ID
stringlengths
9
13
Domain
stringclasses
4 values
Instruction
stringlengths
9
894
Input
stringlengths
19
125k
Output
stringlengths
11
31.6k
Tags
stringlengths
7
676
Task_type
stringclasses
7 values
License
stringclasses
2 values
Medical_23657
Medical
แสงแดดมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไรบ้าง?
แสงแดด-คุณหรือโทษ แสงแดด-คุณหรือโทษ ความเชื่อเรื่องแสงแดดมีประโยชน์ต่อสุขภาพของคนเป็นที่รู้กันมานานตั้งแต่สมัยโบราณก่อนคริสต์ศักราช 3000 ปี คือตั้งแต่กรีก อียิปต์ และเปอร์เชียนโบราณ ชนชาติบางเผ่า บูชาแสงแดดเป็นเทพ เจ้าแห่งสุขภาพ สมัยฮิปโปเครตีสมีการสร้างวิหารเสียงดนตรี วิหารยารักษาโรค และวิหารแสงแดด ซึ่งแสดงการยอมรับว่า 3 สิ่งนี้มีความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์มากที่สุด คนโรมันในสมัยต่อมาก็ได้สร้างโซลาเรียมหรืออัฒจรรย์แห่งแสงแดดเพื่อสุขภาพ การแพทย์ในต้นศตวรรษที่ 19 ได้นำเอาแสงแดดมารักษาโรคหลายชนิดโดยเฉพาะโรคผิวหนัง โดยใช้แสงแดดอย่างเดียว หรือโดยให้กินยาหรือทายาก่อนอาบแดด จากความรู้ดังกล่าวที่ถ่ายทอดต่อ ๆ กันมา ทำให้คนเชื่อในความสำคัญและเห็นประโยชน์ของแสงแดดต่อร่างกายโดยเฉพาะคนผิวขาว เนื่องจากดินฟ้าอากาศเป็นลักษณะมีแดดน้อย ในฤดูที่มีแดดออกก็จะพากันชื่นชมออกจากที่อยู่อาศัยมานั่งนอนตากแดดกันเป็นกิจวัตร ผู้ที่พอจะขวนขวายออกไปนอกประเทศได้ก็จะเลือกไปประเทศที่มีแดดตลอดปี เพื่อหาโอกาสไปนอนผึ่งแดด เช่น ตามชายฝั่งทะเลของประเทศในเขตร้อน ด้วยความเชื่อว่าทำให้สุขภาพดีและทำให้ผิวเป็นสีน้ำตาลเกรียมแดด ซึ่งจัดเป็นสีผิวที่สวยงามของคนผิวขาว แสงอาทิตย์มีประโยชน์มหาศาลต่อมวลมนุษย์ในด้านให้กำเนิดความร้อนและแสงสว่างในด้านแพทย์ ความร้อนจากแสงแดดมีประโยชน์ในการฆ่าเชื้อโรค ด้านประโยชน์ต่อสุขภาพของร่างกายเมื่อแสงแดดสัมผัสผิวจะเกิดปฏิกิริยาการสร้างวิตามินซึ่งเป็นประโยชน์ต่อกระดูก และความร้อนที่ได้จากแสงแดดสามารถกระตุ้นให้หลอดเลือดที่ผิวขยายตัวทำให้ระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น โรคผิวหนังหลายชนิดเมื่อถูกแดดแล้วอาการดีขึ้น ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาวิทยาการก้าวหน้าของวิชาผิวหนังมนุษย์เริ่มสังเกตเห็นอันตรายของแสงแดดที่มีผิวหนัง โดยมีฤทธิ์ทำให้เซลล์มีรูปร่างเปลี่ยนแปลงไปและมีการสลายตัวของเซลล์บางชนิด ส่วนอันตรายจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความแรงของแสง ระยะเวลาที่ถูกแสงและลักษณะของผิวแต่ละคน การเปลี่ยนแปลงของผิวแต่ละคน การเปลี่ยนแปลงของผิวเมื่อถูกแสงแดดมีตั้งแต่ผิวไหม้ ผิวตกกระ ผิวเหี่ยวย่นก่อนวัย ไปจนเกิดผลเสียร้ายแรงคือ เกิดมะเร็งผิวหนังได้ อาจมีผลต่อเซลล์ของเนื้อเยื่อตาทำให้ตาเป็นต้อเนื้อและต้อกระจก ช่วงแสงที่มีอันตรายต่อผิวหนังมากที่สุด ได้แก่ แสงอัลตร้าไวโอเลต ซึ่งพบมากในช่วงเวลาที่แดดจัด ได้แก่ ตอนเที่ยง แต่แสงอัลตร้าไวโอเลต กว่าจะผ่านมาถึงผิวโลกจะถูกกรองด้วยสภาวะหลายอย่างในธรรมชาติเช่น เมฆ หมอก ไอน้ำ ฝุ่นละออง และมลภาวะในอากาส เพราะฉะนั้น ปริมาณแสงอัลตราไสโอเลตในเมืองจึงมีน้อยกว่าบริเวณที่อากาศบริสุทธิ์และปลอดโปร่ง เช่น ตามชายทะเล หรือกลางทะเล จะเห็นว่าผิวเกิดไหม้แดดได้ง่ายเมื่อเราไปเที่ยวเรือหรือนอนเล่นตามชายหาด ภาวะที่ฤดูแดดจัดจนผิวไหม้ แสบร้อนและลอกในเวลาต่อมา จัดเป็นฤทธิ์เฉียบพลันเมื่อไม่มีการตากซ้ำอีกผิวที่ไหม้ก็จะค่อย ๆ หายไป แต่ถ้าถูกแดดเป็นประจำ เช่น ผู้ที่มีอาชีพทำงานกลางแจ้ง ผู้ที่ชอบนอน อาบแดดนาน ๆ เป็นประจำ ผู้ที่ชอบเล่นกีฬากลางแจ้ง ผิวที่ถูกแดดเป็นประจำจะค่อย ๆ เปลี่ยนจากเดิมเริ่มเกิดผิวสีคล้ำบริเวณนอกร่มผ้า เช่น เกิดรอยฝ้าที่หน้า ที่คอ ที่แขน ต่อมามีจุดดำสลับขาวที่เรารียกว่า ตกกระ นานเข้าผิวจะบางลง ความยืดหยุ่นของผิวเสียไป เป็นลักษณะของผิวเหี่ยวที่เห็นในคนแก่ ผิวคนแก่ก็คือการเปลี่ยนแปลงของผิวที่กรำแดดมานานกว่าเด็กและหนุ่มสาวนั่นเอง ผิวขาวจัดจะมีความทนทานต่อแดดน้อยกว่าคนผิวคล้ำเนื่องจากมีจำนวนเม็ดสีที่ผิวน้อย เม็ดสีมีคุณ สมบัติดูดซับแสงแดดทำให้อันตรายเกิดกับผิวน้อยลง คนขาวจึงควรระวังหลีกเลี่ยงการถูกแดดมากกว่าคนผิวคล้ำ คนขาวเกิดเป็นมะเร็งที่ผิวได้ง่ายกว่าคนผิวดำ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ คนเผือกซึ่งไม่มีเม็ดสีที่ผิว ถ้าถูกแดดบ่อย ๆ ผิวจะเกิดเป็นมะเร็งได้ง่าย นอกตากแดดทำให้เกิดผิวเยี่ยวย่นเหมือนผิวคนแก่ ยังทำให้เกิดอาการผิวอักเสบเนื่องจากร่างกายเกิดภูมิแพ้ อาจแพ้แดดโดยตรงหรือแพ้แดดหลังจากสัมผัสหรือกินยาบางชนิด ซึ่งเมื่อถูกแดดแสงแดดจะกระตุ้นทำให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ ถ้าอักเสบบวมแดง พุพอง อาจเป็นมากถึงขนาดมีน้ำเหลืองไหล ตัวอย่างเช่น ยาประเภทซัลฟา หรือเตตราซัยคลีนบางชนิดหรือยาขับปัสสาวะ หรือการใช้เครื่องสำอางบางชนิด เช่น น้ำหอมซึ่งมีส่วนผสมสารเคมีที่เมื่อถูกกับแสงแดดทำให้ผิวบริเวณที่ทาหรือแต้มเครื่องสำอางนั้นได้เกิดเป็นสีดำ ตัวอย่างเช่น เครื่องสำอางสมุนไพรที่มีสารประเภทโซราเรนผสมอยู่ สารโซราเรนพบได้ในพืชผักหลายชนิดถูกนำมาผสมในครีมนวดหน้า ครีมรองพื้น ซึ่งเมื่อถูกแดดจะทำให้เกิดหน้าดำหรือเป็นรอยฝ้าบริเวณที่ทา โรคผิวหนังหลายชนิดกำเริบเมื่อถูกแสงแดด เนื่องจากแดดกระตุ้นให้มีการเปลี่ยนแปลงในเซลล์ที่ผิวหนัง อันตรายที่ร้ายแรงที่สุดคือ มะเร็งผิวหนังบางชนิดเกิดจากการตากแดดมากเกินไป เมื่อเรามีความรู้มากขึ้นเกี่ยวกับพิษภัยของแสงแดด สิ่งที่ควรปฏิบัติตัวคือการหลีกเลี่ยงแดดจัด ๆ โดยเฉพาะเวลาเที่ยง สวมเสื้อแขนยาวปกปิดผิวไม่ให้ถูกแสงโดยตรงซึ่งเป็นการป้องกันที่ได้ผลดี สวมหมวก กางร่ม ใช้ครีมผสมตัวยากันแดดที่มีคุณภาพดี ควรทาก่อนตากแดดครึ่งชั่วโมงและต้องทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง สรุปว่า แสงแดดมิใช่สิ่งที่น่าพิสมัยตามที่เคยเชื่อกันแต่โบราณ ความก้าวหน้าทางวิชาการด้านนี้ชี้ให้เห็นถึงอันตรายที่พึงระวัง แต่ทั้งนี้มิได้หมายความว่าจะต้องหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาดจนกลายเป็นสิ่งน่ากลัวจนเกินไป เพียงแต่ให้เราได้ตระหนักถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงหรือป้องกันตามสมควร ไม่ต้องถึงขนาดต้องเปลี่ยนอาชีพการทำงานกลางแจ้งหรือหยุดเล่นกีฬาที่ชอบ หรืองดการพักผ่อนหย่อนใจด้วยการเดินชายทะเล หรือเล่นน้ำทะเลกลางแดดอ่อน ๆ นาน ๆ ครั้ง
1. กระตุ้นการสร้างวิตามินดี: เมื่อแสงแดดสัมผัสผิวหนัง จะเกิดปฏิกิริยาการสร้างวิตามินดี ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกพรุน 2. เพิ่มการไหลเวียนโลหิต: ความร้อนจากแสงแดดสามารถกระตุ้นให้หลอดเลือดที่ผิวขยายตัว ทำให้ระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม 3. ฆ่าเชื้อโรค: ความร้อนจากแสงแดดมีประโยชน์ในการฆ่าเชื้อโรค เช่น แบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา 4. รักษาโรคผิวหนัง: โรคผิวหนังหลายชนิด เช่น สิว ผื่นแพ้ แสงแดดอาจช่วยบรรเทาอาการและรักษาโรคได้ 5. ช่วยให้อารมณ์ดี: แสงแดดช่วยกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเซโรโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุข ช่วยให้อารมณ์ดี ลดความเครียด และนอนหลับได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม แสงแดดก็มีอันตรายต่อร่างกายหากได้รับมากเกินไป ดังนี้ 1. ผิวไหม้แดด: แสงแดดที่รุนแรงอาจทำให้ผิวไหม้แดด เกิดอาการแสบร้อน แดง บวม และลอก 2. รอยตกกระ: การถูกแสงแดดเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดรอยตกกระบนผิว 3. ริ้วรอยก่อนวัย: แสงแดดเป็นสาเหตุหลักของริ้วรอยก่อนวัย ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น เกิดรอยตีนกา และจุดด่างดำ 4. มะเร็งผิวหนัง: การถูกแสงแดดเป็นเวลานาน โดยเฉพาะแสงอัลตราไวโอเลต (UV) เป็นสาเหตุหลักของมะเร็งผิวหนัง ดังนั้น ควรป้องกันอันตรายจากแสงแดดโดย หลีกเลี่ยงการออกแดดจัด โดยเฉพาะช่วงเวลา 10.00 น. ถึง 16.00 น. สวมเสื้อผ้ามิดชิด หมวก กางร่ม และทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป ทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผัก ผลไม้ ตรวจสุขภาพผิวเป็นประจำ สรุป: แสงแดดมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ควรได้รับในปริมาณที่เหมาะสม ควรป้องกันอันตรายจากแสงแดดเพื่อสุขภาพที่ดี
อายุรศาสตร์ (อายุรศาสตร์) - Internal Medicine,ผิวหนัง Dermatology
Closed QA
cc-by-nc-4.0
Medical_14826
Medical
โรคผิวหนังอักเสบ (Neurodermatitis) คืออะไร
ซื้อเสื้อผ้ามือสอง ต้องระวังโรคติดเชื้อ ตอนที่ 1 ซื้อเสื้อผ้ามือสอง ต้องระวังโรคติดเชื้อ ตอนที่ 1 นายแพทย์สมพงษ์ จรุงจิตตานุสนธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ช่วงนี้สภาพอากาศเริ่ม เปลี่ยนแปลงหนาวเย็นลงอย่างต่อเนื่อง จึงเตือนประชาชนที่นิยมซื้อเสื้อและผ้าห่มกันหนาวมือสอง ที่กลุ่มพ่อค้าแม่ขายนำมา วางจำหน่ายตามตลาดนัด ซึ่งไปรับซื้อมาจากตลาดชายแดนไทย – กัมพูชา แต่เสื้อผ้าดังกล่าว ไม่ได้ผ่านขบวนการฆ่าเชื้อ หากนำไปสวมใส่อาจจะติดเชื้อโรคต่างๆ อาทิ โรคผิวหนังอักเสบ โรคหิด และโรคเชื้อราในผิวหนัง โรคผิวหนังอักเสบ Dermatitis เป็นคำที่ใช้เรียกลักษณะการอักเสบของผิวหนัง ลักษณะอาการที่เด่นชัดของ โรคผิวหนังอักเสบ คือ อาการคัน บวม แดง และเป็นรอยแผลของผิวหนัง โรคผิวหนังอักเสบมีหลายชนิด แต่ละชนิดก็มีสาเหตุ อาการ การรักษา และการป้องกัน ที่แตกต่างกันไป โรคผิวหนังแบบสัมผัส Contact dermatitis ซึ่งเกิดจากการสัมผัสกับสิ่งที่ทำให้ระคายเคือง อย่าง ผงซักฟอก สบู่ และผลิต- ภัณฑ์ทำความสะอาดอื่นๆ หรือกับสิ่งที่ทำให้เกิดอาการแพ้ อย่างยาง โลหะ อัญมณี น้ำหอม เครื่องสำอาง วัชพืช Neomycin และ Bacitracin ซึ่งเป็นส่วนประกอบในยาปฏิชีวนะชนิดทาเฉพาะที่ วิธีการหลักของการรักษาโรคผิวหนังชนิดนี้ คือ หาให้เจอว่า แพ้อะไร และเลี่ยงไม่ไปสัมผัสกับสิ่งนั้น ทางเลือกอื่น สำหรับการรักษาคือ ใช้ยาทาแบบครีมที่มีตัวยา Hydrocortisone หรือยาสเตียรอยด์ Steroid ตัวอื่นๆ ที่แรงกว่า หรือจะประคบ บริเวณที่เป็นด้วยความเย็นและเปียก โรคผิวหนังอักเสบ Neurodermatitis คือ โรคผิวหนังเรื้อรังที่เป็นที่บริเวณใดบริเวณหนึ่งของผิวหนัง มักเป็นบริเวณ ข้อเท้า ข้อมือ ต้นแขนด้านนอก และท้ายทอย เกิดเมื่อมีอะไรมาทำให้ผิวหนังระคายเคือง เมื่อผิวแห้ง หรือเป็นภูมิแพ้ ซึ่งทำให้ เกิดอาการคัน และทำให้เราเกา ผิวหนังบริเวณนั้นๆ ซ้ำกันจนเกิดอาการอักเสบ ดังนั้น การรักษาโรคผิวหนังชนิดนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่อทำให้คุณหยุดเกา เพื่อหลีกเลี่ยงอาการอักเสบที่มากขึ้นไปอีก วิธีการรักษาด้วยยาก็คล้ายกับโรคผิวหนังแบบสัมผัส คือ ใช้ยาทาแบบครีมที่มีตัวยา Hydrocortisone หรือยาสเตียรอยด์ตัว อื่นๆ ที่แรงกว่า นอกจากวิธีการรักษาด้วยยาแล้ว ยังมีวิธีการดูแลตัวเอง ที่สามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันที่บ้านได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการใช้โลชั่นแก้คันอย่างคาลาไมน์ Calamine ยาแบบที่มีสาร Hydrocortisone เป็นส่วน ประกอบอย่างน้อย 1 สามารถช่วยบรรเทาอาการคันได้ชั่วคราว ยากินที่มีสาร Antihistamine ก็ช่วยรักษาอาการแพ้ได้ อย่าง Diphenhydramine ก็ช่วยได้เมื่ออาการคันรุนแรงขึ้น การประคบบริเวณที่เป็นด้วยความเย็นและ เปียก และปิดรอยแผลด้วยผ้าพันแผล ก็จะช่วยปกป้องผิวหนัง และป้องกันไม่ให้ เกิดการเกาขึ้น การใส่ถุงมือหรือตัดเล็บให้สั้น ในกรณีที่อดใจไม่เกาไม่ได้ การอาบน้ำด้วยน้ำเย็นผสมผงฟู Baking soda การใส่เสื้อผ้าฝ้ายที่เนื้อเรียบลื่น ซึ่งจะไม่ไปเพิ่มการระคายเคืองให้แก่ผิว และการใช้ผงซักฟอกชนิดอ่อนในการซักเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว และผ้าปูเตียง โดยหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม แหล่งข้อมูล ปราง เทพินทราภิรักษ์
โรคผิวหนังอักเสบ (Neurodermatitis) คือ โรคผิวหนังเรื้อรังที่เป็นที่บริเวณใดบริเวณหนึ่งของผิวหนัง มักเป็นบริเวณ ข้อเท้า ข้อมือ ต้นแขนด้านนอก และท้ายทอย เกิดเมื่อมีอะไรมาทำให้ผิวหนังระคายเคือง เมื่อผิวแห้ง หรือเป็นภูมิแพ้ ซึ่งทำให้ เกิดอาการคัน และทำให้เราเกา ผิวหนังบริเวณนั้นๆ ซ้ำกันจนเกิดอาการอักเสบ
อายุรศาสตร์ (อายุรศาสตร์) - Internal Medicine,ผิวหนัง Dermatology
Closed QA
cc-by-nc-4.0
Medical_13964
Medical
"โรคถุงน้ำดี หรือ โรคของถุงน้ำดีGallbladder disease" การรักษาโรคถุงน้ำดีแบบการผ่าตัดถุงน้ำดีมีวิธีการอย่างไร
null
วิธีการผ่าตัดผ่านกล้อง: -แพทย์จะให้ยาสลบผู้ป่วย เจาะรูเล็กๆ บนหน้าท้องผู้ป่วย 3-4 รู สอดกล้องและเครื่องมือผ่าตัดผ่านรูเหล่านั้นเข้าไปในช่องท้อง แพทย์จะมองเห็นภาพภายในช่องท้องบนจอภาพ ผ่าตัดแยกถุงน้ำดีออกจากตับและท่อน้ำดี ดึงถุงน้ำดีออกมาจากช่องท้องผ่านรูบนหน้าท้อง ปิดแผลด้วยไหมเย็บ หรือคลิปผ่าตัด กรณีการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง: กรณีที่ผู้ป่วยมีข้อจำกัดในการผ่าตัดผ่านกล้อง เช่น มีโรคประจำตัวบางชนิด มีพังผืดในช่องท้อง หรือมีภาวะแทรกซ้อนจากโรคถุงน้ำดี แพทย์จะพิจารณาผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง โดยจะทำแผลผ่าตัดขนาดประมาณ 5-7 เซนติเมตรที่ใต้ชายโครงขวาบน จากนั้นจะแยกถุงน้ำดีออกจากตับและท่อน้ำดี ดึงถุงน้ำดีออกมาจากช่องท้อง และปิดแผลด้วยไหมเย็บ ผลข้างเคียงจากการผ่าตัดถุงน้ำดี: การผ่าตัดถุงน้ำดีโดยทั่วไปมีความปลอดภัย แต่ก็อาจเกิดผลข้างเคียงได้ เช่น การติดเชื้อที่แผลผ่าตัด เลือดออก ปัญหาเกี่ยวกับท่อน้ำดี และอาการท้องเสียเรื้อรัง การดูแลหลังการผ่าตัดถุงน้ำดี: หลังการผ่าตัดถุงน้ำดี ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เช่น ทานยาตามแพทย์สั่ง พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการยกของหนัก และรับประทานอาหารอ่อนๆ จนกว่าแผลจะหายดี
ศัลยศาสตร์ (ศัลยศาสตร์) - Surgery,วิสัญญีวิทยา (วิสัญญีวิทยา) - Anesthesiology
Open QA
cc-by-nc-4.0
Finance_40143
Finance
สรุปบทความเรื่อง เดอะแบก ให้หน่อย
หลายคนได้ยินคำนี้ก็คงงง ว่ามันคืออะไร จะอธิบายให้ฟังแบบง่ายๆได้ใจความก็คือ “เดอะแบก”คือ Sanwich Generation เป็นกลุ่มคนวัยทำงาน ที่อยู่ตรงกลางที่จะต้องดูแลกลุ่มคนด้านบน คือ พ่อแม่ และคนรุ่นถัดไป ที่ยังดูแลตัวเองไม่ได้ เช่น ลูก และภรรยา ที่เปรียบเหมือน sanwichที่อยู่ตรงกลางที่มีภาระต้องดูแลคนอย่างน้อย 2 generation หลายคนคงสงสัยว่าแล้วต้องทำอย่างไรสำหรับคนที่อยู่ตรงกลางระหว่าง2 กลุ่มนี้ คนที่อยู่ใน Generation นี้จะเป็นกลุ่มคนวัยทำงานที่ต้องมีภาระกิจในการทำงาน หาเงิน มาเลี้ยงตัวเอง และดูแลครอบครัว ดังนั้นคนกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่มีความเครียดสะสมสูงที่สุด คนกลุ่มนี้จะมีคำ2 ที่มีบททาทมากๆคือ Wealth &Health Wealth คือต้องหารายได้ และสร้างความมั่งคั่งที่จะเพียงพอที่จะดูแลทั้งตัวเอง ครอบครัว และคนที่เลี้ยงดูเรามาก่อน อีกทั้งยังต้องสะสมความมั่งคั่งให้กับตัวเองในอนาคต หรือในยามเกษียณให้กับตัวเองด้วย ไม่เช่นนั้น เราคงต้องส่งต่อความเป็น “เดอะแบก” ไปสู่รุ่นต่อรุ่นอีกแน่นอน การวางแผนทางการเงินจึงเป็นเรื่องสำคัญและมีบททาทมากที่จะทำอย่างไรที่จะจัดสรรเงินออมและต่อยอดให้เงินเติบโตเพื่อใช้ในยามเกษียณ แล้วที่สำคัญต้องเพียงพอที่จะใช้ในปัจจุบันด้วย นอกเหนือจากนี้แล้ว Health ก็เป็นอีกคำนึงที่ต้องคำนึงถึงเพราะเป็นคนที่ทำงานนอกจากความเครียดในที่ทำงานแล้วยังมีความเครียดเรื่องค่าใช้จ่ายอีก คนกลุ่มนี้จึงต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้มาก หากเกิดอะไรขึ้นอย่างไม่คาดฝันจะทำให้คนที่เรารักและอยู่ภายใต้การดูแลของเราต้องลำบากไปด้วย ดังนั้นคนวันทำงานอย่างเราต้องจัดสรรชีวิตให้ดี ดูแลเรื่องสุขภาพไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย พักผ่อน ให้เพียงพอเนื่องจากเราใช้ร่างกายอย่างหนักในการหารายได้ ก็ต้องดูแลทรัพยากรที่สำคัญที่สุดคือร่างกายและความสามารถในการหารายได้เราให้สมบูรณ์อยู่ตลอดเวลาด้วย
เดอะแบก เป็นกลุ่มคนวัยทำงาน ที่อยู่ตรงกลางที่จะต้องดูแลกลุ่มคนด้านบน คือ พ่อแม่ และคนรุ่นถัดไป ที่ยังดูแลตัวเองไม่ได้ เปรียบเหมือน sanwichที่อยู่ตรงกลางที่มีภาระต้องดูแลคน 2 generation คนใน Generation นี้ กลุ่มคนวัยทำงานมีภาระกิจในการทำงาน หาเงิน มาเลี้ยงตัวเอง และดูแลครอบครัว ดังนั้นคนกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่มีความเครียดสะสมสูงที่สุด คนกลุ่มนี้จะมีคำ2 ที่มีบททาทมากๆคือ Wealth &Health Wealth คือต้องหารายได้ และสร้างความมั่งคั่งที่จะเพียงพอที่จะดูแลทั้งตัวเอง ครอบครัว สะสมความมั่งคั่งให้กับตัวเองในอนาคต Health นอกจากความเครียดในที่ทำงานแล้วยังมีความเครียดเรื่องค่าใช้จ่ายอีก คนกลุ่มนี้จึงต้องดูแลสุขภาพให้มาก หากเกิดอะไรขึ้นอย่างไม่คาดฝันจะทำให้คนที่เรารักและอยู่ภายใต้การดูแลของเราต้องลำบากไปด้วย
ความรู้ทางการเงิน
Summarization
cc-by-nc-4.0
Medical_13304
Medical
ยาโพรสตาแกลนดิน อินฮิบิเตอร์ มีข้อห้ามใช้กับผู้ป่วยกลุ่มใดบ้าง? อธิบายกลไกการออกฤทธิ์ของยาที่ทำให้เกิดข้อห้ามเหล่านั้น
null
ผู้ที่แพ้ยานี้ หรือยาในกลุ่ม NSAIDs กลุ่มอื่นๆ: ยาโพรสตาแกลนดิน อินฮิบิเตอร์ ออกฤทธิ์โดยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไซโคลออกซิจิเนส (cyclooxygenase) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ร่างกายใช้สร้างสารโพรสตาแกลนดิน สารโพรสตาแกลนดินมีหน้าที่ต่างๆ มากมายในร่างกาย เช่น ควบคุมการอักเสบ ควบคุมการไหลเวียนของเลือด ควบคุมการบีบตัวของกล้ามเนื้อเรียบ เป็นต้น ผู้ที่แพ้ยานี้ หรือยาในกลุ่ม NSAIDs กลุ่มอื่นๆ อาจมีอาการแพ้รุนแรง เช่น หายใจลำบาก ลมพิษ บวมในใบหน้า สตรีตั้งครรภ์: ยาโพรสตาแกลนดิน อินฮิบิเตอร์ อาจส่งผลต่อทารกในครรภ์ เช่น ทารกคลอดก่อนกำหนด ทารกในครรภ์มีน้ำหนักน้อยกว่าปกติ ทารกมีหัวใจพิการ สตรีที่ให้นมบุตร: ยาโพรสตาแกลนดิน อินฮิบิเตอร์ อาจผ่านทางน้ำนมเข้าสู่ทารกได้ เด็ก: ยาโพรสตาแกลนดิน อินฮิบิเตอร์ อาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเด็ก ผู้ที่มีโรคลำไส้อักเสบ หรือมีแผลในกระเพาะอาหาร: ยาโพรสตาแกลนดิน อินฮิบิเตอร์ อาจกระตุ้นให้แผลในกระเพาะอาหารลุกลาม ผู้ที่มีภาวะโรคหัวใจล้มเหลวขั้นรุนแรง ผู้ป่วยที่มีอัมพาตโรคหลอดเลือดสมอง ผู้ป่วยโรคตับระยะรุนแรง: ยาโพรสตาแกลนดิน อินฮิบิเตอร์ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลว ความดันโลหิตสูง และปัญหาการทำงานของไต กลไกการออกฤทธิ์ของยาโพรสตาแกลนดิน อินฮิบิเตอร์ ที่ทำให้เกิดข้อห้ามเหล่านี้ คือ ยาโพรสตาแกลนดิน อินฮิบิเตอร์ ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไซโคลออกซิจิเนส (cyclooxygenase) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ร่างกายใช้สร้างสารโพรสตาแกลนดิน สารโพรสตาแกลนดินมีหน้าที่ต่างๆ มากมายในร่างกาย เช่น ควบคุมการอักเสบ: การยับยั้งการสร้างสารโพรสตาแกลนดิน อาจทำให้การอักเสบในร่างกายลดลง ควบคุมการไหลเวียนของเลือด: สารโพรสตาแกลนดินมีหน้าที่ขยายหลอดเลือด การยับยั้งการสร้างสารโพรสตาแกลนดิน อาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ควบคุมการบีบตัวของกล้ามเนื้อเรียบ: สารโพรสตาแกลนดินมีหน้าที่กระตุ้นการบีบตัวของกล้ามเนื้อเรียบในกระเพาะอาหาร การยับยั้งการสร้างสารโพรสตาแกลนดิน อาจทำให้แผลในกระเพาะอาหารลุกลาม ดังนั้น ยาโพรสตาแกลนดิน อินฮิบิเตอร์ จึงมีข้อห้ามใช้กับผู้ป่วยกลุ่มต่างๆ ที่มีความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงจากยา
เภสัชวิทยา Pharmacology
Open QA
cc-by-nc-4.0
Legal_5823
Legal
สรุปบทความเรื่อง กฎหมายที่เกี่ยวกับการกระทำละเมิด ให้หน่อย
คำว่า “ละเมิด” หลายคนคงเคยได้ยินคำนี้กันอยู่บ่อยๆ คำนี้ในทางกฎหมายซับซ้อนและครอบคลุมหลายกรณี หลายการกระทำ และหลายตัวละครแล้วแต่กรณี ในชีวิตประจำวัน หากไม่ได้เรียนกฎหมายมาด้วยแล้วยิ่ง งง งง และงง ไปกันใหญ่เลย.. กฎหมายน่ารู้ 80 : สำหรับวันนี้ขอนำเสนอความรู้กฎหมายที่เกี่ยวกับ “การกระทำละเมิด” ให้แฟนเพจที่ไม่ใช่นักกฎหมายได้เรียนรู้ในแบบที่เข้าใจง่าย ซึ่งเราพยายามสร้างสรรค์และสื่อสารให้คนทั่วไปได้เข้าใจง่ายที่สุด และสำหรับนักฎหมายที่ติดตามเพจเราอยู่ เรายินดีเป็นอย่างยิ่งถ้าท่านสามารถแนะนำหรือให้ความรู้เพิ่มเติมได้ใต้คอมเม้นนะครับ.. ความรู้เบื้องต้น “ละเมิด” คือ การทำของคนที่ทำให้เกิดความเสียหาย ต่อคนอื่น ที่อาจเป็นการทำของตนเอง การทำของคนอื่น หรือความเสียหายเกิดจากทรัพย์ที่อยู่ในความครอบครองดูแล ซึ่งคนได้รับความเสียหายจะได้รับการเยียวยา โดยการเรียกร้อง “ค่าสินไหมทดแทน” หรือเรียกร้องให้คนทำละเมิด “ปฏิบัติหรืองดเว้นการปฏิบัติ” เพื่อบรรเทาความเสียหาย/ป้องกัน/ให้เหตุระงับลงได้ การกระทำละเมิด ผู้กระทำไม่จำต้องกระทำด้วยตนเองเสมอไป อาจใช้คนหรือสัตว์ เป็นเครื่องมือในการทำละเมิด เช่น ยุสัตว์ที่ตนเลี้ยงไว้ให้ไปกัดผู้อื่น ถือว่าเป็นการกระทำละเมิดด้วยตนเอง นอกจากจะกระทำต่อผู้อื่นแล้ว บางครั้งผู้ทำละเมิดอาจอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไรเลย ก็เป็นการทำละเมิดได้ ถ้าตนมีหน้าที่ต้องทำ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น การกระทำใด ๆ ไม่ว่าตั้งใจหรือไม่ก็ตามเป็นการละเมิดได้ทั้งสิ้น เช่น เดินไปตลาดไปเหยียบข้าวของของผู้อื่น ทำให้เขาได้รับความเสียหาย แม้ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดความเสียหายก็ตามก็เป็นละเมิด ดังนั้น เมื่อได้รู้ถึงการกระทำที่เป็นละเมิดและผลของการกระทำละเมิดแล้ว จึงควรหลีกเลี่ยงหรือพึงระมัดระวัง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือทรัพย์สินของผู้อื่น อีกทั้งยังต้องเสียเงินเพื่อชดใช้ค่าสินไหมทดแทน หรืออาจต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ทำให้เสียทั้งเวลาและทรัพย์สิน
การกระทำการละเมิด คือ การทำให้เกิดความเสียหายต่อคนอื่น ซึ่งคนได้รับความเสียหายจะได้รับการเยียวยา โดยเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน หรือเรียกร้องให้ปฏิบัติหรืองดเว้นการปฏิบัติ เพื่อป้องกัน บรรเทาความเสียหายและระงับเหตุ การกระทำละเมิด อาจเกิดการการกระทำของตนเอง คนอื่นหรือสัตว์ก็ได้ การกระทำใด ๆ ไม่ว่าตั้งใจหรือไม่ก็ตามถือเป็นการละเมิดได้ทั้งสิ้น
ความรู้พื้นฐานกฏหมาย,ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์,กฎหมายละเมิด
Summarization
cc-by-nc-4.0
Medical_11163
Medical
ฮิปโปแคมพัส ทำหน้าที่หลักในด้านใด
null
ฮิปโปแคมพัส เป็นส่วนหนึ่งของสมองที่สำคัญมาก เพราะเป็นสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบความจำ และพฤติกรรมต่างๆ ฮิปโปแคมพัส อยู่ที่สมองส่วนหน้า (Forebrain) ส่วนที่เรียกว่ากลีบขมับ (Temporal lobe) รูปร่างคล้ายกับเขาแกะหรือม้าน้ำ (คำว่า Hippocampus เป็นภาษากรีก มาจากคำว่า Hippos แปลว่า ม้า กับ Kampos แปลว่า ปิศาจทะเล) ฮิปโปแคมพัส ทำหน้าที่หลักในด้านความจำ เป็นส่วนหนึ่งของวงจรด้านความจำ โดยเฉพาะความจำในระยะยาว หน้าที่อื่นๆ เช่น การมีพฤติกรรมต่างๆ, การบอกทิศทาง เมื่อมีความผิดปกติของฮิปโปแคมพัส ผู้ป่วยจะมีปัญหาด้านความจำ มีพฤติกรรมผิดปกติ มีความผิดปกติด้านการรับรู้ทิศทาง และเป็นจุดกำเนิดของการชักได้ด้วย โรค/ภาวะผิดปกติที่พบบ่อยที่เกิดกับสมองส่วนนี้ เช่น โรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์, โรคลมชักชนิดพฤติกรรมผิดปกติ และการชักแบบเฉพาะที่ชนิดรักษายาก, ภาวะสมองขาดออกซิเจน และสมองอักเสบจากเชื้อไวรัส (ไวรัสสมองอักเสบ) การดูแล ฮิปโปแคมพัส คือ ต้องฝึกสมอง/ออกกำลังสมอง ทำแบบฝึกหัดด้านส่งเสริมความจำเสมอ ป้องกันภาวะสมองเสื่อม ดูแลไม่ให้เกิดโรคสมอง ฉีดวัคซีนป้องกันโรคสมองอัก เสบติดเชื้อตามคำแนะนำของแพทย์/กระทรวงสาธารณสุข และตอนเป็นเด็กต้องพยายามไม่ให้เกิดไข้สูงแล้วชัก (ไข้ชักในเด็ก) โดยต้องรีบเช็ดตัวลดไข้และให้ยาลดไข้เมื่อเด็กมีไข้สูง
Anatomy
Open QA
cc-by-nc-4.0
Medical_11913
Medical
ช่วยสรุปเรื่อง "ยาไวโนเรลบีน" ให้หน่อยค่ะ
ยาไวโนเรลบีน Vinorelbine หรือ Vinorelbin หรือ Vinorelbine tartrate ย่อว่า NVBเป็นยาเคมีบำบัดสำหรับใช้รักษาโรคมะเร็งบางชนิด นักวิทยาศาสตร์ได้สังเคราะห์ยาไวโนเรลบีนจากสารอัลคาลอยด์Alkaloidในพืชตระกูลแพงพวยฝรั่ง Catharanthus roseus เมื่อช่วงปี ค.ศ.1989 พ.ศ.2532ที่ประเทศฝรั่งเศสได้ประกาศรับรองให้ไวโนเรลบีนเป็นยาสำหรับรักษามะเร็งปอดชนิดเซลล์ตัวโต Non small cell lung cancer และอีก2ปีถัดมาทางคณะกรรมการอาหารและยาในต่างประเทศก็อนุมัติให้ใช้ไวโนเรลบีนรักษามะเร็งเต้านมในระยะแพร่ กระจาย รูปแบบเภสัชภัณฑ์ของตัวยาไวโนเรลบีนมีทั้งแบบรับประทานและยาฉีด สูตรตำรับแบบรับประทานมีประสิทธิภาพในการรักษาคล้ายกับแบบยาฉีด แพทย์อาจใช้ยารับประทานเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบผลข้างเคียงจากการฉีดยาผ่านหลอดเลือดดำ อีกทั้งง่ายและสะดวกต่อผู้ป่วย ยาไวโนเรลบีนสามารถถูกดูดซึมผ่านระบบทางเดินอาหารเพียงประมาณ 40 ตัวยาในกระแสเลือดจะถูกทำลายโดยตับ และถูกขับทิ้งไปกับอุจจาระเสียเป็นส่วนมาก ยาชนิดนี้สามารถสร้างผลข้างเคียงได้หลายประการกับผู้ป่วย เช่น ทำให้เม็ดเลือดขาวชนิดแกรนูโลไซต์ลดน้อยลง Granulocytopeniaจนเสี่ยงต่อการติดเชื้อของร่างกายได้มากยิ่งขึ้น ดังนั้นก่อนใช้ยาไวโนเรลบีน แพทย์จำเป็นต้องขอตรวจเลือดCBC หากพบว่าปริมาณเม็ดเลือดขาวแกรนูโลไซต์มีระดับ 1000 เซลล์ลูกบาศก์มิลลิเมตรขึ้นไป จึงสามารถใช้ยาชนิดนี้ได้ นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยบางกลุ่มที่ไม่สามารถใช้ยาไวโนเรลบีนได้เลย เช่น ผู้ที่มีประวัติแพ้ยา หรือแพ้ส่วนประกอบของยานี้ยาชนิดนี้ ผู้ที่อยู่ในภาวะติดเชื้ออย่างรุนแรงภายใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ที่มีระดับเกล็ดเลือดต่ำ ผู้ป่วยโรคตับในระยะรุนแรง ห้ามใช้ยานี้ร่วมกับการทำรังสีรักษา ที่จะเป็นผลให้การฉายรังสีผ่านไปถึงตับ ห้ามใช้กับสตรีมีครรภ์ และสตรีในภาวะให้นมบุตร ด้วยตัวยาสามารถก่อพิษผลข้างเคียงรุนแรงต่อ ทารกได้ แพทย์อาจใช้ยาไวโนเรลบีนในลักษณะแบบยาเดี่ยวเพื่อรักษามะเร็ง หรืออาจใช้ร่วมกับยาCisplatin โดยพิจารณาจากความเหมาะสมและที่เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ป่วย ซึ่งโดยทั่วไป หลังจากได้รับยานี้ไปแล้ว 7–10 วัน แพทย์จะเริ่มตรวจความสมบูรณ์ของเลือดCBCซึ่งมักพบว่าเม็ดเลือดขาวชนิดแกรนูโลไซต์และเม็ดเลือดแดงอาจลดต่ำลงชั่วคราว แต่เม็ดเลือดดังกล่าวจะค่อยๆเพิ่มปริมาณมากขึ้นหลังการใช้ยาไปแล้วประมาณ 14–21 วัน ระหว่างได้รับยาไวโนเรลบีน ผู้ป่วยอาจมีอาการข้างเคียงผลข้างเคียงที่พบเห็นได้บ่อย อาทิ คลื่นไส้อาเจียน กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือมีอาการท้องผูก ซึ่งแพทย์อาจสั่งจ่ายยาให้ผู้ป่วยเพื่อบรรเทาผลข้างเคียงดังกล่าว และห้ามมิให้ผู้ป่วยไปซื้อหายาใดๆมารับประทานเองเพื่อบรรเทาอาการดังกล่าวโดยเด็ดขาด เราสามารถพบเห็นการใช้ยาไวโนเรลบีนในประเทศไทย และมีให้เลือกใช้ ทั้งชนิดฉีดและรับประทาน คณะกรรมการอาหารและยาได้กำหนดให้ยาไวโนเรลบีนเป็น ยาควบคุมพิเศษที่อันตราย และมีใช้แต่ในสถานพยาบาลที่รักษาโรคมะเร็งเท่านั้น ไวโนเรลบีนมีสรรพคุณคุณสมบัติอย่างไร ยาไวโนเรลบีนมีสรรพคุณข้อบ่งใช้ เช่น รักษามะเร็งปอดชนิดเซลล์ตัวโต Non small cell lung cancer รักษามะเร็งเต้านม บางสถานพยาบาลอาจใช้ยานี้เพื่อรักษา มะเร็งรังไข่ มะเร็งปากมดลูก โดยขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ ไวโนเรลบีนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร ยาไวโนเรลบีนเป็นยากึ่งสังเคราะห์ที่เป็นอนุพันธ์ของยาVinblastine ตัวยาจะเข้ายับยั้งกระบวนการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งในระยะที่เรียกว่าเมตะเฟสMetaphase ส่งผลให้เซลล์มะเร็งหยุดการขยายตัวและตายลงในที่สุด
ยาไวโนเรลบีน เป็นยาเคมีบำบัดสำหรับรักษาโรคมะเร็งบางชนิด นักวิทยาศาสตร์ได้สังเคราะห์จากสารอัลคาลอยด์ ในปี ค.ศ.1989 ประเทศฝรั่งเศสได้ประกาศรับรองให้เป็นยาสำหรับรักษามะเร็งปอดชนิดเซลล์ตัวโต และอีก 2 ปีถัดมาคณะกรรมการอาหารและยาในต่างประเทศก็อนุมัติให้ใช้รักษามะเร็งเต้านมในระยะแพร่กระจาย ยาไวโนเรลบีนมีทั้งแบบรับประทานและยาฉีด สามารถสร้างผลข้างเคียง เช่น เม็ดเลือดขาวแกรนูโลไซต์ลดน้อยลง เสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น มีผู้ป่วยบางกลุ่มที่ไม่สามารถใช้ได้ เช่น ผู้ที่มีประวัติแพ้ยา ผู้ที่อยู่ในภาวะติดเชื้ออย่างรุนแรงภายใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ที่มีระดับเกล็ดเลือดต่ำ ผู้ป่วยโรคตับระยะรุนแรง สตรีมีครรภ์ และสตรีในภาวะให้นมบุตร ระหว่างได้รับยาไวโนเรลบีนจะมี ผลข้างเคียง อาทิ คลื่นไส้อาเจียน กล้ามเนื้ออ่อนแรง มีอาการท้องผูก คณะกรรมการอาหารและยากำหนดให้ยาไวโนเรลบีนเป็นยาควบคุมพิเศษที่อันตราย และใช้แต่ในสถานพยาบาลที่รักษาโรคมะเร็งเท่านั้น มีสรรพคุณ รักษามะเร็งปอดชนิดเซลล์ตัวโต รักษามะเร็งเต้านม บางสถานพยาบาลอาจใช้ยานี้รักษามะเร็งรังไข่ มะเร็งปากมดลูก โดยขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์
เภสัชวิทยา Pharmacology,อายุรศาสตร์ (อายุรศาสตร์) - Internal Medicine
Summarization
cc-by-nc-4.0
Medical_26344
Medical
เด็กทารกที่กินนมผสมมีโอกาสเป็นโรคอ้วนมากกว่าเด็กทารกที่กินนมแม่หรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล: งานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่า เด็กทารกที่กินนมผสมมีโอกาสเป็นโรคอ้วนมากกว่าเด็กทารกที่กินนมแม่ ประมาณ 15-20% สาเหตุหลักๆ มาจาก: องค์ประกอบของนมผสม: นมผสมมีโปรตีนและแคเซอีนมากกว่านมแม่ ซึ่งกระตุ้นให้ร่างกายเด็กผลิตฮอร์โมนอินซูลินมากขึ้น ส่งผลให้น้ำตาลในเลือดลดลง และกระตุ้นความหิว ปริมาณการกิน: เด็กทารกที่กินนมผสมมักกินมากกว่าเด็กทารกที่กินนมแม่ เพราะนมผสมย่อยยากกว่า ทำให้เด็กอิ่มช้า การเลี้ยงดู: แม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม มักจะรอให้ลูกดูดนมตามต้องการ ไม่บังคับให้กินจนหมดขวด ต่างจากแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมผสม ข้อมูลอื่นๆ: นมแม่มีสารอาหารครบถ้วน เหมาะกับทารกแรกเกิด นมแม่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคต่างๆ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ช่วยสร้างสายใยระหว่างแม่และลูก สรุป: เด็กทารกที่กินนมผสมมีโอกาสเป็นโรคอ้วนมากกว่าเด็กทารกที่กินนมแม่ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับทารกแรกเกิดการป้องกันโรคอ้วนในเด็กเป็นสิ่งสำคัญ เพราะโรคอ้วนเป็นสาเหตุของโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และการส่งเสริมให้เด็กกินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคอ้วนในเด็ก
กุมารเวชศาสตร์ (กุมารเวชศาสตร์) - Pediatrics,โภชนวิทยา
Classification
cc-by-nc-4.0
Medical_18639
Medical
การตรวจสุขภาพดีอย่างไรบ้าง
ตรวจสุขภาพประจำปี ตรวจสุขภาพประจำปี การตรวจสุขภาพประจำปีนั้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างมากในการป้องกันโรคและการส่งเสริมสุขภาพ จึงเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ทางหน่วยงานต่างๆ กำหนดให้สมาชิกในหน่วยงานต้องตรวจสุขภาพประจำปี แต่ก็พบว่ามีคนมาตรวจไม่ครบถ้วน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกมาก คนที่ไม่มีสิทธิ์ก็อยากตรวจแต่ไม่ได้ตรวจ คนที่มีสิทธิ์ตรวจแต่กลับไม่ตรวจ ลองมาดูครับว่าการตรวจสุขภาพนั้นดีอย่างไร 1. ทำให้รู้ว่าตนเองเป็นโรคความดันโลหิตสูงหรือไม่ เป็นเบาหวาน ไขมันสูง ตับอักเสบ มะเร็งเต้านม โรคปอด โรคหัวใจและโรคอื่นๆ หรือไม่ เพราะถ้าไม่ตรวจก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามีโรคต่างๆ ซ่อนอยู่หรือไม่ น่ากลัวนะครับโรคต่างๆ มันซ่อนตัวเงียบ ไม่ตรวจก็ไม่รู้น่ะ 2. ติดตามปัญหาสุขภาพว่าโรคที่เป็นอยู่นั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เช่น ภาวะความดันโลหิตสูงแบบไม่มาก ไม่ได้รับยาประจำ ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะแบบไม่รุนแรง ภาวะพาหะของเชื้อตับอักเสบ ไขมันเกาะตับ และอื่นๆ 3. ทำให้ได้พบแพทย์ ปรึกษาปัญหาสุขภาพได้ เพื่อการดูแลสุขภาพ 4. ถ้าตรวจพบภาวะหรือโรคต่างๆในระยะเริ่มแรกก็สามารถให้การรักษาได้อย่างรวดเร็ว ความรุนแรงก็น้อย โอกาสหายก็สูง 5. ตรวจสุขภาพโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือเสียค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย เป็นผลดีต่อสุขภาพ การตรวจสุขภาพนั้นอย่างน้อยควรตรวจทุก 2 ปี แต่ถ้าให้ดีก็ตรวจสุขภาพทุกปี การตรวจเพื่อรู้โรคให้รวดเร็ว ป้องกันไว้ก่อน รู้ก่อน ดีกว่าให้โรคเป็นรุนแรงแล้วรักษาไม่ทันนะครับ
การตรวจสุขภาพดีอย่างไร 1. ทำให้รู้ว่าตนเองเป็นโรคความดันโลหิตสูงหรือไม่ เป็นเบาหวาน ไขมันสูง ตับอักเสบ มะเร็งเต้านม โรคปอด โรคหัวใจและโรคอื่นๆ หรือไม่ เพราะถ้าไม่ตรวจก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามีโรคต่างๆ ซ่อนอยู่หรือไม่ โรคต่างๆ ซ่อนตัวเงียบ ไม่ตรวจก็ไม่รู้ 2. ติดตามปัญหาสุขภาพว่าโรคที่เป็นอยู่นั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เช่น ภาวะความดันโลหิตสูงแบบไม่มาก ไม่ได้รับยาประจำ ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะแบบไม่รุนแรง ภาวะพาหะของเชื้อตับอักเสบ ไขมันเกาะตับ และอื่นๆ 3. ทำให้ได้พบแพทย์ ปรึกษาปัญหาสุขภาพได้ เพื่อการดูแลสุขภาพ 4. ถ้าตรวจพบภาวะหรือโรคต่างๆในระยะเริ่มแรกก็สามารถให้การรักษาได้อย่างรวดเร็ว ความรุนแรงก็น้อย โอกาสหายก็สูง 5. ตรวจสุขภาพโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือเสียค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย เป็นผลดีต่อสุขภาพ
อายุรศาสตร์ (อายุรศาสตร์) - Internal Medicine
Closed QA
cc-by-nc-4.0
Medical_20736
Medical
การดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและครีมเป็นประจำ ส่งผลต่อสุขภาพในด้านน้ำหนักตัว ความอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด และฟันผุหรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล: 1. น้ำหนักตัวและความอ้วน: เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและครีมมีแคลอรี่สูง เมื่อดื่มเป็นประจำ ร่างกายจะได้รับพลังงานส่วนเกินที่ไม่สามารถเผาผลาญได้ พลังงานเหล่านี้จะถูกเก็บสะสมเป็นไขมันตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทำให้เกิดปัญหาความอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน 2. โรคเบาหวาน: การดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเป็นประจำ ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง กระตุ้นให้ร่างกายดื้อต่ออินซูลิน เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 3. โรคหัวใจและหลอดเลือด: น้ำตาลและไขมันในเครื่องดื่ม ส่งผลต่อระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือด เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ 4. ฟันผุ: น้ำตาลในเครื่องดื่มเป็นอาหารของแบคทีเรียในช่องปาก ส่งผลต่อการเกิดคราบพลัคบนฟัน leading to tooth decay. งานวิจัย: มีงานวิจัยหลายชิ้นที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างการดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและครีมกับความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด และฟันผุ ตัวอย่างงานวิจัย: - งานวิจัย: การดื่มน้ำอัดลมที่มีน้ำตาล 1 กระป๋องต่อวัน เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอ้วน 1.6 เท่า - งานวิจัย: การดื่มน้ำผลไม้ที่มีน้ำตาล 1 แก้วต่อวัน เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานชนิดที่ 2 18% - งานวิจัย: การดื่มชาเย็นที่มีน้ำตาลและครีม 1 แก้ว เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด 12% คำแนะนำ: เพื่อลดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพ ควรจำกัดการดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและครีม เลือกดื่มน้ำเปล่า ชา กาแฟ ไม่ใส่น้ำตาล ครีม หรือเลือกเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลน้อย ควบคุมอาหาร ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ สรุป: การดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและครีมเป็นประจำ ส่งผลต่อสุขภาพในด้านน้ำหนักตัว ความอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด และฟันผุ ควรจำกัดการดื่มและเลือกเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพแทน
อายุรศาสตร์ (อายุรศาสตร์) - Internal Medicine,โภชนวิทยา
Classification
cc-by-nc-4.0
Legal_5632
Legal
อากรแสตมป์คืออะไร
null
คือการจัดเก็บภาษีประเภทหนึ่งตามประมวลรัษฎากร ที่อยู่ในรูปแบบของ “แสตมป์” ใช้สำหรับปิดบนเอกสารราชการและหนังสือสัญญาต่าง ๆ โดยมีกรมสรรพากรเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการจัดเก็บ ปัจจุบันอากรแสตมป์มี QR Code แล้ว ซึ่งจะระบุปีที่ออก หมายความว่า ต้องติดอาการแสตมป์ที่เอกสารและสัญญาในทันทีไม่สามารถติดย้อนหลังได้ - ตราสารที่ต้องใช้อากรแสตมป์ ตราสาร คือ เอกสารที่ต้องเสียอากรแสตมป์ ปัจจุบันมีทั้งหมด 28 ลักษณะ ตราสาร เช่น สัญญาเช่าที่ดินโรงเรือน สัญญากู้ยืมเงิน สัญญาค้ำประกันสัญญาจ้างทำของ สัญญาเช่าซื้อทรัพย์สิน ใบมอบอำนาจหรือหนังสือสัญญาห้างหุ้นส่วน เป็นต้น ภาระภาษี จะเกิดขึ้นเมื่อกระทำตราสารหรือสัญญานั้นเสร็จสมบูรณ์ คือ การลงลายมือชื่อคู่สัญญา ผู้มีหน้าที่เสียอากรแสตมป์ บุคคลตามที่ระบุไว้ในบัญชีอัตราอากรแสตมป์ เช่น ผู้ให้เช่าผู้โอน ผู้ให้กู้ ผู้รับประกันภัย ฯลฯ ต้องเสียอากรแสตมป์ภายใน 15 วัน หลังจากกระทำตราสารเสร็จสมบูรณ์ ผู้ที่มีหน้าที่เสียอากรแสตมป์ คือ คู่สัญญาฝ่ายที่ได้รับค่าตอบแทน “สัญญาเช่าที่ดิน ผู้ให้เช่า เป็นผู้เสียอากร” “สัญญากู้ยืมเงิน ผู้ให้กู้ เป็นผู้เสียอากร” - ตราสารที่ได้รับการยกเว้น เช่น • ธนาคารแห่งประเทศไทย • ธนาคารอาคารสงเคราะห์ • ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร • ผู้ประกอบการขนส่งเฉพาะการรับเงินที่เป็นค่ารับขนส่งคนโดยสาร • การเคหะแห่งชาติ • บริษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย • องค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน • บริษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน • สถาบันพัฒนาองค์การชุมชน (องค์การมหาชน) • สถาบันคุ้มครองเงินฝากตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝาก
กฎหมายภาษี
Open QA
cc-by-nc-4.0
Medical_12797
Medical
จงสรุปบทความเรื่อง "โซเดียมฟอสเฟต" ให้หน่อยค่ะ
โซเดียมฟอสเฟต Sodium phosphate โซเดียมฟอสเฟตมีสรรพคุณ คุณสมบัติ อย่างไร โซเดียมฟอสเฟตมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร โซเดียมฟอสเฟตมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร โซเดียมฟอสเฟตมีขนาดรับประทานการบริหารยาอย่างไร เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร โซเดียมฟอสเฟตมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร มีข้อควรระวังการใช้โซเดียมฟอสเฟตอย่างไร โซเดียมฟอสเฟตมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร ควรเก็บรักษาโซเดียมฟอสเฟตอย่างไร โซเดียมฟอสเฟตมีชื่ออื่นอีกไหม ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง ยารักษาโรค Pharmaceutical drug ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด โซเดียมไบฟอสเฟต Sodium biphosphate โซเดียม ฟอสเฟต Sodium phosphate oral suspension หรือ สวิฟฟ์ Swiff ไตวาย ไตล้มเหลว Renal failure ภาวะขาดน้ำ Dehydration ยาแก้ท้องผูก Anticonstipation ยาโซเดียมฟอสเฟต Sodium phosphate สูตรเคมี คือ Na3PO4 และยาโซเดียมไบฟอสเฟต Sodium biphosphate สูตรเคมีคือ NaH2PO4 จัดเป็นสารประกอบประเภทเกลือที่เรียกว่า เกลือไอออนิก Ionic salt ซึ่งเกลือทั้ง 2 ตัวยานี้จะมีความแตกต่างกันเล็กน้อยในด้านของสูตรเคมีคือ สำหรับยาโซเดียมไบฟอสเฟตในสูตรโมเลกุลมักจะมีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่ด้วยอย่าง เช่น NaH2PO4.H2O หรือ NaH2PO4.2H2O กรณีที่สูตรตำรับยาที่มีเกลือทั้ง 2 ชนิดนี้เป็นองค์ประกอบหลัก มักจะถูกเตรียมเป็นยาระบาย ซึ่งมีทั้งชนิดรับประทานและชนิดสวนทวาร ดังที่กล่าวไว้ในบทความก่อนในเว็บ haamor. com บทความชื่อ โซเดียมไบฟอสเฟต เพื่อการขยายผลความรู้เชิงวิชาการในบทความนี้จะขอนำเสนอประโยชน์ทางยาของโซเดียมฟอสเฟต โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ นำไปรักษาภาวะเกลือฟอสเฟต Phosphate ในร่างกายมีระดับต่ำภาวะร่างกายพร่องเกลือฟอสเฟต ซึ่งมักจะพบในผู้ป่วยที่ติดสุราเรื้อรังเสียเป็นส่วนมาก หรือเกิดกับผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการดูดซึมสารอาหารจากกระเพาะอาหารและลำไส้ หรือมีภาวะมะเร็งในระบบโลหิตวิทยา เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือภาวะตับวาย เป็นต้น ซึ่งการแก้ไขและช่วยเหลือผู้ที่มีภาวะฟอสเฟตในร่าง กายต่ำนั้น แพทย์อาจพิจารณาใช้โซเดียมฟอสเฟตที่มีรูปแบบของยาแผนปัจจุบันทั้งชนิดฉีดและชนิดรับประทาน ยาโซเดียมฟอสเฟตจะมีการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ประมาณ 66 เกลือนี้จะถูกขับออกโดยผ่านไตไปกับปัสสาวะและบางส่วนขับออกไปกับอุจจาระ การบริหารยาการใช้ยานี้กับผู้ป่วย ส่วนมากจะทำกันที่สถานพยาบาล ด้วยต้องเฝ้าระวังเรื่องผลข้างเคียงและพิษต่อระบบการทำงานของอวัยวะในร่างกาย อย่างเช่น ไต หัวใจ ดังนั้นขนาดการใช้ยาจะต้องเป็นไปตามคำสั่งแพทย์ผู้รักษาแต่เพียงผู้เดียว โซเดียมไบฟอสเฟตมีสรรพคุณ คุณสมบัติ อย่างไร ยาโซเดียมฟอสเฟตมีสรรพคุณข้อบ่งใช้ เช่น รักษาภาวะพร่องเกลือฟอสเฟตในกระแสเลือด ใช้เป็นยาระบายโดยมักผสมรวมกับยาโซเดียมไบฟอสเฟต Sodium biphosphate โซเดียมฟอสเฟตมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร กลไกการออกฤทธิ์ของยาโซเดียมฟอสเฟตคือ ตัวยาที่ดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดจะทำให้สมดุลของภาวะพร่องฟอสเฟตกลับคืนมา ซึ่งมีผลต่อกระบวนการทางชีวภาพในร่างกายมนุษย์ ส่งผลต่อการเจริญเติบโตและการทำงานของอวัยวะต่างๆในร่างกายให้เป็นไปอย่างปกติ โซเดียมฟอสเฟตมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร ยาโซเดียมฟอสเฟตมีรูปแบบการจัดจำหน่าย เช่น ยาเม็ดชนิดรับประทาน สำหรับภาวะพร่องฟอสเฟต Phosphate โดยมีส่วนประกอบของ ตัวยาไดเบสิก โซเดียมฟอสเฟต Dibasic sodium phosphate 852 มิลลิกรัม โมโนเบสิกโพแทสเซียมฟอสเฟต Monobasic potassium phosphate 155 มิลลิกรัม โมโนเบสิก โซเดียมฟอสเฟต Monobasic sodium phosphate 130 มิลลิกรัมเม็ด ยาเม็ดชนิดรับประทาน ใช้เป็นยาระบายยาแก้ท้องผูก โดยมีส่วนประกอบของโซเดียมไบฟอสเฟต 1.102 กรัมและโซเดียมฟอสเฟต 0.398 กรัมเม็ด ยาน้ำสวนทวาร ใช้เป็นยาระบายที่มีส่วนผสมของโซเดียมไบฟอสเฟตและโซเดียมฟอส เฟต ขนาดบรรจุ 133 มิลลิลิตร สำหรับผู้ใหญ่ โซเดียมฟอสเฟตมีขนาดรับประทานการบริหารยาอย่างไร ขนาดการใช้ของยาโซเดียมฟอสเฟตในผู้ป่วยแต่ละคนจะมีความแตกต่างกันออกไปขึ้นกับข้อบ่งใช้ยานี้ ในที่นี้ดังกล่าวแล้วใน จะกล่าวถึงยาโซเดียมฟอสเฟตเฉพาะกรณีใช้ในภาวะร่าง กายพร่องเกลือฟอสเฟตเท่านั้น ขนาดยาโซเดียมฟอสเฟตเพื่อรักษาภาวะร่างกายพร่องเกลือฟอสเฟตขึ้นอยู่กับสภาพร่าง กายและระดับการพร่องของเกลือฟอสเฟตในกระแสเลือดของผู้ป่วยแต่ละคน แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาขนาดการใช้ยาได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัยต่อผู้ป่วย ตัวอย่างกรณีที่การพร่องฟอสเฟตไม่รุนแรงขนาดยาที่ใช้ เช่น ผู้ใหญ่ รับประทานยา 1 - 2 เม็ดวันละ 4 ครั้ง เด็ก ขนาดยาจะขึ้นกับอายุและน้ำหนักตัวของเด็ก ดังนั้นขนาดยาจึงอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา อนึ่ง ข้อบ่งใช้ยานี้ ที่ใช้เป็นยาระบาย ตัวยามีส่วนประกอบร่วมกับตัวยาโซเดียมไบฟอสเฟต อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง โซเดียมไบฟอสเฟต Sodium biphosphate หมายเหตุ ขนาดและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดที่รวมถึงยาโซเดียมฟอสเฟต ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์พยาบาลและเภสัชกร เช่น ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยาใช้ยาแล้วคลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัดหายใจลำบาก มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยาใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาโซเดียมฟอสเฟตอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กินที่ใช้อยู่ก่อน หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์มีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร การใช้ยาโซเดียมฟอสเฟตชนิดรับประทานมักจะใช้ในสถานพยาบาล โดยมีบุคคลากรทางการแพทย์เป็นผู้กำกับดูแลอย่างถูกต้อง ทำให้ยากต่อการลืมรับประทาน โซเดียมฟอสเฟตมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร ยาโซเดียมฟอสเฟตสามารถก่อให้เกิดผลอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา ผลข้างเคียงอาการข้างเคียง เช่น อาการปวดท้อง ท้องเสีย คลื่นไส้- อาเจียน มีภาวะเกลือโซเดียมในเลือดสูง เกิดภาวะขาดน้ำของร่างกาย ผู้ป่วยบางรายอาจมี อาการชัก ง่วงนอน อารมณ์แปรปรวน เบื่ออาหาร กล้ามเนื้อเกร็งหรือเป็นตะคริว หูอื้อ ปวดตามร่างกาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ หายใจลำบาก ขาและเท้าบวม น้ำหนักตัวเพิ่ม ปัสสาวะน้อยลง กระหายน้ำ ปวดข้อ อนึ่ง สำหรับผู้ที่ได้รับยาโซเดียมฟอสเฟตเกินขนาด จะพบว่าเกิดภาวะในเลือดมีเกลือฟอสเฟตสูงร่วมกับเกลือโซเดียมสูง และทำให้ระดับเกลือแคลเซียมและเกลือโพแทสเซียมในเลือดลดลง ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายภาวะขาดน้ำ ผู้ป่วยบางรายมีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ มีอาการชัก ไตวาย และอาจถึงขั้นเสียชีวิต การรักษาอาการเหล่านี้ จะรักษาตามอาการโดยแพทย์เป็นผู้ให้การรักษา มีข้อควรระวังการใช้โซเดียมฟอสเฟตอย่างไร มีข้อควรระวังการใช้ยาโซเดียมฟอสเฟต เช่น ห้ามใช้กับผู้แพ้ยานี้ ห้ามใช้ยาโซเดียมฟอสเฟตกับ กลุ่มผู้ป่วยโรคไตขั้นรุนแรง ผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลว ผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ผู้ป่วยที่มีภาวะทางเดินลำไส้อุดตัน ลำไส้อักเสบหรือเป็นแผล ผู้ป่วยที่มีภาวะลำไส้ใหญ่อักเสบหรือติดเชื้อ ผู้ป่วยที่มีภาวะโรคความดันโลหิตสูง ผู้ที่มีภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ ระหว่างการใช้ยาโซเดียมฟอสเฟตต้องคอยควบคุมระดับของเกลือแร่ อิเล็กโทรไลต์Electrolyte ชนิดอื่นในกระแสเลือดให้มีความสมดุลอยู่เสมอเช่น โซเดียม โพแทสเซียม แคลเซียม เฝ้าระวังการทำงานของ ไต หัวใจ ให้เป็นปกติตลอดเวลาของการใช้ยาโซเดียมฟอสเฟต ควบคุมสภาพร่างกายของผู้ป่วยเพื่อไม่ให้เกิดภาวะขาดน้ำขณะใช้ยานี้ ระวังการใช้ยานี้กับ สตรีตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร เด็ก และผู้สูงอายุ ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้ ห้ามใช้ยาหมดอายุ ห้ามเก็บยาหมดอายุ
โซเดียมฟอสเฟต สูตรเคมีคือ NaH2PO4 จัดเป็นสารประกอบประเภทเกลือที่เรียกว่า เกลือไอออนิก ประโยชน์ทางยาของโซเดียมฟอสเฟต โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปรักษาภาวะเกลือฟอสเฟตในร่างกายมีระดับต่ำ ภาวะร่างกายพร่องเกลือฟอสเฟต ซึ่งมักพบในผู้ป่วยสุราเรื้อรัง หรือเกิดกับผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการดูดซึมสารอาหารจากกระเพาะอาหารและลำไส้ หรือมีภาวะมะเร็งในระบบโลหิตวิทยา แพทย์อาจพิจารณาใช้โซเดียมฟอสเฟตที่มีรูปแบบของยาแผนปัจจุบันทั้งชนิดฉีดและรับประทาน ยาโซเดียมฟอสเฟตจะมีการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ประมาณ 66% จะถูกขับออกโดยผ่านไตไปกับปัสสาวะและบางส่วนขับออกไปกับอุจจาระ มีสรรพคุณข้อบ่งใช้ เช่น รักษาภาวะพร่องเกลือฟอสเฟตในกระแสเลือด เป็นยาระบายโดยผสมกับยาโซเดียมไบฟอสเฟต กลไกการออกฤทธิ์ของยาโซเดียมฟอสเฟตคือ ตัวยาที่ดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดทำให้สมดุลของภาวะพร่องฟอสเฟตกลับคืนมา ซึ่งมีผลต่อกระบวนการทางชีวภาพในร่างกายมนุษย์ ส่งผลต่อการเจริญเติบโตและการทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายให้เป็นปกติ โซเดียมฟอสเฟตมีรูปแบบการจัดจำหน่าย เช่น ยาเม็ดชนิดรับประทาน สำหรับภาวะพร่องฟอสเฟต มีส่วนประกอบของตัวยาไดเบสิก โซเดียมฟอสเฟต Dibasic sodium phosphate 852 มิลลิกรัม โมโนเบสิกโพแทสเซียมฟอสเฟต Monobasic potassium phosphate 155 มิลลิกรัม โมโนเบสิก โซเดียมฟอสเฟต Monobasic sodium phosphate 130 มิลลิกรัมเม็ด ยาเม็ดชนิดรับประทาน ใช้เป็นยาระบายยาแก้ท้องผูก โดยมีส่วนประกอบของโซเดียมไบฟอสเฟต 1.102 กรัมและโซเดียมฟอสเฟต 0.398 กรัมเม็ด ยาน้ำสวนทวาร เป็นยาระบายที่มีส่วนผสมของโซเดียมไบฟอสเฟตและโซเดียมฟอส เฟต ขนาดบรรจุ 133 มิลลิลิตร ขนาดการใช้ของยาโซเดียมฟอสเฟตในผู้ป่วยแต่ละคนจะมีความแตกต่างกันขึ้นกับข้อบ่งใช้ยา ขนาดยาอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
เภสัชวิทยา Pharmacology
Summarization
cc-by-nc-4.0
Finance_42796
Finance
จงแต่งเรื่องสั้น เงินเฟ้อมีผลต่อชีวิตเรา ข้อคิด เงินเฟ้อเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อทุกคน เราต้องรู้จักบริหารเงินออม ลงทุน และเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง เพื่อปกป้องเงินของเราจากมัจจุราชร้ายอย่างเงินเฟ้อ
null
เงินเฟ้อ กัดกินเงินในกระเป๋า ท้องฟ้ากรุงเทพมหานครยามบ่าย แดดร้อนเปรี้ยง ผู้คนต่างรีบเร่งไปทำธุระ สายตาของ "มินอา" พนักงานออฟฟิศสาววัย 25 ปี มองไปยังป้ายราคาสินค้าในห้างสรรพสินค้า รู้สึกใจหายเมื่อเห็นราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น "โอ้โห ไข่ไก่แพงขึ้นตั้ง 20 บาท!" มินอาอุทาน รู้สึกกังวลกับค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น เงินเดือนที่ได้ก็ไม่พอใช้ "เงินเฟ้อ" คำนี้อ้อยอิ่งอยู่ในหัว มินอาเคยได้ยินมาบ้าง แต่ไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริง หลังเลิกงาน มินอาแวะไปหา "คุณน้าอร" เพื่อนสนิทของแม่ คุณน้าอรเป็นอดีตอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์ "มินอา มีอะไรให้ช่วยไหม?" คุณน้าอรเอ่ยถาม "มินอาสงสัยเรื่องเงินเฟ้อค่ะ ว่ามันคืออะไร มีผลต่อชีวิตเราอย่างไร" มินอาถามด้วยความอยากรู้ คุณน้าอรยิ้ม "เงินเฟ้อ หมายถึง ภาวะที่ระดับราคาสินค้าและบริการโดยรวมในเศรษฐกิจมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง พูดง่ายๆ คือ ของแพงขึ้นนั่นเอง" "แล้วทำไมของถึงแพงขึ้นล่ะคะ?" มินอาถามต่อ "สาเหตุมีหลายอย่าง เช่น ต้นทุนการผลิตสินค้าเพิ่มสูงขึ้น เงินในระบบเศรษฐกิจมีมากขึ้น หรือความต้องการสินค้าและบริการมีมากกว่าปริมาณสินค้าที่มี" คุณน้าอธิบาย "เงินเฟ้อมีผลต่อชีวิตเราอย่างไรบ้างคะ?" มินอาเริ่มเข้าใจ "เงินเฟ้อทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น เงินที่เราเคยซื้อของได้เยอะ ตอนนี้ซื้อได้น้อยลง เงินออมของเรามีค่าลดลง เศรษฐกิจชะลอตัว คนตกงานมากขึ้น" คุณน้าอรอธิบายต่อ มินอาฟังแล้วรู้สึกกังวล "แล้วเราจะทำอย่างไรได้บ้างคะ?" "เราต้องรู้จักบริหารเงินออม ลงทุนในสินทรัพย์ที่ช่วยรักษาเงินทุน หางานเสริม เพิ่มทักษะ และเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง" คุณน้าอรแนะนำ "ขอบคุณนะคะคุณน้า มินอาจะพยายามทำตามที่คุณน้าบอก" มินอารู้สึกมีกำลังใจขึ้น มินอาเดินออกจากบ้านคุณน้าอร มองดูผู้คนบนท้องถนน รู้สึกตระหนักถึงปัญหาเงินเฟ้อ "เงินเฟ้อ เปรียบเสมือนมัจจุราชที่ค่อยๆ กัดกินเงินในกระเป๋าของเรา เราต้องรู้จักวิธีรับมือ ปกป้องเงินออม และเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต" มินอาคิด
ความรู้ทางการเงิน
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Medical_26849
Medical
ก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ขี้เมาไก่สับ ดีต่อสุขภาพหรือไม่?
