title
stringlengths
15
178
author
stringlengths
2
19
date
stringlengths
18
25
tags
sequence
content
stringlengths
128
24.1k
กล้องวงจรปิด Xiaomi Security Camera มีบั๊ก แสดงภาพจากกล้องตัวอื่นที่ไม่ใช่ของเรา
mk
3 January 2020 - 09:33
[ "Xiaomi", "Google Home", "Nest" ]
มีผู้ใช้กล้องวงจรปิด Xiaomi Mijia Smart IP Security Camera เปิดดูภาพจากกล้องของตัวเอง แล้วพบว่าได้ภาพจากกล้องบ้านอื่นมาแทน อาการจะเกิดเมื่อเชื่อมต่อแอพของ Xiaomi (Mi Home หรือ Mijia ในเวอร์ชันจีน) เข้ากับอุปกรณ์ของ Google/Nest (เช่น ดูภาพจากกล้องผ่านหน้าจออัจฉริยะ Nest Hub Max) อาการจะเห็นเป็นภาพล้ม ไม่ชัด และมีภาพจากกล้องตัวอื่นแทรกเข้ามา ผู้ใช้เหล่านี้รายงานปัญหาเข้ามาในกระทู้ Reddit และล่าสุดกูเกิลยืนยันปัญหาแล้วว่ามาจากฝั่ง Xiaomi โดยมาตรการของกูเกิลคือปิดการเชื่อมต่ออุปกรณ์ Mi Home กับ Google Assistant ชั่วคราว จนกว่า Xiaomi จะแก้ปัญหาได้ ที่มา - Reddit, Android Police
ราคาหุ้น Apple ทำสถิติใหม่สูงสุดอีกครั้ง ทะลุ 300 ดอลลาร์ต่อหุ้น
arjin
3 January 2020 - 07:09
[ "Apple", "Stock", "Market Capitalization" ]
ราคาหุ้นของแอปเปิลยังคงเดินหน้าทำสถิติราคาสูงสุดอีกครั้ง โดยล่าสุดหลังปิดการซื้อขายของตลาดหุ้นสหรัฐ หุ้นแอปเปิลมีราคา 300.35 ดอลลาร์ต่อหุ้น มีมูลค่ากิจการตามราคาหุ้น 1.33 ล้านล้านดอลลาร์ ช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้วราคาหุ้นแอปเปิลอยู่ราว 144 ดอลลาร์ และถูกปัจจัยลบต่าง ๆ จนซีอีโอ Tim Cook ต้องออกจดหมายถึงนักลงทุน ยอมรับว่ายอดขาย iPhone ต่ำกว่าที่บริษัทคาด ในช่วงที่ผ่านมาหุ้นแอปเปิลกลับมาสร้างความเชื่อมั่นอีกครั้ง จากข่าวยอดขาย iPhone 11 และ 11 Pro ที่ดีมาก รวมทั้งหูฟัง AirPods ก็มีการเติบโตที่สูงเช่นเดียวกัน ที่มา: MacRumors
Dell เปิดตัวจอภาพชุดใหม่ รุ่นสูงสุด 4K 86 นิ้วแบบสัมผัส, 4K 43 นิ้วทำงานแทน 4 จอ, จอความแม่นยำสีสูง
lew
2 January 2020 - 23:39
[ "Dell", "Monitor", "UltraSharp" ]
