพศ 2557","5. ดาหลาเลือกใช้ข้อมูลปริมาณฝุ่นละอองPM10และ PM2.5จากเว็บไซต์รายงาน |
|
สถานการณ์และคุณภาพอากาศประเทศไทยของกรมควบคุมมลพิษที่มีรายงานคุณภาพ |
|
อากาศทั่วประเทศและสามารถดูข้อมูลแบบเรียลไทม์และย้อนหลังได้ถึงปีพศ 2557",TRUE,TRUE,TRUE |
|
2020,"38",บุคคลใดนำเสนอและแบ่งปันข้อมูลออนไลน์ได้อย่างเหมาะสมที่สุด,"1. โต๊ะเขียนบล็อกเรื่องกิจกรรมที่ทำ ในช่วงกักตัวที่โรงแรม14 วัน หลังจากกลับจากต่างประเทศ |
|
2. นำคำคมที่คิดขึ้นเองมาใส่ในรูปภาพนักร้องที่ตนเองชอบแล้วโพสต์ลงสื่อสังคมออนไลน์ |
|
3. วานำ ข้อมูลสถิติภาค รัฐมาทำเป็นอินโฟกราฟฟิกและนําเสนอในบล็อกโดยไม่มีการอ้างอิง |
|
ที่มาของข้อมูล |
|
4. อาร์อัปโหลดวิดีโอจากกล้องหน้ารถของตนเองที่บันทึกภาพอุบัติเหตุลงสื่อสังคมออนไลน์ |
|
โดยไม่ได้เบลอภาพเลขทะเบียนรถและผู้บาดเจ็บ |
|
5. เพิร์ลโพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับชื่อและสถานที่ทำงานของผู้ป่วย COVID-19 |
|
ที่ติดเชื้อรายล่าสุดในจังหวัดของตนเองเพื่อให้คนที่เกี่ยวข้องทำการกักตัว",1. โต๊ะเขียนบล็อกเรื่องกิจกรรมที่ทำ ในช่วงกักตัวที่โรงแรม14 วัน หลังจากกลับจากต่างประเทศ,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2020,"39","เมื่อเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งเข้าสู่ร่างกาย ร่างกาย จะสร้างแอนติบอดี 2ช นิดโดยชนิดที่ 1 ร่างกายจะ |
|
สร้างขึ้นในช่วงแรกของการติดเชื้อ ส่วนชนิดที่ 2 ร่างกายจะสร้างขึ้นในช่วงท้ายของการติดเชื้อ |
|
และจะคงอยู่ในร่างกายเป็นระยะเวลาหนึ่ง |
|
กราฟจำลองระดับของแอนติเจนและแอนติบอดีในร่างกายของผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ ตั้งแต่ร่างกายเริ่มได้รับเชื้อจนหายเป็นปกติ เป้นดังนี้ |
|
จากข้อมูล ข้อความต่อไปนี้ถูกต้องใช่หรือไม่ |
|
|
|
การสร้างแอนติบอดีทั้ง 2 ชนิด เป็นกลไกการทำลายสิ่งแปลกปลอมแบบไม่จำเพาะของร่างกาย","1.ใช่ |
|
2.ไม่ใช่",2.ไม่ใช่,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2020,"39","เมื่อเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งเข้าสู่ร่างกาย ร่างกาย จะสร้างแอนติบอดี 2ช นิดโดยชนิดที่ 1 ร่างกายจะ |
|
สร้างขึ้นในช่วงแรกของการติดเชื้อ ส่วนชนิดที่ 2 ร่างกายจะสร้างขึ้นในช่วงท้ายของการติดเชื้อ |
|
และจะคงอยู่ในร่างกายเป็นระยะเวลาหนึ่ง |
|
กราฟจำลองระดับของแอนติเจนและแอนติบอดีในร่างกายของผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ ตั้งแต่ร่างกายเริ่มได้รับเชื้อจนหายเป็นปกติ เป้นดังนี้ |
|
จากข้อมูล ข้อความต่อไปนี้ถูกต้องใช่หรือไม่ |
|
|
|
|
|
หลังจากวันที่ 14 ปริมาณเชื้อไวรัสในร่างกายจะเริ่มลดลง","1.ใช่ |
|
2.ไม่ใช่",1.ใช่,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2020,"39","เมื่อเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งเข้าสู่ร่างกาย ร่างกาย จะสร้างแอนติบอดี 2ช นิดโดยชนิดที่ 1 ร่างกายจะ |
|
สร้างขึ้นในช่วงแรกของการติดเชื้อ ส่วนชนิดที่ 2 ร่างกายจะสร้างขึ้นในช่วงท้ายของการติดเชื้อ |
|
และจะคงอยู่ในร่างกายเป็นระยะเวลาหนึ่ง |
|
กราฟจำลองระดับของแอนติเจนและแอนติบอดีในร่างกายของผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ ตั้งแต่ร่างกายเริ่มได้รับเชื้อจนหายเป็นปกติ เป้นดังนี้ |
|
จากข้อมูล ข้อความต่อไปนี้ถูกต้องใช่หรือไม่","1.ใช่ |
|
2.ไม่ใช่",2.ไม่ใช่,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2020,"40","สารประกอบอินทรีย์ 3 ชนิดมีมวลของโลเลกุลเท่ากัน และมีสูตรโครงสร้าง ดังนี้ |
|
จากข้อมูล ข้อสรุปเกี่ยวกับสารประกอบอินทรีย์ต่อไปนี้ถูกต้องใช่หรือไม่ |
|
|
|
สาร X มีจุดเดือดสุงกว่าสาร Y และสาร Z ","1.ใช่ |
|
2.ไม่ใช่",1.ใช่,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2020,"40","สารประกอบอินทรีย์ 3 ชนิดมีมวลของโลเลกุลเท่ากัน และมีสูตรโครงสร้าง ดังนี้ |
|
จากข้อมูล ข้อสรุปเกี่ยวกับสารประกอบอินทรีย์ต่อไปนี้ถูกต้องใช่หรือไม่ |
|
|
|
สาร X สามารถละลายน้ำได้เพราะสร้างพันธะไฮโดรเจนกับน้ำซึ่งเป้นแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโลเลกุล","1.ใช่ |
|
2.ไม่ใช่",1.ใช่,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2020,"40","สารประกอบอินทรีย์ 3 ชนิดมีมวลของโลเลกุลเท่ากัน และมีสูตรโครงสร้าง ดังนี้ |
|
จากข้อมูล ข้อสรุปเกี่ยวกับสารประกอบอินทรีย์ต่อไปนี้ถูกต้องใช่หรือไม่ |
|
|
|
สาร Y และสาร Z มีจำนวนคู่อิเล็กตรอนที่ใช้ร่วมกันในการสร้างพันธะโคเวเลนต์ทั้งหมดภายในโมเลกุลไม่เท่ากัน","1.ใช่ |
|
2.ไม่ใช่",2.ไม่ใช่,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2020,"41","ติณ ทําการทดลองเพื่อทดสอบการได้ยินของตนเองโดยตั้งค่าให้แหล่งกำเนิดเสียงมีระดับเสียง |
|
คงตัวที่ 20 เดซิเบล และค่อย ๆปรับลดความถี่ของเสียงจาก 2000 เฮิรตซ์ จนถึง 20 เฮิรตซ์ |
|
กำหนดให้ ความสัมพันธ์ระหว่างระดับเสียงกับความถี่ที่ติณ ได้ยิน แสดงดังภาพ |
|
จากข้อมูล ข้อความต่อไปนี้ถุกต้องใช่หรือไม่ |
|
|
|
ในการทดลองนี้ถ้าให้ระดับเสียงคงตัวที่20เดซิเบลเมื่อเริ่มต้นทดลอง ติณ จะไม่ได้ยินเสียงแต่เมื่อปรับความถี่ให้ต่ำ ลงเรื่อยๆติณ จะเริ่มได้ยินเสียง","1.ใช่ |
|
2.ไม่ใช่",2.ไม่ใช่,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2020,"41","ติณ ทําการทดลองเพื่อทดสอบการได้ยินของตนเองโดยตั้งค่าให้แหล่งกำเนิดเสียงมีระดับเสียง |
|
คงตัวที่ 20 เดซิเบล และค่อย ๆปรับลดความถี่ของเสียงจาก 2000 เฮิรตซ์ จนถึง 20 เฮิรตซ์ |
|
กำหนดให้ ความสัมพันธ์ระหว่างระดับเสียงกับความถี่ที่ติณ ได้ยิน แสดงดังภาพ |
|
จากข้อมูล ข้อความต่อไปนี้ถุกต้องใช่หรือไม่ |
|
|
|
ในการทดลองนี้ที่ช่วงความถี่20 40เฮิรตซ์คุณจะได้ยินเสียง |
|
ถ้าหลังจากทดลองเสร็จแล้วติณบังเอิญกดปุ่มปรับแหล่งกำเนิดเสียง |
|
","1.ใช่ |
|
2.ไม่ใช่",2.ไม่ใช่,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2020,"41","ติณ ทําการทดลองเพื่อทดสอบการได้ยินของตนเองโดยตั้งค่าให้แหล่งกำเนิดเสียงมีระดับเสียง |
|
คงตัวที่ 20 เดซิเบล และค่อย ๆปรับลดความถี่ของเสียงจาก 2000 เฮิรตซ์ จนถึง 20 เฮิรตซ์ |
|
กำหนดให้ ความสัมพันธ์ระหว่างระดับเสียงกับความถี่ที่ติณ ได้ยิน แสดงดังภาพ |
|
จากข้อมูล ข้อความต่อไปนี้ถุกต้องใช่หรือไม่ |
|
|
|
ผิดพลาดทําให้เกิดเสียงความถี่ 100เฮิรตซ์ ระดับเสียง 120เดซิเบลซึ่งเมื่อติณได้ยินเสียงนี้จะเจ็บปวดที่หูในทันที4","1.ใช่ |
|
2.ไม่ใช่",2.ไม่ใช่,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2020,"42","ภาพแสดงตำแหน่งของเมือง X Y และ Z ที่ตั้งอยู่ ณ ละติจูดต่าง ๆ ของซีกโลกเหลือ เป็นดังนี้ |