ก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ ขี้เมาไก่สับ ก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ ขี้เมาไก่สับ ก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ขี้เมาไก่สับ เป็นอาหารจานเดียวที่มีวิธีการทำที่ไม่ยุ่งยาก มีรสเผ็ดร้อน และมีกลิ่นหอมของใบกะเพรา กินกับผักกาดหอมทำให้อาหารจานนี้มีคุณค่าเพิ่มขึ้น คือ ได้กากใยจากผัก วิธีการปรุงก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ขี้เมาไก่สับ ทำได้ ๒ แบบ คือ ผัดส่วนหน้าและราดลงบนเส้นก็ได้ หรือผัดทุกอย่างรวมทั้งเส้นลงไปด้วยก็ได้ แล้วแต่ความชอบของแต่ละบุคคล สีของเส้นมีให้เลือก คือ สีขาวและสีเขียว นอกจากนี้ ยังมีเส้นเซี่ยงไฮ้ที่ผสมสาหร่ายอีกด้วย ขึ้นอยู่กับเราว่าจะชอบเส้นแบบไหน สามารถนำมาใช้ได้ทุกเส้นไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด ในส่วนของเนื้อสัตว์อาจเปลี่ยนจากไก่เป็นเนื้อสัตว์ชนิด อื่นตามชอบก็ได้เหมือนกัน ที่เลือกเนื้อไก่ในสูตรนี้เนื่องจากเนื้อไก่มีไขมันค่อนข้างน้อยและสามารถดูดซึมเครื่องปรุงได้ดีทำให้เนื้อไก่มีรสชาติอร่อยกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่น คุณค่าทางโภชนาการของก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ขี้เมาไก่สับ ๑ จาน ให้พลังงานประมาณ ๖๐๘ กิโลแคลอรี ซึ่งเป็นปริมาณพลังงานที่สูงเล็กน้อยสำหรับ ๑ ใน ๓ ของปริมาณพลังงานที่เด็ก หญิงวัยทำงาน และผู้สูงอายุควรได้รับใน ๑ วัน บุคคลกลุ่มนี้ต้องการพลังงานวันละ ๑๖๐๐ กิโลแคลอรี สำหรับปริมาณไขมันพบว่าค่อนข้างสูง คือคิดเป็นร้อยละ ๔๕ ของปริมาณที่ควรบริโภคต่อวัน ผู้ที่ต้องการพลังงานวันละ ๑๖๐๐ กิโลแคลอรี และพลังงานที่ได้จากไขมันไม่เกินร้อยละ ๓๐ ควรได้ไขมันจากอาหารไม่เกิน ๕๓ กรัม ส่วนปริมาณโปรตีนจัดว่าค่อนข้างน้อย โดยปริมาณโปรตีนที่เหมาะสมควรมีการกระจายของพลังงานจากโปรตีน ร้อยละ ๑๐-๒๐ ดังนั้น สำหรับบุคคลในกลุ่มนี้ที่กินก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ขี้เมาไก่สับได้ ๑ จาน ควรลดปริมาณไขมันในอาหาร มื้อถัดไป โดยการหลีกเลี่ยงอาหารประเภท ผัด ทอด อาหารใส่กะทิ ซึ่งนอกจากจะลดปริมาณไขมันแล้วยังเป็นการลดพลังงานที่อาจมากเกินไปลงด้วย สำหรับผู้ที่ต้องการพลังงาน ๑๘๐๐ - ๒๐๐๐ กิโลแคลอรี ซึ่งได้แก่วัยรุ่นชาย-หญิง ชายวัยทำงาน การกินก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้จานนี้ไม่มีปัญหาว่าจะได้พลังงานเกิน แต่ก็ควรระวังในแง่ปริมาณไขมันเช่นกัน นอกจากนี้ปริมาณโปรตีนที่ได้อาจค่อนข้างน้อยเกินไป อย่างไรก็ตาม ถ้าอาหารจานนี้ทำกินเอง สามารถทำให้คุณค่าทางโภชนาการดีขึ้นได้ โดยการลดปริมาณน้ำมันที่ใช้ให้น้อยลงและอาจลดปริมาณเส้นก๋วยเตี๋ยวลงด้วย เพื่อเป็นการลดปริมาณไขมันและพลังงานเพิ่มปริมาณเนื้อสัตว์ให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มโปรตีนโดยควรเลือกเนื้อสัตว์ที่มีไขมันน้อย เช่น เนื้อไก่ ไม่ติดหนัง หมูไม่ติดมัน เป็นต้นเมื่อดูสารอาหารอื่น พบว่า ก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ขี้เมาไก่สับให้ใยอาหารประมาณร้อยละ ๘ ของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน แนะนำ ๒๕ กรัมต่อวัน ให้ปริมาณวิตามินซีที่ดี เนื่องจากมีมะเขือเทศและผักกาดหอมเป็นส่วนประกอบ นอกจากนี้ ยังมีไลโคพีนที่มาจากมะเขือเทศและซอสมะเขือเทศ โดยไลโคพีนเป็นแคโรทีนอยด์ที่ให้สีแดง พบในมะเขือเทศ แตงโม มะละกอ ส้ม มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ลดการถูกทำลายของสารพันธุกรรมและโปรตีนในร่างกาย จึงสามารถลดการเกิดมะเร็งบางชนิดได้ เครื่องปรุง สำหรับ ๒ ที่ ก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้แช่น้ำให้นิ่ม ๓๐๐ กรัม เนื้อไก่สับ ๙๐ กรัม มะเขือเทศหั่นเสี้ยว ๕๐ กรัม ผักกาดหอม ๓๐ กรัม กะเพราเด็ดเป็นใบ ๑๕ กรัม พริกขี้หนู ๕ เม็ดเล็ก ๘ กรัม พริกชี้ฟ้าแดง ๒ เม็ด ๑๐ กรัม กระเทียม ๓๐ กรัม น้ำตาลทราย ๑๕ กรัม น้ำปลา ๓๐ กรัม ซีอิ๊วดำ ๔ กรัม น้ำส้มสายชู ๑๐ กรัม ซอสมะเขือเทศ ๑๕ กรัม น้ำมันพืชสำหรับผัด ๔๐ กรัม วิธีทำ ๑ โขลกพริกชี้ฟ้าแดง พริกขี้หนู กระเทียม รวมกันให้ละเอียด ๒ ลวกเส้นเซี่ยงไฮ้ในน้ำเดือด ตักขึ้นแล้วแช่ในน้ำเย็น ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำ ๓ ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ ตั้งไฟพอร้อน ใส่ส่วนผสมที่โขลกไว้ลงผัดพอหอม ใส่เนื้อไก่ลงผัดพอสุก ใส่มะเขือเทศ ปรุงรสด้วยน้ำปลา ซีอิ๊วดำ ซอสมะเขือเทศ น้ำตาล น้ำส้มสายชูผัดให้เข้ากัน ๔ ใส่ใบกะเพรา เส้นเซี่ยงไฮ้ลงผัดให้เข้ากัน ตักใส่จานที่รองผักกาดหอมไว้แล้วพร้อม เคล็ดลับ ๑ การลวกเส้นต้องรอให้น้ำเดือดก่อนจึงใส่เส้นลงไป ลวกจนเส้นใสจึงนำมาแช่น้ำเย็น เส้นจะได้ไม่เละ ๒ ควรเลือกใบกะเพราแดง ใบสีเขียวปนม่วง เพราะจะให้กลิ่นและรสชาติที่ดีกว่ากะเพราขาว
ก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ขี้เมาไก่สับ 1 จาน ให้พลังงานประมาณ 608 กิโลแคลอรี่ ซึ่งสูงเล็กน้อยสำหรับ 1 ใน 3 ของปริมาณพลังงานที่เด็กหญิงวัยทำงาน และผู้สูงอายุควรได้รับต่อวัน (กลุ่มบุคคลนี้ต้องการพลังงาน 1600 กิโลแคลอรี่ต่อวัน) แง่มุมด้านโภชนาการ: - ไขมัน: สูง คิดเป็น 45% ของปริมาณที่ควรบริโภคต่อวัน ผู้ที่ต้องการพลังงาน 1600 กิโลแคลอรี่ และพลังงานจากไขมันไม่เกิน 30% ควรได้รับไขมันจากอาหารไม่เกิน 53 กรัม - โปรตีน: น้อย ควรมีการกระจายพลังงานจากโปรตีน 10-20% บุคคลที่กินก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ขี้เมาไก่สับ 1 จาน ควรลดไขมันในมื้อถัดไป โดยหลีกเลี่ยงอาหารผัด ทอด อาหารใส่กะทิ - ใยอาหาร: 8% ของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน (25 กรัมต่อวัน) - วิตามินซี: ดี จากมะเขือเทศและผักกาดหอม - ไลโคพีน: จากมะเขือเทศและซอสมะเขือเทศ ช่วยลดการเกิดมะเร็งบางชนิด โดยสรุป: ก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ขี้เมาไก่สับ ให้พลังงานและไขมันสูง โปรตีนน้อย มีใยอาหาร วิตามินซี และไลโคพีน ผู้ที่ควบคุมน้ำหนักหรือไขมันควรทานด้วยความระมัดระวัง ปรับสูตรโดยลดน้ำมัน เพิ่มเนื้อสัตว์ เลือกเส้นแบบไม่ผสมไข่ขาว จะช่วยเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ คำแนะนำ: 1. ทานก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ขี้เมาไก่สับในปริมาณที่เหมาะสม 2. เลือกทานเส้นแบบไม่ผสมไข่ขาว 3. ปรับสูตรโดยลดน้ำมัน เพิ่มเนื้อสัตว์ 4. ทานคู่กับผักสด เลี่ยงการทานอาหารประเภทผัด ทอด อาหารใส่กะทิ ในมื้อถัดไป
โภชนวิทยา
Closed QA
cc-by-nc-4.0
Finance_43326
Finance
จงแต่งเรื่องสั้นให้ได้ข้อคิดเกี่ยวกับ กองทุน T-LowBeta: เส้นทางสู่ความมั่งคั่งแบบยั่งยืน
null
เรื่อง บทเรียนจากกองทุน T-LowBeta: เส้นทางสู่ความมั่งคั่งแบบยั่งยืน ณ ใจกลางเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยตึกระฟ้า ท่ามกลางความวุ่นวายและเสียงแตรรถ มีชายหนุ่มชื่อ "ธันวา" กำลังนั่งอ่านบทความเกี่ยวกับกองทุนรวมอย่างตั้งใจ เขากำลังศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ "กองทุน T-LowBeta" กองทุนที่ขึ้นชื่อเรื่องความผันผวนต่ำและผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจ ธันวาเป็นพนักงานออฟฟิศวัย 28 ปี ทำงานในบริษัทประกันชีวิต เขามีความสนใจในเรื่องการลงทุนมาสักระยะ แต่ด้วยความที่ไม่มีประสบการณ์มากนัก เขาจึงเลือกที่จะลงทุนในกองทุนรวม โดยอาศัยข้อมูลและคำแนะนำจากแหล่งต่างๆ บทความที่ธันวกำลังอ่านนั้น เขียนโดย "หมอนัท" นักลงทุนและนักเขียนที่โด่งดังในโลกออนไลน์ บทความนี้อธิบายถึงกลยุทธ์การลงทุนของกองทุน T-LowBeta ที่เน้นหุ้นขนาดเล็ก-กลางที่มีความผันผวนต่ำ หรือที่เรียกว่า "หุ้น Low Beta" ธันวาอ่านบทความด้วยความสนใจ เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับหุ้น Low Beta มาบ้าง แต่ไม่เคยศึกษาอย่างจริงจัง บทความนี้ช่วยให้เขาเข้าใจแนวคิดการลงทุนแบบ Low Beta มากขึ้น และเริ่มเห็นภาพความเป็นไปได้ของการลงทุนในกองทุน T-LowBeta หลังจากอ่านบทความจบ ธันวาตัดสินใจศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับกองทุน T-LowBeta เพิ่มเติม เขาอ่านหนังสือพิมพ์ รายงานการวิเคราะห์ และบทความต่างๆ เกี่ยวกับกองทุนนี้ เขายังโทรไปสอบถามข้อมูลกับบริษัทจัดการกองทุนโดยตรง ยิ่งธันวาศึกษาข้อมูลมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมั่นใจในกองทุน T-LowBeta มากขึ้น เขาตัดสินใจเปิดบัญชีซื้อกองทุนนี้ โดยลงทุนเงินออมส่วนหนึ่งของเขา ธันวาลงทุนในกองทุน T-LowBeta เป็นเวลา 5 ปี ผลตอบแทนที่ได้นั้นไม่หวือหวา แต่ก็ถือว่าน่าพอใจ กองทุนนี้สามารถเอาชนะดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET) ได้ในบางปี และที่สำคัญคือมีความผันผวนต่ำมาก แทบจะไม่เคยปรับตัวลดลงแรงๆ เหมือนกับกองทุนหุ้นทั่วไป ธันวาพอใจกับผลตอบแทนของกองทุน T-LowBeta มาก เขาเรียนรู้ว่าการลงทุนแบบ Low Beta นั้น เหมาะกับนักลงทุนที่มีอารมณ์ร้อน ไม่ชอบความเสี่ยง และต้องการลงทุนระยะยาว ธันวายังเรียนรู้บทเรียนสำคัญอีกหลายบทเรียนจากการลงทุนในกองทุน T-LowBeta บทเรียนเหล่านี้เป็นสิ่งที่นักลงทุนทุกคนควรรู้ ดังนี้ 1. อดทนและรอคอย: การลงทุนแบบ Low Beta นั้น ไม่ได้ให้ผลตอบแทนที่รวดเร็วทันใจ นักลงทุนต้องอดทนและรอคอยผลตอบแทนระยะยาว 2. ควบคุมอารมณ์: การลงทุนในกองทุน Low Beta นั้น เหมาะกับนักลงทุนที่มีอารมณ์เย็น ไม่ชอบความเสี่ยง และไม่ควรตื่นตระหนกเมื่อตลาดหุ้นผันผวน 3. กระจายความเสี่ยง: การลงทุนในกองทุน T-LowBeta นั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของพอร์ตการลงทุน นักลงทุนควรกระจายเงินลงทุนในกองทุนประเภทอื่นๆ ด้วย 4. ศึกษาข้อมูล: ก่อนตัดสินใจลงทุนในกองทุนใดๆ นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด ไม่ควรลงทุนเพียงเพราะคำแนะนำของผู้อื่น 5. ลงทุนระยะยาว: การลงทุนแบบ Low Beta นั้น เหมาะกับการลงทุนระยะยาว นักลงทุนควรมีวินัยและลงทุนอย่างสม่ำเสมอ 6. เลือกกองทุนที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ: ค่าธรรมเนียมมีผลต่อผลตอบแทนระยะยาว นักลงทุนควรเลือกกองทุนที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ 7. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: นักลงทุนมือใหม่ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินก่อนตัดสินใจลงทุน ธันวาขอบคุณหมอนัทที่เขียนบทความเกี่ยวกับกองทุน T-LowBeta
ข้อมูลการเงินรายบริษัท,ความรู้ทางการเงิน
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Finance_44096
Finance
"ทิศทางตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน (หุ้นกู้) ในปี 2564" อะไรคือปัจจัยที่ส่งผลต่อ อัตราผลตอบแทน ของหุ้นกู้ มากที่สุด ในปี 2564?
(ก) สภาพคล่องในตลาดทุน (ข) อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล (ค) เศรษฐกิจไทย (ง) เรตติ้งเครดิตของบริษัท
ข้อที่ถูกต้องได้แก่ (ข) อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล เนื่องจาก เหตุผล (ก) สภาพคล่องในตลาดทุน: บทความกล่าวถึงว่า สภาพคล่องในตลาดทุนมี การปรับตัวดีขึ้น ในปี 2564 จากปี 2563 เหตุผลที่ไม่เลือก: - บทความไม่ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์โดยตรงระหว่าง สภาพคล่อง ของตลาดทุนกับ อัตราผลตอบแทน ของหุ้นกู้ - บทความมุ่งเน้นไปที่ อัตราดอกเบี้ย และ เรตติ้งเครดิต มากกว่า (ข) อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล: บทความกล่าวถึงว่า อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ในปี 2564 เหตุผลที่เลือก: - บทความระบุชัดเจนว่า อัตราดอกเบี้ยพันธบัตร มี ความสัมพันธ์ กับ อัตราผลตอบแทน ของหุ้นกู้ - บทความยกตัวอย่าง ความสัมพันธ์ ของ ดอกเบี้ยพันธบัตร กับ ต้นทุนการออกหุ้นกู้ - บทความยังมีข้อมูล สถิติ เกี่ยวกับ ส่วนต่างอัตราผลตอบแทน ของ หุ้นกู้ เมื่อเทียบกับ พันธบัตรรัฐบาล (ค) เศรษฐกิจไทย: บทความกล่าวถึงว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัว ในปี 2564 เหตุผลที่ไม่เลือก: - บทความไม่ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์โดยตรงระหว่าง เศรษฐกิจไทย กับ อัตราผลตอบแทน ของหุ้นกู้ - บทความมุ่งเน้นไปที่ ปัจจัยทางการเงิน มากกว่า (ง) เรตติ้งเครดิตของบริษัท: บทความกล่าวถึงว่า เรตติ้งเครดิต มี ผลต่อ ต้นทุนการออกหุ้นกู้ เหตุผลที่ไม่เลือก: - บทความระบุชัดเจนว่า เรตติ้ง มี ความสัมพันธ์ กับ ต้นทุน ของหุ้นกู้ - บทความยกตัวอย่าง หุ้นกู้เรตติ้งต่ำ ที่มี ต้นทุน สูง - บทความมีข้อมูล สถิติ เกี่ยวกับ ส่วนต่างอัตราผลตอบแทน ของ หุ้นกู้ แต่ละ เรตติ้ง ข้อที่ถูก: (ข) อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล เหตุผลที่: บทความให้ข้อมูลที่สนับสนุนว่า อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล มี ความสัมพันธ์ กับ อัตราผลตอบแทน ของ หุ้นกู้ มากที่สุด
ข่าวเศรษฐกิจและการเงิน,ตลาดการเงิน & ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน
Multiple choice
cc-by-nc-4.0
Finance_3749
Finance
วิกฤตภาวะโลกร้อน มลพิษทางอากาศ เช่น ฝุ่น PM2.5 และราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น เป็นปัจจัยเร่งให้รัฐบาลกำหนดนโยบายผลักดันให้อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ใช่หรือไม่
null
ใช่ วิกฤตภาวะโลกร้อน มลพิษทางอากาศ เช่น ฝุ่น PM2.5 และราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ล้วนเป็นปัจจัยเร่งให้รัฐบาลกำหนดนโยบายผลักดันให้อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้นในประเทศไทย หน่วยงานรัฐบาลต่างๆ ภายใต้มติคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร กรมการขนส่งทางบก ฯลฯ ได้มีการปรับปรุงระเบียบเพื่อรองรับและส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) วิกฤตภาวะโลกร้อน มลพิษทางอากาศ เช่น ฝุ่น PM2.5 และราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ล้วนเป็นปัจจัยเร่งให้รัฐบาลกำหนดนโยบายผลักดันให้อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้นในประเทศไทย หน่วยงานรัฐบาลต่างๆ ภายใต้มติคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร กรมการขนส่งทางบก ฯลฯ ได้มีการปรับปรุงระเบียบเพื่อรองรับและส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) มาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ของไทย สืบเนื่องจากมติคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2564 และ 1/2565 ซึ่งมีมติเห็นชอบมาตรการสนับสนุนทางภาษีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV Tax Incentive Package) และได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ทำให้ไม่นานมานี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อันได้แก่ กระทรวงการคลัง และกรมสรรพสามิต ได้ประกาศใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการสนับสนุนดังกล่าว (ระหว่าง พ.ศ. 2565-2568) ทั้งนี้ โดยมุ่งกระตุ้นความต้องการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าซึ่งขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ (BEV) โดยใช้มาตรการราคาเพื่อให้ราคายานยนต์ BEV และยานยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วไปอยู่ในช่วงราคาเดียวกัน สืบเนื่องจากมติคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2564 และ 1/2565 ซึ่งมีมติเห็นชอบมาตรการสนับสนุนทางภาษีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV Tax Incentive Package) และได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ทำให้ไม่นานมานี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อันได้แก่ กระทรวงการคลัง และกรมสรรพสามิต ได้ประกาศใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการสนับสนุนดังกล่าว (ระหว่าง พ.ศ. 2565-2568) ทั้งนี้ โดยมุ่งกระตุ้นความต้องการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าซึ่งขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ (BEV) โดยใช้มาตรการราคาเพื่อให้ราคายานยนต์ BEV และยานยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วไปอยู่ในช่วงราคาเดียวกัน ข่าวที่เกี่ยวข้อง รู้จัก BYD แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าชื่อนี้ ที่ Tesla อยากได้ และกำลังจะเข้ามาทำตลาดในไทยเป็นครั้งที่ 3 VinFast ผู้ผลิต EV สัญชาติเวียดนาม เตรียมส่งออกรถ 5,000 คัน ไปยังสหรัฐฯ ยุโรป และแคนาดา Benz จับมือ Rivian ผลิตรถตู้ไฟฟ้า รุกตลาดยุโรป คาดเปิดตัวในปี 2025 กฎหมายและเอกสารอ้างอิง: กฎหมายและเอกสารอ้างอิง: ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่สำเร็จรูป ลงวันที่ 22 เมษายน 2565
ข่าวเศรษฐกิจและการเงิน,ความรู้ทางการเงิน
Classification
cc-by-nc-4.0
Finance_44150
Finance
จงแต่งเรื่องสั้นให้ข้อคิดเกี่ยวกับ....การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและวิเคราะห์ความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
null
เกมพลิก: ศึกชิงบัลลังก์หุ้น GME ตัวละคร: นัท: นักศึกษามหาวิทยาลัย ใฝ่ฝันอยากเป็นนักลงทุน เบน: เพื่อนสนิทของนัท ชอบเล่นหุ้นตามกระแส ป้าจิ๋ว: แม่ค้าขายลอตเตอรี่ ใฝ่ฝันอยากมีเงินเก็บไว้ให้ลูกหลาน ลุงโจ: นักลงทุนรายใหญ่ เจ้าของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ฉาก: ร้านกาแฟมุมเล็กๆ ใจกลางกรุงเทพฯ เนื้อเรื่อง: นัทและเบน นั่งจิบกาแฟคุยกันถึงสถานการณ์ตลาดหุ้นที่กำลังร้อนระอุ นัท: "แกๆ รู้ไหม หุ้น GME กำลังพุ่งทะยานเลยนะ ตอนนี้ราคาขึ้นไปตั้ง 300 ดอลลาร์แล้ว" เบน: "จริงเหรอวะ? อะไรมันจะขนาดนั้น เดี๋ยวฉันลองไปดูหน่อยดีกว่า" เบนหยิบมือถือขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชั่นดูดวงหุ้น หน้าจอแสดงราคาหุ้น GME ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เบน: "ว้าว! มันพุ่งขึ้นไปอีกแล้ว แก ว่าเราลองซื้อเล่นๆ ไหม?" นัท: "ไม่ดีมั้งวะ เราไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับบริษัทเลยนะ เดี๋ยวเจ๊งขึ้นมาจะยุ่ง" เบน: "ช่างมันเถอะ แกมัวรวยไหมวะ? โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ นะ เดี๋ยวฉันลองซื้อดูสักหน่อย" เบนกดสั่งซื้อหุ้น GME โดยไม่ลังเล ไม่กี่วันต่อมา นัทและเบน นั่งดูข่าวทางทีวี ผู้ประกาศข่าว: "ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่ หุ้น GME ร่วงหนักกว่า 80% ภายในเวลาเพียง 1 วัน นักลงทุนรายย่อยสูญเสียเงินมหาศาล" เบน: "โอ้ไม่! หุ้นฉันร่วงแล้ว!" นัท: "ฉันบอกแล้วไง ว่าอย่าเล่นหุ้นตามกระแส เดี๋ยวก็เจ๊ง" เบน: "แล้วฉันจะเอาเงินที่ไหนมาคืนลุงโจวะ?" ในขณะเดียวกัน ป้าจิ๋ว นั่งดูทีวีด้วยความดีใจ ผู้ประกาศข่าว: "นักลงทุนรายย่อยรวมพลังกันบีบให้ราคาหุ้น GME พุ่งสูงขึ้น กองทุนเฮดจ์ฟันด์สูญเสียเงินมหาศาล" ป้าจิ๋ว: "ดีใจจังเลยนะ ที่นักลงทุนตัวเล็กๆ เอาชนะพวกเศรษฐีได้" บทสรุป เหตุการณ์ GME สะท้อนให้เห็นถึงพลังของนักลงทุนรายย่อยในยุคดิจิทัล ที่สามารถรวมพลังกันผ่านสื่อโซเชียลมีเดียเพื่อต่อสู้กับกองทุนเฮดจ์ฟันด์ได้ เหตุการณ์นี้ยังเป็นการเตือนสติให้นักลงทุนทุกคนต้องศึกษาข้อมูลและวิเคราะห์ความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
ความรู้ทางการเงิน
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Finance_292
Finance
ช่วยสรุปบทความ การออมสินทรัพย์หรือการลงทุน DCA
จากสถิติจากสื่อหลาย ๆ แห่ง มักจะพบว่า การออมสินทรัพย์หรือการลงทุน DCA ในระยะเวลา 1 ปีให้ผลดีกว่าการซื้อลงเงินซื้อหนเดียว (Lump Sum) ซึ่งรวมไปถึงสินทรัพย์ชนิดอื่น ๆ อย่างกองทุนรวมและ ETF ด้วย นอกจากนี้การลงทุนหุ้นแบบ DCA ยังถือเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาด ประหยัดเวลา ไม่ต้องหาจังหวะเข้าลงทุน และกระจายความเสี่ยงได้ดีกว่า จากสถิติจากสื่อหลาย ๆ แห่ง มักจะพบว่า การออมสินทรัพย์หรือการลงทุน DCA ในระยะเวลา 1 ปีให้ผลดีกว่าการซื้อลงเงินซื้อหนเดียว (Lump Sum) ซึ่งรวมไปถึงสินทรัพย์ชนิดอื่น ๆ อย่างกองทุนรวมและ ETF ด้วย นอกจากนี้การลงทุนหุ้นแบบ DCA ยังถือเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาด ประหยัดเวลา ไม่ต้องหาจังหวะเข้าลงทุน และกระจายความเสี่ยงได้ดีกว่า สำหรับนักลงทุนที่อยากเริ่มต้นลงทุนต่างประเทศในจำนวนเงินที่ไม่สูงมาก Phillip Global Markets เปิดให้ DCA ตลาดหุ้นอเมริกาด้วยเงินเริ่มต้นเพียง 10,000 บาท/เดือน เข้าถึงอุตสาหกรรมที่มีความหลากหลายสูง มีผู้เล่นหลายรายในธุรกิจประเภทเดียวกัน ไม่มีการผูกขาดหรือกระจุกตัวในเศรษฐกิจ บทความนี้จะเล่าถึง 6 ETF ตลาดอเมริกา ที่ทางฟิลลิปเปิดให้ลงทุนแบบ DCA ซึ่งแต่ละตัวจะมีความหลากหลาย เฉพาะทาง บ้างก็เป็นธุรกิจที่ในไทยยังไม่มี สำหรับนักลงทุนที่อยากเริ่มต้นลงทุนต่างประเทศในจำนวนเงินที่ไม่สูงมาก Phillip Global Markets เปิดให้ DCA ตลาดหุ้นอเมริกาด้วยเงินเริ่มต้นเพียง 10,000 บาท/เดือน เข้าถึงอุตสาหกรรมที่มีความหลากหลายสูง มีผู้เล่นหลายรายในธุรกิจประเภทเดียวกัน ไม่มีการผูกขาดหรือกระจุกตัวในเศรษฐกิจ บทความนี้จะเล่าถึง 6 ETF ตลาดอเมริกา ที่ทางฟิลลิปเปิดให้ลงทุนแบบ DCA ซึ่งแต่ละตัวจะมีความหลากหลาย เฉพาะทาง บ้างก็เป็นธุรกิจที่ในไทยยังไม่มี จากสถิติของสื่อและเว็บไซต์หลาย ๆ แห่ง พบว่าการออมสินทรัพย์แบบ DCA ในระยะ 1 ปี ให้ผลดีกว่าการลงทุนใหญ่ครั้งเดียว (Lump Sum) การลงทุนแบบ DCA ยังช่วยประหยัดเวลา ไม่ต้องหาจังหวะเข้าลงทุน Phillip Global Markets เปิดให้ลงทุนแบบ DCA ใน 6 ETF จากตลาดหุ้นอเมริกา 6 ETF จะมีความหลากหลาย เฉพาะทาง มากกว่าในไทย 6 ETF จากตลาดหุ้นอเมริกาที่ DCA ได้ 6 ETF จากตลาดหุ้นอเมริกาที่ DCA ได้
จากสถิติหลายแหล่ง, การลงทุนแบบ DCA ในระยะ 1 ปีมีผลดีกว่า Lump Sum และสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น กองทุนรวม และ ETF ด้วย ลงทุนหุ้น DCA ถือว่าชาญฉลาด, ประหยัดเวลา และกระจายความเสี่ยงได้ดี. Phillip Global Markets เปิด DCA ลงทุนในตลาดหุ้นอเมริกา เริ่มต้นที่ 10,000 บาท/เดือน
ความรู้ทางการเงิน,ข่าวเศรษฐกิจและการเงิน
Summarization
cc-by-nc-4.0
Finance_1585
Finance
รูปแบบการเคลื่อนไหวของ Yield Curve ที่นักลงทุนใช้ดูกัน มี 4 รูปแบบ ได้แก่อะไรบ้าง
null
รูปแบบการเคลื่อนไหวของ Yield Curve ที่นักลงทุนใช้ดูกัน มี 4 รูปแบบ ได้แก่ 1. Bull Flattening Yield Curve (Yield ตัวยาวลงลึกกว่าตัวสั้น) ในภาวะที่เศรษฐกิจฟื้นตัวดีไปแล้ว แน่นอนย่อมมี Noise ให้ตกใจ ทำให้มีเงินไหลเข้า Safe Haven เช่น ขายหุ้นเข้า Bond แต่รอบใหญ่ของรูปแบบนี้จะเกิดขึ้นในช่วงเริ่มแรกของการเข้าสู่ Cycle ลดดอกเบี้ย จะเห็นคนกำไรจาก Bonds กันหลัก 10% ง่าย ๆ ในขณะที่หุ้นถล่มทลาย หรือมีการทำ QE 2. Bull Steepening Yield Curve (Yield ตัวสั้นลงลึกกว่าตัวยาว) ส่วนมากจะเกิดจากการเก็งว่าจะมีการลดดอกเบี้ย ซึ่งโดยมากก็จะ Shift ทั้ง Curve แต่ในบางครั้งตัวยาวก็จะลงมาช้ากว่า ก็จะมีเหตุผลของมันในแต่ละครั้ง (เช่น เพิ่งผ่านแบบที่ 1 มา) 3. Bear Steepening Yield Curve (Yield ตัวยาวเพิ่มขึ้นสูงกว่าตัวสั้น) รูปแบบนี้มักเกิดในช่วงการเปลี่ยนผ่านสู่ดอกเบี้ยขาขึ้นอีกครั้ง หลังจากการคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ เมื่อตลาดมั่นใจกับเศรษฐกิจมากขึ้นก็จะเริ่มขาย Bond ออก (Yield ดีดขึ้น) และนำเงินไปลงทุนอย่างอื่น หรือ Fund Flow ไหลออก แต่สิ่งสำคัญคือ หากดอกเบี้ยกลับเป็นขาขึ้นอย่างแรงและเร็ว จะขาดทุนหนัก กรณีมียกเลิก QE ร่วมด้วย แต่ดอกเบี้ยตรึงต่ำ ก็จะชันเป็นพิเศษ เช่นช่วงที่ทำ QE ที่ผ่านมา และจะทำให้เกิดแบบสุดท้าย (Bear Flattening) ในเวลาถัดมา 4. Bear Flattening Yield Curve (Yield ตัวสั้นเพิ่มขึ้นสูงกว่าตัวยาว) หากไม่มีเรื่องอะไรเป็นพิเศษ จะเกิดขึ้นหลังรูปแบบที่ 3 คือ ในช่วงขึ้นดอกเบี้ย หากคงดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำนาน ๆ จนเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว แน่นอนว่าก็จะต้องมีการเก็งกำไรผสมโรงด้วย หากทิ้งไว้นาน จะทำให้เกิดฟองสบู่ได้ และในช่วงเศรษฐกิจบูม เงินเฟ้อมา ธนาคารกลางจะขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
ความรู้ทางการเงิน
Open QA
cc-by-nc-4.0
Medical_11297
Medical
สมมุตวันแรกที่เป็นประจำเดือนครั้งสุดท้ายก่อนที่จะไม่มีประจำเดือนมาคือ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2555 ในทางการแพทย์วันครบกำหนดคลอดคือวันที่เท่าไหร่
1. 14 ตุลาคม 2556 2. 14 กันยายน 2556 3. 14 สิงหาคม 2556 4. 14 พฤษจิกายน 2556
คำตอบที่ถูกต้องคือ 3. เพราะว่า การคลอดคืออะไร การคลอด (Childbirth) เป็นกระบวนการทางธรรมชาติ ที่มดลูกบีบตัวในระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้ทารกที่อยู่ในครรภ์ ออกมาจากโพรงมดลูกมาเจริญเติบโตภายนอกร่างกาย โดยการคลอดปกติ เกิดขึ้นเมื่ออายุครรภ์ครบกำหนด เราจะทราบอย่างไรว่าอายุครรภ์เป็นเท่าไร ในทางการแพทย์ ถือว่ามนุษย์ตั้งครรภ์ประมาณ 40 สัปดาห์ หรือ 280 วัน ซึ่งจะต่างจากที่เราพูดทั่วๆไปเล็กน้อยว่า คนเราตั้งครรภ์ประมาณ 9 เดือน วิธีการคำนวณวันครบกำหนดคลอด คือ วันที่ที่เป็นวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้ายที่ปกติ บวก 7 วัน ส่วนเดือนที่ครบกำหนดคลอด ก็คือ เดือนที่เป็นประจำเดือนครั้งสุดท้ายแล้ว ลบไป 3 เดือน ยกตัวอย่างเช่น วันแรกที่เป็นประจำเดือนครั้งสุดท้ายก่อนที่จะไม่มีประจำเดือนมาคือ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2555 ดังนั้นวันครบกำหนดคลอด คือ 14 สิงหาคม 2556 ทำให้เราสามารถคำนวณอายุครรภ์ในแต่ละช่วงได้ อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่า สตรีทั้งหมดจะคลอดตรงตามวันที่นัดทั้งหมด มีเพียงประมาณ 5 % เท่านั้นที่คลอดตรงวันนัดพอดี ที่เหลือส่วนมาก 80-85% จะคลอดก่อนวันนัด 1-2 สัปดาห์ มีประมาณ 10% ที่คลอดเกินกำหนดนัด แต่ประโยชน์ที่ได้จากการที่รู้วันคาดคะเนคลอด จะเป็นการเตือนสตรีตั้งครรภ์ให้มีการเตรียมตัวคลอด หากมีการเจ็บครรภ์คลอดในช่วงอายุครรภ์ที่ 37-42 สัปดาห์ ถือว่าคลอดทารกครบกำหนด หากคลอดในอายุครรภ์ที่น้อยกว่า 37 สัปดาห์ เรียกว่า การคลอดก่อนกำหนด แต่หากคลอดหลัง 42 สัปดาห์ เรียกว่า คลอดเกินกำหนด ทั้งการคลอดก่อนกำหนดและเกินกำหนดถือเป็นการคลอดที่ผิดปกติ ซึ่งจะมีผลต่อสุขภาพทารก
สูติศาสตร์ (สูติศาสตร์) - Obstetrics
Multiple choice
cc-by-nc-4.0
Medical_10150
Medical
ช่วยสรุปเรื่อง "โรคฟันผุในเด็กก่อนวัยเรียน" ให้หน่อยค่ะ
โรคฟ้นผุในเด็กก่อนวัยเรียนเป็นป้ญหาสาธารณสุขที่สำคัญ เนื่องจากอัตราการเกิดโรคฟ้นผุยังค่อนข้างสูง ถึงแม้ว่ามีการดำเนินงานด้านทันตสาธารณสุขของกระทรวงสาธารณสุขในการสร้าง กลยุทธ์ต่างๆ มากมายเพื่อจัดการความเสี่ยงต่างๆเช่นการผลิต พัฒนาจัดการองค์ความรู้เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางทันตสาธารณสุขสำหรับเด็กก่อน วัยเรียน ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสุขภาพช่องปากการให้ทันตสุขศึกษาแก่หญิงมีครรภ์ และการแจกแปรงสีฟ้นอันแรกของหนู แต่กลวิธีดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ยังไม่สามารถแก้ไขป้ญหาได้ครอบคลุม เพราะสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคฟ้นผุในฟ้นน้ำนมมีความเกี่ยวข้องกับป้จจัยหลายอย่างได้แก่ตัวฟ้นอาหาร และเชื้อจุลินทรีย์ นอกจากนี้ยังมีป้จจัยอื่นๆ ได้แก่ระบบภูมิคุ้มกันพฤติกรรมการเลี้ยงดู การทำความสะอาด พฤติกรรมการบริโภคอาหารพฤติกรรมการกินนมขวด ฐานะทางเศรษฐกิจและการศึกษาของพ่อแม่รวมทั้งประวัติการมีฟ้นผุของคนในครอบครัว
โรคฟันผุในเด็กก่อนวัยเรียน มีอัตราการเกิดค่อนข้างสูง สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคฟันผุมาจากตัวฟัน อาหาร และเชื้อจุลินทรีย์ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ได้แก่ ระบบภูมิคุ้มกัน พฤติกรรมการเลี้ยงดู การทำความสะอาดฟัน พฤติกรรมการบริโภคอาหาร พฤติกรรมการกินนมขวด ฐานะทางเศรษฐกิจ และประวัติการมีฟันผุของคนในครอบครัว
ทันตกรรม Dentistry
Summarization
cc-by-nc-4.0
Legal_8741
Legal
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๕๐ “ภัยทางอากาศ” หมายความว่าอะไร
A. ภัยต่างๆ อันมีผลกระทบต่อสาธารณชน B. เหตุต่างๆ ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกายของประชาชน C. ภัยอันเกิดจากการโจมตีทางอากาศ D. การกระทำใดๆ อันเป็นการมุ่งทำลายทรัพย์สินของประชาชนหรือของรัฐ
คำตอบที่ถูกต้องคือ C. เนื่องจาก มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๕๐ “สาธารณภัย” หมายความว่า อัคคีภัย วาตภัย อุทกภัย ภัยแล้ง โรคระบาดในมนุษย์ โรคระบาดสัตว์ โรคระบาดสัตว์น้ำ การระบาดของศัตรูพืช ตลอดจนภัยอื่นๆ อันมีผลกระทบต่อสาธารณชน ไม่ว่าเกิดจากธรรมชาติ มีผู้ทำให้เกิดขึ้น อุบัติเหตุ หรือเหตุอื่นใด ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกายของประชาชน หรือความเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชน หรือของรัฐ และให้หมายความรวมถึงภัยทางอากาศ และการก่อวินาศกรรมด้วย “ภัยทางอากาศ” หมายความว่า ภัยอันเกิดจากการโจมตีทางอากาศ “การก่อวินาศกรรม” หมายความว่า การกระทำใดๆ อันเป็นการมุ่งทำลายทรัพย์สินของประชาชนหรือของรัฐ หรือสิ่งอันเป็นสาธารณูปโภค หรือการรบกวน ขัดขวางหน่วงเหนี่ยวระบบการปฏิบัติงานใดๆ ตลอดจนการประทุษร้ายต่อบุคคลอันเป็นการก่อให้เกิดความปั่นป่วนทางการเมืองการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมุ่งหมายที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของรัฐ “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนและหน่วยงานอื่นของรัฐ แต่ไม่หมายความรวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” หมายความว่า องค์การบริหารส่วนตำบล เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด เมืองพัทยา กรุงเทพมหานคร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่มีกฎหมายจัดตั้ง “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งพื้นที่” หมายความว่า องค์การบริหารส่วนตำบล เทศบาลเมืองพัทยา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่มีกฎหมายจัดตั้ง แต่ไม่หมายความรวมถึงองค์การบริหารส่วนจังหวัด และกรุงเทพมหานคร “จังหวัด” ไม่หมายความรวมถึงกรุงเทพมหานคร “อำเภอ” หมายความรวมถึงกิ่งอำเภอ แต่ไม่หมายความรวมถึงเขตในกรุงเทพมหานคร “นายอำเภอ” หมายความรวมถึงปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ “ผู้บริหารท้องถิ่น” หมายความว่า นายกองค์การบริหารส่วนตำบล นายกเทศมนตรี นายกเมืองพัทยา และหัวหน้าผู้บริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งพื้นที่อื่น “ผู้บัญชาการ” หมายความว่า ผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ “ผู้อำนวยการ” หมายความว่า ผู้อำนวยการกลาง ผู้อำนวยการจังหวัด ผู้อำนวยการอำเภอ ผู้อำนวยการท้องถิ่น และผู้อำนวยการกรุงเทพมหานคร “เจ้าพนักงาน” หมายความว่า ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่ต่างๆ ตามพระราชบัญญัตินี้ “อาสาสมัคร” หมายความว่า อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนตามพระราชบัญญัตินี้ “อธิบดี” หมายความว่า อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
กฎหมายอวกาศ,กฎหมายการบิน
Multiple choice
cc-by-nc-4.0
Finance_40067
Finance
ช่วยสรุปเรื่อง "หุ้นคุณค่าและหุ้นเติบโตคืออะไรและแตกต่างกันอย่างไร" ให้หน่อยค่ะ
1. หุ้นคุณค่า (Value Stock) หุ้นที่มีราคาหรือมูลค่าต่ำกว่าราคาที่เหมาะสมตามทฤษฎี (ของดี ราคาถูก) หรือเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เหมาะสำหรับการลงทุนในระยะยาว ลักษณะเด่นของหุ้นประเภทนี้ คือ เป็นหุ้นที่เน้นอัตราปันผลสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด แต่มักจะมีผลการดำเนินงานเติบโตไม่โดดเด่น ทำให้คนตีราคาของหุ้นตัวนี้ต่ำมากจนไม่สนใจซื้อขายกัน จึงทำให้ราคานั้นต่ำกว่าราคาที่เหมาะสม และเมื่อเวลาผ่านไป นักลงทุนในตลาดมองเห็นคุณค่าที่ซ่อนอยู่ในตัวหุ้น ก็จะเข้าซื้อหุ้น ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต 2. หุ้นเติบโต (Growth Stock) เป็นหุ้นที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่นและรวดเร็วกว่าหุ้นตัวอื่นๆ โดยครอบคลุมตั้งแต่การเติบโตของสินทรัพย์ รายได้ และกำไรของบริษัท ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดจากปัจจัยต่างๆ เช่น เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่หรือขยายสาขาที่สามารถสร้างรายได้มหาศาล เป็นต้น จึงทำให้นักลงทุนที่ต้องการเน้นกำไรจากส่วนต่างราคา (Capital Gain) มักจะลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ ถึงแม้จะมีอัตราปันผลต่ำกว่าและซื้อในราคาที่แพงกว่ามูลค่าที่แท้จริงตามทฤษฎีก็ตาม จากที่เกริ่นมาข้างต้น หุ้นแต่ละประเภทมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป และเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น จึงสรุปเป็นวิธีสังเกตหุ้นคุณค่าและหุ้นเติบโต ว่าแตกต่างกันอย่างไรในแต่ละมุม ดังนี้ 1. มูลค่าเมื่อเทียบกับตลาดหรือกลุ่มอุตสาหกรรม สำหรับมูลค่าของหุ้นคุณค่า เมื่อเทียบกับตลาดหรือกลุ่มอุตสาหกรรม มักจะมีมูลค่าที่ต่ำกว่า ในทางตรงกันข้าม หุ้นเติบโต จะมีมูลค่าที่สูงกว่า โดยอัตราส่วนที่นักลงทุนนิยมใช้ 2 อัตราส่วนในการเปรียบเทียบเบื้องต้น คือ - P/E Ratio เป็นอัตราส่วนที่เปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นและกำไรต่อหุ้น โดยหุ้นคุณค่า (Value Stock) มักจะมีอัตราส่วนดังกล่าวต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหรืออุตสาหกรรมเดียวกัน ส่วนหุ้นเติบโต (Growth Stock) จะมีอัตราส่วนดังกล่าวสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหรือของกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน เนื่องจากมียอดขายและความสามารถในการทำกำไรที่ดี ทำให้นักลงทุนมีความคาดหวังต่อบริษัทค่อนข้างสูง จึงยินดีที่จะซื้อหุ้นในราคาแพง - P/BV Ratio เป็นอีกอัตราส่วนที่ใช้บอกว่าซื้อถูกกว่าหรือแพงกว่า เมื่อเทียบกับเจ้าของ ซึ่งมีความผันผวนที่น้อยกว่า เมื่อเทียบกับ P/E Ratio โดยหุ้นคุณค่า มักจะมีอัตราส่วนดังกล่าวที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบในอุตสาหกรรมเดียวกัน และหุ้นเติบโตมักจะมีอัตราส่วนดังกล่าวที่สูงกว่า โดยอัตราส่วนดังกล่าว มักจะใช้คู่กันกับ ROE เพื่อดูผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับ 2. ผลการดำเนินงาน สำหรับหุ้นคุณค่ามักจะมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง จากกระแสเงินสดที่สูง แม้ว่าจะเติบโตน้อยกว่า เมื่อเทียบกับตลาดหรือกลุ่มอุตสาหกรรม แต่ก็ยังเติบโตอย่างมั่นคง สม่ำเสมอ แต่ในทางกลับกัน หุ้นเติบโตจะมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างรวดเร็วมากกว่า จากการขยายกิจการหรือลงทุนในโครงการใหม่ๆ แต่ความแข็งแกร่งจะน้อยกว่า เมื่อเทียบแบบเดียวกัน 3. เงินปันผล แม้ว่าหุ้นคุณค่ามักจะมีผลการดำเนินงานที่ค่อนข้างคงที่ แต่สิ่งหนึ่งที่นักลงทุนระยะยาวชื่นชอบลงทุนในหุ้นประเภทนี้ คือ เงินปันผล ที่มีอัตราที่สูงกว่าเมื่อเทียบค่าเฉลี่ยของตลาดหรือกลุ่มอุตสาหกรรม ส่วนหุ้นเติบโตจะมีอัตราปันผลที่ต่ำกว่า เนื่องจากกิจการจะนำกำไรไปลงทุนต่อ โดยคาดหวังว่าจะได้กำไรมากขึ้น 4. ความผันผวน จากผลการดำเนินงานของหุ้นทั้ง 2 กลุ่ม จะสะท้อนมูลค่าผ่านราคา โดยราคาของหุ้นคุณค่ามักจะมีความผันผวนต่ำกว่าเมื่อเทียบกับหุ้นเติบโต เนื่องจากหุ้นคุณค่านั้นมักเป็นกิจการขนาดใหญ่ใหญ่และก่อตั้งมานาน ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่ากิจการสามารถรับมือกับวิกฤตหรือวัฏจักรเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในอดีตได้เป็นอย่างดี แต่หุ้นเติบโตมักจะเป็นหุ้นที่นักลงทุนคาดหวังการเติบโตของผลประกอบการที่สูง แต่ถ้าผลประกอบการไม่เป็นไปตามคาด ก็มีโอกาสที่นักลงทุนจะขายทำกำไร นั่นจึงจะทำให้ราคาหุ้นมีความผันผวนสูงกว่า 5. หุ้นแต่ละประเภทเหมาะกับใคร จากคุณสมบัติของหุ้นคุณค่าและหุ้นเติบโตที่อธิบายมาข้างต้น หุ้นคุณค่าจะเหมาะกับนักลงทุนที่เน้นการลงทุนในระยะยาว และต้องการเงินปันผลระหว่างลงทุน (Dividend) และในทางตรงกันข้าม หุ้นเติบโตจะเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะสั้นและเน้นการลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนจากส่วนต่างราคา (Capital Gain)
หุ้นคุณค่า คือ หุ้นที่มีราคาต่ำกว่าราคาที่เหมาะสมตามทฤษฎี หรือเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เหมาะสำหรับการลงทุนในระยะยาว ลักษณะเด่นคือ เน้นอัตราปันผลสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด แต่ผลการดำเนินงานเติบโตไม่โดดเด่น หุ้นเติบโต คือ หุ้นที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่นและรวดเร็วกว่าหุ้นตัวอื่นๆ ครอบคลุมตั้งแต่การเติบโตของสินทรัพย์ รายได้ และกำไรบริษัท ซึ่งอยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดจากปัจจัยต่างๆ ความแตกต่างระหว่างหุ้นคุณค่าและหุ้นเติบโต 1. มูลค่าเมื่อเทียบกับตลาด หุ้นคุณค่ามีมูลค่าต่ำกว่า ส่วนหุ้นเติบโตจะมีมูลค่าสูงกว่า 2. ผลการดำเนินงาน หุ้นคุณค่ามีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งจากกระแสเงินสดที่สูง ส่วนหุ้นเติบโตมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างรวดเร็วจากการขยายกิจการในโครงการใหม่ๆ แต่ความแข็งแกร่งน้อยกว่า 3. เงินปันผล หุ้นคุณค่ามีอัตราเงินปันผลที่สูงกว่า ส่วนหุ้นเติบโตมีอัตราปันผลที่ต่ำกว่า 4. ความผันผวน หุ้นคุณค่ามีความผันผวนต่ำกว่า เนื่องจากเป็นกิจการขนาดใหญ่และก่อตั้งมานาน ส่วนหุ้นเติบโตมีความผันผวนสูงกว่า เพราะเป็นหุ้นที่นักลงทุนคาดหวังการเติบโตของผลประกอบการที่สูง 5. หุ้นคุณค่าเหมาะกับนักลงทุนที่เน้นลงทุนในระยะยาว และต้องการเงินปันผลระหว่างลงทุน ส่วนหุ้นเติบโตเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะสั้น และเน้นลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนจากส่วนต่างราคา
ข่าวเศรษฐกิจและการเงิน
Summarization
cc-by-nc-4.0
Medical_10173
Medical
สรุปบทความเรื่อง ล้างมือบ่อยครั้ง หยุดยั้งเชื้อโรค ให้หน่อย
ล้างมือบ่อยครั้ง หยุดยั้งเชื้อโรค ปัจจุบันการล้างมือนับเป็นหนึ่งในมาตรการการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อที่มีประสิทธิภาพ ประหยัด และมีความสำคัญมาก เนื่องจากพบว่ามีโรคต่างๆมากมายที่แพร่กระจายได้จากการไม่ล้างมือ ตัวอย่างเช่น โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ เช่น หวัด ไข้หวัดใหญ่ วัณโรค ฯลฯ ติดต่อโดยการหายใจเอาเชื้อเข้าไป และติดต่อจากการสัมผัสสิ่งของ สิ่งคัดหลั่ง(น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ) ของผู้ป่วย โรคติดต่อระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องร่วง อหิวาตกโรค ไวรัสตับอักเสบชนิดเอ พยาธิชนิดต่างๆฯลฯ ติดต่อโดยมือปนเปื้อนเชื้อแล้วหยิบอาหารใส่ปาก โรคติดต่อจากการสัมผัสโดยตรง เช่น โรคตาแดง เชื้อรา หิด ฯลฯ ติดต่อโดยมือไปสัมผัสแผล สารคัดหลั่งแล้วมาสัมผัสกับส่วนต่างๆของร่างกาย เมื่อไหร่ที่เราควรล้างมือ ก่อน, ขณะ, และหลังเตรียมอาหาร ก่อนรับประทานอาหาร ก่อน และหลังการดูแลผู้ป่วย ก่อน และหลังการทำแผล ภายหลังจากเข้าห้องน้ำ ภายหลังการเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็ก ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ภายหลังการไอ จาม สั่งน้ำมูก ภายหลังการสัมผัสสัตว์ การให้อาหารสัตว์ และการเก็บมูลสัตว์ ภายหลังการสัมผัสขยะ ขั้นตอนการล้างมือ แบ่งเป็น 5 ขั้นตอน ดังนี้ ล้างมือด้วยน้ำสะอาด(ควรเป็นน้ำไหลผ่านเช่นน้ำก็อก) ฟอกมือด้วยสบู่ โดยฟอกสบู่ให้ทั่วทั้งฝ่ามือ หลังมือ ง่ามนิ้วมือ ซอกเล็บ และข้อมือทั้งสองข้าง ควรใช้เวลาในการฟอกมือด้วยสบู่ ไม่ต่ำกว่า 20 วินาที ล้างมือด้วยน้ำสะอาด เช็ดมือให้แห้งด้วยผ้าสะอาด ในกรณีที่ไม่สามารถล้างมือด้วยสบู่กับน้ำได้ควรทำอย่างไร เป็นที่ยอมรับว่าการล้างมือด้วยสบู่กับน้ำยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดปริมาณเชื้อโรค แต่ในกรณีที่ไม่สามารถล้างมือด้วยสบู่กับน้ำได้ การเลือกใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือแทนถือเป็นอีกวิธีที่สะดวกรวดเร็ว ใช้ได้ทุกที่ทุกเวลา โดยควรเลือกเจลแอลกอฮอล์ล้างมือที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ไม่ต่ำกว่า 60% อย่างไรก็ดีควรระลึกว่าการล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจลนั้นไม่สามารถกำจัดเชื้อโรคได้ทั้งหมด รวมถึงไม่สามารถล้างสารเคมีบางอย่างได้ วิธีการใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ เทเจลแอลกอฮอล์ล้างมือไว้บนฝ่ามือข้างหนึ่ง (ปริมาณการใช้ขึ้นกับคำแนะนำของผู้ผลิต) ถูมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน ถูให้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือกระจายไปทุกพื้นผิวสัมผัสของมือทั้งสองข้างและนิ้วทุกนิ้วจนรู้สึกว่ามือแห้ง
การล้างมือนับเป็นหนึ่งในมาตรการการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ เนื่องจากพบว่ามีโรคต่างๆมากมายที่แพร่กระจายได้จากการไม่ล้างมือ เช่น โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ โรคติดต่อระบบทางเดินอาหาร โรคติดต่อจากการสัมผัสโดยตรง ควรล้างมือ ก่อน, ขณะ, และหลังเตรียมอาหาร ก่อนรับประทานอาหาร ก่อน และหลังการดูแลผู้ป่วย ก่อน และหลังการทำแผล ภายหลังจากเข้าห้องน้ำ ภายหลังการเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็ก ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ภายหลังการไอ จาม สั่งน้ำมูก ภายหลังการสัมผัสสัตว์ การให้อาหารสัตว์ และการเก็บมูลสัตว์ ภายหลังการสัมผัสขยะ ขั้นตอนการล้างมือ แบ่งเป็น 5 ขั้น ดังนี้ 1. ล้างมือด้วยน้ำสะอาด(ควรเป็นน้ำไหลผ่านเช่นน้ำก็อก) 2. ฟอกมือด้วยสบู่ โดยฟอกสบู่ให้ทั่วทั้งฝ่ามือ หลังมือ ง่ามนิ้วมือ ซอกเล็บ และข้อมือทั้งสองข้าง 3. ควรใช้เวลาในการฟอกมือด้วยสบู่ ไม่ต่ำกว่า 20 วินาที 4. ล้างมือด้วยน้ำสะอาด 5. เช็ดมือให้แห้งด้วยผ้าสะอาด การล้างมือด้วยสบู่กับน้ำยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดปริมาณเชื้อโรค แต่ในกรณีที่ไม่สามารถล้างมือด้วยสบู่กับน้ำได้ ให้ใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือแทน
ภาควิชาระบาดวิทยา Epidemiology
Summarization
cc-by-nc-4.0
Finance_40214
Finance
ในฐานะนักลงทุนรายย่อย เราควรจัดสรรเงินลงทุนใน Cryptocurrency อย่างไรให้เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืน
null
การจัดสรรเงินลงทุนใน Cryptocurrency ให้เหมาะสม จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ ร่วมกัน ดังนี้: 1. เป้าหมายทางการเงิน: -ลงทุนระยะสั้น: เน้นเก็งกำไร หวังผลตอบแทนระยะสั้น -ลงทุนระยะยาว: เน้นการถือครองระยะยาว หวังผลตอบแทนจากการเติบโตของเทคโนโลยี Blockchain 2. อายุและความเสี่ยงที่รับได้: -อายุน้อย: รับความเสี่ยงได้สูง ลงทุนใน Cryptocurrency ได้สัดส่วนมากกว่า -อายุมาก: รับความเสี่ยงได้ต่ำ ลงทุนใน Cryptocurrency ได้สัดส่วนน้อยลง 3. เงินทุนสำรอง: -ควรมีเงินทุนสำรองเพียงพอ เผื่อกรณีฉุกเฉิน ไม่ควรนำเงินที่จำเป็นต้องใช้ในระยะสั้นมาลงทุน 4. กลยุทธ์การลงทุน: -กระจายความเสี่ยง ลงทุนใน Cryptocurrency หลายประเภท - ศึกษาข้อมูล เลือกเหรียญที่มีศักยภาพ - DCA (Dollar Cost Averaging) ทยอยซื้อสะสม ลดความเสี่ยงจากความผันผวน 5. ความรู้ความเข้าใจ: -ศึกษาข้อมูล ทำความเข้าใจเทคโนโลยี Blockchain และ Cryptocurrency ติดตามข่าวสาร ความเคลื่อนไหวในตลาด ตัวอย่างการจัดสรรเงินลงทุน: -ลงทุนระยะสั้น: 20% เน้นเหรียญที่มี Market Cap สูง ความผันผวนต่ำ -ลงทุนระยะยาว: 60% เน้นเหรียญที่มีศักยภาพ เทคโนโลยีล้ำสมัย -เงินสำรอง: 20% เผื่อกรณีฉุกเฉิน ข้อควรระวัง: -Cryptocurrency มีความผันผวนสูง -ตลาด Cryptocurrency ยังไม่ถูกกำกับดูแลอย่างเป็นทางการ -มีกลโกงหลอกลวง ควรศึกษาข้อมูล เลือกแหล่งลงทุนที่น่าเชื่อถือ สรุป: การจัดสรรเงินลงทุนใน Cryptocurrency ให้เหมาะสม จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ ร่วมกัน กำหนดเป้าหมาย อายุ ความเสี่ยง เงินทุนสำรอง กลยุทธ์ กระจายความเสี่ยง ศึกษาข้อมูล ลงทุนอย่างมีสติ รับผิดชอบต่อตัวเอง คำแนะนำเพิ่มเติม: -ศึกษาข้อมูล ทำความเข้าใจเทคโนโลยี Blockchain และ Cryptocurrency -ติดตามข่าวสาร ความเคลื่อนไหวในตลาด -ปรึกษานักการเงินมืออาชีพ
เทคโนโลยีทางการเงิน & การเงินดิจิทัล,ความรู้ทางการเงิน
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Medical_10881
Medical
ระบบทางเดินน้ำดี (Biliary tract) คืออะไร
null
ระบบทางเดินน้ำดี หรือ ท่อทางเดินน้ำดี (Biliary tract หรือ Biliary tree) คือ ระบบท่อน้ำดีที่นำน้ำดี (หรือ น้ำย่อยอาหารจากตับ) ซึ่งสร้างจากเซลล์ตับเข้าไปสู่ลำไส้เล็กตอนบนที่เรียกว่า ดูโอดีนัม (Duodenum) ทั้งนี้ ระบบทางเดินน้ำดี จะเริ่มต้นจาก 1. ท่อน้ำดีขนาดเล็ก ๆ มากมายภายในตับรวมกันเป็น... 2. ท่อตับกลีบขวา (Right hepatic duct) และท่อตับกลีบซ้าย (Left hepatic duct) ท่อตับทั้งกลีบซ้ายและกลีบขวารวมกันเป็น... 3. ท่อรวมตับ (Common hepatic duct) ท่อรวมตับจะรวมกับ... 4. ท่อจากถุงน้ำดี หรือ ท่อถุงน้ำดี (Cystic duct) กลายเป็น... 5. ท่อน้ำดีรวม (Common bile duct) ซึ่งจะเปิดเข้าไปสู่ลำไส้เล็กดูโอดีนัม ในตำแหน่งเดียวกันกับท่อนำน้ำย่อยของตับอ่อน (ท่อตับอ่อน หรือ Pancreatic duct) เข้าสู่ลำไส้เล็กดูโอดีนัมได้เช่นกัน ดังนั้น โรคของตับอ่อน จึงมักสัมพันธ์กับโรคของท่อน้ำดีรวม โรคของท่อถุงน้ำดี และโรคของถุงน้ำดี สำหรับโรคที่พบได้ในระบบทางเดินน้ำดี ได้แก่ - โรคระบบทางเดินน้ำดีอักเสบติดเชื้อ - โรคนิ่วในระบบทางเดินน้ำดี - โรคมะเร็งในระบบทางเดินน้ำดี - และโรคทางเดินน้ำดีตีบตันแต่กำเนิด หรือ Biliary atresia
ศัลยศาสตร์ (ศัลยศาสตร์) - Surgery,Anatomy
Open QA
cc-by-nc-4.0
Finance_40388
Finance
การใช้ Leverage ใน Gold Futures, SET50 Index Futures และ Single Stock Futures ช่วยให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้มหาศาล จริงหรือไม่?
