The full dataset viewer is not available (click to read why). Only showing a preview of the rows.
The dataset generation failed
Error code:   DatasetGenerationError
Exception:    ArrowInvalid
Message:      Failed to parse string: 'REFACE' as a scalar of type int64
Traceback:    Traceback (most recent call last):
                File "/src/services/worker/.venv/lib/python3.9/site-packages/datasets/builder.py", line 1870, in _prepare_split_single
                  writer.write_table(table)
                File "/src/services/worker/.venv/lib/python3.9/site-packages/datasets/arrow_writer.py", line 622, in write_table
                  pa_table = table_cast(pa_table, self._schema)
                File "/src/services/worker/.venv/lib/python3.9/site-packages/datasets/table.py", line 2292, in table_cast
                  return cast_table_to_schema(table, schema)
                File "/src/services/worker/.venv/lib/python3.9/site-packages/datasets/table.py", line 2245, in cast_table_to_schema
                  arrays = [
                File "/src/services/worker/.venv/lib/python3.9/site-packages/datasets/table.py", line 2246, in <listcomp>
                  cast_array_to_feature(
                File "/src/services/worker/.venv/lib/python3.9/site-packages/datasets/table.py", line 1795, in wrapper
                  return pa.chunked_array([func(chunk, *args, **kwargs) for chunk in array.chunks])
                File "/src/services/worker/.venv/lib/python3.9/site-packages/datasets/table.py", line 1795, in <listcomp>
                  return pa.chunked_array([func(chunk, *args, **kwargs) for chunk in array.chunks])
                File "/src/services/worker/.venv/lib/python3.9/site-packages/datasets/table.py", line 2102, in cast_array_to_feature
                  return array_cast(
                File "/src/services/worker/.venv/lib/python3.9/site-packages/datasets/table.py", line 1797, in wrapper
                  return func(array, *args, **kwargs)
                File "/src/services/worker/.venv/lib/python3.9/site-packages/datasets/table.py", line 1949, in array_cast
                  return array.cast(pa_type)
                File "pyarrow/array.pxi", line 996, in pyarrow.lib.Array.cast
                File "/src/services/worker/.venv/lib/python3.9/site-packages/pyarrow/compute.py", line 404, in cast
                  return call_function("cast", [arr], options, memory_pool)
                File "pyarrow/_compute.pyx", line 590, in pyarrow._compute.call_function
                File "pyarrow/_compute.pyx", line 385, in pyarrow._compute.Function.call
                File "pyarrow/error.pxi", line 154, in pyarrow.lib.pyarrow_internal_check_status
                File "pyarrow/error.pxi", line 91, in pyarrow.lib.check_status
              pyarrow.lib.ArrowInvalid: Failed to parse string: 'REFACE' as a scalar of type int64
              
              The above exception was the direct cause of the following exception:
              
              Traceback (most recent call last):
                File "/src/services/worker/src/worker/job_runners/config/parquet_and_info.py", line 1417, in compute_config_parquet_and_info_response
                  parquet_operations = convert_to_parquet(builder)
                File "/src/services/worker/src/worker/job_runners/config/parquet_and_info.py", line 1049, in convert_to_parquet
                  builder.download_and_prepare(
                File "/src/services/worker/.venv/lib/python3.9/site-packages/datasets/builder.py", line 924, in download_and_prepare
                  self._download_and_prepare(
                File "/src/services/worker/.venv/lib/python3.9/site-packages/datasets/builder.py", line 1000, in _download_and_prepare
                  self._prepare_split(split_generator, **prepare_split_kwargs)
                File "/src/services/worker/.venv/lib/python3.9/site-packages/datasets/builder.py", line 1741, in _prepare_split
                  for job_id, done, content in self._prepare_split_single(
                File "/src/services/worker/.venv/lib/python3.9/site-packages/datasets/builder.py", line 1897, in _prepare_split_single
                  raise DatasetGenerationError("An error occurred while generating the dataset") from e
              datasets.exceptions.DatasetGenerationError: An error occurred while generating the dataset

Need help to make the dataset viewer work? Make sure to review how to configure the dataset viewer, and open a discussion for direct support.