|
จากข้อมูล ข้อความต่อไปนี้ถูกต้องใช่หรือไม่ |
|
|
|
ถ้าเมือง Y อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง X การบินของนกอพยพ |
|
จากเมือง X ไปยังเมือง Y และบินกลับโดยใช้เส้นทางเดียวกันและ |
|
บินด้วยอัตราเร็วเฉลี่ยเท่ากัน การเดินทางเที่ยวไปจะใช้ระยะเวลา |
|
มากกว่าเที่ยวกลับ","1.ใช่ |
|
2.ไม่ใช่",1.ใช่,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2020,"42","ภาพแสดงตำแหน่งของเมือง X Y และ Z ที่ตั้งอยู่ ณ ละติจูดต่าง ๆ ของซีกโลกเหลือ เป็นดังนี้ |
|
จากข้อมูล ข้อความต่อไปนี้ถูกต้องใช่หรือไม่ |
|
|
|
เมือง Z จะมีโอกาสพบเมฆคิวมูลัสเมฆคิวมูโลนิมบัสและเกิด |
|
ฝนฟ้าคะนองได้มากกว่าเมือง Y","1.ใช่ |
|
2.ไม่ใช่",1.ใช่,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2020,"42","ภาพแสดงตำแหน่งของเมือง X Y และ Z ที่ตั้งอยู่ ณ ละติจูดต่าง ๆ ของซีกโลกเหลือ เป็นดังนี้ |
|
จากข้อมูล ข้อความต่อไปนี้ถูกต้องใช่หรือไม่ |
|
|
|
เมือง X ตั้งอยู่ บริเวณความกดอากาศต่ำ และได้รับอิทธิพลจาก |
|
ลมตะวันออกเช่นเดียวกับเมือง Z ","1.ใช่ |
|
2.ไม่ใช่",1.ใช่,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2019,"1","ภาพแสดงการลำเลียงสารผ่านเซลล์รูปแบบหนึ่งโดยลูกศรแสดงลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังนี้ |
|
|
|
ภาพนี้เป็นกระบวนการลำเลียงสารแบบใดและข้อใดระบุตัวอย่างของการลำเลียงสาร |
|
ด้วยกระบวนการนี้ได้ถูกต้อง"," กระบวนการลำเลียงสาร ตัวอย่างการลำเลียงสาร |
|
1. เอกโซไซโทซิส การดูดน้ำกลับผ่านท่อหน่วยไต |
|
2. เอกโซไซโทซิส การหลั่งเอนไซม์จากเซลล์ของผนังลำไส้เล็กเพื่อย่อยอาหาร |
|
3. เอนโดไซโทซิส การแลกเปลี่ยนแก๊สบริเวณถุงลมปอด |
|
4. เอนโดไซโทซิส การจับกินเพื่อทำลายแบคทีเรียของเซลล์เม็ดเลือดขาว |
|
5. เอนโดไซโทซิส. การดูดซึมแร่ธาตุในดินเข้าสู่เซลล์รากพืชผ่านโปรตีนตัวพา",2. เอกโซไซโทซิส การหลั่งเอนไซม์จากเซลล์ของผนังลำไส้เล็กเพื่อย่อยอาหาร,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2019,"2",ศึกษาอัตราการคายน้ำ ของพืชชนิดหนึ่งที่มีขนาดอายุและได้รับปริมาณแสงเท่ากันโดยนำพืช ใส่ในกระบอกตวงที่มีน้ำ 50มิลลิลิตรและมีน้ำมัน5มิลลิลิตรเททับอยู่จำนวน3ชุดการทดลอง จากนั้นนำ ชุดการทดลองแต่ละชุดมาทำการทดลองและ ตามลำดับดังนี้ การทดลอง นำแต่ละชุดการทดลองไปวางไว้ในบริเวณที่มีความชื้นสัมพัทธ์ต่างกัน โดยปัจจัยอื่นๆเหมือนกันเป็นเวลา3ชั่วโมงบันทึกปริมาตรน้ำ ที่เหลือ ในกระบอกตวง การทดลอง ทำการทดลองซ้ำ โดยนำ ชุดการทดลองไปวางในบริเวณ ที่มีความชื้นสัมพัทธ์ เหมือนกับการทดลองแต่ปรับอุณหภูมิในทุกชุดการทดลองให้สูงขึ้น บันทึกปริมาตรน้าที่เหลือในกระบอกตวง,1 ชุดการทดลองที่1มีความชื้นสัมพัทธ์ต่ำ กว่าชุดการทดลองที่2 2 ชุดการทดลองที่ 1 มีความชื้นสัมพัทธ์สูงกว่าชุดการทดลองที่3 3 ชุดการทดลองที่3มีความชื้นสัมพัทธ์ต่ำ กว่าชุดการทดลองที่2 4 เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นการคายน้ำของพืชในการทดลอง มากกว่าการทดลอง 5 เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นการคายน้ำ ของพืชในการทดลองน้อยกว่าการทดลอง,4 เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นการคายน้ำของพืชในการทดลอง มากกว่าการทดลอง,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2019,"3","ชายสุขภาพดีคนหนึ่ง ทำกิจกรรมและอยู่ในสภาวะที่แตกต่างกัน ดังนี้ |
|
สภาวะ A นั่งทำงาน 2 ชั่วโมง ในห้องที่มีอุณหภูมิ 24 องศาเซลเซียส โดยมีการดื่มน้ำ |
|
สภาวะ B เล่นกีฬากลางแจ้ง 2 ชั่วโมง ในบริเวณที่มีอุณหภูมิ 29 องศาเซลเซียสโดยไม่มีการดื่มน้ำ |
|
|
|
ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับกลไกของร่างกายในขณะที่ชายคนนี้อยู่ในสภาวะ A และ B ","1 สภาวะ A ทำให้เลือดเข้มข้น ต่อมใต้สมองส่วนหลังไม่หลั่งฮอร์โมนเพื่อให้ร่างกายดูดน้ำกลับ |
|
2. สภาวะ A ทำให้เลือดเจือจาง ต่อมใต้สมองส่วนหลังถูกกระตุ้นให้หลั่งฮอร์โมนเพื่อให้ร่างกาย |
|
ดูดนํากลับ |
|
3. สภาวะ B ทำให้เลือดเจือจางต่อม ใต้สมองส่วนหลังไม่หลั่งฮอร์โมนเพื่อให้ร่างกายดูดน้ำกลับ |
|
4. สภาวะ B ทำให้เลือดเข้มข้น ต่อมใต้สมองส่วนหลังถูกกระตุ้นให้หลั่งฮอร์โมนเพื่อให้ร่างกาย |
|
ดูดน้ำกลับ |
|
5. สภาวะ B ทำให้เลือดเจือจาง ต่อมใต้สมองส่วนหลังถูกกระตุ้นให้หลั่งฮอร์โมนเพื่อให้ร่างกาย |
|
ดูดนํากลับ","4. สภาวะ B ทำให้เลือดเข้มข้น ต่อมใต้สมองส่วนหลังถูกกระตุ้นให้หลั่งฮอร์โมนเพื่อให้ร่างกาย |
|
ดูดน้ำกลับ",TRUE,TRUE,TRUE |
|
2019,"4","กราฟแสดงระดับภูมิคุ้มกันของร่างกายเมื่อได้รับวัคซีนครั้งที่ 1 และ 2 เป็นดังนี้ |
|
|
|
จากข้อมูลเพราะเหตุใดการฉีดวัคซีนครั้งที่ 2 จึงสามารถกระตุ้นระดับภูมิคุ้มกันของร่างกาย |
|
ได้สูงขึ้น","1. เซลล์ทีสร้างแอนติบอดีทีจําเพาะกับแอนติเจนได้มากขึ้น |
|
2. เซลล์บี แอนติเจนแล้วส่งสัญญาณไปกระตุ้นเซลล์ทีได้ทันที |
|
3. เซลล์ที่จำ แอนติเจนแล้วส่งสัญญาณ ไปกระตุ้นเซลล์บีได้ทันที |
|
4. ฟาโกไซต์สามารถทําลายแอนติบอดีได้มากขึ้น |
|
5. ฟาโกไซต์สามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์พลาสมาได้เร็วขึ้น",3. เซลล์ที่จำ แอนติเจนแล้วส่งสัญญาณ ไปกระตุ้นเซลล์บีได้ทันที,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2019,"5","การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังด้วยวิธีสะกิด SkinPrickTest ทำได้โดยการหยดน้ำยาสกัด |
|
ถ้าผู้ป่วยแพ้สารก่อภูมิแพ้ชนิดใดสารภูมิแพ้ลงบนผิวหนังและใช้เข็มสะกิดผิวหนังบริเวณนั้น |
|
จะเกิดรอยนูนมีผื่นแดงและอาจรู้สึกคันในบริเวณที่หยดน้ำยาสกัดสารภูมิแพ้ชนิดนั้นไว้ |
|
ในการทดสอบข้างต้นกลไกใดของระบบภูมิคุ้มกันที่ทำให้ผิวหนังเกิดรอยนูนและมีผื่นแดง","1. การจดจำ สารก่อภูมิแพ้ของเซลล์บี |
|
2. การทำลายสารก่อภูมิแพ้ของแอนติเจน |
|
3. การแบ่งตัวของเซลล์ทีเพื่อพัฒนาเป็นเซลล์พลาสมา |
|
4. การส่งสัญญาณของเซลล์ทีเพื่อกระตุ้นแอนติฮิสตามิน |
|
5. การหลั่งสารฮิสตามินของเซลล์โดยการกระตุ้นของแอนติบอดี",5. การหลั่งสารฮิสตามินของเซลล์โดยการกระตุ้นของแอนติบอดี,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2019,"6","การถ่ายทอดทางพันธุกรรมของโรคกล้ามเนื้อลีบซึ่งควบคุมด้วยยีนด้อยบนโครโมโซม |
|
ของครอบครัวหนึ่งเป็นดังนี้ |
|
|
|
กำหนดให้ (บุคคลที่ 3 ในรุ่นที่ 2) คือผู้หญิงที่ไม่มีอาการของโรคแต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่า |
|
เป็นพาหะของโรคกล้ามเนื้อลีบหรือไม่ |
|
เมื่อแต่งงานกับชายปกติและก่อนตัดสินใจมีลูกพวกเขาจึงไปขอคำ ปรึกษาจากแพทย์ |
|
เพื่อวางแผนการมีลูกในอนาคต |