null
จริง เหตุผล: Leverage ช่วยให้นักลงทุนสามารถซื้อสินทรัพย์ในปริมาณที่สูงขึ้น โดยใช้เงินลงทุนที่น้อยลง ตัวอย่างเช่น ลงทุนใน Single Stock Futures: -สมมติว่าราคาหุ้น A อยู่ที่ 500 บาท นักลงทุนต้องการซื้อหุ้น A จำนวน 1,000 หุ้น โดยปกติต้องใช้เงินลงทุน 500,000 บาท แต่หากใช้ Leverage 20 เท่า นักลงทุนจะใช้เงินลงทุนเพียง 25,000 บาท ลงทุนใน Gold Futures: -สมมติว่าราคาทองคำอยู่ที่ 1,800 บาทต่อกรัมนักลงทุนต้องการซื้อทองคำ 1 กิโลกรัม โดยปกติต้องใช้เงินลงทุน 1,800,000 บาท แต่หากใช้ Leverage 100 เท่า นักลงทุนจะใช้เงินลงทุนเพียง 18,000 บาท เมื่อราคาสินทรัพย์ขึ้น Leverage จะช่วยขยายผลกำไรให้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น นักลงทุนใช้ Leverage 20 เท่า ซื้อหุ้น A 1,000 หุ้น ราคาหุ้น A ขึ้น 5% นักลงทุนจะได้กำไร 25,000 บาท คิดเป็น 100% ของเงินลงทุน Leverage สามารถใช้ได้กับทั้งขาขึ้นและขาลง ขาขึ้น: -Leverage ช่วยขยายผลกำไร ขาลง: -Leverage ช่วยขยายผลขาดทุน ข้อควรระวัง: -Leverage เป็นเครื่องมือที่มีความเสี่ยงสูง -นักลงทุนควรศึกษาและเข้าใจกลไกการทำงานของ Leverage อย่างละเอียด -นักลงทุนควรมีวินัยในการลงทุน -นักลงทุนควรใช้ Leverage ในปริมาณที่เหมาะสม -นักลงทุนควรมีกลยุทธ์ในการบริหารความเสี่ยง สรุป: การใช้ Leverage ใน Gold Futures, SET50 Index Futures และ Single Stock Futures ช่วยให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้มหาศาล จริง แต่มีความเสี่ยงสูง นักลงทุนควรศึกษาและเข้าใจกลไกการทำงานของ Leverage อย่างละเอียด มีวินัยในการลงทุน ใช้ Leverage ในปริมาณที่เหมาะสม และมีกลยุทธ์ในการบริหารความเสี่ยง
เทคโนโลยีทางการเงิน & การเงินดิจิทัล,ข่าวเศรษฐกิจและการเงิน,ความรู้ทางการเงิน
Classification
cc-by-nc-4.0
Finance_43899
Finance
ช่วยสรุปเรื่อง บทเรียนคำสารภาพจากยูนิคอร์น ‘ท๊อป จิรายุส’ และ ‘คมสันต์ ลี’ ได้ไหม
สรุปและเรียบเรียงโดย BenNote สรุปและเรียบเรียงโดย BenNote บทเรียนที่ 1 เล็กใหญ่แค่ไหน ไม่ว่าใครก็ต้องการ ‘Mentor’ ตอนที่ได้ยินว่าคุณคมสันต์กับคุณท๊อปมี Sunday Session ทุกสัปดาห์ เราก็สงสัยนะว่าพวกเขาคุยอะไรกัน แต่พอได้ยินคำตอบก็เข้าใจพวกเขามากขึ้น ความเป็นยูนิคอร์นที่ไม่มีใครเข้าใจ เลยเลือกที่จะปรับทุกข์กันเอง ดูแลกันเอง เป็นการช่วยเหลือกันแบบที่ไม่มีใครโตได้คนเดียว ไม่ว่าจะเป็นสังคมไหน ไม่ใช่แค่แวดวงสตาร์ทอัพ ตอนที่ได้ยินว่าคุณคมสันต์กับคุณท๊อปมี Sunday Session ทุกสัปดาห์ เราก็สงสัยนะว่าพวกเขาคุยอะไรกัน แต่พอได้ยินคำตอบก็เข้าใจพวกเขามากขึ้น ความเป็นยูนิคอร์นที่ไม่มีใครเข้าใจ เลยเลือกที่จะปรับทุกข์กันเอง ดูแลกันเอง เป็นการช่วยเหลือกันแบบที่ไม่มีใครโตได้คนเดียว ไม่ว่าจะเป็นสังคมไหน ไม่ใช่แค่แวดวงสตาร์ทอัพ หรืออย่างน้อยก็ Community ที่มีคุณภาพ หรืออย่างน้อยก็ Community ที่มีคุณภาพ แน่นอนว่า Ecosystem is ideal แน่นอนว่า Ecosystem is ideal แต่เมื่อไม่มี…One friend is good enough to start with แต่เมื่อไม่มี…One friend is good enough to start with ประมวลผลมาจากการตอบคำถามที่ว่า “ทุกวันอาทิตย์คุยอะไรกัน” ของทั้งสองคน ประมวลผลมาจากการตอบคำถามที่ว่า “ทุกวันอาทิตย์คุยอะไรกัน” ของทั้งสองคน คุณคมสันต์บอกว่า ทั้ง Flash Express และ Bitkub ต่างก็กำลังทำสิ่งใหม่ในวงการหรือในอุตสาหกรรมของตัวเอง ทำให้ไม่มีใครเข้าใจ ไม่เคยมีใครอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับพวกเขามาก่อน ไม่มีความสำเร็จให้ถอดรหัส ไม่มีรุ่นพี่ให้เรียนรู้ ในเชิงธุรกิจก็พอจะเรียนรู้เอาจากประสบการณ์ที่สั่งสมมาได้ แต่ในเชิงนวัตกรรมมันค่อนข้างจะเดียวดาย หันไปทางไหนก็ไม่มีใครรับฟัง คุณคมสันต์บอกว่า ทั้ง Flash Express และ Bitkub ต่างก็กำลังทำสิ่งใหม่ในวงการหรือในอุตสาหกรรมของตัวเอง ทำให้ไม่มีใครเข้าใจ ไม่เคยมีใครอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับพวกเขามาก่อน ไม่มีความสำเร็จให้ถอดรหัส ไม่มีรุ่นพี่ให้เรียนรู้ ในเชิงธุรกิจก็พอจะเรียนรู้เอาจากประสบการณ์ที่สั่งสมมาได้ แต่ในเชิงนวัตกรรมมันค่อนข้างจะเดียวดาย หันไปทางไหนก็ไม่มีใครรับฟัง ชั่วโมงยูนิคอร์นของทุกสัปดาห์สำหรับคุณคมสันต์และคุณท๊อป จึงเป็น ‘ชั่วโมงปรับทุกข์’ เป็นการมาหาพื้นที่ที่มีคนหัวอกเดียวกันรับฟัง เรียกว่าคุณคมสันต์กับคุณท๊อปเข้าใจกันทุกบาดแผลเลยดีกว่า เพราะผ่านสมรภูมิมาคล้ายกัน ซึ่งนอกจากปรับทุกข์ ซับเลือดกันแล้ว สองยูนิคอร์นยังให้กำลังใจซึ่งกันและกันด้วย ชั่วโมงยูนิคอร์นของทุกสัปดาห์สำหรับคุณคมสันต์และคุณท๊อป จึงเป็น ‘ชั่วโมงปรับทุกข์’ เป็นการมาหาพื้นที่ที่มีคนหัวอกเดียวกันรับฟัง เรียกว่าคุณคมสันต์กับคุณท๊อปเข้าใจกันทุกบาดแผลเลยดีกว่า เพราะผ่านสมรภูมิมาคล้ายกัน ซึ่งนอกจากปรับทุกข์ ซับเลือดกันแล้ว สองยูนิคอร์นยังให้กำลังใจซึ่งกันและกันด้วย บทเรียนที่ 2 ยิ่งถ่อมตัวยิ่งได้ ‘ใจ’ คุณคมสันต์ถ่อมตัวว่าให้คำแนะนำอะไรคุณท๊อปไม่ค่อยได้ เพราะฝั่งคุณท๊อปเป็นธุรกิจที่ High Technology มาก แต่เมื่อฟังไปจนจบ เราจะพบและเห็นด้วยกับคุณท๊อปว่า ประสบการณ์ด้านคนและด้านบริหารจัดการที่คุณคมสันต์สะสมอย่างโชกโชน รวมทั้งบาดแผลจากสมรภูมิต่างๆ ที่คุณคมสันต์ผ่านมาก่อนช่วยคุณท๊อปได้มากมายมหาศาลจริงๆ คุณคมสันต์ถ่อมตัวว่าให้คำแนะนำอะไรคุณท๊อปไม่ค่อยได้ เพราะฝั่งคุณท๊อปเป็นธุรกิจที่ High Technology มาก แต่เมื่อฟังไปจนจบ เราจะพบและเห็นด้วยกับคุณท๊อปว่า ประสบการณ์ด้านคนและด้านบริหารจัดการที่คุณคมสันต์สะสมอย่างโชกโชน รวมทั้งบาดแผลจากสมรภูมิต่างๆ ที่คุณคมสันต์ผ่านมาก่อนช่วยคุณท๊อปได้มากมายมหาศาลจริงๆ คุณท๊อปเล่าว่า คุณคมสันต์ให้คำแนะนำเยอะมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นปีที่ Bitkub หนักที่สุดในชีวิตการทำงานของคุณท๊อป มีอุปสรรคเข้ามาตลอด ถ้าเปรียบเป็นสมรภูมิก็…เดี๋ยวไฟลุกตรงนั้น เดี๋ยวไฟไหม้ตรงนี้ แล้วก็ไม่มีใครให้คำแนะนำได้ คุณท๊อปเล่าว่า คุณคมสันต์ให้คำแนะนำเยอะมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นปีที่ Bitkub หนักที่สุดในชีวิตการทำงานของคุณท๊อป มีอุปสรรคเข้ามาตลอด ถ้าเปรียบเป็นสมรภูมิก็…เดี๋ยวไฟลุกตรงนั้น เดี๋ยวไฟไหม้ตรงนี้ แล้วก็ไม่มีใครให้คำแนะนำได้ เพราะถ้าไปถามรุ่นพี่ที่เป็น Traditional Company เป็น Corporate ที่ใหญ่อยู่แล้ว แค่ Deal กับการ Optimize ให้โตขึ้น 5% มูลค่าก็มหาศาลแล้ว แต่สตาร์ทอัพอย่าง Bitkub ต้องโตเป็น 1000% ต่อกัน 4 ปี สภาพเหมือนรถยนต์ที่เหยียบเกิน 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตลอดเวลา จึงมีความพังตลอด พัง…แต่หยุดไม่ได้ ต้องซ่อมไปขับตะบึงไป ไม่มีใครเข้าใจสภาพแบบนี้ คุยกับใครเขาก็ไม่อิน เพราะถ้าไปถามรุ่นพี่ที่เป็น Traditional Company เป็น Corporate ที่ใหญ่อยู่แล้ว แค่ Deal กับการ Optimize ให้โตขึ้น 5% มูลค่าก็มหาศาลแล้ว แต่สตาร์ทอัพอย่าง Bitkub ต้องโตเป็น 1000% ต่อกัน 4 ปี สภาพเหมือนรถยนต์ที่เหยียบเกิน 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตลอดเวลา จึงมีความพังตลอด พัง…แต่หยุดไม่ได้ ต้องซ่อมไปขับตะบึงไป ไม่มีใครเข้าใจสภาพแบบนี้ คุยกับใครเขาก็ไม่อิน คุณท๊อปมารู้ตัวตอนมีโอกาสได้มาคุยกับคุณคมสันต์ว่า ช่วงที่ผ่านมาของตัวเองเรียกว่า Blitzscaling ประเทศไทยไม่มีคนที่อยู่ในสเตจนี้ คุณท๊อปมารู้ตัวตอนมีโอกาสได้มาคุยกับคุณคมสันต์ว่า ช่วงที่ผ่านมาของตัวเองเรียกว่า Blitzscaling ประเทศไทยไม่มีคนที่อยู่ในสเตจนี้ Blitzscaling ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทที่โตเร็วอย่าง Grab หรือ Airbnb ซึ่งตอน Airbnb โต 1,000% ว่ากันว่า Brian Joseph Chesky (CEO Airbnb) ยังยกหูหา Mark Zuckerberg ว่าเจอ Rapid Growth แล้วควรทำตัวอย่างไรต่อ Blitzscaling ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทที่โตเร็วอย่าง Grab หรือ Airbnb ซึ่งตอน Airbnb โต 1,000% ว่ากันว่า Brian Joseph Chesky (CEO Airbnb) ยังยกหูหา Mark Zuckerberg ว่าเจอ Rapid Growth แล้วควรทำตัวอย่างไรต่อ แต่คุณท๊อปไม่รู้จะยกหูหาใคร มึนไปหมด…มีคนเดียวในไทยที่โตเร็วกว่า เป็นยูนิคอร์นไปก่อน ก็คือ Flash Express นี่แหละ แต่คุณท๊อปไม่รู้จะยกหูหาใคร มึนไปหมด…มีคนเดียวในไทยที่โตเร็วกว่า เป็นยูนิคอร์นไปก่อน ก็คือ Flash Express นี่แหละ คุณคมสันต์โตก่อนและใหญ่กว่า Bitkub ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของจำนวนพนักงานหรือขอบเขตธุรกิจ คุณคมสันต์โตก่อนและใหญ่กว่า Bitkub ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของจำนวนพนักงานหรือขอบเขตธุรกิจ จำนวนพนักงาน (คุณคมสันต์เรียกว่า เพื่อนร่วมงาน) Flash Express 200,000 คน Bitkub 1,600 คน ขอบเขตธุรกิจ Flash Express เติบโตจนมีฐานทั่วอาเซียนแล้ว แม้ว่าจะเกิดทีหลัง Bitkub ก็ตาม ในขณะที่ Bitkub ยังอยู่แค่ในเมืองไทย จำนวนพนักงาน (คุณคมสันต์เรียกว่า เพื่อนร่วมงาน) Flash Express 200,000 คน Bitkub 1,600 คน ขอบเขตธุรกิจ Flash Express เติบโตจนมีฐานทั่วอาเซียนแล้ว แม้ว่าจะเกิดทีหลัง Bitkub ก็ตาม ในขณะที่ Bitkub ยังอยู่แค่ในเมืองไทย ขีดเส้นใต้อีกครั้ง เมนเทอร์ที่มีประสบการณ์สำคัญมากถึงมากที่สุด ขีดเส้นใต้อีกครั้ง เมนเทอร์ที่มีประสบการณ์สำคัญมากถึงมากที่สุด เพราะอะไร เพราะอะไร เพราะคุณจะได้สิ่งเหล่านี้จาก Experienced Mentor เพราะคุณจะได้สิ่งเหล่านี้จาก Experienced Mentor 1. ได้คำแนะนำที่ ‘ตรง’ 1. ได้คำแนะนำที่ ‘ตรง’ การได้มาเจอกับคุณคมสันต์ทำให้คุณท๊อป ‘เห็น’ และแก้ ‘ปัญหา’ ได้ตรงจุด การได้มาเจอกับคุณคมสันต์ทำให้คุณท๊อป ‘เห็น’ และแก้ ‘ปัญหา’ ได้ตรงจุด คุณคมสันต์รู้ว่า Stage นี้คุณท๊อปจะ Need อะไร แน่นอนว่าไม่ใช่การ Optimization ที่ทำให้ Bitkub กำลังพังอยู่ แต่ Blitzscaling Company ต้องการ ‘ระบบ’ คุณคมสันต์รู้ว่า Stage นี้คุณท๊อปจะ Need อะไร แน่นอนว่าไม่ใช่การ Optimization ที่ทำให้ Bitkub กำลังพังอยู่ แต่ Blitzscaling Company ต้องการ ‘ระบบ’ Corporate Strategy มีไหม Board of Director ล่ะ CEO Office มีหรือยัง Hiring Process ที่สอดคล้องกับ Stage ของบริษัทควรเป็นอย่างไร Corporate Strategy มีไหม Board of Director ล่ะ CEO Office มีหรือยัง Hiring Process ที่สอดคล้องกับ Stage ของบริษัทควรเป็นอย่างไร พอได้คำถามเหล่านี้มา แต่ละอาทิตย์คุณท๊อปก็จะกลับไปแก้ไข ไปพัฒนาองค์กร พอได้คำถามเหล่านี้มา แต่ละอาทิตย์คุณท๊อปก็จะกลับไปแก้ไข ไปพัฒนาองค์กร 2. ได้ Outside Perspective 2. ได้ Outside Perspective คิดกันเองในทีมก็ลิมิตแค่ Expertise แค่ Experience ที่มี มันชนเพดาน คิดไปคิดมาก็พายเรือวนอยู่ในอ่าง แต่เมื่อมีเมนเทอร์เราจะมีมุมมองของคนที่ผ่านมาก่อน ได้ฟังปั๊บเหมือนมีโมเมนต์ที่ Light Bulb สว่างออกมาจากหัว คิดกันเองในทีมก็ลิมิตแค่ Expertise แค่ Experience ที่มี มันชนเพดาน คิดไปคิดมาก็พายเรือวนอยู่ในอ่าง แต่เมื่อมีเมนเทอร์เราจะมีมุมมองของคนที่ผ่านมาก่อน ได้ฟังปั๊บเหมือนมีโมเมนต์ที่ Light Bulb สว่างออกมาจากหัว เออ ทำไมเราไม่คิดเรื่องนี้ก่อนนะ ทำไมเราไม่เผื่อ ถ้ามีไว้ก่อนก็จะไม่เกิด Crisis แบบนี้ เป็นต้น เออ ทำไมเราไม่คิดเรื่องนี้ก่อนนะ ทำไมเราไม่เผื่อ ถ้ามีไว้ก่อนก็จะไม่เกิด Crisis แบบนี้ เป็นต้น เรื่องพวกนี้ไม่มีใครเข้าใจ คุยกับพนักงานก็ไม่ได้ พ่อแม่ก็ไม่ได้ แม้แต่เพื่อนก็ไม่ได้ เป็นสิ่งที่บ้านเราขาด มันไม่มีพื้นที่ให้ไปปรับทุกข์แล้วมีคนเข้าใจ เรื่องพวกนี้ไม่มีใครเข้าใจ คุยกับพนักงานก็ไม่ได้ พ่อแม่ก็ไม่ได้ แม้แต่เพื่อนก็ไม่ได้ เป็นสิ่งที่บ้านเราขาด มันไม่มีพื้นที่ให้ไปปรับทุกข์แล้วมีคนเข้าใจ คุณท๊อปจึงอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง อยากให้มี Founder Club ที่เป็นพื้นที่ที่เข้ามาแล้วพูดอะไรก็เข้าใจกัน ไม่อยากแชร์กันแค่สองคน เพราะทุกคนก็อยากไปให้ถึงยูนิคอร์น คุณท๊อปจึงอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง อยากให้มี Founder Club ที่เป็นพื้นที่ที่เข้ามาแล้วพูดอะไรก็เข้าใจกัน ไม่อยากแชร์กันแค่สองคน เพราะทุกคนก็อยากไปให้ถึงยูนิคอร์น บทเรียนที่ 3 เรียนรู้จากความล้มเหลว ความล้มเหลวที่หนักที่สุดของทั้งสองยูนิคอร์นคืออะไร ทั้งคู่ผ่านมันมาได้อย่างไร ความล้มเหลวที่หนักที่สุดของทั้งสองยูนิคอร์นคืออะไร ทั้งคู่ผ่านมันมาได้อย่างไร ไม่ว่าจะเกิดจากอะไร ไม่ว่าจะเกิดจากอะไร ทุกอุปสรรคผ่านได้ด้วยใจและความรับผิดชอบ ทุกอุปสรรคผ่านได้ด้วยใจและความรับผิดชอบ มาดูกันที่ Flash Express ก่อน มาดูกันที่ Flash Express ก่อน ก่อนจะไปถึงเรื่องราวปัญหาวิกฤตของ Flash Express คุณคมสันต์ฝากไว้ถึง Mindset ที่สตาร์ทอัพต้องมี นั่นคือคุณต้องคิดไว้ก่อนเลยว่า “การทำสตาร์ทอัพ ไม่ว่าจะไซส์ไหนทุกคนต้องเจอปัญหาแน่นอน” ก่อนจะไปถึงเรื่องราวปัญหาวิกฤตของ Flash Express คุณคมสันต์ฝากไว้ถึง Mindset ที่สตาร์ทอัพต้องมี นั่นคือคุณต้องคิดไว้ก่อนเลยว่า “การทำสตาร์ทอัพ ไม่ว่าจะไซส์ไหนทุกคนต้องเจอปัญหาแน่นอน” คุณคมสันต์เองก็ตั้งรับทุกปัญหา แต่ก็ยังมีวิกฤตที่หนักหนามากเกิดขึ้นและเกือบเอาตัวไม่รอด คุณคมสันต์บอกว่าเป็นเพราะเขา ‘ประมาทเกินไป’ คุณคมสันต์เองก็ตั้งรับทุกปัญหา แต่ก็ยังมีวิกฤตที่หนักหนามากเกิดขึ้นและเกือบเอาตัวไม่รอด คุณคมสันต์บอกว่าเป็นเพราะเขา ‘ประมาทเกินไป’ ในช่วงโควิดที่ผ่านมา ใครๆ ก็บอกว่า Flash Express ได้รับอานิสงส์จากการล็อกดาวน์ เพราะทุกคนอยู่บ้านและต้องซื้อของออนไลน์กันมากขึ้น ทำให้ E-Commerce บูม ดังนั้น Flash Express ซึ่งเป็นธุรกิจ Infrastructure ของ E-Commerce ต้องเติบโตแน่นอน ในช่วงโควิดที่ผ่านมา ใครๆ ก็บอกว่า Flash Express ได้รับอานิสงส์จากการล็อกดาวน์ เพราะทุกคนอยู่บ้านและต้องซื้อของออนไลน์กันมากขึ้น ทำให้ E-Commerce บูม ดังนั้น Flash Express ซึ่งเป็นธุรกิจ Infrastructure ของ E-Commerce ต้องเติบโตแน่นอน นั่นก็จริง แต่สิ่งที่ทุกคนไม่ได้พูดถึงคือต้นทุนมหาศาลที่ตามมา และ Flash Express ต้องแบก! เฉพาะแค่ค่าน้ำมันที่ขึ้นจาก 20 ต้นๆ มาเป็น 30 กลางๆ ในช่วงเวลาแค่ 1 ปี ต้นทุนก็เพิ่มมหาศาลแล้ว นั่นก็จริง แต่สิ่งที่ทุกคนไม่ได้พูดถึงคือต้นทุนมหาศาลที่ตามมา และ Flash Express ต้องแบก! เฉพาะแค่ค่าน้ำมันที่ขึ้นจาก 20 ต้นๆ มาเป็น 30 กลางๆ ในช่วงเวลาแค่ 1 ปี ต้นทุนก็เพิ่มมหาศาลแล้ว แต่ Flash Express ไม่ได้ขึ้นราคาให้มีผลกระทบต่อผู้บริโภคเลย ตรงกันข้ามกลับลดราคาลง และไม่ปิดบริการเพื่อช่วยผู้คนที่ต้องผันตัวเองจากพนักงานออฟฟิศ มาเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ทั้งมือใหม่และมือเก่า แต่ Flash Express ไม่ได้ขึ้นราคาให้มีผลกระทบต่อผู้บริโภคเลย ตรงกันข้ามกลับลดราคาลง และไม่ปิดบริการเพื่อช่วยผู้คนที่ต้องผันตัวเองจากพนักงานออฟฟิศ มาเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ทั้งมือใหม่และมือเก่า อยากช่วยคน จนลืมนึกถึงตัวเอง อยากช่วยคน จนลืมนึกถึงตัวเอง ยิ่งโควิดแรงขึ้น ความต้องการใช้งาน Flash Express ยิ่งมีมากขึ้น แต่นั่นก็แปลว่าผู้คนของ Flash Express ก็มีความเสี่ยงสูงมากขึ้นเช่นกัน ปรากฏว่าที่คลังใหญ่แห่งหนึ่งมีเพื่อนร่วมงานติดโควิดไปถึงเกือบ 400 คน แต่ผู้บริหารก็ยังไม่อยากปิดคลัง เพราะเกรงว่าจะกระทบถึงผู้บริโภค ยิ่งโควิดแรงขึ้น ความต้องการใช้งาน Flash Express ยิ่งมีมากขึ้น แต่นั่นก็แปลว่าผู้คนของ Flash Express ก็มีความเสี่ยงสูงมากขึ้นเช่นกัน ปรากฏว่าที่คลังใหญ่แห่งหนึ่งมีเพื่อนร่วมงานติดโควิดไปถึงเกือบ 400 คน แต่ผู้บริหารก็ยังไม่อยากปิดคลัง เพราะเกรงว่าจะกระทบถึงผู้บริโภค วันที่คุณคมสันต์ไปทาวน์ฮอลล์เพื่อบอกกับพนักงานว่าเราต้องสู้ เพราะเราเป็นที่พึ่งของผู้คน เราไม่ใช่โลจิสติกส์ธรรมดา แต่เราเป็นผู้ช่วยให้ผู้คนใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย พนักงานยกมือขึ้นแล้วบอกคุณคมสันต์ว่า… วันที่คุณคมสันต์ไปทาวน์ฮอลล์เพื่อบอกกับพนักงานว่าเราต้องสู้ เพราะเราเป็นที่พึ่งของผู้คน เราไม่ใช่โลจิสติกส์ธรรมดา แต่เราเป็นผู้ช่วยให้ผู้คนใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย พนักงานยกมือขึ้นแล้วบอกคุณคมสันต์ว่า… “เราเชื่อในสิ่งที่คุณคมสันต์พูด เราเชื่อในสิ่งที่คุณคมสันต์ทำ แต่คุณคมสันต์จะให้เราล้มลงที่นี่แล้วลุกขึ้นมาไม่ได้ก่อน คุณคมสันต์ถึงจะยอมปิดคลังสินค้าใช่ไหม” “เราเชื่อในสิ่งที่คุณคมสันต์พูด เราเชื่อในสิ่งที่คุณคมสันต์ทำ แต่คุณคมสันต์จะให้เราล้มลงที่นี่แล้วลุกขึ้นมาไม่ได้ก่อน คุณคมสันต์ถึงจะยอมปิดคลังสินค้าใช่ไหม” ประโยคนั้นทำให้คุณคมสันต์เสียใจมาก คุณคมสันต์เสียใจที่ดูแล ‘เพื่อนร่วมงาน’ ได้ไม่ดีพอ และประโยคนี้เองที่ทำให้คุณคมสันต์ตัดสินใจปิดคลังสินค้าสองสัปดาห์ ประโยคนั้นทำให้คุณคมสันต์เสียใจมาก คุณคมสันต์เสียใจที่ดูแล ‘เพื่อนร่วมงาน’ ได้ไม่ดีพอ และประโยคนี้เองที่ทำให้คุณคมสันต์ตัดสินใจปิดคลังสินค้าสองสัปดาห์ ผล…ก็อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้ว โดนด่าเละ ดราม่าชามใหญ่บังเกิด เพราะลูกค้าเดือดร้อนมากกว่า 300,000 ราย คุณคมสันต์บอกว่าเป็นช่วงเวลาที่แย่มากที่สุดในชีวิต และโทษตัวเองว่า “ประมาทโควิดเกินไป” ผล…ก็อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้ว โดนด่าเละ ดราม่าชามใหญ่บังเกิด เพราะลูกค้าเดือดร้อนมากกว่า 300,000 ราย คุณคมสันต์บอกว่าเป็นช่วงเวลาที่แย่มากที่สุดในชีวิต และโทษตัวเองว่า “ประมาทโควิดเกินไป” รู้ทั้งรู้ว่าจะเกิดผลลบตามมามหาศาล ทำไมคุณคมสันต์ตัดสินใจปิด? เพราะ… รู้ทั้งรู้ว่าจะเกิดผลลบตามมามหาศาล ทำไมคุณคมสันต์ตัดสินใจปิด? เพราะ… ต้องรับผิดชอบ ต้องรับผิดชอบ ในฐานะ ‘ผู้ปกครอง’ ของ Flash Express คุณคมสันต์บอกว่า ตัวเองต้องรับผิดชอบเพื่อนร่วมงานทุกคน เพราะเขาก็ต้องรับผิดชอบต่อครอบครัวของเขา โชคดีมากที่ผู้ถือหุ้นสนับสนุนการตัดสินใจของคมสันต์ทุกคน ในฐานะ ‘ผู้ปกครอง’ ของ Flash Express คุณคมสันต์บอกว่า ตัวเองต้องรับผิดชอบเพื่อนร่วมงานทุกคน เพราะเขาก็ต้องรับผิดชอบต่อครอบครัวของเขา โชคดีมากที่ผู้ถือหุ้นสนับสนุนการตัดสินใจของคมสันต์ทุกคน และในฐานะเจ้าของกิจการ คุณคมสันต์ก็ต้องคิดต่อไปถึงคนที่จะได้รับผลกระทบว่าความรับผิดชอบของเราต้องไปอยู่ที่ไหนบ้าง และต้องรับผิดชอบให้หมดทุกคนทุกฝ่ายด้วย และในฐานะเจ้าของกิจการ คุณคมสันต์ก็ต้องคิดต่อไปถึงคนที่จะได้รับผลกระทบว่าความรับผิดชอบของเราต้องไปอยู่ที่ไหนบ้าง และต้องรับผิดชอบให้หมดทุกคนทุกฝ่ายด้วย พนักงานกักตัว ไม่ต้องทำงาน แต่ได้เงินเดือนทุกคน ลูกค้าที่เดือดร้อนส่งฟรีทุกคน ผู้รับสินค้าปลายทางที่ได้รับผลกระทบได้ Voucher ส่ง Flash Express ฟรีทุกคน พนักงานกักตัว ไม่ต้องทำงาน แต่ได้เงินเดือนทุกคน ลูกค้าที่เดือดร้อนส่งฟรีทุกคน ผู้รับสินค้าปลายทางที่ได้รับผลกระทบได้ Voucher ส่ง Flash Express ฟรีทุกคน เป็นสองสัปดาห์ที่ Flash ขาดทุนหนักที่สุดในประวัติศาสตร์ คำนวณตัวเลขถึง 250 ล้านบาท แต่ผู้บริหารทุกคนสนับสนุน และด้วยความรับผิดชอบนี้ ทำให้ผู้บริโภคทุกคนกลับมาเข้าใจและให้ใจ Flash Express มาจนถึงทุกวันนี้ เป็นสองสัปดาห์ที่ Flash ขาดทุนหนักที่สุดในประวัติศาสตร์ คำนวณตัวเลขถึง 250 ล้านบาท แต่ผู้บริหารทุกคนสนับสนุน และด้วยความรับผิดชอบนี้ ทำให้ผู้บริโภคทุกคนกลับมาเข้าใจและให้ใจ Flash Express มาจนถึงทุกวันนี้ Flash Express ใช้เวลา 45 วันพลิกจากจุดที่แย่ที่สุดกลับมายืนจุดเดิม Flash Express ใช้เวลา 45 วันพลิกจากจุดที่แย่ที่สุดกลับมายืนจุดเดิม สรุปบทเรียนจากปี 2021 ที่ผ่านมา คุณคมสันต์บอกว่าได้มาหนึ่งคำคือ ‘ความรับผิดชอบ’ ทุกคนล้วนต้องเจอปัญหา ต้องมีจุดที่อ่อนแอและแก้ไขได้ไม่ดีพอ โดยเฉพาะองค์กรที่โตเร็วมากกว่าคนอื่น สรุปบทเรียนจากปี 2021 ที่ผ่านมา คุณคมสันต์บอกว่าได้มาหนึ่งคำคือ ‘ความรับผิดชอบ’ ทุกคนล้วนต้องเจอปัญหา ต้องมีจุดที่อ่อนแอและแก้ไขได้ไม่ดีพอ โดยเฉพาะองค์กรที่โตเร็วมากกว่าคนอื่น ยากมากที่ผู้บริหารจะมองเห็นว่า ‘ข้อที่ไม่ดีพอ’ มีอะไรบ้าง เพราะเรามักจะเห็นข้อดีมากกว่าข้อไม่ดี และก็ต้องยอมรับว่าบริษัทแบบ Flash Eepress บางทีก็ยอมปิดตาข้างหนึ่งในช่วงเติบโต เพื่อให้ไปได้เร็ว นั่นคือความเสี่ยง ผู้บริหารจึงต้องดูว่ามีความเสี่ยงอะไรบ้าง ที่จะทำให้การเติบโตที่เราสะสมมาทั้งหมดหายไปในชั่วข้ามคืน ยากมากที่ผู้บริหารจะมองเห็นว่า ‘ข้อที่ไม่ดีพอ’ มีอะไรบ้าง เพราะเรามักจะเห็นข้อดีมากกว่าข้อไม่ดี และก็ต้องยอมรับว่าบริษัทแบบ Flash Eepress บางทีก็ยอมปิดตาข้างหนึ่งในช่วงเติบโต เพื่อให้ไปได้เร็ว นั่นคือความเสี่ยง ผู้บริหารจึงต้องดูว่ามีความเสี่ยงอะไรบ้าง ที่จะทำให้การเติบโตที่เราสะสมมาทั้งหมดหายไปในชั่วข้ามคืน ความประมาทในโควิดเป็นบทเรียนที่หนักมาก ถ้าแก้ไขไม่ดีพอความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะหายไป รวมทั้งความเชื่อมั่นของเพื่อนร่วมงานที่ฝากชีวิตไว้กับคุณคมสันต์ก็จะหายไป สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเยียวยาผู้คนรอบข้าง ตัวเพื่อนร่วมงานเอง รวมไปถึงผู้บริโภคด้วย ความประมาทในโควิดเป็นบทเรียนที่หนักมาก ถ้าแก้ไขไม่ดีพอความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะหายไป รวมทั้งความเชื่อมั่นของเพื่อนร่วมงานที่ฝากชีวิตไว้กับคุณคมสันต์ก็จะหายไป สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเยียวยาผู้คนรอบข้าง ตัวเพื่อนร่วมงานเอง รวมไปถึงผู้บริโภคด้วย ทางฝั่ง Bitkub ก็เผชิญปัญหาใหญ่ไม่แพ้กัน ทางฝั่ง Bitkub ก็เผชิญปัญหาใหญ่ไม่แพ้กัน ตั้งแต่ต้นปีก็โดนรับน้องเลย วันที่ Bitcoin ราคาพุ่งถึง 1 ล้านบาทเป็นวันแรก คนเข้ามาวันละ 45,000 คนทุกวัน นึกถึงสนามฟุตบอลที่มีคนเข้ามาวันละ 45,000 คนทุกวันแล้วไม่ได้ออกแบบหรือเตรียม Infrastructure ไว้รองรับออกไหม นั่นแหละ พังเพราะแบบนั้น ตั้งแต่ต้นปีก็โดนรับน้องเลย วันที่ Bitcoin ราคาพุ่งถึง 1 ล้านบาทเป็นวันแรก คนเข้ามาวันละ 45,000 คนทุกวัน นึกถึงสนามฟุตบอลที่มีคนเข้ามาวันละ 45,000 คนทุกวันแล้วไม่ได้ออกแบบหรือเตรียม Infrastructure ไว้รองรับออกไหม นั่นแหละ พังเพราะแบบนั้น เหตุเกิดเพราะอะไร เหตุเกิดเพราะอะไร คุณท๊อปบอกว่าเป็นเพราะปรับ Mindset ไม่ทัน เพราะช่วง 2 ปีแรก Bitkub ยังอยู่ในช่วง War Time แค่เอาตัวรอดได้ก็บุญแล้ว คุณท๊อปบอกว่าเป็นเพราะปรับ Mindset ไม่ทัน เพราะช่วง 2 ปีแรก Bitkub ยังอยู่ในช่วง War Time แค่เอาตัวรอดได้ก็บุญแล้ว การเป็นสตาร์ทอัพในช่วง War Time มันคือการกระโดดลงจากหน้าผาแล้วสร้างเครื่องบินให้ทันก่อนตกถึงพื้น คุณต้องทำทุกอย่างเพื่อให้มีกำไรให้ได้ เพื่อให้อยู่รอดให้ได้ ต้องบีบ ต้องตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นให้หมด การเป็นสตาร์ทอัพในช่วง War Time มันคือการกระโดดลงจากหน้าผาแล้วสร้างเครื่องบินให้ทันก่อนตกถึงพื้น คุณต้องทำทุกอย่างเพื่อให้มีกำไรให้ได้ เพื่อให้อยู่รอดให้ได้ ต้องบีบ ต้องตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นให้หมด มีจุดหนึ่งที่ Bitkub อยู่ในสภาวะที่อีก 2 เดือนเงินจะหมด คุณท๊อปต้องให้คนออกจากงาน 80 คน นั่นคือ 80 ครอบครัวที่ต้องตกงาน แต่คุณท๊อปก็ไม่มีทางเลือก เพื่อให้บริษัทอยู่ได้ ช่วงนั้นเป็นช่วงปลายปีพอดี คุณท๊อปวิ่งหาเงินระดมทุนไม่ได้เข้าออฟฟิศเลย จนลูกน้องคิดว่า เอ๊ะ จะรอดไหม จะได้เงินเดือนหรือเปล่า…เส้นทางยูนิคอร์นไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด มีจุดหนึ่งที่ Bitkub อยู่ในสภาวะที่อีก 2 เดือนเงินจะหมด คุณท๊อปต้องให้คนออกจากงาน 80 คน นั่นคือ 80 ครอบครัวที่ต้องตกงาน แต่คุณท๊อปก็ไม่มีทางเลือก เพื่อให้บริษัทอยู่ได้ ช่วงนั้นเป็นช่วงปลายปีพอดี คุณท๊อปวิ่งหาเงินระดมทุนไม่ได้เข้าออฟฟิศเลย จนลูกน้องคิดว่า เอ๊ะ จะรอดไหม จะได้เงินเดือนหรือเปล่า…เส้นทางยูนิคอร์นไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด ความเสี่ยงที่ Bitkub เจอตอนนั้นมีสาเหตุมาจากการระดมทุนที่มีมูลค่าสูงเกินไป คือในช่วง Seed Round ระดมได้มูลค่าถึง 525 ล้านบาท ได้เงินมา 67 ล้านบาทแลกกับหุ้น 16-17% ทั้งๆ ที่ยังไม่มีอะไรเลย มีแค่กระดาษแผ่นเดียว ที่จริงมูลค่านี้ควรเป็นมูลค่าในรอบ Serie-A ความเสี่ยงที่ Bitkub เจอตอนนั้นมีสาเหตุมาจากการระดมทุนที่มีมูลค่าสูงเกินไป คือในช่วง Seed Round ระดมได้มูลค่าถึง 525 ล้านบาท ได้เงินมา 67 ล้านบาทแลกกับหุ้น 16-17% ทั้งๆ ที่ยังไม่มีอะไรเลย มีแค่กระดาษแผ่นเดียว ที่จริงมูลค่านี้ควรเป็นมูลค่าในรอบ Serie-A ได้เงินเยอะก็ดีไม่ใช่เหรอ แล้วมันไม่ดีอย่างไร ได้เงินเยอะก็ดีไม่ใช่เหรอ แล้วมันไม่ดีอย่างไร ยิ่งระดมทุนได้สูงก็ยิ่งต้องวิ่งให้เร็วกว่าคนอื่น เพื่อให้ Justify กับ Value ผลประกอบการต้องคุ้มค่ากับมูลค่าของบริษัท นั่นเท่ากับว่าแม้คุณท๊อปจะทำให้ Bitkub โตขึ้นปีละ 1,000% ทุกปีจนเข้าปีที่ 3 ก็ยังไม่สามารถทำ Valuation ให้ถึงได้ ระดมทุนเพิ่มก็ไม่ได้ ยิ่งระดมทุนได้สูงก็ยิ่งต้องวิ่งให้เร็วกว่าคนอื่น เพื่อให้ Justify กับ Value ผลประกอบการต้องคุ้มค่ากับมูลค่าของบริษัท นั่นเท่ากับว่าแม้คุณท๊อปจะทำให้ Bitkub โตขึ้นปีละ 1,000% ทุกปีจนเข้าปีที่ 3 ก็ยังไม่สามารถทำ Valuation ให้ถึงได้ ระดมทุนเพิ่มก็ไม่ได้ จน 2 เดือนสุดท้ายมี Investor มาให้ที่มูลค่า 350 ล้านบาท ถึงจะอยากได้เงินแต่นั่นมันคือการ Down Round ซึ่งเป็นการ Mistreat นักลงทุนกลุ่มแรก คุณท๊อปจึงตัดสินใจปฏิเสธไป แล้วก็เริ่มคิดถึงทางออกต่างๆ ที่จะไม่ Mistreat ทุกคน จน 2 เดือนสุดท้ายมี Investor มาให้ที่มูลค่า 350 ล้านบาท ถึงจะอยากได้เงินแต่นั่นมันคือการ Down Round ซึ่งเป็นการ Mistreat นักลงทุนกลุ่มแรก คุณท๊อปจึงตัดสินใจปฏิเสธไป แล้วก็เริ่มคิดถึงทางออกต่างๆ ที่จะไม่ Mistreat ทุกคน จุดนั้นเขาคิดว่าตัวเองพอมีเงิน เกิดอะไรขึ้นก็จะไม่ให้ใครเสียหาย ยอมเจ็บคนเดียว อาจจะขาย Bitcoin ที่มีอยู่ เอาเงินตัวเองมาทำ Exit Package คืนผู้ถือหุ้น แล้วปิดบริษัท หรืออาจจะเอาเงินจาก Bitcoin มาเติมในบริษัทเพื่อให้สายป่านยาวขึ้น จุดนั้นเขาคิดว่าตัวเองพอมีเงิน เกิดอะไรขึ้นก็จะไม่ให้ใครเสียหาย ยอมเจ็บคนเดียว อาจจะขาย Bitcoin ที่มีอยู่ เอาเงินตัวเองมาทำ Exit Package คืนผู้ถือหุ้น แล้วปิดบริษัท หรืออาจจะเอาเงินจาก Bitcoin มาเติมในบริษัทเพื่อให้สายป่านยาวขึ้น แต่โชคดีที่มีนักลงทุนมาเสนอให้ 750 ล้านบาท มูลค่าบริษัทเพิ่มจาก 525 ล้านบาทเป็น 750 ล้านบาท ทำให้มีเงินมาต่อยอดได้ โดยปีที่ 3 เป็นปีแรกที่ Bitkub เริ่มทำกำไร แต่กลายเป็นปีที่ผิดพลาดอย่างรุนแรงมากเพราะ Mentality ของตัวเอง ด้วยความเข็ดจาก 2 เดือนนั้น คุณท๊อปกลัวเงินจะหมด เลยรีด Efficiency จากทุกอย่าง บีบทุกอย่าง อะไรไม่จำเป็นตัดเรียบ ไม่กล้าลงทุนอะไร พยายาม Run ธุรกิจบนกำไร แต่โชคดีที่มีนักลงทุนมาเสนอให้ 750 ล้านบาท มูลค่าบริษัทเพิ่มจาก 525 ล้านบาทเป็น 750 ล้านบาท ทำให้มีเงินมาต่อยอดได้ โดยปีที่ 3 เป็นปีแรกที่ Bitkub เริ่มทำกำไร แต่กลายเป็นปีที่ผิดพลาดอย่างรุนแรงมากเพราะ Mentality ของตัวเอง ด้วยความเข็ดจาก 2 เดือนนั้น คุณท๊อปกลัวเงินจะหมด เลยรีด Efficiency จากทุกอย่าง บีบทุกอย่าง อะไรไม่จำเป็นตัดเรียบ ไม่กล้าลงทุนอะไร พยายาม Run ธุรกิจบนกำไร ปณิธานคือ “เราจะไม่กลับไปขาดทุนอีกแล้ว” ปณิธานคือ “เราจะไม่กลับไปขาดทุนอีกแล้ว” นั่นเป็น Mentality แบบ War Time คุณท๊อปไม่ได้ตระหนักว่าตัวเองพ้น Stage นั้นมาแล้ว เลยจุด Product-Market-Fit มาแล้ว Product หาตลาดได้แล้ว เริ่มทำกำไร เริ่มจะวิ่งได้ นี่คือช่วง Blitzscaling แต่คุณท๊อปเปลี่ยนโหมดไม่ทัน Mindset ยังอยู่ที่เดิม นั่นเป็น Mentality แบบ War Time คุณท๊อปไม่ได้ตระหนักว่าตัวเองพ้น Stage นั้นมาแล้ว เลยจุด Product-Market-Fit มาแล้ว Product หาตลาดได้แล้ว เริ่มทำกำไร เริ่มจะวิ่งได้ นี่คือช่วง Blitzscaling แต่คุณท๊อปเปลี่ยนโหมดไม่ทัน Mindset ยังอยู่ที่เดิม แทนที่ตลาดขยาย จะ Capture 1,000% Growth ได้จาก 350 ล้านบาท เป็น 5,000 ล้านบาท ปรากฏว่าลงทุนใน Infrastructure ไม่ทัน ต้องปิดเว็บ กลายเป็นการประหยัดที่แพงที่สุดในชีวิต แทนที่ตลาดขยาย จะ Capture 1,000% Growth ได้จาก 350 ล้านบาท เป็น 5,000 ล้านบาท ปรากฏว่าลงทุนใน Infrastructure ไม่ทัน ต้องปิดเว็บ กลายเป็นการประหยัดที่แพงที่สุดในชีวิต สำหรับคุณท๊อปสถานการณ์นี้หนักที่สุดในชีวิต จากปกติชีวิตก็หนักอยู่แล้ว คุณท๊อปทำงานหนักมากตลอด 7 วันต่อสัปดาห์ แต่พอ Exchange ระเบิด คนด่าทั้งประเทศแล้วมีเวลาแค่ 5 วันที่ต้องกู้มันกลับมาให้ได้ ก.ล.ต. ยื่นคำขาดว่า 5 วันต้องเสร็จ ถามว่าทำไมถึงต้องรีบกู้กลับมา เพราะ Bitkub เป็น Country Critical Infrastructure เป็นโครงสร้างหลักของเศรษฐกิจดิจิทัล เหมือนกับธนาคารหรือตลาดหลักทรัพย์เป็นในฝั่ง Physical มันมีผลกระทบในวงกว้าง ทีมจึงต้องสร้างปาฏิหาริย์ทำงานที่ต้องใช้เวลา 6 เดือนให้เสร็จภายใน 6 วัน ทุกคนนอนออฟฟิศ คุณท๊อปบอกทุกคนว่าให้ทำงานให้เหมือนเป็นวันสุดท้ายของชีวิต สำหรับคุณท๊อปสถานการณ์นี้หนักที่สุดในชีวิต จากปกติชีวิตก็หนักอยู่แล้ว คุณท๊อปทำงานหนักมากตลอด 7 วันต่อสัปดาห์ แต่พอ Exchange ระเบิด คนด่าทั้งประเทศแล้วมีเวลาแค่ 5 วันที่ต้องกู้มันกลับมาให้ได้ ก.ล.ต. ยื่นคำขาดว่า 5 วันต้องเสร็จ ถามว่าทำไมถึงต้องรีบกู้กลับมา เพราะ Bitkub เป็น Country Critical Infrastructure เป็นโครงสร้างหลักของเศรษฐกิจดิจิทัล เหมือนกับธนาคารหรือตลาดหลักทรัพย์เป็นในฝั่ง Physical มันมีผลกระทบในวงกว้าง ทีมจึงต้องสร้างปาฏิหาริย์ทำงานที่ต้องใช้เวลา 6 เดือนให้เสร็จภายใน 6 วัน ทุกคนนอนออฟฟิศ คุณท๊อปบอกทุกคนว่าให้ทำงานให้เหมือนเป็นวันสุดท้ายของชีวิต ถามว่ามีปัญหากับพนักงานไหมที่ต้องทำงานโหดแบบนี้ คุณท๊อปตอบว่าช่วงหนักๆ ลำบากๆ แบบนี้แหละที่จะแสดงธาตุแท้ของคนออกมา คนไหนเต็มที่กับบริษัทแค่ไหน Vision เข้ากันไหม Bitkub ไม่ใช่บริษัท แต่คือ ‘วงการ’ การทำงาน 5 วันนี้คือการกู้วงการ Cryptocurrency ถามว่ามีปัญหากับพนักงานไหมที่ต้องทำงานโหดแบบนี้ คุณท๊อปตอบว่าช่วงหนักๆ ลำบากๆ แบบนี้แหละที่จะแสดงธาตุแท้ของคนออกมา คนไหนเต็มที่กับบริษัทแค่ไหน Vision เข้ากันไหม Bitkub ไม่ใช่บริษัท แต่คือ ‘วงการ’ การทำงาน 5 วันนี้คือการกู้วงการ Cryptocurrency พอผ่านมาได้ หลังจากนั้น Bitkub ก็โตจาก 200 คนเป็น 1,600 คนภายใน 12 เดือน สามารถกู้สถานการณ์กลับมาได้ พอผ่านมาได้ หลังจากนั้น Bitkub ก็โตจาก 200 คนเป็น 1,600 คนภายใน 12 เดือน สามารถกู้สถานการณ์กลับมาได้ ถามว่าเหตุการณ์นี้เสียหายไปแค่ไหนรวมๆ ก็เป็นพันล้านบาท ถามว่าเหตุการณ์นี้เสียหายไปแค่ไหนรวมๆ ก็เป็นพันล้านบาท กองทุน Customer Compensation Fund เสียไป 100 ล้านบาท เปิดเว็บมาได้ ปรากฏว่ามีเหรียญต้องถูก Delisted ออกจากตลาด ความจริง Bitkub ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร เพราะเป็นความเสี่ยงของนักลงทุนเอง แต่เพื่อเยียวยาใจเหมือนที่ Flash Express ทำ Bitkub ชดเชยให้ทุกคน เสียไปอีก 200 ล้านบาท ยังไม่พอ ให้ Trade ฟรีอีก 1 สัปดาห์ เสียไปอีก 100 ล้านบาท กองทุน Customer Compensation Fund เสียไป 100 ล้านบาท เปิดเว็บมาได้ ปรากฏว่ามีเหรียญต้องถูก Delisted ออกจากตลาด ความจริง Bitkub ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร เพราะเป็นความเสี่ยงของนักลงทุนเอง แต่เพื่อเยียวยาใจเหมือนที่ Flash Express ทำ Bitkub ชดเชยให้ทุกคน เสียไปอีก 200 ล้านบาท ยังไม่พอ ให้ Trade ฟรีอีก 1 สัปดาห์ เสียไปอีก 100 ล้านบาท เมื่อรวมกับ Opportunity Cost ที่เสียไปจากการทำรายได้ไม่ได้ และการไป Fix โครงสร้างอีกเป็น 1,000 ล้าน เมื่อรวมกับ Opportunity Cost ที่เสียไปจากการทำรายได้ไม่ได้ และการไป Fix โครงสร้างอีกเป็น 1,000 ล้าน นี่จึงเป็นการประหยัดที่แพงที่สุดในชีวิตคุณท๊อปเลยทีเดียว นี่จึงเป็นการประหยัดที่แพงที่สุดในชีวิตคุณท๊อปเลยทีเดียว บทเรียนที่ 4 ต้องรู้ตน เพื่อให้ทำอะไรได้ถูกที่ถูกเวลา คุณท๊อปบอกว่าถ้าตอนนั้นเข้าใจ Mentality Shift ว่าช่วง Blitzscaling ควรบริหารอีกแบบคือต้อง ‘ปิดตา’ คุณท๊อปบอกว่าถ้าตอนนั้นเข้าใจ Mentality Shift ว่าช่วง Blitzscaling ควรบริหารอีกแบบคือต้อง ‘ปิดตา’ Efficiency ไม่ต้องไปมอง Expense ที่เพิ่มไม่ต้องไปมอง Efficiency ไม่ต้องไปมอง Expense ที่เพิ่มไม่ต้องไปมอง ต้อง Forecast และ Overspend ไปเลยล่วงหน้าว่าถ้าถึงจุดนั้นแล้วต้องมี ต้องทำอะไรบ้าง อย่าไปรอ ทำอะไรได้ทำเลย เพื่อจะ Capture Growth เป็น 1,000% ให้ทัน Expense เพิ่ม 10% แต่ Capture Growth ได้เป็น 1,000% คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ต้อง Forecast และ Overspend ไปเลยล่วงหน้าว่าถ้าถึงจุดนั้นแล้วต้องมี ต้องทำอะไรบ้าง อย่าไปรอ ทำอะไรได้ทำเลย เพื่อจะ Capture Growth เป็น 1,000% ให้ทัน Expense เพิ่ม 10% แต่ Capture Growth ได้เป็น 1,000% คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม อย่างที่เขาว่า ‘น้ำขึ้นให้รีบตัก’ อย่างที่เขาว่า ‘น้ำขึ้นให้รีบตัก’ แต่คุณท๊อปเพิ่งเข้าใจ ทุกอย่างเลยผิดจังหวะไปหมดเลยในช่วงนั้น พอเริ่มกำไรแทนที่จะไปคิดเรื่องการวางระบบระเบียบเพื่อรองรับการขยายตัว ดันไปคิดเรื่อง Culture, Purpose, Vision, Mission แต่คุณท๊อปเพิ่งเข้าใจ ทุกอย่างเลยผิดจังหวะไปหมดเลยในช่วงนั้น พอเริ่มกำไรแทนที่จะไปคิดเรื่องการวางระบบระเบียบเพื่อรองรับการขยายตัว ดันไปคิดเรื่อง Culture, Purpose, Vision, Mission จำได้ว่าพูดกับพนักงานทั้งหมดใน All Hands Meeting ว่าเราจะมามัวทำกำไรอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องเปลี่ยนจาก Good Company ไปเป็น Great Company เราต้องเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่ น่าอยู่ ออฟฟิศสวย จำได้ว่าพูดกับพนักงานทั้งหมดใน All Hands Meeting ว่าเราจะมามัวทำกำไรอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องเปลี่ยนจาก Good Company ไปเป็น Great Company เราต้องเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่ น่าอยู่ ออฟฟิศสวย คือมันก็ดีนะ แต่มันผิด Timing…มันใช่เวลาไหม? คือมันก็ดีนะ แต่มันผิด Timing…มันใช่เวลาไหม? คำตอบคือไม่ใช่ เวลานั้นมันต้อง Blitzscaling ก่อน พวก Culture, Efficiency, Expenses อะไรปิดตาไปข้างหนึ่ง อะไรที่ดูเป็นความฟุ่มเฟือย (Redundancy) อย่างเช่น Office Space ที่ว่าง เช่าเปล่าๆ ไว้ไม่เป็นไร เช่าเตรียมไว้ก่อน พอจะขยายจะได้ไม่ต้องมานั่งหาออฟฟิศเพิ่ม ไม่ทันการณ์ไปอีก ส่วนที่พลาดไปแล้วทำอะไรไม่ได้ก็ปล่อยไป คำตอบคือไม่ใช่ เวลานั้นมันต้อง Blitzscaling ก่อน พวก Culture, Efficiency, Expenses อะไรปิดตาไปข้างหนึ่ง อะไรที่ดูเป็นความฟุ่มเฟือย (Redundancy) อย่างเช่น Office Space ที่ว่าง เช่าเปล่าๆ ไว้ไม่เป็นไร เช่าเตรียมไว้ก่อน พอจะขยายจะได้ไม่ต้องมานั่งหาออฟฟิศเพิ่ม ไม่ทันการณ์ไปอีก ส่วนที่พลาดไปแล้วทำอะไรไม่ได้ก็ปล่อยไป คุณท๊อปบอกว่า ปีที่แล้วโชคดีที่เจอคุณคมสันต์ เหมือนได้คุณคมสันต์มาเป็นเมนเทอร์ให้ คอยบอกว่า…เฮ้ย ท๊อป Stage นี้แล้ว ควรเป็นแบบนี้นะ Hiring Process, Organization Structure, Organization Design ควรเป็นอย่างไร คุณท๊อปบอกว่า ปีที่แล้วโชคดีที่เจอคุณคมสันต์ เหมือนได้คุณคมสันต์มาเป็นเมนเทอร์ให้ คอยบอกว่า…เฮ้ย ท๊อป Stage นี้แล้ว ควรเป็นแบบนี้นะ Hiring Process, Organization Structure, Organization Design ควรเป็นอย่างไร มาดู Stage ที่คุณคมสันต์บอกคุณท๊อปกัน มาดู Stage ที่คุณคมสันต์บอกคุณท๊อปกัน คุณคมสันต์ออกตัวว่าไม่ได้รู้มากนะ ไม่ได้เรียนมา ทุกอย่างเกิดจากบทเรียน จากความล้มเหลว จากประสบการณ์ จากความล้มเหลวของตัวเองในการเตรียมตัวใน Stage ต่างๆ มาก่อน เลยนำมาแชร์กับคุณท๊อป คุณคมสันต์ออกตัวว่าไม่ได้รู้มากนะ ไม่ได้เรียนมา ทุกอย่างเกิดจากบทเรียน จากความล้มเหลว จากประสบการณ์ จากความล้มเหลวของตัวเองในการเตรียมตัวใน Stage ต่างๆ มาก่อน เลยนำมาแชร์กับคุณท๊อป อย่างที่คุณคมสันต์เคยคุยให้ฟังไว้ว่า คุณคมสันต์มองการเติบโตของ Flash Express เป็น 3 ยุคหรือ 3 Stage >> อันธพาล >> กฎระเบียบ >> Culture ซึ่งในแต่ละ Stage ก็ต้องการการบริหารงานในรูปแบบที่ต่างกัน อย่างที่คุณคมสันต์เคยคุยให้ฟังไว้ว่า คุณคมสันต์มองการเติบโตของ Flash Express เป็น 3 ยุคหรือ 3 Stage >> อันธพาล >> กฎระเบียบ >> Culture ซึ่งในแต่ละ Stage ก็ต้องการการบริหารงานในรูปแบบที่ต่างกัน คุณท๊อปกระโดดจากอันธพาลไป Culture เลย ก็เลยสะดุดหัวทิ่มแบบนี้ คุณท๊อปกระโดดจากอันธพาลไป Culture เลย ก็เลยสะดุดหัวทิ่มแบบนี้ บทเรียนที่ 5 รู้ตนแล้ว ต้องเลือกทำที่เหมาะกับตัวเอง อย่า Copy คนอื่น คมสันต์เตือนว่า สิ่งที่ควรระวังอย่างยิ่งคือการ Copy คนที่สำเร็จมาทั้งดุ้น เรามักเข้าใจว่าเราควรไป Copy Structure ขององค์กรที่สำเร็จ ซึ่งเป็นความผิดพลาดที่ใหญ่หลวงมาก ไม่ควรทำ คมสันต์เตือนว่า สิ่งที่ควรระวังอย่างยิ่งคือการ Copy คนที่สำเร็จมาทั้งดุ้น เรามักเข้าใจว่าเราควรไป Copy Structure ขององค์กรที่สำเร็จ ซึ่งเป็นความผิดพลาดที่ใหญ่หลวงมาก ไม่ควรทำ เพราะเมื่อไรก็ตามที่เรา Copy เราก็จะได้แค่ ‘เหมือน’ เราไม่มีทางชนะได้ เครื่องจักรที่มีอะไหล่เหมือนกันหมดจะเป็นเครื่องจักรที่แรงกว่าคนอื่นได้อย่างไร เพราะเมื่อไรก็ตามที่เรา Copy เราก็จะได้แค่ ‘เหมือน’ เราไม่มีทางชนะได้ เครื่องจักรที่มีอะไหล่เหมือนกันหมดจะเป็นเครื่องจักรที่แรงกว่าคนอื่นได้อย่างไร เมื่อมีโอกาสแลกเปลี่ยนกัน คุณคมสันต์จึงจะบอกคุณท๊อปว่า ตัวเองเคยพลาดที่ไหนมาก่อน แล้วแก้ด้วยวิธีไหนมาบ้าง อันไหนที่เหมาะกับ Flash Express คุณท๊อปก็สามารถไปเลือกวิธีที่คิดว่าจะเหมาะกับ Bitkub ได้ ไม่ต้องทำเหมือนกัน เมื่อมีโอกาสแลกเปลี่ยนกัน คุณคมสันต์จึงจะบอกคุณท๊อปว่า ตัวเองเคยพลาดที่ไหนมาก่อน แล้วแก้ด้วยวิธีไหนมาบ้าง อันไหนที่เหมาะกับ Flash Express คุณท๊อปก็สามารถไปเลือกวิธีที่คิดว่าจะเหมาะกับ Bitkub ได้ ไม่ต้องทำเหมือนกัน อย่างเรื่อง CEO Office คุณคมสันต์เป็นคนบ้างานและติดตามงานได้ดี เชื่อว่าคุณท๊อปก็เป็นเหมือนกัน แต่พอบริษัทโตขึ้น เราไม่สามารถทำทุกอย่างคนเดียวได้ ไปประชุมคนเดียวแล้วใครจะเอางานไปบอกต่อ ใครจะคิดว่าต้องประสานกับใคร ใครจะตามงาน คนที่จะทำทั้งหมดนี้ได้เร็วต้องเป็นคนที่ไปประชุมกับเรา นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า CEO Office ต้องมีทีมไปด้วย เพื่อให้ Capture Idea ปั๊บมีคนไปทำให้มันเกิดขึ้นจริงได้ปุ๊บ ไม่ต้องรอเรา อย่างเรื่อง CEO Office คุณคมสันต์เป็นคนบ้างานและติดตามงานได้ดี เชื่อว่าคุณท๊อปก็เป็นเหมือนกัน แต่พอบริษัทโตขึ้น เราไม่สามารถทำทุกอย่างคนเดียวได้ ไปประชุมคนเดียวแล้วใครจะเอางานไปบอกต่อ ใครจะคิดว่าต้องประสานกับใคร ใครจะตามงาน คนที่จะทำทั้งหมดนี้ได้เร็วต้องเป็นคนที่ไปประชุมกับเรา นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า CEO Office ต้องมีทีมไปด้วย เพื่อให้ Capture Idea ปั๊บมีคนไปทำให้มันเกิดขึ้นจริงได้ปุ๊บ ไม่ต้องรอเรา คุณท๊อปเพิ่งมีทีม CEO Office ไม่นานมานี้ หลังจากที่ลุยเดี่ยวมานาน (แน่นอนว่าหลังจากที่ได้คุยกับคุณคมสันต์นั่นเอง) คุณท๊อปเพิ่งมีทีม CEO Office ไม่นานมานี้ หลังจากที่ลุยเดี่ยวมานาน (แน่นอนว่าหลังจากที่ได้คุยกับคุณคมสันต์นั่นเอง)
บทเรียนที่ 1 เล็กใหญ่แค่ไหน ไม่ว่าใครก็ต้องการ ‘Mentor’คุณคมสันต์บอกว่า ทั้ง Flash Express และ Bitkub ต่างก็กำลังทำสิ่งใหม่ในวงการหรือในอุตสาหกรรมของตัวเอง ทำให้ไม่มีใครเข้าใจ ไม่เคยมีใครอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับพวกเขามาก่อน ไม่มีความสำเร็จให้ถอดรหัส ไม่มีรุ่นพี่ให้เรียนรู้ ในเชิงธุรกิจก็พอจะเรียนรู้เอาจากประสบการณ์ที่สั่งสมมาได้ แต่ในเชิงนวัตกรรมมันค่อนข้างจะเดียวดาย หันไปทางไหนก็ไม่มีใครรับฟัง คุณคมสันต์และคุณท๊อป จึงเป็น ‘ชั่วโมงปรับทุกข์’ เป็นการมาหาพื้นที่ที่มีคนหัวอกเดียวกันรับฟัง บทเรียนที่ 2 ยิ่งถ่อมตัวยิ่งได้ ‘ใจ’ฝั่งคุณท๊อปเป็นธุรกิจที่ High Technology มาก แต่เมื่อฟังไปจนจบ เราจะพบและเห็นด้วยกับคุณท๊อปว่า ประสบการณ์ด้านคนและด้านบริหารจัดการที่คุณคมสันต์สะสมอย่างโชกโชน รวมทั้งบาดแผลจากสมรภูมิต่างๆคุณคมสันต์ให้คำแนะนำเยอะมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นปีที่ Bitkub หนักที่สุดในชีวิตการทำงานของคุณท๊อปได้คำแนะนำที่ ‘ตรง’การได้มาเจอกับคุณคมสันต์ทำให้คุณท๊อป ‘เห็น’ และแก้ ‘ปัญหา’ ได้ตรงจุด คิดกันเองในทีมก็ลิมิตแค่ Expertise แค่ Experience ที่มี มันชนเพดาน คิดไปคิดมาก็พายเรือวนอยู่ในอ่าง แต่เมื่อมีเมนเทอร์เราจะมีมุมมองของคนที่ผ่านมาก่อน ได้ฟังปั๊บเหมือนมีโมเมนต์ที่ Light Bulb สว่างออกมาจากหัว บทเรียนที่ 3 เรียนรู้จากความล้มเหลว ในช่วงโควิดที่ผ่านมา ใครๆ ก็บอกว่า Flash Express ได้รับอานิสงส์จากการล็อกดาวน์ เพราะทุกคนอยู่บ้านและต้องซื้อของออนไลน์กันมากขึ้น ทำให้ E-Commerce บูม ดังนั้น Flash Express ซึ่งเป็นธุรกิจ Infrastructure ของ E-Commerce ต้องเติบโตแน่นอน แต่ Flash Express ไม่ได้ขึ้นราคาให้มีผลกระทบต่อผู้บริโภคเลย ตรงกันข้ามกลับลดราคาลง และไม่ปิดบริการเพื่อช่วยผู้คนที่ต้องผันตัวเองจากพนักงานออฟฟิศ มาเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ทั้งมือใหม่และมือเก่า บทเรียนที่ 4 ต้องรู้ตน เพื่อให้ทำอะไรได้ถูกที่ถูกเวลา ต้อง Forecast และ Overspend ไปเลยล่วงหน้าว่าถ้าถึงจุดนั้นแล้วต้องมี ต้องทำอะไรบ้าง อย่าไปรอ ทำอะไรได้ทำเลย เพื่อจะ Capture Growth เป็น 1,000% ให้ทัน Expense เพิ่ม 10% แต่ Capture Growth ได้เป็น 1,000% คุ้มยิ่งกว่าคุ้มเวลานั้นมันต้อง Blitzscaling ก่อน พวก Culture, Efficiency, Expenses อะไรปิดตาไปข้างหนึ่ง อะไรที่ดูเป็นความฟุ่มเฟือย (Redundancy) อย่างเช่น Office Space ที่ว่าง เช่าเปล่าๆ ไว้ไม่เป็นไร เช่าเตรียมไว้ก่อน พอจะขยายจะได้ไม่ต้องมานั่งหาออฟฟิศเพิ่ม บทเรียนที่ 5 รู้ตนแล้ว ต้องเลือกทำที่เหมาะกับตัวเองอย่า Copy คนอื่นเพราะเมื่อไรก็ตามที่เรา Copy เราก็จะได้แค่ ‘เหมือน’ เราไม่มีทางชนะได้
เทคโนโลยีทางการเงิน & การเงินดิจิทัล
Summarization
cc-by-nc-4.0
Legal_9896
Legal
ประเด็นที่เป็นหัวใจสำคัญของคดีที่แพทย์ทำการุณยฆาตให้แก่คนไข้สมองเสื่อม คืออะไร ระหว่าง เป็นการเปิดโอกาสให้เลือกว่าต้องการจะจบชีวิตลงเมื่อใด หรือ คนไข้ยังมีความสามารถที่จะแจ้งความยินยอม ต้องการจบชีวิตตัวเองในขณะนั้นหรือไม่
null
คนไข้ยังมีความสามารถที่จะแจ้งความยินยอม ต้องการจบชีวิตตัวเองในขณะนั้นหรือไม่ เพราะประเด็นที่เป็นหัวใจสำคัญของคดีที่แพทย์ทำการุณยฆาตให้แก่คนไข้สมองเสื่อม คือ คนไข้ยังมีความสามารถที่จะแจ้งความยินยอม ต้องการจบชีวิตตัวเองในขณะนั้นหรือไม่ แม้ว่าจะเคยแจ้งความประสงค์ไว้แล้วก็ตาม คำถามสำคัญในคดีนี้คือ แพทย์ควรจะปรึกษากับคนไข้ที่ป่วยด้วยโรคสมองเสื่อมไปอีกนานแค่ไหน หากคนไข้ได้ร้องขอสิ่งนี้ตั้งแต่เริ่มมีอาการสมองเสื่อมใหม่ ๆ แต่เห็นว่าควรจะมีการปรึกษาหารืออย่างละเอียดกับคนไข้ให้มากกว่านี้ ก่อนที่จะตัดสินใจจบชีวิตคนไข้ ส่วน "เป็นการเปิดโอกาสให้เลือกว่าต้องการจะจบชีวิตลงเมื่อใด" เป็นเหตุผลของการกระทำการุณยฆาตที่น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้คนไข้มีอำนาจในตัวเอง แม้แต่ในประเทศที่การุณยฆาตถูกกฎหมายมานานเกือบ 20 ปี แต่สิ่งนี้ยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ ในคดีที่แพทย์ทำการุณยฆาตให้แก่คนไข้สมองเสื่อม ผู้พิพากษาตัดสินว่า ในช่วงก่อนที่คนไข้จะเสียชีวิต คนไข้ไม่สามารถแจ้งความประสงค์ของตัวเองได้ ความรุนแรงของโรคสมองเสื่อมทำให้ไม่เข้าใจแม้แต่ความหมายของคำว่าการุณยฆาตอีกต่อไป ระหว่างการไต่สวน ทั้งแพทย์และทนายหลายคนต่างเผชิญกับความลำบากใจทั้งในทางปฏิบัติ และในแง่ศีลธรรม แต่คำถามคือว่าเมื่อใดที่ควรจะหยุดตรวจสอบความจำนงว่า คนไข้อยากมีชีวิตอยู่หรืออยากตาย คนไข้ยังคงมีความสามารถตัดสินใจเองอยู่หรือไม่ หากพวกเขาไม่อาจแม้แต่จะควบคุมสภาพจิตใจของตัวเอง
ความรู้พื้นฐานกฏหมาย,กฎหมายสิทธิมนุษยชน,ข่าวสารทั่วไป สถิติต่างๆ
Classification
cc-by-nc-4.0
Medical_21826
Medical
มะเขือเทศมีสรรพคุณทางยาอย่างไร?