Dell เปิดตัวจอภาพตระกูล UltraSharp ใหม่ยกชุดในงาน CES โดยไล่ตั้งแต่จอภาพขนาดใหญ่มาก 86 นิ้ว เรื่อยไปจนถึงจอ 19 นิ้วราคาประหยัด รุ่นสูงสุดคือ Dell 86 4K Interactive Touch Monitor (C8621QT) จอสัมผัสขนาดใหญ่ 86 นิ้วสำหรับใช้แทนไวต์บอร์ดสำหรับการประชุม รองรับการสัมผัสพร้อมกัน 20 จุด มีฟีเจอร์ Screen Drop สำหรับเลื่อนด้านบนของจอลงมาเพื่อผู้ใช้ที่ส่วนสูงใช้งานด้านบนลำบาก เริ่มขายจริง 10 เมษายนนี้แต่ยังไม่ประกาศราคา รุ่นรองลงมาเป็น Dell UltraSharp 43 4K USB-C Monitor (U4320Q) จอภาพขนาดใหญ่ 43 นิ้วสำหรับงานด้านการเงินที่นิยมใช้หลายจอภาพพร้อมกันอยู่แล้ว โดยรับภาพจากพีซีได้ 4 เครื่องเพื่อแสดงผลพร้อมกัน เริ่มวางขาย 30 มกราคมนี้ ราคา 1049.99 ดอลลาร์หรือประมาณ 30,000 บาท Dell UltraSharp 27 4K USB-C Monitor (U2720Q) จอภาพสีตรงพิเศษ แสดงสีครอบคลุมพื้นที่ 95% DCI-P3 รองรับ VESA DisplayHDR 400 รุ่น 24 นิ้ว 4K ราคา 709.99 ดอลลาร์ และรุ่น 25 นิ้ว QHD ราคา 479.99 ดอลลาร์ เริ่มขาย 30 มกราคมนี้ รุ่นย่อยอื่นๆ ในตระกูล P ปรับความละเอียดต่ำสุดเป็น QHD แทน Full HD แล้ว และเพิ่มตัวเลือกสาย USB-C ส่วนตระกูล E ถูกสุด นั้นปรับปรุงฐานตั้งให้ปรับส่วนสูงได้ ที่มา - Direct2Dell
เปิดตัว Dell Latitude 9510 โน้ตบุ๊ก 15" รองรับ 5G, แบตสูงสุด 30 ชม., น้ำหนัก 1.45 กก.
mk
2 January 2020 - 23:32
[ "Dell", "Latitude", "Notebook", "CES 2020" ]
เคียงคู่มากับ Dell XPS 13 ฝั่งคอนซูเมอร์ ยังมี Dell Latitude 9510 ที่เป็นโน้ตบุ๊กธุรกิจใหม่อีกตัว Dell โฆษณาว่า Latitude 9510 เป็นโน้ตบุ๊กธุรกิจขนาด 15" ที่เล็กและเบาที่สุด น้ำหนักเริ่มต้นที่ 1.45 กิโลกรัมสำหรับรุ่นปกติ และ 1.5 กิโลกรัมสำหรับรุ่น 2-in-1 สเปกอย่างอื่นคือซีพียู Core 10th Gen ใส่ได้สูงสุด i7 vPro, แรมสูงสุด 16GB, รองรับ Wi-Fi 6 AX200 และสามารถเลือกคอนฟิกใส่โมเด็มได้ทั้ง 4G LTE และ 5G ด้วย แบตเตอรี่ของ Latitude 9510 มี 2 แบบคือ 4-cell 52 WHr และ 6-cell 88 WHr ที่คุยว่าอยู่ได้นานถึง 30 ชั่วโมง พร้อมระบบชาร์จเร็ว ExpressCharge ชาร์จจาก 0% เป็น 35% ภายใน 20 นาที ฟีเจอร์อื่นที่ใส่มาคือ ExpreeSign-in ใช้กล้อง IR ตรวจจับว่าเราเข้ามาใกล้เครื่องหรือไม่เพื่อปลุกเครื่องให้ตื่น และล็อคเครื่องอัตโนมัติหากเราเดินออกไปไกล, Intelligent Audio ปรับแต่งเสียงโดยอิงกับเสียงรบกวนรอบข้าง ราคาเริ่มต้น 1,799 ดอลลาร์ เริ่มขายเดือนมีนาคม 2020 ที่มา - Dell
Dell เปิดตัว XPS 13 รุ่นปี 2020, ซีพียู 10th Gen, สัดส่วนจอ 16:10 ขอบบางทั้ง 4 ด้านแล้ว
mk
2 January 2020 - 23:10
[ "Dell", "XPS", "Notebook", "CES 2020" ]