|
การให้คำ ปรึกษาเกี่ยวกับการถ่ายทอดพันธุกรรมของโรคกล้ามเนื้อลีบในข้อใดไม่ถูกต้อง","1. ถ้าไม่เป็นพาหะของโรคลูกชายทุกคนไม่มีโอกาสเป็นโรค |
|
2. ถ้าไม่เป็นพาหะของโรคลูกสาวทุกคนไม่มีโอกาสเป็นโรค |
|
3. ถ้าเป็นพาหะของโรคลูกชายแต่ละคนมีโอกาสร้อยละ50ที่จะเป็นโรค |
|
4. ถ้าเป็นพาหะของโรคลูกสาวแต่ละคนมีโอกาสร้อยละ50ที่จะเป็นโรค |
|
5. ถ้าเป็นพาหะของโรคลูกสาวแต่ละคนมีโอกาสร้อยละ50ที่จะเป็นพาหะของโรค",4. ถ้าเป็นพาหะของโรคลูกสาวแต่ละคนมีโอกาสร้อยละ50ที่จะเป็นโรค,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2019,"7",การใช้เทคโนโลยีชีวภาพในข้อใดที่ทําให้ได้ลูกรุ่นใหม่มีลักษณะเหมือนเดิมทุกประการ,"1. การผสมพันธุ์โคเนื้อให้มีลักษณะใหม่ตามที่ต้องการ |
|
2. การปรับปรุงพันธุ์ข้าวหอมมะลิโดยการใช้รังสีแกมมา |
|
3. การคัดเลือกพันธุ์ปลาทับทิมจากการผสมข้ามสายพันธุ์ |
|
4. การตัดต่อยืนของข้าวโพดให้มีความต้านทานต่อเชื้อรา |
|
5. การโคลนลูกวัวนมโดยใช้เซลล์เต้านมจากแม่วัวนมต้นแบบ",5. การโคลนลูกวัวนมโดยใช้เซลล์เต้านมจากแม่วัวนมต้นแบบ,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2019,"8","แมลงสาบเป็นพาหะที่ก่อให้เกิดโรคหลายชนิดในมนุษย์เช่น วัณโรคอหิวาตกโรคและโรคภูมิแพ้ |
|
โดยผลการวิจัยหนึ่งพบว่าแมลงสาบเยอรมันสามารถปรับตัวให้มีความต้านทานต่อยาฆ่าแมลง |
|
ที่มีฤทธิ์รุนแรงที่สุดได้อย่างรวดเร็วอีกทั้งยังพบว่าลูกแมลงสาบเยอรมันรุ่นต่อๆมามีความต้านทาน |
|
ต่อยาฆ่าแมลงเช่นกันแม้ไม่เคยสัมผัสกับยาฆ่าแมลงเหล่านั้นมาก่อน |
|
|
|
จากข้อมูลข้อใดกล่าวถึงความต้านทานต่อยาฆ่าแมลงของแมลงสาบไม่ถูกต้อง","1. ลูกแมลงสาบที่มีความต้านทานต่อยาฆ่าแมลงเกิดจากสิ่งมีชีวิตต่างสปีชีส์กัน |
|
2. ยีนควบคุมความต้านทานต่อยาฆ่าแมลงสามารถถ่ายทอดไปยังแมลงสาบรุ่นถัดไปได้ |
|
3. ความต้านทานต่อยาฆ่าแมลงของแมลงสาบเป็นผลของความหลากหลายทางพันธุกรรม |
|
4. ความต้านทานต่อยาฆ่าแมลงนี้เป็นความหลากหลายทางชีวภาพระดับเดียวกับการดื้อยา |
|
ปฏิชีวนะของแบคทีเรีย |
|
5. ความต้านทานต่อยาฆ่าแมลงของแมลงสาบทำให้มนุษย์มีความเสี่ยงต่อการติดโรคบางชนิด |
|
จากแมลงสาบมากขึ้น",1. ลูกแมลงสาบที่มีความต้านทานต่อยาฆ่าแมลงเกิดจากสิ่งมีชีวิตต่างสปีชีส์กัน,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2019,"9","ผีเสื้อชนิดหนึ่งมีวงจรชีวิตประมาณ 25 วัน สีของผีเสื้อ จีโนไทป์ที่ควบคุมสีของผีเสื้อ |
|
ในธรรมชาติสามารถพบผีเสื้อชนิดนี้ได้3สี |
|
ได้แก่ขาวเทาและดำ ซึ่งลักษณะสีของผีเสื้อ ขาว |
|
จะถูกควบคุมด้วยแอลลีล W1 และ W2 |
|
โดยจีโนไทป์ของผีเสื้อแต่ละสีแสดงดังตาราง |
|
|
|
การสำรวจประชากรผีเสื้อชนิดนี้ในชุมชนแห่งหนึ่งที่มีต้นไม้เปลือกสีอ่อนจำนวนมากพบว่า |
|
มีผีเสื้อสีขาวจำนวนมากโดยไม่พบผีเสื้อสีอื่นเลย แต่ในช่วงเวลา3เดือนที่ผ่านมาพบว่า |
|
ประชากรผีเสื้อในชุมชนนี้มีการเปลี่ยนแปลงโดยในช่วงที่ 1 พบผีเสื้อสีดำ จำนวนหนึ่งซึ่งอพยพ |
|
เข้ามาจากชุมชนใกล้เคียงและในช่วงที่ 2ยังพบผีเสื้อสีขาวจำนวนมากสีดำเล็กน้อยและพบว่า |
|
มีผีเสื้อสีเทาเกิดขึ้นจำนวนเล็กน้อย ส่วนในช่วงที่3พบว่าผีเสื้อสีดำและเทาค่อยๆลดลง |
|
จนชุมชนแห่งนี้มีเพียงผีเสื้อสีขาวเช่นเดิม |
|
|
|
จากข้อมูล ข้อใดคือเหตุผลที่เป็นไปได้มากที่สุดที่ทำให้ผีเสื้อสีดำและผีเสื้อสีเทาลดจำนวนลง |
|
ในช่วงที่3","1. ผีเสื้อสีเทาและสีดำ ม่วงวงจรชีวิตสั้นกว่าผีเสื้อสีขาว |
|
2. การผสมพันธุ์ระหว่างผีเสื้อสีดำและผีเสื้อสีขาวเพิ่มมากขึ้น |
|
3. แอลลีล มีโอกาสเพิ่มจำนวนในกลุ่มประชากรนี้มากกว่าแอลลีล |
|
4. ผีเสื้อสีดำ และสีเทาพรางตัวได้ไม่ดีในสิ่งแวดล้อมนี้จึงถูกล่าได้มากกว่า |
|
5. ผีเสื้อสีเทาที่เกิดจากการผสมพันธุ์ของผีเสื้อสีขาวและสีดำ เป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นหมัน",4. ผีเสื้อสีดำ และสีเทาพรางตัวได้ไม่ดีในสิ่งแวดล้อมนี้จึงถูกล่าได้มากกว่า,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2019,"10","สายใยอาหารของระบบนิเวศหนึ่งแสดงดังแผนภาพ |
|
|
|
ถ้ามีงูที่กินเฉพาะหนูนาและปลาเล็กเป็นอาหารเข้ามาในระบบนิเวศแห่งนี้โดยที่นกไม่กินงูชนิดนี้ |
|
เป็นอาหาร |
|
|
|
ข้อใดกล่าวถูกต้อง","1. นกและ มีมวลชีวภาพสูงที่สุดในระบบนิเวศน์ |
|
2. มวลชีวภาพ ของต้นข้าวน้อยกว่ามวลชีวภาพของหนูนา |
|
3. ผลผลิตข้าวที่ได้จากระบบนิเวศนี้มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น |
|
4. ปลาเล็กจะเป็นผู้บริโภคลำดับที่2 และ 3ในสายใยอาหารนี้ |
|
5.งูจะเป็นผู้บริโภคลำดับสุดท้ายเพียงชนิดเดียวในระบบนิเวศนี้",3. ผลผลิตข้าวที่ได้จากระบบนิเวศนี้มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2019,"11","ป่าแห่งหนึ่งถูกปล่อยทิ้งร้างไว้เป็นเวลานานหลังจากการเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ป่ายาวนาน |
|
1 สัปดาห์ ซึ่งทำให้ต้นไม้และสัตว์ในพื้นที่ล้มตายกลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่า |
|
|
|
จากข้อมูลป่าแห่งนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงแทนที่รูปแบบใด และเหตุการณ์ ใด จะเกิดขึ้น |
|
เป็นลำดับแรกในการเปลี่ยนแปลงแทนที่นี้","1. แบบปฐมภูมิ และมีการอพยพของสัตว์เข้าไปในพื้นที่เมื่อมีแหล่งอาหารเกิดขึ้น |
|
2. แบบปฐมภูมิและมีกลุ่มสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กเช่นแบคทีเรีย เป็นสิ่งมีชีวิตผู้บุกเบิก |
|
3. แบบปฐมภูมิ และมีการงอกของเมล็ดพืชที่ฝังตัวอยู่ใต้ดินเมื่อดินมีความชื้นที่เหมาะสม |
|
4. แบบทุติยภูมิและมีการอพยพของสัตว์เข้าไปในพื้นที่เพื่ออยู่อาศัย |
|
5. แบบทุติยภูมิและมีการงอกของเมล็ดพืชที่ฝังตัวอยู่ใต้ดินเมื่อดินมีความชื้นที่เหมาะสม",5. แบบทุติยภูมิและมีการงอกของเมล็ดพืชที่ฝังตัวอยู่ใต้ดินเมื่อดินมีความชื้นที่เหมาะสม,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2019,"12","ปัจจุบันสัตว์หลายชนิดได้รับผลกระทบจากปัญหาสิ่งแวดล้อมหลายประการเช่น การทำลาย |
|
แหล่งที่อยู่อาศัยและการล่าสัตว์ของมนุษย์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ |
|
นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและสภาพอากาศที่แปรปรวนของโลก เช่น อุณหภูมิร้อนจัด |
|
หรือหนาวจัดหรือการมีฤดูกาลที่ยาวนานกว่าปกติ ส่งผลให้สัตว์ต้องเผชิญกับสภาพอากาศ |
|
ที่แปรปรวนอย่างรุนแรง ซึ่งไม่เหมาะกับการดำรงชีวิต สัตว์บางชนิดจึงหาอาหารได้ยากขึ้น |
|
การเจริญ เติบโต ของเชื้อโรคและปรสิตบางชนิดที่เป็นอันตรายต่อสัตว์เพิ่มขึ้น ทำให้ประชากร |
|
สัตว์บางชนิดไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพดังกล่าวได้และลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว |
|
|
|
จากข้อมูล ผลกระทบต่อสัตว์ใน ข้อใด ที่ไม่ ได้เกิด จากภาวะโลกร้อน","1. การเพิ่มขึ้นของจำนวนพยาธิในปลา เพราะอุณหภูมิของน้ำเพิ่มสูงขึ้น |
|
2. การสูญพันธุ์ของสิงโตภูเขา เพราะพื้นที่ป่าถูกตัดทำลายจึงถูกล่าได้ง่ายขึ้น |
|
3. หมีขาวสามารถล่าอาหารได้น้อยลงเพราะมีการละลายของแผ่นน้ำแข็งมากขึ้น |
|
4. อัตราการรอดของลูกเพนกวินลดลงเพราะแม่เพนกวินต้องใช้เวลาในการหาอาหารนานขึ้น |
|
5. อัตราการตายของกวางเรนเดียร์เพิ่มขึ้นเพราะสภาพอากาศที่แปรปรวนทําให้หาอาหารยาก",2. การสูญพันธุ์ของสิงโตภูเขา เพราะพื้นที่ป่าถูกตัดทำลายจึงถูกล่าได้ง่ายขึ้น,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2019,"13","ธาตุ A B C D และ E มีเลขอะตอมเป็นเลขคี่ที่เรียงลำดับจากน้อยไปมากอย่างต่อเนื่อง |
|
โดยอะตอมของธาตุ A B C D และ E และ มีจำนวนโปรตอนน้อยกว่านิวตรอน 1 อนุภาค |
|
และธาตุ มีสัญลักษณ์นิวเคลียร์ 40 E |
|
19 |
|
จากข้อมูลจำนวนอนุภาคในนิวเคลียสของธาตุในข้อใดถูกต้อง","1 .ธาตุ A มีจำนวนอนุภาคในนิวเคลียส 22 อนุภาค |
|
2. ธาตุ B มีจำนวนอนุภาคในนิวเคลียส 13 อนุภาค |
|
3. ธาตุ C มีจำนวนอนุภาคในนิวเคลียส 16 อนุภาค |
|
4. ธาตุ D มีจำนวนอนุภาคในนิวเคลียส 35 อนุภาค |
|
5. ธาตุ E มีจำนวนอนุภาคในนิวเคลียส 59 อนุภาค",4. ธาตุ D มีจำนวนอนุภาคในนิวเคลียส 35 อนุภาค,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2019,"14","ธาตุ A B C และ D มีสมบัติดังนี้ |
|
ธาตุ A มีความเสถียรไม่สร้างพันธะเคมีกับธาตุใดและมีเวเลนซ์อิเล็กตรอน |
|
อยู่ในระดับพลังงานที่3 |
|
ธาตุ B มีจํานวนโปรตอนน้อยกว่าธาตุ A 5อนุภาค |
|
ธาตุ C อยู่หมู่เดียวกับธาตุ แต่มีขนาดเล็กกว่า |
|
ธาตุ D มีเลขอะตอมมากกว่าธาตุ B 1 หน่วย |
|
|
|
จากข้อมูลข้อใดต่อไปนี้ถูกต้อง","1. ธาตุ C มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนอยู่ในระดับพลังงานที่3 |
|
2. ธาตุ A มีจำนวนอิเล็กตรอนในระดับพลังงานที่ 1 เท่ากับ 8 |
|
3. ธาตุ B มีจำนวนอิเล็กตรอนในระดับพลังงานที่2 เท่ากับ 3 |
|
4. ธาตุ D มีจํานวนอิเล็กตรอนในระดับพลังงานที่3 เท่ากับ 4 |
|
5. ธาตุ C มีจำนวนเวเลนซ์อิเล็กตรอนมากกว่าธาตุ D 1 อนุภาค",4. ธาตุ D มีจํานวนอิเล็กตรอนในระดับพลังงานที่3 เท่ากับ 4,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2019,"15","ข้อมูลแสดงเลขอะตอมและเลขมวลของธาตุ 4 ชนิด เป็นดังนี้ |
|
ธาตุ เลขอะตอม เลขมวล |
|
A 13 27 |
|
B 15 31 |
|
C 20 40 |
|
D 35 80 |
|
จากข้อมูลข้อใดต่อไปนี้ถูกต้อง","1. A^3+ และ C^2+ มีการจัดเรียงอิเล็กตรอนเหมือนกัน |
|
2. ธาตุ A มีความว่องไวในการเกิดปฏิกิริยามากกว่าธาตุ C |
|
3. ธาตุ A และ C เป็นโลหะ ส่วนธาตุ B และ D เป็นอโลหะ |
|
4. ธาตุ C มีสถานะเป็นแก๊สว่องไวต่อการเกิดปฏิกิริยาเคมี |
|
5. ธาตุ B มีจํานวนอิเล็กตรอนในระดับพลังงานที่ 3 มากกว่า ธาตุ D",3. ธาตุ A และ C เป็นโลหะ ส่วนธาตุ B และ D เป็นอโลหะ,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2019,"16","กำหนดให้ A B C และD เป็นสารบริสุทธิ์ที่มีสมบัติบางประการดังนี้ |
|
สาร A เป็นธาตุที่มีสถานะเป็นของแข็งมีจุดเดือดสูงทำปฏิกิริยารุนแรงกับน้ำ นำความร้อน |
|
และนำไฟฟ้าได้ดี |
|
สาร B เกิดจากการทำ ปฏิกิริยาระหว่างธาตุ 2ชนิดมีลักษณะเป็นผลึกสีขาว จุดเดือดและ |
|
จุดหลอมเหลวสูงมาก บดเป็นผงละเอียดได้ง่ายละลายน้ำ ได้ดี |
|
สาร C เป็นธาตุที่มีสถานะเป็นแก๊สมีสีและว่องไวต่อปฏิกิริยาเคมี เมื่อทำ ปฏิกิริยากับโลหะ |
|
เกิดเป็นสารประกอบไอออนิก |
|
สาร D เป็นธาตุที่มีสถานะเป็นของแข็ง ระเหิดง่ายกลายเป็นไอสีม่วง |
|
จากข้อมูลข้อสรุปใดต่อไปนี้ถูกต้อง","1. ธาตุ C มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลคือพันธะโคเวเลนต์ |
|
2. ธาตุ C สร้างพันธะไอออนิกกับโลหะโซเดียมมีสูตรเคมีคือ NaC2 |
|
3. ธาตุ A สร้างพันธะกับธาตุ D โดยการใช้เวเลนซ์อิเล็กตรอนร่วมกัน |
|
4. ธาตุ B สร้างพันธะกับธาตุ A อะตอม B จะรับอิเล็กตรอนกลายเป็น B |
|
5. ธาตุ A สร้างพันธะกับคลอรีน อะตอม A จะให้อิเล็กตรอนกลายเป็น A",5. ธาตุ A สร้างพันธะกับคลอรีน อะตอม A จะให้อิเล็กตรอนกลายเป็น A,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2019,"17","สารก ข และค มีสูตรเคมีและชนิดของพันธะซึ่งเป็นไปตามกฎออกเตตดังนี้ |
|
สาร สูตรเคมี ชนิดของพันธะ |
|
ก XY₂ ไอออนิก |
|
ข JW3. ไอออนิก |
|
ค ZQ4 โคเวเลนต์ |
|
|
|
จากข้อมูล การระบุหมู่ของธาตุในข้อใดที่เป็นไปไม่ได้"," ธาตุ หมู่ |
|
1. X IIA |
|
2. Y VIIA |
|
3. J VA |
|
4. W VIIA |
|
5. Z IVA ",3. J VA,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2019,"18","พิจารณาสมการเคมีของปฏิกิริยาตามที่กำหนดให้ต่อไปนี้ |
|
ปฏิกิริยาที่ 1 KCIO4 (s) -----------> KCI(s) |
|
ปฏิกิริยาที่ 2 FeS₂(s) + 11x(g) ----------> 2Fe₂O3(s) + 8z(g) |
|
ปฏิกิริยาที่ 3 NH4OH(aq) ---------> y(1) + r(g) |
|
ปฏิกิริยาที่ 4 Cu(s) + 4HNO3(aq) --------> Cu(NO3)₂ (aq) + 2w(g) + 2y(1) |
|
|
|
จากข้อมูลสารผลิตภัณฑ์ที่ได้จากปฏิกิริยาเคมีใดเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดฝนกรด","1. ปฏิกิริยาที่ 1 และ 2 |
|
2. ปฏิกิริยาที่ 2 และ 3 |
|
3. ปฏิกิริยาที่ 3 และ 4 |
|
4. ปฏิกิริยาที่ 2 และ 4 |
|
5. ปฏิกิริยาที่ 1 และ 4",4. ปฏิกิริยาที่ 2 และ 4,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2019,"19","ข้อมูลแสดงจำนวนอะตอมคาร์บอนของผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกระบวนการกลั่นลำดับส่วนน้ำมันดิบ |
|
ในแต่ละชั้นของหอกลั่นเป็นดังนี้ |
|
หอกลั่น จำนวนอะตอมคาร์บอน |
|
ชั้น P 14-19 |
|
ชั้น N 20-35 |
|
|
|
จากข้อมูลการเปรียบเทียบแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอะตอมในโมเลกุลและแรงยึดเหนี่ยวระหว่าง |
|
โมเลกุลของผลิตภัณฑ์ที่ได้จากหอกลั่นชั้น P กับ N เป็นอย่างไร","แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอะตอม แรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล |
|
1. P สูงกว่า N P สูงกว่า N |
|
2. P สูงกว่า N P ต่ำกว่า N |
|
3. P ต่ำกว่า N P ใกล้เคียงกับ N |
|
4. P ใกล้เคียงกับ N P ต่ำกว่า N |
|
5. P ใกล้เคียงกับ N P ใกล้เคียงกับ N",4. P ใกล้เคียงกับ N P ต่ำกว่า N ,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2019,"20","ข้อมูลแสดงสมบัติของพอลิเมอร์ 4 ชนิด ดังตาราง |
|
พอลิเมอร์ สมบัติ |
|
W เหนียวไม่แตกง่ายความหนาแน่นสูงทนต่อสารเคมี |
|
X ยืดหยุ่นได้ความเหนียว ทนต่อการกรอบแตก |
|
Y แข็งเปราะหักง่ายเป็นฉนวนความร้อน |