มะเขือเทศ แอปเปิล แห่งความรัก เมื่อพูดถึงมะเขือเทศ เราๆ ท่านๆ ทั้งหลายก็คงจะรู้จักดี เพราะมันเป็นอาหารในครัวชนิดหนึ่ง ที่เรากินกันเป็นประจำแทบทุกวัน และแทบทุกครัวเรือน มะเขือเทศ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Lycopersicum esculentum Mill วงศ์ Solanaceae ประวัติย่อของมะเขือเทศ ถิ่นกำเนิดเดิมของมะเขือเทศคือ ประเทศเปรูและเม็กซิโก เดิมมะเขือเทศเป็นพืชที่เจริญเติบโตในป่าเขา แม้มะเขือเทศจะเป็นผลไม้ที่ดูจากภายนอกแล้วสวยงาม ทำให้คนชอบและหลงใหล แต่ก็ไม่มีใครกล้าพอที่จะลิ้มรสมัน เพราะคิดว่า เป็นผลไม้มีพิษ ในราวกลางศตวรรษที่ 15 ชาวสเปญและโปรตุเกส ได้นำเอามะเขือเทศจากเปรูไปปลูกในยุโรป หลังจากนั้นก็มีการนำไปปลูกยังประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศล และเยอรมัน ในระยะแรกมีการนำมาปลูกเป็นไม้ประดับในสวน ต่อมาพระสวามีของพระนางอลิซาเบธได้ไปท่องเที่ยวในอเมริกาใต้ ไปพบ มะเขือเทศเข้า จึงได้นำเอามะเขือเทศกลับมายังอังกฤษ เพื่อเป็นของขวัญแก่พระนางอลิซาเบท ทั้งนี้เพื่อเป็นการแสดงความรักที่มีต่อพระนาง หลังจากนั้นเป็นต้นมาจึงเป็นวัฒนธรรมตกทอดมายังคนรุ่นหลัง ในบรรดาหนุ่มสาวทั้งหลายที่รักกัน การนำเอามะเขือเทศไปให้กับคนรักของคนนั้นเป็นสัญลักษณ์แสดงความรักที่มีต่อกัน และด้วยเหตุนี้ชาวยุโรปจึงเรียกมะเขือเทศว่า แอปเปิลแห่งความรัก มะเขือเทศได้ถูกนำมาปลูกเป็นไม้ประดับในสวนอยู่นานร่วม 200 ปี โดยไม่มีใครกล้านำมันมากินเลย จนกระทั่งในปลายศตวรรษที่ 18 มีนักวาดภาพชาวฝรั่งเศล ผู้หนึ่งนึกอยากลองลิ้มรสชาติของมเขือเทศ เขาคิดอยู่ในใจว่า ผลไม้ที่สวยงามเช่นนี้ ลักษณะก็สวยดี ว่าตามเหตุแล้ว คงจะน่ากินไม่น้อย เขาจึงตัดสินใจลองกินมะเขือเทศดู หลังจากกินแล้ว เขาก็แต่ตัวอย่างดี แล้วนอนรอความตายที่จะย่างกรายเข้ามา แต่หลังจากนั้นครึ่งวัน หนึ่งวันผ่านไป ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลองอยู่หลายครั้ง จนแน่ใจว่าไม่มีพิษ เมื่อข่าวออกไป ประชาชนทั่วไปก็เริ่มกินตามบ้าง มะเขือเทศเลยกลายเป็นอาหารในครัวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และในปี คศ1811 ก็มีการบันทึกลงในพจนานุกรมทางพฤกษศาสตร์ เป็นครั้งแรก สำหรับสถิติที่บันทึกไว้ มะเขือเทศที่ใหญ่ที่สุดซึ่งสหรัฐอเมริกาสามารถปลูกได้นั้น หนักผลละ ประมาณ 35 กิโลกรัม ในญี่ปุ่น มีการปลูกมะเขือเทศในแปลงทดลองแห่งหนึ่ง ปรากฏว่าสามารถปลูกต้นมะเขือเทศที่ใหญ่ที่สุดได้สูงถึง 3 เมตร ลำต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 15 เซนติเมตร ให้ผลได้ครั้งละ 3000 - 5000 ผล สำหรับต้นมะเขือเทศที่เล็กที่สุดมีอยู่ในประเทศเปรู มีลำต้นสูงเพียง 7 เซนติเมตร หนัง 7 กรัม ปลูกได้ในกระถางดอกไม้ สารที่พบในมะเขือเทศ ในมะเขือเทศมีแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกายมากมาย เช่น มีโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรตในจำนวนเล็กน้อย มีแคลเซี่ยม ฟอสฟอรัส เหล็ก สารคาโรทีน กรดนิโคตินิค และยังมีวิตามินเอ และบีหนึ่ง บีสอง และวิตามินซี นอกจากนี้ยังมีกรดอ่อนซึ่งเป็นธรรมชาติ เช่น กรดซิตริค และมาลิค เป็นต้น สำหรับกรดโคตินิค ในมะเขือเทศนั้นจะมีมากที่สุดในบรรดาผลไม้ชนิดต่างๆ ปริมาณของวิตามิน ซี ในมะเขือเทศจะมากกว่าแอปเปิล 25 เท่า กล้วยหอม 3 เท่า โดยปกติ วิตามินซีในผักหลังจากต้มเกิน 3 นาทีจะมีการสูญเสียถึงร้อยละ 30 แต่สำหรับมะเขือเทศนั้น แม้จะต้มจนสุก ปริมาณของวิตามินซีที่สูญเสียก็ยังน้อยกว่า ทั้งนี้เพราะมะเขือเทศมีรสเปรี้ยวและกรดเปรี้ยวสามารถคุ้มครองการสูญเสียของวิตามินซีได้ จากการคำนวณพบว่า หากท่านกินมะเขือเทศวันละ 2-3 ผล ปริมาณเกลือแร่วิตามินที่มีอยู่ในมะเขือเทศก็จะพอเพียงกับความต้องการของร่างกายในวันหนึ่งๆ ประโยชน์ของมะเขือเทศ การที่เราสามารถนำมะเขือเทศมาใช้เป็นอาหารสมุนไพรได้ เพราะมะเขือเทศมีสารต่างๆ ที่มีสรรพคุณดังนี้ กรดนิโคตินิค ช่วยป้องกันรักษาผิวหนังให้เยื่อบุกระเพาะและลำไส้ทำงานเป็นปกติ วิตามิน-ซี ซึ่งมีสูงในมะเขือเทศ รักษาเหงือกและฟัน และโรคเลือดออกตามไรฟัน ลักปิดลักเปิด เลือดกำเดาออก และช่วยป้องกันหลอดเลือดต่างๆ วิตามิน-เอ ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น รักษาโรคตาแห้ง ตาฟาง และช่วยให้กระดูกเติบโตเป็นปกติ กรดมาลิคและกรดซิตริก จะช่วยน้ำย่อยในกระเพาะอาหารย่อยอาหารพวกไขมัน เมื่อกินของมัน มีอาการเลี่ยน ให้กินมะเขือเทศ เพราะนอกจากจะช่วยย่อยไขมันแล้ว ยังสามารถป้องกันอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อยอีกด้วย ประโยชน์ของมะเขือเทศในทรรศนะจีน มะเขือเทศมีรสเปรี้ยวหวาน รสเย็นเล็กน้อย เป็นยิน มีสรรพคุณดับร้อนถอนพิษสงบตับ ทำให้เลือดเย็น แก้กระหายน้ำ ใช้รักษาโรคความด้นโลหิตสูง เลือดออกตามไรฟัน อาการคอแห้ง ปากขม เป็นต้น 1 เลือดออกตามไรฟัน ให้กินมะเขือเทศต่างผลไม้ เป็นเวลาติดต่อกันประมาณ 2 สัปดาห์ อาการดังกล่าวก็จะหายไป 2 อาหารไม่ย่อย ใช้มะเขือเทศคั้นน้ำ ครั้งละ ประมาณครึ่งแก้ว ดื่มวันละ 2-3 ครั้ง 3 ปากเป็นแผล ใช้น้ำคั้นมะเขือเทศ อมครั้งละ 3-45 นาที วันละหลายๆ ครั้ง 4 เป็นไข้กระหายน้ำ ใช้น้ำคั้นมะเขือเทศและน้ำอ้อยอย่างละเท่าๆ กัน ผสมรวมดื่มแทนน้ำ 5 ป้องกันโรคหวัดในฤดูร้อน ใช้มะเขือเทศที่ล้างสะอาดแล้ว หั่นเป็นแผ่นๆ ต้มน้ำแล้วดื่มต่างน้ำจะช่วยป้องกันโรคหวัดได้ 6 ความดันโลหิตสูง หลังตื่นนอนแปรงฟันแล้วตอนท้องว่างให้กินมะเขือเทศ 1-2 ผล ทุกวัน เป็นเวลา 15 วัน 1 ช่วงของการรักษา ถ้ายังไม่หายให้กินต่อไปอีก 15 วัน หมายเหตุ ประโยชน์ของมะเขือเทศที่นำมาใช้เป็นสมุนไพรรักษาอาการโรคนี้ เป็นการศึกษาของประเทศจีนซึ่งอาจจะต้องนำมาดัดแปลง ทดลองปฏิบัติ ตรวจสอบ เพื่อพิสูจน์ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของประเทศไทยของเราอีก หากท่านผู้อ่านท่านใดได้เคยใช้มะเขือเทศในการรักษาอาการหรือโรคใดและได้ผล กรุณาแจ้งมายัง หมอชาวบ้าน เพื่อรวบรวมไว้เป็นข้อมูลศึกษาและเผยแพร่ให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมต่อไป
มะเขือเทศมีสรรพคุณทางยา ดังนี้: 1. ช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด: มะเขือเทศมีสารไลโคปีน (Lycopene) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยป้องกันเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ไลโคปีนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิด LDL (คอเลสเตอรอลเลว) ช่วยเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิด HDL (คอเลสเตอรอลดี) ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยลดการเกาะตัวของเกร็ดเลือด ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด 2. ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง: มะเขือเทศมีสารไลโคปีน (Lycopene) ซึ่งมีคุณสมบัติต้านมะเร็ง ไลโคปีนช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ช่วยกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งตาย ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งกระเพาะอาหาร 3. ช่วยบำรุงสายตา: มะเขือเทศมีวิตามินเอ (Vitamin A) สูง วิตามินเอช่วยบำรุงสายตา ป้องกันโรคตาแห้ง ป้องกันโรคตาฟาง ช่วยให้มองเห็นในที่มืดได้ดี 4. ช่วยบำรุงผิว: มะเขือเทศมีวิตามินซี (Vitamin C) สูง วิตามินซีช่วยบำรุงผิว ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส ช่วยลดริ้วรอยก่อนวัย ช่วยป้องกันผิวจากแสงแดด 5. ช่วยระบบย่อยอาหาร: มะเขือเทศมีกรดมาลิก (Malic acid) และกรดซิตริก (Citric acid) กรดเหล่านี้ช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ช่วยย่อยอาหาร ช่วยป้องกันอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย 6. ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: มะเขือเทศมีวิตามินซี (Vitamin C) สูง วิตามินซีช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยป้องกันโรคหวัด ช่วยลดระยะเวลาการป่วย 7. ช่วยลดความดันโลหิต: มะเขือเทศมีโพแทสเซียม (Potassium) สูง โพแทสเซียมช่วยควบคุมความดันโลหิต ช่วยขับโซเดียมออกจากร่างกาย 8. ช่วยลดน้ำหนัก: มะเขือเทศมีแคลอรี่ต่ำ มะเขือเทศมีใยอาหารสูง ใยอาหารช่วยให้อิ่มท้องนาน ช่วยลดความอยากอาหาร ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี 9. ช่วยบำรุงกระดูก: มะเขือเทศมีวิตามินเค (Vitamin K) สูง วิตามินเคช่วยบำรุงกระดูก ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน 10. ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน: มะเขือเทศมีใยอาหารสูง ใยอาหารช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน
โภชนวิทยา
Closed QA
cc-by-nc-4.0
Medical_11467
Medical
ยามิโรเดนาฟิลมีรูปแบบของเภสัชภัณฑ์เป็นแบบใด
A. ยาฉีด B. ยาทา C. ยาชนิดรับประทาน และยาอม D. ยาทาและยาชง
คำตอบคือ C. เนื่องจาก ยามิโรเดนาฟิล Mirodenafil หรือ Mirodenafil hydrochloride หรือ Mirodenafil HCl เป็นยาในกลุ่ม PDE5 inhibitor ใช้บำบัดอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศในบุรุษนกเขาไม่ขัน ถูกพัฒนาโดยบริษัท SK Chemicals Life Science โดยมีการจัดจำหน่ายและทำการตลาดที่ประเทศเกาหลีใต้ แต่ยังไม่เป็นที่ยอมรับในสหรัฐอเมริกา ยามิโรเดนาฟิลมีรูปแบบของเภสัชภัณฑ์เป็นยาชนิดรับประทาน และยาอม สำหรับยาอมเหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบการกลืนยาเม็ดและทำให้ยานี้มีความแตกต่างจากยารักษาอาการนกเขาไม่ขันตัวอื่นๆ กรณียาอมจะเริ่มออกฤทธิ์เมื่ออมยาไปประมาณ 1.25 ชั่วโมง ยานี้ชนิดเม็ด จะออกฤทธิ์ได้ช้ากว่านี้ อนึ่ง ร่างกายจะใช้เวลาประมาณ 2.5 ชั่วโมงเพื่อกำจัดยามิโรเดนาฟิล ที่โดนตับเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเคมีแล้วออกจากกระแสเลือด โดยผ่านทิ้งไปกับอุจจาระและปัสสาวะ จากการศึกษาทางคลินิก พบว่าในกลุ่มบุรุษที่มีภาวะนกเขาไม่ขัน และมีภาวะต่อมลูกหมากโต ซึ่งได้รับยาประเภท Alpha1-blocker ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานยา Alpha1-blocker ร่วมกับยามิโรเดนาฟิล ด้วยจะก่อให้เกิดผลข้างข้างเคียงที่รุนแรงตามมาจากยาทั้ง 2ตัว
ศัลยศาสตร์ (ศัลยศาสตร์) - Surgery,อายุรศาสตร์ (อายุรศาสตร์) - Internal Medicine,เภสัชวิทยา Pharmacology
Multiple choice
cc-by-nc-4.0
Legal_45921
Legal
6 แนวทางป้องกันอาชญากรรม มีอะไรบ้าง
Stay Safe อยู่อย่างปลอดภัย ตอนที่ 5 “ร่วมมือร่วมใจ” ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปทำงาน หรือว่าเดินทางเพื่อท่องเที่ยว เราอยากให้ความปลอดภัยคือสิ่งที่ทุกคนคำนึงเป็นอันดับต้นๆ ของการเดินทาง สำนักงานกิจการยุติธรรม ขอแนะนำวิธีการป้องกันภัยด้วยตัวเองง่ายๆ ที่ทุกคนก็ทำได้ กับ 6 แนวทางป้องกันอาชญากรรม แนวทางที่ 1 อยู่บ้าน…ให้อุ่นใจ แนวทางที่ 2 ท่องเที่ยวปลอดภัย ภัยสาธารณะ…ระวังได้ แนวทางที่ 3 เดินทางปลอดภัย สบายใจ หายห่วง แนวทางที่ 4 ภัยสาธารณะ…ระวังได้ แนวทางที่ 5 ร่วมมือร่วมใจ แนวทางที่ 6 หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ ใน ตอนที่ 5 ตอน ร่วมมือร่วมใจ (Ep 5) ร่วมสร้างสังคมปลอดอาชญากรรมด้วยพลังความร่วมมือจากประชาชนและเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ด้วยความปรารถนาดีจาก สำนักงานกิจการยุติธรรม ด้วยความปรารถนาดีจาก สำนักงานกิจการยุติธรรม โครงการปรับปรุงสภาพแวดล้อมเพื่อลดอาชญากรรม โดยการแก้ไขจุดล่อแหลม/จุดเสี่ยง ด้วยการติด ตั้งกล้องCCTV ไฟฟ้าส่องสว่างและปรับภูมิทัศน์ ฯลฯ การใช้เทคโนโลยีในการป้องกันอาชญากรรม เช่น กล้อง CCTV โครงการ D.A.R.E. (ยาเสพติด)ให้ข้อมูลและทักษะที่จำเป็นแก่เด็กนักเรียนเพื่อให้สามารถใช้ชีวิติได้โดยไม่ต้อง ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด หรือการใช้ความรุนแรงสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างตำรวจ เด็กนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และสมาชิกในชุมชน อบรมสมาชิกแจ้งข่าวอาชญากรรม สายตรวจในการป้องกันอาชญากรรม การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ของรัฐให้มีความพร้อมในการป้องกันอาชญากรรม โรงเรียน มัสยิด สถานประกอบการสีขาวโครงการจัดระเบียบรอบสถานศึกษาห่างไกลอบายมุข เพิ่มจำนวนกำลังพลตำรวจ ยิ่งเพิ่มจำนวนกำลังพลมากขึ้น อาชญากรรมก็จะลดลง เจ้าหน้าที่รัฐอบรมให้ความรู้แก่ประชาชนทางด้านกฎหมายที่ควรรู้ ตั้งจุดตรวจ จุด ว.43 หรือจุดสกัด ฝึกอบรม รปภ. อาสาสมัคร ตำรวจบ้าน ตำรวจชุมชน โครงการชุมชนเข้มแข็ง เช่น ชุมชน/หมู่บ้าน ปลอดอาชญากรรม ปลอดยาเสพติด ปลอดอบายมุข ชุมชน/หมู่บ้าน #staysafe#อยู่อย่างปลอดภัย#ภัยสาธารณะระวังได้#สำนักงานกิจการยุติธรรม
6 แนวทางป้องกันอาชญากรรม แนวทางที่ 1 อยู่บ้าน…ให้อุ่นใจ แนวทางที่ 2 ท่องเที่ยวปลอดภัย ภัยสาธารณะ…ระวังได้ แนวทางที่ 3 เดินทางปลอดภัย สบายใจ หายห่วง แนวทางที่ 4 ภัยสาธารณะ…ระวังได้ แนวทางที่ 5 ร่วมมือร่วมใจ แนวทางที่ 6 หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
ข่าวสารทั่วไป สถิติต่างๆ
Closed QA
cc-by-nc-4.0
Finance_43648
Finance
การเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดียจะส่งผลดีต่อตลาดการเงินไทยหรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล: อินเดียเป็นตลาดส่งออกอันดับ 7 ของไทย มูลค่าการส่งออกปี 2565 อยู่ที่ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ การเติบโตของเศรษฐกิจอินเดียจะส่งผลดีต่อความต้องการสินค้าไทย สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปอินเดีย ได้แก่ กลุ่มน้ำมันพืช, เม็ดพลาสติก, เคมีภัณฑ์ และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค การเติบโตของรายได้และกำลังซื้อของประชากรอินเดีย จะเพิ่มความต้องการสินค้าเหล่านี้ ตัวอย่าง: -การเติบโตของชนชั้นกลางในอินเดีย จะเพิ่มความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคระดับกลาง เช่น เสื้อผ้า เครื่องสำอาง -การขยายตัวของเศรษฐกิจอินเดีย จะเพิ่มความต้องการสินค้าอุตสาหกรรม เช่น เครื่องจักรกล เครื่องมือ การลงทุน: -อินเดียมีศักยภาพดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ -นักลงทุนไทยสามารถขยายโอกาสการลงทุนในอินเดีย ตัวอย่าง: อินเดียมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนในหลายภาคส่วน เช่น การผลิต การพลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน ไทยมี expertise ในหลายภาคส่วนที่อินเดียต้องการ เช่น อาหาร เกษตร พลังงาน การท่องเที่ยว: -อินเดียเป็นตลาดนักท่องเที่ยวอันดับ 4 ของไทย -การเติบโตของเศรษฐกิจอินเดีย จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวอินเดียมาไทย ตัวอย่าง: -อินเดียมีประชากรจำนวนมาก -การเติบโตของรายได้และกำลังซื้อ จะเพิ่มความต้องการท่องเที่ยวต่างประเทศ เงินทุน: -การเติบโตของเศรษฐกิจอินเดีย จะดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศ -ตลาดการเงินไทยมีโอกาสได้รับเงินทุนไหลเข้า ตัวอย่าง: -นักลงทุนต่างประเทศจะเพิ่มการลงทุนในอินเดีย -เงินทุนไหลเข้าอินเดีย จะส่งผลดีต่อตลาดการเงินในภูมิภาค รวมถึงไทย ค่าเงิน: -การเติบโตของเศรษฐกิจอินเดีย จะส่งผลดีต่อค่าเงินรูปีอินเดีย -เงินบาทไทยมีโอกาสแข็งค่าขึ้นเทียบกับรูปีอินเดีย ตัวอย่าง: -นักลงทุนต่างประเทศจะเพิ่มการลงทุนในอินเดีย -ความต้องการเงินรูปีอินเดียจะเพิ่ม สรุป: การเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดีย จะส่งผลดีต่อตลาดการเงินไทย ผ่านกลไกการส่งออก การลงทุน การท่องเที่ยว เงินทุน และค่าเงิน
ความรู้ทางการเงิน
Classification
cc-by-nc-4.0
Finance_43215
Finance
ช่วยสรุปบทความ มนุษย์เงินเดือน VS ฟูลไทม์เทรดเดอร์ ใครดีกว่ากัน?
แม้ตลาดหุ้นตอนนี้จะไม่หอมหวานเหมือนสมัยสองสามปีก่อน แต่กระแสของการออกจากงานประจำออกมาเป็นฟูลไทม์เทรดเดอร์ดูจะยังคงฮิตอยู่ แม้คนที่ออกจากงานประจำมาในช่วงที่ตลาดหุ้นดีๆก็ยังมีความคิดที่จะกลับไปทำงานประจำ (ไม่รู้เขาจะยังรับอยู่หรือเปล่านะ) ความเห็นส่วนตัวของผม เชื่อว่าอาชีพเทรดเดอร์สามารถเลี้ยงชีพตัวเองและครอบครัวได้ หลายๆคนได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นจริง ถ้าคุณมีเงินต้นสัก 1 ล้านบาท ทำกำไรจากการสร้างกระแสเงินสดให้ได้สัก 6-7% ก็จะมีกำไร 6-70,000 บาทต่อเดือนและไม่ได้ใช้ชีวิตหรูหราอะไรมาก อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสียค่าเดินทางออกไปทำงาน กินอาหารตามสั่งง่ายๆ ก็พอจะอยู่รอด ส่วนใครมีครอบครัวอาจจะต้องมีเงินต้นและสร้างกำไรให้ได้มากกว่านั้น แต่ก็ไม่ทุกคนที่จะประสบความสำเร็จจากการเป็นฟูลไทม์เทรดเดอร์ได้ ส่วนตัวผมก็ไม่ได้สนับสนุนให้ทุกคนออกมาเป็นเทรดเดอร์เต็มเวลาทุกคน เพราะไม่งั้นจะไม่มีใครที่ดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่นๆ ทุกวันนี้ผมก็ยังเป็นมนุษย์เงินเดือนเพียงแต่มีรายได้เสริมทางอื่นทั้งการเทรดนิดๆหน่อยๆ รวมถึงงานเสริมอื่นๆ เลยอยากจะแชร์มุมมองว่าทำไมคนทำงานประจำถึงอยากออกมาเล่นหุ้นเต็มเวลาและให้คะแนนเปรียบเทียบด้วยว่าอย่างไหนดูมีเหตุผลกว่ากัน เผื่อผู้อ่านจะได้ชั่งใจตัวเองถูก…. ข้อแรก…เบื่อคน ผมเชื่อว่าเป็นเหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้คนเราอยากออกจากงานประจำ เพราะเบื่อที่ต้องมาเล่นการเมืองในบริษัท โดนเพื่อร่วมงานเอาเปรียบ เจ้านายไม่เห็นความสำคัญ ฯลฯ และเชื่อว่าการเทรดหุ้นก็สามารถสร้างรายได้จากคนๆเดียวได้ไม่ต้องยุ่งกับใคร ข้อนี้ผมให้ฟูลไทม์เทรดเดอร์เป็นฝ่ายชนะครับ เพราะแน่นอนว่าเมื่อคุณออกมาเล่นหุ้นก็จะไม่เจอปัญหากับเพื่อนร่วมงานแน่นอน ยกเว้นแต่ไปดราม่ากันในโลกออนไลน์และเพื่อนที่เทรดด้วยกัน ข้อสอง..เบื่องาน นี่ก็เป็นเหตุผลอันดับต้นๆ เช่นกัน ผมเชื่อว่ามนุษย์เงินเดือนเกินกว่าครึ่งไม่ได้รักในงานที่ทำอยู่ จึงอยากออกจากงานประจำและหาทางสร้างรายได้อื่นๆแทนไม่ว่าจะเปิดธุรกิจหรือเล่นหุ้น ข้อนี้ผมให้เสมอกัน เพราะเอาเข้าจริงแล้วการอยู่กับตัวเลขและตลาดหุ้นตลอดเวลาอาจจะเป็นเรื่องน่าเบื่อกว่างานประจำก็เป็นได้ ที่สุดแล้วถ้าคุณไม่สามารถรับความเป็นจริงได้ว่าเราต้องทำงานหรือเทรดตลอดชีวิต คุณจะไม่มีความสุขอยู่ดีไม่ว่าจะทำงานประจำหรือเล่นหุ้นเต็มเวลา ข้อสาม..ต้องการเวลา คนที่ต้องการออกมาเทรดหุ้นเต็มตัวแน่นอนว่าต้องการเวลาเป็นของตัวเองแทนที่จะต้องรีบเข้าไปตอกบัตรตอนเช้าและตอกบัตรออกตอนเย็น บางอาชีพต้องทำงานหกวันด้วยซ้ำ สู้เล่นหุ้นดีกว่าสามารถเลือกได้ว่าวันไหนจะเทรดวันไหนอยู่เฉยๆ ข้อนี้ ผมให้ฟูลไทม์เทรดเดอร์เฉือนชนะเส้นยาแดงผ่าแปด จริงครับที่หากเราเป็นฟูลไทม์เทรดเดอร์ เราสามารถเลือกได้ว่าจะเทรดหรือไม่เทรด และมีวันหยุดไม่เหมือนชาวบ้านเขา แต่อย่าลืมว่าคุณก็ต้องจดจ่อกับตลาดหุ้นทั้งห้าวันอยู่ดี ถ้าคุณเป็นเทรดเดอร์เต็มตัว แน่นอนว่างานของคุณคืออยู่หน้าจอเทรด แถมใครเทรดค่าเงิน ทองคำ ต้องอดนอนมาเฝ้าจออีก แล้วตกลงมีเวลาเป็นของตัวเองตรงไหน?
ตลาดหุ้นไม่ดีเหมือนสมัยก่อน แต่การเทรดหุ้นเป็นที่นิยม มีคนที่เลิกงานประจำเพื่อเทรด บางคนก็ยังมีความคิดที่จะกลับไปทำงานประจำ เทรดเดอร์สามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ ถ้ามีเงินต้น 1 ล้านบาท และทำกำไร 6-7% จะได้กำไร 6-70,000 บาทต่อเดือน และไม่ต้องเสียค่าเดินทาง แต่ก็ไม่ทุกคนที่จะประสบความสำเร็จจากการเป็นฟูลไทม์เทรดเดอร์ ไม่ได้สนับสนุนให้ทุกคนออกมาเป็นเทรดเดอร์เต็มเวลา ทุกวันนี้ผมก็ยังเป็นมนุษย์เงินเดือนเพียงแต่มีรายได้เสริมทางอื่นทั้งการเทรด และงานอื่น ต้องการแบ่งปันมุมมองเพื่อให้ผู้อ่านตัดสินใจได้ถูกต้อง ข้อแรก…เบื่อคน คนเราอยากออกจากงานประจำเพราะเบื่อคนและการเมืองในบริษัท การเทรดหุ้นถูกเห็นว่าสามารถสร้างรายได้ได้โดยไม่ต้องมีความยุ่งยาก ข้อนี้ฟูลไทม์เทรดเดอร์ถือเป็นฝ่ายชนะ เพราะจะไม่เจอปัญหากับเพื่อนร่วมงานแน่นอน ยกเว้นแต่ไปดราม่ากันในโลกออนไลน์และเพื่อนที่เทรดด้วยกัน ข้อสอง..เบื่องาน คนอยากออกจากงานประจำเพราะเบื่อคนและงาน มีความเชื่อว่ามนุษย์ที่ได้เงินเดือนมากกว่าครึ่งไม่รักในงานที่ทำ อาจจะตัดสินใจหาทางสร้างรายได้อื่น ๆ เช่น เปิดธุรกิจหรือเล่นหุ้น เทรดเดอร์และคนทำงานประจำต่างก็มีความเบื่อได้ ความสุขขึ้นอยู่กับความพร้อมที่ต้องเผชิญกับตัวเลขและตลาดหุ้นตลอดเวลา ข้อสาม..ต้องการเวลา คนที่ต้องการเทรดหุ้นต้องการเวลาเป็นของตัวเอง การเล่นหุ้นถูกพิจารณาว่าสามารถให้ความเสรีในการเลือกวันและเวลาในการเทรดได้
การวิเคราะห์ทางการเงิน & เศรษฐศาสตร์การเงิน
Summarization
cc-by-nc-4.0
Medical_12016
Medical
ยาอะลาซีพริลมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง และควรปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่อเกิดผลข้างเคียง?
null
ผลต่อระบบทางเดินอาหาร: คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ท้องอืด เบื่ออาหาร ผลต่อระบบประสาท: ปวดศีรษะ วิงเวียนศีรษะ อ่อนเพลีย ผลต่อระบบเลือด: ระดับเม็ดเลือดขาวต่ำ เม็ดเลือดแดงน้อยกว่าปกติ มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ โลหิตจาง โรคซีด ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด: ความดันโลหิตต่ำ ผลต่อผิวหนัง: มีอาการผื่นคัน ผลข้างเคียงที่รุนแรง ของยาอะลาซีพริล ได้แก่: อาการแพ้: หายใจลำบาก ลมพิษ บวมที่ใบหน้า ลิ้น คอ หรือบริเวณอื่น ๆ ภาวะความดันโลหิตต่ำอย่างเฉียบพลัน: อาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลมหมดสติ ภาวะไตเสื่อม: บวมที่ข้อเท้าหรือขา ปัสสาวะน้อยลง มีสีปัสสาวะเข้มข้น ภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง: กล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยเฉพาะที่ขา การปฏิบัติตัวเมื่อเกิดผลข้างเคียง ผลข้างเคียงทั่วไป: แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรหากผลข้างเคียงรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ผลข้างเคียงที่รุนแรง: หยุดใช้ยาและรีบพบแพทย์ทันที ข้อควรระวัง ยาอะลาซีพริลอาจทำให้ความดันโลหิตต่ำได้ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ผู้ที่ร่างกายขาดน้ำ หรือผู้ที่ใช้ยาลดความดันโลหิตชนิดอื่นอยู่ ควรวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ ยาอะลาซีพริลอาจเพิ่มระดับโพแทสเซียมในเลือด ควรตรวจระดับโพแทสเซียมในเลือดเป็นระยะ ยาอะลาซีพริลอาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ ควรหลีกเลี่ยงการขับขี่รถยนต์หรือทำงานกับเครื่องจักรที่อาจเกิดอันตรายได้ แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับยาที่ใช้ ยาสมุนไพร อาหารเสริม หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ใช้อยู่ก่อน เพราะอาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอะลาซีพริลได้
อายุรศาสตร์ (อายุรศาสตร์) - Internal Medicine,เภสัชวิทยา Pharmacology
Open QA
cc-by-nc-4.0
Finance_1276
Finance
5 ปัจจัยที่น่าจับตามองในการลงทุนปี 2022 มีอะไรบ้าง?
null
1. โอมิครอน และการกลายพันธ์ุของโควิด ผลกระทบทางเศรษฐกิจจะลดน้อยลงเรื่อย ๆ ถึงแม้ความรุนแรงจะลดลงเรื่อย ๆ แต่มันก็มีผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างแน่นอน โอกาสที่เฟดจะกลับมาใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้งก็มีความเป็นไปได้ ซึ่งอาจจะส่งผลบวกต่อราคาทองคำในปีหน้า 2. เงินเฟ้อพุ่งสู่ระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี เพราะมองไปรอบตัวเราตอนนี้ถึงเศรษฐกิจจะไม่ค่อยดีแต่ข้าวของไม่ได้มีทีท่าว่าจะถูกลงเลย การที่เงินเฟ้อพุ่งแรงจนเศรษฐกิจโตตามไม่ทันจะทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าตัวเองกำลังซื้อของได้น้อยลง หรือจนลงนั่นเองทำให้ไม่อยากใช้จ่าย จนส่งผลต่อเศรษฐกิจถดถอยได้ มีโอกาส 50 / 50 ที่เงินเฟ้อจะถูกควบคุมไว้ได้ในกลางปีหน้า เพราะสหรัฐฯ อาจใช้อำนาจบางอย่างในการควบคุมราคาน้ำมันก็ได้ และหากทำสำเร็จเงินเฟ้อก็จะถูกควบคุมได้ไม่ยาก ถ้าควบคุมเงินเฟ้อได้ภายในกลางปีหน้า แบบนี้ส่งผลลบต่อราคาทองคำ อาจทำให้ทองคำเป็นขาลงได้เลย และในกรณีนี้หุ้นทั่วโลกจะได้รับผลบวกเต็ม ๆ 3. เศรษฐกิจจีนหยุดชะงักจากปัญหาวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ การขาดแคลนพลังงาน และการคุมเข้มของรัฐบาลจีน อาจมองว่าจีนกำลังเข้าสู่เศรษฐกิจถดถอย จากวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ แต่จีนยังมีอาวุธทางการเงินอีกเยอะ เช่น อัตราดอกเบี้ยของจีนยังอยู่ที่ระดับ 3% กว่า ยังมีช่องว่างให้กดลงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกเยอะ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อทองคำมาก ๆ เพราะในจังหวะที่เศรษฐกิจจีนถดถอย ก็จะทำให้เศรษฐกิจโลกถดถอยไปด้วย 4. ความวุ่นวายทางการเมืองในยุโรป จากการเลือกตั้ง ปธน.อิตาลี และปธน.ฝรั่งเศส ในช่วงต้นปีหน้า ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจอยู่ในความเครียด มักมาคู่กับการเมืองที่อ่อนแอ การเลือกตั้ง ปธน. ของ 2 ประเทศนี้ อาจมีส่วนทำให้เกิดเศรษฐกิจถดถอยได้ แต่อาจไม่กระทบทั่วโลกมากนักเพราะไม่ใช้มหาอำนาจอย่างจีน อาจส่งผลต่อราคาทองในระยะสั้นเท่านั้น 5. ความเลื่อมล้ำทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้บางประเทศค่าเงินเสื่อมค่าอย่างรุนแรง นำไปสู่ประเด็นทางการเมือง เช่น ความวุ่นวายทางการเมืองในบราซิล, ประเด็นจีน-ไต้หวัน ในปี 2022 สาเหตุที่สกุลเงินในประเทศที่อ่อนแอจะถูกซ้ำเติม เนื่องจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในประเทศที่มีบริษัทเทคโนโลยีเยอะ ๆ จะฟื้นตัวได้ไวกว่า ส่วนประเทศที่ไม่มีธุรกิจยุคใหม่เลย จะเจอปัญหาหนี้ที่ทำให้การเติบโตหรือจะกู้เพิ่มขึ้นเป็นเรื่องยาก ดังนั้นเงินทุนจะไหลเข้าสู่ประเทศที่มีธุรกิจเทคฯ ยุคใหม่มากขึ้น เนื่องจากบริษัทเหล่านี้หนี้น้อย ต่อให้ปีหน้าเฟดขึ้นดอกเบี้ย 3 steps จริง ๆ ก็ไม่กระทบผลประกอบการบริษัทเทคฯ เท่าไหร่ แต่ในทางกลับกัน ธุรกิจยุคเก่าที่เต็มไปด้วยนี้ จะถูกกดดันอย่างมากจากการที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยมากขึ้นหลายเท่า ซึ่งปัญหานี้จะเกิดขึ้นพร้อมกันทั่วโลก เมื่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไม่เท่ากันก็จะส่งผลให้ค่าเงินของประเทศที่ฟื้นช้าเกิดการอ่อนค่า ซึ่งหลายประเทศในโลกก็จะค่าเงินเสือมค่า เพราะส่วนใหญ่เติบโตมาด้วยธุรกิจยุคเก่าเป็นหลัก ทำให้ประชาชนในประเทศเหล่านั้นจะเข้าซื้อทองคำเพื่อหลบออกจากการเสื่อมค่าของสกุลเงินนั้นๆ
การวิเคราะห์ทางการเงิน & เศรษฐศาสตร์การเงิน,ข่าวเศรษฐกิจและการเงิน
Open QA
cc-by-nc-4.0
Finance_3934
Finance
ธนาคารพาณิชย์ไทยในการฟื้นฟูเศรษฐกิจมีความสำคัญและรายละเอียดอย่างไรบ้าง
null
บทบาทสำคัญของธนาคารพาณิชย์ไทย -ผู้ให้สภาพคล่อง: ธนาคารพาณิชย์เป็นแหล่งเงินทุนหลักสำหรับภาคธุรกิจและประชาชน ผ่านการให้กู้ยืมสินเชื่อ -ผู้สนับสนุนการฟื้นตัวของภาคธุรกิจ: ธนาคารพาณิชย์สามารถช่วยเหลือธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤต -ผู้ขับเคลื่อนทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจ: ธนาคารพาณิชย์มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ โอกาสในการปรับบทบาท สนับสนุนธุรกิจ SMEs: -ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ -ประสานงานระหว่างธุรกิจขนาดเล็กและใหญ่ -สนับสนุนการเข้าสู่ซัพพลายเชน -ดูแลชีวิตทางการเงินของลูกค้ารายย่อย: -สนับสนุนการใช้จ่ายที่เหมาะสม -แนะนำการกู้ยืมที่เป็นประโยชน์ -สนับสนุนด้านการลงทุนและการประกันภัย ปัจจัยที่ส่งผลต่อการปรับตัว 1 ปัจจัยด้านการเงิน: สถานะการเงินของธนาคารพาณิชย์ นโยบายการเงินของธนาคารกลาง 2 ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ: สภาพเศรษฐกิจโดยรวม การเติบโตของธุรกิจ 3 ปัจจัยด้านเทคโนโลยี: การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีทางการเงิน บทบาทในอนาคต 1 สนับสนุนการเติบโตในภาคส่วนที่มีศักยภาพ: ธนาคารพาณิชย์ควรสนับสนุนธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโต เช่น ธุรกิจเทคโนโลยี ธุรกิจสีเขียว 2 ส่งเสริมการเงินดิจิทัล: ธนาคารพาณิชย์ควรพัฒนาบริการทางการเงินดิจิทัลเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า 3 ยกระดับความสามารถด้านเทคโนโลยี: ธนาคารพาณิชย์ควรลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล สรุป -ธนาคารพาณิชย์ไทยมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการเติบโตของประเทศ -ธนาคารพาณิชย์ควรปรับบทบาทให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจ อนาคต โดยมุ่งเน้นการสนับสนุนธุรกิจที่มีศักยภาพ ส่งเสริมการเงินดิจิทัล และยกระดับความสามารถด้านเทคโนโลยี ประเด็นเพิ่มเติม -ธนาคารพาณิชย์ควรมีความร่วมมือกับภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรอื่นๆ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย -ธนาคารพาณิชย์ควรพัฒนาบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย -ธนาคารพาณิชย์ควรคำนึงถึงความเสี่ยงด้านต่างๆ including ความเสี่ยงด้านการเงิน ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยี และความเสี่ยงด้าน Cybersecurity
ความรู้ทางการเงิน
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Finance_309
Finance
ETF ตระกูล iShare ทั้งหมดคือของ BlackRockใช่หรือไม่
null
ใช่ บริษัทผู้จดทะเบียนและบริหารจัดการ ETF : 1. Vanguard มูลค่ารวมสินทรัพย์(AUM) : 1.90 ล้านล้านดอลลาร์ จำนวน ETF : 81 รายรับ : 993.37 ล้านดอลลาร์ Vanguard เป็นบริษัทจัดการกองทุนและ ETF ต่าง ๆ รวมถึงให้คำปรึกษาด้านการลงทุน ถือๆได้ว่าเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงที่สุดในสาย ETF มีโครงสร้างองค์กรที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ คือ กองทุนและ ETF ต่างๆ อยู่ภายใต้ผู้ถือหุ้นของบริษัท Vanguard ไม่มีนักลงทุนภายนอกมาข้องเกี่ยว ทำให้บริษัทสามารถตั้งค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในราคาต่ำได้ ETF เด่นของ Vanguard ได้แก่ Vanguard Total Stock Market ETF (VTI) ที่อิงดัชนี CRSP US Total Market Index ซึ่งรวมหุ้นอเมริกาหลากหลายมูลค่าไว้ด้วยกัน มีมูลค่าสินทรัพย์รวม 276.16 พันล้านดอลลาร์ และ Vanguard S&P 500 ETF (VOO) ที่ลงทุนตามดัชนี S&P 500 Index มีมูลค่ารวม 275.22 พันล้านดอลลาร์ BlackRock บริษัทเจ้าของ ETF ตระกูล iShare ทั้งหมด 2. BlackRock บริษัทเจ้าของ ETF ตระกูล iShare ทั้งหมด มูลค่ารวมสินทรัพย์(AUM) : 8.59 พันล้านดอลลาร์ จำนวน ETF : 398 รายรับ : 17.87 พันล้านดอลลาร์ BlackRock เป็นบริษัทจัดการการลงทุนระดับโลก ซึ่ง ETF ตระกูล iShare ทั้งหมดคือของ BlackRock ตัวบริษัทก่อตั้งในปี 1988 โดยผู้บริหาร 8 คน ซึ่งต่อมาประสบความสำเร็จได้ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง เช่น การใช้เทคโนโลยีออกแบบผลิตภัณฑ์การลงทุนโดยเน้นที่การจัดการความเสี่ยง ถือได้ว่า BlackRock เป็นผู้นำที่เปลี่ยนแปลงและเพิ่มเติมสิ่งใหม่ ๆ มาสู่วงการ ETF ซึ่ง ETF iShares มีสัดส่วนถึง 3 ใน 4 ของ ETF ทั้งหมดในโลก ETF เด่นของ BlackRock คือ iShares MSCI EAFE ETF (EFA) เพราะเป็น ETF ที่กระจายการลงทุนไปยังบริษัทต่าง ๆ ในประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งมีทั้งบริษัทในอเมริกา, แคนาดา, ยุโรป, เอเชีย และ ออสเตรเลีย เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการกระจายการลงทุนไปทั่วโลก
ตลาดการเงิน & ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน,ข้อมูลการเงินรายบริษัท,ความรู้ทางการเงิน
Classification
cc-by-nc-4.0
Finance_41943
Finance
ช่วยสรุปบทความเรื่อง "หลัก 5 ข้อจากหนังสือ Trading in the Zone ที่นำมาใช้กับการเทรดกองทุนได้" ให้หน่อยนะคะ
การเทรดกองทุนคืออะไร? พูดถึงการเทรดกองทุนหลายคนอาจจะไม่คุ้น คุ้นกับคำว่าเทรดหุ้นเทรดทองมากกว่า แต่ช่วงที่ผ่านมา FINNOMENA ก็เพิ่งมีการทำ Tactical Call เพื่อ “เทรดกองทุน” ทำกำไรระยะสั้นไป เช่น ตอนที่เราเห็นโอกาสในหุ้นเทคฯสหรัฐ จึงแนะนำให้เข้าซื้อ (รายละเอียดตามบทความนี้) ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค. 63 และมีการแนะนำให้ออกในวันที่ 7 ก.ค. 63 (รายละเอียดตามบทความนี้) ทำกำไรได้ประมาณ 16-24% และก็เพิ่งมีการทำ Tactical Call อีกครั้งเมื่อเราเห็นโอกาสในหุ้นจีน (รายละเอียดตามบทความนี้) ที่แนะนำให้เข้าซื้อไปเมื่อวันที่ 9 ก.ค. 63 ถามว่า Tactical Call แตกต่างยังไงกับแผนการลงทุนต่างๆของ FINNOMENA? Tactical Call เป็นเหมือนการ “เทรดกองทุน” เป็นการจับจังหวะทำกำไรระยะสั้น เข้าไวออกไว ระยะเวลา 3-6 เดือน จะต่างจากแผนการลงทุนต่างๆ ของ FINNOMENA ที่เน้นสร้างผลตอบแทนในระยะยาว คือมองภาพที่ไกลกว่า พอเป็นเรื่องของการเทรดก็จะมีความเสี่ยงมากกว่าการลงทุนระยะยาวเพราะมองสถานการณ์ในกรอบเวลาที่สั้นกว่ามาก นักลงทุนที่ต้องการจะ Tactical Call ต้องสามารถรับความเสี่ยงได้ เน้นการซื้อเป็นไม้ย่อยๆ ไม่ลงทั้งพอร์ต ที่สำคัญคือ ต้องมีวินัยในการ Stop Loss เมื่อตลาดไม่ได้เป็นแบบที่เราคิด ทีนี้สำหรับนักลงทุนที่ต้องการจะเทรดกองทุน มีคำแนะนำอะไรบ้างที่จะช่วยให้เรามี Mindset ที่ดีในการเทรดทำกำไร ไม่ถูกความผันผวนเล่นงาน ไม่ถูกการขาดทุนทำร้ายจิตใจ พลาดไม่ได้ครับกับหนังสือเล่มนี้ Trading in the Zone เขียนโดย Mark Douglas Trading in the Zone หนึ่งในหนังสือขึ้นหิ้งที่นักลงทุนควรอ่าน หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการสร้าง “โซน” หรือสภาพจิตใจที่ดีที่สุดที่เหมาะกับการเทรด ที่จะช่วยให้เทรดเดอร์ไม่หลงไปกับความกลัวและความโลภจนทำให้ตัดสินใจผิดพลาดไปหมด เป็นหนังสือที่สร้างรากฐานในการพัฒนาการเทรดที่ดีมากๆ เล่มหนึ่ง ผู้เขียน Mark Douglas มีประสบการณ์ทำงานเป็นโค้ชให้กับเทรดเดอร์เป็นหลายสิบปีตั้งแต่ปี 1982 ซึ่งหนังสือ Trading in the Zone ถูกเขียนออกมาในปี 2000 กลั่นจากประสบการณ์ของ Mark Douglas ที่ได้พบเห็นจากการโค้ชเทรดเดอร์เป็นพันๆ คน Mindset อะไรที่ช่วยปลดล็อคให้เทรดเดอร์ประสบความสำเร็จในการเทรดได้ ถูกนำเสนอไว้แล้วในหนังสือเล่มนี้ ในหนังสือ Mark Douglas ไม่ได้เจาะจงว่าเนื้อหาใช้ได้เฉพาะสำหรับการเทรดหุ้นเท่านั้น แต่มันคือการเทรดทุกอย่าง อะไรที่เป็นเกมของความน่าจะเป็น มีโอกาสกำไรบ้างขาดทุนบ้าง สามารถนำหลักการในหนังสือเล่มนี้ไปใช้ได้ทั้งหมด และนี่คือหลักการ 5 ข้อจากหนังสือเล่มนี้ที่สามารถประยุกต์ใช้กับการเทรดกองทุน หรือการเข้าลงทุนตาม Tactical Call จาก FINNOMENA ได้ครับ ความจริงพื้นฐาน 5 ข้อในการเทรด ถ้าเราปรับจูน Mindset ของเราให้เป็นไปตามนี้ได้ เราจะมีสภาพจิตใจที่พร้อมเทรดในตลาด และสามารถสร้างผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอได้ ท่ามกลางตลาดที่ไม่มีความไม่แน่นอนอะไรเลย 1. อะไรก็เกิดขึ้นได้ในตลาด ข้อแรกเราควรตระหนักไว้อยู่เสมอว่าในตลาดจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ มันจะขึ้นหรือจะลงยังไงก็ได้ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าคนที่กำลังเล่นอยู่ในตลาด (ซึ่งมีจำนวนมากมายมหาศาล) จะผลักตลาดไปทางไหน นั่นหมายความว่า ถ้าเรากำลังมั่นใจในกลยุทธ์ของเรา ว่าวิเคราะห์แบบนี้ ตลาดต้องไปทางนั้นแน่นอน มันไม่มีทางไปสวนทางกับเราได้ เรากำลังมีทัศนคติที่จะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองภายหลังครับ เพราะจริงๆ แล้วไม่มีใครคาดเดาตลาดได้ถูกทุกครั้ง มันมีตัวแปรมากเกินไปในการจะวิเคราะห์ได้ถูกต้องทุกครั้ง อย่างนักลงทุนที่เก่งๆ เค้าก็ไม่ได้ถูกเสมอไป มีถูกบ้างมีผิดบ้าง ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเค้าไม่เก่งหรือไม่ความรู้ไม่พอ แต่มันเป็นธรรมชาติของตลาดอยู่แล้วที่เป็นแบบนี้ แล้วเราจะสร้างผลตอบแทนได้ยังไง ในเมื่อไม่มีใครคาดเดาตลาดได้ ต้องไปดูทัศนคติในข้อต่อไปครับ 2. เราไม่จำเป็นต้องรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ในการสร้างกำไร ต่อเนื่องจากข้อที่แล้ว การคาดการณ์ตลาดให้ถูกแบบ 100% เป็นไปไม่ได้ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะเราไม่จำเป็นต้องรู้ล่วงหน้าว่าอะไรจะเกิดขึ้นในการที่จะทำกำไรได้ ในการออกแบบกลยุทธ์การเทรด มี 2 ตัวแปรที่พูดถึงกันบ่อยๆ คือ Win Rate และ Reward:Risk Ratio (RRR) ตัวแปรแรก Win Rate คือกลยุทธ์เรามีโอกาสถูกทางกี่เปอร์เซ็นต์ เปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คือ 100 ครั้งทายถูกกี่ครั้ง ตัวแปรอีกตัว Reward:Risk Ratio คือ อัตราส่วนระหว่างเงินที่เราจะได้ตอนถูกทางกับเทียบกับเงินที่เราจะเสียตอนผิดทาง ตามทฤษฎี กลยุทธ์ที่จะสร้างกำไรได้อย่างสม่ำเสมอมีอยู่ 3 แบบ แบบแรกถ้ากลยุทธ์เราเวลาผิดเสียเงินเยอะ แต่เวลาถูกได้นิดเดียว (RRR ต่ำ) กลยุทธ์เราต้องทายถูกบ่อยๆถึงจะได้กำไร (Win Rate สูง) แบบที่สองถ้ากลยุทธ์เราทายผิดบ่อย (Win Rate ต่ำ) เวลาทายถูกทีนึงต้องได้ให้เยอะ แล้วเวลาทายผิดต้องเสียให้น้อย (RRR สูง) ถึงจะได้กำไร ส่วนแบบที่สามซึ่งเป็นแบบที่ดีที่สุด คือสูงทั้ง RRR และ Win Rate ถ้าใครออกแบบกลยุทธ์ตามแบบที่ 3 ได้รับรองรวยเละเทะ พอเราเปลี่ยนเกมการเทรดให้เป็นเกมของความน่าจะเป็น เราก็ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าครั้งนี้เราจะทายถูกหรือทายผิด ถ้าเราสร้างกลยุทธ์ที่มีความน่าจะเป็นที่จะสร้างกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ แล้วเล่นไปตามกลยุทธ์นั้นอย่างมีวินัย ระยะยาวยังไงเราก็ได้กำไรแน่นอน 3. มันมีการสุ่มของลำดับการแพ้ชนะในกลยุทธ์การลงทุนใดๆ ก็ตาม สำหรับข้อนี้ยกตัวอย่างให้เห็นชัดๆคือ ถ้าเราโยนเหรียญทายหัวก้อย โยนไปแล้วทั้งหมด 5 ครั้ง ปรากฏว่าออกหัวทั้งหมด ถามว่าโยนครั้งถัดไปโอกาสที่จะออกก้อยเยอะกว่าออกหัวหรือไม่? มันดูเหมือนว่ามันออกหัวไป 5 ครั้งแล้ว ครั้งต่อไปควรจะออกก้อยบ้างใช่มั้ยครับ แต่ความจริงคือโยนครั้งถัดไปโอกาสออกหัวก้อยก็ 50/50 อยู่ดี ในการลงทุนก็เช่นกัน อย่าให้การขาดทุนติดๆกันหรือได้กำไรติดๆกันมาทำให้เราเสียวินัยในการลงทุน เพราะกลยุทธ์การลงทุนที่ดีต้องดูที่ระยะยาวได้กำไรรึเปล่า ไม่ได้ดูแค่ว่ามีการได้กำไรติดๆกันหรือไม่ 4. กลยุทธ์การลงทุนเป็นแค่ความน่าจะเป็นที่บอกว่าสิ่งหนึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นมากกว่าอีกสิ่งหนึ่ง จากความเห็นส่วนตัว ข้อนี้ผมมองว่าสำคัญที่สุดในบรรดา Mindset ครับ สังเกตนักลงทุนระดับโลกไม่มีใครการันตี 100% ว่าลงทุนไปแล้วจะได้กำไร สิ่งที่นักลงทุนที่เก่งๆทำคือ วิเคราะห์ปัจจัยต่างๆอย่างถี่ถ้วนตามความถนัดของตัวเอง และวางแผนอย่างรัดกุมว่าถ้าเกิดผิดทางแล้วต้องแก้เกมยังไง เนื่องจากอะไรก็เกิดขึ้นได้ในตลาด ไม่มีกลยุทธ์ไหนที่จะมี Win Rate 100% ทุกกลยุทธ์การลงทุนจะมี Win Rate อยู่ค่าหนึ่งอยู่เสมอ (ซึ่งไม่สามารถคำนวณออกมาได้จริงๆ เป็นเพียงการคำนวณทางสถิติ) เป็นค่าความน่าจะเป็นที่บอกว่ามีโอกาสที่เราจะถูกมากกว่าโอกาสที่จะผิดมากน้อยแค่ไหน ถ้าอย่างนั้นการศึกษาหาความรู้เรื่องการลงทุนก็ไม่มีประโยชน์น่ะสิ เพราะมีความรู้มากแค่ไหนก็มีโอกาสผิดอยู่ดี? ถ้ามองจาก Mindset ในข้อนี้ การศึกษาเรื่องการลงทุนต่อให้ลึกซึ้งแค่ไหนก็มีโอกาสพลาดอยู่ดี แต่ยิ่งเรามีความรู้มากแค่ไหน ความน่าจะเป็นที่เราจะคาดการณ์ทิศทางตลาดได้อย่างถูกต้องก็จะมากตามไปด้วย ซึ่งก็หมายถึงโอกาสสร้างผลกำไรที่มากขึ้นนั่นเอง ความรู้ = เพิ่มโอกาสที่จะชนะในตลาด 5. สิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดขณะนี้เป็นเรื่องเฉพาะตัว ไม่ซ้ำกับในอดีต ความจริงพื้นฐานข้อสุดท้ายในหนังสือ Trading in the Zone บอกว่า ประวัติศาสตร์ไม่มีทางซ้ำรอยกันได้จริงๆ ถ้าจะให้การเคลื่อนไหวของตลาดซ้ำรอยเดิมจริงๆ เราต้องเชิญให้นักลงทุนในอดีตทุกคนมารวมตัวกันและตอบสนองแบบเดียวกับที่เคยทำในอดีตทุกประการ เราถึงจะได้ตลาดที่ซ้ำรอยอดีต ซึ่งนั่นเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อตลาดแต่ละขณะเป็นสิ่งที่เฉพาะตัว ไม่ซ้ำในอดีต ทำให้เราไม่สามารถเดาตลาดได้ 100% เพราะทุกอย่างเป็นข้อมูลใหม่ สิ่งที่เราทำได้คือ การนำความรู้และข้อมูลในอดีตมาออกแบบกลยุทธ์ที่มีโอกาสชนะสูง ซึ่งจะทำให้เราทำกำไรได้ในเกมของความน่าจะเป็น สรุปวิธีนำมาใช้กับการเทรดกองทุน หลักการทั้ง 5 ข้อที่พูดถึง เนื้อหาจะค่อนข้างออกไปในทางปรัชญาหน่อยๆ การสละความโลภความกลัวและให้ความสนใจกับเกมของความน่าจะเป็น เป็นเรื่องที่พูดตามทฤษฎีง่าย แต่ในทางปฏิบัติทำได้ยากทีเดียว นักลงทุนที่สนใจหัอข้อนี้และอยากศึกษาเพิ่มเติมก็สามารถหาหนังสือมาอ่านแบบเต็มๆได้ครับ สำหรับวิธีนำมาประยุกต์กับการเทรดกองทุน หรือการเข้า Tactical Call จาก FINNOMENA ผมขอสรุปไว้ 3 ข้อด้วยกัน คือ ไม่มีกลยุทธ์อะไรที่การันตีว่าจะได้กำไร 100% แต่ถ้าเป็นกลยุทธ์ที่ผ่านการวิเคราะห์ออกแบบแผนการมาอย่างดีแล้ว โอกาสกำไรจะมีมากกว่าโอกาสขาดทุนแน่นอน มี Stop Loss หรือจุดที่จะออกเสมอ การไม่มี Stop Loss แสดงว่าเรากำลังคาดเดาตลาดให้เป็นไปแบบที่เราคิด ซึ่งความจริงเราไม่มีทางควบคุมตลาดได้ การไม่มี Stop Loss หรือไม่มีจุดออกเป็นเรื่องอันตรายในการเทรดระยะสั้น Take Profit ให้มากกว่า Stop Loss ข้อนี้คือการลงทุนให้คุ้มเสี่ยง การลงทุนคือเรากำลังเอาเงินของเราไปเสี่ยง เพราะฉะนั้นเวลาถูกทางต้อง Take Profit ให้เยอะ เวลาผิดทางต้อง Stop Loss เสียให้น้อย (การลงทุนที่ไม่ใช่ Day Trade ควร Take Profit ให้มากกว่า Stop Loss เสมอ) สำหรับนักลงทุนที่รักในการเทรดกองทุนก็อย่าลืมติดตาม Tactical Call จาก FINNOMENA นะครับ ล่าสุดคือการจับจังหวะเข้าลงทุนในตลาดหุ้นจีน สามารถอ่านรายละเอียดได้ที่บทความ Tactical Call : ตลาดหุ้นจีนถูกจุดพลุ จังหวะ Follow Buy ระยะสั้นเกิดขึ้น ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการลงทุนครับ เขียนโดย TUM SUPHAKORN เคยไหม? รู้สึกสะดวกกับการใช้บริการธนาคารเพื่อซื้อกองทุน แถมได้เอกสิทธิ์พิเศษ แต่มักได้รับการแนะนำผลิตภัณท์ที่ไม่ตรงกับความต้องการ เราขอนำเสนอ FINNOMENA แพลตฟอร์มที่จะแนะนำกองทุนที่ตรงกับความต้องการของคุณจริง ๆ เปิดบัญชีลงทุนออนไลน์ ซื้อกองทุนได้เร็วสุดภายในวันทำการถัดมา ลองเลย! https://finno.me/oa1327
FINNOMENA ได้นำเสนอกลยุทธ์ "Tactical Call" ซึ่งเป็นการเทรดกองทุนในระยะสั้น เช่นการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯ และหุ้นจีน โดยมุ่งทำกำไรในระยะเวลา 3-6 เดือน ผ่านการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการตอบสนองต่อโอกาสทางตลาด คำว่า "Tactical Call" แตกต่างจากแผนการลงทุนระยะยาวที่เน้นสร้างผลตอบแทนในระยะยาว โดยการเล่นในกรอบเวลาที่สั้น ๆ ซึ่งเสี่ยงมากกว่า และต้องการวินัยในการจัดการความเสี่ยง สำหรับนักลงทุนที่สนใจเทรดกองทุน, นำเสนอหนังสือ "Trading in the Zone" ของ Mark Douglas ซึ่งเน้นที่การสร้าง "โซน" หรือสภาพจิตใจที่เหมาะสมสำหรับการเทรด โดยในหนังสือนี้มีหลักการ 5 ข้อที่สามารถประยุกต์ใช้ในการเทรดกองทุน ได้แก่: 1. อะไรก็เกิดขึ้นได้ในตลาด 2. เราไม่จำเป็นต้องรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปในการสร้างกำไร 3. มันมีการสุ่มของลำดับการแพ้ชนะในกลยุทธ์การลงทุนใดๆ 4. กลยุทธ์การลงทุนเป็นแค่ความน่าจะเป็นที่บอกว่าสิ่งหนึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นมากกว่าอีกสิ่งหนึ่ง 5. สิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดขณะนี้เป็นเรื่องเฉพาะตัว ไม่ซ้ำกับในอดีต หนังสือ "Trading in the Zone" เป็นที่รู้จักเป็นหนังสือที่สำคัญสำหรับนักลงทุนที่ต้องการพัฒนาทักษะและมี Mindset ที่เหมาะสมสำหรับการเทรดอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับนักลงทุนที่สนใจการเทรดกองทุนและต้องการปรับ Mindset ในการเทรด, หนังสือ "Trading in the Zone" ของ Mark Douglas เป็นที่แนะนำ เน้นการสร้าง "โซน" หรือสภาพจิตใจที่เหมาะสมกับการเทรด. การเปิดบัญชีลงทุนออนไลน์กับ FINNOMENA ถูกนำเสนอเป็นวิธีที่สะดวกและรวดเร็ว พร้อมแนะนำกองทุนที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า.
ความรู้ทางการเงิน
Summarization
cc-by-nc-4.0
Finance_605
Finance
อยากเกษียณแบบสุขใจ ควรเตรียมเงินไว้เท่าไรดี?