Book
int64
Page
int64
LineNumber
int64
Text
string
1
1
1
คำนำ
1
1
2
วิธีแสดงไวยากรณ์ของตันติภาษา [ ภาษามีแบบแผน ] นั้น
1
1
3
นักปราชญ์ทั้งหลายได้จัดไว้เป็นหมวดหมู่ละม้ายคล้ายคลึงกัน จนให้
1
1
4
สันนิษฐานได้ว่า ภาษาเหล่านี้คงจะมีอริยกภาษาเป็นมูลเดิม จะขอ
1
1
5
กล่าวย่อ ๆ แต่ภาษาที่ข้าพเจ้าได้ทราบอยู่บ้างเล็กน้อย คือบาลีภาษา ๑
1
1
6
สันสกฤตภาษา ๑ อังกฤษภาษา ๑ ในภาษาทั้ง ๓ นั้น ในบาลี
1
1
7
ภาษา นักปราชญ์ท่านจัดไวยากรณ์เป็นหมวด ๆ กัน ๙ หมวด ดังนี้
1
1
8
อักขรวิธี แสดงอักษรพร้อมทั้งฐานกรณ์เป็นต้น ๑ สนธิ ต่ออักษร
1
1
9
ที่อยู่ในคำอื่น ให้เนื่องเป็นอันเดียวกัน ๑ นาม แจกชื่อคน, สัตว์,
1
1
10
ที่, สิ่งของต่าง ๆ, สัพพนาม แจกศัพท์ ที่สำหรับใช้แทนนามที่
1
1
11
ออกชื่อแล้ว เพื่อจะได้ไม้เรียกซ้ำให้รกโสต ๒ อย่างนี้พร้อมทั้งลิงคะ
1
1
12
วจนะ วิภัตติ ๑ สมาสย่อนามตั้งแต่ ๒ ขึ้นไป ให้เป็นบทเดียวกัน ๑
1
1
13
ตัทธิต ใช้ปัจจัยแทนศัพท์ให้น้อยลง มีเนื้อความได้เต็มที่ ๑ อาขยาต
1
1
14
แจกกิริยาศัพท์ พร้อม วจนะ บุรุษ วิภัตติ กาล บอก กัตตุ
1
1
15
กรรม และภาพ ๑ กฤต ใช้ปัจจัยเป็นเครื่องกำหนดรู้สาธนะหรือ
1
1
16
กาล ๑ อุณณาทิ มีวิธีใช้ปัจจัยคล้ายกฤต แต่มักเป็นปัจเจกปัจจัย
1
1
17
โดยมาก ๑ การก แสดงลักษณะของคำพูด ๑ ถ้านับรวมทั้ง
1
1
18
ฉันทลักษณะที่ท่านจัดไว้ เป็นหมวดหนึ่งต่างหาก มิได้สงเคราะห์เข้า
1
1
19
ในมูลไวยากรณ์ก็เป็น ๑๐ หมวด.
1
1
20
ในสันสกฤตภาษา ก็ไม่สู้จะต่างจากบาลีภาษา ต่างกันเล็ก
1
1
21
น้อย ในสันสกฤต มีวจนะเป็น ๓ คือ เอกวจนะ คำพูดถึงคง หรือ
1
2
1
ของสิ่งเดียว ๑ ทวิวจนะ คำพูดถึงคนหรือของ ๒ สิ่ง ๑ พหุวจนะ
1
2
2
คำพูดถึงคนหรือของมาก ๑. ส่วนในบาลีภาษามีวจนะแต่ ๒ คือ
1
2
3
เอกวจนะ ๑ พหุวจนะ ๑ และในภาษาสันสกฤตมีวิภัตติอาขยาต ๑๐
1
2
4
หมู่ ในบาลีภาษามีแต่ ๘ หมู่เป็นต้น. ในอังกฤษภาษา นักปราชญ์ชาว
1
2
5
ประเทศนั้น แบ่งไวยากรณ์ ( GRAMMAR ) ของตน เป็น ๔ ส่วน
1
2
6
เรียกชื่อว่า ORTHOGRAPHY สอนให้ว่าและเขียนถ้อยคำนั้น ๆ
1
2
7
ให้ถูกต้องตามตัวอักษรเหมือนกับอักขรวิธีในบาลีภาษา ๑ ETYMO-
1
2
8
LOGY แสดงประเภทแห่งถ้อยคำนั้น ๆ ที่ออกจากต้นเดิมของตน ๆ
1
2
9
เหมือนกับนามเป็นต้นในบาลีภาษา ๑ SYNTAX เรียบเรียงมาตรา
1
2
10
แห่งถ้อยคำนั้น ๆ ที่กล่าวมาในเอติโมโลยี ส่วนที่ ๑ แล้ว ให้เป็นประโยค
1
2
11
เหมือนกับการกในบาลีภาษา ๑ PROSODY แสดงวิธีอ่านเสียง
1
2
12