|
Z แข็งแรงทนทานและเหนียวป้องกันการผ่านของแก๊สได้ดี |
|
|
|
จากข้อมูลข้อใดต่อไปนี้ถูกต้อง","1. พอลิเมอร์ Xและ Y มีโครงสร้างแบบกิ่ง |
|
2. พอลิเมอร์ W มีจุดหลอมเหลวสูงกว่าพอลิเมอร์ X |
|
3. พอลิเมอร์ X และ Z จัดเป็นพลาสติกเทอร์มอเซต |
|
4. พอลิเมอร์ W นำมาผลิตเป็นตะกร้า หูกระทะ ขวดบรรจุยา |
|
5. ผลิตภัณฑ์พลาสติกจากพอลิเมอร์ Y และ W สามารถนำกลับมาหลอมขึ้นรูปใหม่ได้",2. พอลิเมอร์ W มีจุดหลอมเหลวสูงกว่าพอลิเมอร์ X,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2019,"21","A B และ C เป็นสารอาหารกลุ่มที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย มีสมบัติบางประการ ดังนี้ |
|
สาร A เป็นไตรกลีเซอไรด์ที่สกัดจากเมล็ดถั่วเหลืองแล้วนำ มาเติมไฮโดรเจนได้สาร X |
|
สาร B ทดสอบด้วยสารละลายคอปเปอร์ ซัลเฟตในเบสได้สารสีม่วงเมื่อสาร B ถูกย่อย |
|
อย่างสมบูรณ์ ได้สาร Y |
|
สาร C เป็นคาร์โบไฮเดรตที่มีขนาดโมเลกุลใหญ่มากเมื่อต้มสาร C กับสารละลาย |
|
กรดไฮโดรคลอริกได้สาร Z |
|
|
|
จากข้อมูลข้อสรุปใดถูกต้อง","1. สาร Z มีธาตุองค์ประกอบแตกต่างจากสาร X และ Y |
|
2. สาร C เป็นได้ทั้งไดแซ็กคาไรด์และพอลิแซ็กคาไรด์ |
|
3. สาร A สามารถฟอกจางสีสารละลายไอโอดีนได้น้อยกว่าสาร X |
|
4. ทดสอบสาร Z ด้วยสารละลายเบเนดิกต์ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง |
|
5 .ทดสอบสาร Bโดยให้ความร้อนแล้วหยดด้วย สารละลายคอปเปอร์(II ซัลเฟตในเบส |
|
ได้สารสีม่วง","5 .ทดสอบสาร Bโดยให้ความร้อนแล้วหยดด้วย สารละลายคอปเปอร์(II ซัลเฟตในเบส |
|
ได้สารสีม่วง",TRUE,TRUE,TRUE |
|
2019,"22","นำตัวอย่างอาหารชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นของเหลวมาตรวจหาสารอาหาร |
|
โดยทําการทดลองดังนี้ |
|
การทดลองที่1 เติมสารละลายเบเนดิกต์ได้เป็นของเหลวขุ่นสีฟ้าแล้วนำ ไปต้ม |
|
ของเหลวขุ่นสีฟ้าเปลี่ยนเป็นตะกอนสีส้ม |
|
การทดลองที่2 หยดสารละลายไอโอดีนทีละหยดตัวอย่างอาหารยังคงเป็นสีเดิมจนกระทั่ง |
|
หยดที่5 ตัวอย่างอาหารเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลโดยที่ไม่เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน |
|
การทดลองที่3 เติมสารละลายเบสได้ตะกอนขุ่นสีขาวแล้วหยดด้วยสารละลายคอปเปอร์ |
|
(II)ซัลเฟตได้สารแขวนลอยสีม่วง |
|
|
|
ตัวอย่างอาหารในข้อใดให้ผลที่เป็นไปได้ตรงกับผลการทดลองมากที่สุด","1. น้ำส้มคั้นผสมนมสด |
|
2. น้ำข้าวโพดผสมน้ำอ้อย |
|
3. ไข่ขาวผสมนํ้าตาลทราย |
|
4. น้ำเต้าหู้รสจืดผสมแป้งมัน |
|
5. น้ำมันถั่วเหลืองผสมแป้งสาลี",1. น้ำส้มคั้นผสมนมสด,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2019,"23","โดยปกติแล้วพื้นผิวโลกมีสภาพเป็นกลางทางไฟฟ้าเนื่องจากประจุไฟฟ้าบวกและลบมีจำนวน |
|
แต่ในช่วงที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนองบริเวณฐานเมฆจะมีประจุไฟฟ้าลบอยู่เป็นจำนวนมากเท่าๆกัน |
|
ดังภาพ แรงไฟฟ้าและสนามไฟฟ้าจากฐานเมฆจะทำให้พื้นผิวโลกที่อยู่ใต้ฐานเมฆไม่เป็นกลาง |
|
ทางไฟฟ้า |
|
|
|
จากภาพทิศทางของสนามไฟฟ้าระหว่างฐานเมฆกับพื้นผิวโลกใต้เมฆเป็นอย่างไร และถ้านำ |
|
อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าลบตัวหนึ่งไปไว้ที่จุด X จะมีแรงไฟฟ้าจากฐานเมฆกระทำต่ออนุภาค |
|
ดังกล่าวหรือไม่ อย่างไร","ทิศทางของสนามไฟฟ้า แรงไฟฟ้า |
|
1. เข้าหาเมฆ ไม่มีเพราะมีประจุไฟฟ้าลบเหมือนกัน |
|
2. เข้าหาเมฆ มีโดยมีทิศทางออกจากเมฆ |
|
3. ออกจากเมฆ ไม่มีเพราะมีประจุไฟฟ้าลบเหมือนกัน |
|
4. ออกจากเมฆ มีโดยมีทิศทางเข้าหาเมฆ |
|
5. ออกจากเมฆ มีโดยมีทิศทางออกจากเมฆ",2. เข้าหาเมฆ มีโดยมีทิศทางออกจากเมฆ,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2019,"24","วางแท่งแม่เหล็ก2แท่งในตำแหน่งดังที่กำหนดในภาพ จากนั้นยิงอิเล็กตรอนเข้าไปที่ตรงกลาง |
|
ระหว่างแท่งแม่เหล็กทั้งสองในทิศพุ่งเข้าและตั้งฉากกับระนาบของกระดาษ พบว่าอิเล็กตรอน |
|
เบนไปทางด้านบน |
|
|
|
จากข้อมูล สนามแม่เหล็กมีทิศทางใด ขั้วเหนือและขั้วใต้ของแท่งแม่เหล็กคือตำแหน่งใด"," ทิศทางของสนามแม่เหล็ก |
|
ตำแหน่งขั้วแม่เหล็ก ขั้วเหนือ ขั้วใต้ |
|
1. จาก A ไปหา C C A |
|
2. จาก A ไปหา C A C |
|
3. จาก B ไปหา D B D |
|
4. จาก B ไปหา D D B |
|
5. จาก C ไปหา A A C",2. จาก A ไปหา C A C,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2019,"25","ถ้าสมมติในอนาคตแรงนิวเคลียร์หายไปจากธรรมชาติ “ทุกอะตอมจะไม่สามารถคงสภาพ |
|
อะตอมได้” |
|
|
|
คำกล่าวข้างต้นถูกต้องตามหลักการของแรงในธรรมชาติหรือไม่เพราะเหตุใด","1. ถูกต้องเพราะจะไม่มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโปรตอนและนิวตรอนที่ทำให้มีนิวเคลียส |
|
2. ถูกต้องเพราะจะไม่มีแรงที่ทำ หน้าที่ดึงดูดระหว่างนิวตรอนกับอิเล็กตรอนที่อยู่รอบ ๆ |
|
3. ไม่ถูกต้องเพราะยังมีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างนิวคลีออนที่ทำให้มีนิวเคลียส |
|
4. ไม่ถูกต้องเพราะยังมีแรงไฟฟ้าระหว่างโปรตอนกับอิเล็กตรอนที่อยู่รอบๆให้คงสภาพ |
|
อะตอมได้ |
|
5. ไม่ถูกต้องเพราะยังมีแรงโน้มถ่วงกระทำ ระหว่างโปรตอนนิวตรอนและอิเล็กตรอน |
|
ให้คงสภาพอะตอมได้",1. ถูกต้องเพราะจะไม่มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโปรตอนและนิวตรอนที่ทำให้มีนิวเคลียส,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2019,"26","พิจารณาข้อมูลต่อไปนี้เพื่อใช้ในการตอบคำถามข้อ 26-27 |
|
โยนลูกบอลขึ้นในแนวดิ่งบนพื้นผิวโลกลูกบอลเริ่มเคลื่อนที่จากจุดขึ้นไปถึงจุดซึ่งอยู่สูง |
|
จากจุด 1225เมตรโดยใช้เวลา05วินาที แล้วเคลื่อนที่ลงถึงจุดอีกครั้ง |
|
|
|
การเคลื่อนที่ของลูกบอลจากจุด A ไปจุด B แล้วกลับมายังจุด A อีกครั้งมีขนาดการกระจัดเท่าใด |
|
และมีขนาดของความเร็วเฉลี่ยเท่าใด"," ขนาดการกระจัด (m) ขนาดความเร็วเฉลี่ย (m/s) |
|
1. 0 0 |
|
2. 0 1.225 |
|
3. 0 2.450 |
|
4. 2.450 0 |
|
5. 2.450 2.450",1. 0 0,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2019,"27","พิจารณาข้อมูลต่อไปนี้เพื่อใช้ในการตอบคำถามข้อ 26-27 |
|
โยนลูกบอลขึ้นในแนวดิ่งบนพื้นผิวโลกลูกบอลเริ่มเคลื่อนที่จากจุดขึ้นไปถึงจุดซึ่งอยู่สูง |
|
จากจุด 1225เมตรโดยใช้เวลา05วินาที แล้วเคลื่อนที่ลงถึงจุดอีกครั้ง |
|
|
|
ข้อความใดกล่าวถึงการเคลื่อนที่ของลูกบอลได้ถูกต้อง","1. ขณะขึ้นจากจุด A ไปจุด B ความเร่งมีทิศทางขึ้น |
|
2. ขณะขึ้นจากจุด A ไปจุด B ความเร็วมีขนาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง |
|
3. ขณะอยู่ที่จุด B ความเร่งเป็นศูนย์ |
|
4. ขณะลงจากจุด B ไปจุด A ความเร่งมีขนาดลดลงอย่างต่อเนื่อง |