null
อยากเกษียณแบบสุขใจ ควรเตรียมเงินไว้เท่าไรดี? ขั้นตอนที่ 1: คำนวณหา ค่าใช้จ่ายต่อเดือนหลังเกษียณ โดยส่วนใหญ่แล้ว ค่าใช้จ่ายต่อเดือนหลังเกษียณจะลดลงอยู่ที่ประมาณ 70-80% ของค่าใช้จ่ายก่อนเกษียณ ค่าใช้จ่ายปัจจุบัน x 0.70 ตัวอย่างเช่น ค่าใช้จ่ายปัจจุบัน = 50,000 บาท ดังนั้น ค่าใช้จ่ายต่อเดือนหลังเกษียณ = 50,000 x 0.70 = 35,000 บาท ขั้นตอนที่ 2: คำนวณหา จำนวนเงินที่ควรมี ณ วันเกษียณ ค่าใช้จ่ายต่อเดือนหลังเกษียณ x 12 (เดือน) x จำนวนปีที่คาดว่าจะใช้ชีวิตหลังเกษียณ ตัวอย่างเช่น ค่าใช้จ่ายต่อเดือนหลังเกษียณ = 35,000 บาท จำนวนปีที่คาดว่าจะใช้ชีวิตหลังเกษียณ = 20 ปี ดังนั้น จำนวนเงินที่ควรมี ณ วันเกษียณ = 35,000 x 12 x 20 = 8,400,000 บาท ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายต่อเดือนหลังเกษียณ และจำนวนเงินที่ควรมี ณ วันเกษียณ ที่ได้มาจะเป็นจำนวนที่ยังไม่ได้ปรับด้วยอัตราเงินเฟ้อ วิธีการคำนวณหาจำนวนเงินที่ควรมี ณ วันเกษียณ ปรับด้วยอัตราเงินเฟ้อ ปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งภาวะเงินเฟ้อจะส่งผลให้ระดับราคาของสินค้าและบริการโดยทั่วไปในประเทศสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่มูลค่าของเงินลดลง จึงทำให้เราต้องใช้เงินจำนวนมากขึ้นในการซื้อสินค้าและบริการนั่นเอง ดังนั้นในการเก็บเงินหรือการลงทุนเราจึงควรคิดรวมอัตราเงินเฟ้อไว้ด้วย จำนวนเงินที่ควรมี ณ วันเกษียณ x [(1+อัตราเงินเฟ้อ)^(อายุที่จะเกษียณ – อายุปัจจุบัน)] ตัวอย่างเช่น จำนวนเงินที่ควรมี ณ วันเกษียณ = 8,400,000 บาท อายุที่จะเกษียณ = 60 ปี อายุปัจจุบัน = 30 ปี อัตราเงินเฟ้อ = เพิ่มขึ้น 3% ต่อปี ดังนั้น จำนวนเงินที่ควรมี ณ วันเกษียณ ที่ปรับด้วยอัตราเงินเฟ้อแล้ว = 8,400,000 x [(1+3%)^(60-30)] = 20,389,004.76 บาท
ความรู้ทางการเงิน
Open QA
cc-by-nc-4.0
Medical_10961
Medical
โปรดสรุปบทความ ภาวะเลือดเป็นด่างในทางการแพทย์
เลือดเป็นด่าง Alkalosis โรคตับ Liver disease โรคไตเรื้อรัง Chronic kidney disease โรคปอด Lung disease โรคจากขึ้นที่สูง Altitude sickness ภาวะช็อก อาการช็อก Shock ยารักษาโรค Pharmaceutical drug ความเป็นกรด-ด่าง หรือ pH ของเลือดของร่างกายจะเป็นตัวช่วยให้การทำงานของเซลล์ และของเนื้อเยื่อทุกชนิดให้ทำงานได้อย่างปกติ ซึ่งโดยทั่วไปเลือดของคนปกติจะมีค่าความเป็นกรด-ด่างอยู่ในช่วง 7.35 - 7.45 แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ค่า pH ของเลือดสูงกว่า 7.45 จะจัดว่าร่างกายเลือดมีภาวะเลือดเป็นด่าง Alkalosis ซึ่งค่า pH ของร่างกายนี้แพทย์ตรวจทราบได้จากอาการผู้ป่วยร่วมกับการตรวจเลือดดูค่าความเป็นกรด-ด่างของเลือด และจากการตรวจปัสสาวะดูค่าความเป็นกรดด่างของปัสสาวะ ความเป็นกรด-ด่างในร่างกายจะขึ้นอยู่กับสมดุลของเกลื่อแร่ต่างๆรวมถึงปริมาณของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือด ดังนั้นความเป็นกรด-ด่างของร่างกายจึงถูกควบคุมให้อยู่ในสมดุล ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้เกิดการทำงานผิดปกติของไตหรือของปอดอาจมีสาเหตุได้จาก โรคของไตเอง หรือโรคของปอดเอง โรคตับ โรคจากขึ้นที่สูง ภาวะร่างกายขาดออกซิเจนเช่น ภาวะช็อก มีไข้สูง ผลข้างเคียงจากยาบางชนิดเช่น ยาในกลุ่ม Salicylate อาการอาเจียนเรื้อรังหรือรุนแรง อาการของภาวะเลือดเป็นด่างเช่น สับสน วิงเวียน มือสั่น กล้ามเนื้อกระตุก กล้ามเนื้อหดเกร็ง คลื่นไส้อาเจียน ใบหน้า-มือ-เท้ามีอาการชาหรือรู้สึกเหมือนมีเข็มตำ แพทย์วินิจฉัยภาวะเลือดเป็นด่างได้จากประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วยเช่น การใช้ยาต่างๆ โรคประจำตัว การตรวจร่างกาย การตรวจเลือดดูค่า pH และค่าเกลือแร่ Electrolyte และการตรวจปัสสาวะดูค่า pH ของปัสสาวะ การรักษาภาวะเลือดเป็นด่างคือ การแก้ไขให้ pH ของเลือดกลับมาสู่ภาวะปกติโดยการให้น้ำและให้เกลือแร่ทางหลอดเลือดดำและการให้ออกซิเจน ร่วมกับการรักษาสาเหตุของอา การเช่นการรักษาโรคไตหรือโรคปอดแล้วแต่กรณี ทั้งนี้การพยากรณ์โรคของภาวะเลือดเป็นด่างขึ้นกับสาเหตุและความรุนแรงของแต่ละสาเหตุ
ความเป็นกรด-ด่าง หรือที่เรียกว่าค่า pH ของเลือดในร่างกาย ถือเป็นตัวช่วยให้การทำงานของเซลล์และเนื้อเยื่อทุกชนิดเป็นปกติ โดยแพทย์จะทราบถึงความผิดปกติของค่า pH ได้จากอาการผิดปกติผู้ป่วย ร่วมกับการตรวจเลือดดูค่าความเป็นกรด-ด่างของเลือด และการตรวจปัสสาวะดูค่าความเป็นกรดด่างของปัสสาวะ ซึ่งสมดุลความเป็นกรด-ด่างในร่างกายจะขึ้นอยู่กับสมดุลของเกลือแร่ต่างๆ และปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดด้วย สำหรับเลือดของคนปกติทั่วไปจะมีค่าความเป็นกรด-ด่างอยู่ในช่วง 7.35 - 7.45 แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ค่า pH ของเลือดสูงกว่า 7.45 จะถือว่าร่างกายมีภาวะเลือดเป็นด่าง (Alkalosis) ที่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งการทำงานผิดปกติของไตหรือของปอด โรคไต โรคปอด โรคตับ โรคจากการขึ้นที่สูง ภาวะร่างกายขาดออกซิเจน เช่น ภาวะช็อก มีไข้สูง รวมไปถึงผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่น ยาในกลุ่ม Salicylate ทำให้ผู้ป่วยมีอาการอาเจียนเรื้อรังหรือรุนแรง สับสน วิงเวียน มือสั่น กล้ามเนื้อกระตุก กล้ามเนื้อหดเกร็ง คลื่นไส้อาเจียน ใบหน้า-มือ-เท้ามีอาการชาหรือรู้สึกเหมือนมีเข็มตำ สำหรับการรักษาภาวะเลือดเป็นด่าง คือ การแก้ไขให้ pH ของเลือดกลับมาสู่ภาวะปกติด้วยการให้น้ำ ให้เกลือแร่ทางหลอดเลือดดำ ร่วมกับการให้ออกซิเจน และการรักษาที่ต้นเหตุ
อายุรศาสตร์ (อายุรศาสตร์) - Internal Medicine
Summarization
cc-by-nc-4.0
Finance_41371
Finance
ข้อใดเป็นนโยบายลงทุนของกองทุน ONE-STOXXASEAN
A. ลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในกลุ่มประเทศกัมพูชา ลาว พม่า เวียดนามและไทย (CLMVT) B. ลงทุนในหุ้นจำนวน 30 บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ อิงดัชนี STOXX ASEAN SELECT DIVIDEND 30 INDEX C. ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน JPMorgan Funds – ASEAN Equity Fund D. ลงทุนโดยตรงในหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนใน 10 ประเทศ
ข้อที่ถูกต้องได้แก่ B. เนื่องจาก เพราะกองทุน ONE-STOXXASEAN มีนโยบายลงทุน คือ ลงทุนในหุ้นจำนวน 30 บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ อิงดัชนี STOXX ASEAN SELECT DIVIDEND 30 INDEX กองทุน ONE-STOXXASEAN เป็นกองทุนลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียน มีนโยบายลงทุน คือ ลงทุนในหุ้นจำนวน 30 บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ อิงดัชนี STOXX ASEAN SELECT DIVIDEND 30 INDEX ซึ่งเป็นดัชนีที่เฟ้นหาหุ้นอาเซียนที่จ่ายปันผลได้ดีโดยดูจากการจ่ายปันผลย้อนหลัง 12 เดือน และไม่ได้เลือกจากบริษัทที่มี Market-Cap สูง แต่เลือกบริษัทที่มีสภาพคล่องสูง มีอัตราการจ่ายปันผล หรือ Dividend Payout Ratio ไม่เกิน 80% เพราะจะทำให้บริษัทมีเงินกลับไปลงทุนต่อเพื่อการเติบโต ไม่ลงทุนใน Infra & REIT รวมทั้งมี Foreign Investment Capacity เกิน 4% หรือเรียกว่ามี free-float สำหรับให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาถือได้ นอกจากนี้ยังมีกฏว่าห้ามลงทุนในหุ้นเกิน 7 ตัว ในแต่ละประเทศ และ 9 ตัวในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม สัดส่วนอุตสาหกรรมที่กองทุน ONE-STOXXASEAN ลงทุน (ข้อมูล ณ 30 กันยายน 2564) - BANKS 20.61% - CAPITAL GOODS 17.25% - MATERIALS 7.10% - ENERGY 6.92% - FOOD, BEVERAGE & TOBACCO 6.68% นโยบายการจ่ายปันผลและระดับความเสี่ยงของกองทุน ONE-STOXXASEAN มีนโยบายการจ่ายปันผล และกองทุนมีความเสี่ยงที่ระดับ 6 ผลตอบแทนและความเสี่ยง (as of 26 Oct 2021) Return: 16.24% / 43.63% / 2.02% SD: 16.56% / 19.67% ค่าธรรมเนียมของกองทุน ONE-STOXXASEAN: TER 1.99%, Front-End 1.25%
ตลาดการเงิน & ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน
Multiple choice
cc-by-nc-4.0
Medical_12249
Medical
จงสรุปบทความเรื่อง ไอโลเพอริโดน ให้หน่อย
ไอโลเพอริโดน Iloperidone ไอโลเพอริโดนมีสรรพคุณคุณสมบัติอย่างไร ไอโลเพอริโดนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร ไอโลเพอริโดนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร ไอโลเพอริโดนมีขนาดรับประทานอย่างไร เมื่อมีการสั่งยา ควรแจ้งแพทย์พยาบาล และเภสัชกรอย่างไร หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร ไอโลเพอริโดนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร มีข้อควรระวังการใช้ไอโลเพอริโดนอย่างไร ไอโลเพอริโดนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร ควรเก็บรักษาไอโลเพอริโดนอย่างไร ไอโลเพอริโดนมีชื่ออื่นอีกไหมผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง ยารักษาโรค Pharmaceutical drug ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด โรคจิต Psychosis ยารักษาทางจิตเวช ยาจิตเวช Psychotropics drugs เซโรโทนิน-โดพามีน แอนตาโกนิสต์เอสดีเอ Serotonin-Dopamine Antagonists โรคจิตเภท Schizophrenia นิ่วในถุงน้ำดี นิ่วถุงน้ำดี Gallstone ต้อกระจก Cataract ยาไอโลเพอริโดน Iloperidone อยู่ในกลุ่มยารักษาโรคจิตรุ่นที่ 2 Atypical antipsychotics ทางคลินิกนำมาใช้บำบัดอาการโรคจิตเภทSchizophrenia ในปี ค.ศ.2013 พ.ศ.2556 นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาความสามารถในการบำบัดอาการทางจิตของยานี้โดยเปรียบเทียบกับยารักษาโรคจิต 15 ชนิด มีข้อสรุปออกมาว่ายาไอโลเพอริโดนมีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือใกล้เคียงกับยา Ziprasidone Chlorpromazine Asenapine และ Lurasidone ยาไอโลเพอริโดน มีกลไกการออกฤทธิ์ที่สมอง โดยทำให้เกิดสมดุลของสารสื่อประสาทต่างๆ ซึ่งส่งผลเกิดผลดีต่อสภาพจิตของผู้ป่วยจิตเภท รูปแบบเภสัชภัณฑ์ของยาไอโลเพอริโดนมีทั้งประเภทยารับประทานและยาฉีด เมื่อตัวยาเข้าสู่กระแสเลือด จะเข้ารวมตัวกับพลาสมาโปรตีนได้ประมาณ 97 ตับจะคอยทำลายโครงสร้างของยาไอโลเพอริโดนอย่างต่อเนื่อง และร่างกายต้องใช้เวลา 18–33 ชั่วโมง เพื่อกำจัดยานี้ทิ้งไปกับปัสสาวะและอุจจาระ ยาไอโลเพอริโดนถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับผู้ใหญ่ และห้ามใช้กับเด็ก อย่างไรก็ตาม มีข้อห้ามและข้อควรระวังการใช้ยาไอโลเพอริโดนที่ผู้บริโภคผู้ป่วยควรทราบ ดังนี้ เช่น ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอาการทางจิตที่มีภาวะความจำเสื่อมร่วมด้วย การใช้ยานี้ในขนาดสูงกับผู้สูงอายุอาจเป็นเหตุให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้เสียชีวิตโดยมีความเกี่ยวพันกับโรคประจำตัวผู้ป่วยที่มีอยู่ก่อน อย่างเช่น โรคหัวใจ หรือมีการติดเชื้อของผู้ป่วย ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ร่างกายมีความอ่อนแอและสุ่มเสี่ยงต่อการเสียชีวิต ได้ง่ายนั่นเอง การใช้ยาชนิดนี้กับ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ที่มีโรคไขมันในเลือดสูง ตลอดจนผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินมากๆ ล้วนแต่จะทำให้อาการป่วยหรือโรคประจำตัวดังกล่าวทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น กับผู้ป่วยกลุ่มนี้ แพทย์อาจต้องตรวจติดตามอาการอย่างใกล้ชิดและผู้ป่วยต้องมาพบแพทย์มาโรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจร่างกายจากแพทย์ตามแพทย์นัดหมายทุกครั้ง หลีกเลี่ยงห้ามรับประทานยาไอโลเพอริโดนร่วมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ เพราะจะทำให้เกิดอาการวิงเวียนและง่วงนอนมากยิ่งขึ้น ขณะได้รับยานี้ ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศร้อน การเสียเหงื่อมากๆ อาจเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ผู้ป่วยมีอาการข้างเคียงผลข้างเคียงจากยาไอโลเพอริโดนได้มากยิ่งขึ้น ในกรณีนี้ การดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอบ่อยๆอาจจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับผู้ป่วย ยาไอโลเพอริโดนสามารถทำให้เม็ดเลือดขาวซึ่งเป็นตัวต่อต้านเชื้อโรคลดต่ำลงและก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย ผู้ป่วยบางรายถึงกับเสียชีวิตจากภาวะ ติดเชื้อดังกล่าว จากเหตุผลนี้เอง ทำให้แพทย์ต้องตรวจระดับเม็ดเลือดขาวของผู้ที่ได้รับยาไอโลเพอริโดนเป็นระยะๆไป ทางคลินิก ยังพบสถิติผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป จัดเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับผลข้างเคียงจากการใช้ยาชนิดนี้มากกว่าผู้ป่วยที่มีอายุต่ำกว่านี้ ห้ามใช้ยาไอโลเพอริโดนกับสตรีมีครรภ์ตั้งครรภ์ และสตรีในภาวะให้นมบุตร มีรายงานทางคลินิกพบว่า ยานี้สามารถส่งผ่านถึงทารกและทำให้กล้ามเนื้อของทารกทำงานผิดปกติ ตลอดจนก่อให้เกิดภาวะถอนยากับทารกตามมา อนึ่ง ยาไอโลเพอริโดนเป็นยารักษาจิตเภทที่มีการใช้กันมากในแถบซีกโลกตะวันตก สำหรับยานี้ในทวีปเอเชีย จะพบเห็นการจำหน่ายแต่ในประเทศอินเดีย โดยใช้ชื่อการค้าว่า Ilosure ไอโลเพอริโดนมีสรรพคุณคุณสมบัติอย่างไร ยาไอโลเพอริโดนมีสรรพคุณข้อบ่งใช้ เช่น รักษาอาการทางจิตเภท Schizophrenia ไอโลเพอริโดนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร ยาไอโลเพอริโดนอยู่ในกลุ่มยา Serotonin-dopamine antagonist สามารถออกฤทธิ์ต่อตัวรับReceptorของสารสื่อประสาทต่างๆในสมอง เช่น Serotonin receptor Dopamine receptor ส่งผลให้ระดับสารสื่อประสาทต่างๆมีสมดุลและเหมาะสมมากขึ้น จากกลไกนี้ จึงทำให้อาการของโรคจิตเภทกลับมาเป็นปกติได้ตามสรรพคุณ ไอโลเพอริโดนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร ยาไอโลเพอริโดนชนิดรับประทาน มีรูปแบบการจัดจำหน่าย เช่น ยาเม็ดชนิดรับประทาน ที่ประกอบด้วย Iloperidone 1 2 4 6 8 10 และ12 มิลลิกรัมเม็ด ไอโลเพอริโดนมีขนาดรับประทานอย่างไร ยาไอโลเพอริโดนมีขนาดรับประทาน เช่น ผู้ใหญ่ เริ่มต้นรับประทานยา 1 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็นก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ แพทย์อาจปรับเพิ่มขนาดรับประทาน ทัวไปไม่เกิน 2 มิลลิกรัมครั้ง ขนาดรับประทานปกติอยู่ในช่วง 6–12 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ขนาดรับประทานยานี้สูงสุดไม่เกิน 24 มิลลิกรัมวัน เด็ก ทางคลินิก ยังไม่มีข้อมูลด้านความปลอดภัยในการใช้ยานี้กับเด็ก อนึ่ง การที่แพทย์ปรับเพิ่มขนาดรับประทานทีละน้อยๆ จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะความดันโลหิตต่ำ หลังรับประทานยานี้ไปแล้ว 1–2 สัปดาห์ จึงอาจจะเห็นประสิทธิผลของการรักษา โดยสภาพจิตของผู้ป่วยจะดีขึ้นเป็นลำดับ ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคตับในระยะรุนแรง หมายเหตุ ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้ เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมยาไอโลเพอริโดน ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์พยาบาล และเภสัชกร ดังนี้ ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยาใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือ แน่นหายใจติดขัดหายใจลำบาก มีโรคประจำตัวต่างๆ อย่างเช่น โรคตับ โรคความดันโลหิตสูง โรคความดันโลหิตต่ำ รวมทั้งกำลังกินยาใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาไอโลเพอริโดน อาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กินที่ใช้อยู่ก่อน หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร หากลืมรับประทานยาไอโลเพอริโดน สามารถรับประทานทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการใช้ยาในครั้งถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า ให้รับประทานที่ขนาดปกติ กรณีลืมรับประทานยาเกิน 3 วัน ควรรีบพาผู้ป่วยมาพบแพทย์มาโรงพยาบาล เพื่อแพทย์พิจารณาปรับขนาดรับประทานยากันใหม่ อนึ่ง การหยุดใช้ยาไอโลเพอริโดนทันที อาจทำให้เกิดอาการทางจิตประสาทกำเริบขึ้น ไอโลเพอริโดนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร ยาไอโลเพอริโดนสามารถก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์จากยา ผลข้างเคียงอาการข้างเคียงต่อระบบอวัยวะต่างๆของร่างกาย ดังนี้ เช่น ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น หัวใจเต้นเร็ว ชีพจรผิดปกติ ความดันโลหิตต่ำ ผลต่อระบบการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย เช่น น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลง รับประทานอาหารมากขึ้น ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ น้ำตาลในเลือดสูง เกลือโปแตสเซียมในเลือดต่ำ ผลต่อระบบต่อมไร้ท่อ เช่น เจ็บหน้าอกเจ็บเต้านม หน้าอกเต้านมโตขึ้น มีไทรอยด์ฮอร์โมนในเลือดต่ำภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน ผลต่อสภาพจิตใจ เช่น กระสับกระส่าย ก้าวร้าว อารมณ์หงุดหงิด ซึม มีความรู้สึกอยากทำร้ายตนเอง ผลต่อไต เช่น เกิดนิ่วในไต ไตวายเฉียบพลัน ผลต่อกล้ามเนื้อ เช่น ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อหดเกร็งตัว ผลต่อระบบประสาท เช่น วิงเวียน ง่วงนอน การควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายผิดปกติ เช่น การเคลื่อนที่ของร่างกายทำได้ช้าลง ตัวสั่น ผลต่อระบบการหายใจ เช่น คัดจมูก หายใจขัดหายใจลำบาก เกิดโรคติดเชื้อ ทางเดินหายใจได้ง่าย ผลต่อระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ ปากแห้ง รู้สึกไม่สบายท้อง ท้องเสีย หลั่งน้ำลายมาก กระเพาะอาหารอักเสบ เกิดแผลในปาก กรดไหลย้อน ผลต่อระบบทางเดินสืบพันธุ์ เช่น สมรรถภาพทางเพศถดถอย ปัสสาวะไม่ออกปัสสาวะขัด ปวดองคชาติ องคชาติแข็งค้าง ประจำเดือนขาดในสตรี ผลต่อตา เช่น ตาพร่า เยื่อตาอักเสบ ตาแห้ง หนังตาบวม เกิดต้อกระจก หนังตากระตุก ผลต่อผิวหนัง เช่น เกิดผื่นคัน ผลต่อระบบเลือด เช่น เกิดภาวะเลือดจาง มีภาวะฮีมาโทคริตต่ำ ฮีโมโกลบินต่ำ ผลต่อตับและทางเดินน้ำดี เช่น เกิดนิ่วในถุงน้ำดี มีข้อควรระวังการใช้ไอโลเพอริโดนอย่างไร มีข้อควรระวังการใช้ยาไอโลเพอริโดน เช่น ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้ ห้ามปรับขนาดการใช้ยานี้ด้วยตนเอง และให้ใช้ยานี้ตามที่แพทย์แนะนำ ห้ามใช้ยาที่มีสภาพเปลี่ยนไปจากเดิม เช่น เม็ดยาแตกหัก ห้ามหยุดใช้ยานี้อย่างกะทันหันถึงแม้อาการป่วยจะดีขึ้นเป็นลำดับก็ตาม ผู้ป่วยอาจต้องใช้ยานี้ต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่งตามแพทย์สั่ง แพทย์เท่านั้นที่จะปรับลดการใช้ยานี้ได้เหมาะสมที่สุด ห้ามใช้ยานี้กับสตรีมีครรภ์ สตรีในภาวะให้นมบุตร และเด็ก หลังรับประทานยานี้แล้วเกิดอาการวิงเวียน ห้ามผู้ป่วยขับขี่ยวดยานพาหนะหรือทำงานที่เกี่ยวข้องกับเครื่องจักรต่างๆ ด้วยจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ห้ามผู้ป่วยที่ได้รับยานี้อยู่ในที่ที่มีอากาศร้อนจัด ด้วยอาจส่งผลทำให้ร่างกายเกิด ภาวะขาดน้ำตามมา ระวังการใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ด้วยจะส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดผิดปกติโดยอาจสูงขึ้นหรือต่ำลงก็ได้ ยานี้สามารถทำให้ภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของผู้ป่วยอ่อนแอลง ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการนำผู้ป่วยไปอยู่ในบริเวณพื้นที่ที่มีประชากรมีแออัดหรือพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อต่างๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า ผู้ป่วยที่ได้รับยานี้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจมีน้ำหนักตัวสูงขึ้น กรณีนี้สามารถปรึกษากับแพทย์เพื่อปรับขนาดการใช้ยานี้ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพของผู้ป่วยแต่ละบุคคล ผู้ป่วยสูงวัยผู้สูงอายุที่ได้รับยานี้ อาจพบเห็นอาการผิดปกติของกล้ามเนื้อ เช่น การควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย อย่างเช่น การบังคับ แขน ขา ลิ้น ใบหน้า และปาก ทำได้ลำบาก หากพบเห็นอาการดังกล่าว ต้องรีบนำผู้ป่วยกลับมาพบแพทย์มาโรงพยาบาลโดยเร็ว ไม่ต้องรอถึงวันแพทย์นัด เพื่อแพทย์พิจารณาปรับแนวทางการรักษา ผู้ป่วยที่ได้รับยานี้ อาจต้องได้รับการตรวจเลือด เพื่อเป็นการตรวจสอบและ ป้องกันการเกิดอาการข้างเคียงของยานี้ เช่น การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด ผู้ที่ได้รับยานี้เกินขนาด จะมีอาการความดันโลหิตต่ำ และมีหัวใจทำงานผิดปกติ เช่น หัวใจเต้นเร็ว กรณีที่พบเห็นผู้ป่วยใช้ยานี้เกินขนาด ต้องรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว ไม่ต้องรอถึงวันแพทย์นัด มาพบแพทย์มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัดหมายทุกครั้ง ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้ ห้ามใช้ยาหมดอายุ ห้ามเก็บยาหมดอายุ อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ยาที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิดรวมยาไอโลเพอริโดนด้วย ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตาม ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดอ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ ไอโลเพอริโดนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร ยาไอโลเพอริโดนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น ห้ามรับประทานยาไอโลเพอริโดนร่วมกับ ยาChlordiazepoxide ด้วยจะทำให้มีอาการ วิงเวียน ง่วงนอน รู้สึกสับสน การครองสติทำได้ลำบาก หลีกเลี่ยงการใช้ยาไอโลเพอริโดนร่วมกับ ยาNitroglycerin ด้วยจะก่อให้เกิดภาวะความดันโลหิตต่ำตามมา ห้ามใช้ยาไอโลเพอริโดนร่วมกับ ยาAmitriptyline ด้วยจะทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะตามมา ห้ามใช้ยาไอโลเพอริโดนร่วมกับ ยาBupropion ด้วยเสี่ยงต่อการเกิดอาการชักได้ง่ายยิ่งขึ้น ควรเก็บรักษาไอโลเพอริโดนอย่างไร ควรเก็บยาไอโลเพอริโดน ภายใต้อุณหภูมิห้องที่เย็น ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งตู้เย็น เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
1. ไอโลเพอริโดน อยู่ในกลุ่มยารักษาโรคจิตรุ่นที่ 2 Atypical antipsychotics ทางคลินิกนำมาใช้บำบัดอาการโรคจิตเภทSchizophrenia มีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือใกล้เคียงกับยา Ziprasidone Chlorpromazine Asenapine และ Lurasidone กลไกการออกฤทธิ์ที่สมอง โดยทำให้เกิดสมดุลของสารสื่อประสาทต่างๆ ซึ่งส่งผลเกิดผลดีต่อสภาพจิตของผู้ป่วยจิตเภท - มีทั้งประเภทยารับประทานและยาฉีด เมื่อตัวยาเข้าสู่กระแสเลือด จะเข้ารวมตัวกับพลาสมาโปรตีนได้ประมาณ 97 ตับจะคอยทำลายโครงสร้างของยาไอโลเพอริโดนอย่างต่อเนื่อง และร่างกายต้องใช้เวลา 18–33 ชั่วโมง เพื่อกำจัดยานี้ทิ้งไปกับปัสสาวะและอุจจาระ - ใช้กับผู้ใหญ่ และห้ามใช้กับเด็ก 2. ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอาการทางจิตที่มีภาวะความจำเสื่อมร่วมด้วย การใช้ยานี้ในขนาดสูงกับผู้สูงอายุอาจเป็นเหตุให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้เสียชีวิตโดยมีความเกี่ยวพันกับโรคประจำตัวผู้ป่วยที่มีอยู่ก่อน อย่างเช่น โรคหัวใจ หรือมีการติดเชื้อของผู้ป่วย ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ร่างกายมีความอ่อนแอและสุ่มเสี่ยงต่อการเสียชีวิต ได้ง่ายนั่นเอง 3. การใช้ยาชนิดนี้กับ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ที่มีโรคไขมันในเลือดสูง ตลอดจนผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินมากๆ ล้วนแต่จะทำให้อาการป่วยหรือโรคประจำตัวดังกล่าวทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น กับผู้ป่วยกลุ่มนี้ แพทย์อาจต้องตรวจติดตามอาการอย่างใกล้ชิดและผู้ป่วยต้องมาพบแพทย์มาโรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจร่างกายจากแพทย์ตามแพทย์นัดหมายทุกครั้ง 4. ห้ามรับประทานยาไอโลเพอริโดนร่วมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์จะทำให้เกิดอาการวิงเวียนและง่วงนอน 5. หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศร้อน การเสียเหงื่อมากๆ อาจเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ผู้ป่วยมีอาการข้างเคียงผลข้างเคียงจากยาไอโลเพอริโดนได้มากยิ่งขึ้น 6. ยาไอโลเพอริโดนสามารถทำให้เม็ดเลือดขาวซึ่งเป็นตัวต่อต้านเชื้อโรคลดต่ำลงและก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย ผู้ป่วยบางรายถึงกับเสียชีวิตจากภาวะ ติดเชื้อ 7. ห้ามใช้ยาไอโลเพอริโดนกับสตรีมีครรภ์ตั้งครรภ์ และสตรีในภาวะให้นมบุตร อาการข้างเคียงต่อระบบอวัยวะต่างๆของร่างกาย ดังนี้ เช่น - ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น หัวใจเต้นเร็ว ชีพจรผิดปกติ ความดันโลหิตต่ำ - ผลต่อระบบการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย เช่น น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลง รับประทานอาหารมากขึ้น ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ น้ำตาลในเลือดสูง เกลือโปแตสเซียมในเลือดต่ำ - ผลต่อระบบต่อมไร้ท่อ เช่น เจ็บหน้าอกเจ็บเต้านม หน้าอกเต้านมโตขึ้น มีไทรอยด์ฮอร์โมนในเลือดต่ำภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน - ผลต่อสภาพจิตใจ เช่น กระสับกระส่าย ก้าวร้าว อารมณ์หงุดหงิด ซึม มีความรู้สึกอยากทำร้ายตนเอง - ผลต่อไต เช่น เกิดนิ่วในไต ไตวายเฉียบพลัน - ผลต่อกล้ามเนื้อ เช่น ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อหดเกร็งตัว - ผลต่อระบบประสาท เช่น วิงเวียน ง่วงนอน การควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายผิดปกติ เช่น การเคลื่อนที่ของร่างกายทำได้ช้าลง ตัวสั่น - ผลต่อระบบการหายใจ เช่น คัดจมูก หายใจขัดหายใจลำบาก เกิดโรคติดเชื้อ ทางเดินหายใจได้ง่าย - ผลต่อระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ ปากแห้ง รู้สึกไม่สบายท้อง ท้องเสีย หลั่งน้ำลายมาก กระเพาะอาหารอักเสบ เกิดแผลในปาก กรดไหลย้อน - ผลต่อระบบทางเดินสืบพันธุ์ เช่น สมรรถภาพทางเพศถดถอย ปัสสาวะไม่ออกปัสสาวะขัด ปวดองคชาติ องคชาติแข็งค้าง ประจำเดือนขาดในสตรี - ผลต่อตา เช่น ตาพร่า เยื่อตาอักเสบ ตาแห้ง หนังตาบวม เกิดต้อกระจก หนังตากระตุก - ผลต่อผิวหนัง เช่น เกิดผื่นคัน - ผลต่อระบบเลือด เช่น เกิดภาวะเลือดจาง มีภาวะฮีมาโทคริตต่ำ ฮีโมโกลบินต่ำ - ผลต่อตับและทางเดินน้ำดี เช่น เกิดนิ่วในถุงน้ำดี 8. ห้ามใช้ยาที่มีสภาพเปลี่ยนไปจากเดิม เช่น เม็ดยาแตกหัก 9. ห้ามหยุดใช้ยานี้อย่างกะทันหันถึงแม้อาการป่วยจะดีขึ้นเป็นลำดับก็ตาม ผู้ป่วยอาจต้องใช้ยานี้ต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่งตามแพทย์สั่ง แพทย์เท่านั้นที่จะปรับลดการใช้ยานี้ได้เหมาะสมที่สุด 10. ห้ามรับประทานยาไอโลเพอริโดนร่วมกับยาChlordiazepoxide ด้วยจะทำให้มีอาการ วิงเวียน ง่วงนอน รู้สึกสับสน 11. หลีกเลี่ยงการใช้ยาไอโลเพอริโดนร่วมกับยาNitroglycerin ด้วยจะก่อให้เกิดภาวะความดันโลหิตต่ำตามมา 12. ห้ามใช้ยาไอโลเพอริโดนร่วมกับ ยาAmitriptyline ด้วยจะทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะตามมา
จิตเวชศาสตร์ (จิตเวชศาสตร์) - Psychiatry,อายุรศาสตร์ (อายุรศาสตร์) - Internal Medicine,เภสัชวิทยา Pharmacology
Summarization
cc-by-nc-4.0
Medical_19544
Medical
วิถีชีวิตตามกฎเหล็ก 5 ข้อ ของงานวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด คืออะไรบ้าง
จิตวิทยาผู้สูงวัย ตอนที่ 334 วิถีชีวิตอย่างมีคุณภาพ 1 จิตวิทยาผู้สูงวัย ตอนที่ 334 วิถีชีวิตอย่างมีคุณภาพ 1 จิตวิทยาผู้สูงวัย ตอนที่ 334 วิถีชีวิตอย่างมีคุณภาพ 1 งานวิจัยของทีมงานจาก Harvard University แล้วตีพิมพ์ใน ปี ค.ศ. 2018 เกิดขึ้นจากการที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพในสหรัฐอเมริกา ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมประเทศตนเอง ซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก และมีค่าใช้จ่ายต่อประชากรสูงที่สุดในโลก 9402 ดอลล่าร์ต่อคนในปี ค.ศ. 2014 กลับเป็นประเทศที่มีประชากรอายุยืนตกต่ำลงถึงอันดับที่ 31 ของโลก โดยต่ำกว่าทุกประเทศที่พัฒนาแล้ว นักวิจัยตั้งคำถามว่า คนอเมริกันควรจะปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต Life-style อย่างไร จึงจะมีอายุยืนและสุขภาพดี เนื่องจากปัญหาหลักมิได้อยู่ที่จำนวนเงินและเทคโนโลยีที่ใช้ในการดูแลสุขภาพ Health-care นักวิจัยนำเอาพฤติกรรมที่สามารถปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตได้มาวิเคราะห์ดูว่า จะช่วยให้อายุยืน โดยปราศจากโรคภัยไข้เจ็บได้หรือไม่ นักวิจัยได้เลือกพฤติกรรม 5 อย่างมาพิจารณา อันได้แก่ 1 การกินอาหารที่เป็นประโยชน์ 2 การออกกำลังกายเป็นประจำ 3 การควบคุมน้ำหนักตัว 4 การดื่มแอลกอฮอล์อย่างจำกัด และ 5 การห้ามสูบบุหรี่ โดยได้ข้อมูลมหาศาลจากแบบสอบถามจากบุคลากรสาธารณสุข ทั่วประเทศ National Health Survey ซึ่งประกอบด้วย ข้อมูลผู้หญิง จากฐานข้อมูลของพยาบาล Nurses Health Study 1980 – 2014 จำนวน 78865 คน อายุเฉลี่ย 46 – 47 ปี ข้อมูลผู้ชาย จากฐานข้อมูลนักวิชาชีพสุขภาพ Health Professionals Follow-up Study 1986 – 2014 จำนวน 44354 คน อายุเฉลี่ย 53 – 55 ปี ในช่วงเวลาที่เก็บข้อมูล 34 ปีนั้น มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 42467 คน วิถีชีวิตตามกฎเหล็ก 5 ข้อ ของงานวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ก็คือ 1. กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ไม่มันมาก หรือหวานมากเกินไป 2. ออกกำลังกาย 30 นาที หรือมากกว่านั้นทุกวัน 3. อย่าอ้วนเกิน ดัชนีมวลกาย BMI อยู่ระหว่าง 18.5 – 24.9 4. ดื่มไวน์ไม่เกินวันละ 1 แก้วสำหรับผู้หญิง และไม่เกินวันละ 2 แก้วสำหรับผู้ชาย 5. ห้ามสูบบุหรี่โดยเด็ดขาด สรุปผลว่า ผู้ชายอายุ 50 ปี จะมีอายุยืนต่อไปอีก 25.5 ปี หากไม่ปฏิบัติตามกฎ 5 ข้อ หรือ จะมีอายุยืนต่อไปอีก 37.6 ปี หากปฏิบัติตามกฎ 5 ข้อ ส่วนต่างคือ 12.1 ปี กล่าวคือกฎ 5 ข้อทำให้ผู้ชายอายุยืนถึง 87.6 ปี ส่วนผู้หญิงอายุ 50 ปี จะมีอายุยืนต่อไปอีก 29.0 ปี หากไม่ปฏิบัติตามกฎ 5 ข้อ แต่จะมีอายุยืนต่อไปอีก 43.1 ปี หากปฏิบัติตามกฎ 5 ข้อ ส่วนต่างคือ 14.1 ปี กล่าวคือกฎ 5 ข้อทำให้อายุยืนถึง 93.1 ปี
วิถีชีวิตตามกฎเหล็ก 5 ข้อ ของงานวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด คือ 1. กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ (ไม่มันมาก หรือหวานมากเกินไป) 2. ออกกำลังกาย 30 นาที (หรือมากกว่านั้นทุกวัน) 3. อย่าอ้วนเกิน (ดัชนีมวลกาย [BMI] อยู่ระหว่าง 18.5 – 24.9) 4. ดื่มไวน์ไม่เกินวันละ 1 แก้วสำหรับผู้หญิง และไม่เกินวันละ 2 แก้วสำหรับผู้ชาย 5. ห้ามสูบบุหรี่โดยเด็ดขาด
อายุรศาสตร์ (อายุรศาสตร์) - Internal Medicine
Closed QA
cc-by-nc-4.0
Medical_14208
Medical
การดูแลตนเอง และการพบแพทย์เมื่อมีน้ำหนักตัวเพิ่มหลังยาเคมีบำบัดทั่วไป มีอะไรบ้าง
น้ำหนักเพิ่มหลังเคมีบำบัด Weight gain post chemotherapy ทำไมน้ำหนักเพิ่มหลังเคมีบำบัด ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อมีน้ำหนักเพิ่มหลังเคมีบำบัด ป้องกันน้ำหนักเพิ่มหลังเคมีบำบัดอย่างไร มะเร็ง Cancer ยาเคมีบำบัด Cancer chemotherapy โรคอ้วน และ น้ำหนักตัวเกิน Obesity and overweight การออกกำลังกาย แนวทางการออกกำลังกายเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี Exercise concepts for healthy lifestyle อาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ Healthy diet ฮอร์โมนเพศ Sex hormone หรือ Sex steroid หรือ Gonadal steroid ทำไมน้ำหนักเพิ่มหลังเคมีบำบัด ในผู้ป่วยได้รับยาเคมีบำบัด Chemotherapy เพื่อรักษาโรคมะเร็ง บางคนซึ่งมักพบในเพศหญิงสูงกว่าในเพศชาย ภายหลังครบการรักษาแล้วมักมีน้ำหนักตัวเพิ่ม ขึ้น หรือ อ้วนขึ้น ทั้งนี้เกิดจากหลายสาเหตุปัจจัย เช่น ยาเคมีบำบัดบางชนิดอาจมีผลต่อกระบวนการสันดาปการใช้พลังงานของร่างกาย โดยอาจส่งผลให้ร่างกายใช้พลังงานน้อยลง ดังนั้นเมื่อกินอาหารได้เพิ่มขึ้นหลังครบการรักษาแล้ว ร่างกายจึงนำพลังงานจากอาหารเหล่านั้นไปใช้ไม่หมด จึงเก็บสะสมไว้ในรูปของไขมันจนก่อให้เกิดภาวะโรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน หรือ อ้วนขึ้น ยาเคมีบำบัดมักส่งผลให้ผู้ป่วยเพศหญิงไม่มีประจำเดือน เพราะยาส่งผลกดการทำงานของรังไข่ ซึ่งเมื่อเกิดในวัยใกล้หมดประจำเดือน ผู้ป่วยมักหมดประจำเดือนไปเลย แต่ในวัยยังสาวอยู่ โดยทั่วไปมักกลับมามีประจำเดือนได้ อาจหลัง 6 เดือน หรือเป็นปี ทั้งนี้ขึ้นกับอายุผู้ป่วย ชนิด ปริมาณ และระยะเวลาในการได้รับยาเคมีบำบัด ดังนั้น ร่างกายจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงในสมดุลของฮอร์โมนเพศ ซึ่งจะส่งผลถึงการอยากอาหาร การนำพลังงานจากอาหารไปใช้ และการสะสมพลังงานในรูปของไขมัน จึงส่งผลให้มีน้ำหนักตัวเกิน และอ้วนขึ้น หลังเคมีบำบัด อาจมีการใช้ชีวิตประจำวันที่ผิดไปจากเดิม เช่น การงาน การกินอาหาร การออกกำลังกาย การพักผ่อน จึ่งส่งผลให้เกิดน้ำหนักตัวเพิ่มได้ อาจได้รับยาฮอร์โมนบางชนิดเพื่อเป็นการรักษาต่อเนื่องซึ่งจะส่งผลให้ อยากอาหาร และหรือมีน้ำคั่งในเนื้อเยื่อต่างๆได้มากขึ้น น้ำหนักตัวจึงเพิ่มขึ้น เช่น ในบางระยะโรคของ โรคมะเร็งเต้านม หรือ ในโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก เป็นต้น ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อมีน้ำหนักเพิ่มหลังเคมีบำบัด ควรพบแพทย์เมื่อไร การดูแลตนเอง และการพบแพทย์เมื่อมีน้ำหนักตัวเพิ่มหลังยาเคมีบำบัด ทั่วไป คือ กินอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบทุกวัน แต่จำกัดอาหารให้พลังงาน ได้แก่ แป้ง น้ำตาล ไขมัน และโปรตีน โดยเฉพาะอาหารไขมันและแป้ง หลีกเลี่ยงอาหาร ทอด ผัด กินผัก ผลไม้ เพิ่มมากขึ้นในทุกมื้ออาหารหลัก อาหารว่าง และเมื่อหิว ดื่มน้ำสะอาดมากๆ อย่างน้อยวันละ 8- 10 แก้ว เมื่อไม่มีโรคต้องจำกัดน้ำดื่ม เคลื่อนไหวร่างกายเสมอทั้งวัน มีการออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวันตามควรกับสุขภาพ รักษาสุขภาพจิต เพราะบางคนถ้าเครียด จะกินมากขึ้น จดบันทึกรายการ รวมทั้งปริมาณ อาหาร เครื่องดื่ม ที่บริโภคในทุกๆมื้อ ทุกๆวัน เพื่อปรับลดอาหารที่ไม่จำเป็น ปรึกษา แพทย์ พยาบาล เมื่อมีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัว บางครั้งแพทย์อาจแนะนำให้พบโภชนากร เพื่อช่วยแนะนำการกินที่ถูกต้อง ป้องกันน้ำหนักเพิ่มหลังเคมีบำบัดอย่างไร การป้องกันน้ำหนักเพิ่มหลังครบยาเคมีบำบัด จะคล้ายกับในการดูแลตนเองเมื่อมีน้ำหนักเพิ่ม ที่สำคัญ เช่น กินอาหารมีประโยชน์ให้ครบห้าหมู่ในทุกวัน แต่ต้องจำกัดอาหารให้พลังงาน โดยเฉพาะไขมัน และแป้ง โดยเพิ่ม ผัก ผลไม้ ให้มากๆ โดยเฉพาะเมื่อหิว ออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวันตามควรกับสุขภาพ เคลื่อนไหวร่างกายสม่ำเสมอ จดบันทึกรายการอาหาร เครื่องดื่ม ที่บริโภคในทุกๆมื้อ ทุกๆวัน เพื่อปรับลดปริมาณหรืออาหารเครื่องดื่มที่ไม่จำเป็น
การดูแลตนเอง และการพบแพทย์เมื่อมีน้ำหนักตัวเพิ่มหลังยาเคมีบำบัดทั่วไป คือ - กินอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบทุกวัน แต่จำกัดอาหารให้พลังงาน ได้แก่ แป้ง น้ำตาล ไขมัน และโปรตีน โดยเฉพาะอาหารไขมันและแป้ง - หลีกเลี่ยงอาหาร ทอด ผัด - กินผัก ผลไม้ เพิ่มมากขึ้นในทุกมื้ออาหารหลัก, อาหารว่าง และเมื่อหิว - ดื่มน้ำสะอาดมากๆ อย่างน้อยวันละ 8- 10 แก้ว เมื่อไม่มีโรคต้องจำกัดน้ำดื่ม - เคลื่อนไหวร่างกายเสมอทั้งวัน - มีการออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวันตามควรกับสุขภาพ - รักษาสุขภาพจิต เพราะบางคนถ้าเครียด จะกินมากขึ้น - จดบันทึกรายการ รวมทั้งปริมาณ อาหาร เครื่องดื่ม ที่บริโภคในทุกๆ มื้อ ทุกๆ วัน เพื่อปรับลดอาหารที่ไม่จำเป็น - ปรึกษา แพทย์ พยาบาล เมื่อมีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัว บางครั้งแพทย์อาจแนะนำให้พบโภชนากร เพื่อช่วยแนะนำการกินที่ถูกต้อง
โภชนวิทยา,อายุรศาสตร์ (อายุรศาสตร์) - Internal Medicine
Closed QA
cc-by-nc-4.0
Medical_21823
Medical
การติดเชื้อราแคนดิดาที่ผิวหนัง สามารถรักษาให้หายขาดได้หรือไม่?
null
ไม่ เหตุผล: เชื้อราแคนดิดาเป็นเชื้อราที่พบได้ทั่วไป: เชื้อราแคนดิดาสถิตอยู่ในร่างกายของเราอยู่แล้ว โดยปกติจะไม่ก่อให้เกิดโรค แต่เมื่อระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง เชื้อราแคนดิดาก็สามารถเจริญเติบโตและก่อให้เกิดโรคผิวหนังได้ การรักษาด้วยยาทาสามารถบรรเทาอาการได้: ยาทาต้านเชื้อรา เช่น โครไตรมาโซล หรือ นิสตาติน สามารถช่วยบรรเทาอาการของโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อราแคนดิดาได้ เช่น อาการคัน ผื่นแดง ตกสะเก็ด แต่การรักษาด้วยยาทาเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะกำจัดเชื้อราออกจากร่างกายทั้งหมด การติดเชื้อราแคนดิดาสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้: ปัจจัยต่างๆ เช่น สภาพอากาศร้อนชื้น การสวมใส่เสื้อผ้าที่อับชื้น ภาวะภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคซ้ำ การรักษาต้องอาศัยการดูแลตนเองร่วมด้วย: รักษาความสะอาดของร่างกาย เช็ดให้แห้งอยู่เสมอ สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด (สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน) รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพิ่มวิตามินซี พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำของโรค สรุป: การติดเชื้อราแคนดิดาที่ผิวหนังสามารถรักษาให้หายขาดได้ ยาก การรักษาด้วยยาทาสามารถบรรเทาอาการได้ แต่ผู้ป่วยต้องดูแลตนเองอย่างเคร่งครัดและป้องกันปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เพื่อลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำของโรค
อายุรศาสตร์ (อายุรศาสตร์) - Internal Medicine
Classification
cc-by-nc-4.0
Medical_22926
Medical
ยา Prednisolone ดีกว่ายา Chlorpheniramine สำหรับการรักษาอาการลมพิษที่เกิดจากการแพ้แป้งสาลีหรือไม่?
ลมพิษ เป็นมาตั้งแต่อายุ 13 จนถึง 22 ไม่เคยมีประวัติแพ้ยา ต่อมารู้ว่ากินอาหารจำพวกที่มีแป้งสาลี มีวิธีการรักษาให้หายขาดหรือไม่ มีสถานที่ใดรับรักษาทางด้านนี้บ้าง ถาม ผมอายุ 22 ปี ปัจจุบันเป็นนักศึกษาอยู่ ไม่เคยมีประวัติกาแพ้ยา มีเลือดกลุ่ม บี และ Rh มีอาการของลมพิษบ่อยมาก เป็นมาตั้งแต่อายุ 13 ปี ซึ่งในตอนนั้นยังไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร มาในตอนหลังจึงเริ่มรู้ว่าจะมีอาการลมพิษขึ้นหลังจากได้กินอาหารจำพวกที่มีแป้งสาลี เช่น ขนมปัง บะหมี่ ซึ่งจะเริ่มด้วยอาการคันที่ภายในคอก่อน แล้วจะมีอาการผื่นลมพิษขึ้นตามผิวหนัง การรักษาที่เคยทำมาคือใช้ยาคลอร์เฟนิรามีน และทาผิวหนังด้วยคาลาไมด์โลชั่น ขอถามปัญหาดังนี้ 1 การรักษาที่เคยทำมาถูกต้องหรือไม่ ยาที่ใช้มีตัวอื่นที่ดีกว่าหรือไม่ เพราะคลอร์เฟนิรามีนกินแล้วมักจะมีอาการง่วงซึม 2 ผมทราบดีว่าการบำบัดที่ได้ผลคือ การหลีกเลี่ยง สารที่แพ้ แต่บางครั้งก็พลาด อยากทราบว่ามีทางรักษาให้หายขาด หรือดีกว่านี้หรือไม่ 3 ห้องพยาบาลของสถาบันฯที่เรียนอยู่ เคยจ่ายยา Prednisolone ให้ อยากทราบรายละเอียดของยาตัวนี้คร่าวๆ ว่าดีกว่ายาที่เคยใช้หรือไม่ มีอาการข้างเคียงอย่างไร 4 สถานที่ที่รับรักษาทางด้านนี้มีที่ใดบ้าง จิระนครราชสีมา ตอบ 1 อาการที่คุณเล่ามาให้ฟังก็ใช้ได้ดีอยู่แล้ว ปัญหาที่น่ารำคาญคือกินยาคลอร์เฟนิรามีนแล้วง่วง คุณอาจจะหายาอื่นที่ไม่ง่วงมากินแทน เช่น อินซิดาล แต่ราคาแพงกว่ากันประมาณเกือบ 10 เท่า และบางคนกินแล้วก็ง่วงเหมือนกัน 2 ทางรักษาให้หายขาดโดยไม่เลี่ยงสารที่คุณแพ้นั้นไม่มีครับ ยกเว้นบางกรณี ที่เมื่อเวลาผ่านนานไปร่างกายอาจจะไม่รู้สึกไวในการตอบสนองกับสารตัวนั้นก็ได้ แต่นานเท่าไรไม่มีใครบอกได้ ดังนั้น จงหลีกเลี่ยงสารที่ทำให้คุณแพ้ต่อไปเถอะ 3 เพร็ดนิโซโลน เป็นยาแก้แพ้ที่กดภูมิคุ้มกัน เป็นยาที่ระคายกระเพาะ กินตอนท้องว่างอาจทำให้เป็นโรคแผลในกระเพาะอาหาร ยิ่งใช้ไปนานมากๆ ทำให้การสร้างฮอร์โมนของต่อมหมวกไตเสียไป ยิ่งกินนานมากๆ ทำให้กระดูกผุ อย่ากินยาตัวนี้เองพร่ำเพรื่อนะครับ 4 คลินิกโรคผิวหนังต่างๆทั้งของภาครัฐบาลและเอกชน คลินิกภูมิแพ้หลายแห่งแต่ละแห่งก็มีลีลารูปแบบการรักษาที่แตกต่างกันไปในรายละเอียดและราคาค่าใช้จ่าย แต่หลักการที่เหมือนกันก็คือ รักษาอาการที่เกิดจากการหลีกเลี่ยงสารที่แพ้นั้นไม่พ้น และกันไม่ให้ไปโดนสารนั้นขึ้นมาอีก และหรือการสร้างภูมิต้านทานต่อสารนั้นขึ้นมาใหม่ด้วยสารอื่นที่มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกัน นพวินัย วุตติวิโรจน์ ป้ายคำ โรคเรื้อรัง ถามตอบปัญหาสุขภาพ โรคหวัด ภูมิแพ้ คุยสุขภาพ ถามตอบปัญหาสุขภาพ ลมพิษ นพวินัย วุตติวิโรจน์
ไม่แนะนำให้ใช้ยา Prednisolone แทนยา Chlorpheniramine สำหรับการรักษาอาการลมพิษเรื้อรังที่เกิดจากการแพ้แป้งสาลี แม้ว่ายา Prednisolone จะมีประสิทธิภาพในการลดอาการลมพิษได้ดีกว่ายา Chlorpheniramine แต่ยา Prednisolone นั้นมีผลข้างเคียงที่รุนแรงกว่า เช่น ระคายเคืองกระเพาะอาหาร อาจทำให้เป็นโรคแผลในกระเพาะอาหาร กดภูมิคุ้มกัน ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ส่งผลต่อระบบฮอร์โมน ทำให้กระดูกผุ ยา Chlorpheniramine เป็นยาแก้แพ้ที่มีฤทธิ์อ่อนกว่า ผลข้างเคียงหลักคือ ง่วงนอน แนวทางการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับอาการลมพิษเรื้อรังที่เกิดจากการแพ้แป้งสาลีคือ การหลีกเลี่ยงแป้งสาลี: เป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุด ผู้ป่วยควรอ่านฉลากอาหารอย่างละเอียดเพื่อตรวจสอบว่ามีส่วนผสมของแป้งสาลีหรือไม่ การใช้ยาแก้แพ้: ยา Chlorpheniramine เป็นยาแก้แพ้ที่นิยมใช้ แต่หากผู้ป่วยรู้สึกง่วงนอนมาก แพทย์อาจพิจารณาเปลี่ยนเป็นยาแก้แพ้อื่นที่มีฤทธิ์คล้ายคลึงกัน การใช้ยาอื่นๆ: ในกรณีที่มีอาการลมพิษรุนแรง แพทย์อาจสั่งยาอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ยาสเตียรอยด์ชนิดทา
อายุรศาสตร์ (อายุรศาสตร์) - Internal Medicine,เภสัชวิทยา Pharmacology
Closed QA
cc-by-nc-4.0
Finance_325
Finance
ช่วยสรุปความหมายของ Leverage
Leverage เป็นเครื่องมือช่วยเพิ่มความสามารถในการลงทุนของนักลงทุน ทำให้สามารถซื้อสินทรัพย์ในปริมาณที่สูงขึ้นได้ หรือ ซื้อได้มากกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่จริง ซึ่งถ้าหากเราลงทุนใน Gold Futures, SET50 Index Futures และ Single Stock Futures ถูกทิศทาง Leverage จะเป็นตัวช่วยให้นักลงทุนได้กำไรอย่างมหาศาล แต่หากผิดทางหรือขาดกลยุทธ์ที่เหมาะสม Leverage อาจทำให้ขาดทุนได้มากเช่นกัน วันนี้เราจะมาดูตัวอย่างของการใช้ leverage ที่ถูกทางกัน เพื่อให้เห็นภาพเราจะยกตัวอย่างเป็นการลงทุนใน Single Stock Futures เปรียบเทียบกับการลงทุนกับหุ้นโดยตรง สมมุติให้ราคาหุ้น A วันที่เราสนใจลงทุนอยู่ที่ 500 บาท ถ้าหากเราสนใจที่จะลงทุนในหุ้น A จำนวน 1,000 หุ้นจะต้องใช้เงินลงทุนมากถึง 500,000 บาท หากเวลาผ่านไปสองสัปดาห์ ราคาหุ้นขึ้นมาอยุ่ที่ 525 บาท นักลงทุนจะกำไร 25,000 บาท หรือคิดเป็น 5% ของเงินต้นที่ได้ลงทุนไป แต่ถ้าหากนักลงทุนเลือกลงทุนใน Single Stock Futures ของหุ้น A 1 สัญญา มีขนาด 1,000 หุ้น ราคาหุ้น A ณวันที่เราสนใจลงทุนอยู่ที่ 500 บาท ถ้าหากเราสนใจที่จะลงทุนสัญญา Single Stock Futures ของหุ้น A ทั้งหมด 1 สัญญา ดังนั้นมูลค่าสัญญาลงทุน จะเท่ากับ 500 * 1 * 1000 = 500,000 บาท ใช้เงินลงทุนต่อ 1 สัญญา 25,000 บาท หากเวลาผ่านไปสองสัปดาห์ ราคาหุ้นขึ้นมาอยุ่ที่ 525 บาท กำไรจากการซื้อขาย Single Stock Futures ของหุ้น A จะเท่ากับ 25,000 บาท หรือคิดเป็น 100% ของเงินต้นที่ได้ลงทุนไป ถึงตรงนี้ ถ้ามองกันที่เปอร์เซ็นต์กำไรและเงินต้นที่ลงทุนไป เพื่อนๆน่าจะเห็นความต่างที่ชัดเจนกันแล้วใช่ไหมครับ ว่าการลงทุนใน TFEX โดยถูกทาง สามารถสร้างกำไรให้กับเราได้มากจนถึงขั้นต้อง “โอ้โห” มากถึง 100 % กันทีเดียว แถมยังใช้เงินต้นน้อยกว่ากว่าลงทุนในหุ้นทางตรงเสียอีก อย่างไรก็ดีเหรียญมีสองด้านเสมอในวันที่เราลงทุนแล้วถูกทางสร้างกำไรได้มหาศาล ฉันใดวันที่เราผิดทางก็อาจจะสร้างผลติดลบให้เราได้มากเช่นกัน ดังนั้นนักลงทุนทุกท่านควรจะมีผู้เชียวชาญในตลาด TFEX คอยให้คำแนะนำ จะเห็นว่าเราสามารถใช้ตลาด TFEX ที่มี Leverage สร้างกำไรได้มหาศาลจากการลงทุนที่ถูกทางแล้วยังสามารถใช้ Leverage ในการป้องกันภาวะขาลงของตลาดหรือหุ้นในพอร์ตที่เราถือได้อีกด้วย
Leverage เป็นเครื่องมือช่วยเพิ่มความสามารถในการลงทุนของนักลงทุน ทำให้สามารถซื้อสินทรัพย์ในปริมาณที่สูงขึ้นได้ หรือ ซื้อได้มากกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่จริง ซึ่งถ้าหากเราลงทุนใน Gold Futures, SET50 Index Futures และ Single Stock Futures ถูกทิศทาง Leverage จะเป็นตัวช่วยให้นักลงทุนได้กำไรอย่างมหาศาล แล้วยังสามารถใช้ในการป้องกันภาวะขาลงของตลาดหรือหุ้นในพอร์ตที่ถือได้อีกด้วย
ความรู้ทางการเงิน
Summarization
cc-by-nc-4.0
Medical_10516
Medical
ซีบีซี (CBC) สามารถช่วยวินิจฉัยภาวะโลหิตจางจากขาดธาตุเหล็ก (Iron deficiency anemia) ได้อย่างไร?
null
ซีบีซี (CBC) เป็นการตรวจเลือดที่สามารถช่วยวินิจฉัยภาวะโลหิตจางจากขาดธาตุเหล็ก (Iron deficiency anemia) ได้ โดยซีบีซีจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวน ขนาด และรูปร่างของเม็ดเลือดแดง ปริมาณฮีโมโกลบิน และปริมาณฮีมาโตคริต ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถบ่งบอกถึงภาวะโลหิตจางจากขาดธาตุเหล็กได้ดังนี้: จำนวนเม็ดเลือดแดง (Red blood cell count - RBC): ในผู้ป่วยโลหิตจางจากขาดธาตุเหล็ก จำนวนเม็ดเลือดแดงมักจะต่ำกว่าค่าปกติ ขนาดเม็ดเลือดแดง (Mean corpuscular volume - MCV): ในผู้ป่วยโลหิตจางจากขาดธาตุเหล็ก ขนาดเม็ดเลือดแดงมักจะเล็กกว่าค่าปกติ รูปร่างของเม็ดเลือดแดง (Mean corpuscular hemoglobin concentration - MCHC): ในผู้ป่วยโลหิตจางจากขาดธาตุเหล็ก รูปร่างของเม็ดเลือดแดงมักจะซีด ปริมาณฮีโมโกลบิน (Hemoglobin - Hgb): ในผู้ป่วยโลหิตจางจากขาดธาตุเหล็ก ปริมาณฮีโมโกลบินมักจะต่ำกว่าค่าปกติ ปริมาณฮีมาโตคริต (Hematocrit - Hct): ในผู้ป่วยโลหิตจางจากขาดธาตุเหล็ก ปริมาณฮีมาโตคริตมักจะต่ำกว่าค่าปกติ เหตุผล: ธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบสำคัญของฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นโปรตีนในเม็ดเลือดแดงที่ทำหน้าที่ขนส่งออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อต่างๆ เมื่อร่างกายมีธาตุเหล็กไม่เพียงพอ ร่างกายจะสร้างฮีโมโกลบินได้น้อยลง ส่งผลให้เม็ดเลือดแดงมีสีซีด และมีขนาดเล็ก ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดอาการซีด อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ใจสั่น หายใจลำบาก และเวียนหัว การตรวจซีบีซี แพทย์จะเก็บตัวอย่างเลือดจากแขนของผู้ป่วย นำไปตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ ผลการตรวจซีบีซีจะออกมาภายใน 1-2 วัน การวินิจฉัยภาวะโลหิตจางจากขาดธาตุเหล็ก แพทย์จะวินิจฉัยภาวะโลหิตจางจากขาดธาตุเหล็กจากผลการตรวจซีบีซี ร่วมกับอาการของผู้ป่วย และอาจทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจวัดระดับธาตุเหล็กในเลือด การรักษาภาวะโลหิตจางจากขาดธาตุเหล็ก การรักษาภาวะโลหิตจางจากขาดธาตุเหล็ก ขึ้นอยู่กับสาเหตุของภาวะโลหิตจาง โดยทั่วไปแพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น เนื้อแดง ตับ ถั่ว ผักใบเขียว และธัญพืช นอกจากนี้ แพทย์อาจสั่งยาเสริมธาตุเหล็กให้รับประทาน การป้องกันภาวะโลหิตจางจากขาดธาตุเหล็ก สามารถป้องกันภาวะโลหิตจางจากขาดธาตุเหล็กได้โดยรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
อายุรศาสตร์ (อายุรศาสตร์) - Internal Medicine
Open QA
cc-by-nc-4.0
Medical_12326
Medical
การฉายรังสีรักษาโรคมะเร็งเป็นวิธีการรักษาที่ปลอดภัยหรือไม่?
null
ไม่ การฉายรังสีรักษาโรคมะเร็ง ไม่ใช่ วิธีการรักษาที่ปลอดภัย เหตุผล: การฉายรังสีมีผลข้างเคียง การฉายรังสีสามารถส่งผลต่อเซลล์ปกติ surrounding รอยโรค ส่งผลข้างเคียงได้ ดังนี้ ผลข้างเคียงเฉียบพลัน เกิดขึ้นระหว่างการรักษา หรือหลังการรักษาเสร็จสิ้น ผิวหนังไหม้ คัน แดง ลอก อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ท้องผูก ปากเปื่อย คอแห้ง ผมร่วง ภาวะโลหิตจาง ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ ผลข้างเคียงเรื้อรัง เกิดขึ้นหลังการรักษาเสร็จสิ้น ผิวหนังคล้ำ ดำ ภาวะหลอดเลือดอุดตัน ภาวะต่อมไร้ท่อทำงานผิดปกติ ภาวะมีบุตรยาก ภาวะมะเร็งเกิดใหม่ การฉายรังสีมีความเสี่ยงต่ออวัยวะข้างเคียง : การฉายรังสีอาจส่งผลต่ออวัยวะข้างเคียง ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉายรังสี ดังนี้ 1. สมอง: อาจเกิดภาวะสมองเสื่อม ความจำเสื่อม สูญเสียการทรงตัว 2. ปอด: อาจเกิดภาวะปอดอักเสบ ใยปอด 3. หัวใจ: อาจเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว 4. กระเพาะอาหาร: อาจเกิดภาวะแผลในกระเพาะอาหาร 5. ลำไส้: อาจเกิดภาวะลำไส้อักเสบ ท้องเสีย การฉายรังสีอาจไม่สามารถรักษามะเร็งให้หายขาดได้ การฉายรังสีมีประสิทธิภาพในการรักษามะเร็งแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง ระยะของมะเร็ง สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย และความไวต่อรังสีของมะเร็ง อย่างไรก็ตาม การฉายรังสีรักษาโรคมะเร็งเป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ สามารถช่วยควบคุมโรค บรรเทาอาการ และยืดอายุขัยของผู้ป่วย แพทย์จะพิจารณาเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย โดยคำนึงถึงประโยชน์และความเสี่ยงของการรักษา ข้อควรระวัง: - ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉายรังสี - แจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัว ยาที่รับประทาน และอาการแพ้ - ดูแลร่างกายให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารครบ 5 หมู่ - ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด สรุป: การฉายรังสีรักษาโรคมะเร็ง ไม่ใช่ วิธีการรักษาที่ปลอดภัย แต่มีประสิทธิภาพในการรักษา ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แพทย์จะพิจารณาเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย โดยคำนึงถึงประโยชน์และความเสี่ยงของการรักษา
รังสีวิทยา (รังสีวิทยา) - Radiology
Classification
cc-by-nc-4.0
Medical_23404
Medical
จะป้องกันโรคท้องร่วงได้อย่างไร
ารควบคุมโรคอุจจาระร่วง จะทำอย่างไรก่อนดี การควบคุมโรคอุจจาระร่วง จะทำอย่างไรก่อนดี การปรับปรุงคุณภาพของน้ำหรือส้วมอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงแค่นั้น แทบไม่มีผลต่อการลดอุบัติการณ์ของโรคท้องร่วงเลย น้ำเกลือแห้งและมาตรการต่างๆ ในด้านการรักษาโรคท้องร่วง มีผลทำให้อัตราการตายของโรคนี้ลดลงอย่างมาก แต่ไม่มีผลในการลดการเกิดโรคท้องร่วงหรือลดการแพร่กระจายของโรคเป้าหมายหลักในการต่อสู้กับโรคท้องร่วงก็คือ การป้องกันไม่ให้เกิดโรคท้องร่วง จะป้องกันโรคท้องร่วงได้อย่างไร มีมาตรการหลัก 3 ประการคือ 1 ขัดขวางการแพร่กระจายของโรค โดยการปรับปรุงปริมาณและคุณภาพน้ำดื่ม น้ำใช้ ปรับปรุงการขจัดสิ่งปฏิกูลและสุขอนามัย 2 ปรับปรุงสุขภาพโดยทั่วไปของเด็กๆ โดยการปรับปรุงคุณภาพของอาหาร และจดการเกิดโรคติดเชื้ออื่นๆ 3 สร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ในระยะยาวการป้องกันจะบรรลุผลต้องอาศัยการผสมผสานมาตรการเหล่านี้เข้าด้วยกัน แต่ที่สำคัญคือ การผสมผสานมาตรการในข้อ 1 และ 2 ซึ่งได้เกิดผลมาแล้วในประเทศพัฒนาและเขตร่ำรวยของประเทศด้อยพัฒนา ความรวย-ความจน โรคท้องร่วงสัมพันธ์กับความยากจนและสภาวะแวดล้อมกับระดับการศึกษา ซึ่งก็เกี่ยวข้องกับความยากจนด้วย ในชุมชนที่ฐานะดีโรคท้องร่วงเป็นปัญหาจิ๊บจ๊อยไปเสียแล้ว ถ้าเรามองดูในยุโรปและทวีปอเมริกาเหนือเป็นตัวอย่าง จะพบว่าโรคติดเชื้อบางอย่างเป็นโรคที่พบได้น้อยมากๆ ตัวอย่างเช่น โรคอหิวาต์ โรคบิด โรคไทฟอยด์ เป็นต้น ขณะที่โรคติดเชื้อบางอย่างจะยังคงมีอยู่ แต่เป็นปัญหาน้อยเมื่อเทียบกับประเทศด้อยพัฒนา โรคเหล่านั้นได้แก่ โรคท้องร่วงโรต้าไวรัส อีโคไล ซัลโมเนลล่า แคมไพโร แบคเตอร์ ชิเกลลา ซอนนีไอ คำถามอันแรกในการป้องกันโรคท้องร่วงคือ จะทำให้ลักษณะของโรคท้องร่วงในชุมชนยากจนเปลี่ยนไปเป็นลักษณะของโรคท้องร่วงในชุมชนร่ำรวยได้อย่างไร หากการเปลี่ยนแปลงนี้ต้องอาศัยการขจัดความยากจนและการเพิ่มพูนรายได้บุคคล และพัฒนาระดับการศึกษาอย่างจริงจังเสียก่อนแล้วล่ะก็ เราคงต้องเลิกพูดกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่หันความสนใจไปที่การพัฒนาเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองแทน อย่างไรก็ตาม ได้มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าการแพร่ระบาดของโรคท้องร่วงในชุมชนยากจนสามารถลดลงได้ในระยะเวลาไม่นานนัก โดยการปรับปรุงน้ำดื่มน้ำใช้ การขจัดสิ่งปฏิกูลและพัฒนาสุขอนามัย โดยไม่ต้องรอให้เกิดการยกระดับทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยาวไกลเสียก่อน การระบาด แต่เดิมมาคนเราเชื่อกันว่า โรคท้องร่วงเกิดเพราะน้ำดื่มที่ปนเปื้อนอุจจาระ ความเชื่อนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปเมื่อได้พบความจริงว่า มีการระบาดของโรคท้องร่วงโดยไม่เกี่ยวโยงกับน้ำดื่ม ปัจจุบันดูเหมือนจะเป็นไปได้มากว่า การระบาดของเชื้อโรคท้องร่วงนั้นเป็นในลักษณะจากอุจจาระมาสู่ปากคนไข้ โดยไม่ได้เกิดจากการดื่มน้ำที่สกปรก การติดต่อในลักษณะนี้มีโอกาสเกิดได้มากในชุมชนยากจนที่อยู่กันแออัด การระบาดทางน้ำดื่ม เป็นเพียงลักษณะหนึ่งของรูปแบบการแพร่ในลักษณะจากอุจจาระสู่ปากผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เห็นด้วยว่าส่วนมากของการระบาดของเชื้อ โรต้าไวรัส ชิเกลลา อีโคไล และอะมีบา เกิดขึ้นโดยไม่ได้อาศัยน้ำ คุณภาพของน้ำ การระบาดทางน้ำสามารถทำให้ลดลงโดยการปรับปรุงคุณภาพของน้ำ คนจำนวนมากดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรคจำนวนมหาศาล ตัวอย่างเช่น มีเชื้ออีโคไล จำนวน 1 หมื่นตัว ในน้ำ 100 ซีซี ในลำธาร ลำห้วย หรือหนองน้ำ การทดแทนแหล่งน้ำที่ไม่สะอาดดังกล่าวด้วยน้ำประปา หรือปกป้องบ่อน้ำจากการปนเปื้อน ช่วยให้ได้น้ำคุณภาพดีขึ้น ดังนั้นจึงหยุดยั้งการระบาดของโรคทางน้ำได้ อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาในประเทศบังคลาเทศ กัวเตมาลา ลีโซโต สหรัฐอเมริกา และที่อื่นๆ พบว่าการปรับปรุงคุณภาพน้ำไม่ได้ลดการเกิดโรคท้องร่วงเลย คำอธิบายก็คือ โรคท้องร่วงในชุมชนเหล่านี้ ไม่ได้ระบาดโดยอาศัยแหล่งน้ำเป็นหลัก การมีและการใช้น้ำ หากโรคท้องร่วงแพร่กระจายโดยไม่อาศัยน้ำแต่แพร่ทางมือ เสื้อผ้า และอาหารที่ไม่สะอาดเช่นนี้แล้ว ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงสุขอนามัยส่วนบุคคลและสุขอนามัยในครัวเรือน เรื่องนี้แม้จะไม่ถึงกับเป็นไปไม่ได้ แต่ก็เป็นเรื่องยากลำบาก เมื่อแหล่งน้ำที่ใกล้ที่สุดอยู่ไกลจากบ้านเรือน และต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการลำเลียงน้ำโดยใช้ภาชนะเล็กๆ หรือแม้แต่จะมีสูบอยู่ใกล้บ้าน ก็มักจะมีน้ำไหลเพียงบางช่วง การปรับปรุ่งความสะอาดส่วนบุคคลและบ้านเรือนต้องใช้น้ำจำนวนมาก ประมาณ 30-40 ลิตรต่อคนต่อวัน โดยที่แหล่งน้ำต้องอยู่ใกล้บ้าน และมีใช้ตลอดวันตลอดปี นอกจากนี้การรักษาความสะอาดยังขึ้นกับการใช้น้ำอย่างเหมาะสม การขจัดสิ่งขับถ่าย ส่วนใหญ่ของเชื้อโรคที่ก่อโรคท้องร่วง ออกมากับอุจจาระ ดังนั้น การขจัดอุจจาระของคนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ทุกครอบครัวต้องมีส้วมใช้และใช้กันจริงทุกคน และรักษาความสะอาดตลอดเวลา ส้วมต้องน่าใช้ และเป็นที่ยอมรับของทุกๆคน การศึกษาบางอันพบว่า การสร้างส้วมไม่แน่ว่าจะลดการเกิดโรคท้องร่วงได้ ทั้งนี้เพราะส้วมไม่ได้มีคนใช้ ไม่สะอาด หรือไม่ได้ถูกใช้โดยกลุ่มที่สำคัญที่สุดของชุมชน นั่นคือเด็กๆทั้งหลาย พฤติกรรม การมีน้ำสะอาดและส้วมใช้อาจมีผลเพียงน้อยนิดในการป้องกันโรคท้องร่วง นอกเสียจากคนเราจะเข้าใจถึงประโยชน์ของสิ่งเหล่านี้ ได้ใช้ประโยชน์จากมันและบำรุงรักษาเอาไว้ ดังนั้นโครงการจัดหาน้ำและขจัดสิ่งขับถ่ายทั้งหลาย ต้องทำควบคู่ไปกับการให้สุขศึกษาอย่างจริงจัง และต้องวางแผนและลงมือปฏิบัติร่วมกับชาวบ้าน การรณรงค์ให้ล้างมือบ่อยๆ อาจจะให้ผลสำเร็จเป็นพิเศษ เน้นความสำคัญที่เด็ก เด็กๆไม่เพียงแต่เป็นกลุ่มที่เกิดโรคท้องร่วงมากที่สุด พวกเขายังเป็นแหล่งแพร่เชื้อแหล่งใหญ่ด้วย การติดเชื้อชนิดมีอาการและไม่มีอาการพบบ่อยที่สุดในเด็ก และอุจจาระของเด็กนั่นแหละเป็นตัวการแพร่เชื้อไปสู่สมาชิกคนอื่นในครอบครัวและเพื่อนบ้าน พฤติกรรมเกี่ยวกับการขับถ่ายอุจจาระและสุขอนามัยส่วนบุคคลของเด็กเป็นปัญหาสำคัญ แต่ถูกละเลยในการควบคุมโรคท้องร่วง สำหรับเด็กวัยต่ำกว่า 5 ขวบ ควรเน้นสุขศึกษาที่ผู้ปกครองโดยเฉพาะแม่ของเด็ก ในเด็กโตและผู้ใหญ่ การให้สุขศึกษาในทั้ง 2 กลุ่มเป็นสิ่งสำคัญ รูปแบบการให้สุขศึกษาเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมอนามัยของเด็ก
มีมาตรการหลัก 3 ประการคือ 1 ขัดขวางการแพร่กระจายของโรค โดยการปรับปรุงปริมาณและคุณภาพน้ำดื่ม น้ำใช้ ปรับปรุงการขจัดสิ่งปฏิกูลและสุขอนามัย 2 ปรับปรุงสุขภาพโดยทั่วไปของเด็กๆ โดยการปรับปรุงคุณภาพของอาหาร และจดการเกิดโรคติดเชื้ออื่นๆ 3 สร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ในระยะยาวการป้องกันจะบรรลุผลต้องอาศัยการผสมผสานมาตรการเหล่านี้เข้าด้วยกัน แต่ที่สำคัญคือ การผสมผสานมาตรการในข้อ 1 และ 2 ซึ่งได้เกิดผลมาแล้วในประเทศพัฒนาและเขตร่ำรวยของประเทศด้อยพัฒนา ความรวย-ความจน โรคท้องร่วงสัมพันธ์กับความยากจนและสภาวะแวดล้อมกับระดับการศึกษา ซึ่งก็เกี่ยวข้องกับความยากจนด้วย ในชุมชนที่ฐานะดีโรคท้องร่วงเป็นปัญหาจิ๊บจ๊อยไปเสียแล้ว ถ้าเรามองดูในยุโรปและทวีปอเมริกาเหนือเป็นตัวอย่าง จะพบว่าโรคติดเชื้อบางอย่างเป็นโรคที่พบได้น้อยมากๆ ตัวอย่างเช่น โรคอหิวาต์ โรคบิด โรคไทฟอยด์ การปรับปรุงคุณภาพของน้ำหรือส้วมอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงแค่นั้น แทบไม่มีผลต่อการลดอุบัติการณ์ของโรคท้องร่วงเลย น้ำเกลือแห้งและมาตรการต่างๆ ในด้านการรักษาโรคท้องร่วง มีผลทำให้อัตราการตายของโรคนี้ลดลงอย่างมาก แต่ไม่มีผลในการลดการเกิดโรคท้องร่วงหรือลดการแพร่กระจายของโรคเป้าหมายหลักในการต่อสู้กับโรคท้องร่วงก็คือ การป้องกันไม่ให้เกิดโรคท้องร่วง
อายุรศาสตร์ (อายุรศาสตร์) - Internal Medicine,ภาควิชาระบาดวิทยา Epidemiology,สาธารณสุข (public health)
Closed QA
cc-by-nc-4.0
Medical_26004
Medical
ช่วยสรุปบทความ เซียวเข่อ เบาหวานในทรรศนะแพทย์แผนจีน
เซียวเข่อ เบาหวานในทรรศนะแพทย์แผนจีน คุณหมอครับ ผมเป็นโรคเบาหวาน ถ้ารักษาด้วยยาจีนหายขาดไหม เพราะเบื่อกินยาฝรั่งจังเลย คุณหมอค่ะ ฉันกินยาฝรั่งคุมเบาหวาน กินตั้งหลายขนาน หมอบอกว่าถ้าคุมไม่ได้ อาจต้องใช้ยาฉีด ฉันจึงอยากให้หมอจีนจัดยารักษาเบาหวานให้ ไม่ทราบว่ายาจีนรักษาเบาหวานได้จริงหรือเปล่า คุณหมอครับ ถ้าผมกินยาจีนแล้วต้องงดยาฝรั่งเลยได้ไหม เรื่องของเบาหวานเป็นโรคที่เกิดจากตับอ่อนสร้างฮอร์โมนอินซูลิน insulin ได้น้อยหรือไม่ได้เลย ผลก็คือ น้ำตาลไม่สามารถเผาผลาญไปใช้เป็นพลังงาน มีการคั่งค้างของน้ำตาลในเลือดและอวัยวะต่างๆ น้ำตาลที่คั่งอยู่ในเลือดมากๆ ก็จะถูกกรองที่ไต มาพร้อมปัสสาวะ ดูดกลับไม่หมด ทำให้ปัสสาวะมีรสหวาน มีมดขึ้น เรียกว่าเบาหวาน ผู้ป่วยเบาหวาน มีปัสสาวะบ่อยและมาก เนื่องจากมีน้ำตาลออกมาพร้อมปัสสาวะ ไตดูดกลับไม่หมด ทำให้ผู้ป่วยเสียน้ำมาก กระหายน้ำ และเนื่องจากร่างกายขาดพลังงาน เพราะขาดอินซูลินที่จะสลายน้ำตาลเป็นพลังงาน ทำให้ผู้ป่วยหิวเก่ง ขณะเดียวกันก็จะซูบผอม เพราะร่างกายจะสลายไขมันและกล้ามเนื้อไปเป็นพลังงานแทน โรคเบาหวานรักษาด้วยแพทย์แผนจีนได้ไหมโรคเบาหวานเป็นโรคที่มีการบันทึกในตำราแพทย์จีนมาช้านาน เรียกเป็นภาษาจีน ว่า เซียวเข่อ คำว่า เซียว หมายถึง สูญเสีย หรือสลายอาหาร สูญเสียน้ำและสูญเสียพลัง ร่างกายซูบผอม คำว่า เข่อ หมายถึง กระหายน้ำ ดื่มมาก ดื่มแล้วไม่หายกระหาย รวมความแล้ว โรคเซียวเข่อ หมายถึง ดื่มมาก กินมาก ปัสสาวะมาก ซูบผอม และปัสสาวะมีรสหวาน เนื่องจากอาการดื่มมาก เป็นอาการที่อยู่ส่วนบนเกี่ยวข้องกับปอด ซางเจียว ช่องไฟธาตุส่วนบน อาการกินมากเป็นอาการที่อยู่ส่วนกลางเกี่ยวข้องกับม้าม จงเจียว ช่องไฟธาตุส่วนกลาง และอาการปัสสาวะบ่อยเกี่ยวข้องกับไต เซี่ยเจียว ช่องไฟธาตุส่วนล่าง ผู้ป่วยในแต่ละรายมีความรุนแรงของโรคในแต่ละอวัยวะไม่เหมือนกัน สาเหตุของเบาหวานในทรรศนะแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนจีนต่างกันไหม ในทรรศนะแพทย์แผนปัจจุบัน เบาหวานพบได้ประมาณร้อยละ ๓๕ ของคนทั่วไป พบได้ทุกเพศทุกวัย แต่มักพบในคนอายุหลัง ๔๕ ปีขึ้นไป คนอ้วนและหญิงมีลูกดก มีโอกาสเป็นโรคนี้มาก เกี่ยวข้องกับพันธุกรรม มักมีพ่อแม่พี่น้องที่เป็นโรคนี้ คนอ้วนหรือกินหวานมากๆ จนอ้วน มีโอกาสเป็นเบาหวานได้ง่าย การกินยาคุมกำเนิด ยาจำพวกสตีรอยด์ ทำให้เป็นโรคนี้ได้ นอกจากนี้ยังเกิดจากความผิดปกติของตับอ่อน เช่น ตับอ่อนอักเสบจากการดื่มเหล้า มะเร็งตับอ่อน อุบัติเหตุทำให้ตับอ่อนได้รับบาดเจ็บ สรุป เป็นผลจากกรรมพันธุ์ และภาวะต่างๆ ที่ทำให้การทำงานของตับอ่อนผลิตอินซูลินลดน้อยลง หรือไม่สามารถผลิตอินซูลินได้ ในทรรศนะแพทย์แผนจีน สาเหตุสำคัญ คือ ภาวะร่างกายพื้นฐานมีภาวะยินพร่อง มีปัจจัยร่วม ได้แก่ การดื่ม การกินไม่ถูกหลัก จิต อารมณ์ขาดสมดุล เพศสัมพันธ์มากเกินไป พื้นฐานร่างกาย ยินพร่อง อาจเกิดจากพันธุกรรม ทุนเดิมแต่กำเนิด ไม่สมบูรณ์ หรืออาจเกิดภายหลังจากการขาดการหล่อเลี้ยงของสารยินในร่างกาย การดื่ม การกินไม่ถูกหลัก ทำให้เกิดการสะสมความร้อน สูญเสียสารน้ำ สาเหตุหลักเกิดจากการกินอาหารหวาน อาหารไขมันเป็นเวลานาน รวมทั้งการดื่มสุรา ทำให้กระเพาะอาหารและม้ามทำงานผิดปกติ เกิดความร้อนสะสม เกิดความแห้ง สารน้ำในร่างกายถูกทำลาย จิต อารมณ์ขาดสมดุล ความอุดกั้นทางอารมณ์ทำให้เกิดไฟ ทำให้เกิดการทำลายยิน การที่จิต อารมณ์ได้รับการกระตุ้นยาวนาน ทำให้กลไกพลังผิดปกติ พลังถูกปิดกั้น ไม่กระจายตัวตามปกติ นำไปสู่ไฟที่สะสมในร่างกาย เกิดไฟร้อนของระบบปอดและกระเพาะอาหาร ทำให้สูญเสียยินและสารน้ำ เพศสัมพันธ์ที่มากเกินควร เกิดการสูญเสียจิงของไต และทำให้ไตพร่อง แพทย์แผนจีนถือว่า การมีเพศสัมพันธ์ที่มากเกินควร ทำให้สูญเสียยินและจิง เมื่อร่างกายขาดยินจะเกิดไฟจากภาวะพร่อง ทำให้เสียยินกระทบถึงปอดและกระเพาะอาหาร เกิดไตพร่อง ปอดแห้ง และกระเพาะอาหารร้อน ซึ่งเป็นอาการของเบาหวาน
เบาหวานเกิดจากตับอ่อนสร้างฮอร์โมนอินซูลินน้อยหรือไม่มี ทำให้น้ำตาลไม่ได้เป็นพลังงานและคั่งค้างในเลือด น้ำตาลถูกกรองที่ไตมาพร้อมปัสสาวะที่มีรสหวาน ผู้ป่วยมีปัสสาวะบ่อยและมีมดขึ้น เนื่องจากการน้ำตาลที่มีในเลือดไม่ถูกดูดกลับจนหมดทำให้เสียน้ำมาก ร่างกายขาดพลังงานจึงทำให้หิวเก่ง และเหมือนกับกล้ามเนื้อและไขมันถูกใช้เป็นพลังงานแทน เซียวเข่อคือโรคเบาหวานในแพทย์จีน มีความเกี่ยวข้องกับการดื่มมาก กินมาก และมีอาการซูบผอม ปัสสาวะมาก และมีรสหวานในปัสสาวะ เชื่อว่าโรคนี้มีความสัมพันธ์กับอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย แต่ความรุนแรงของโรคแต่ละรายอาจไม่เหมือนกัน เบาหวานพบมากในคนที่อายุ 45 ปีขึ้นไป อ้วน, หญิงมีลูกดก, มีพันธุกรรม, กินยาคุมกำเนิด, ภาวะต่างๆ เช่น ตับอ่อนเสียหาย สาเหตุมาจากกรรมพันธุ์, ภาวะยินพร่อง, การดื่ม และกินไม่ถูกหลัก, ปัจจัยจิตอารมณ์, และเพศสัมพันธ์มากเกินไป สาเหตุหลักคือภาวะร่างกายมีภาวะยินพร่อง ปัจจัยร่วมได้แก่การดื่ม การกินไม่ถูกหลัก จิตอารมณ์ขาดสมดุล การสะสมความร้อน และสูญเสียสารน้ำ สาเหตุหลักของเบาหวานมาจากการกินอาหารหวาน อาหารไขมันนาน การดื่มสุรา ทำให้กระเพาะอาหารและม้ามทำงานผิดปกติ เกิดความร้อนสะสม ความแห้ง การทำลายสารน้ำในร่างกาย จิตอารมณ์ขาดสมดุล อุดกั้นทางอารมณ์ทำให้เกิดไฟ ทำให้กลไกพลังผิดปกติ ไฟถูกปิดกั้นไม่กระจายตัวตามปกติ เกิดไฟร้อนในระบบปอดและกระเพาะอาหาร สูญเสียยิน สารน้ำ เพศสัมพันธ์ที่มากเกิน การสูญเสียจิงของไต และไตพร่อง ต่างถือว่าการมีเพศสัมพันธ์มากเกินควรส่งผลให้เกิดอาการเบาหวาน
การแพทย์ทางเลือก (alternative medicine)
Summarization
cc-by-nc-4.0
Medical_14394
Medical
สรุปเกี่ยวกับ ไข้สมองอักเสบให้ที
สาเหตุหลักของโรคสมองอักเสบที่เกิดจากเชื้อไวรัสในเอเชีย กว่า 30000-50000 รายต่อปี อัตราการตายอยู่ระหว่าง 0.3 - 60 ขึ้นกับประชากรและอายุ ผู้อยู่อาศัยในชนบทในพื้นที่ที่การระบาด จะมีความเสี่ยงสูง โรคนี้ปกติจะไม่เกิดในชุมชนเมือง หลายประเทศซึ่งเคยมีการระบาดในอดีต แต่ได้ควบคุมโรคโดยการให้วัคซีน ได้แก่ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน และไทย ประเทศอื่นๆ ที่ยังคงมีการระบาดได้แก่ เวียดนาม เขมร พม่า อินเดีย เนปาล และมาเลเซีย ยังได้มีรายงานโรคไข้สมองอักเสบ ที่เกาะ Torres Strait และเสียชีวิต 2 รายทางตอนเหนือของออสเตรเลีย ในปี พ.ศ.2541 การกระจายของเชื้อไวรัสในออสเตรเลียเป็นความกังวลของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ไม่มีแผนในการให้ความรู้เรื่องยุง Culex gelidus ซึ่งพาหะหลักของเชื้อไวรัสจากเอเชีย อย่างไรก็ตาม คำแนะนำดังกล่าวยังมีน้อยอยู่ คน วัวควาย และม้าเป็นพาหะท้ายที่สุดจนต้องเสียชีวิต Dead-end host เมื่ออาการปรากฏชัดแจ้งว่าเป็นโรคไข้สมองอักเสบ หมูเป็นพาหะที่เพิ่มจำนวนและมีบทบาทสำคัญในการระบาดของโรค การติดเชื้อในหมูไม่มีอาการ ยกเว้นหมูตัวเมียที่ตั้งท้อง ผลที่ตามมามักเป็นการแท้งและตัวอ่อนที่ผิดปกติ พาหะที่สำคัญมากที่สุดคือยุงสายพันธุ์ Culex tritaeniorhynchus ซึ่งกัด และดูดเลือดเป็นอาหารจาก วัวควายมากกว่าคน เมื่อมีการเคลื่อนย้ายหมูจากบ้านคน ก็จะสามารถเบี่ยงเบนยุงจากคนและหมู พาหะในธรรมชาติของโรคไข้สมองอักเสบคือนก ไม่ใช่คนและมีความเชื่อว่าไวรัสไม่เคยถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์ ไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคไข้สมองอักเสบคือไวรัสชนิดที่มีเปลือกหุ้มอยู่ในตระกูล Genus Flavivirus ซึ่งใกล้เคียงกับ ไวรัส West nile และไวรัส St. Louis encephalitis มีสารพันธุกรรมแบบสายเดี่ยวขดอยู่ในเปลือก Capsid เปลือกนอกเป็นโปรตีนชนิดซอง envelope E และเป็นสารก่อภูมิต้านทาน Antigen ซึ่งใช้ป้องกัน และช่วยเหลือไวรัสในการเข้าไปในเซลล์ โดยพื้นฐานสารพันธุกรรม envelop E ของไวรัสมี 5 ชนิด Genotypes I - V สายพันธุ์ Muar ถูกแยกเชื้อจากจากผู้ป่วยในประเทศมาเลเซียในปี พ.ศ. 2495 เป็นสายพันธุ์ต้นแบบของ Genotypes V ส่วน Genotypes IV เป็นสายพันธุ์บรรพบุรุษและมีวิวัฒนาการในพื้นที่อินโดนีเซีย-มาเลเซีย รายงานทางคลินิกครั้งแรกในปี พ.ศ. 2413 แต่เราพบว่าไวรัสมีวิวัฒนาการตั้งแต่กลางปีคริสต์ศักราช 1500
โรคสมองอักเสบเกิดจากเชื้อไวรัสในเอเชีย ผู้ที่อาศัยในชนบทในพื้นที่ที่การระบาด จะมีความเสี่ยงสูง โดยไทยมีการควบคุมโรคนี้ด้วยการฉีดวัคซีน พาหะที่สำคัญมากที่สุดคือยุงสายพันธุ์ Culex tritaeniorhynchus ซึ่งกัดและดูดเลือดเป็นอาหารจากวัวควายมากกว่าคน เมื่อมีการเคลื่อนย้ายหมูจากบ้านคน ก็จะสามารถเบี่ยงเบนยุงจากคนและหมู พาหะในธรรมชาติของโรคไข้สมองอักเสบคือนก ไม่ใช่คนและมีความเชื่อว่าไวรัสไม่เคยถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์ ไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคไข้สมองอักเสบคือไวรัสชนิดที่มีเปลือกหุ้มอยู่ในตระกูล Genus Flavivirus ซึ่งใกล้เคียงกับ ไวรัส West nile และไวรัส St. Louis encephalitis มีสารพันธุกรรมแบบสายเดี่ยวขดอยู่ในเปลือก Capsid เปลือกนอกเป็นโปรตีนชนิดซอง envelope E และเป็นสารก่อภูมิต้านทาน Antigen ซึ่งใช้ป้องกัน และช่วยเหลือไวรัสในการเข้าไปในเซลล์ โดยพื้นฐานสารพันธุกรรม envelop E ของไวรัสมี 5 ชนิด Genotypes I - V สายพันธุ์ Muar ถูกแยกเชื้อจากจากผู้ป่วยในประเทศมาเลเซียในปี พ.ศ. 2495 เป็นสายพันธุ์ต้นแบบของ Genotypes V ส่วน Genotypes IV เป็นสายพันธุ์บรรพบุรุษและมีวิวัฒนาการในพื้นที่อินโดนีเซีย-มาเลเซีย รายงานทางคลินิกครั้งแรกในปี พ.ศ. 2413 แต่เราพบว่าไวรัสมีวิวัฒนาการตั้งแต่กลางปีคริสต์ศักราช 1500
ภาควิชาระบาดวิทยา Epidemiology
Summarization
cc-by-nc-4.0
Medical_14733
Medical
โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ (Cystitis หรือ Bladder Infections) มักเรียกกันแพร่หลายว่าเป็นโรคอะไร
โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ โรคฮิตของผู้หญิง ตอนที่ 1 โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ โรคฮิตของผู้หญิง ตอนที่ 1 สาวโสดบริสุทธิ์ที่เพิ่งผ่านประตูวิวาห์ หรือสาวที่เพิ่งเริ่มมีกิจกรรมทางเพศ มีบ่อยครั้งที่ต้องเผชิญกับปัญหาที่สร้างความเจ็บปวดอันคาดไม่ถึง นั่นคือการอักเสบหรือติดเชื้อของกระเพาะปัสสาวะหรือท่อปัสสาวะ ซึ่งทำให้เจ็บปวดเวลาถ่ายปัสสาวะและถ่ายปัสสาวะลำบาก ถ้าเป็นไม่มากจะมีอาการรบกวนอยู่ 2 - 3 วัน แต่ถ้าเลวร้ายกว่านั้นก็อาจเจ็บปวดมากจนเคลื่อนไหวร่างกายไม่สะดวก และหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องก็จะนำไปสู่อาการที่ร้ายแรงกว่าคือ โรคไตอักเสบ ได้ นพ.ภควัฒน์ ระมาตร์ ภาควิชาศัลยศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช กล่าวว่า โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เกิดจากการติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากทางช่องคลอดและทวารหนัก และมักเกิดกับคุณผู้หญิง ผู้ที่เป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ จะมีอาการปวดปัสสาวะบ่อยแบบกะปริดกะปรอย ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็น สีขุ่น หรือมีเลือดปนด้วย ซึ่งอาการจะเกิดขึ้นหลังอั้นปัสสาวะนาน โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ Cystitis หรือ Bladder Infections ที่มักเรียกกันแพร่หลายว่าเป็น โรคระหว่างฮันนีมูน Honeymoons cystitis เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดกับกระเพาะปัสสาวะ ส่วนใหญ่พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้หญิงจะมีการติดเชื้อที่กระเพาะปัสสาวะอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต อย่างไรก็ดี ผู้ชายก็มีโอกาสเป็นโรคนี้มากขึ้นเมื่อมีอายุมากขึ้น เนื่องจากต่อมลูกหมากมีขนาดใหญ่ขึ้น แพทย์ยังไม่แน่ใจถึงสาเหตุว่าทำไมผู้หญิงจึงเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบมากกว่าผู้ชาย แต่สงสัยว่าอาจเป็นเพาะผู้หญิงมีท่อปัสสาวะ Urethra ซึ่งเป็นท่อที่นำน้ำปัสสาวะออกจากกระเพาะปัสสาวะ Bladder ที่สั้นกว่าผู้ชาย มีความยาวเพียง 1.5 นิ้ว ทำให้ง่ายต่อการติดเชื้อแบคทีเรียที่กระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้การที่ท่อปัสสาวะของผู้หญิงอยู่ติดกับช่องคลอดและทวารหนัก ทำให้เชื้อแบคทีเรียจากบริเวณเหล่านั้นเข้าไปยังทางเดินปัสสาวะได้ง่าย การติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะจะไม่รุนแรงถ้าได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี แต่อาจกลับมาเป็นได้อีกในบางคน ในกรณีที่รุนแรง ซึ่งพบได้ยาก อาจทำให้เกิดการติดเชื้อในไตได้ และเป็นผลให้ไตเสียอย่างถาวร ดังนั้นจึงควรรักษาถึงต้นเหตุของการติดเชื้อและหาทางป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นอีก ในผู้สูงอายุ การวิเคราะห์ถึงการติดเชื้อที่กระเพาะปัสสาวะอาจทำได้ยาก เพราะอาการไม่ค่อยชัดเจนและบ่อยครั้งที่เกิดจากอายุที่มากขึ้น ผู้สูงอายุที่กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือเฉื่อยชาขาดความกระตือรือร้น หรือสับสน ควรปรึกษาแพทย์ ส่วนใหญ่การติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะมีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรียอีโคไล E.coli Escherichia coli ที่อาศัยอยู่ในลำไส้ เชื้อจะเข้าทางท่อปัสสาวะไปยังกระเพาะปัสสาวะ โดยปกติร่างกายจะสามารถทำลายเชื้อแบคทีเรียได้เมื่อเราปัสสาวะ อย่างไรก็ดี บางครั้งเชื้อแบคทีเรียอาจติดอยู่ที่ผนังของท่อปัสสาวะหรือกระเพาะปัสสาวะ หรือเชื้อมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในกระเพาะปัสสาวะ ในปัจจุบันการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะมักมาจากแบคทีเรีย 2 ตัว ที่แพร่โดยการมีเพศสัมพันธ์ คือ เชื้อคลามีเดีย Chlamydia และ เชื้อไมโคพลาสมา Mycoplasma การใช้หลอดสวนกระเพาะปัสสาวะ Catheters ที่ใช้กันตามโรงพยาบาลหรือที่บ้าน ก็อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้เช่นกัน แหล่งข้อมูล วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ (Cystitis หรือ Bladder Infections) ที่มักเรียกกันแพร่หลายว่าเป็น "โรคระหว่างฮันนีมูน" (Honeymoon's cystitis) เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดกับกระเพาะปัสสาวะ ส่วนใหญ่พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้หญิงจะมีการติดเชื้อที่กระเพาะปัสสาวะอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต อย่างไรก็ดี ผู้ชายก็มีโอกาสเป็นโรคนี้มากขึ้นเมื่อมีอายุมากขึ้น เนื่องจากต่อมลูกหมากมีขนาดใหญ่ขึ้น
อายุรศาสตร์ (อายุรศาสตร์) - Internal Medicine
Closed QA
cc-by-nc-4.0
Medical_13707
Medical
นิ่วทอนซิลสามารถรักษาให้หายขาดได้หรือไม่?