หนัก เบา ยาว สั้น ดัง ค่อย หยุดตามระยะที่สมควร และวิธีแต่งโคลง
1
2
13
กลอน เหมือนกับฉันทลักษณะในบาลีภาษา ๑ แต่ในเอติโมโลยีส่วน
1
2
14
ที่ ๒ นั้น แบ่งออกเป็นวจนวิภาค ๙ ส่วน คือ NOUN คำพูดที่เป็น
1
2
15
ชื่อคน , ที่, และสิ่งของ ตรงกันกับนามศัพท์ ๑ ADJECTIVE คำพูด
1
2
16
สำหรับเพิ่มเข้ากับนามศัพท์ เพื่อจะแสดงความดีหรือชั่วของนามศัพท์นั้น
1
2
17
ตรงกับคุณศัพท์หรือบทวิเศษ ๑ ARTICLE คำพูดสำหรับนำหน้า
1
2
18
นามศัพท์ เพื่อเป็นเครื่องหมายนามศัพท์ ที่คนพูดและคนเขียน
1
2
19
นิยมและไม่นิยม อาการคล้ายกับ เอก ศัพท์ ต ศัพท์ ที่สำเร็จรูป
1
2
20
เป็น เอโก เป็น โส แต่จะว่าเหมือนแท้ก็ไม่ได้ เพราะอาติกล A
1
2
21
หรือ AN ท่านไม่ได้สงเคราะห์เข้าในสังขยา มีคำใช้ในสังขยาที่
1
3
1
แปลว่าหนึ่งต่างหาก ส่วนเอกศัพท์นี้ สงเคราะห์เข้าในสังขยา และ
1
3
2
อาติกล THE เล่า ก็ไม่เหมือน ต ศัพท์แท้ เพราะมีคำอื่นที่ใช้เหมือน
1
3
3
ต ศัพท์ อนึ่ง เอก ศัพท์และ ต ศัพท์นั้น เป็นศัพท์นาม อาติกลนี้
1
3
4
ท่านมิได้สงเคราะห์เข้าในศัพท์นาม แต่นักปราชญ์ทั้งหลายชั้นหลัง ๆ
1
3
5
พิจารณาเห็นว่า อาติกลนี้ ไม่ต่างอะไรกับคุณศัพท์ [ คำพูดที่ ๒ ]
1
3
6
ไม่ควรจะยกเป็นแผนกหนึ่งต่างหาก จึงสงเคราะห์เข้าเสียในคุณศัพท์
1
3
7
คงเหลือวจนวิภาคแต่ ๘ ส่วนเท่านั้น ๑, PRONOUN คำพูดสำหรับใช้
1
3
8
แทนนามศัพท์ เพื่อจะได้ไม่ซึ่ง ๆ ซาก ๆ อันเป็นทีรำคาญโสต ตรงกัน
1
3
9
กับสัพพนาม ๑, VERB กิริยาศัพท์พร้อมวจนะ ( NUMBER ),บุรุษ
1
3
10
( PERSON ) วิภัตติ ( MOOD ) กาล ( TENSE ) จัดเป็นสกัมมธาตุ
1
3
11
กัตตุกิริยา ( ACTIVE VERB ) กัมมกิริยา ( PASSIVE VERB )
1
3
12
อกัมมธาตุ ( NEUTER VEREB ) อัพยยกิริยา ( INFINITIVE )
1
3
13
กฤตกิริยา ( PARTICIPLE ) ๑ , ADVERB คำพูดสำหรับเพิ่มเข้ากับ
1
3
14
กิริยาศัพท์และคุณศัพท์ บางทีกับแอดเวิบเอง เพื่อจะแสดงศัพท์เหล่านั้น
1
3
15
ว่าเป็นอย่างไร ดีหรือชั่ว เร็วหรือช้า เป็นต้น เหมือนคุณศัพท์
1
3
16
สำหรับเพิ่มเข้ากับนามศัพท์ฉะนั้น ตรงกับกิริยาวิเศษ และอัพยยศัพท์
1
3
17
และอุปสัค ๑, PREPOSITION เป็นวิภัตติสำหรับวางหน้านามศัพท์
1
3
18
หลังกิริยาศัพท์ด้วยกัน เพื่อจะแสดงให้ศัพท์นั้นมีเนื้อความ
1
3
19
เนื่องกัน แสดงอุทาหรณ์ในภาษาสยามเหมือนหนึ่งว่าศัพท์คือ เสื้อคน
1
3
20
มีความเป็น ๒ อย่าง ครั้นลง เปรโปสิชัน คือ ของ หน้านามศัพท์
1
3
21
คือ คน ก็ได้ความเป็นอันเดียวกันว่า " เสื้อของคน " จะเทียบ
1
4
1