|
5. ขณะลงจากจุด B ไปจุด A ความเร็วมีทิศทางลง",5. ขณะลงจากจุด B ไปจุด A ความเร็วมีทิศทางลง,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2019,"28","ยิงวัตถุ A B และ C ขึ้นจากพื้นที่ตำแหน่งเดียวกันทำมุมกับพื้น20องศา45องศาและ |
|
70องศาตามลำดับ พบว่าวัตถุทั้งสามชิ้นมีเส้นทางการเคลื่อนที่เป็นดังภาพและตกถึงพื้น |
|
ที่ตำแหน่งเดียวกัน |
|
กำหนดให้ไม่ต้องพิจารณาแรงต้านของอากาศ |
|
|
|
ข้อความใดกล่าวถูกต้อง","1. วัตถุ C เคลื่อนที่ด้วยความเร่งมากที่สุด |
|
2. วัตถุ A และ C มีขนาดของความเร็วต้นเท่ากัน |
|
3. วัตถุ A มีขนาดของความเร็วต้นน้อยกว่าวัตถุ C |
|
4. วัตถุทั้งสามชิ้นมีความเร็วในแนวระดับไม่คงตัวตลอดการเคลื่อนที |
|
5. ที่จุดสูงสุดของวัตถุแต่ละชิ้น วัตถุ C มีความเร็วในแนวดิ่งมากที่สุด",2. วัตถุ A และ C มีขนาดของความเร็วต้นเท่ากัน,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2019,"29","นาฬิกาลูกตุ้มเรือนหนึ่งมีลูกตุ้มแกว่งกลับไป-กลับมาผ่านตำแหน่ง |
|
A B และ C ดังภาพโดยเมื่อลูกตุ้มนาฬิกาแกว่งกลับไป-กลับมา |
|
ครบ60รอบเข็มยาวจะขยับไป 1 ช่องหรือบอกเวลา 1 นาที |
|
|
|
เนื่องจากนาฬิกาเรือนนี้ถูกใช้งานมาเป็นเวลานานแล้วจึงมีความเสียดทาน |
|
ที่ทำให้ลูกตุ้มแกว่งช้ากว่าปกติ ส่งผลให้เมื่อเวลามาตรฐานผ่านไป 1 ชั่วโมง |
|
นาฬิกาเรือนนี้บอกเวลาช้ากว่าเวลามาตรฐานอยู่5 นาที |
|
|
|
จากข้อมูลของนาฬิกาเรือนนี้การขยับของเข็มยาวไป 1 ช่อง ลูกตุ้มจะแกว่งผ่าน |
|
ตำแหน่ง B กี่ครั้ง และลูกตุ้มมีคาบการแกว่งประมาณกี่วินาที"," จํานวนครั้งที่ผ่านตำแหน่ง B คาบการแกว่ง (s) |
|
1. 120 1.09 |
|
2. 120 0.92 |
|
3. 60 1.09 |
|
4. 60 1.00 |
|
5. 60 0.92",1. 120 1.09,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2019,"30","นพและนิดจับขดลวดสปริงคนละข้างและวางบนพื้นลื่นนพขยับปลายของขดลวดสปริง |
|
เข้าและออกจากตัวเองอย่างต่อเนื่องพบว่าเกิดคลื่นบนขดลวดสปริงเคลื่อนที่เข้าหานิด |
|
โดยมีอัตราเร็วคลื่น 12เมตรต่อวินาทีและส่วนของสปริงที่ถูกจัดอยู่ห่างกัน 15เมตร |
|
ดังภาพที่เป็นมุมมองจากด้านบน |
|
|
|
คลื่นดังกล่าวเป็นคลื่นชนิดใด อนุภาคของขดลวดสปริงณตำแหน่งหนึ่งๆจะเคลื่อนที่ |
|
และ |
|
กลับไปกลับมาด้วยความถี่เท่าใด"," ชนิดของคลื่น ความถี่ (1/s) |
|
1. คลื่นตามขวาง 0.8 |
|
2. คลื่นตามขวาง 1.25 |
|
3. คลื่นตามยาว 0.8 |
|
4. คลื่นตามยาว 1.25 |
|
5. คลื่นตามยาว 1.8",3. คลื่นตามยาว 0.8,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2019,"31","ตรึงเชือกยาวเส้นหนึ่งเข้ากับเสาให้แน่น จับปลายเชือกสะบัดในทิศทางขึ้นหนึ่งครั้งเว้นช่วงเวลา |
|
เล็กน้อยแล้วสะบัดขึ้นอีกครั้งพบว่าเกิดสันคลื่นของคลื่นดล 2ขบวนที่เหมือนกันทุกประการ |
|
เคลื่อนที่เข้าหาเสาดังภาพ |
|
|
|
ในการพบกันของคลื่นขบวนแรกที่สะท้อนจากเสากับคลื่นขบวนหลังที่กำลังเข้าหาเสา |
|
ถ้ากล่าวว่า “คลื่นรวมจะมีแอมพลิจูดเป็นศูนย์ทำให้ไม่เหลือคลื่นเคลื่อนที่บนเส้นเชือกอีก"" |
|
|
|
คำกล่าวดังกล่าวถูกต้องตามหลักการของคลื่นหรือไม่อย่างไร","1. ถูกต้องเพราะคลื่นทั้งสองขบวนจะเกิดการแทรกสอดหักล้างทำให้ไม่เหลือ |
|
คลื่นบนเส้นเชือกอีก |
|
2. ไม่ถูกต้องเพราะคลื่นทั้งสองขบวนจะเกิดการแทรกสอดเสริมซึ่งแอมพลิจูดจะไม่เป็นศูนย์ |
|
3. ไม่ถูกต้องเพราะคลื่นทั้งสองขบวนจะเกิดการแทรกสอดหักล้างแล้วคลื่นจะเคลื่อนที่ |
|
ผ่านกันไป |
|
4. สรุปไม่ได้เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าคลื่นทั้งสองขบวนจะเกิดการแทรกสอดเสริมหรือหักล้าง |
|
5. สรุปไม่ได้เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าคลื่นขบวนแรกที่สะท้อนจากเสาจะมีลักษณะเป็น |
|
สันคลื่นหรือท้องคลื่น","3. ไม่ถูกต้องเพราะคลื่นทั้งสองขบวนจะเกิดการแทรกสอดหักล้างแล้วคลื่นจะเคลื่อนที่ |
|
ผ่านกันไป",FALSE,TRUE,TRUE |
|
2019,"32","ศึกษาเสียงที่เกิดจากแหล่งกำเนิดเสียงที่เป็นจุด มีกำลังเสียงคงตัวและสามารถปรับค่าความถี่ |
|
ของเสียงได้ทดลองวัดความดันอากาศที่เวลาต่างๆโดยจัดชุดการทดลองต่างกันได้ผลการวัด |
|
ความดันอากาศ ดังกราฟ |
|
|
|
ผลการวัดความดันอากาศครั้งที่2 เกิดจากการจัดชุดการทดลองอย่างไรเมื่อเปรียบเทียบกับครั้งที่ 1"," ความถี่ของเสียง ระยะห่างระหว่างเครื่องวัดกับแหล่งกำเนิดเสียง |
|
1. น้อยลง เท่าเดิม |
|
2. น้อยลง มากขึ้น |
|
3. เท่าเดิม น้อยลง |
|
4. เท่าเดิม มากขึ้น |
|
5. มากขึ้น น้อยลง",4. เท่าเดิม มากขึ้น,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2019,"33","ศึกษาเสียงที่เกิดจากแหล่งกำเนิดเสียงที่เป็นจุดมีกำลังเสียงคงตัวและสามารถปรับค่าความถี่ |
|
ของเสียงได้วางแหล่งกำเนิดเสียง2แหล่งที่มีกำลังเสียงเท่ากันไว้ใกล้ๆกัน |
|
แหล่งกำเนิดเสียง X ให้เสียงที่มีความถี่เท่ากับผลของการวัดความดันอากาศดังกราฟ |
|
แหล่งกำเนิดเสียง Y ให้เสียงที่มีความถี่เท่ากับ200เฮิรตซ์ |
|
|
|
แหล่งกำเนิดเสียง X ให้เสียงความถี่เท่าใด และถ้าเปิดแหล่งกำเนิดเสียง X และ Y พร้อมกัน |
|
คนหูปกติจะได้ยินเสียงเป็นอย่างไร ถ้ากำหนดให้คนหูปกติสามารถได้ยินการเกิดบิต เมื่อความถี่ |
|
บีตไม่เกิน7ครั้งต่อวินาที"," ความถี่ (Hz) ลักษณะของเสียง |
|
1. 0.003 เสียงดังอย่างต่อเนื่อง |
|
2. 0.003 เสียงดังสลับค่อย |
|
3. 207 เสียงดังอย่างต่อเนื่อง |
|
4. 250 เสียงดังสลับค่อย |
|
5. 250 เสียงดังอย่างต่อเนื่อง |
|
",5. 250 เสียงดังอย่างต่อเนื่อง,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2019,"34","ยิงรังสีของแสงให้เคลื่อนที่จากแก้วไปยังสุญญากาศพบว่าความยาวคลื่น (λ) 4 และอัตราเร็ว (v) |
|
มีการเปลี่ยนแปลงถ้าคลื่นเคลื่อนที่จากซ้ายไปขวาโดยมีสนามแม่เหล็กทิศทางตามแนวบน-ล่าง |
|
ของระนาบกระดาษดังภาพ |
|
|
|
ความยาวคลื่นในสุญญากาศ λ2 มีค่าเป็นเท่าใดและทิศทางของสนามไฟฟ้าเป็นอย่างไร"," λ2 (nm) ทิศทางของสนามไฟฟ้า |
|
1. 651 แนวพุ่งเข้า–พุ่งออกตั้งฉากกับระนาบกระดาษ |
|
2. 651 แนวบน–ล่าง |
|
3. 651 แนวซ้าย-ขวา |
|
4. 868 แนวพุ่งเข้า–พุ่งออกตั้งฉากกับระนาบกระดาษ |
|
5. 868 แนวบน-ล่าง","1. 651 แนวพุ่งเข้า–พุ่งออกตั้งฉากกับระนาบกระดาษ |
|
",FALSE,TRUE,TRUE |
|
2019,"35","พิจารณาปฏิกิริยานิวเคลียร์ต่อไปนี้ |
|
9 4 12 1 |
|
Be + He ------> C + X |
|
4 2 6 0 |
|
|
|
กำหนดให้ มวลรวมของนิวเคลียสก่อนเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์เท่ากับ 21.61×10^-27 กิโลกรัม |
|
มวลรวมของนิวเคลียสหลังเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ เท่ากับ 21.60×10^-27 กิโลกรัม |
|