null
ไม่ เหตุผล: สาเหตุที่แท้จริงของนิ่วทอนซิลยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อกันว่าเกิดจากการสะสมของแบคทีเรีย เศษอาหาร และสารคัดหลั่งต่างๆ ในร่องของต่อมทอนซิล การรักษานิ่วทอนซิลมักเป็นการกำจัดก้อนนิ่วออก ไม่ได้รักษาสาเหตุที่แท้จริงของโรค ดังนั้น นิ่วทอนซิลสามารถกลับมาเป็นใหม่ได้อีกหลังจากได้รับการรักษา รายละเอียดเพิ่มเติม: การรักษานิ่วทอนซิลมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่งของนิ่ว รวมไปถึงสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย วิธีการรักษาทั่วไป เช่น การใช้นิ้วดุนิ่วออก การบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากที่มีสารละลายบางชนิด การขูดนิ่วออกด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ การเอานิ่วออกโดยใช้เลเซอร์ และการผ่าตัดต่อมทอนซิล ในบางกรณี นิ่วทอนซิลอาจหายไปเองได้ โดยไม่ต้องรักษา อย่างไรก็ตาม นิ่วทอนซิลสามารถกลับมาเป็นใหม่ได้อีก โดยเฉพาะในผู้ที่มีต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรัง หรือมีการติดเชื้อในช่องปากหรือระบบทางเดินหายใจบ่อยๆ ข้อแนะนำ: - เพื่อป้องกันนิ่วทอนซิล ควรดูแลสุขอนามัยในช่องปากให้ดี แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง บ้วนปากด้วยน้ำเกลือหลังกินอาหาร และพบทันตแพทย์เป็นประจำ - รักษาสุขภาพโดยรวมให้แข็งแรง ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ - หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ - ปรึกษาแพทย์หากมีอาการของนิ่วทอนซิล เช่น กลิ่นปาก เจ็บคอ ไอเรื้อรัง รู้สึกคล้ายมีอะไรติดคอ หรือกลืนอาหารลำบาก สรุป: นิ่วทอนซิลสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถกลับมาเป็นใหม่ได้อีก ดังนั้น ควรดูแลสุขอนามัยในช่องปากและสุขภาพโดยรวมให้ดี เพื่อป้องกันนิ่วทอนซิล
โสต ศอ นาสิกวิทยา (โสต ศอ นาสิกวิทยา) - Otolaryngology
Classification
cc-by-nc-4.0
Medical_13360
Medical
ช่วยสรุปเรื่อง ฟลูโอซิโนโลน ได้ไหม
ฟลูโอซิโนโลน Fluocinolone คือยาอะไร ฟลูโอซิโนโลนมีสรรพคุณ คุณสมบัติรักษาโรคอะไร ฟลูโอซิโนโลนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร ฟลูโอซิโนโลนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร ฟลูโอซิโนโลนมีขนาดการบริหารยาอย่างไร เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร หากลืมทายาควรทำอย่างไร ฟลูโอซิโนโลนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร มีข้อควรระวังการใช้ฟลูโอซิโนโลนอย่างไร ฟลูโอซิโนโลนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร ควรเก็บรักษาฟลูโอซิโนโลนอย่างไร ฟลูโอซิโนโลนมีชื่ออื่นอีกไหม ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง ยารักษาโรค Pharmaceutical drug ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด ผื่นผิวหนังอักเสบจากด้วงก้นกระดก Paederus dermatitis ตุ่มแพ้แมลงกัด Insect bite reaction โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังในเด็ก Atopic dermatitis ผื่นแพ้สัมผัสในเด็ก Childhood contact dermatitis ยาฆ่าเชื้อ Antimicrobial drug ยาแก้อักเสบ Anti inflammatory drug กลุ่มอาการคุชชิง Cushing syndrome ความดันในกะโหลกศีรษะสูง Increased intracranial pressure คือยาอะไร ยาฟลูโอซิโนโลน Fluocinolone คือ ยาตัวหนึ่งในกลุ่มยา Corticosteroid ทางแพทย์นำมาใช้รักษาอาการอักเสบและผื่นคันทางผิวหนัง ยานี้ถูกสังเคราะห์ขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1959 พ.ศ. 2502 วางจำหน่ายโดยใช้ชื่อการค้าว่า Synalar มีรูปแบบการใช้เป็นยาทาภายนอก ยาใช้ภายนอก ในเวลาต่อมาฟลูโอซิโนโลนได้ถูกพัฒนาสูตรตำรับโดยนำไปผสมร่วมกับยาอื่นเช่น Gentamicin Neomycin ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการขยายผลของสรรพคุณในการรักษา สำหรับประเทศไทยจะพบเห็นยาฟลูโอซิโนโลนมีจำหน่ายตามร้านขายยาและมีใช้ในสถานพยาบาลทั่วไป และเพื่อความปลอดภัยก่อนการใช้ยา ผู้บริโภคสามารถขอคำปรึกษาได้จากแพทย์ผู้ทำการรักษาหรือเภสัชกรตามร้านขายยาใกล้บ้าน ฟลูโอซิโนโลนมีสรรพคุณ คุณสมบัติรักษาโรคอะไร ยาฟลูโอซิโนโลนมีสรรพคุณรักษาโรคข้อบ่งใช้ ใช้บรรเทารักษาอาการผิวหนังอักเสบและผื่นคัน ฟลูโอซิโนโลนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร กลไกการออกฤทธิ์ของยาฟลูโอซิโนโลนในด้านต่อต้านการอักเสบและผื่นคันของผิว หนังยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่พบว่ายานี้ทำให้เส้นเลือดบริเวณที่มาหล่อเลี้ยงผิวหนังที่ทายาเกิด การหดตัว จนอาจส่งผลให้ปฏิกิริยาของการอักเสบหรืออาการผื่นคันลดน้อยลงและทำให้อาการดีขึ้น ฟลูโอซิโนโลนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร ยาฟลูโอซิโนโลนมีรูปแบบการจัดจำหน่าย ยาขี้ผึ้ง ขนาดความแรง 0.25 มิลลิกรัมกรัม ยาครีมทาผิวหนังที่ผสมร่วมกับยาอื่น เช่น Fluocinolone acetonide 0.25 มิลลิกรัม Neomycin sulfate equivalent to neomycin 3.5 มิลลิกรัม 4.83 มิลลิกรัมกรัม Fluocinolone acetonide 0.25 มิลลิกรัม Neomycin sulfate 2.89 มิลลิกรัมกรัม Gentamicin sulfate 1 มิลลิกรัม Fluocinolone acetonide 0.25 มิลลิกรัมกรัม Hydroquinone 4 Tretinoin 0.05 Fluocinolone acetonide 0.01กรัม ฟลูโอซิโนโลนมีขนาดการบริหารยาอย่างไร ยาฟลูโอซิโนโลนมีขนาดการบริหารยาการใช้ยา เช่น ผู้ใหญ่ ทาผิวหนังบริเวณที่มีการอักเสบผื่นคันวันละ 3 - 4 ครั้ง หรือใช้ตามคำแนะ นำของแพทย์ เด็ก นิยามคำว่าเด็ก การใช้ยานี้ในเด็กโดยเฉพาะในเด็กเล็กและในเด็กที่อายุต่ำกว่า 1 ปีต้องแพทย์เป็นผู้สั่งการรักษาเท่านั้น หมายเหตุ ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษา แพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดที่รวมถึงยาฟลูโอซิโนโลน ผู้ป่วยควรแจ้ง แพทย์ พยาบาล และ เภสัชกร เช่น ประวัติแพ้ยาทุกชนิดเช่น กินยาใช้ยาแล้วคลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจ ติดขัดหายใจลำบาก หอบเหนื่อย มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยาใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาฟลูโอซิโนโลนอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กินที่ใช้อยู่ก่อน หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์มีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารก จนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ หากลืมทายาควรทำอย่างไร หากลืมทายาฟลูโอซิโนโลน สามารถทายาเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการ ทายาในครั้งถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณการทายาเป็น 2 เท่า ฟลูโอซิโนโลนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร ยาฟลูโอซิโนโลน สามารถก่อให้เกิดผล อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา ผลข้างเคียงอาการข้างเคียง เช่น อาจมีอาการในบริเวณที่ทายา เช่น แสบร้อนหรือคัน ผิวแห้ง เกิดสิว มีรอยด่างเกิดขึ้นกับบริเวณที่ทายา สามารถเกิดการติดเชื้อรา และหรือเชื้อแบคทีเรีย ทำให้สภาพผิวหนังที่สัมผัสกับยาเสื่อมสภาพลง เช่น ผิวบาง เกิดภาวะผิวหนังอักเสบ การทายานี้เป็นเวลานานๆและใช้ปริมาณยามากเกินไป อาจทำให้ร่างกายดูดซึมยาเข้าสู่กระแสเลือด และส่งผลต่อการทำงานกับระบบต่างๆภายในร่างกายได้ เช่น การทำงานของต่อมใต้สมอง มีข้อควรระวังการใช้ฟลูโอซิโนโลนอย่างไร มีข้อควรระวังการใช้ยาฟลูโอซิโนโลน เช่น ห้ามใช้กับผู้ที่มีประวัติแพ้ยาฟลูโอซิโนโลน ห้ามมิให้ยานี้เข้าตา ห้ามใช้ยานี้รักษาโรคติดเชื้อไวรัสทางผิวหนัง เช่น อีสุกอีใส เริม งูสวัด ด้วยจะทำให้ อาการของโรครุนแรงมากยิ่งขึ้น กรณีที่ใช้ยานี้เป็นปริมาณมากหรือนานต่อเนื่อง ให้ระวังตัวยาดูดซึมเข้าสู่ร่างกายและไปกดการทำงานของต่อมใต้สมอง ระวังการใช้ยานี้ในเด็ก ด้วยผิวหนังของเด็กบอบบางอาจทำให้ยานี้ถูกดูดซึมเข้าสู่ กระแสเลือดจนก่อให้เกิดภาวะ Cushings syndrome กลุ่มอาการคุชชิง กลุ่มอาการจากมีฮอร์โมนบางชนิดผิดปกติ อาการเช่น ใบหน้าบวมกลม ผิวบาง และสามารถทำให้ความดันในกะโหลกศีรษะสูงขึ้น การใช้ยานี้เป็นเวลานานสามารถกดการเจริญเติบโตของเด็กได้ หลีกเลี่ยงการใช้ยานี้กับ สตรีตั้งครรภ์ และ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร หากมีการดูด ซึมตัวยาเข้าสู่กระแสเลือดก็อาจก่อให้เกิดความพิการของทารกในครรภ์ การจะใช้ยานี้ในผู้ป่วยกลุ่มนี้จะต้องผ่านการพิจารณาของแพทย์ก่อนเสมอ หลังทายานี้ไม่ต้องใช้ผ้าพันแผลปิดทับบริเวณที่ทายา ไม่ควรทายานี้ในบริเวณผิวหนังที่มีแผลเปิดหรือแผลฉีกขาดด้วยจะทำให้ยาดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น หากพบอาการระคายเคืองหรือมีความรุนแรงของการอักเสบที่ผิวหนังมากยิ่งขึ้น ต้องหยุดใช้ยานี้แล้วกลับมาพบแพทย์มาโรงพยาบาลทันที ล้างมือก่อนและหลังทายานี้ทุกครั้ง ควรใช้ยาทายานี้ตามคำสั่งของแพทย์ ไม่ควรปรับขนาดการใช้ยานี้ด้วยตนเอง ระหว่างการใช้ยานี้ ระวังการติด โรคเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย ในบริเวณผิวหนังที่ทายานี้ด้วยยานี้จะทำให้ภูมิคุ้มกันต้านทานโรคในบริเวณผิวหนังที่ทายาลดต่ำลง ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้ ห้ามใช้ยาหมดอายุ ห้ามเก็บยาหมดอายุ อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ยา ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด รวมยาฟลูโอซิโนโลนด้วย ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน ฟลูโอซิโนโลนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร เนื่องจากยาฟลูโอซิโนโลนเป็นยาทาภายนอกยาใช้ภายนอก จึงไม่ค่อยพบปฏิกิริยาระหว่างยากับยารับประทานชนิดใดๆ แต่หากพบอาการผิดปกติหลังใช้ยาฟลูโอซิโนโลนร่วมกับยารับประทานใดๆ เช่น อึดอัดหายใจไม่ออกหอบเหนื่อย เจ็บหน้าอก ให้รีบนำตัวผู้ป่วยส่งแพทย์ส่งโรงพยาบาลทันที อนึ่ง สำหรับการใช้ยาฟลูโอซิโนโลนชนิดทาร่วมกับผู้ป่วยเบาหวาน ควรเฝ้าระวังเรื่องการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายจนไปรบกวนการทำงานของยาเบาหวานจนทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจพบได้ในผู้ป่วยเบาหวานบางราย หากจำเป็นต้องใช้ยาฟลูโอซิโนโลนกับผู้ป่วยเบาหวาน ควรใช้ในปริมาณน้อยและไม่ควรทายาเป็นบริเวณกว้าง และการใช้ยาทาฟลูโอซิโนโลนในผู้ป่วยเบาหวานไม่ควรนานเกิน 2 สัปดาห์ และต้องใช้ยาตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น ควรเก็บรักษาฟลูโอซิโนโลนอย่างไร สามารถเก็บยาฟลูโอซิโนโลน เก็บยาในช่วงอุณหภูมิ 15 - 30 องศาเซลเซียส Celsius ไม่เก็บยาในช่องแช่แข็งตู้เย็น ไม่เก็บยา ในห้องน้ำ หรือ ในรถยนต์ เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงแสงแดด ความร้อน และ ความชื้น
ฟลูโอซิโนโลน คือ ยาตัวหนึ่งในกลุ่มยา Corticosteroid ทางแพทย์นำมาใช้รักษาอาการอักเสบและผื่นคันทางผิวหนังางจำหน่ายโดยใช้ชื่อการค้าว่า Synalar เป็นยาทาภายนอก ต่อมาฟลูโอซิโนโลนได้ถูกพัฒนาสูตรตำรับโดยนำไปผสมร่วมกับยาอื่นเช่น Gentamicin Neomycin ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการขยายผลของสรรพคุณในการรักษา กลไกการออกฤทธิ์ของยาฟลูโอซิโนโลนในด้านต่อต้านการอักเสบและผื่นคันของผิว หนังยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่พบว่ายานี้ทำให้เส้นเลือดบริเวณที่มาหล่อเลี้ยงผิวหนังที่ทายาเกิด การหดตัว จนอาจส่งผลให้ปฏิกิริยาของการอักเสบหรืออาการผื่นคันลดน้อยลงและทำให้อาการดีขึ้น รูปแบบการจัดจำหน่าย ยาขี้ผึ้ง ขนาดความแรง 0.25 มิลลิกรัมกรัม ยาครีมทาผิวหนังที่ผสมร่วมกับยาอื่น เช่น Fluocinolone acetonide 0.25 มิลลิกรัม Neomycin sulfate equivalent to neomycin 3.5 มิลลิกรัม 4.83 มิลลิกรัมกรัม Fluocinolone acetonide 0.25 มิลลิกรัม Neomycin sulfate 2.89 มิลลิกรัมกรัม Gentamicin sulfate 1 มิลลิกรัม Fluocinolone acetonide 0.25 มิลลิกรัมกรัม Hydroquinone 4 Tretinoin 0.05 Fluocinolone acetonide 0.01กรัม ผู้ใหญ่ ทาผิวหนังบริเวณที่มีการอักเสบผื่นคันวันละ 3 - 4 ครั้ง การใช้ยานี้ในเด็กโดยเฉพาะในเด็กเล็กและในเด็กที่อายุต่ำกว่า 1 ปีต้องแพทย์เป็นผู้สั่งการรักษาเท่านั้น อาการข้างเคียง เช่น อาจมีอาการในบริเวณที่ทายา เช่น แสบร้อนหรือคัน ผิวแห้ง เกิดสิว มีรอยด่างเกิดขึ้นกับบริเวณที่ทายา สามารถเกิดการติดเชื้อรา และหรือเชื้อแบคทีเรีย ทำให้สภาพผิวหนังที่สัมผัสกับยาเสื่อมสภาพลง เช่น ผิวบาง เกิดภาวะผิวหนังอักเสบ การทายานี้เป็นเวลานานๆและใช้ปริมาณยามากเกินไป อาจทำให้ร่างกายดูดซึมยาเข้าสู่กระแสเลือด และส่งผลต่อการทำงานกับระบบต่างๆภายในร่างกายได้ เช่น การทำงานของต่อมใต้สมอง หลังทายานี้ไม่ต้องใช้ผ้าพันแผลปิดทับบริเวณที่ทายา ไม่ควรทายานี้ในบริเวณผิวหนังที่มีแผลเปิดหรือแผลฉีกขาดด้วยจะทำให้ยาดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น หากอึดอัดหายใจไม่ออกหอบเหนื่อย เจ็บหน้าอก ให้รีบนำตัวผู้ป่วยส่งแพทย์ส่งโรงพยาบาลทันที
ผิวหนัง Dermatology,เภสัชวิทยา Pharmacology
Summarization
cc-by-nc-4.0
Finance_40267
Finance
นักลงทุนควรพิจารณาอะไรบ้าง เมื่อต้องการลงทุนในธุรกิจ Plant-Based
null
1. เทรนด์และความต้องการของผู้บริโภค: เทรนด์การบริโภค Plant-Based: นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเทรนด์การบริโภค Plant-Based ว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องหรือไม่ มีปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลต่อความนิยมของ Plant-Based เช่น กระแสการดูแลสุขภาพ ความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม ข้อจำกัดด้านทรัพยากร ฯลฯ ความต้องการของผู้บริโภค: นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการของผู้บริโภค ว่าต้องการ Plant-Based ประเภทใด รสชาติแบบไหน ราคาเท่าไหร่ หาซื้อสะดวกหรือไม่ ฯลฯ คู่แข่งในตลาด: นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคู่แข่งในตลาด Plant-Based ว่ามีบริษัทใดบ้าง มีจุดแข็งจุดอ่อนอย่างไร กลยุทธ์ของคู่แข่งเป็นอย่างไร ฯลฯ 2. ศักยภาพของธุรกิจ: โมเดลธุรกิจ: นักลงทุนควรศึกษาโมเดลธุรกิจของบริษัท Plant-Based ว่าบริษัทมีสินค้าและบริการอะไรบ้าง กลุ่มเป้าหมายคือใคร ช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าและบริการเป็นอย่างไร ฯลฯ ทีมผู้บริหาร: นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับทีมผู้บริหารของบริษัท Plant-Based ว่ามีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจนี้หรือไม่ มีความน่าเชื่อถือหรือไม่ ฯลฯ สถานะทางการเงิน: นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของบริษัท Plant-Based ว่าบริษัทมีกำไรหรือขาดทุน มีสภาพคล่องหรือไม่ มีหนี้สินมากน้อยแค่ไหน ฯลฯ 3. ความเสี่ยง: ความเสี่ยงด้านเทรนด์: เทรนด์การบริโภค Plant-Based อาจเปลี่ยนแปลงได้ ผู้บริโภคอาจกลับมาบริโภคเนื้อสัตว์ดั้งเดิมมากขึ้น หรืออาจมีเทรนด์อาหารใหม่ๆ เกิดขึ้น ความเสี่ยงด้านการแข่งขัน: ธุรกิจ Plant-Based เป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง บริษัทใหม่ๆ อาจจะเข้ามาในตลาด หรือบริษัทคู่แข่งอาจพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ ที่ดีกว่า ความเสี่ยงด้านต้นทุน: ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับผลิต Plant-Based อาจจะมีราคาสูง หรืออาจหาซื้อได้ยาก ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ: กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับ Plant-Based อาจมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจส่งผลต่อธุรกิจ 4. ผลตอบแทน: ศักยภาพการเติบโต: ธุรกิจ Plant-Based มีศักยภาพการเติบโตสูง เนื่องจากเทรนด์การบริโภค Plant-Based กำลังได้รับความนิยม อัตรากำไร: ธุรกิจ Plant-Based มีอัตรากำไรที่สูง เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบสำหรับผลิต Plant-Based มีราคาสูง โอกาสในการขยายธุรกิจ: ธุรกิจ Plant-Based สามารถขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศได้
ความรู้ทางการเงิน
Open QA
cc-by-nc-4.0
Medical_11673
Medical
ยาอะทีโนลอล (Atenolol) สามารถใช้รักษาภาวะความดันโลหิตสูงได้หรือไม่?
null
ใช่ ยาอะทีโนลอลสามารถใช้รักษาภาวะความดันโลหิตสูงได้ เหตุผล: ยาอะทีโนลอลจัดอยู่ในกลุ่มยาเบต้าบล็อกเกอร์ (Beta-blocker) ซึ่งมีกลไกการออกฤทธิ์โดยการลดการบีบตัวของหัวใจและลดอัตราการเต้นของหัวใจ ส่งผลให้ความดันโลหิตลดลง มีงานวิจัยทางการแพทย์มากมายที่สนับสนุนการใช้ยาอะทีโนลอลในการรักษาภาวะความดันโลหิตสูง ตัวอย่างเช่น การศึกษาในปี 2549 พบว่ายาอะทีโนลอลมีประสิทธิภาพในการลดความดันโลหิตทั้งในผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงชนิด Isolated systolic hypertension และผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงชนิด Essential hypertension การวิเคราะห์ข้อมูลแบบอภิมาน (meta-analysis) ในปี 2558 พบว่ายาอะทีโนลอลมีประสิทธิภาพในการลดความดันโลหิตและลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ยาอะทีโนลอลได้รับการบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติ (National Essential Medicines List) ของประเทศไทย ซึ่งบ่งชี้ว่ายาอะทีโนลอลเป็นยาที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสำหรับการรักษาภาวะความดันโลหิตสูง อย่างไรก็ตาม การใช้ยาอะทีโนลอลควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ แพทย์จะพิจารณาขนาดยาและระยะเวลาการใช้ยาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ความรุนแรงของภาวะความดันโลหิตสูง โรคประจำตัวอื่นๆ ของผู้ป่วย ยาอื่นๆ ที่ผู้ป่วยกำลังใช้ ข้อควรระวัง: - ยาอะทีโนลอลไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นช้า หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการไหลเวียนเลือด - ยาอะทีโนลอลอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น อ่อนเพลีย มึนงง คลื่นไส้ ท้องเสีย - ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากกำลังตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือมีโรคประจำตัวอื่นๆ สรุป: ยาอะทีโนลอลเป็นยาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะความดันโลหิตสูง แต่ควรใช้ยาภายใต้การดูแลของแพทย์ และควรแจ้งให้แพทย์ทราบข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพของผู้ป่วยอย่างละเอียดก่อนใช้ยา
อายุรศาสตร์ (อายุรศาสตร์) - Internal Medicine,เภสัชวิทยา Pharmacology
Classification
cc-by-nc-4.0
Finance_42113
Finance
ความหมายของการออมเงินโดยมีอัตราผลตอบแทนแบบทบต้นหมายความว่าอย่างไร
A. ความหมายของการออมเงินโดยมีอัตราผลตอบแทนแบบทบต้นหมายความว่า ผลตอบแทนที่เราได้รับจากการนำเงินออมไปลงทุนในงวดก่อนหน้า จะถูกนำมาลงทุนซ้ำด้วยในงวดถัดไป B. การออมเงินโดยผลตอบแทนที่เราได้รับเกิดจากลงทุนในธุรกิจ ผลตอบแทนไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับธุรกิจนั้น ๆ C. การออมเงินโดยผลตอบแทนเกิดจากการให้เช่ารถยนต์ส่วนตัว D. การออมเงินโดยผลตอบแทนที่ได้จากดอกเบี้ยที่คิดจากเงินต้น แต่ละงวด โดยไม่นำดอกเบี้ยที่ได้จากงวดก่อนมารวมกับเงินต้น เพื่อคำนวณดอกเบี้ยสำหรับงวดถัดไป
ข้อที่ถูกต้องได้แก่ A. เพราะว่า ความหมายของการออมเงินโดยมีอัตราผลตอบแทนแบบทบต้นหมายความว่า ผลตอบแทนที่เราได้รับจากการนำเงินออมไปลงทุนในงวดก่อนหน้า จะถูกนำมาลงทุนซ้ำด้วยในงวดถัดไป เช่น สมมติให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยที่จะได้รับจากการลงทุนเท่ากับ 6% ต่อปี ถ้าในปีแรกเรานำเงินมาลงทุน 100 บาท ตอนสิ้นปีเราจะได้ผลตอบแทนกลับมา 6 บาท รวมเป็นเงินออมตอนสิ้นปีแรกที่ 106 บาท และในปีต่อไปถ้าเรายังลงทุนต่อเนื่อง เงินต้นของการลงทุนในปีที่สอง จะเท่ากับ 106 บาท ซึ่งถ้าเราได้รับผลตอบแทนที่ 6% จะได้ผลตอบแทนกลับมาเท่ากับ 6.36 บาท รวมเป็นเงินออมตอนสิ้นปีที่สอง เท่ากับ 112.36 บาท และยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร ผลตอบแทนของปีหลัง ๆ ที่ได้รับจากการนำผลตอบแทนของปีก่อนหน้ามารวมเป็นเงินต้นด้วย ก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น ด้วยเหตุผลนี้เองเงินออมของเราจึงเติบโตด้วยอัตราที่เร่งมากขึ้นนั่นเอง
ความรู้ทางการเงิน,การวิเคราะห์ทางการเงิน & เศรษฐศาสตร์การเงิน
Multiple choice
cc-by-nc-4.0
Finance_40074
Finance
จงแต่งเรื่องสั้นให้ข้อคิดเกี่ยวกับการลงทุนอย่างยั่งยืน ไม่ได้แปลว่าเราต้องเสียสละผลตอบแทน แต่แปลว่าเราสามารถสร้างผลกำไรที่ดี ไปพร้อมๆ กับการสร้างโลกที่ดีกว่าให้กับลูกหลานของเรา
null
การลงทุนอย่างยั่งยืน: อนาคตที่สดใสของพอร์ตการลงทุนของคุณ ณ ตึกสูงระฟ้าใจกลางกรุงเทพ นางสาวพรทิพย์ นักวิเคราะห์การลงทุนรุ่นใหม่ กำลังจดจ่ออยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ เบื้องหน้าเธอเต็มไปด้วยข้อมูลกราฟิกและตัวเลขมากมาย ล้วนเป็นข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียนต่างๆ ที่เธอกำลังพิจารณาลงทุน พรทิพย์ไม่ได้วิเคราะห์แค่ผลประกอบการทางการเงินเพียงอย่างเดียว แต่เธอยังให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) ประกอบการตัดสินใจด้วย เธอเชื่อมั่นว่าบริษัทที่ยึดมั่นในหลักการ ESG นั้น ย่อมมีโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน "บริษัทนี้ได้คะแนน ESG สูงมาก" พรทิพย์พึมพำกับตัวเอง "พวกเขามีแผนงานชัดเจนในการลดมลพิษ ส่งเสริมสวัสดิการพนักงาน และดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส น่าสนใจจริงๆ" พรทิพย์ตัดสินใจลงทุนในบริษัทนั้น และติดตามผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด เธอรู้สึกพอใจที่ได้รู้ว่าบริษัทนั้นทุ่มเทให้กับ ESG อย่างจริงจัง ผลประกอบการก็ดีเยี่ยม เหนือกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน ไม่นานต่อมา พรทิพย์ก็ได้รับการโปรโมทให้เป็นผู้จัดการกองทุน เธอเริ่มนำหลักการ ESG มาใช้กับการบริหารกองทุนของเธอ ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าทึ่ง พอร์ตการลงทุนของเธอเติบโตอย่างมั่นคง แม้ในช่วงที่ตลาดผันผวน ชื่อเสียงของพรทิพย์โด่งดังไปทั่ว เธอได้รับเชิญไปพูดบรรยายตามงานสัมมนาต่างๆ เกี่ยวกับการลงทุนอย่างยั่งยืน หลายคนยกย่องเธอว่าเป็น "นักลงทุน ESG" พรทิพย์รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง เธอมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมให้ผู้คนตระหนักถึงความสำคัญของ ESG และหันมาลงทุนในบริษัทที่ยั่งยืน "ESG ไม่ได้เป็นแค่เทรนด์ แต่มันคืออนาคต" พรทิพย์มักจะพูดกับนักลงทุนเสมอ "การลงทุนอย่างยั่งยืน ไม่ได้แปลว่าเราต้องเสียสละผลตอบแทน แต่แปลว่าเราสามารถสร้างผลกำไรที่ดี ไปพร้อมๆ กับการสร้างโลกที่ดีกว่าให้กับลูกหลานของเรา"
ตลาดการเงิน & ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน,ความรู้ทางการเงิน
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Finance_41674
Finance
ค่าสหสัมพันธ์ (Correlation) คืออะไร
FINNOMENA · Quantable Researcher Ep21 : แบ่งเงินลงทุนใน Cryptocurrency คือการช่วยเพิ่มโอกาสหรือเพิ่มความเสี่ยง? Quantable Researcher Podcast Ep21 : แบ่งเงินลงทุนใน Cryptocurrency คือการช่วยเพิ่มโอกาสหรือเพิ่มความเสี่ยง ค่า Correlation เป็นอย่างไร? หากพูดถึงเรื่องการจัดพอร์ตโฟลิโอ นอกจากการคัดสินทรัพย์ที่ดีในระยะยาว การจัดน้ำหนักเงิน การจับจังหวะซื้อขาย ยังอีกหนึ่งปัจจัยที่ในอดีตเคยนิยมและเป็นที่พูดถึงกันมาก แต่ปัจจุบันกลับมีคนสนใจน้อยลงคือเรื่องของค่าสหสัมพันธ์ (Correlation) ตั้งแต่มี QE เกิดขึ้นบนโลกทุกสินทรัพย์ก็ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง เพราะมีเงินใหม่เกิดขึ้นอยู่ตลอด นักลงทุนจึงไม่ต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าและความสัมพันธ์ของแต่ละสินทรัพย์มากนัก คือเหมาไปทั้งตะกร้าเลยง่ายกว่า ทำให้แทบทุกสินทรัพย์ขึ้นและลงพร้อมกลับ จนค่าสหสัมพันธ์ (Correlation) ในตอนนี้เหมือนจะใช้ไม่ได้ แต่การมาของสินทรัพย์ชนิดใหม่อย่าง Cryptocurrency จึงทำให้เราอยากจะกลับมาดูมาสินทรัพย์ชนิดนี้เมื่อเปรียบเทียบกับสินทรัพย์อื่น ๆ จะเป็นอย่างไรบ้าง (Correlation) QE (Correlation) Cryptocurrency ค่าสหสัมพันธ์ (Correlation) คืออะไร (Correlation) เป็นการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป เช่น การหาความสัมพันธ์ ระหว่างอายุกับน้ำหนัก อายุกับรายได้ ในการพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรว่ามีมากน้อยขนาดไหน จะใช้ค่า Correlation เป็นค่าวัดความสัมพันธ์ โดยใช้วิธีการทางสถิติหลากหลายวิธี การจะใช้ค่าสถิติตัวใดขึ้นอยู่กับลักษณะของตัวแปร และจะต้องมีการทดสอบนัยสำคัญก่อน จึงจะสรุปว่าตัวแปรนั้น ๆ สัมพันธ์กันหรือไม่ ซึ่งทำให้เราสามารถนำมาดูความสัมพันธ์ระหว่างสินทรัพย์ว่าเป็นอย่างไร เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน/คนละทิศทางกัน 2 Correlation / โดยการอ่านผลจะอ่านเพียงว่าทั้งสองตัวมีความสัมพันธ์กันหรือไม่ ถ้าสัมพันธ์กัน แปรผันตามกันหรือแปรผกผันกันเป็นค่ามากน้อยเพียงใด แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าตัวแปรใดเป็นตัวแปรต้น ตัวแปรตามได้ โดยค่า Correlation จะมีค่าระหว่าง -1 ถึง 1 Correlation -1 1 การอ่านค่าความสัมพันธ์ Correlation ที่เข้าใกล้ “+1” หมายความว่า ราคาสินทรัพย์ในช่วงเวลานั้นมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกัน และในปริมาณที่ใกล้เคียงกันมาก Correlation “+1” Correlation ที่ใกล้เคียง “-1” หมายความว่า ราคาสินทรัพย์ในช่วงเวลานั้นมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางตรงข้ามกัน และในปริมาณที่ใกล้เคียงกันมาก เช่น สินทรัพย์ A เปลี่ยนแปลง “+0.7%” ในขณะที่ สินทรัพย์ B เปลี่ยนแปลง “-0.8%” ส่วนกรณีของ Correlation ใกล้เคียง “ศูนย์” นั้น หมายถึง สินทรัพย์ทั้งสองแทบจะไม่มีความสัมพันธ์กันเลย Correlation “-1” A “+0.7%” B “-0.8%” Correlation “ ” Bitcoin – Gold – S&P500 มีค่าความสัมพันธ์เป็นอย่างไร Bitcoin – Gold – S&P500 จากรายงานของ Coindesk ซึ่งเปรียบเทียบ Bitcoin กับทองคำและดัชนี S&P500 ตั้งแต่ต้นปี 2020 จนถึงต้นปี 2021 จะสังเกตุเห็นว่าในช่วงแรกทองคำและดัชนี S&P500 มีค่า Correlation ที่เป็นบวก ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากช่วง Covid-19 และทุกสินทรัพย์ปรับตัวแรงจนในที่สุดสามารถกลับขึ้นมาได้แบบตัว V ทำให้สินทรัพย์ทั้งสามวิ่งไปในทิศทางเดียวกัน เวลาจับตัวเลขจึงให้ค่า Correlation ที่เป็นบวก แต่พอมาถึงครึ่งหลังกลับค่อย ๆ ลดความสัมพันธ์ลงจน BTC-S&P500 มีค่าอยู่ที่ 0 ในความหมายคือไม่มีความสัมพันธ์กัน ส่วนอีกตัวหนึ่งที่เป็นลักษณะของความสัมพันธ์เชิงผกผันคือ Dollar Coindesk Bitcoin S&P500 2020 2021 S&P500 Correlation Covid-19 V Correlation BTC-S&P500 0 Dollar (ที่มา Coindesk) ที่มา (ที่มา Coindesk) ที่มา อีกหนึ่งภาพประกอบคือสินทรัพย์ยอดนิยมอย่างเหรียญอย่าง ETH ที่มีค่าความสัมพันธ์กับ BTC อย่างมาก ทำให้พอมาเปรียบกับกับ Gold และ S&P500 จึงมีค่า Correlation ที่เหมือน Bitcoin ETH BTC Gold S&P500 Correlation Bitcoin การจัดพอร์ตโฟลิโอจะมีประโยชน์มากขึ้นมากเมื่อนำ Correlation มาพิจารณา Correlation จากสถิติที่เราโชว์ให้ข้างต้นเกี่ยวกับค่าความสัมพันธ์แบบผกผันกับแบบไปในทิศทางเดียวในสินทรัพย์ใหม่อย่าง Cryptocurrency ทำให้ทุกท่านพอจะเห็นภาพมากขึ้นว่าหากนำสินทรัพย์ดังกล่าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ต ไม่ว่าจะมองในมุมการเป็นโอกาสในการลงทุน การกระจายเงินหรือกระจายความเสี่ยง รวมถึงการ Balance พอร์ตไม่ให้ผันผวนในทิศทางเดียวกันมากเกินไป น่าจะสร้างประโยชน์ให้การลงทุนของเราไม่มากก็น้อย แต่อย่าลืมว่า Cryptocurrency ก็มีปัจจัยเสี่ยงเฉพาะของตัวมันเอง ฉะนั้นต้องศึกษาปัจจัยดังกล่าวไว้ด้วยนะครับ Cryptocurrency Balance Cryptocurrency ZIPMEX ติดตาม FINNOMENA Podcast ได้ทุกช่องทางที่คุณมี App Spotify App Google podcasts Apple podcast App Soundcloud Podbean Youtube
ค่าสหสัมพันธ์ (Correlation) เป็นการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป เช่น การหาความสัมพันธ์ ระหว่างอายุกับน้ำหนัก อายุกับรายได้ ในการพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรว่ามีมากน้อยขนาดไหน จะใช้ค่า Correlation เป็นค่าวัดความสัมพันธ์ โดยใช้วิธีการทางสถิติหลากหลายวิธี การจะใช้ค่าสถิติตัวใดขึ้นอยู่กับลักษณะของตัวแปร และจะต้องมีการทดสอบนัยสำคัญก่อน จึงจะสรุปว่าตัวแปรนั้น ๆ สัมพันธ์กันหรือไม่ ซึ่งทำให้สามารถนำมาดูความสัมพันธ์ระหว่างสินทรัพย์ว่าเป็นอย่างไร เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน/คนละทิศทางกัน โดยการอ่านผลจะอ่านเพียงว่าทั้งสองตัวมีความสัมพันธ์กันหรือไม่ ถ้าสัมพันธ์กัน แปรผันตามกันหรือแปรผกผันกันเป็นค่ามากน้อยเพียงใด แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าตัวแปรใดเป็นตัวแปรต้น ตัวแปรตามได้ โดยค่า Correlation จะมีค่าระหว่าง -1 ถึง 1
การวิเคราะห์ทางการเงิน & เศรษฐศาสตร์การเงิน,ความรู้ทางการเงิน
Closed QA
cc-by-nc-4.0
Legal_48709
Legal
คำพิพากษาฎีกาที่ 4189/2528 วินิจฉัยว่าอย่างไร
null
คำพิพากษาฎีกาที่ 4189/2528 วินิจฉัยว่า ภารจำยอมเป็นทรัพยสิทธิที่กฎหมายก่อตั้งขึ้นสำหรับเจ้าของอสังหาริมทรัพย์และผู้ที่จะต้องรับภารจำยอมคือเจ้าของทรัพย์ผู้ร้องสอดเป็นเพียงผู้เช่าจึงไม่มีสิทธิที่จะกล่าวอ้างว่าที่พิพาทไม่ตกอยู่ในภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินโจทก์หากโรงเรือนที่ผู้ร้องสอดอาศัยอยู่ได้รับความเสียหายจากการกระทำของโจทก์ผู้ร้องสอดชอบที่จะไปว่ากล่าวแก่โจทก์เป็นคดีอื่น โจทก์ฟ้องว่า ที่พิพาทของจำเลยตกเป็นภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินโจทก์โดยอายุความแล้ว ขอให้จำเลยรื้อถอนเสาาที่ปักกั้นไว้ในที่พิพาทและไปจดทะเบียนว่าที่พิพาทเป็นภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ หากไม่ไปให้คือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจนนาของจำเลย จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องว่า โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะอ้างว่าที่พิพาทตกเป็นภารจำยอมโดยอายุความ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ผู้ร้องสอดเป็นผู้เช่าที่ดินบริเวณที่พิพาทดังกล่าวได้รับความกระทบกระเทือนในการครอบครองสถานที่ จึงขอเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) และขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง ผู้ร้องสอดอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ร้องสอดฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ผู้ร้องสอดจะเป็นผู้เช่าที่ดินบริเวณพิพาทจากจำเลยและผู้ร้องสอดมีสิทธิได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในทรัพย์ชั่วระยะเวลาที่เช่าแต่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 475 ประกอบด้วยมาตรา 549 บัญญัติไว้ความว่า หากมีบุคคลผุ้ใดมาก่อการรบกวนขัดสิทธิของผู้เช่าในอันจะครองทรัพย์สินโดยปกติสุข เพราะบุคคลผู้นั้นมีสิทธิเหนือทรัพย์สินที่ได้เช่ากันนั้น ผู้ให้เช่าจะต้องรับผิดในผลอันนั้น และมาตรา 557(3) กับวรรคสุดท้ายบัญญัติไว้ความว่า ถ้าบุคคลภายนอกรุกล้ำเข้ามาในทรัพย์สินที่เช่า หรือเรียกอ้างสิทธิอย่างใดอย่างหนึ่งเหนือทรัพย์สินที่เช่าให้ผู้เช่าแจ้งเหตุแก่ผู้ให้เช่าโดยพลัน ถ้าผู้เช่าละเลยเสียจะต้องรับผิดต่อผู้ให้เช่าในเมื่อผู้ให้เช่าต้องเสียหายเพราะความละเลยชักช้าของผู้เช่า แสดงว่าผู้เช่ามีสิทธิเพียงได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในทรัพย์สินที่เช่าเท่านั้น ส่วนเรื่องภารจำยอมเป็นทรัพย์สิทธิที่กฎหมายก่อตั้งขึ้นสำหรับเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ และผู้ที่จะต้องรับภารจำยอมคือเจ้าของทรัพย์ผู้ร้องสอดเป็นเพียงผู้เช่าจึงไม่มีสิทธิที่จะกล่าวอ้างว่าที่พิพาทไม่ตกอยู่ในภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินโจทก์ หากโรงเรือนที่ผู้ร้องสอดอาศัยอยู่ได้รับความเสียหายจากการกระทำของโจทก์ ก็ชอบที่ผู้ร้องสอดจะไปว่ากล่าวแก่โจทก์เป็นคดีอื่น พิพากษายืน
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์,กฎหมายทรัพย์สิน-กรรมสิทธิ์-ทรัพย์อิงสิทธิ,คำพิพากษาศาลฎีกา
Open QA
cc-by-nc-4.0
Legal_46152
Legal
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7428/2543 วินิจฉัยว่าอย่างไร
สัญญากู้ยืมเงินไม่ได้กรอกจำนวนเงินไว้ เจ้าหนี้กรอกจำนวนเงินเองมีความผิดหรือไม่ สัญญากู้ยืมชอบด้วยกฎหมายหรือไม่และ มีผลอย่างไร ​ สัญญากู้ยืมเงินไม่ได้กรอกจำนวนเงินไว้ เจ้าหนี้กรอกจำนวนเงินเองมีความผิดหรือไม่ สัญญากู้ยืมชอบด้วยกฎหมายหรือไม่และ มีผลอย่างไร ๑.สัญญากู้ไม่ได้กรอกจำนวนเงินไว้ เลย ๑.๑ กรณีหากกรอกตามความจริงใช้เป็นพยานหลักฐานได้โดยชอบ ผู้ให้กู้ไม่ผิดฐานปลอมเอกสาร คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7428/2543 จำเลยให้การรับแล้วว่าได้กู้ยืมเงินโจทก์ไปจริงตามที่โจทก์ฟ้องโดยจำเลยลงลายมือชื่อไว้ในกระดาษที่ไม่มีการกรอกข้อความไว้ แม้หากข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามคำให้การของจำเลยว่า สัญญากู้เงินที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นเอกสารที่โจทก์กรอกข้อความขึ้นเองโดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยก็ตาม แต่โจทก์ได้กรอกจำนวนเงินที่กู้ยืมตามความเป็นจริงอัตราดอกเบี้ยก็ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือที่ได้ตกลงกันไว้ จึงเป็นการกู้ยืมเงินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยผู้ยืมเป็นสำคัญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคหนึ่งจำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้เงินให้แก่โจทก์ตามฟ้อง ๑.๒ กรณีหากกรอกไม่ตรงตามความจริง เช่นกู้ ๑ แสน ไปกรอกเติมเลขเป็น ๑ ล้าน ถือว่าหนังสือสัญญากู้ยืมเงินเป็นเอกสารปลอม และถือได้ว่าการกู้ยืมตามฟ้องโจทก์มิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินเป็นหนังสือ คำพิพากษาฎีกาที่ 759/2557 จำเลยไม่ได้กู้ยืมเงินไปจำนวน 390,000 บาท ตามหนังสือสัญญากู้ยืมเงิน โจทก์กรอกจำนวนเงินในภายหลังว่าจำเลยกู้ยืมเงินจำนวนดังกล่าวซึ่งมากกว่าจำนวนหนี้กู้ยืมที่มีอยู่จริงในวันทำสัญญากู้ยืมโดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลย หนังสือสัญญากู้ยืมเงินจึงเป็นเอกสารปลอม และถือได้ว่าการกู้ยืมตามฟ้องโจทก์มิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินเป็นหนังสือ โจทก์ไม่อาจฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 653 วรรคหนึ่ง และมิใช่เป็นกรณีที่จำเลยให้การรับแล้วที่โจทก์ไม่จำต้องอ้างสัญญากู้ยืมเงินเป็นพยานหลักฐานจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชำระเงินในจำนวนที่รับว่าได้กู้ยืมจากโจทก์ ๒.กรณี เจ้าหนี้กรอกจำนวนเงินไว้แล้วเจ้าหนี้ไปตกเติมภายหลัง อย่างนี้สามารถฟ้องให้รับผิดตามจำนวนเนื้อความเดิม และผู้กรอกเติมข้อความเป็นการปลอมเอกสารสิทธิ์ตากฎหมายอาญา คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 407/2542จำเลยทำหนังสือสัญญากู้ยืมฉบับพิพาทจากโจทก์30,000 บาท ต่อมาโจทก์แก้ไขจำนวนเงินในสัญญาเป็น60,000 บาท โดยไม่เป็นความจริงแล้วโจทก์นำสัญญานั้นมาฟ้อง ดังนี้ เมื่อปรากฏว่า สัญญากู้ยืมฉบับพิพาทจำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้กู้ กู้ยืมเงินโจทก์ 30,000 บาท เป็นหลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสือซึ่งจำเลยต้องรับผิด แม้ภายหลังโจทก์แก้ไขจำนวนเงินในสัญญากู้ให้สูงขึ้น จึงทำให้สัญญากู้ยืมเงินฉบับพิพาทเป็นเอกสารปลอม ก็ไม่ทำให้หลักฐานการกู้ยืมเงินที่ทำไว้แต่เดิมและมีผลสมบูรณ์อยู่แล้วต้องเสียไป ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยรับผิดตามจำนวนเงินเท่าที่จำเลยกู้ไปจริง โดยทนายกอบเกียรติ นบ.นบท. ปรึกษาคดีเงินกู้ โทร 0864031447 ไลน์ kobkiatlaw
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7428/2543 วินิจฉัยว่า จำเลยให้การรับแล้วว่าได้กู้ยืมเงินโจทก์ไปจริงตามที่โจทก์ฟ้องโดยจำเลยลงลายมือชื่อไว้ในกระดาษที่ไม่มีการกรอกข้อความไว้ แม้หากข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามคำให้การของจำเลยว่า สัญญากู้เงินที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นเอกสารที่โจทก์กรอกข้อความขึ้นเองโดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยก็ตาม แต่โจทก์ได้กรอกจำนวนเงินที่กู้ยืมตามความเป็นจริงอัตราดอกเบี้ยก็ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือที่ได้ตกลงกันไว้ จึงเป็นการกู้ยืมเงินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยผู้ยืมเป็นสำคัญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคหนึ่งจำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้เงินให้แก่โจทก์ตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกา
Closed QA
cc-by-nc-4.0
Finance_101
Finance
จงเสนอไอเดียแนะนำขั้นตอนการออมเพื่อวางแผนเกษียณ
null
1. ถามตัวเองว่า เราอยากใช้ชีวิตแบบไหน ? การวางแผนมักจะออกแบบตามไลฟ์สไตล์ของเรา ลองถามตัวเองดูว่าหลังเกษียณแล้ว เราอยากจะใช้ชีวิตแบบไหน? มีวิธีประเมินเงินอยู่เกษียณแบบง่ายๆอยู่ 2 วิธี สูตรที่ 1 : คิดจากรายได้ก่อนเกษียณ คำนวณจาก 70 % ของเงินเดือนปีสุดท้ายก่อนเกษียณ สูตรที่ 2 : คิดจากรายจ่ายก่อนเกษียณ คำนวณจาก 70 % ของรายจ่ายปีสุดท้ายก่อนเกษียณ เมื่อได้จำนวนเงินแล้วนำไปคูณด้วยจำนวนเดือนที่ตั้งเป้าหมายว่าต้องใช้อีกกี่ปี 2. ตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้ รู้จักประมาณตัวเอง เมื่อรู้เป้าหมายว่าเราต้องการเงินเท่าไหร่ เพื่อใช้ตอนเกษียณแล้ว แต่เงินส่วนนี้มันสามารถงอกเงยต่อไปได้เป็น “อัตราผลตอบแทน” ถ้าเรามีความรู้ในการลงทุน วางเงินไว้ถูกที่ เงินก็จะเติบโตได้มากขึ้น ซึ่งการลงทุนที่จะแนะนำสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ก็คือให้ออมเงินเต็มอัตรา 15% แม้ว่าปัจจุบันผลตอบแทนอาจจะไม่ถึง 5% แต่เมื่อมองระยะยาวแล้วถือว่าคุ้มค่า หรืออย่างน้อยก็สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ทันที หรือถ้าเป้าหมายเกษียณฟังดูไกลเกินเอื้อม ก็มี 2 ทางเลือก คือ “ขยายระยะเวลาทำงานให้ยาวขึ้น” เพื่อให้มีเวลาสะสมเงินมากขึ้น หรือ “ปรับลดเป้าหมาย” จากที่ตั้งเป้าใช้เงินเดือนละ 50,000 ก็เหลือ 30,000 บาท ให้เหมาะสมกับตัวเรา 3. ทำงบดุลชีวิต เพื่อเช็คความมั่งคั่ง การทำงบดุลชีวิตนี้จะทำให้เราสามารถเช็กได้ว่าตอนนี้เรากำลังรวย หรือจน จะทำได้โดยการแจกแจง “สินทรัพย์” และ “หนี้สิน” ตามรายละเอียด ดังนี้ สินทรัพย์ = แบ่งบัญชีทรัพย์สินเพื่อจะได้ทราบว่ามีทรัพย์สินพอใช้เกษียณไหม หนี้สิน = ซึ้งจะวางแผนเกษียณแล้วไม่ควรมีหนี้สินค้างชำระแล้วไม่เช่นนั้นแล้วชีวิตเกษียณอาจจะไม่สุข 4. ขั้นตอนสุดท้ายเราจะมาเช็กความมั่งคั่งว่าเป็นอย่างไร โดยจะเช็กได้จากสูตร “สินทรัพย์ - หนี้สิน = ความมั่งคั่ง
ความรู้ทางการเงิน
Brainstorming
cc-by-nc-4.0
Medical_13864
Medical
ตับอ่อนจัดเป็นอวัยวะอยู่ในระบบใด
a. ระบบทางเดินอาหาร b. ระบบกล้ามเนื้อ c. ระบบหัวใจ d. ระบบโครงกระดูก
คำตอบคือ a. เพราะว่า ตับอ่อน Pancreas เป็นอวัยวะในช่องท้อง อยู่ใต้ต่อกระเพาะอาหาร จัดเป็นอวัยวะอยู่ในระบบทางเดินอาหารเช่นเดียวกับตับ Liver แปลว่า ก้อนเนื้อขนาดใหญ่ในช่องท้องที่มีสีแดงคล้ำ แต่ตับอ่อนไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของตับ เป็นคนละอวัยวะกัน ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน เพียงแต่มีชื่อภาษาไทยที่พ้องกัน ซึ่งผู้เขียนไม่ทราบที่มา แต่เข้าใจเอาเองว่า อาจเพราะเป็นอวัยวะในระบบทางเดินอาหารที่มีลักษณะเป็นก้อนเนื้อเหมือนกัน เพียงแต่มีขนาดเล็ก และเนื้อเยื่ออ่อนนุ่มกว่าตับ จึงได้ชื่อว่า ตับอ่อน ในภาษาไทย ส่วนคำว่า Pancreas มาจากภาษากรีก แปล ว่า เนื้อ Flesh ตับอ่อน ประกอบด้วยเซลล์หลัก 2 ชนิด คือ ‘เซลล์ของต่อมไร้ท่อ Endocrine glandเอ็นโดคราย หรือ Islet cellไอส์เล็ต เซลล์ และ ‘เซลล์ของต่อมมีท่อ หรือ ต่อมขับออก Exocrine gland โดยต่อมไร้ท่อ มีหน้าที่สร้างฮอร์โมนหลายชนิด ที่เรารู้จักกันดี คือ ฮอร์โมนอินซูลิน Insulin ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมการทำงานของน้ำตาลในเลือด ซึ่งสัมพันธ์กับการเกิดโรคเบาหวาน ส่วนต่อมมีท่อ มีหน้าที่สร้างน้ำย่อย ซึ่งช่วยย่อยอาหารในลำไส้เล็ก เซลล์หลักทั้งสองชนิดของตับอ่อนเซลล์ของต่อมไร้ท่อ และเซลล์ของต่อมมีท่อ
อายุรศาสตร์ (อายุรศาสตร์) - Internal Medicine
Multiple choice
cc-by-nc-4.0
Medical_26687
Medical
การกินหลนเต้าเจี้ยวมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไร?