ด้วยบาลีภาษา หรือ สันสกฤตภาษา ก็ไม่ชัดความ เพราะภาษาทั้ง ๒
1
4
2
ไม่ใช้เปรโปสิชันตรง เหมือนภาษาอังกฤษและภาษาสยามของเรา
1
4
3
ใช้เปลี่ยนที่สุดนามศัพท์นั้น ๆ เอง ตามความที่จะต้องลงเปรโปสิชัน
1
4
4
เหมือนภาษาลตินและภาษาคริก แต่ข้าพเจ้าเห็นหนังสือไวยากรณ์บาลี
1
4
5
และสันสกฤต ที่นักปราชญ์ชาวยุโรปแต่งไว้ ท่านแสดงเปรโปสิชันว่า
1
4
6
เป็นอุปสัค ข้าพเจ้ายังจับเหตุไม่ได้ เพราะเห็นวิธีที่ใช้ เปรโปสิชัน ใน
1
4
7
ภาษาอังกฤษอย่างหนึ่ง ใช้วิธีอุปสัคในภาษาบาลีอย่างหนึ่ง ไม่เหมือน
1
4
8
กัน ถ้าจะเทียบแล้ว เห็นว่าอุปสัคคล้ายแอดเวิบ คือกิริยาวิเศษ
1
4
9
เพราะนำหน้ากิริยา เพื่อจะแสดงกิริยานั้นให้ดีขึ้นหรือให้ชั่วลง จะเห็น
1
4
10
ง่ายกว่า ๑, CONJUNCTION คำพูดสำหรับต่อศัพท์หรือประโยคให้
1
4
11
เนื่องกัน ตรงกับนิบาตบางพวกมี จ และ วา เป็นต้น ที่นักปราชญ์
1
4
12
ชาวยุโรปให้ชื่อว่า PARTICLE OR INDECLINABLE ๑,
1
4
13
INTERJECTION คำพูดสำหรับแสดงความอัศจรรย์หรือความตกใจ
1
4
14
ตรงกันกับนิบาตบางพวกมี อโห เป็นต้น.
1
4
15
เอติโมโลยี ส่วนที่ ๒ ท่านแจกออกไปเป็น ๙ อย่างบ้าง
1
4
16
๘ อย่างบ้าง ดังนี้.
1
5
1
บาลีไวยากรณ์
1
5
2
บาลีไวยากรณ์นี้แบ่งเป็น ๔ ภาคก่อน คือ อักขรวิธี ๑ วจีวิภาค ๑
1
5
3
วากยสัมพันธ์ ๑ ฉันทลักษณะ ๑.
1
5
4
[ ๑ ] อักขรวิธี ว่าด้วยอักษร จัดเป็น ๒ คือ สมัญญาภิธาน
1
5
5
แสดงชื่ออักษร ที่เป็นสระ และพยัญชนะ พร้อมทั้งฐานกรณ์ ๑
1
5
6
สนธิ ต่ออักษรที่อยู่ในคำอื่น ให้เนื่องเป็นอันเดียวกัน.
1
5
7
[ ๒ ] วจีวิภาค แบ่งคำพูดออกเป็น ๖ ส่วน คือ นาม ๑
1
5
8
อัพยยศัพท์ ๑ สมาส ๑ ตัทธิต ๑ อาขยาต ๑ กฤต ๑.
1
5
9
[ ๓ ] วากยสัมพันธ์ ว่าด้วยการก และประพันธ์ผูกคำพูดที่
1
5
10
แบ่งไว้ในวจีวิภาค ให้เข้าเป็นประโยคอันเดียวกัน.
1
5
11
[ ๔ ] ฉันทลักษณะ แสดงวิธีแต่งฉันท์ คือคาถาที่เป็น
1
5
12
วรรณพฤทธิ์และมาตราพฤทธิ์.
1
5
13
---------------------
1
5
14
อักขรวิธี ภาคที่ ๑
1
5
15
สมัญญาภิธาน
1
5
16
[ ๑ ] เนื้อความของถ้อยคำทั้งปวง ต้องหมายรู้กันด้วยอักขระ
1
5
17
เมื่ออักขระวิบัติแล้ว ก็เข้าใจเนื้อความยาก เพราะฉะนั้น ความเป็น
1
5
18
ผู้ฉลาดในอักขระ จึงมีอุปการะมาก คำว่าอักขระ ๆ นั้น ว่าตามที่
1
5
19
นักปราชญ์ท่านประสงค์ ก็เป็น ๒ อย่าง เป็นเสียงอย่าง ๑ เป็น
1
6
1
หนังสืออย่าง ๑ มีเนื้อความเป็นอันเดียวกัน เสียงก็ดี ตัวหนังสือ
1
6
2
ก็ดี ที่เป็นของชาติใด ภาษาใด ก็พอใช้ได้ครบสำเนียง ในชาตินั้น
End of preview.