Dell เปิดต้นปีมาด้วยการแถลงข่าวผลิตภัณฑ์ใหม่ก่อนเริ่มงาน CES 2020 ในสัปดาห์หน้า โดยโน้ตบุ๊กยอดนิยม XPS 13 ได้รับการอัพเดตประจำปี 2020 ต่อเนื่องจาก การอัพเดตรอบต้นปี 2019 หน้าตาโดยรวมของ Dell XPS 13 ยังเหมือนของเดิม สิ่งที่เปลี่ยนคือ เปลี่ยนซีพียูมาใช้ Intel Core 10th Gen รุ่นใหม่ล่าสุด (ของเดิมเป็น 8th Gen) มีให้เลือก Core i3-1005G1, i5-1035G1, i7-1065G7 ลดขอบจอให้บางลงทั้ง 4 ด้าน (ของเดิมบาง 3 ด้าน ขอบล่างยังหนาและมีโลโก้ Dell, ของใหม่ไม่มีแล้ว) ทำให้พื้นที่จอใหญ่ขึ้นอีก 6.8% ในขนาดเครื่องที่เล็กลง 2% ปรับสัดส่วนหน้าจอเป็น 16:10 ให้จอมีความสูงมากขึ้น (ของเดิม 16:9) ปรับปรุงคีย์บอร์ดให้ปุ่มใหญ่ขึ้น 9% และขยายทัชแพดให้ใหญ่ขึ้น 17%, ฝาบานพับสามารถเปิดด้วยมือเดียวได้ เพิ่มกล้องเว็บแคม IR รองรับการล็อกอินด้วยใบหน้า Windows Hello Dell ระบุว่า XPS 13 รุ่นใหม่ของปี 2020 ใช้แบตเตอรี่ขนาด 52 WHr มีเป้าหมายให้อยู่ได้นาน 19 ชั่วโมง (สำหรับคอนฟิกจอ FHD+) ราคาเริ่มต้นที่ 999.99 ดอลลาร์ มีให้เลือกสองสีคือขาว-ดำ และมีรุ่นลินุกซ์ Dell XPS 13 Developer Edition ที่ใช้ Ubuntu 18.04 LTS ให้เลือกซื้อด้วย ราคาเริ่มต้น 1,199.99 ดอลลาร์ ที่มา - Dell, Ars Technica
ซัมซุงเปิดตัวตู้เย็น Family Hub มีกล้อง AI ตรวจได้ว่าเหลืออะไรในตู้ แนะนำว่าควรทำอะไรกินหรือควรซื้ออะไรเพิ่ม
lew
2 January 2020 - 21:49
[ "Samsung", "SmartThings", "Internet of Things" ]
ซัมซุงเปิดตัวตู้เย็นปัญญาประดิษฐ์ Family Hub รุ่นปี 2020 เพิ่มฟีเจอร์ Smart Recipes โดยแนะนำเมนูที่ควรกินประจำสัปดาห์ จากแนวทางการกินที่ตั้งไว้ ประกอบกับวัตถุดิบที่เหลือในตู้เย็น พร้อมกับแนะนำให้ซื้อวัตถุดิบเพิ่มเติมได้ด้วย ตัวตู้เย็นมีกล้องส่องภายในและจดจำได้ว่าวัตถุดิบอะไรเหลืออยู่หรือหมดไปแล้วบ้าง และนอกจากการตั้งค่าสำหรับการกินส่วนตัวแล้ว ยังบอกได้ว่ามีแผนจะพาแขกมาที่บ้าน เพื่อตู้เย็นจะได้แนะนำรายการซื้อของมาเติมได้ ซัมซุงยังคงมองว่าตู้เย็นเป็นศูนย์รวมของอุปกรณ์ IoT ในบ้าน โดย Family Hub สามารถตรวจสถานะและสั่งการอุปกรณ์ SmartThings ในบ้านได้ทั้งหมด มองกล้องวงจรปิดได้จากห้องครัว ทางซัมซุงยังไม่เปิดเผยราคาและกำหนดการวางจำหน่าย ที่มา - Samsung
เปิดตัวสมาร์ทว็อช Xiaomi Watch Color ราคา 3,400 บาท เริ่มขาย 3 ม.ค.