null
การกินหลนเต้าเจี้ยวมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ ดังนี้ 1. ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด เต้าเจี้ยวมีโปรตีนจากพืช ใยอาหาร โพแทสเซียม และแมกนีเซียม ซึ่งช่วยลดความดันโลหิตและระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ส่งผลดีต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด 2. ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ใยอาหารในเต้าเจี้ยวช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลในเลือด ช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน 3. ช่วยระบบย่อยอาหาร ใยอาหารในเต้าเจี้ยวช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี ป้องกันอาการท้องผูก 4. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เต้าเจี้ยวมีวิตามินซีและแร่ธาตุต่างๆ เช่น สังกะสี ซีลีเนียม ซึ่งช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคหวัดและโรคติดเชื้อ 5. บำรุงกระดูกและฟัน เต้าเจี้ยวมีแคลเซียมและฟอสฟอรัส ซึ่งช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ป้องกันโรคกระดูกพรุน 6. ต้านอนุมูลอิสระ เต้าเจี้ยวมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความแก่ ป้องกันโรคมะเร็ง และโรคเรื้อรังต่างๆ ข้อควรระวัง เต้าเจี้ยวมีโซเดียมสูง ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงควรจำกัดการบริโภค เต้าเจี้ยวบางชนิดอาจมีสารก่อมะเร็ง ควรเลือกซื้อเต้าเจี้ยวจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ผู้ที่มีภาวะกรดยูริกสูงควรกินเต้าเจี้ยวในปริมาณที่จำกัด โดยสรุป การกินหลนเต้าเจี้ยวในปริมาณที่เหมาะสม มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ อย่างไรก็ตาม ควรเลือกซื้อเต้าเจี้ยวจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และกินในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
การแพทย์ทางเลือก (alternative medicine),เภสัชวิทยา Pharmacology
Open QA
cc-by-nc-4.0
Medical_9993
Medical
โรคอ้วนลงพุงหรือภาวะเมตาบอลิกซินโดรม เป็นปัญหาสำคัญทางสาธารณสุขทั่วโลก เนื่องจากอะไร
null
โรคอ้วนลงพุงหรือภาวะเมตาบอลิกซินโดรม เป็นปัญหาสำคัญทางสาธารณสุขทั่วโลก เนื่องจากโรคนี้เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคไขมันในเลือดผิดปกติ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตเรื้อรัง และโรคมะเร็งบางชนิด เป็นต้น มีหลายการศึกษาพบว่า ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีที่ได้รับยาต้านไวรัสมีภาวะเมตาบอลิกซินโดรมประมาณร้อยละ 14-18 สาเหตุและปัจจัยส่งเสริมที่ทำให้เกิดโรคอ้วนลงพุงหรือภาวะเมตาบอลิกซินโดรมในผู้ติดเชื้อเอชไอวี - การได้รับยาต้านไวรัส: เนื่องจากผู้ติดเชื้อต้องรับประทานยาในระยะยาว ก่อให้เกิดความผิดปกติของการกระจายตัวของไขมัน ทำให้มีการฝ่อของเนื้อเยื่อไขมันบริเวณใบหน้า แขน ขา หรือก้น และการสะสมของเนื้อเยื่อไขมันบริเวณด้านหลังของลำคอ บริเวณท้อง หรือเต้านมขยายใหญ่ขึ้น การเกิดภาวะความผิดปกติของไขมันในเลือด เช่น ไขมันแอลดีแอลสูงขึ้น ไขมันเอชดีแอลลดต่ำลง ระดับไตรกลีเซอไรด์และคอเลสเตอรอลในเลือดสูง เกิดภาวะดื้ออินซูลิน ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง และความดันในเลือดสูง รวมถึงทำให้ไขมันย้ายที่จากขา แขน สะโพก ใบหน้า ไปยังหน้าท้องทำให้อ้วนลงพุง - เพศ: ส่วนใหญ่พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย อายุ น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เกณฑ์การวินิจฉัยโรคอ้วนลงพุงหรือ metabolic syndrome ตามเกณฑ์ของ National Cholesterol Education Program Adult Treatment Panel III (NCEP ATP III) 2007 ร่วมกับสหพันธ์เบาหวานโลก (International Diabetes Federation: IDF) และองค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) ในการตรวจสุขภาพประจำปีหรือการตรวจคัดกรอง จะต้องพบความผิดปกติอย่างน้อย 3 ข้อ เส้นรอบเอวเกินมาตรฐาน วัดเส้นรอบเอวในเพศชายมากกว่า 90 เซนติเมตร (36 นิ้ว) และในเพศหญิงมากกว่า 80 เซนติเมตร (32 นิ้ว) หรือเพื่อให้การประเมินภาวะความเสี่ยงได้รวดเร็วจากผลการชั่งน้ำหนักและวัดส่วนสูงนำมาคำนวณค่าดัชนีมวลกาย (body mass index: BMI) ซึ่งวิธีการนี้สามารถนำมาใช้ทดแทนการวัดเส้นรอบเอวได้ กลุ่มที่ผิดปกติ คือ ค่าดัชนีมวลกายมีค่ามากกว่า 25 กิโลกรัมต่อตารางเมตร (สำหรับคนเอเชีย) ซึ่งค่านี้อาจเปลี่ยนแปลงตามเชื้อชาติ ความดันโลหิตสูง ความดันโลหิตมากกว่า 130/85 มิลลิเมตรปรอท หรือได้รับยาลดความดันโลหิต ไขมันไตรกลีเซอไรด์สูง โดยมีค่ามากกว่า 150 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หรือได้รับยาลดไขมัน ระดับไขมันตัวที่ดี (ไขมันเอชดีแอล) มีน้อย โดยมีค่าไขมันเอชดีแอลน้อยกว่า 40 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรในเพศชายและน้อยกว่า 50 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรในเพศหญิง ระดับน้ำตาลเริ่มสูง คือ ระดับน้ำตาลสูงกว่า 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หรือเป็นโรคเบาหวาน การรักษาและป้องกันภาวะเมตาบอลิกซินโดรม สูตรยาต้านไวรัสชนิดใหม่ ช่วยลดการเกิดภาวะโรคอ้วนลงพุงหรือภาวะเมตาบอลิกซินโดรมได้ ลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย ลดอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล หลีกเลี่ยงอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง เลิกสูบบุหรี่และลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
อายุรศาสตร์ (อายุรศาสตร์) - Internal Medicine
Open QA
cc-by-nc-4.0
Finance_43993
Finance
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ "อังกฤษ" อดีตมหาอำนาจ กลายเป็น "คนป่วยแห่งยุโรป"
null
1. บทเรียนจากสงครามโลก: อังกฤษเป็นผู้ชนะสงคราม แต่ต้องแบกรับภาระหนี้สินมหาศาล อุตสาหกรรมหลายภาคส่วนถูกปรับเปลี่ยนเพื่อสนับสนุนสงคราม เมื่อสงครามจบลง อุตสาหกรรมเหล่านี้ก็หมดประโยชน์ รัฐบาลเข้าควบคุมกิจการหลายอย่าง เกิดเป็นรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ รัฐบาลมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน 2. การล่มสลายของจักรวรรดิ: อังกฤษเคยมีอาณานิคมทั่วโลก แต่หลังสงครามโลก อาณานิคมเหล่านี้ทยอยได้รับเอกราช การสูญเสียอาณานิคม ส่งผลต่อเศรษฐกิจอังกฤษอย่างมาก อังกฤษต้องหันไปพึ่งพาสหภาพยุโรป แต่ต้องแลกด้วยการเสียเปรียบในบางนโยบาย 3. ปัญหาภายในประเทศ: สหภาพแรงงานมีอำนาจต่อรองสูง เกิดการหยุดงานบ่อยครั้ง ประสิทธิภาพการผลิตต่ำ เงินเฟ้อสูง ค่าครองชีพแพง รัฐบาลมีนโยบายที่ผิดพลาด 4. ฤดูหนาวแห่งความไม่พอใจ: ปี 1979 เกิดวิกฤตการณ์หลายด้าน ประชาชนเผชิญความยากลำบาก เกิดการประท้วงหยุดงาน ไฟดับ ขาดแคลนสินค้า โรงเรียนปิด โรงพยาบาลไม่รับคนไข้ เศรษฐกิจถดถอย ผู้คนตกงาน ประชาชนโกรธแค้นรัฐบาล 5. บทสรุป: - ปัญหาเศรษฐกิจอังกฤษมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย สะสมมานาน - วิกฤตการณ์ปี 1979 เป็นเพียงการแสดงอาการอย่างรุนแรง - เหตุการณ์นี้ปูทางให้ "มาร์กาเร็ต แทตเชอร์" ขึ้นสู่อำนาจ และนำนโยบายใหม่มาฟื้นฟูเศรษฐกิจ
การวิเคราะห์ทางการเงิน & เศรษฐศาสตร์การเงิน,ความรู้ทางการเงิน
Open QA
cc-by-nc-4.0
Legal_5423
Legal
ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของการสร้างผิดสเปค
1. ซื้อคอนโดที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ 2. การก่อสร้างไม่เป็นไปตามแบบที่ตกลงไว้ 3. สิ่งแวดล้อมภายในและภายนอกโครงการไม่เป็นไปตามที่ตกลงไว้ 4. วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้
คำตอบที่ถูกต้องคือ 1. เพราะว่า เพราะการซื้อคอนโดที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ เป็นวิธีหลีกเลี่ยงการคอนโดที่สร้างผิดสเปค การซื้อคอนโดที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ หรือคอนโดมือสองนั้น เป็นทางออกหนึ่งที่ลดความเสี่ยงจากการปัญหาคอนโดสร้างผิดสเปคได้อย่างมาก แต่ขณะเดียวกันเมื่อคอนโดสร้างแล้วราคาก็มักจะปรับตัวเพิ่มขึ้นทำให้ต้องซื้อในราคาที่แพงขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ผู้ซื้อควรหาข้อมูลอย่างรอบด้าน ทั้งจากข้อมูลที่โครงการให้มาผ่านสื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ต่างๆ และจากแวดวงผู้ซื้อหรือนักลงทุนด้วยกัน ซึ่งจะทำให้มองเห็นข้อดี ข้อเสีย ตลอดจนปัญหาและความเสี่ยงต่างๆ จากการซื้อคอนโดแต่ละโครงการได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญคือต้องอ่านสัญญาจะซื้อจะขายอย่างละเอียดก่อนที่จะตกลงทำสัญญา หาไม่เข้าใจ หรือมีข้อความที่ไม่ชัดเจนต้องสอบถามเจ้าหน้าที่ขายจนได้รับคำตอบที่พอใจ หรือหากพบว่าสัญญามีส่วนหนึ่งส่วนใดที่ไม่รัดกุม ขาดรายละเอียดที่เป็นลายลักษณ์อักษรให้ทักท้วงแก่บริษัทฯ หรือปฏิเสธการทำสัญญาฯ เพราะการเรียกร้องในภายหลังนั้นทำได้ยากลำบากมาก ส่วนลักษณะของการสร้างผิดสเปคนั้น อาจเกิดขึ้นได้ทั้งในบริเวณในยูนิตคอนโดที่ผู้ซื้อซื้อ และบริเวณพื้นที่ส่วนกลาง ได้แก่ การก่อสร้างไม่เป็นไปตามแบบที่ตกลงไว้ วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ และสิ่งแวดล้อมภายในและภายนอกโครงการไม่เป็นไปตามที่ตกลงไว้
กฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร อาคารชุด-จัดสรรที่ดินและถมดิน
Multiple choice
cc-by-nc-4.0
Medical_13663
Medical
หากพบว่าเด็กตาเขควรรีบพาไปพบจักษุแพทย์ทันที เพราะอะไร
null
หากพบว่าเด็กตาเขควรรีบพาไปพบจักษุแพทย์ทันที เพราะอาจเกิดจากสาเหตุที่ร้ายแรงได้ เช่น มะเร็งจอตา ซึ่งหากปล่อยไว้อาจทำให้เด็กสูญเสียการมองเห็นได้ นอกจากนี้ ตาเขในเด็กอาจส่งผลเสียต่อพัฒนาการการมองเห็นของเด็กได้ ดังนั้น การรีบพาเด็กไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้เด็กมีโอกาสหายดีและพัฒนาการการมองเห็นตามปกติได้ ตาเขในเด็กอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น โรคทางกรรมพันธุ์ สายตาผิดปกติ โรคในลูกตาข้างใดข้างหนึ่ง ทำให้สายตาข้างนั้นมัวลงมากกว่าอีกข้าง กล้ามเนื้อตาขาดสมดุล เป็นต้น สาเหตุที่ร้ายแรงที่สุดของตาเขในเด็กคือ มะเร็งจอตา ซึ่งพบได้ประมาณ 1 ใน 10,000 คน มะเร็งจอตาเป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี หากปล่อยไว้อาจทำให้เด็กสูญเสียการมองเห็นได้ นอกจากนี้ ตาเขในเด็กอาจส่งผลเสียต่อพัฒนาการการมองเห็นของเด็กได้ เนื่องจากเด็กต้องใช้ตาทั้งสองข้างร่วมกันในการมองเห็น หากตาข้างใดข้างหนึ่งมองไม่เห็นหรือมองเห็นได้ไม่ดี สมองของเด็กจะปรับโดยการใช้ตาข้างที่มองเห็นได้เป็นหลัก ทำให้ตาข้างที่มองไม่เห็นพัฒนาช้าลง หรืออาจกลายเป็นตาขี้เกียจได้ ดังนั้น หากพบว่าเด็กตาเข ควรรีบพาเด็กไปพบจักษุแพทย์ทันที เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้เด็กมีโอกาสหายดีและพัฒนาการการมองเห็นตามปกติได้ การรักษาตาเขในเด็กขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของตาเข หากตาเขเกิดจากสายตาผิดปกติ แพทย์อาจแนะนำให้ใช้แว่นสายตาหรือเลนส์ปริซึมเพื่อแก้ไขสายตา หากตาเขเกิดจากโรคในลูกตาหรือกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาฉีดโบท็อกซ์หรือการผ่าตัดกล้ามเนื้อตา
จักษุวิทยา (จักษุวิทยา) - Ophthalmology
Open QA
cc-by-nc-4.0
Medical_22518
Medical
จงสรุป การซักประวัติ ต่อ ประวัติการเจ็บป่วย
การซักประวัติ ต่อ ตอน4 การซักประวัติ ต่อ ประวัติการเจ็บป่วย หรือ เรื่องราวการเจ็บป่วย เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่จะช่วยให้รู้ว่า การเจ็บป่วยนั้นเป็นโรคอะไร เกิดจากสาเหตุอะไร ควรจะแก้ไขอย่างไร และอื่นๆ ประวัติการเจ็บป่วยที่สำคัญ คือ ประวัติปัจจุบัน ซึ่งหมายถึง เรื่องราวการเจ็บป่วยในครั้งนี้ ไม่ได้รวมถึงเรื่องราวของการเจ็บป่วยครั้งก่อนๆ หรือที่เรียกว่า ประวัติอดีต ยกเว้นแต่ในกรณี ที่การเจ็บป่วยครั้งก่อนๆ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจ็บป่วยครั้งนี้ ซึ่งในกรณีเช่นนี้ เราอาจจะรวมประวัติการเจ็บป่วยครั้งก่อนๆอยู่ในประวัติปัจจุบันด้วย ผู้ที่จะเป็นหมอ จึงจะต้องฝึกวิธี ถามเรื่องราวการเจ็บป่วยให้คล่อง ซึ่งการถามนี้ ก็ไม่ยากเย็นอะไร จำไว้ให้ได้ว่า สิ่งต้องถามที่สำคัญ คือ 1 มีอาการอะไร 2 เป็นมานานเท่าใด 3 เป็นตรงไหน เป็นอย่างไร เริ่มเป็น เป็นอย่างไร 4 ตอนไหน เพียงไหน นานไหม เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร 5 อะไรทำให้เป็น อะไรทำให้เป็นมาก อะไรทำให้เป็นน้อย 6ร่วมด้วยอาการอะไร 7เคยเป็นมาก่อนไหม 8 กินยาอะไรอยู่บ้าง แพ้ยาอะไรอยู่บ้าง แต่ไม่จำเป็นต้องถามเรียงกันไปแบบนี้ จะสลับกันไปสลับกันมาก็ได้ และไม่จำเป็นต้องถามให้ครบกว่านี้ ถ้าถามแค่นี้ แล้วยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร ตัวอย่าง 1 ชายหนุ่มอายุประมาณ 20 ปี เดินกระมิด กระเมี้ยน เข้ามาหาแล้วกระซิบบอกหมอว่า คนไข้ หมอครับ ผมปัสสาวะแล้ว แสบจังเลยครับ หมอ คุณปัสสาวะแสบมากี่วันแล้วครับ คนไข้ จุ๊ จุ๊ หมออย่าถามดังนักซีครับ ผมปัสสาวะแสบมา 2-3 วันแล้วครับ แล้วมีหนองไหล เปื้อนกางเกงในด้วย หมอ อะไร ทำให้คุณเกิดอาการอย่างนี้ครับ คนไข้ ผมคิดว่า ส้วมสาธารณที่ผมเข้าไปฉี่สกปรก ทำให้ผมติดโรคผู้หญิงมาครับ หมอ โธ่ คุณเอ๋ย คุณไม่ติดโรคอย่างนี้จากส้วมหรอกครับ ถามจริงๆ เถอะ คุณไปนอนกับผู้หญิงมาก่อนเกิดอาการใช่ไหม คนไข้ ครับ ครับ แต่เพื่อนเขารับรองว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ผู้หญิงหากินนี่ครับ โธ่ ผมไม่น่าเชื่อเขาเลยผมเพิ่งพาผู้หญิงที่เขาแนะนำไปนอนด้วยกันเมื่อ 2 วันก่อนเท่านั้น ประวัติแบบนี้ ก็ค่อนข้างจะชัดเจนแล้วว่า คนไข้เกิดอาการปัสสาวะแสบ และมีหนองไหล หลังจากไปร่วมหลับ นอนกับผู้หญิงคนหนึ่งเพียง 2 วัน ซึ่งน่าจะเป็นโรคหนองใน มากกว่าอย่างอื่น ถ้าจะให้ดีก็ควรจะเอาหนองนั้น มาป้ายบนแผ่นกระจกผึ่งให้แห้ง ย้อมสีกรัมด้วย แล้วนำมาดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ จะพบเชื้อโรคเป็นรูปตัวกลม ติดสีแดง กรัมลบ อยู่ในเม็ดเลือดขาวเป็นคู่ๆ ดูในคอลัมน์ ทันโรค ใน หมอชาวบ้าน ฉบับที่ 123 ปีที่ 1 2522 ถ้าไม่มีสีกรัม หรือกล้องจุลทรรศน์ จะลองให้ยารักษาไปเลยก็ได้ ยาที่น่าจะลองใช้ดูก่อน ก็คือ แอมพิซิลลิน 6 เม็ด เม็ดละ 500 มิลลิกรัม ราคาเม็ดละ 4 บาท ขนาดยา มีให้กันหลายอย่าง อาจให้ 4 เม็ด 2กรัม หรือ 7 เม็ด 23 กรัม ก็ได้ กับ โปรเบเนซิด 2 เม็ด เม็ดละ 500 มิลลิกรัม ราคาเม็ดละ 2 บาท กินเข้าไปพร้อมกันเลยครั้งเดียว ถ้าไม่เคยแพ้ยาพวกนี้ และไม่เคยแพ้ยาเพนนิซิลลิน นอกจากนี้ ห้ามร่วมเพศเด็ดขาด จนกว่าจะหายสนิท ห้ามเหล้าและยาดองของเมาทุกชนิด ให้ดื่มน้ำมากๆ และนอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่ ก็จะหายได้ แล้วถ้าจะให้ดีแล้ว ควรจะให้เพื่อนนอนกินยา เพื่อให้หายจากโรคด้วย ดูในเรื่อง กามโรค ใน หมอชาวบ้าน ฉบับที่ 3 ปีที่ 1 2522 2 หญิงวัยกลางคน พาเด็กหน้าตามอมแมม 4 คน มาหาหมอ แล้วบอกหมอว่า คุณหมอขา ลูกๆ ของอิชั้นไอมากค่ะ เจ้าคนกลางเป็นก่อน เป็นได้ไม่นานคนอื่นๆ ก็เป็นกันบ้างค่ะ มันไอ กันอย่างไม่เป็นอันกินอันนอนเลย เวลาไอ จะไอติดๆ กัน จนหน้าดำหน้าแดงไปหมด เจ้าคนกลางมีเลือดออกในตาด้วยค่ะ และเจ้าคนเล็กพอไอติดๆ กันนานๆ มือ เท้า ริมฝีปากจะเขียวเลยค่ะ รู้สึกว่าจะต้องไอติดๆ กันไปเรื่อยๆ จนกว่าเสลดที่อุดอยู่จะหลุดออกมา แล้วจะได้ยินเสียงหายใจเข้าดังเฮือก แล้วถึงจะหยุดไอค่ะ นี่เป็นกันมา 2-3 อาทิตย์แล้วล่ะค่ะ คุณหมอช่วยหน่อยสิคะ ถ้าคนไข้หรือญาติ เล่าประวัติการเจ็บป่วยได้แบบนี้ คุณหมอก็แทบจะไม่ต้องซักประวัติปัจจุบันเพิ่มเติมอีก เพราะประวัติแบบนี้ ก็บอกได้ชัดเจนแล้วว่า เด็กทั้ง 4 คน เป็นโรคไอกรน หรือที่คนจีนเรียกว่า แป๊ะยิดเส่า ไอร้อยวัน เป็นโรคที่ติดต่อง่าย อาจเป็นกับเด็กทั้งบ้าน ทั้งโรงเรียน หรือทั้งหมู่บ้านก็ได้ ดูคอลัมน์ เด็กผู้ใหญ่อ่านดี ใน หมอชาวบ้าน ฉบับที่ 3 ปีที่ 1 2522 โรคนี้ป้องกันได้ง่าย แต่รักษายาก เพราะยังไม่มียาที่จะทำให้อาการไอดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว หลังจากที่เป็นโรคแล้ว เพราะฉะนั้นควรพาเด็กๆ ไปฉีดยาป้องกันไว้ดีกว่า เพราะยาเข็มเดียว วัคซีน ดีพีที จะฉีดป้องกันได้ถึง 3 โรค ซึ่งล้วนแต่เป็นโรคอันตรายทั้งนั้น คือ โรคคอตีบ โรคไอกรน และโรคบาดทะยัก ดังนั้นสิ่งที่คุณหมอควรจะถามเพิ่มเติม ก็คือ หมอ ลูกชายของคุณทั้ง 4 คน เคยฉีดวัคซีน ดีพีที หรือเปล่าครับ แม่เด็ก ไม่เคยค่ะ ลูกๆของอิชั้นคลอดกันเองที่บ้าน แล้วก็ไม่เคยพาไปหาหมอหรอกคะ หมอ คลอดที่บ้านน่ะไม่เป็นอะไรหรอกครับ แต่ควรจะให้เด็กได้รับการฉีด และการกินวัคซีนป้องกัน เด็กๆ จะได้ไม่เป็นโรคที่ร้ายแรงทำให้ตาย พิการ หรือทรมานมากๆ อย่างนี้ ถ้าอยู่ไกลหมอมาก ก็ไม่จำเป็นต้องมาหาหมอ ให้พยาบาล หรือผดุงครรภ์ที่อยู่ใกล้ๆ บ้านให้วัคซีนป้องกันโรคแทนหมอได้ จะเห็นได้ว่า แม้แต่ในขณะที่ซักประวัติอยู่ หมอที่ดีอาจจะให้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่คนไข้ และญาติเป็นการสอน หรือแนะนำให้คนไข้และญาติสามารถปฏิบัติรักษาตนเองทุกข้อ ถามพอที่จะให้รู้ว่า คนไข้เป็นโรคอะไร และจำแก้ไขได้อย่างไร ในบางครั้ง อาจจะต้องถามมากได้ถูกต้อง
ประวัติการเจ็บป่วย หรือ เรื่องราวการเจ็บป่วย เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่จะช่วยให้รู้ว่า การเจ็บป่วยนั้นเป็นโรคอะไร เกิดจากสาเหตุอะไร ควรจะแก้ไขอย่างไร และอื่นๆ ประวัติการเจ็บป่วยที่สำคัญ คือ ประวัติปัจจุบัน ซึ่งหมายถึง เรื่องราวการเจ็บป่วยในครั้งนี้ ไม่ได้รวมถึงเรื่องราวของการเจ็บป่วยครั้งก่อนๆ หรือที่เรียกว่า ประวัติอดีต ยกเว้นแต่ในกรณี ที่การเจ็บป่วยครั้งก่อนๆ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจ็บป่วยครั้งนี้ ซึ่งในกรณีเช่นนี้ เราอาจจะรวมประวัติการเจ็บป่วยครั้งก่อนๆอยู่ในประวัติปัจจุบันด้วย ผู้ที่จะเป็นหมอ จึงจะต้องฝึกวิธี ถามเรื่องราวการเจ็บป่วยให้คล่อง ซึ่งการถามนี้ ก็ไม่ยากเย็นอะไร จำไว้ให้ได้ว่า สิ่งต้องถามที่สำคัญ คือ 1 มีอาการอะไร 2 เป็นมานานเท่าใด 3 เป็นตรงไหน เป็นอย่างไร เริ่มเป็น เป็นอย่างไร 4 ตอนไหน เพียงไหน นานไหม เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร 5 อะไรทำให้เป็น อะไรทำให้เป็นมาก อะไรทำให้เป็นน้อย 6 ร่วมด้วยอาการอะไร 7เคยเป็นมาก่อนไหม 8 กินยาอะไรอยู่บ้าง แพ้ยาอะไรอยู่บ้าง แต่ไม่จำเป็นต้องถามเรียงกันไปแบบนี้ จะสลับกันไปสลับกันมาก็ได้ และไม่จำเป็นต้องถามให้ครบกว่านี้ แม้แต่ในขณะที่ซักประวัติอยู่ หมอที่ดีอาจจะให้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่คนไข้ และญาติเป็นการสอน หรือแนะนำให้คนไข้และญาติสามารถปฏิบัติรักษาตนเองทุกข้อ ถามพอที่จะให้รู้ว่า คนไข้เป็นโรคอะไร และจำแก้ไขได้อย่างไร
อายุรศาสตร์ (อายุรศาสตร์) - Internal Medicine
Summarization
cc-by-nc-4.0
Medical_22520
Medical
อาการที่สำคัญของการขาดวิตามินเอคืออย่างไร
A. อาการทางปาก B. อาการทางตา C. อาการทางหู D. อาการทางขา
คำตอบที่ถูกต้องคือ B. เนื่องจาก อาการที่สำคัญของการขาดวิตามินเอ คือ อาการทางตา และถ้าเป็นมาก จะทำให้ตาบอด ดังได้กล่าวมาแล้ว อาการทางตามี 3 ระยะ คือ 1ตาบอดกลางคืน Night Bindness 2ตาแห้ง Xerophthalmia 3 ตาอ่อนKeratomatacia เนื่องจากโรคตานี้ มักเป็นในเด็กเล็ก จึงเป็นการยากที่จะสังเกตโรคนี้ได้ในระยะแรก มักจะวินิจฉัยโรคได้ ในระยะที่ 2 และที่ 3 ระยะที่ 1 ตาบอดกลางคืน คำแสลงในภาษาอังกฤษ เรียกเด็กพวกนี้ว่า Chicken Blindness ซึ่งแปลว่า ไก่ตาบอด เพราะไก่มองไม่เห็นในที่มืด ซึ่งพอจะเทียบเป็นไทยได้ว่า ไก่ตาฟาง ซึ่งเป็นคำแสลงในภาษาไทย แต่ความหมายต่างกันหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ไก่หลง ซึ่งหมายความถึง หญิงสาวที่หลงทางในเวลาค่ำคืน อาจแกล้งทำ เป็นหลง เพื่อหลอกชายตาฟาง เอาละครับ สรุปว่า ไก่ แปลได้หลายอย่าง ยังมีคำแปลอีกมากมาย การขาดวิตามิน เอ ในเด็กโต มักขาดไม่มาก ส่วนใหญ่จะอยู่ในระยะนี้ คือ ตาบอดกลางคืน เด็กที่ขาดวิตามิน เอ จะมองไม่เห็นทางในเวลากลางคืน ทำให้หกล้มบ่อยๆ บางครั้งต้องจูง วิธีตรวจที่ง่ายๆ ในเด็กเล็ก
โภชนวิทยา
Multiple choice
cc-by-nc-4.0
Finance_3870
Finance
การลงทุนในอุตสาหกรรมมีประเด็นที่น่าสนใจในปี 2021 อยู่ 3 อย่างได้แก่อะไรบ้าง
null
1. แม้ Thematic Investing เหล่านี้จะให้ผลตอบแทนต่ำกว่าดัชนี S&P 500 แต่ก็ไม่ติดลบไปทั้งหมด โดยเฉลี่ย Thematic ETF เติบโตขึ้น 6.6% และถ้าถ่วงน้ำหนักด้วยขนาดกองทุน (Asset Under Managed) ผลตอบแทนก็จะสวยขึ้นเป็น 11.5% โดยเฉลี่ย Thematic ETF เติบโตขึ้น 6.6% และถ้าถ่วงน้ำหนักด้วยขนาดกองทุน (Asset Under Managed) ผลตอบแทนก็จะสวยขึ้นเป็น 11.5% หมายความว่าถ้าเรากระจายธีมลงทุนให้ดี แม้จะเป็นปีที่หุ้นใหญ่นำตลาด การลงทุนในพอร์ต Thematic ETF ก็สามารถสร้างผลงานเป็นบวกให้นักลงทุนได้อยู่ หมายความว่าถ้าเรากระจายธีมลงทุนให้ดี แม้จะเป็นปีที่หุ้นใหญ่นำตลาด การลงทุนในพอร์ต Thematic ETF ก็สามารถสร้างผลงานเป็นบวกให้นักลงทุนได้อยู่ 2. ธีมเทคโนโลยีด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม หรือ Sustainable Energy เป็นธีมที่ทำผลงานเด่นที่สุด เพราะมีเป้าหมายที่ยาวขึ้น การลงทุนในธีมนำโดย ETF หลักอย่าง Global X Autonomous & Electric Vehicles ETF (DRIV) หรือ VanEck Environmental Services ETF ตัวย่อ EVX และ iShares Self-Driving EV and Tech ETF ตัวย่อ IDRV ทั้งหมดมีกลยุทธ์ลงทุนธีมพลังงานสะอาด พาหนะไร้คนขับ และรถไฟฟ้าในสัดส่วนที่ต่างกัน แต่ก็ปรับตัวขึ้นได้เกิน 25% ทุกกองทุน การลงทุนในธีมนำโดย ETF หลักอย่าง Global X Autonomous & Electric Vehicles ETF (DRIV) หรือ VanEck Environmental Services ETF ตัวย่อ EVX และ iShares Self-Driving EV and Tech ETF ตัวย่อ IDRV ทั้งหมดมีกลยุทธ์ลงทุนธีมพลังงานสะอาด พาหนะไร้คนขับ และรถไฟฟ้าในสัดส่วนที่ต่างกัน แต่ก็ปรับตัวขึ้นได้เกิน 25% ทุกกองทุน ผมเชื่อว่าเหตุผลหลักมาจากการผสมผสานอุตสาหกรรม เทคโนโลยี และพลังงาน เข้าด้วยกัน อีกทั้งยังได้แรงสนับสนุนจากภาครัฐทั่วโลก จนทำให้ตลาดมองว่าธีมจะมีอนาคตที่ยาวขึ้น ผมเชื่อว่าเหตุผลหลักมาจากการผสมผสานอุตสาหกรรม เทคโนโลยี และพลังงาน เข้าด้วยกัน อีกทั้งยังได้แรงสนับสนุนจากภาครัฐทั่วโลก จนทำให้ตลาดมองว่าธีมจะมีอนาคตที่ยาวขึ้น 3. หนักที่สุดคือธีม Consumer Evolution ที่ทำผลงานย่ำแย่แทบทุกกิจกรรม เมื่อมีธีมที่ได้รับการสนับสนุน ก็มี Thematic ETF ที่พบกับแรงต้านจากนโยบายภาครัฐ เมื่อมีธีมที่ได้รับการสนับสนุน ก็มี Thematic ETF ที่พบกับแรงต้านจากนโยบายภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นธีมการศึกษาออนไลน์อย่าง Global X Education ETF ตัวย่อ EDUT, ธีมกัญชาถูกกฎหมายอย่าง Global X Cannabis ETF (POTX) แม้กระทั่งธีมที่สร้างกำไรได้โดดเด่น และเคยเป็นขวัญใจนักลงทุนอย่าง E-Commerce เช่น Amplify Online Retail ETF ตัวย่อ IBUY ทั้งหมดต่างปรับฐานลงเกินกว่า 30% ในปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นธีมการศึกษาออนไลน์อย่าง Global X Education ETF ตัวย่อ EDUT, ธีมกัญชาถูกกฎหมายอย่าง Global X Cannabis ETF (POTX) แม้กระทั่งธีมที่สร้างกำไรได้โดดเด่น และเคยเป็นขวัญใจนักลงทุนอย่าง E-Commerce เช่น Amplify Online Retail ETF ตัวย่อ IBUY ทั้งหมดต่างปรับฐานลงเกินกว่า 30% ในปีที่ผ่านมา หมายความว่าการไม่มีนโยบายสนับสนุนหรือการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มเศรษฐกิจระยะสั้น ก็เป็นความเสี่ยงสำหรับธีมระยะยาวด้วยเช่นกัน หมายความว่าการไม่มีนโยบายสนับสนุนหรือการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มเศรษฐกิจระยะสั้น ก็เป็นความเสี่ยงสำหรับธีมระยะยาวด้วยเช่นกัน
ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน,เครื่องมือทางการเงิน,กลยุทธ์การลงทุน
Open QA
cc-by-nc-4.0
Finance_3770
Finance
Metaverse จะส่งผลต่อระบบการเงินในอนาคตหรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล: การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิต: Metaverse จะเปลี่ยนวิธีที่ผู้คนใช้ชีวิต ทำงาน และโต้ตอบกับผู้อื่น สิ่งนี้จะส่งผลต่อระบบการเงินในหลาย ๆ ด้าน ตัวอย่างเช่น: การชำระเงิน: ผู้คนจะใช้ Metaverse สำหรับการชำระเงินมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การเติบโตของการชำระเงินดิจิทัลและสกุลเงินเสมือนจริง การลงทุน: Metaverse จะเปิดโอกาสใหม่ ๆ สำหรับการลงทุน ตัวอย่างเช่น การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เสมือนจริง สินค้าดิจิทัล และธุรกิจใน Metaverse บริการทางการเงิน: Metaverse จะนำไปสู่การพัฒนาบริการทางการเงินใหม่ ๆ ตัวอย่างเช่น ธนาคารเสมือนจริง และบริการให้คำปรึกษาด้านการเงินแบบเสมือนจริง การเพิ่มขึ้นของเศรษฐกิจเสมือนจริง: Metaverse จะสร้างเศรษฐกิจเสมือนจริงขนาดใหญ่ที่ผู้คนสามารถสร้าง รวบรวม และแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล สิ่งนี้จะส่งผลต่อระบบการเงินในหลาย ๆ ด้าน ตัวอย่างเช่น: การสร้างรายได้: ผู้คนจะสามารถสร้างรายได้จากกิจกรรมใน Metaverse ตัวอย่างเช่น การขายสินค้าดิจิทัล การให้บริการ และการเล่นเกม การกระจายอำนาจ: Metaverse จะช่วยกระจายอำนาจทางการเงิน โดยให้ผู้คนควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัลของตนเองได้มากขึ้น ความเสี่ยง: เศรษฐกิจเสมือนจริงจะสร้างความเสี่ยงใหม่ ๆ สำหรับระบบการเงิน ตัวอย่างเช่น การฉ้อโกง การฟอกเงิน และความผันผวนของราคาสินทรัพย์ดิจิทัล การพัฒนาเทคโนโลยี: Metaverse จะขับเคลื่อนการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะส่งผลต่อระบบการเงิน ตัวอย่างเช่น: ปัญญาประดิษฐ์: ปัญญาประดิษฐ์จะถูกใช้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ใน Metaverse และเพื่อพัฒนาบริการทางการเงินใหม่ ๆ Blockchain: Blockchain จะถูกใช้เพื่อรักษาความปลอดภัยของสินทรัพย์ดิจิทัลและเพื่อจัดการธุรกรรมใน Metaverse เทคโนโลยีการชำระเงิน: เทคโนโลยีการชำระเงินใหม่ ๆ จะถูกพัฒนาเพื่อรองรับการชำระเงินใน Metaverse สรุป: Metaverse มีศักยภาพที่จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อระบบการเงินในอนาคต การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิต การเพิ่มขึ้นของเศรษฐกิจเสมือนจริง และการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ล้วนเป็นปัจจัยที่จะส่งผลต่อระบบการเงินในหลาย ๆ ด้าน ผู้ให้บริการทางการเงิน ธนาคารกลาง และหน่วยงานกำกับดูแลจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
เทคโนโลยีทางการเงิน & การเงินดิจิทัล
Classification
cc-by-nc-4.0
Finance_26
Finance
กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ REIT กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน คืออะไร
null
กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ REIT กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เป็นรูปแบบการลงทุนที่สามารถสร้างรายได้สม่ำเสมอให้กับผู้ลงทุนได้เป็นอย่างดี มีรูปแบบการลงทุนที่เฉพาะเจาะจงในอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ต่างๆ มีที่มาของรายได้หลากหลายแล้วแต่ประเภททรัพย์สิน และวิธีการหารายได้ เช่น ค่าเช่าพื้นที่อาคาร (โรงงาน คลังสินค้า อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า) ค่าเช่าทรัพย์สินเพื่อไปหาประโยชน์ต่อ (เส้นใยแก้วนำแสง) ค่าใช้บริการเข้าพักอาศัย (โรงแรม รีสอร์ท อพาร์ทเม้นต์) รายได้หลักหักค่าใช้จ่ายค่าใช้บริการทรัพย์สิน (รถไฟฟ้าขนส่งมวลชน) เป็นต้น แต่มีสิ่งที่เหมือนกันนั่นคือ รายได้หรือรายรับที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ อัตราเงินปันผลที่สูงจูงใจมากเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบัน ทำให้ส่วนใหญ่สามารถจ่ายคืนผลตอบแทนในรูปเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยได้ค่อนข้างสม่ำเสมอเป็นรายไตรมาส อย่างไรก็ตาม กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ REIT กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เป็นการลงทุนที่เฉพาะเจาะจง มีการกระจายการลงทุนต่ำ ขณะที่หลายกองทุนยังมีปัญหาสภาพคล่อง มีจำนวนหน่วยลงทุนจำกัด และผู้ที่เข้าไปลงทุนจำนวนมากเน้นการลงทุนยาวเพื่อรับปันผล กองทุนที่ได้รับความนิยมหลายกองทุนมีราคาหน่วยลงทุนที่ซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่สูงขึ้นไปแล้ว ทำให้อัตราผลตอบแทนโดยรวมจากการเข้าไปลงทุน ให้ผลตอบแทนโดยเปรียบเทียบลดลง จำเป็นต้องหาจังหวะที่เหมาะสมในการลงทุน เมื่อราคาย่อลงมาในระดับที่พอรับได้เมื่อเทียบกับความเสี่ยง ประเด็นปัญหาดังกล่าวทำให้การเข้าไปเลือกลงทุนเองของผู้ลงทุนที่ไม่ชำนาญ ไม่คุ้นเคย หรือไม่มีพอร์ตการลงทุนในหุ้น ทำได้ยากกว่าการเข้าไปลงทุนโดยผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะหากต้องการข้ามไปลงทุนใน REIT ต่างประเทศซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่และมีสินค้าที่น่าสนใจจำนวนมาก
ตลาดการเงิน & ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน
Open QA
cc-by-nc-4.0
Finance_40679
Finance
นักลงทุนควรมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นจีนเท่าไหร่ และควรลงทุนในหุ้นจีนประเภทใด อธิบายเหตุผลประกอบ
null
นักลงทุนควรมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นจีนไม่เกิน 20-30% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมด เหตุผลหลักประการหนึ่งคือ ความเสี่ยงด้านการเมืองระหว่างประเทศ ที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นจีน นักลงทุนสามารถเพิ่มหรือลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นจีน ตามสถานการณ์การเมือง เช่น ซื้อเมื่อมีข่าวร้ายเกี่ยวกับการเมืองจีน และขายเมื่อมีข่าวดี นอกจากนี้ นักลงทุนควรกระจายความเสี่ยง โดยลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ ที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน แต่ไม่ต้องรับความเสี่ยงจากการเมืองจีนหรือค่าเงินหยวน เช่น หุ้นญี่ปุ่น หุ้นยุโรป หุ้นอินเดีย หุ้นอินโดนีเซีย หรือหุ้น Emerging Markets อื่นๆ เหตุผลที่ควรลงทุนในหุ้นจีน แม้จะมีความเสี่ยงด้านการเมือง มีดังนี้ 1. พื้นฐานหุ้นจีนไม่ได้แย่ลงมาก: เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง แม้จะชะลอตัวลงบ้างในปี 2023 2. หุ้นจีนมีราคาถูก: ปัจจุบัน เปรียบเทียบ Long-term P/E ระหว่าง CSI 300 กับ MSCI All Country World Index ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 19 เท่า และ 23 เท่า หมายความว่าหุ้นจีนยังถูกกว่าหุ้นโลกถึงราว 20% อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด และพิจารณาความเสี่ยงต่างๆ ก่อนตัดสินใจลงทุน ตัวอย่าง: นาย A นักลงทุนที่มีพอร์ตการลงทุนทั้งหมด 10 ล้านบาท ต้องการลงทุนในหุ้นจีน นาย A ควรลงทุนในหุ้นจีนไม่เกิน 20-30% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมด นั่นคือ นาย A ควรลงทุนในหุ้นจีนไม่เกิน 2-3 ล้านบาท นาย A สามารถแบ่งสัดส่วนการลงทุนในหุ้นจีน ดังนี้: 1. 50% ลงทุนในหุ้นจีนทั่วไป: นาย A ควรเลือกหุ้นจีนที่มีพื้นฐานดี และมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว 25% 2. ลงทุนในหุ้นจีนที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาลจีน: เช่น หุ้นที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยีสีเขียว และการบริโภคภายในประเทศ 25% 3. ลงทุนในหุ้นจีนที่กระจายความเสี่ยงไปยังภูมิภาคอื่นๆ: เช่น หุ้นฮ่องกง หุ้นไต้หวัน และหุ้นสิงคโปร์
ตลาดการเงิน & ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน,ความรู้ทางการเงิน
Open QA
cc-by-nc-4.0
Medical_19990
Medical
การสื่อสารกับคนในครอบครัวเพื่อปลูกรักอย่างถูกวิธี มีอะไรบ้าง
​ หน้าแรก บทความ ครอบครัวเป็นสุขเมื่อปลูกรักถูกวิธี ครอบครัวเป็นสุขเมื่อปลูกรักถูกวิธี แพทย์หญิงวนัทดา ถมค้าพาณิชย์ จิตแพทย์ โรงพยาบาลมนารมย์ TweetShare+1E-mail ครอบครัวถือเป็นสถาบันแห่งแรกและสถาบันหลักของคนทุกคน หากบ้านเปรียบเหมือนดังชีวิตของคนเรา ครอบครัวก็เปรียบเสมือนดังเสาเข็มของบ้าน หากเสาเข็มที่ขึ้นมานั้นไม่แข็งแรง บ้านที่สร้างขึ้นมานั้นถึงแม้สวยแค่ไหน ก็ไม่มีความมั่นคงปลอดภัย คนอยู่ก็ไม่สามารถมีความสุขได้ ดังนั้นการสร้างความสุขขึ้นมาในบ้านด้วยการให้ความรักซึ่งกันและกันจึงเป็นพื้นฐานที่สำคัญของชีวิต โดยทั่วไปแล้วในครอบครัวจะมีความรักความผูกพันซึ่งกันและกันอยู่แล้ว แต่บางครั้งการสื่อความหมายหรือการแสดงออกของความรักนั้น อาจทำให้ผู้รับไม่สามารถรับความรักนั้นได้ เหมือนกับว่าเราส่งจดหมายแล้วไม่ถึงมือผู้รับนั่นเอง อย่างเช่น พ่อรักลูก อยากให้ลูกได้ดี ก็กวดขันเข้มงวดให้ลูกเรียนดีๆ เพื่อให้มีอนาคตดีๆ ดูแลตนเองได้ แต่ลูกกลับมองว่าพ่อรักเขาเพราะว่าเขาเรียนดี หากเขาเรียนไม่ดี พ่อก็ไม่รัก เพราะเขาถูกพ่อดุว่าทุกครั้งที่ผลการเรียนออกมาไม่ดี ซึ่งเป็นตัวอย่างที่เห็นกันได้บ่อยๆ ดังนั้นเราอาจต้องมาเรียนรู้กันว่าเราควรสื่อสารกับคนในครอบครัวอย่างไรดี ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป อันดับที่ 1 มีเวลาคุณภาพ เราต้องมีเวลาอย่างมีคุณภาพร่วมกันก่อน เพราะหากไม่มีเวลาแล้ว เราจะสื่อความหมายกันอย่างไร สังคมปัจจุบันเป็นสังคมที่ต้องแก่งแย่งแข่งขันกันอย่างมาก แข่งกันเรียน แข่งกันหาเงิน ข้าวของเครื่องใช้ก็แพง หามาได้เท่าไหร่ก็ไม่พอ ต้องหามาเพิ่มอีก จนลืมไปว่าสิ่งสำคัญที่สุดจริงๆ ไม่ใช่ข้าวของเครื่องใช้หรือเงินทองที่ต้องมีมากมาย แต่ก็เป็นแค่ความสุขที่เราสามารถให้แก่กันง่ายๆ นั่นเอง บางคนบอกว่าอย่างไรๆ ก็ไม่มีเวลา ต้องทำอย่างไรดี จริงๆ แล้วเวลาที่ว่านั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นเวลาที่มากมาย ขอให้เป็นเวลาที่มีคุณภาพก็พอ บางบ้านกว่าจะได้เจอกันก็ค่ำ พอเจอหน้ากัน แต่ละคนก็จ้องอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์ ถึงเวลาก็แยกย้ายเข้าห้องนอนของตน อย่างนี้ไม่ใช่เวลาไม่มี แต่ว่าไม่ได้ใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่า อันดับที่ 2 มีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน เมื่อเรามีเวลาน้อย การใช้เวลาอย่างมีประโยชน์และคุ้มค่าสำหรับคนในครอบครัวก็ยิ่งเป็นสิ่งจำเป็น เมื่อสมาชิกในครอบครัวทำอะไรก็ขอให้มีการสบตากัน มีการสัมผัสกันบ้าง พูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็น และรับฟังซึ่งกันและกัน อันดับที่ 3 การทำกิจกรรมร่วมกัน เมื่อมีเวลาก็ควรหากิจกรรมที่ชอบทำร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นนอกบ้านหรือในบ้านก็ได้ เช่น ปลูกผักด้วยกัน ช่วยกันจัดบ้าน หรือออกไปผ่อนคลายข้างนอก ไกลหรือใกล้ก็ไม่สำคัญอยู่ที่ว่าได้ใช้เวลาดีๆ ร่วมกันนั่นก็ดีที่สุดแล้ว อันดับที่ 4 การสื่อสารทางบวก เป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก บางคนบอกว่า “ไม่เห็นอยากใช้เวลาด้วยเลย อยู่ด้วยทีไรก็มีแต่บ่น แต่ว่า” ดังนั้น คำพูดและการแสดงออกนี่แหละสำคัญที่สุด เพราะธรรมชาตินั้นใครๆ ก็อยากอยู่หรืออยากเข้าหาสิ่งที่ดีๆ กันทั้งนั้น ง่ายๆ ถ้าใครที่พูดเรื่องร้ายๆ ตลอดเวลา เราเองก็คงไม่อยากเข้าใกล้ หลักง่ายๆ คือ เราอยากฟังอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ลองสังเกตตัวเองว่าชอบพูดเรื่องร้ายๆ หรือพูดแต่ในแง่ลบหรือเปล่า หากว่าเป็นอย่างนั้นก็ไม่ยากอะไรที่อาจต้องเปลี่ยนรูปแบบ แต่ว่าต้องฝึกสักนิดนึง หากว่าเราเคยชินอย่างนั้น อันดับที่ 5 เคารพและเกรงใจซึ่งกันและกัน คนไทยส่วนใหญ่มักเป็นคนขี้เกรงใจ แต่คนที่เราเกรงใจส่วนใหญ่มักเป็นคนที่เราไม่ค่อยสนิทหรือว่าไม่ใกล้ชิด แต่คนที่เราใกล้ชิดหรือคนที่เรารักกลับไม่ค่อยมีความเกรงใจ คำถามก็คือคนที่เราไม่รู้จักหรือคนที่แทบไม่มีความสำคัญกับเรา เพราะอะไรเราถึงสนใจใส่ใจเป็นอย่างมาก แต่กับคนที่เรารักและเป็นห่วงเพราะอะไรเราถึงไม่ใส่ใจให้ความเคารพและเกรงใจ อันนี้ไม่ใช่เฉพาะลูกต้องเกรงใจพ่อแม่ สามีและภรรยาก็ต้องเคารพซึ่งกันและกัน พ่อแม่เองก็ต้องเคารพและเกรงใจลูกเช่นเดียวกัน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเราต้องนอบน้อมถ่อมตนกับลูก แต่หมายถึงการที่เรามอง ที่ใจเขาใจเรา รู้ว่าหากทำอย่างนี้แล้ว เป็นเราก็คงรู้สึกแย่ ก็เลือกที่จะไม่ทำแทน คือ มีการกลั่นกรองก่อนจนกระทั่งการกระทำนั้นๆ เป็นความเคยชินไป อันดับสุดท้าย คือ แสดงออกถึงความรัก คนเรามีการให้และการรับรู้ความรักไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม หากเป็นไปได้ ถ้าสามารถแสดงออกทุกครั้งเมื่อมีโอกาส มีเวลาที่เหมาะกับความเป็นคุณมากที่สุดก็ดีเป็นอย่างยิ่ง และให้ดียิ่งไปกว่านั้น คือ ถ้าเราคำนึงถึงผู้รับด้วยอันนี้ดีที่สุดว่าผู้รับนั้นเขาชอบแบบไหน การแสดงออกมีได้อย่างไรบ้าง อย่างแรก คือ คำพูด ไม่ว่าจะเป็นการบอกรักหรือการชื่นชมด้วยความจริงใจแค่นั้นคนฟังก็ชื่นใจแล้ว อย่างที่สอง คือ การให้ของขวัญ โดยเฉพาะของขวัญที่แสดงถึงความใส่ใจ ไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง เช่น รู้ว่าพ่อชอบการแฟลาเต้หวานน้อยก็ซื้อมาฝาก อย่างนี้เป็นต้น อย่างที่สาม คือ การช่วยเหลือ ช่วยทำงาน เช่น วันนี้ภรรยาออกไปทำธุระข้างนอกมา สามีเห็นว่าเหนื่อยเลยทำกับข้าวเย็นให้รับประทาน ทั้งๆ ที่ปกติเป็นหน้าที่ของภรรยา อย่างที่สี่ คือ การสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นการแตะ การโอบกอด โดยเฉพาะกับเด็กๆ เป็นสิ่งพื้นฐานที่ทำได้ไม่ยาก และสามารถส่งความรู้สึกไปได้ดีกว่าคำพูด ลำดับสุดท้าย เป็นสิ่งที่ได้กล่าวไปแล้วก็ คือ การให้เวลา เพราะบางคนขอให้ได้อยู่ด้วยและได้แบ่งเวลามาใช้ร่วมกันก็เป็นสิ่งวิเศษที่สุดแล้ว ค้นหาแพทย์และนักบำบัด โทรนัดหมายแพทย์ ติดต่อสอบถาม อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม Deep Listening คุยกันให้ลึก ฟังกันให้ซึ้ง ลดปัญหาขัดแย้งในครอบครัว (หรือคนใกล้ตัว) ปรับใจเข้าหากัน ลดความรุนแรงในครอบครัว เคล็ดลับสร้างสุขภาพจิต....ที่ดี ให้กับครอบครัว วันครอบครัวกับการดูแลสุขภาพจิต ความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว” รีบสร้าง ก่อนจะสาย...
การสื่อสารกับคนในครอบครัวเพื่อปลูกรักอย่างถูกวิธี 1. มีเวลาคุณภาพ สังคมปัจจุบันเป็นสังคมที่ต้องแก่งแย่งแข่งขันกันอย่างมาก จนลืมไปว่าสิ่งสำคัญที่สุดจริงๆ ไม่ใช่ข้าวของเครื่องใช้หรือเงินทองที่ต้องมีมากมาย แต่เป็นแค่ความสุขที่สามารถให้แก่กันง่ายๆ นั่นเอง 2. มีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน การใช้เวลาอย่างมีประโยชน์และคุ้มค่าสำหรับคนในครอบครัวก็ยิ่งเป็นสิ่งจำเป็น เมื่อสมาชิกในครอบครัวทำอะไรก็ขอให้มีการสบตากัน มีการสัมผัสกันบ้าง พูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็น และรับฟังซึ่งกันและกัน 3. การทำกิจกรรมร่วมกัน เมื่อมีเวลาก็ควรหากิจกรรมที่ชอบทำร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นนอกบ้านหรือในบ้านก็ได้ 4. การสื่อสารทางบวก เป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก บางคนบอกว่า “ไม่เห็นอยากใช้เวลาด้วยเลย อยู่ด้วยทีไรก็มีแต่บ่น แต่ว่า” ดังนั้น คำพูดและการแสดงออกนี่แหละสำคัญที่สุด เพราะธรรมชาตินั้นใครๆ ก็อยากอยู่หรืออยากเข้าหาสิ่งที่ดีๆ กันทั้งนั้น 5. เคารพและเกรงใจซึ่งกันและกัน คนไทยส่วนใหญ่มักเป็นคนขี้เกรงใจ แต่คนที่เกรงใจส่วนใหญ่มักเป็นคนที่ไม่ค่อยสนิทหรือว่าไม่ใกล้ชิด แต่คนที่ใกล้ชิดหรือคนที่รักกลับไม่ค่อยมีความเกรงใจ 6. แสดงออกถึงความรัก หากเป็นไปได้ ถ้าสามารถแสดงออกทุกครั้งเมื่อมีโอกาส มีเวลาที่เหมาะกับความเป็นตนเองมากที่สุดก็ดีเป็นอย่างยิ่ง และให้ดียิ่งไปกว่านั้น คือ ถ้าคำนึงถึงผู้รับด้วยอันนี้ดีที่สุดว่าผู้รับนั้นเขาชอบแบบไหน การแสดงออกมีได้อย่างไรบ้าง - คำพูด ไม่ว่าจะเป็นการบอกรักหรือการชื่นชมด้วยความจริงใจ -การให้ของขวัญ โดยเฉพาะของขวัญที่แสดงถึงความใส่ใจ ไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง - การช่วยเหลือ ช่วยทำงาน เช่น วันนี้ภรรยาออกไปทำธุระข้างนอกมา สามีเห็นว่าเหนื่อยเลยทำกับข้าวเย็นให้รับประทาน - การสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นการแตะ การโอบกอด ทำได้ไม่ยาก และสามารถส่งความรู้สึกไปได้ดีกว่าคำพูด - การให้เวลา เพราะบางคนขอให้ได้อยู่ด้วยและได้แบ่งเวลามาใช้ร่วมกันก็เป็นสิ่งวิเศษที่สุดแล้ว
จิตเวชศาสตร์ (จิตเวชศาสตร์) - Psychiatry
Closed QA
cc-by-nc-4.0
Medical_21018
Medical
การกินผักและผลไม้วันละ 400 กรัม ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งได้จริงหรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล: -ผักและผลไม้มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) ที่ช่วยป้องกันเซลล์ในร่างกายถูกทำลาย ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดมะเร็ง -ผักและผลไม้มีใยอาหาร (Fiber) สูง ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานมีประสิทธิภาพ ป้องกันการสะสมของสารพิษในร่างกาย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของมะเร็ง -ผักและผลไม้มีวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน งานวิจัย: -มีงานวิจัยมากมายที่สนับสนุนว่าการกินผักและผลไม้ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็ง เช่น งานวิจัยของ Harvard School of Public Health พบว่า ผู้ที่กินผักและผลไม้มากกว่า 5 servings ต่อวัน มีความเสี่ยงมะเร็งปอดลดลง 23% -งานวิจัยของ World Cancer Research Fund พบว่า ผู้ที่กินผักและผลไม้มากกว่า 7 servings ต่อวัน มี ความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ลดลง 20% ข้อควรระวัง: -การกินผักและผลไม้เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการป้องกันมะเร็ง ควรควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอื่นๆ เช่น งดสูบบุหรี่ งดดื่มแอลกอฮอล์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ -ควรเลือกกินผักและผลไม้หลากหลายชนิด เลือกผักผลไม้ที่มีสีสันสดใส เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง -ควรล้างผักผลไม้ให้สะอาดก่อนรับประทาน สรุป: การกินผักและผลไม้วันละ 400 กรัม เป็นหนึ่งในวิธีลดความเสี่ยงมะเร็งที่มีประสิทธิภาพ ควรควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอื่นๆ เพื่อสุขภาพที่ดี
โภชนวิทยา
Classification
cc-by-nc-4.0
Finance_150
Finance
เมื่อคิดลงทุนกองทุนตราสารหนี้ สิ่งที่ต้องดูสิ่งใด หากกองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวอาจมีความเสี่ยง ระหว่าง การกระจุกตัวในผู้ออกหรือหมวดอุตสาหกรรม หรือ อันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ส่วนใหญ่ในกองทุน
null
อันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ส่วนใหญ่ในกองทุน (credit rating) เป็นสิ่งที่ต้องดู เมื่อคิดลงทุนกองทุนตราสารหนี้ ซึ่งจะมีการแสดง credit rating ของตราสารหนี้ที่กองทุนลงทุนไว้เกิน 20% ของมูลค่ากองทุน หาก credit rating ที่แสดงมีเฉพาะตราสารหนี้ภาครัฐ (Gov.bond) หรือตราสารหนี้เอกชนที่มีความน่าเชื่อถือระดับน่าลงทุน (Investment Grade: ระดับ AAA, AA, A, หรือ BBB) แสดงว่าตราสารหนี้ส่วนใหญ่ที่ลงทุนมีโอกาสผิดนัดชำระหนี้ต่ำ ช่วยลดความกังวลใจเมื่อคิดลงทุน กองทุนตราสารหนี้ เป็นทางเลือกการลงทุนที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ เพราะราคากองทุนแม้มีขึ้นลง แต่ก็มักกลับมากำไรได้หากลงทุนได้นานพอ ผู้ลงทุนจึงไม่จำเป็นต้องกังวลกับความผันผวนในระยะสั้น หรือหากยังกังวลก็สามารถเลือกกองทุนที่มี portfolio duration ที่สั้นลง เพื่อให้มีความสุขกับการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน"
ความรู้ทางการเงิน,ตลาดการเงิน & ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน
Classification
cc-by-nc-4.0
Finance_43106
Finance
กำไรจากการลงทุนในของรักของสะสม สามารถพิจารณาผ่านบริบทและมุมมองอะไรบ้าง
“เกี่ยวอะไรกับเรา” ฉบับนี้ผมขอแบ่งปัน มุมมอง การลงทุนที่ได้รับการกล่าวถึงมากในช่วง 2 ถึง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งนักลงทุนหลายท่าน อาจมีข้อสงสัยถึงแนวทางและผลสำเร็จของการลงทุนในของรัก ของสะสม (Passion Investment) ว่าคืออะไร และทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ โดยบทความนี้ถือเป็นเพียงการแบ่งปันความคิดและประสบการณ์ หาใช่ข้อสรุปหรือสูตรสำเร็จของการลงทุนประเภทนี้แต่อย่างใด I. การลงทุนในของรัก ของสะสม? การลงทุนในของรัก ของสะสม ถือเป็นแนวโน้มการลงทุนที่เกิดขึ้นจากกลุ่มคนมั่งคั่งที่ผันความสนใจส่วนบุคคลในงานอดิเรก มาสู่การบริหารสินทรัพย์อย่างเป็นระบบโดยมุ่งหวังการตอบสนองความสุขทางกายและใจจากการครอบครองสินทรัพย์ พร้อมกับเปิดโอกาสการสร้างผลกำไรหากมีจังหวะ ซึ่งปัจจุบันการลงทุนลักษณะนี้ มีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ นาฬิกา ไวน์ งานศิลปะ เครื่องประดับ และเฟอร์นิเจอร์โบราณ โดยเสน่ห์ของสินทรัพย์แต่ละประเภท มีความแตกต่างกันในรายละเอียด แต่หากพิจารณาในภาพรวม จะพบว่ามี มาตรฐานชี้วัดทางคุณค่า ที่ใกล้เคียงกันคือ ความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์ และมีคุณภาพ ผู้ผลิตหรือผู้สร้างสรรค์ผลงานเป็นที่ยอมรับโดยสากล การมีอุปสงค์ที่มากกว่าอุปทาน ซึ่งโดยส่วนใหญ่ หากของรัก ของสะสมใดเข้าเงื่อนไขทั้ง 3 ข้อ มักจะถือว่าเหมาะกับการลงทุน II. ควรเริ่มต้นอย่างไร? ควรเริ่มต้นจากความชอบ และศึกษาหาความรู้ในสินทรัพย์นั้นอย่างจริงจัง จนเข้าใจลึกซึ้ง ไม่ใช่ผิวเผิน ซึ่งหลักการพื้นฐานของ การลงทุนในของรักของสะสม ไม่ต่างจากการลงทุนในสินทรัพย์ทั่วไปโดยเริ่มจากการรู้จักตัวเอง กำหนดเป้าหมาย เข้าใจความเสี่ยง เข้าถึงข้อมูล และการรู้จังหวะลงทุน แต่นั่นเป็นเพียง เงื่อนไขพื้นฐาน เพราะหากเป้าหมายของผู้สะสมคือการมุ่งหวังกำไร การลงทุนประเภทนี้ยังมีความซับซ้อนเพิ่มเติมจากปัจจัยต่อไปนี้ การไม่มีราคากลางที่ชัดเจน เนื่องจากราคาอาจแตกต่างตามสภาพของสินทรัพย์ ความแท้/เทียม หรือ เกณฑ์ด้านภาษี ที่อาจส่งผลกระทบด้านราคาเช่น รถยนต์และไวน์ ทักษะและค่าใช้จ่ายที่มาจากการดูแลสินทรัพย์ให้อยู่ในสภาพที่ดีและพร้อมใช้งานตามปกติ ไม่ว่าจะเป็น ค่าบำรุงรักษาของรถยนต์และนาฬิกาหรือการเก็บรักษาไวน์ ความละเอียดอ่อนทำให้การซื้อขายส่วนใหญ่ ต้องเป็นการพบกันตัวต่อตัว หรือไม่ก็ต้องผ่านคนกลางเช่นการประมูล ดังนั้นในหลายกรณี การทำกำไรจะเกิดขึ้นได้เมื่อผู้ลงทุนทำหน้าที่ทางการตลาดและโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อปิดการขายเอง ปัจจัยข้างต้นแสดงให้เห็นได้ว่านอกจากความชอบและการศึกษาหาความรู้บนความเข้าใจในขั้นตอนการลงทุนตามปกติ นักลงทุนยังต้องเพิ่มทักษะให้ตัวเองและเตรียมความพร้อมเรื่องงบประมาณไว้พอสมควร III. ลงทุนอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ? เป้าหมายของการลงทุนทุกประเภท คือการสร้างผลกำไร ซึ่งกำไรจากการลงทุนในของรักของสะสม สามารถพิจารณาผ่านบริบทและมุมมองดังต่อไปนี้ กำไรจากการเป็นเจ้าของหรือการใช้งานสินทรัพย์ ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะตีค่าอย่างไร พูดง่ายๆ คือความสุขทางใจ กำไรจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าสินทรัพย์ โดย ราคาตลาด ณ ปัจจุบัน > ราคาที่ซื้อ หรืออาจเทียบเคียงว่าเป็นกำไรทางบัญชี กำไรจากการขายสินทรัพย์ โดย ราคาที่ขายได้ > ราคาซื้อ + ค่าดูแลรักษา + มูลค่าเงินตามเวลา (Time value of money) โดยอาจเรียกได้ว่าเป็น กำไรจากการลงทุนที่แท้จริง อย่างที่กล่าวในข้างต้น ราคาของสินทรัพย์ประเภทนี้ มีตัวแปรค่อนข้างมาก จึงทำให้การหาราคากลางของการซื้อขายบนมาตรฐานเดียวในแต่ละประเทศทำได้ยาก แต่อย่างไรก็ตาม หากต้องการข้อมูลเชิงกว้างอย่างสังเขปสามารถพิจารณาจาก บริษัท ไนท์แฟรงค์ ซึ่งที่ปรึกษาทางด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของโลก ที่มีการจัดทำดัชนี Knight Frank’s Luxury Investment Index (KFLII) เป็นประจำทุกปี โดยในปี 2559 พบว่า สินทรัพย์ ที่มีการเพิ่มขึ้นของมูลค่ามากที่สุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา คือ รถยนต์ ซึ่งมีมูลค่าเพิ่ม ถึง 467% ตามมาด้วย ไวน์ 245% และ งานศิลป์ ที่ 206% ส่วนสินทรัพย์ที่มีการลดลงของมูลค่ามากที่สุดคือเฟอร์นิเจอร์โบราณที่ -30% จะเห็นว่ากำไรตามบริบทการลงทุนอย่างแท้จริง ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่อย่างไรก็ตาม หากยึดหลักเบื้องต้นในการลงทุนผ่านสินทรัพย์ มือสอง หรือ ของโบราณ ศึกษาข้อมูลทิศทางของสินทรัพย์ที่สนใจอย่างสม่ำเสมอ เข้ากลุ่มสมาชิก/สมาคม เพื่อเพิ่มเพื่อน/ความรู้ และเปิดตลาดในการแลกเปลี่ยน อย่างน้อยท่านน่าจะได้รับความสุขทางใจจากการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้ครับ
เป้าหมายของการลงทุนทุกประเภท คือ การสร้างผลกำไร ซึ่งกำไรจากการลงทุนในของรักของสะสม สามารถพิจารณาผ่านบริบทและมุมมองดังต่อไปนี้ 1. กำไรจากการเป็นเจ้าของหรือการใช้งานสินทรัพย์ ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะตีค่าอย่างไร พูดง่ายๆ คือ ความสุขทางใจ 2. กำไรจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าสินทรัพย์ โดย ราคาตลาด ณ ปัจจุบัน > ราคาที่ซื้อ หรืออาจเทียบเคียงว่าเป็นกำไรทางบัญชี 3. กำไรจากการขายสินทรัพย์ โดย ราคาที่ขายได้ > ราคาซื้อ + ค่าดูแลรักษา + มูลค่าเงินตามเวลา (Time value of money) โดยอาจเรียกได้ว่าเป็น กำไรจากการลงทุนที่แท้จริง
ความรู้ทางการเงิน,การวิเคราะห์ทางการเงิน & เศรษฐศาสตร์การเงิน
Closed QA
cc-by-nc-4.0
Medical_13945
Medical
การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน จะทำให้ตาแห้งหรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล: การกระพริบตาน้อยลง: โดยปกติแล้ว คนเราจะกระพริบตาประมาณ 15-20 ครั้งต่อนาที แต่เมื่อจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ อัตราการกระพริบตาจะลดลงเหลือเพียง 5-10 ครั้งต่อนาที ส่งผลให้ตาแห้งระคายเคือง การระเหยของน้ำตา: แสงสีฟ้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์กระตุ้นให้ต่อมน้ำตาผลิตน้ำตาน้อยลง ประกอบกับการกระพริบตาน้อยลง ทำให้น้ำตาบนผิวตาระเหยเร็วขึ้น ส่งผลให้ตาแห้ง สภาพแวดล้อม: การทำงานในห้องปรับอากาศ ความชื้นต่ำ หรือมีลมพัดมาปะทะใบหน้า ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ตาแห้ง งานวิจัยที่สนับสนุน: Journal of Optometry and Vision Science: พบว่าผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน 2 ชั่วโมง มีอัตราการกระพริบตา significantly lower (p < 0.05) และมีอาการตาแห้งมากกว่าผู้ที่ไม่ได้ใช้คอมพิวเตอร์ Optometry and Vision Science: พบว่าแสงสีฟ้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ยับยั้งการทำงานของต่อมน้ำตา ส่งผลให้น้ำตาผลิตน้อยลง ข้อแนะนำ: พักสายตา: ทุกๆ 20-30 นาที ให้ละสายตาจากหน้าจอ มองไปไกลๆ ประมาณ 20 วินาที กระพริบตาบ่อยๆ: ฝึกกระพริบตาบ่อยๆ ใช้น้ำตาเทียม: น้ำตาเทียมช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตา ปรับสภาพแวดล้อม: ปรับความชื้นในห้องให้เหมาะสม ปิดพัดลมหรือปรับทิศทางให้ไม่พัดมาปะทะใบหน้า ปรึกษาจักษุแพทย์: หากมีอาการตาแห้งรุนแรง ควรปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษา สรุป: การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ส่งผลให้ตาแห้งได้ แนะนำให้พักสายตา กระพริบตาบ่อยๆ ใช้น้ำตาเทียม ปรับสภาพแวดล้อม และปรึกษาจักษุแพทย์หากมีอาการตาแห้งรุนแรง
จักษุวิทยา (จักษุวิทยา) - Ophthalmology
Classification
cc-by-nc-4.0
Medical_20835
Medical
กรณีการอดอาหารของนายรัปพาซ เป็นข่าวใหญ่ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๓ เพราะหน่วยงานใดยืนยันคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นให้รัฐบาลมีอำนาจสั่งให้มีการบังคับยัดเยียดอาหารให้นายรัปพาซได้
ก. พรรคประชาชนสวิส ข. โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเจนีวา ค. รัฐบาลแห่งแคว้นวาไลส์ ง. ศาลสูงสุดของสวิตเซอร์แลนด์
คำตอบที่ถูกต้องคือ ง. เพราะว่า เพราะกรณีการอดอาหารของนายรัปพาซ กลายเป็นข่าวใหญ่ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๓ เพราะศาลสูงสุดของสวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland’s Supreme Court) ยืนยันคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นให้รัฐบาลมีอำนาจที่จะสั่งให้มีการบังคับยัดเยียดอาหารให้นายรัปพาซได้ แต่บรรดาแพทย์ในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเจนีวา (University of Geneva Hospital) ไม่ยอมทำตามคำสั่งนั้น เพราะเห็นว่านายรัปพาซได้ยืนยันอย่างหนักแน่นที่จะไม่ยอมรับการรักษา (รวมทั้งการบังคับให้อาหารด้วยการใส่ท่อเข้าไปในกระเพาะอาหาร) ดังกล่าวด้วยสติสัมปชัญญะที่สมบูรณ์ แล้วยังแสดงเจตนาล่วงหน้าอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการการช่วยเหลือ (การรักษา) ใดๆ จากแพทย์ แม้ว่าเขาจะหมดสติไปแล้วก็ตาม แพทย์จึงต้องทำตามเจตนารมณ์ของผู้ป่วยที่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ตามจรรยาแพทย์และตามกฎหมายของแคว้น ของประเทศ และของสากล เพราะการบังคับให้อาหารจำต้องมัดตรึงมือ-เท้า และอาจจะรวมทั้งแขน-ขา-ลำตัวด้วย มิฉะนั้นผู้ป่วยจะดึงท่อให้อาหารออกได้ นอกจากนั้น ผู้ป่วยที่ถูกบังคับให้อาหารอาจจะขย้อน/สำรอกอาหารออกมา แล้วสำลักอาหารนั้นเข้าไปในปอด ทำให้ปอดบวมและเสียชีวิตอย่างทรมานได้ (ขณะที่การอดอาหารจะทำให้เสียชีวิตอย่างค่อนข้างสบาย)
อายุรศาสตร์ (อายุรศาสตร์) - Internal Medicine
Multiple choice
cc-by-nc-4.0
Finance_43581
Finance
จงแต่งเรื่องสั้นให้ได้ข้อคิดเกี่ยวกับ รัฐบาลต้องชั่งน้ำหนักระหว่าง 'Moral Hazard' และ 'Credit Cost' ในการช่วยเหลือบริษัท
null
เกมพลิกหนี้ บททดสอบแห่งศรัทธา ณ ห้องประชุมสุดหรูใจกลางกรุงดูไบ "ธันวา" นักวิเคราะห์การเงินหนุ่มไฟแรง กำลังนั่งจดจ่ออยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ เต็มไปด้วยกราฟและข้อมูลทางการเงิน "โอ้โห ข่าวร้ายมาแล้ว!" ธันวา ครางด้วยความกังวล "Dubai World บริษัทที่รัฐบาลดูไบเป็นเจ้าของ ประกาศขอขยายเวลาชำระหนี้ ตลาดการเงินทั่วโลกสั่นสะเทือน!" "ใจเย็นๆ ธันวา" เสียงทุ้มต่ำของ "กวิน" เพื่อนสนิท ดังขึ้น "วิกฤตครั้งนี้ เป็นโอกาสทดสอบบทเรียนสำคัญในโลกการเงิน" ธันวา รู้สึกสงสัย "บทเรียนอะไรหรือ?" กวิน อธิบาย "บทเรียนแรก เกี่ยวกับ 'Ability to Pay' และ 'Willingness to Pay' ของผู้ถือหุ้น" "Ability to Pay หมายถึง 'ความสามารถในการชำระหนี้' ซึ่งดูไบมีศักยภาพเพียงพอ เพราะกองทุนรวมของรัฐมีขนาดใหญ่ รายได้จากน้ำมันก็มหาศาล" ธันวา วิเคราะห์ "แต่ Willingness to Pay หรือ 'ความเต็มใจที่จะชำระหนี้' สำคัญไม่แพ้กัน" กวิน ย้ำ "รัฐบาลดูไบอาจต้องการส่งข้อความว่า Dubai World บริหารงานผิดพลาด รัฐไม่ใช่ ATM ที่คอยช่วยเหลือเสมอไป" "นี่คือบทเรียนราคาแพง สอนให้นักลงทุนต้องวิเคราะห์ 'พื้นฐานของบริษัท' มากกว่าแค่ 'ความน่าเชื่อถือของผู้ถือหุ้น'" ธันวา พยักหน้า กวิน ยิ้ม "บทเรียนที่สอง เกี่ยวกับ 'Moral Hazard' และ 'Credit Cost' " "Moral Hazard หมายถึง 'ความเสี่ยงจากพฤติกรรมเหลิง' เพราะนักลงทุนมักคิดว่า รัฐบาลจะหนุนหลังบริษัทเสมอ นำไปสู่การลงทุนที่ประมาท" ธันวา อธิบาย "แต่ Credit Cost หมายถึง 'ต้นทุนการกู้ยืม' ที่เพิ่มขึ้น หากรัฐบาลเข้าช่วยเหลือเสมอ ธนาคารจะไม่ไว้ใจ ส่งผลต่อเศรษฐกิจทั้งระบบ" กวิน เสริม "กรณี Dubai World รัฐบาลต้องชั่งน้ำหนักระหว่างสองปัญหา เลือก 'ปล่อยให้ Dubai World ล้มละลาย' เพื่อป้องกัน Moral Hazard หรือ 'เข้าช่วยเหลือ' เพื่อรักษา Credit Cost ของประเทศ" ธันวา วิเคราะห์ "นี่คือเกมพลิกหนี้ บททดสอบแห่งศรัทธา นักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด บทสรุปจะส่งผลต่อโลกการเงินอย่างมหาศาล" กวิน กล่าว
ความรู้ทางการเงิน
Creative writing
cc-by-nc-4.0
Finance_40445
Finance
กลยุทธ์ใดที่นำมาใช้ในการวางแผนการเงินในครอบครัว
null
กลยุทธ์ 2 มั่น 1 มั่ง โดยสามารถแบ่งได้ดังนี้ 1. มั่นใจ โดยในครอบครัวจะต้องมีเงิน 3 ก้อนหลัก ๆ คือ ค่าใช้จ่าย เงินสำรองฉุกเฉิน และเงินสำหรับผู้มีอุปการะ 2. มั่นคง ต้องวางแผนว่าจะซื้อทรัพย์สินอะไร เช่น บ้าน รถยนต์ และวางแผนการออม การลงทุน 3. มั่งคั่ง เป็นเรื่องระยะยาว คือ เก็บออมสำหรับการเกษียณ เป้าหมายการวางแผนการเงิน : 1. ต้องขึ้นอยู่กับระดับเป้าหมายของแต่ละครอบครัว และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ อีกทั้ง 2. การแบ่งเงินในการวางแผนการเงินก็ต้องให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่าย 3. การวางแผนการเงินของครอบครัวจะต้องมีเป้าหมายร่วมกัน และอาจมีเป้าหมายหลายระดับ เช่น - เป้าหมายระยะสั้น (เพื่อเก็บเงินไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เพื่อดาวน์รถมอเตอร์ไซค์) - เป้าหมายระยะกลาง (เพื่อดาวน์บ้าน เพื่อการศึกษาของบุตร) และ - เป้าหมายระยะยาว (เพื่อการเกษียณ) ดังนั้น ก่อนวางแผนการเงิน คนในครอบครัว (สามี ภรรยา) ต้องนั่งคุยกัน กำหนดเป้าหมายร่วมกัน กำหนดงบประมาณร่วมกัน รวมทั้งปรึกษากันว่าจะต้องแบ่งเงินในสัดส่วนเท่าไรใน 3 ข้อข้างต้น สำหรับการออมเงินในแต่ละเดือน: ุโดยหลักการออมทั่วไปจะแนะนำว่า - ให้ออมเงินทก ๆ เดือน ในสัดส่วน 10 - 15% ของรายได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว - ก ารออมเงินระดับนี้อาจ “ไม่เพียงพอ” เพราะสูตรสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับ “เงินออม” แต่ขึ้นอยู่กับ “การใช้จ่าย” และเมื่อรู้การใช้จ่ายของครอบครัวแล้ว ก็ต้องมา - วางแผนการออมให้สอดคล้องกับการใช้เงิน ซึ่งจะไปเชื่อมโยงกับผลตอบแทนและระยะเวลาในการลงทุน โดยหากครอบครัวไหนมองที่ฝั่งรายได้ก่อน จะทำให้การวางแผนการเงินเกิดความผิดพลาดได้สูง ดังนั้น ต้องมองฝั่งรายจ่ายก่อน และที่สำคัญ - การวางแผนการเงินเมื่อมีแผนแล้ว ต้องทำตามแผนและทำอย่างมีวินัย ทำให้ได้ตามแผนนั้น
ความรู้ทางการเงิน
Open QA
cc-by-nc-4.0
Medical_22946
Medical
การเก็บสมุนไพรแพทย์ไทยได้จัดแบ่งรสของตัวยาออกเป็นกี่รส
A. 9 รส B. 8 รส C. 5 รส D. 7 รส
คำตอบได้แก่ A. เพราะว่า การเก็บสมุนไพร แพทย์ไทยเรานั้น ได้จัดแบ่งรสของตัวยาออกเป็น 9 รส คือ 1 รสฝาด 2 รสหวาน 3 รสเมาเบื่อ 4 รสขม 5 รสเผ็ดร้อน 6 รสมัน 7 รสหอมเย็น 8 รสเค็ม 9 รสเปรี้ยว และเมื่อท่านจำแนกออกเป็นรสต่างๆ ดังกล่าว 9 รสแล้ว ก็ทำให้สามารถจะใช้สมุนไพรมาปรุงแต่งเป็นยาบำบัดโรคได้ ทำให้รู้ว่ารสยาใดควรจะใช้แก้ในโรคใด รสยาใดที่ทำให้ตัวยาขัดกัน ไม่สามารถจะนำมาปรุงเข้าด้วยกันได้ นอกจากนี้ ถ้าหากจะให้สมุนไพรที่ไปเก็บมาใช้ทำการปรุงเป็นยานั้น มีสรรพคุณดียิ่งขึ้นไปแล้ว แพทย์ไทยก็ยังจะต้องมีวิธีเก็บยาอีกด้วย ในสมัยโบราณ แพทย์ไทยเราต้องเก็บยาเอง ไม่ใช่ไปซื้อเครื่องยาอย่างเช่นในสมัยนี้ ฉะนั้น การเก็บยาท่านจะต้อง ก เก็บตามฤดู ปีหนึ่งๆ ท่านแบ่งออกเป็น 3 ฤดู คือ 1 ฤดูร้อน ท่านเก็บที่รากไม้และแก่น เพราะฤดูร้อน สรรพคุณรวมอยู่ที่รากและแก่น 2 ฤดูฝน ท่านให้เก็บที่ใบ ลูก ผลและดอก เพราะฤดูฝนนี้ ใบ ดอก ลูก และผล ได้รับน้ำฝนมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ และสดชื่น สรรพคุณจึงอยู่ที่ใบ ดอก ลูก และผล 3 ฤดูหนาว ให้เก็บที่เปลือกต้น กระพี้ และเนื้อไม้ เพราะอากาศหนาว เนื้อไม้ แก่น กระพี้ เป็นที่ป้องกันความหนาวเย็น และรวมเอาสรรพคุณของยาเอาไว้ที่เนื้อไม้ แก่น และกระพี้ ข เก็บยาตามยาม
การแพทย์ทางเลือก (alternative medicine)
Multiple choice
cc-by-nc-4.0
Medical_30637
Medical
อะไรคือความแตกต่างระหว่างโรคลมพิษเฉียบพลันและโรคลมพิษเรื้อรัง?