อัตราเร็วของแสงในสุญญากาศเท่ากับ 3×10^8 เมตรต่อวินาที |
|
|
|
ข้อความใดกล่าวถูกต้อง"," 1 |
|
1. X มีมวลเป็นศูนย์ |
|
0 |
|
|
|
1 |
|
2. X มีประจุไฟฟ้าบวก |
|
0 |
|
|
|
3. ปฏิกิริยานิวเคลียร์นี้เป็นนิวเคลียร์ฟิชชัน |
|
4. พลังงานที่ได้จากปฏิกิริยานิวเคลียร์เท่ากับ 9×10^-13 จูล |
|
5. มวลรวมของนิวเคลียสหลังเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์มีค่าลดลง 0.01 กิโลกรัม",4. พลังงานที่ได้จากปฏิกิริยานิวเคลียร์เท่ากับ 9×10^-13 จูล,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2019,"36","เมื่อวันที่ 1 มกราคม2563พบสารกัมมันตรังสีชนิดหนึ่ง8000มิลลิกรัม |
|
ต่อมา วันที่ 5มกราคม2563มีสารกัมมันตรังสีชนิดนี้เหลืออยู่เพียง500มิลลิกรัม |
|
จากข้อมูลสารกัมมันตรังสีดังกล่าวมีค่าครึ่งชีวิตเท่าใดและวันที่7มกราคม2563 |
|
จะเหลือสารกัมมันตรังสีเท่าใด"," ครึ่งชีวิต(ชั่วโมง) สารกัมมันตรังสี |
|
ณ วันที่ 7 มกราคม 2563 (mg) |
|
1. 24 62.5 |
|
2. 24 125.0 |
|
3. 24 250.0 |
|
4. 30 125.0 |
|
5. 30 250.0",2. 24 125.0,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2019,"37","ขณะเกิดแผ่นดินไหวณศูนย์เกิดแผ่นดินไหว I และ II พร้อมกัน สถานีตรวจวัด |
|
คลื่นไหวสะเทือน A B C และ D ที่ตั้งอยู่ณตำแหน่งต่างๆบนผิวโลกตรวจจับเวลาที่ |
|
คลื่นปฐมภูมิและคลื่นทุติยภูมิเคลื่อนที่มาถึงสถานีตรวจวัดคลื่นไหวสะเทือนแต่ละแห่งได้ดังกราฟ |
|
กำหนดให้สถานีตรวจวัดคลื่นไหวสะเทือนทั้ง4แห่งตั้งเวลามาตรฐานของเครื่องวัด |
|
ความไหวสะเทือนตรงกัน |
|
|
|
จากกราฟข้อความใดต่อไปนี้ไม่ถูกต้อง Autorou","1. เมื่อเกิดแผ่นดินไหวที่ศูนย์เกิดแผ่นดินไหว II สถานีตรวจวัด C ตั้งอยู่ในบริเวณ |
|
เขตอับคลื่นปฐมภูมิ |
|
2. เมื่อวัดจากจุดศูนย์เกิดแผ่นดินไหว I ไปตามผิวโลกสถานีตรวจวัด B จะอยู่ระหว่าง |
|
มุม 140-180องศา |
|
3. เมื่อวัดจากจุดศูนย์เกิดแผ่นดินไหวไปตามผิวโลกระยะทางจากศูนย์เกิดแผ่นดินไหว II |
|
ถึงสถานีตรวจวัด B มากกว่าระยะทางจากศูนย์เกิดแผ่นดินไหว II ถึงสถานีตรวจวัด A |
|
4. เมื่อวัดจากจุดศูนย์เกิดแผ่นดินไหวไปตามผิวโลก ระยะทางจากศูนย์เกิดแผ่นดินไหว I |
|
ถึงสถานีตรวจวัด D มากกว่าระยะทางจากศูนย์เกิดแผ่นดินไหว II ถึงสถานีตรวจวัด D |
|
5. เมื่อวัดจากจุดศูนย์เกิดแผ่นดินไหวไปตามผิวโลก ระยะทางจากศูนย์เกิดแผ่นดินไหว I |
|
ถึงสถานีตรวจวัด C มากกว่าระยะทางจากศูนย์เกิดแผ่นดินไหว II ถึงสถานีตรวจวัด A","4. เมื่อวัดจากจุดศูนย์เกิดแผ่นดินไหวไปตามผิวโลก ระยะทางจากศูนย์เกิดแผ่นดินไหว I |
|
ถึงสถานีตรวจวัด D มากกว่าระยะทางจากศูนย์เกิดแผ่นดินไหว II ถึงสถานีตรวจวัด D",FALSE,TRUE,TRUE |
|
2019,"38","การศึกษาหลักฐานทางธรณีวิทยาที่พบในปัจจุบันของแผ่นธรณี ในพื้นที่ศึกษา6แผ่นได้แก่ A B |
|
C D E และ F พบว่า กลุ่มหินที่พบในแผ่นธรณีทั้งหกแผ่นเป็นกลุ่มหินประเภทเดียวกันและ |
|
มีอายุอยู่ในช่วง 500-146ล้านปีก่อน นอกจากนี้ยังพบหลักฐานจากซากดึกดำบรรพ์และ |
|
หลักฐาน จากภูมิอากาศโบราณดังตาราง |
|
|
|
จากหลักฐานข้างต้นนักธรณีวิทยาคนหนึ่งตั้งสมมติฐานว่าในอดีตแผ่นธรณี A เคยเป็นผืนแผ่นดิน |
|
ขนาดใหญ่เพียงแผ่นเดียวมาก่อนต่อมาเกิดการแตกเป็นแผ่นธรณีขนาดเล็กและเคลื่อนที่แยก |
|
ออกมาจากแผ่นธรณีขนาดใหญ่เดิมโดยแยกออกมาในช่วงเวลาต่างๆกันจำนวน5แผ่น ได้แก่ |
|
แผ่นธรณี B C D E และ F |
|
|
|
จากข้อมูลถ้าสมมติฐานดังกล่าวเป็นจริงแผ่นธรณีใดบ้างที่คาดว่าแตกและเคลื่อนที่แยกออกมา |
|
จากแผ่นธรณี A ในช่วง300-160ล้านปีที่ผ่านมา","1 แผ่นธรณี B และ C |
|
2 แผ่นธรณี B และ F |
|
3 แผ่นธรณี C และ D |
|
4 แผ่นธรณี D และ E |
|
5 แผ่นธรณี E และ F",3 แผ่นธรณี C และ D,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2019,"39","ภาพวาดแสดงหน้าตัดของชั้นหินและซากดึกดำบรรพ์ดัชนีที่พบในพื้นที่2บริเวณซึ่งอยู่ |
|
ใกล้เคียงกันเป็นดังนี้ |
|
|
|
จากข้อมูลข้อความใดต่อไปนี้ไม่ถูกต้อง","1. ชั้นหินปูน C มีอายุใกล้เคียงกับชั้นหินปูน F |
|
2. ชั้นหินทราย B มีอายุน้อยกว่าชั้นหินดินดาน G |
|
3. ในอดีตพื้นที่บริเวณที่ 1 และบริเวณที่ 2 ต่างเคยเป็นทะเลมาก่อน |
|
4. ซากดึกดำบรรพ์ของไทรโลไบต์ที่พบในชั้นหินบริเวณที่ 1 มีอายุใกล้เคียงกับที่พบในบริเวณที่2 |
|
5. ซากดึกดำบรรพ์ของฟิวซูลินิดที่พบในชั้นหินบริเวณ ที่ 2มีอายุเก่าแก่กว่าซากดึกดำบรรพ์ |
|
ของหอยสองฝาที่พบในชั้นหินบริเวณที่ 1",4. ซากดึกดำบรรพ์ของไทรโลไบต์ที่พบในชั้นหินบริเวณที่ 1 มีอายุใกล้เคียงกับที่พบในบริเวณที่2,FALSE,TRUE,TRUE |
|
2019,"40","ข้อมูลแสดงวิวัฒนาการของดาวฤกษ์3ดวงเป็นดังนี้ |
|
|
|
ดาวฤกษ์ วิวัฒนาการของดาวฤกษ์ |
|
A ดาวฤกษ์ →ดาวยักษ์แดง→ดาวแคระขาวและเนบิวลาดาวเคราะห์ |
|
B ดาวฤกษ์→ดาวยักษ์ใหญ่แดง →หลุมดำ และเนบิวลา |
|
C ดาวฤกษ์→ดาวยักษ์ใหญ่แดง → ดาวนิวตรอนและเนบิวลา |
|
|
|
จากข้อมูลมวลของดาวฤกษ์ก่อนเกิดในข้อใดต่อไปนี้สอดคล้องกับวิวัฒนาการของดาวฤกษ์ที่กำหนด","มวลของดาวฤกษ์ก่อนเกิดเทียบกับมวลดวงอาทิตย์ (เท่า) |
|
ดาวฤกษ์ A ดาวฤกษ์ B ดาวฤกษ์ C |
|
1. 12.6 2.5 4.00 |
|
2. 5.8 33.0 15.5 |
|
3. 14.3 17.0 8.5 |
|
4. 19.0 3.5 6.7 |
|
5. 1.4 22.5 4.2",2. 5.8 33.0 15.5,TRUE,TRUE,TRUE |
|
2019,"41","การสำรวจลักษณะทางพันธุกรรมที่ควบคุมด้วยยืนบนออโตโซมของครอบครัวหนึ่ง |
|
เป็นดังตาราง |
|
บุคคล ลักษณะทางพันธุกรรม |
|
ในครอบครัว การมีลักยิ้ม การห่อลิ้น หมู่เลือด |
|
พ่อ ไม่มี ได้ เอ |
|
แม่ มี ไม่ได้ บี |
|
ลูกคนที่ 1 มี ไม่ได้ บี |
|
ลูกคนที่2 ไม่มี ได้ เอ |
|
|
|
กำหนดให้ การมีลักยิ้ม เป็นลักษณะเด่นที่ควบคุมด้วยแอลลีล F |
|
การห่อลิ้นได้เป็นลักษณะเด่นที่ควบคุมด้วยแอลลีล D |
|
ข้อความต่อไปนี้กล่าวถึงลักษณะทางพันธุกรรมของครอบครัวนี้ถูกต้องใช่หรือไม่ |
|
ข้อความ ใช่ หรือไม่ใช่ |
|
|
|
การมีลักยิ้ม ของแม่มีจีโนไทป์เป็น FF และลูกคนที่ 1 มีจีโนไทป์เป็น Fr ใช่/ไม่ใช่",ใช่/ไม่ใช่,ไม่ใช่,TRUE,FALSE,TRUE |
|
2019,"41","การสำรวจลักษณะทางพันธุกรรมที่ควบคุมด้วยยืนบนออโตโซมของครอบครัวหนึ่ง |
|
เป็นดังตาราง |
|
บุคคล ลักษณะทางพันธุกรรม |
|
ในครอบครัว การมีลักยิ้ม การห่อลิ้น หมู่เลือด |
|
พ่อ ไม่มี ได้ เอ |
|
แม่ มี ไม่ได้ บี |
|
ลูกคนที่ 1 มี ไม่ได้ บี |
|
ลูกคนที่2 ไม่มี ได้ เอ |
|
|
|
กำหนดให้ การมีลักยิ้ม เป็นลักษณะเด่นที่ควบคุมด้วยแอลลีล F |
|
การห่อลิ้นได้เป็นลักษณะเด่นที่ควบคุมด้วยแอลลีล D |
|
ข้อความต่อไปนี้กล่าวถึงลักษณะทางพันธุกรรมของครอบครัวนี้ถูกต้องใช่หรือไม่ |
|
ข้อความ ใช่ หรือไม่ใช่ |
|
|
|
ลูกสาวและลูกชาย ของครอบครัวนี้มีโอกาสห่อลิ้นได้เท่ากันคือร้อยละ 50 ใช่/ไม่ใช่",ใช่/ไม่ใช่,ใช่,TRUE,FALSE,TRUE |