hinatasenjou
2 January 2020 - 21:01
[ "Xiaomi", "Smartwatch", "Wear OS" ]
Xiaomi เปิดตัว Watch Color สมาร์ทว็อชรุ่นใหม่ของทางบริษัทแบบเงียบ ๆ ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา มีกำหนดวางขายในวันที่ 3 ม.ค. นี้ ในตอนแรก Xiaomi ไม่เผยสเป็กของนาฬิกา แต่ล่าสุดมีภาพกล่องสินค้าหลุดมาใน Weibo ที่ช่วยเผยสเปกของนาฬิกา สเป็กของ Xiaomi Watch Color ที่ทราบจากหน้ากล่อง คือ หน้าปัดเป็น AMOLED ขนาด 1.39 นิ้ว ความละเอียด 454x454 พิกเซล, เชื่อมต่อไร้สายด้วย NFC / Bluetooth 5.0 / GPS / GLONASS, แบตเตอรีจุ 420 mAh Xiaomi เคลมว่าชาร์จแล้วใช้ได้นานสุด 14 วัน, กันน้ำมาตรฐาน 5ATM, มีฟังก์ชั่นจับอัตราการเต้นของหัวใจ ส่วนระบบปฏิบัติการยังไม่ทราบแต่ TechRadar คาดว่าใช้ Wear OS เหมือน Mi Watch ราคาของ Xiaomi Watch Color อยู่ที่ 799 หยวนหรือราว 3,400 บาท มีสีดำ, ทองและเงิน ที่มา: GSMArena, Weibo via GSMArena, TechRadar ภาพจาก Weibo
Galaxy Note 9 เริ่มได้อัพเดต Android 10 แล้ว
mk
2 January 2020 - 20:27
[ "Galaxy Note 9", "Samsung", "Android 10" ]
ซัมซุงเปิดศักราช 2020 ด้วยข่าวดีของผู้ใช้ Galaxy Note 9 เพราะปล่อยอัพเดตรอม One UI 2.0 ที่ใช้ Android 10 รุ่นเสถียรมาให้แล้ว ประเทศแรกที่ได้อัพเกรด Galaxy Note 9 เป็น Android 10 คือเยอรมนีเช่นเดิม ส่วนประเทศอื่นๆ คงต้องรอกันอีกไม่นานนัก รายชื่อฟีเจอร์ของ One UI 2.0 (นอกเหนือจากฟีเจอร์ของ Android 10 ตามปกติ) ดูได้จาก ข่าวเก่า ที่มา - SamMobile
แอปเปิลเซ็นสัญญาใช้ทรัพย์สินทางปัญญาจาก Imagination ผู้พัฒนากราฟิก PowerVR
lew
2 January 2020 - 15:36
[ "Imagination", "PowerVR", "Apple" ]
Imagination Technologies ผู้พัฒนาส่วนกราฟิก PowerVR ออกแถลงสั้นๆ รับปีใหม่ว่า แอปเปิลได้ตกลงซื้อสิทธิ์การใช้ทรัพย์สินทางปัญญา แทนที่สัญญาเดิมที่มีมาตั้งแต่ปี 2014 โดยสัญญาใหม่จะครอบคลุมสินค้ามากกว่าเดิม บริษัท Imagination นั้นเคยเป็นผู้พัฒนาซีพียูสถาปัตยกรรม MIPS แต่ขายออกไปเมื่อปี 2017 สินค้าหลักที่ยังขายอยู่คือส่วนกราฟิก PowerVR พร้อมวงจรเร่งความเร็วปัญญาประดิษฐ์ โดยปัจจุบันเจ้าของ Imagination คือ Canyon Bridge Capital Partners ที่เป็นบริษัทลงทุนจากจีน ก่อนหน้านี้แอปเปิลเคยใช้ส่วนกราฟิก PowerVR ในซีพียูหลายตัว แต่หลังจาก iPhone X แอปเปิลก็เรื่มหันไปพัฒนาวงจรกราฟิกของตัวเอง การเซ็นสัญญาครั้งนี้ไม่ได้ระบุว่าแอปเปิลจะนำ PowerVR กลับมาใช้หรือเพียงต้องการสิทธิ์การใช้สิทธิบัตรบางตัวเท่านั้น ที่มา - Imagination, South China Morning Post ภาพประชาสัมพันธ์ส่วนกราฟิก IMG-A ของ Imagination