null
โรคลมพิษเฉียบพลัน และ โรคลมพิษเรื้อรัง มีความแตกต่างกัน ดังนี้ ระยะเวลา: โรคลมพิษเฉียบพลัน: มีอาการต่อเนื่องไม่เกิน 6 สัปดาห์ โรคลมพิษเรื้อรัง: มีอาการแบบเป็น ๆ หาย ๆ อย่างน้อย 2 วันต่อสัปดาห์ ต่อเนื่องกันนานเกิน 6 สัปดาห์ สาเหตุ: 1. โรคลมพิษเฉียบพลัน: มักเกิดจากการแพ้อาหาร แพ้ยา แมลงกัดต่อย หรือการติดเชื้อบางชนิด บางรายอาจมีอาการที่อวัยวะอื่น เช่น แน่นหน้าอก แน่นจมูก ปวดท้อง ความดันต่ำ บริเวณริมฝีปากและตาบวม 2. โรคลมพิษเรื้อรัง: ชนิดที่มีสาเหตุกระตุ้น: เกิดจากการติดเชื้อเรื้อรัง ยา ระบบฮอร์โมน หรือปัจจัยทางกายภาพ เช่น ความเย็น การกดทับ ชนิดที่ไม่ทราบสาเหตุ: เกิดจากความแปรปรวนภายในร่างกาย อาการ: 1. โรคลมพิษเฉียบพลัน: มักมีผื่นบวม นูน แดง กระจายตามลำตัว แขน ขา หรือใบหน้า มีอาการคันโดยทั่วไป ผื่นจะค่อย ๆ ยุบลงภายใน 24 ชั่วโมง บางรายอาจเกิดที่บริเวณเนื้ออ่อน เช่น ริมฝีปากหรือหนังตา เรียกว่า ภาวะแองจิโออีดีมา (angioedema) บางรายอาจมีอาการบวมในระบบทางเดินอาหารทำให้รู้สึกปวดแน่นท้องหรือมีอาการในระบบทางเดินหายใจทำให้แน่นจมูก หายใจไม่สะดวก หากมีอาการรุนแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ 2. โรคลมพิษเรื้อรัง: มักมีอาการคล้ายกับโรคลมพิษเฉียบพลัน ผื่นอาจเกิดขึ้นซ้ำ ๆ นานกว่า 6 สัปดาห์ การรักษา: 1. โรคลมพิษเฉียบพลัน: รักษาตามสาเหตุ เช่น งดอาหาร ยา หรือแมลงที่แพ้ ยาแก้แพ้ หรือยาต้านฮีสตามีน (antihistamine) ยาสเตียรอยด์ กรณีมีอาการรุนแรง แพทย์อาจให้ยาฉีด(epinephrine) 2. โรคลมพิษเรื้อรัง: รักษาตามสาเหตุ เช่น การรักษาการติดเชื้อ ยาแก้แพ้ หรือยาต้านฮีสตามีน (antihistamine) ยาสเตียรอยด์ ยาต้านฮีสตามีนชนิดใหม่ เช่น Omalizumab การรักษาด้วยวิธีอื่น เช่น การฉายแสงเลเซอร์ การรักษาด้วยแสงความเข้มข้นสูง (UVA) สรุป โรคลมพิษเฉียบพลัน: มักมีอาการไม่เกิน 6 สัปดาห์ มักทราบสาเหตุ โรคลมพิษเรื้อรัง: มักมีอาการนานกว่า 6 สัปดาห์ มักหาสาเหตุได้ยาก การรักษาขึ้นอยู่กับระยะเวลา อาการ และสาเหตุ ข้อควรระวัง: ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาอย่างถูกต้อง ไม่ควรเกาบริเวณที่เป็นผื่นลมพิษ เพราะจะทำให้เป็นแผลติดเชื้อ ควรดูแลตัวเอง โดยงดอาหาร สารก่อภูมิแพ้ พักผ่อนให้เพียงพอ และลดความเครียด
ผิวหนัง Dermatology
Open QA
cc-by-nc-4.0
Medical_14522
Medical
อะไรคือสัญญาณเตือนของมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะเริ่มต้น และใครบ้างที่มีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
null
มะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นโรคร้ายที่พบได้บ่อยในประเทศไทย โดยมักพบในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป มะเร็งลำไส้ใหญ่ในระยะเริ่มต้นมักไม่มีสัญญาณเตือนที่ชัดเจน แต่บางรายอาจมีสัญญาณเตือนดังต่อไปนี้: 1. การเปลี่ยนแปลงของนิสัยการขับถ่าย: ท้องผูกสลับท้องเสีย ถ่ายเหลวเป็นน้ำ ถ่ายมูกเลือด อุจจาระมีขนาดเล็กลง รู้สึกถ่ายไม่สุด 2. อาการปวดท้อง: ปวดท้องบริเวณท้องน้อย ปวดเป็นๆ หายๆ ปวดมากขึ้นหลังทานอาหาร 3. อาการอื่นๆ: น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน กลุ่มเสี่ยงต่อโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่: 1. อายุ: ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป 2. พันธุกรรม: มีญาติสายตรงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ มีโรคทางพันธุกรรมที่เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งลำไส้ใหญ่ เช่น โรคโพลีโปซิสอะเดโนมาโตซิสชนิดท наследственн 3. พฤติกรรมการกิน: ทานเนื้อแดงแปรรูปมาก ทานอาหารไขมันสูง ทานผักและผลไม้ 4. การดื่มแอลกอฮอล์: ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ 5. การสูบบุหรี่: สูบบุหรี่เป็นประจำ 6. โรคอ้วน: เป็นโรคอ้วน 7. โรคเบาหวานชนิดที่ 2: เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 8. โรคประจำตัว: มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคลำไส้เรื้อรัง โรคโครห์น โรคแผลในกระเพาะอาหารเรื้อรัง การป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่: 1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน: ทานผักและผลไม้ให้เพียงพอ ทานธัญพืชไม่ขัดสี ลดการทานเนื้อแดงแปรรูป ลดการทานอาหารไขมันสูง 2. ควบคุมน้ำหนัก: ไม่อ้วน 3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์ 4. งดสูบบุหรี่: ไม่สูบบุหรี่ 5. ลดการดื่มแอลกอฮอล์: ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่เหมาะสม 6. ตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่: ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ควรตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นประจำ
ศัลยศาสตร์ (ศัลยศาสตร์) - Surgery,อายุรศาสตร์ (อายุรศาสตร์) - Internal Medicine
Open QA
cc-by-nc-4.0
Finance_3820
Finance
การลงทุนในบริษัทที่ให้ความสำคัญกับ ESG จะมีผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในบริษัทที่ไม่ให้ความสำคัญกับ ESG หรือไม่
null
อาจจะใช่ เหตุผล: 1. การวิเคราะห์เชิงปริมาณ ต้นทุนทางการเงิน: -บริษัทที่ให้ความสำคัญกับ ESG มักมีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำกว่า เนื่องจากสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน (Funding) ได้ง่ายกว่า เช่น เงินกู้สีเขียว (Green Loan) สิ่งนี้ส่งผลดีต่อผลตอบแทนของผู้ลงทุน ความเสี่ยง: -บริษัทที่ให้ความสำคัญกับ ESG มักมีความเสี่ยงต่ำกว่า ตัวอย่างเช่น บริษัทที่มีธรรมาภิบาลย่อมมีความเสี่ยงจากการถูกฟ้องร้องต่ำกว่า บริษัทที่มีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่ดี ย่อมมีความเสี่ยงจากการถูกปรับจากหน่วยงานภาครัฐต่ำกว่า การเติบโต: -บริษัทที่ให้ความสำคัญกับ ESG มักมีโอกาสเติบโตในระยะยาว เนื่องจากสามารถดึงดูดลูกค้า พนักงาน และพันธมิตรที่ให้ความสำคัญกับ ESG สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมได้ดี 2.การวิเคราะห์เชิงคุณภาพ: ภาพลักษณ์ที่ดี: -บริษัทที่ให้ความสำคัญกับ ESG มักมีภาพลักษณ์ที่ดีส่งผลดีต่อการดึงดูดลูกค้า พนักงาน และพันธมิตร การเข้าถึงตลาดใหม่: -บริษัทที่ให้ความสำคัญกับ ESG สามารถเข้าถึงตลาดใหม่ เช่น ตลาดลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม งานวิจัย: มีงานวิจัยหลายชิ้นที่บ่งชี้ว่า การลงทุนในบริษัทที่ให้ความสำคัญกับ ESG มีผลตอบแทนที่สูงกว่า ตัวอย่างเช่น -งานวิจัยของ Morningstar ในปี 2020 พบว่า กองทุนรวม ESGให้ผลตอบแทนสูงกว่ากองทุนรวมทั่วไป ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา งานวิจัยของ S&P Global ในปี 2021 พบว่า บริษัทที่มีคะแนน ESG สูง มีผลตอบแทนจากหุ้น (Stock Return) สูงกว่าบริษัทที่มีคะแนน ESG ต่ำ อย่างไรก็ตาม ยังมีงานวิจัยบางชิ้นที่ไม่พบความสัมพันธ์เชิงบวก ระหว่างผลตอบแทนและ ESG สาเหตุหลักมาจาก ความยากลำบากในการวัดผล ESG ความแตกต่างของวิธีการวัด ESG ระยะเวลาการศึกษาที่สั้น สรุป: -แม้ว่ายังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน แต่จากหลักฐานที่มีอยู่ บ่งชี้ว่า การลงทุนในบริษัทที่ให้ความสำคัญกับ ESG มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า การลงทุนในบริษัทที่ไม่ให้ความสำคัญกับ ESG ข้อควรระวัง: -การลงทุนในบริษัทที่ให้ความสำคัญกับ ESG ไม่ได้แปลว่า จะมีผลตอบแทนที่สูงเสมอไป นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบการตัดสินใจลงทุนด้วย เช่น สถานะทางการเงินของบริษัท กลยุทธ์ทางธุรกิจ ทีมผู้บริหาร
ความรู้ทางการเงิน,ข่าวเศรษฐกิจและการเงิน
Classification
cc-by-nc-4.0
Medical_13133
Medical
ยาบาแคมพิซิลลินมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร
null
ยาบาแคมพิซิลลินเป็นยาปฏิชีวนะชนิดเพนิซิลลิน semisynthetic ชนิดหนึ่งที่ใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย ยาชนิดนี้มีประสิทธิภาพในการกำจัดแบคทีเรียหลายชนิด แต่มีข้อควรระวังในการใช้กับผู้ป่วยโรคไต ดังนี้ 1. การกำจัดยาออกจากร่างกาย: ไตเป็นอวัยวะหลักที่ทำหน้าที่กำจัดยาบาแคมพิซิลลินออกจากร่างกาย ผู้ป่วยโรคไตที่มีการทำงานของไตเสื่อม จะทำให้การกำจัดยาบาแคมพิซิลลินออกจากร่างกายช้าลง ส่งผลให้ระดับยาในกระแสเลือดสูงขึ้น และอาจเกิดผลข้างเคียงรุนแรง เช่น ไตอักเสบ (Nephrotoxicity) 2. การสะสมของสารเมตาบอไลท์: ยาบาแคมพิซิลลินถูกเผาผลาญในร่างกายและเปลี่ยนเป็นสารเมตาบอไลท์ สารเมตาบอไลท์บางชนิดของยาบาแคมพิซิลลินจะถูกกำจัดออกจากร่างกายโดยไต ผู้ป่วยโรคไตที่มีการทำงานของไตเสื่อม จะทำให้การกำจัดสารเมตาบอไลท์ของยาบาแคมพิซิลลินออกจากร่างกายช้าลง ส่งผลให้สารเมตาบอไลท์สะสมในร่างกาย และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงรุนแรง เช่น ประสาทหลอน สับสน (Neurotoxicity) 3. ปรับขนาดยา: ในผู้ป่วยโรคไต แพทย์จำเป็นต้องปรับขนาดยาบาแคมพิซิลลินให้เหมาะสมกับความรุนแรงของโรคและการทำงานของไต เพื่อป้องกันระดับยาในกระแสเลือดสูงขึ้นและลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงรุนแรง 4. การติดตามผล: ผู้ป่วยโรคไตที่ได้รับยาบาแคมพิซิลลิน แพทย์จะต้องติดตามผลการตรวจเลือดเพื่อดูการทำงานของไตและระดับยาในกระแสเลือดอย่างใกล้ชิด
เภสัชวิทยา Pharmacology
Open QA
cc-by-nc-4.0
Finance_42374
Finance
จุดเริ่มต้นของคนที่ประสบความสำเร็จ คืออะไร ระหว่าง การมีเป้าหมายที่ชัดเจน หรือ การไปทำงานในที่ที่ให้เงินเดือนสูงกว่า
null
การมีเป้าหมายที่ชัดเจน เพราะจุดเริ่มต้นของคนที่ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน การงาน หรือการปฏิบัติธรรม ก็คือ การมีเป้าหมายที่ชัดเจน และการมีความเชื่อว่าสามารถไปถึงเป้าหมายนั้นได้ ลองได้คิดอย่างนี้ ต่อให้มีปัญหารุมเร้า หรือมีอุปสรรคเกิดขึ้น ก็มองว่ามันคือประสบการณ์ที่ดี ไม่ได้มองว่ามันเป็นความล้มเหลวของชีวิต กำลังใจที่ทำให้สามารถลุกขึ้นสู้ใหม่ได้แต่ละครั้ง เกิดจากการที่เคยพลาดและล้มลงในอดีต แต่ยังสามารถลุกขึ้นมาสู้ใหม่ได้ทุกครั้งๆ ส่วนการไปทำงานในที่ที่ให้เงินเดือนสูงกว่า เป็นวิธีเพิ่มรายได้ทำให้เงินออมเพิ่มขึ้น ซึ่งยังมีวิธีอื่น ๆ เช่น หาอาชีพเสริม เปลี่ยนงาน นำเงินออมที่ได้ไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า ๕% ต่อปี แต่อย่าลืมว่า ได้เงินเดือนมาเท่าไหร่ ไม่ใช้เงินนั้นเลยซักบาท เพราะฉะนั้นในชีวิตจริงมันคงเป็นไปได้ยาก เป้าหมายที่ตั้งไว้แต่แรก ดูจะไกลเกินเอื้อมขึ้นมาอีกเยอะ คิดไปคิดมา หมดกำลังใจออมเงิน กลับไปช้อปปิ้งเที่ยวเล่นกับเพื่อนดีกว่า นี่คือชีวิตจริงหลังจากเกิดความท้อแท้หมดกำลังใจไปก่อน บางครั้งความสำเร็จมันไม่ได้อยู่ที่การตั้งเป้าหมายให้สูงและบอกกับตัวเองว่าต้องวิ่งไปให้ถึงให้ได้ซักวัน นักวิ่งมาราธอน เป้าหมายของเขาคือเข้าเส้นชัยให้ได้ที่หนึ่ง เป้าหมายนั้นมีไว้สำหรับตอนซ้อม และก่อนออกสตาร์ท แต่พอตอนออกสตาร์ทไปแล้ว เขาจะค่อยๆมองไปทีละก้าวทีละก้าว ทำแต่ละก้าวให้เหมือนกับที่เคยซ้อมมา ลองถ้าคิดถึงเส้นชัย อยากจะไปให้ถึงเร็วๆ เร่งฝีเท้าตั้งแต่กิโลเมตรแรก รับรองหมดแรงก่อนแน่นอน ปรับเป้าหมายให้เหมาะกับตัวเอง ความรวยของแต่ละคน เมื่อวัดเป็นตัวเงิน อาจจะไม่เท่ากัน จำไว้ การมีอิสรภาพทางการเงิน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า มีมากกว่าคนอื่นเท่าไหร่ แต่มันขึ้นอยู่กับคำว่า “พอ” ที่มีในใจมากกว่า ตัวอย่างก็ให้เห็นอยู่ทุกวัน คนรวยไม่จำเป็นต้องมีความสุข คนมีความสุขไม่จำเป็นต้องรวย
ความรู้ทางการเงิน
Classification
cc-by-nc-4.0
Finance_42316
Finance
จากตัวอย่างกรณีของคุณหมอ เพศชาย อายุ 40 ปี ต้องการเกษียณอายุ 60 ปี ตั้งเป้าหมายมีรายได้หลังเกษียณ 2.4 ล้านบาทต่อปี อะไรคือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการวางแผนเกษียณของเขา?
(A) ซื้อ LTF เพิ่ม 5 ล้านบาทต่อปี (B) ซื้อประกันบำนาญเพิ่ม (C) ขายคอนโดปล่อยเช่า 2 ห้อง (D) ลงทุนในพอร์ต Global Aggressive Hybrid ของ WealthGuru เพิ่ม 66.75 ล้านบาท
คำตอบคือ (D) ลงทุนในพอร์ต Global Aggressive Hybrid ของ WealthGuru เพิ่ม 66.75 ล้านบาท เพราะว่า เหตุผล: ตัวเลือก (A) ซื้อ LTF เพิ่ม 5 ล้านบาทต่อปี ข้อดี: - เป็นการออมระยะยาว - ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี - มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูง ข้อเสีย: - เงินลงทุนมีความเสี่ยง - ไม่สามารถถอนเงินก่อนครบกำหนดได้ ผลตอบแทนไม่แน่นอน ตัวเลือก (B) ซื้อประกันบำนาญเพิ่ม ข้อดี: - ได้รับเงินบำนาญรายเดือนหลังเกษียณ - คุ้มครองความเสี่ยงกรณีเสียชีวิต - เบี้ยประกันสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ข้อเสีย: - ผลตอบแทนอาจไม่สูง - เงินลงทุนมีความเสี่ยง - เงื่อนไขและผลประโยชน์แตกต่างกันไป ตัวเลือก (C) ขายคอนโดปล่อยเช่า 2 ห้อง ข้อดี: - ได้รับเงินสดก้อนใหญ่ - ลดภาระค่าใช้จ่าย - สามารถนำเงินไปลงทุนต่อได้ ข้อเสีย: - สูญเสียรายได้จากค่าเช่า - ราคาอสังหาริมทรัพย์มีความผันผวน - ภาระค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ ตัวเลือก (D) ลงทุนในพอร์ต Global Aggressive Hybrid ของ WealthGuru เพิ่ม 66.75 ล้านบาท ข้อดี: - มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูง - กระจายความเสี่ยง - ลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลก ข้อเสีย: - เงินลงทุนมีความเสี่ยง - ผลตอบแทนไม่แน่นอน - ต้องการเงินลงทุนจำนวนมาก ตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด: ตัวเลือก (D) ลงทุนในพอร์ต Global Aggressive Hybrid ของ WealthGuru เพิ่ม 66.75 ล้านบาท เหตุผล: จากตัวอย่าง คุณหมอต้องการเกษียณอายุ 60 ปี และมีอายุขัย 85 ปี หมายความว่าต้องมีเงินเพียงพอสำหรับใช้จ่าย 25 ปี เงินออมปัจจุบันของเขาไม่เพียงพอสำหรับการเกษียณ การลงทุนในพอร์ต Global Aggressive Hybrid ของ WealthGuru มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูง เหมาะกับเป้าหมายการเกษียณของเขา พอร์ตลงทุนนี้กระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ทั่วโลก ช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุน คุณหมอมีรายได้สูง สามารถลงทุนเงินจำนวนมากได้ ข้อควรระวัง: 1. การลงทุนมีความเสี่ยง ผลตอบแทนไม่แน่นอน ควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน 2. ควรกระจายความเสี่ยงไม่ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทเดียว 3. ควรปรึกษานักวางแผนการเงินมืออาชีพ สรุป: ตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการวางแผนเกษียณของคุณหมอคือ ตัวเลือก (D) ลงทุนในพอร์ต Global Aggressive Hybrid ของ WealthGuru เพิ่ม 66.75 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การลงทุนมีความเสี่ยง ผลตอบแทนไม่แน่นอน ควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน ควรกระจายความเสี่ยงไม่ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทเดียว และควรปรึกษานักวางแผนการเงินมืออาชีพ
ความรู้ทางการเงิน
Multiple choice
cc-by-nc-4.0
Medical_27613
Medical
ผู้ชายอายุ 40 ปีขึ้นไป มีโอกาสเป็นโรคต่อมลูกหมากโตหรือไม่?
null
ใช่ เหตุผล: ผู้ชายอายุ 40 ปีขึ้นไป มีโอกาสเป็นโรคต่อมลูกหมากโต มากกว่า ผู้ชายอายุน้อยกว่า เพราะต่อมลูกหมากมีขนาดโตขึ้นตามอายุขัย ฮอร์โมนเพศชาย (แอนโดรเจน) กระตุ้นให้ต่อมลูกหมากโต ผู้ชายวัย 40 ปีขึ้นไป มักมีฮอร์โมนเพศชายลดลง แต่อาจยังมีเพียงพอที่จะกระตุ้นต่อมลูกหมากให้โต สถิติผู้ชายอายุ 50 ปีขึ้นไป 1 ใน 3 คน เป็นโรคต่อมลูกหมากโต ปัจจัยเสี่ยง เพิ่มเติม เช่น พันธุกรรม โรคอ้วน การขาดการออกกำลังกาย อาการ ของโรคต่อมลูกหมากโต เช่น: - ปัสสาวะขัด ปัสสาวะไม่พุ่ง ปัสสาวะสะดุด เบ่งนานกว่าจะออก - ปัสสาวะบ่อยในตอนกลางคืน - ปัสสาวะไม่สุด มีหยดๆ ตามมา - ปัสสาวะเล็ด - ปัสสาวะมีเลือดปน หากมีอาการเหล่านี้ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษา การรักษา โรคต่อมลูกหมากโต มีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ เช่น: ยา: ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาขยายหลอดลม ยาต้านฮอร์โมนเพศชาย การผ่าตัด: การผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง การผ่าตัดผ่านกล้อง การป้องกัน โรคต่อมลูกหมากโต: - ควบคุมน้ำหนัก - ออกกำลังกายสม่ำเสมอ - ทานอาหารที่มีประโยชน์ - หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่กระตุ้นต่อมลูกหมากโต เช่น อาหารรสเผ็ด อาหารหมักดอง แอลกอฮอล์ สรุป: ผู้ชายอายุ 40 ปีขึ้นไป มีโอกาสเป็นโรคต่อมลูกหมากโต ควร สังเกตอาการและไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษา หมายเหตุ: ข้อมูลนี้ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยจากแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติม
ศัลยศาสตร์ (ศัลยศาสตร์) - Surgery
Classification
cc-by-nc-4.0
Finance_2514
Finance
เกิดอะไรขึ้นกับ Supply chain ของกลุ่มเทคโนโลยี
null
หุ้น Supply chain ของกลุ่มเทคโนโลยีตั้งแต่กลุ่มต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำบางตัวได้ปรับตัวลงสวนทางกับดัชนีตั้งแต่ต้นปี 2561 จนเทกระจาดพร้อมกันทั้งโลกไปเลย กลุ่มต้นน้ำหรือกลุ่มวัตถุดิบ เช่น แร่ลิเธียมและโคบอลต์ ทองแดง ได้ปรับตัวลงในไปแล้ว 20-40% หุ้นกลุ่มกลางน้ำในยุคนี้ แกนหลักของมันก็คือกลุ่ม Semiconductors นั่นเอง เพราะถูกใช้ในทุกอย่าง หุ้นกลุ่มกลางน้ำของกลุ่มเทคโนโลยีแบ่งคร่าวๆ ตามลักษณะธุรกิจได้ดังนี้ - Fluid management (กลุ่มวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตชิพ): Ichor Holdings - Equipment (กลุ่มอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตชิพ): Applied Materials - Integrated device manufacturer (กลุ่มผู้ออกแบบ, ผลิต และขายผลิตภัณฑ์): Intel Corporation และ Western Digital - Fabless (กลุ่มผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์ ไม่ได้ผลิตเอง): Apple, AMD และ NVIDIA - Foundry (กลุ่มรับผลิตอย่างเดียว ไม่ได้ออกแบบ): TSMC และ SMIC - Testing and assembly (กลุ่มตรวจสอบและประกอบผลิตภัณฑ์): Amkor Technology และ Teradyne 1) หุ้นกลางน้ำของกลุ่มเทคโนโลยีได้ปรับตัวลงเรื่อยๆ หลังทำระดับสูงสุดในช่วงเดือนมีนาคม 2561 ทั้ง Ichor, Applied Materials, Amkor และ Western Digital ในขณะที่ Nasdaq ไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ 2) กลุ่มผู้ผลิตและผู้ขายสินค้าในช่วงปลายน้ำด้วย เช่น Intel ก็อ่อนตัวลงมาแม้ Nasdaq จะยังคงทำจุดสูงสุดใหม่ 3) ขณะที่กลุ่มปลายน้ำ เช่น กลุ่ม FAANG ก็ยังเหลือเพียง Apple เท่านั้นที่ยังแกว่งอยู่ในช่วงระดับราคาสูงสุดในขณะที่เพื่อนๆ เริ่มปรับลงมาบ้างแล้ว ถ้ามองธุรกิจเทคโนโลยีทั้งกลุ่มเป็นก้อนเดียวกัน หากกลุ่มต้นน้ำ, กลางน้ำ และปลายน้ำ (บางตัว) ได้ออกอาการอ่อนแรง (มาก) ไปบางส่วนแล้ว จะเป็นการแสดงถึงอุปสงค์ (Demand) ของตลาดที่โตไม่ทันราคาของหุ้นหรือไม่ ซึ่ง Demand ที่มีปัญหาหลักๆ จะเป็น Smartphone และเทคโนโลยีที่เก่าลง โดยเฉพาะในกลุ่ม storage เนื่องจากฝั่ง supply ปรับตัวตามไม่ทัน
ความรู้ทางการเงิน
Open QA
cc-by-nc-4.0
Legal_9749
Legal
จงสรุป มาตรการเฉพาะ กสทช. ต่อดีลควบรวมทรู-ดีแทค คือ ความหวังสุดท้าย
ทรู-ดีแทค เดินหน้ากระบวนการควบรวม สัญญาณชัดเจนของการเดินหน้าควบรวมกิจการของสองยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมมีขึ้นเมื่อวันที่ 12 ม.ค. เมื่อทั้งสองได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า คณะกรรมการของทั้งสองบริษัท มีมติเรียกผู้ประชุมผู้ถือหุ้นร่วมในวันที่ 23 ก.พ. 2566 เพื่อพิจารณาและอนุมัติเรื่องที่เกี่ยวกับการควบรวมบริษัท ป้ายโลโก้ที่มาของภาพ,THAI NEWS PIX สาระสำคัญของเอกสารดังกล่าวระบุว่า การควรรวมกิจการจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสแรกของปีนี้ และในระหว่างการดำเนินการควบรวม บริษัททั้งสองยังคงจะแยกการบริหารงาน และให้บริการลูกค้าตามปกติและไม่มีผลกระทบใด ๆ นอกจากนี้ ทั้งสองบริษัทยังได้ระบุถึง การจดทะเบียนบริษัทใหม่ชื่อ "บริษัท ทรู คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน)" ที่จะใช้เป็นชื่อบริษัทใหม่หลังการควบรวมกิจการสำเร็จ แต่จะยังคงใช้ทั้งแบรนด์ดีแทคและทรู ให้บริการลูกค้า ในแง่ของสัดส่วนการถือครองหุ้น ทั้งสองฝ่ายจะถือหุ้นเท่ากันราว 30% มาตรการเฉพาะ กสทช. ต่อดีลควบรวมทรู-ดีแทค คือ ความหวังสุดท้าย ? ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2565 เมื่อ กสทช. มีมติ "รับทราบ" "ทรู-ดีแทค" ควบรวมกิจการ ภายใต้เงื่อนไขและมาตรการเฉพาะเพื่อลดผลกระทบต่อผู้บริโภค การแข่งขัน และอุตสาหกรรมโทรคมนาคม สังคมได้ตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ของเงื่อนไขดังกล่าวว่า จะสามารถบังคับใช้ได้จริงหรือไม่ แล้วเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้บริโภคเป็นอย่างไรบ้าง การกำหนดเพดานราคาของอัตราค่าบริการเฉลี่ย อัตราค่าบริการเฉลี่ยลดลง 12% โดยใช้วิธีการเฉลี่ยราคาใหม่ ด้วยการถ่วงน้ำหนักตามจำนวนผู้ใช้บริการในแต่ละรายการส่งเสริมการขาย ภายใน 90 วันหลังจากมีการควบรวม ให้มีทางเลือกของราคาที่แยกรายบริการเพื่อให้เป็นทางเลือก ให้นำส่งข้อมูลต้นทุนและข้อมูลที่จำเป็นโดยให้มีหน่วยงานตรวจสอบ ให้ผู้แจ้งการรวมธุรกิจประกาศให้ผู้ใช้บริการรับทราบ เพื่อมีการตรวจสอบและมีบทลงโทษกรณีทำไม่ได้ เช่น ปรับเป็นจำนวนร้อยละของรายได้ หรือปรับเป็นขั้นบันได และเพิกถอนใบอนุญาต การกำหนดราคาค่าบริการ โดยใช้ราคาเฉลี่ยทางเศรษฐศาสตร์ (Average Cost Pricing) ให้นำส่งข้อมูลตามประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำรายงานบัญชีแยกประเภทในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ​. 2564 ให้ครบถ้วน โดยให้แยกรายละเอียดเป็นรายเดือน และนำส่งสำนักงาน กสทช. ทุก 3 เดือน หรือเมื่อ กสทช. ร้องขอ เพื่อใช้ตรวจสอบโครงสร้างต้นทุน โครงสร้างอัตราค่าบริการ และนำมาคำนวณหาต้นทุนรวมเฉลี่ย ซึ่งเป็นราคาในตลาดที่มีการแข่งขัน (Average Cost Pricing) และต้นทุนส่วนเพิ่ม (MC) ที่เป็นปัจจุบันและถูกต้อง Dtac logoที่มาของภาพ,GETTY IMAGES จัดให้มีที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญด้านการสอบทานข้อมูลโครงสร้างต้นทุน อัตราค่าบริการ หรือข้อมูลด้านอัตราต่างๆ ของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในต่างประเทศมาไม่น้อยกว่า 5 ปี โดยให้ กสทช. เป็นผู้กำหนด และให้ผู้ยื่นคำร้องรวมธุรกิจเป็นผู้รับผิดชอบภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดพร้อมจัดจ้างที่ปรึกษา จัดให้มีที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญเพื่อทำหน้าที่สอบทาน (Verify) ความถูกต้องของข้อมูลตรวจสอบโครงสร้างต้นทุน โครงสร้างอัตราค่าบริการ และนำมาคำนวณหาต้นทุนเฉลี่ย (AC) และต้นทุนส่วนเพิ่ม (MC) ที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันของแต่ละรายบริการ เช่น บริการเสียง บริการข้อมูล บริการส่งข้อความ เป็นต้น ปีละ 4 ครั้ง (รายไตรมาส) โดยต้องจัดให้มีที่ปรึกษาเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี หรือตลอดระยะเวลาอายุใบอนุญาตสิ้นสุดลงในกรณีที่อายุใบอนุญาตน้อยกว่า 10 ปี จะต้องมีการกำหนดและแสดงอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แยกตามรายบริการ (Unbundle) เช่น บริการเสียง บริการข้อมูล บริการส่งข้อความ เป็นต้น หรือการส่งเสริม การขายแบบแยกรายบริการ (Unbundle Package) เพื่อให้ผู้ใช้บริการปลายทางได้รับทราบก่อน โดยให้กำหนดอัตราค่าบริการตามต้นทุนเฉลี่ยรายบริการ (Average Cost Pricing) โดยคิดราคาตามที่มีการใช้งานจริง โดยจะต้องไม่มีการกำหนดการซื้อบริการขั้นต่ำไว้ ทั้งนี้ การกำหนดอัตราตามต้นทุนเฉลี่ยรายบริการ (Average Cost Pricing) ให้นำไปใช้กับกรณีค่าบริการส่วนเกินที่เกิดขึ้นจากการใช้บริการรายการส่งเสริมการขายแบบแยกรายบริการ (Unbundle Package) และการส่งเสริมการขายแบบรวมรายบริการ (Bundle Package) ด้วย logo true and AISที่มาของภาพ,THAI NEWS PIX การคงทางเลือกของผู้บริโภค กำหนดให้บริษัท TUC และบริษัท DTN ยังคงแบรนด์การให้บริการแยกจากกัน เป็นระยะเวลา 3 ปี สัญญาการให้บริการ บริษัท TUC และบริษัท DTN จะต้องคงไว้ซึ่งเงื่อนไขของสัญญาและข้อตกลงระหว่างบริษัทและผู้ใช้บริการ รวมถึงผลประโยชน์ที่ได้รับตามที่ได้มีการทำสัญญาหรือข้อตกลงไว้ตามระยะเวลาที่กำหนดในสัญญา เว้นแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของสัญญาที่เป็นคุณหรือเป็นประโยชน์และได้รับการยินยอมจากผู้ใช้บริการแล้ว การประชาสัมพันธ์การให้บริการเพื่อความเชื่อมั่นของผู้ใช้บริการ ภายหลังการรวมธุรกิจ บริษัท TUC และบริษัท DTN จะต้องประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะ เพื่อให้ผู้ใช้บริการทราบถึงการคงไว้ซึ่งคุณภาพในการให้บริการและค่าบริการที่เป็นธรรม และจะต้องกำหนดแนวทางการปฏิบัติเพื่อรักษาคุณภาพของสินค้าและบริการหลังการรวมธุรกิจ โดยสำนักงาน กสทช. อาจกำหนดแนวทางและระยะเวลาการดำเนินการ รวมถึงเงื่อนไขในการปฏิบัติในเรื่องการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้บริษัท TUC และบริษัท DTN ดำเนินการต่อไป
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2565 เมื่อ กสทช. มีมติ "รับทราบ" "ทรู-ดีแทค" ควบรวมกิจการ ภายใต้เงื่อนไขและมาตรการเฉพาะเพื่อลดผลกระทบต่อผู้บริโภค การแข่งขัน และอุตสาหกรรมโทรคมนาคม สังคมได้ตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ของเงื่อนไขดังกล่าวว่า จะสามารถบังคับใช้ได้จริงหรือไม่ แล้วเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้บริโภคเป็นอย่างไรบ้าง การกำหนดเพดานราคาของอัตราค่าบริการเฉลี่ย อัตราค่าบริการเฉลี่ยลดลง 12% โดยใช้วิธีการเฉลี่ยราคาใหม่ ด้วยการถ่วงน้ำหนักตามจำนวนผู้ใช้บริการในแต่ละรายการส่งเสริมการขาย ภายใน 90 วันหลังจากมีการควบรวม ให้มีทางเลือกของราคาที่แยกรายบริการเพื่อให้เป็นทางเลือก ให้นำส่งข้อมูลต้นทุนและข้อมูลที่จำเป็นโดยให้มีหน่วยงานตรวจสอบ ให้ผู้แจ้งการรวมธุรกิจประกาศให้ผู้ใช้บริการรับทราบ เพื่อมีการตรวจสอบและมีบทลงโทษกรณีทำไม่ได้ เช่น ปรับเป็นจำนวนร้อยละของรายได้ หรือปรับเป็นขั้นบันได และเพิกถอนใบอนุญาต การกำหนดราคาค่าบริการ โดยใช้ราคาเฉลี่ยทางเศรษฐศาสตร์ (Average Cost Pricing) ให้นำส่งข้อมูลตามประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำรายงานบัญชีแยกประเภทในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ​. 2564 ให้ครบถ้วน โดยให้แยกรายละเอียดเป็นรายเดือน และนำส่งสำนักงาน กสทช. ทุก 3 เดือน หรือเมื่อ กสทช. ร้องขอ เพื่อใช้ตรวจสอบโครงสร้างต้นทุน โครงสร้างอัตราค่าบริการ และนำมาคำนวณหาต้นทุนรวมเฉลี่ย ซึ่งเป็นราคาในตลาดที่มีการแข่งขัน (Average Cost Pricing) และต้นทุนส่วนเพิ่ม (MC) ที่เป็นปัจจุบันและถูกต้อง จัดให้มีที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญด้านการสอบทานข้อมูลโครงสร้างต้นทุน อัตราค่าบริการ หรือข้อมูลด้านอัตราต่างๆ ของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในต่างประเทศมาไม่น้อยกว่า 5 ปี โดยให้ กสทช. เป็นผู้กำหนด และให้ผู้ยื่นคำร้องรวมธุรกิจเป็นผู้รับผิดชอบภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดพร้อมจัดจ้างที่ปรึกษา จัดให้มีที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญเพื่อทำหน้าที่สอบทาน (Verify) ความถูกต้องของข้อมูลตรวจสอบโครงสร้างต้นทุน โครงสร้างอัตราค่าบริการ และนำมาคำนวณหาต้นทุนเฉลี่ย (AC) และต้นทุนส่วนเพิ่ม (MC) ที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันของแต่ละรายบริการ เช่น บริการเสียง บริการข้อมูล บริการส่งข้อความ เป็นต้น ปีละ 4 ครั้ง (รายไตรมาส) โดยต้องจัดให้มีที่ปรึกษาเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี หรือตลอดระยะเวลาอายุใบอนุญาตสิ้นสุดลงในกรณีที่อายุใบอนุญาตน้อยกว่า 10 ปี จะต้องมีการกำหนดและแสดงอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แยกตามรายบริการ (Unbundle) เช่น บริการเสียง บริการข้อมูล บริการส่งข้อความ เป็นต้น หรือการส่งเสริม การขายแบบแยกรายบริการ (Unbundle Package) เพื่อให้ผู้ใช้บริการปลายทางได้รับทราบก่อน โดยให้กำหนดอัตราค่าบริการตามต้นทุนเฉลี่ยรายบริการ (Average Cost Pricing) โดยคิดราคาตามที่มีการใช้งานจริง โดยจะต้องไม่มีการกำหนดการซื้อบริการขั้นต่ำไว้ ทั้งนี้ การกำหนดอัตราตามต้นทุนเฉลี่ยรายบริการ (Average Cost Pricing) ให้นำไปใช้กับกรณีค่าบริการส่วนเกินที่เกิดขึ้นจากการใช้บริการรายการส่งเสริมการขายแบบแยกรายบริการ (Unbundle Package) และการส่งเสริมการขายแบบรวมรายบริการ (Bundle Package) ด้วย
ข่าวสารทั่วไป สถิติต่างๆ
Summarization
cc-by-nc-4.0
Medical_21821
Medical
จงสรุปใจความสำคัญของบทความ บริหารกายคลายปวดเมื่อย
บริหารกายคลายปวดเมื่อย เพิ่มพลังกล้ามเนื้อ คอลัมน์ โรคน่ารู้ ฉบับที่แล้ว ได้เสนอเรื่อง โรคปวดข้อ ปัญหาระดับชาติที่แอบแฝง โดย พญเล็ก ปริวิสุทธิ์ ท่านได้กล่าวถึงสาเหตุ อาการ และวิธีรักษา พร้อมทั้งแนะนำให้ฟื้นฟูสมรรถภาพของกล้ามเนื้อที่เคลื่อนไหวข้อให้แข็งแรง จะได้ทนทนกับการใช้งาน ฉบับนี้จะขอนำเสนอวิธีการบริหารร่างกายให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ตั้งแต่ศีรษะ ตลอดลงไปถึงปลายเท้า โดยปฏิบัติติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอดังนี้ การปฏิบัติให้พ้นจากอาการปวดเมื่อยต่างๆ โดยการใช้การบริหารร่างกายอย่างง่ายๆ ตั้งแต่ศีรษะตลอดลงมาถึงปลายเท้า โดยปฏิบัติติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอดังนี้ ท่าบริหารคอ นั่งหรือยืนทำหน้ากระจก ท่าที่ 1 มองตรง จากนั้นค่อยๆ หันหน้าไปมองทางซ้ายช้า ๆ หันไปให้มากที่สุดค้างไว้ นับ 1-5 ในใจ แล้วค่อยๆ หันกลับมาทางเดิม ทำใหม่อีกครั้งโดยหันไปทางขวา และทำซ้ำอย่างเดิมข้างละ 5 ครั้ง ท่าที่ 2 มองตรง ค่อยๆ เอียงคอไปทางขวาโดยพยายามเอียงให้ใบหูเข้าใกล้หัวไหล่มากที่สุด ห้ามยกไหล่ขึ้นมา ค้างไว้สักครู่หรือนับ 1-5 ในใจ จากนั้นกลับเข้าสู่ที่เดิม ทำใหม่โดยเอียงไปทางซ้ายและทำสลับกันข้างละ 5 ครั้ง ท่าที่ 3 มองตรง ค่อยๆ เงยคอ ไม่ใช่เงยหน้า ไปข้างหลังให้มากที่สุด นับ 1-5 จากนั้นกลับสู่ที่เดิม แล้วค่อยๆ ก้มคอลงมาให้คางชิดหน้าอกมากที่สุด นับ 1-5 ทำซ้ำ 10 ครั้ง นอกจากท่าบริหารดังกล่าวแล้ว ถ้าท่านมีเวลาท่าจะบริหารกล้ามเนื้อคอให้แข็งแรงขึ้นได้โดยการใช้แรงต้านจากมือท่านเองได้ดังนี้ ท่าที่ 1 มองตรง ลำคอตั้งตรงวางฝ่ามือที่ถนัดของท่านบนหน้าผาก ออกแรงต้านฝ่ามือโดยการก้มคอลงโดยไม่ให้มีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้น นับ 1-5 พัก ทำซ้ำ 5 ครั้ง แรงที่ออกไม่จำเป็นต้องมาก ออกเพียงเล็กน้อยให้กล้ามเนื้อได้ทำงานก็เพียงพอ ท่าที่ 2 มองตรง ลำคอตั้งตรง แนบฝ่ามือที่หลังศีรษะส่วนที่โหนกที่สุดและทำเหมือนข้อ 1 ท่าที่ 3 มองตรง ลำคอตั้งตรงแนบฝ่ามือข้างศีรษะเหนือใบหูเล็กน้อย จากนั้นทำเหมือนข้อ 1 ถ้าท่านมีอาการปวด หรือเมื่อยมากๆ บริเวณลำคอและบ่จากสาเหตุใดๆ ก็ตาม ก่อนบริหารท่านควรจะประคบด้วยผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นจัดๆ สัก 10-15 นาที หรือใช้ผ้าขนหนูห่อนน้ำแข็งทุบละเอียดประคบแทนก็ได้จะช่วยให้ท่านมีอาการดีขึ้น ถ้าท่านทำท่าบริหารท่าใดๆ แล้วมีอาการปวดมากขึ้น ท่านจงหยุดพักสักครู่ เมื่อหายเป็นปกติให้เริ่มใหม่ แต่ถ้าปวดมากขึ้นก็จงหยุดและงดปฏิบัติในท่านั้นๆ เสีย หรือถ้ามีอาการมาก ควรปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด อนึ่งหมอนที่หนุนศีรษะไม่ควรจะสูงและแข็งมากนัก และไม่ควรนอนพาดต้นคอกับที่เท้าแขนเก้าอี้หรือม้านั่งเพราะ จะทำให้เกิดการปวดต้นคอได้ ท่าบริหารไหล่ นั่งหรือยืนทำหน้ากระจก ท่าที่ 1 ชูแขนทั้งสองจากด้านหน้าขึ้นตรง ๆ นับ 1-5 เอาลง ทำซ้ำ 10 ครั้ง ท่าที่ 2 เหวี่ยงแขนทั้งสองไปข้างหลังพร้อมกัน ค้างไว้นับ 1-5 เอาเข้าที่ ทำซ้ำ 10 ครั้ง ท่าที่ 3 กางแขนทั้งสองออกไปทางด้านข้าง และยกขึ้นไปตบมือเหนือศีรษะ 10 ที ท่าที่ 4 กางแขนทั้งสองออกเอามือเตะหัวไหล่ หมุนข้อศอกให้เป็นวงกลมให้กว้างมากที่สุด วนตามเข็มนาฬิกา และทวนเข็มนาฬิกา ทำ 10 ครั้ง ท่าที่ 5 เอามือซ้ายแตะไหล่ขวา และยกศอกให้สูงที่สุด โดยมือยังเตะไหล่อยู่ เอาลงแล้วเปลี่ยนเป็นมือขวาแตะไหล่ซ้ายและยกศอกให้สูงที่สุด ทำสลับกัน 10 ครั้ง ถ้าท่านมีอาการอักเสบที่ข้อไหล่ เนื่องจากสาเหตุใดๆ ก็ตาม จะไม่สามารถใช้แขนข้างนั้นได้ตามปกติ และอาจจะมีการติดขัดเคลื่อนไหวไม่ได้ในทิศทางที่ต้องการ ให้ท่านทำท่าบริหารดังกล่าวโดยใช้แขนข้างดีช่วยเหลือหรือทำท่าบริหารดังนี้ ท่าที่ 1 ยืนหันหน้าเข้าหาฝาผนังห่างพอประมาณ ยื่นมือของแขนข้างเจ็บไปเตะฝาผนังตรงหน้า ค่อยๆ ไต่นิ้วมือไปตามฝาผนังนั้นให้สูงที่สุด โดยยืนตัวตรงไม่แอ่นตัวไปข้างหน้าหรือเอียงตัวไปด้านตรงข้าม ทำเครื่องหมายไว้ทุกครั้งที่ทำเพื่อดูผลคืบหน้า ท่าที่ 2 ยืนหันข้างเอาด้านที่ผิดปกติเข้าหาฝาผนัง ให้ห่างพอประมาณ ยื่นมือไปแตะฝาผนังและไต่มือขึ้นไปให้สูงสุดเท่าที่จะได้ โดยลำตัวตรงไม่แอ่นหรือเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง ท่าที่ 3 ยืนหันข้างเอาแขนข้างดีเข้าหาขอบโต๊ะ มือท้าวขอบโต๊ะไว้ ก้มตัวเล็กน้อย มือของแขนข้างไหล่ติดถือของมีน้ำหนักพอดี และมีที่จัดถนัดมือ เช่น เตารีด จากนั้นค่อยๆ แกว่งแขนไปข้างหน้า-ข้างหลัง แกว่งผ่านหน้าไปทางซ้ายทางขวา และเป็นวงกลม จนรู้สึกเมื่อยก็พัก การแกว่างจะต้องพยายามให้เกิดเองจากแรงเหวี่ยงไม่ได้เกิดจากการเกร็งของกล้ามเนื้อไหล่จึงจะได้ประโยชน์ ท่าที่ 4 ใช้ผ้าเช็ดตัวหรือผ้าขาวม้าประมาณครึ่งเมตร มือจับปลายผ้าทั้งสอบข้างไว้ โดยแขนหนึ่งงอศอกเหนือศีรษะ อีกแขนงอศอกและไขว้หลังไว้ค่อยๆ ดึงขึ้นลงเสมือนท่านกำลังเช็ดหลังท่านเอง ทำซ้ำโดยเปลี่ยนมือ ถ้าท่านมีอาการปวดมากบริเวณหัวไหล่ ก่อนการบริหารท่านควรจะประคบด้วยผ้าขนหนุชุบน้ำอุ่นจัดๆ หรือน้ำเย็นจัดดังกล่าวข้างต้น แล้วค่อยทำการบริหาร ขณะท่านบริหารท่านจะรู้สึกขัดยอก หรือเจ็บเล็กน้อย ท่านไม่ต้องตกใจ เมื่อหยุดบริหารก็จะหายเป็นปกติ และให้ท่านใช้แขนข้างนั้นอย่างปกติธรรมดา แต่อย่าใช้งานหนักมากเพราะจะทำให้อักเสบมากขึ้นได้ เช่น ถ้าท่านจำเป็นต้องใช้ข้างนั้นโหนรถเมล์ก็ให้งดเสียและเปลี่ยนเป็นใช้แขนข้างดีแทน ถ้ามีอาการอักเสบมากขึ้น หรือมีอาการปวดมากร้าวมากตามแขนมือ หรือมีอาการชาให้ปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดทันที เมื่อท่านมีอาการอักเสบของเส้นเอ็นบริเวณข้อศอกด้านนอก ด้านนิ้วหัวแม่มือ เนื่องจากเอ็นบริเวณนั้นถูกยึดอย่างแรงจากสาเหตุใดๆ ก็ตาม และเมื่อท่านเอานิ้วมือกดลึกๆ บริเวณศอกทางด้านข้างๆ จะรู้สึกเจ็บมากกว่าบริเวณอื่นๆ ให้ท่านปฏิบัติดังนี้ งอศอกข้างที่เป็นประมาณ 90 องศา และวางแขนและมือบนหน้าตักของท่านจากนั้นใช้นิ่วหัวแม่มือข้างดีกดลึกๆ บริเวณที่เจ็บที่สุด อีกสี่นิ้วอ้อมจับข้อศอกเพื่อเป็นตัวยึดไว้ กดนิ้วหัวแม่มือลงและค่อยๆ เคลื่อนไปมาประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นให้ท่านบริหาราข้อศอกโดนการงอศอกเข้ามาจนนิ้วมือแตะหัวไหล่แลเหยียดอกเต็มที่โดยคว่ำมือลงทำทุกวันอาการจะดีขึ้นเรื่อยๆ และหายไปในที่สุด ระหว่างนั้นงดใช้งานหนัก
การบริหารร่างกายเพื่อความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เพื่อลดอาการปวดและเมื่อยมาก และเพิ่มพลังและความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อต่างๆ ตั้งแต่ศีรษะลงไปถึงเท้า ดังนี้ ท่าบริหารคอ: ท่าที่ 1: มองตรง หันหน้าไปทางซ้าย ค้างไว้ นับ 1-5 แล้วหันกลับมาทางเดิม ทำซ้ำในทิศทางตรงข้าม 5 ครั้ง ท่าที่ 2: ยืนหรือนั่งมองตรง แล้วเอียงคอไปทางขวา ค้างไว้ นับ 1-5 แล้วเอียงกลับมาทางเดิม ทำซ้ำในทิศทางตรงข้าม 5 ครั้ง ท่าที่ 3: มองตรง แล้วเงยคอขึ้น ค้างไว้ นับ 1-5 แล้วลดคอลงและก้มคอมาทางหน้าอก นับ 1-5 ทำซ้ำ 10 ครั้ง ท่าบริหารไหล่: ท่าที่ 1: ยืนหรือนั่ง ลำตัวตรง ยกไหล่ขึ้น-ลง ทำซ้ำ 10 ครั้ง ท่าที่ 2: ยืนหรือนั่ง ให้แขนงอศอกและถือหลังมุมไหล่ กางแขนออกไปทางด้านข้าง ท่าท่านรู้สึกยืดหลัง ค้างไว้ นับ 1-5 แล้วกลับสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำ 10 ครั้ง ท่าบริหารหลัง: ท่าที่ 1: นอนหงายหน้าพื้น หยิบขาขึ้นมาทางด้านข้าง ใช้มือกอดเข่ามาหาหน้าท้อง ค้างไว้ นับ 1-5 แล้วทำกับข้างที่ตรงข้าม ทำซ้ำ 10 ครั้ง ท่าที่ 2: นอนหงายหน้าพื้น หน้าเขาหันลง แล้วยกลำตัวขึ้น เหมือนท่าปั้นดิน ค้างไว้ นับ 1-5 แล้วลดลำตัวลง ทำซ้ำ 10 ครั้ง ท่าบริหารแขน: ท่าที่ 1: ยืนหรือนั่ง แขนงอศอก ยกแขนขึ้นลง ทำซ้ำ 10 ครั้ง ท่าที่ 2: ยืนหรือนั่ง ให้แขนงอศอกและทำท่าบริหารโดยการแกว่งแขนไปข้างหน้า-ข้างหลัง และวงกลม ทำซ้ำ 10 ครั้ง ท่าบริหารขา: ท่าที่ 1: ยืนหรือนั่ง ยกขาขึ้น-ลง ทำซ้ำ 10 ครั้ง ท่าที่ 2: ยืนหรือนั่ง งอขาทั้งสองข้างแล้วเหยียดออกไป ทำซ้ำ 10 ครั้ง ท่าบริหารเท้า: ท่าที่ 1: นั่งบนเก้าอี้ ยกส้นเท้าขึ้น-ลง ทำซ้ำ 10 ครั้ง ท่าที่ 2: นอนหงายยืดขาออกแล้วทำการหมุนเท้าในทิศทางต่างๆ ทำซ้ำ 10 ครั้ง
ออร์โธปิดิกส์ (ออร์โธปิดิกส์) - Orthopedics
Summarization
cc-by-nc-4.0
Finance_1728
Finance
วิธีที่ควรใช้คัดเลือกประกันสุขภาพ และ ประกันมะเร็ง ต้องดูเรื่องอะไรกันบ้าง
null
วิธีที่ควรใช้คัดเลือกประกันสุขภาพ และ ประกันมะเร็ง ต้องดูเรื่องดังต่อไปนี้ 1. “วงเงินความคุ้มครอง” เหมาะสม หากต้องการให้ประกันสุขภาพ ครอบคลุมค่าใช้จ่ายการรักษา ทั้งโรคทั่วไป โรคร้ายแรง และช่วยให้สามารถเข้าถึงนวัตกรรมการรักษารูปแบบใหม่ที่ดียิ่งขึ้นได้ในอนาคต แนะนำว่าอาจต้อง “เลือก” แบบประกันฯ ที่มีความคุ้มครองขั้นต่ำราว 3 – 5 ล้านบาท ก็จะช่วยให้สบายใจยิ่งขึ้นเมื่อเข้ารับการรักษา 2. “ค่าห้องพัก” ใกล้เคียงกับ รพ. ที่ใช้ประจำ ค่าห้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน และโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ มีความแตกต่างกันมาก โดยโรงพยาบาลรัฐฯ จะมีค่าห้องผู้ป่วยปกติอยู่ที่ประมาณ 2,500 -3,500 บาทต่อคืน ส่วนโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ จะอยู่ที่ประมาณ 8,000 บาทต่อคืนขึ้นไป ดังนั้นควรดูให้ดีว่า กรมธรรม์ที่เลือก มีวงเงิน “ค่าห้อง” สอดคล้องกับโรงพยาบาลที่ใช้ประจำหรือเปล่า 3. ไม่ปฏิเสธการต่ออายุ อาจเคยได้ยินว่ามีคนถูกบริษัทประกันปฏิเสธการต่ออายุความคุ้มครอง ซึ่งมักเกิดขึ้นหลังจากเราพบว่าเป็นโรคร้ายแรงแล้ว และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะเริ่มทำประกันใหม่กับบริษัทอื่น เพื่อให้มีความคุ้มครองครบถ้วนหลังจากที่มีประวัติโรคร้ายแรง ดังนั้น จึงควรเลือกทำประกันที่ไม่ปฏิเสธการต่ออายุ เพื่อเป็นหลักประกันว่าเรายังมีความคุ้มครองต่อเนื่องได้ตลอดการรักษาตัว 4. ค่าเบี้ยฯ หลังเกษียณไม่แพงก้าวกระโดด หลายคนอาจนึกไม่ถึงว่า ค่าเบี้ยฯ หลังเกษียณอายุ 55 ปี หรือ 60 ปี ไปจนถึงเสียชีวิตหรือสิ้นสุดระยะเวลาคุ้มครองสูงสุด จะต้องเตรียมเงินล่วงหน้าไว้เท่าไหร่ รู้หรือไม่ว่า ยิ่งอายุมากขึ้น ค่าเบี้ยฯ ก็มักจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ดังนั้นอย่าลืมดูค่าเบี้ยฯ ให้ดี 4.1 เลือกกรมธรรม์ทั้งแบบจ่ายเงินก้อน + แบบจ่ายวงเงินค่ารักษาฯ โดยหลักแล้ว ความคุ้มครองจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ – แบบจ่ายเงินก้อน : ได้รับเมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง – แบบจ่ายวงเงินค่ารักษาฯ : คุ้มครองการรักษาฯ ตามวงเงินที่กำหนด อย่างไรก็ตาม แนะนำว่าควรมีทั้งกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองแบบ “เงินก้อน” และ “วงเงินค่ารักษาฯ” เพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นจริง ที่จำเป็นต้องมี “เงินก้อน” เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำรอง และจำเป็นต้องมี “เงินค่ารักษาพยาบาล” ในระหว่างที่รักษาตัว 4.2 ตรวจสอบการปรับขึ้นของค่าเบี้ยฯ ลักษณะการคิดค่าเบี้ยประกันรายปี มีด้วยกัน 2 รูปแบบ ได้แก่ – ค่าเบี้ยประกันแบบคงที่ – ค่าเบี้ยประกันแบบปรับเพิ่มขึ้นตามช่วงอายุ แนะนำให้เลือกค่าเบี้ยประกันแบบคงที่ จะคุ้มค่ากว่า เนื่องจากหากทำประกันประเภทนี้ตอนอายุยังน้อย ค่าเบี้ยประกันก็จะยิ่งถูก และจะช่วยให้วางแผนการเงินในระยะยาวได้ชัดเจนขึ้นว่า ต้องเตรียมเงินค่าเบี้ยประกันไว้เท่าไหร่ 4.3 สำรวจข้อยกเว้น ว่าไม่คุ้มครองมะเร็งชนิดใด สิ่งที่จะลืมไม่ได้อีกเรื่องก็คือ การตรวจเช็กข้อยกเว้นความคุ้มครองของกรมธรรม์ให้ดี ว่าครอบคลุมการเป็นมะเร็งชนิดใดบ้าง เพราะบางกรมธรรม์ อาจจะไม่คุ้มครองหากเป็นมะเร็งผิวหนัง เป็นต้น
ตลาดการเงิน & ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน,ความรู้ทางการเงิน
Open QA
cc-by-nc-4.0
Finance_40410
Finance
ข้อคำนึงสำหรับแหล่งพักเงินที่แปลงเป็นเงินสดได้เร็วมีเรื่องใดบ้าง
null
แหล่งพักเงิน” ที่สามารถแปลงเป็นเงินสดได้เร็วมีด้วยกัน 2 กลุ่ม คือ บัญชีเงินฝากทั้งแบบบัญชีออมทรัพย์อัตราดอกเบี้ยพิเศษและบัญชีฝากประจำ และกองทุนรวมตราสารหนี้โดยมีตั้งแต่กองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น (Money Market) และกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีอายุตราสาร (Duration) เกิน 1 ปี ซึ่งจะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า โดยมีสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจและใช้ความระมัดระวังที่แตกต่างกัน ดังนี้ 1. ระยะเวลาในการเปลี่ยนเป็นเงินสดของกองทุนรวมตราสารหนี้ หากเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น เมื่อขายออกจะได้รับเงินสดในวันทำการถัดไป (T+1) ส่วนกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะกลาง บางกองทุนอาจจะต้องรอ 2 วันทำการ (T+2) หรืออาจมีข้อจำกัดตามแต่ที่กองทุนนั้นๆ ระบุไว้ 2. ความผันผวนของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) กองทุนรวมตราสารหนี้ เนื่องจากผู้จัดการกองทุนมักจะลงทุนในตราสารหนี้ (หุ้นกู้, พันธบัตร) ที่ซื้อขายในตลาดรอง ซึ่งจำเป็นต้องมีการแสดงราคาตลาดให้เป็นปัจจุบัน (Mark to Market) ตามราคาที่มีการซื้อขายในตลาดในแต่ละวัน ทำให้มีโอกาสที่ NAV จะลดลงหากราคาตราสารหนี้ลดลง จากสาเหตุต่างๆ ดังนี้ - การผิดนัดชำระหนี้ของผู้ออกตราสารหนี้ - อันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ที่ลดลงจากสถานะการดำเนินงานของผู้ออกตราสารหนี้ - อัตราดอกเบี้ยตราสารหนี้ฉบับใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ราคาตราสารหนี้เดิมต้องลดราคา เพื่อให้ผู้ซื้อรายใหม่ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับตราสารหนี้ออกใหม่ - อัตราแลกเปลี่ยนมีการเปลี่ยนแปลง กรณีมีการนำเงินไปลงทุนต่างประเทศ 3. การเปลี่ยนแปลงของภาวะอัตราดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ยจะมีการปรับขึ้นลงตามสภาวะเศรษฐกิจ ในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น ราคาหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารหนี้ ณ สิ้นวัน อาจปรับตัวลดลงจนทำให้นักลงทุนมีโอกาสขาดทุนหรือได้ผลตอบแทนลดลง ในขณะที่การฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์มีโอกาสได้ดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้น ถึงแม้ปัจจุบันดอกเบี้ยนโยบายของไทยยังอยู่ในระดับ “คงที่” แต่ด้วยแรงกดดันจากภายนอกและแนวโน้มเงินเฟ้อที่ค่อยๆ ปรับตัวขึ้น ทำให้ในอนาคตข้างหน้า ประเทศไทยก็มีโอกาสที่ดอกเบี้ยจะอยู่ในขาขึ้นเช่นกัน ดังนั้น ทางเลือกที่น่าสนใจ คือการฝากเงินออมทรัพย์ดอกเบี้ยพิเศษ หรือฝากประจำระยะไม่เกิน 1 ปี มากกว่าการลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น
ความรู้ทางการเงิน
Open QA
cc-by-nc-4.0
Finance_43634
Finance
จงแต่งเรื่องสั้นโดยมีข้อคิดว่า...ทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย มีมูลค่าคงทน สามารถรักษามูลค่าเงินของคุณไว้ได้ในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน
null
แสงทองในเงามืด ท่ามกลางความวุ่นวายของตลาดการเงิน ณ ใจกลางกรุงเทพมหานคร ชายหนุ่มนามว่า "ธันวา" กำลังนั่งจิบกาแฟยามเช้า สายตาของเขากวาดมองไปยังตึกสูงระฟ้าที่เรียงรายอยู่ตรงหน้า เต็มไปด้วยบรรดาบริษัทหลักทรัพย์และธนาคารใหญ่ ๆ ใจของเขาเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นและกังวล zugleich ธันวาเพิ่งจบการศึกษาใหม่ไฟแรง เต็มไปด้วยความฝันที่จะประสบความสำเร็จในโลกการเงิน เขาใฝ่ฝันอยากเป็นนักลงทุนที่เก่งกาจ สามารถอ่านเกมการเงินและทำกำไรจากการลงทุนได้ แต่เขาก็รู้ดีว่าหนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล เต็มไปด้วยอุปสรรคและความท้าทาย ทันใดนั้น ธันวาก็เหลือบไปเห็นชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่บนม้านั่งตรงข้าม ชายชรามีใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม อบอุ่นและใจดี ธันวาตัดสินใจเดินเข้าไปหาและทักทาย "สวัสดีครับคุณลุง" ธันวาเอ่ย "สวัสดีลูก" ชายชรากลับรอยยิ้ม "ผมชื่อธันวาครับ เพิ่งจบใหม่ ไฟแรงอยากลงทุนในตลาดการเงิน" ธันวาแนะนำตัวเอง "ดีใจที่ได้รู้จักนะลูก ลุงชื่อ 'ทองคำ' ล่ะ" ชายชราแนะนำตัว ธันวาตกใจเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าจะได้พบกับชายชราที่ชื่อ "ทองคำ" จริง ๆ ในชีวิต ชายชราผู้นี้เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งและความมั่นคง "คุณลุงครับ มีคำแนะนำอะไรสำหรับผมบ้างไหมครับ เกี่ยวกับการลงทุนในตลาดการเงิน" ธันวาถาม "แน่นอนลูก" ชายชราตอบ "ก่อนอื่นเลย จำไว้ว่าตลาดการเงินนั้นเต็มไปด้วยความเสี่ยง มีขึ้นมีลงอยู่เสมอ สิ่งสำคัญคือต้องรู้จัก 'กระจายความเสี่ยง' อย่าทุ่มเทเงินทั้งหมดลงทุนในสินทรัพย์ประเภทเดียว" "แล้วสินทรัพย์ประเภทไหนที่ควรลงทุนครับ" ธันวาถามต่อ "ลองพิจารณา 'ทองคำ' ดูสิลูก" ชายชราแนะนำ "ทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย มีมูลค่าคงทน สามารถรักษามูลค่าเงินของคุณไว้ได้ในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน" ธันวาครุ่นคิดคำพูดของชายชรา เขาเคยได้ยินมาว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ควรมีไว้ในพอร์ตการลงทุน แต่เขาก็ไม่เคยศึกษาอย่างจริงจังมาก่อน "แล้วผมจะรู้ได้อย่างไรว่า 'เวลาไหน' ควรซื้อหรือขายทองคำครับ" ธันวาถาม "ต้องอาศัยการ 'ติดตามข่าวสาร' อยู่เสมอ วิเคราะห์ปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมือง และตลาดการเงินอย่างละเอียด" ชายชราตอบ "ที่สำคัญต้อง 'ใจเย็น' อย่ารีบร้อนตัดสินใจ ซื้อหรือขายตามกระแส" ธันวาขอบคุณคำแนะนำของชายชรา เขารู้สึกเหมือนได้รับแสงสว่างนำทางท่ามกลางความมืดมิดของโลกการเงิน "ขอบคุณมากครับคุณลุง ผมจะนำคำแนะนำของคุณไปปรับใช้" ธันวากล่าว "ยินดีเสมอลูก" ชายชราตอบ ธันวาลาก่อนชายชราและเดินกลับไปที่ออฟฟิศ เขารู้สึกมั่นใจมากขึ้น พร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทายในโลกการเงิน เขารู้ดีว่า 'ทองคำ' เปรียบเสมือนแสงสว่างนำทาง คอยส่องประกายให้เขาผ่านพ้นอุปสรรค และประสบความสำเร็จในเส้นทางการลงทุน
ตลาดการเงิน & ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน
Creative writing
cc-by-nc-4.0