|
2019,"41","การสำรวจลักษณะทางพันธุกรรมที่ควบคุมด้วยยืนบนออโตโซมของครอบครัวหนึ่ง |
|
เป็นดังตาราง |
|
บุคคล ลักษณะทางพันธุกรรม |
|
ในครอบครัว การมีลักยิ้ม การห่อลิ้น หมู่เลือด |
|
พ่อ ไม่มี ได้ เอ |
|
แม่ มี ไม่ได้ บี |
|
ลูกคนที่ 1 มี ไม่ได้ บี |
|
ลูกคนที่2 ไม่มี ได้ เอ |
|
|
|
กำหนดให้ การมีลักยิ้ม เป็นลักษณะเด่นที่ควบคุมด้วยแอลลีล F |
|
การห่อลิ้นได้เป็นลักษณะเด่นที่ควบคุมด้วยแอลลีล D |
|
ข้อความต่อไปนี้กล่าวถึงลักษณะทางพันธุกรรมของครอบครัวนี้ถูกต้องใช่หรือไม่ |
|
ข้อความ ใช่ หรือไม่ใช่ |
|
|
|
ลูกคนที่3ของครอบครัวนี้จะมีหมู่เลือดเป็น เอบี หรือ โอ เท่านั้น ",ใช่/ไม่ใช่,ไม่ใช่,TRUE,FALSE,TRUE |
|
2019,"42","การทดลองเพื่อสนับสนุนปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดปฏิกิริยาเคมีระหว่างหินปูน (CaCO3) กับ |
|
สารละลายกรด X และ Y ที่อุณหภูมิ25°C แล้วบันทึกเวลาตั้งแต่เริ่มจนสิ้นสุดปฏิกิริยา |
|
ได้ผลการทดลองดังนี้ |
|
สารละลายกรด |
|
การทดลองที่ ชนิด ความเข้มข้น(ร้อยละโดยมวลต่อปริมาตร) ลักษณะหินปูน เวลา (s) |
|
1 X 0.5 ผงละเอียด T1 |
|
2 X 1.0 ก้อนกลม T2 |
|
3 Y 0.5 ผงละเอียด T3 |
|
4 Y 1.0 ก้อนกลม T4 |
|
กำหนดให้ ปริมาตรกรดและมวลของหินปูนเท่ากันทุกการทดลอง |
|
จากข้อมูล ข้อสรุปเกี่ยวกับอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีที่ทำการทดลองต่อไปนี้ถูกต้องใช่หรือไม่ |
|
|
|
อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีในการทดลองที่4 เร็วกว่าการทดลองที่3 |
|
",ใช่/ไม่ใช่,ไม่ใช่,TRUE,FALSE,TRUE |
|
2019,"42","การทดลองเพื่อสนับสนุนปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดปฏิกิริยาเคมีระหว่างหินปูน (CaCO3) กับ |
|
สารละลายกรด X และ Y ที่อุณหภูมิ25°C แล้วบันทึกเวลาตั้งแต่เริ่มจนสิ้นสุดปฏิกิริยา |
|
ได้ผลการทดลองดังนี้ |
|
สารละลายกรด |
|
การทดลองที่ ชนิด ความเข้มข้น(ร้อยละโดยมวลต่อปริมาตร) ลักษณะหินปูน เวลา (s) |
|
1 X 0.5 ผงละเอียด T1 |
|
2 X 1.0 ก้อนกลม T2 |
|
3 Y 0.5 ผงละเอียด T3 |
|
4 Y 1.0 ก้อนกลม T4 |
|
กำหนดให้ ปริมาตรกรดและมวลของหินปูนเท่ากันทุกการทดลอง |
|
จากข้อมูล ข้อสรุปเกี่ยวกับอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีที่ทำการทดลองต่อไปนี้ถูกต้องใช่หรือไม่ |
|
|
|
ถ้า T1 มากกว่า T2 แสดงว่าความเข้มข้นของสารละลายกรดมีผลต่อT อัตราการเกิดปฏิกิริยามากกว่าพื้นที่ผิว ใช่/ไม่ใช่",ใช่/ไม่ใช่,ใช่,TRUE,FALSE,TRUE |
|
2019,"42","การทดลองเพื่อสนับสนุนปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดปฏิกิริยาเคมีระหว่างหินปูน (CaCO3) กับ |
|
สารละลายกรด X และ Y ที่อุณหภูมิ25°C แล้วบันทึกเวลาตั้งแต่เริ่มจนสิ้นสุดปฏิกิริยา |
|
ได้ผลการทดลองดังนี้ |
|
สารละลายกรด |
|
การทดลองที่ ชนิด ความเข้มข้น(ร้อยละโดยมวลต่อปริมาตร) ลักษณะหินปูน เวลา (s) |
|
1 X 0.5 ผงละเอียด T1 |
|
2 X 1.0 ก้อนกลม T2 |
|
3 Y 0.5 ผงละเอียด T3 |
|
4 Y 1.0 ก้อนกลม T4 |
|
กำหนดให้ ปริมาตรกรดและมวลของหินปูนเท่ากันทุกการทดลอง |
|
จากข้อมูล ข้อสรุปเกี่ยวกับอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีที่ทำการทดลองต่อไปนี้ถูกต้องใช่หรือไม่ |
|
|
|
แมกนีเซียม เป็นเวลา 1นาที พบว่าสารละลายกรด X ทำปฏิกิริยากับโลหะ |
|
แมกนีเซียมจะมีฟองแก๊สเกิดขึ้นมากกว่าสารละลายกรด Y ดังนั้น T1 มากกว่า T3 ",ใช่/ไม่ใช่,ไม่ใช่,TRUE,FALSE,TRUE |
|
2019,"43","พิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างสนามโน้มถ่วงของโลกกับความสูงจากพื้นผิวโลกดังกราฟต่อไปนี้ |
|
|
|
ข้อความต่อไปนี้กล่าวถูกต้องตามหลักการของสนามโน้มถ่วงใช่หรือไม่ |
|
ข้อความ ใช่หรือไม่ใช่ |
|
|
|
แรงโน้มถ่วงของโลกที่กระทำ ต่อวัตถุที่มีมวล6กิโลกรัมซึ่งอยู่ที่ความสูง |
|
จากพื้นผิวโลก5,000กิโลเมตร มีค่าเป็นครึ่งหนึ่งของน้ำหนักของวัตถุนั้นที่ |
|
พื้นผิวโลก |
|
",ใช่/ไม่ใช่,ไม่ใช่,FALSE,FALSE,TRUE |
|
2019,"43","พิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างสนามโน้มถ่วงของโลกกับความสูงจากพื้นผิวโลกดังกราฟต่อไปนี้ |
|
|
|
ข้อความต่อไปนี้กล่าวถูกต้องตามหลักการของสนามโน้มถ่วงใช่หรือไม่ |
|
ข้อความ ใช่หรือไม่ใช่ |
|
|
|
ถ้าทดลองปล่อยวัตถุที่มีมวล 2กิโลกรัมให้ตกแบบเสรี แล้ววัตถุเริ่มต้น |
|
เคลื่อนที่ด้วยความเร่งโน้มถ่วง2.0เมตรต่อวินาที^2 แสดงว่า วัตถุถูกปล่อย |
|
จากความสูงจากพื้นผิวโลก7,500กิโลเมตร",ใช่/ไม่ใช่,ใช่,FALSE,FALSE,TRUE |
|
2019,"43","พิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างสนามโน้มถ่วงของโลกกับความสูงจากพื้นผิวโลกดังกราฟต่อไปนี้ |
|
|
|
ข้อความต่อไปนี้กล่าวถูกต้องตามหลักการของสนามโน้มถ่วงใช่หรือไม่ |
|
ข้อความ ใช่หรือไม่ใช่ |
|
|
|
ถ้านักบินอวกาศคนหนึ่งสามารถลอยตัวอยู่ในยานอวกาศที่กำลังโคจร |
|
รอบโลกที่ความสูงจากพื้นผิวโลก350กิโลเมตร แสดงว่า แรงโน้มถ่วงของ |
|
โลกที่กระทําต่อนักบินอวกาศคนดังกล่าวมีค่าเท่ากับศูนย์",ใช่/ไม่ใช่,ไม่ใช่,FALSE,FALSE,TRUE |
|
2019,"44","ทดลองส่งจรวดขนส่งยานอวกาศออกจากจากวงโคจรที่ระดับความสูงจากผิวโลก3ตำแหน่งดังนี้ |
|
ตำแหน่งส่งจรวด ความสูงจากผิวโลก(กิโลเมตร) |
|
A 0 (ที่ผิวโลก) |
|
B 200 |
|
C 400 |
|
|
|
จากข้อมูลข้อสรุปต่อไปนี้ถูกต้องใช่หรือไม่ |
|
|
|
จรวดที่ส่งจากตำแหน่ง A ต้องมีขนาดความเร็วหลุดพ้นมากกว่า |
|
จรวดที่ส่งจากตำแหน่ง B จึงจะขึ้นไปพ้นจากแรงโน้มถ่วงของโลกได้",ใช่/ไม่ใช่,ใช่,FALSE,FALSE,TRUE |
|
2019,"44","ทดลองส่งจรวดขนส่งยานอวกาศออกจากจากวงโคจรที่ระดับความสูงจากผิวโลก3ตำแหน่งดังนี้ |
|
ตำแหน่งส่งจรวด ความสูงจากผิวโลก(กิโลเมตร) |
|
A 0 (ที่ผิวโลก) |
|
B 200 |
|
C 400 |
|
|
|
จากข้อมูลข้อสรุปต่อไปนี้ถูกต้องใช่หรือไม่ |
|
|
|
ถ้าต้องการส่งจรวดให้โคจรรอบโลกที่ความสูงจากผิวโลก 10,000 |
|
กิโลเมตร ขนาดความเร็วในวงโคจรของจรวดที่ส่งจากตำแหน่ง C |
|
มีค่ามากกว่าขนาดความเร็วในวงโคจรของจรวดที่ส่งจากตำแหน่ง A",ใช่/ไม่ใช่,ไม่ใช่,FALSE,FALSE,TRUE |
|
2019,"44","ทดลองส่งจรวดขนส่งยานอวกาศออกจากจากวงโคจรที่ระดับความสูงจากผิวโลก3ตำแหน่งดังนี้ |
|
ตำแหน่งส่งจรวด ความสูงจากผิวโลก(กิโลเมตร) |
|
A 0 (ที่ผิวโลก) |
|
B 200 |
|
C 400 |
|
|
|
จากข้อมูลข้อสรุปต่อไปนี้ถูกต้องใช่หรือไม่ |
|
|
|
ถ้าส่งจรวดจากตำแหน่งทั้งสามด้วยขนาดความเร็วเท่ากับ ใช่ไม่ใช่ |
|
ขนาดความเร็วหลุดพ้นที่ตำแหน่ง C แล้ว จรวดที่ส่งจากตำแหน่งทั้งสาม |
|
จะขึ้นไปพ้นจากแรงโน้มถ่วงของโลกได้",ใช่/ไม่ใช่,ไม่ใช่,FALSE,FALSE,TRUE |
|
|