WhatsApp หยุดซัพพอร์ตมือถือ Windows และแอนดรอยด์รุ่นเก่ากว่าเวอร์ชั่น 4.0.3
sunnywalker
2 January 2020 - 15:19
[ "WhatsApp", "Windows Phone" ]
WhatsApp ออกมาประกาศว่าตัวแอปพลิเคชั่นจะหยุดซัพพอร์ตบนมือถือ Windows และแอนดรอยด์รุ่นเก่า โดยรุ่นที่ยังซัพพอร์ตอยู่คือ เวอร์ชั่น 4.0.3 ขึ้นไป WhatsApp ระบุว่าปัจจุบันแอปพลิเคชั่นซัพพอร์ตอุปกรณ์แอนดรอยด์เวอร์ชั่น 4.0.3 ขึ้นไป, iPhone iOS 9 ขึ้นไป,โทรศัพท์บางรุ่นที่ใช้ KaiOS 2.5.1 ส่วนอุปกรณ์แอนดรอยด์เก่าเวอร์ชั่น 2.3.7 หรือเก่ากว่านั้น และ iPhone ระบบ iOS 8 และเก่ากว่านั้น จะซัพพอร์ตถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2020 ส่วนโทรศัพท์ Windows หยุดซัพพอร์ตไปแล้วเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2019 ที่ผ่านมา โดยหลังวันที่ 1 กรกฎาคม 2019 ที่ผ่านมาร้านค้าแอปบน Microsoft Store ไม่สามารถเข้าโหลด WhatsApp ได้ ภาพจาก WhatsApp ที่มา - WhatsApp
รีวิว Huawei Watch GT 2 สมาร์ทว็อชดีไซน์หรูแต่ฟังก์ชั่นยังไม่สมบูรณ์
hinatasenjou
2 January 2020 - 14:49
[ "Huawei", "Smartwatch", "Review" ]
เทรนด์การรักษาสุขภาพได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำให้ผู้ใช้หันมาสนใจสมาร์ทว็อชมากขึ้น และถ้าสังเกตจะเห็นว่าแบรนด์นาฬิกาชั้นนำหลายแบรนด์ก็ผลิตนาฬิกาประเภทนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึง Huawei Watch GT 2 ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนตุลาคมก็เป็นสมาร์ทว็อชอีกรุ่นที่มาพร้อมฟีเจอร์ด้านสุขภาพ รีวิวนี้ผู้เขียนนำ Huawei Watch GT 2 ไปใช้งานมาหนึ่งสัปดาห์แบบผู้ใช้ทั่วไป ไม่ได้เข้าฟิตเนส ว่ามีจุดไหนน่าสนใจและมีจุดแตกต่างจาก Apple Watch ที่เคยใช้งานมาก่อนแค่ไหน หน้าปัดทรงกลมแบบนาฬิกาชั้นนำ หน้าปัดทรงกลมของ Huawei Watch GT 2 มีสองขนาดให้เลือก คือ 42 มิลลิเมตร และ 46 มิลลิเมตร โดยรุ่นที่รีวิวเป็นรุ่น Classic สายหนัง ขนาด 46 มิลลิเมตร มีปุ่มควบคุมอยู่ที่ฝั่งขวาของหน้าปัดเท่านั้น โดยขนาดของหน้าปัด 42 มิลลิเมตร จะดูเหมาะกับผู้หญิงและผู้ชายแขนเล็ก ส่วนขนาด 46 มิลลิเมตร ตัวเรือนถือว่าใหญ่ไม่แพ้นาฬิกา Casio เรือนเหล็กเลย จึงดูเหมาะกับคนแขนใหญ่มากกว่า ส่วนของปุ่มควบคุม ปุ่มบนจะใช้เรียกเมนูต่าง ๆ ออกมา ส่วนปุ่มล่างเป็น shortcut ไว้เรียกแอปที่ตั้งค่าเอาไว้ขึ้นมา ส่วนด้านใต้ตัวเรือนจะเป็นจุดที่ฝังเซนเซอร์กับจุดชาร์จไฟเอาไว้สำหรับวัดชีพจร ลำโพงติดตั้งไว้ฝั่งเดียวกับปุ่มควบคุม ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นไมโครโฟนใช้คุยโทรศัพท์ได้ การเปลี่ยนสายนาฬิกาสามารถเลื่อนสลักที่โคนสายแล้วดึงสายเดิมออกได้เลย โดย Huawei Watch GT 2 จะใช้สายขนาด 22 มิลลิเมตร นอกจากสายนาฬิกาแบบหนัง จะมีสายแบบยางและสายโลหะให้ซื้อเพิ่ม นอกจากนี้ในกล่องจะมีตัวแท่นชาร์จไร้สายสำหรับนาฬิกาและสาย USB-C อีกอย่างละชิ้น แบตเตอรีใช้ต่อเนื่องถึง 1 สัปดาห์ Huawei เคลมเอาไว้ว่า Watch GT 2 สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ 2 สัปดาห์ (14 วัน) ทางผู้เขียนทดลองชาร์จแบตให้เต็มแล้วทดลองใช้ดู ระหว่างใช้งานมีการแจ้งเตือนจากโซเชียลและแอปแชตเป็นระยะ ๆ รวมทั้งรับสายจากนาฬิกาบ้าง ผ่านไป 1 สัปดาห์ แบตเตอรีเหลือ 30% พอดี เฉลี่ยแล้วแบตเตอรีจะลดราว 10% ต่อวัน ถ้าใช้งานต่อไป คาดว่า Huawei Watch GT 2 น่าจะแบตเตอรีหมดในวันที่ 10 ถึงจะไม่นานเท่าที่ Huawei เคลมเอาไว้แต่นับว่าใช้ได้นานทีเดียว ผู้เขียนคิดว่าถ้าจะใช้ให้นานเท่าที่ Huawei เคลมไว้ คือปิดการแจ้งเตือนต่าง ๆ รวมทั้งการรับสายที่นาฬิกาทิ้งไปจะช่วยให้ใช้งานได้นานขึ้น พอแบตหมดก็ชาร์จกลับมาเต็มโดยใช้เวลาราวหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น ฟังก์ชั่นและการควบคุม การจับคู่ Huawei Watch GT 2 กับสมาร์ทโฟนต้องทำผ่านแอป Huawei Health เท่านั้น และแอปจะบังคับผู้ใช้ติดตั้ง Huawei Mobile Services เพิ่มด้วยโดยทำผ่านแอป Huawei Health รวมทั้งการอัพเดตเฟิร์มแวร์ของนาฬิกาก็จะทำผ่านแอปเช่นกัน พอเชื่อมต่อนาฬิกากับมือถือแล้ว ที่แถบแจ้งเตือนจะมีแถบแสดงการเผาผลาญของร่างกาย นับเป็นกิโลแคลอรี (kcal) และนับก้าวเดินของผู้ใช้ แต่ทั้งสองค่าที่แสดงนั้นเป็นการเฉลี่ยมากกว่า เนื่องจากผู้เขียนทดลองถอดนาฬิกาและเอาไปแค่มือถือตัวแอปก็ยังนับก้าวอยู่ดี ใน Huawei Health จะมี 4 หมวดหลักให้ผู้ใช้เลือก คือ Health เพื่อดูสรุปข้อมูลสุขภาพส่วนตัว, Exercise ฟังก์ชั่นออกกำลังกาย, Device ที่ใช้จับคู่กับสมาร์ทโฟนและใช้โหลดเพลงเข้านาฬิกาผ่าน Bluetooth หรือเปลี่ยนหน้าปัดและ Me สำหรับตั้งค่าทั่วไป ที่นาฬิกา เมื่อปัดหน้าจอจากขอบล่างขึ้นบนจะเปิดดูการแจ้งเตือน ส่วนปัดจากขอบบนลงล่างจะเปิดแถบควบคุมนาฬิกาออกมา เลือกได้ 5 คำสั่งคือ ห้ามรบกวน (No Disturb), Show Time, Find Phone พอกดแล้วมือถือที่จับคู่กับนาฬิกาจะส่งเสียงร้องให้ผู้ใช้หาเครื่องเจอง่ายขึ้น, Alarm ที่สั่นเป็นจังหวะตอนถึงเวลาปลุก, Settings ทางลัดไปตั้งค่านาฬิกา การปัดจากขอบซ้ายหรือขวา จะเปลี่ยนจากหน้าปัดนาฬิกาเป็นกราฟแสดงอัตราการเต้นของหัวใจ, กราฟความเครียด (น่าจะวัดจากจังหวะการเต้นของหัวใจอีกที), สภาพอากาศและอุณหภูมิในพื้นที่ที่เราอยู่, แอปเล่นเพลง (Music) และ Activity records ที่รวมฟีเจอร์นับก้าว, การเตือนให้ลุกขึ้นยืนและบันทึกการออกกำลังกายเอาไว้ด้วยกัน เหมือนใน Apple Watch เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้ไม่นั่งติดเก้าอี้นานจนเสียสุขภาพ การเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกาจะใช้วิธีการเดียวกับ Apple Watch คือเปลี่ยนที่แอปที่เชื่อมต่อกับนาฬิกาหรือแตะค้างที่หน้าจอค้างไว้สักครู่แล้วเลือกเปลี่ยน และมีหน้าปัดให้เลือกหลายแบบเช่นกัน ใช้จริงถือว่าดี แต่ยังมีจุดต้องปรับปรุง การแจ้งเตือนต่าง ๆ ที่หน้าปัดของ Huawei Watch GT 2 จะแสดงข้อความแจ้งเตือนเพียงส่วนหนึ่ง เมื่อแตะเข้าไปอ่านถึงแสดงข้อความทั้งหมด โดยเป็นตัวอักษรอย่างเดียวไม่มีอีโมจิหรือรูปภาพ การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ผู้เขียนทดลองใส่คู่กับ Apple Watch เพื่ออ้างอิง ปรากฏว่านาฬิกาทั้งสองเรือนแสดงผลการวัดอัตราการเต้นของหัวใจตรงกัน ส่วนอัตราการเต้นหัวใจของ Huawei จะเปลี่ยนถี่กว่า Apple Watch เล็กน้อย การฟังเพลงจากนาฬิกา ถ้าโหลดเพลงเข้านาฬิกาไว้เรียบร้อยแล้วสามารถฟังผ่านแอป Music ในนาฬิกาได้เลย และสามารถเชื่อมกับหูฟังไร้สายผ่านบลูทูธได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านสมาร์ทโฟนเลย โดยผู้เขียนทดลองกับ Redmi AirDots แล้วทำงานตามปกติ จุดที่ไม่ประทับใจ คือแอป Music ใน Huawei Watch GT 2 เรียกแอปฟังเพลงบนมือถือขึ้นมาโดยตรงแบบ Apple Watch เรียก Apple Music, Spotify ไม่ได้ ผู้ใช้ต้องเปิดแอปฟังเพลงในมือถือด้วยตัวเองก่อน แล้ว Watch GT 2 จะทำหน้าที่เป็นรีโมตเท่านั้น คิดว่า Huawei ควรปรับปรุงส่วนนี้เป็นจุดแรก จุดด้อยต่อมาคือ นาฬิกายังบังคับใช้ฟังก์ชั่นที่มีให้เท่านั้น ไม่รองรับการเชื่อมต่อกับแอปภายนอก ผิดกับ Apple Watch ที่รองรับแอปอื่น ๆ และประสานงานกันได้ดีกว่า เช่น Spotify ที่คุมแอปในมือถือได้เลย, กดอ่านข่าว CNN บนนาฬิกาแล้วเห็นภาพและเนื้อหาข่าว, แอปกล้องที่หน้าปัดนาฬิกาเป็นหน้าจอกับชัตเตอร์ ทำให้ตั้งกล้องถ่ายง่ายขึ้น การมีข้อจำกัดแบบนี้เลยทำให้ Huawei Watch GT 2 ปรับเข้ากับไลฟ์สไตล์เฉพาะของแต่ละคนได้ลำบาก ยิ่งเมื่อเทียบกับคู่แข่งในสายแอนดรอยด์อย่าง Galaxy Watch Active 2 ที่สามารถลงแอปผ่าน Galaxy Store ได้ ก็อาจทำให้ Huawei Watch GT 2 ดูเสียเปรียบกว่าเล็กน้อย จุดอ่อนอีกจุด คือการสัมผัสหน้าจอ ถึงจะตอบสนองดีแต่พอปัดเลื่อนหาแจ้งเตือนหรือฟังก์ชั่นที่อยากใช้กลับแสดงผลไม่ลื่น เกิดอาการหน่วงอย่างรู้สึกได้ แตกต่างจาก Apple Watch หรือเป็นสมาร์ทว็อชแอนดรอยด์ด้วยกันอย่าง Galaxy Watch Active 2 แล้ว ถือว่า Huawei Watch GT 2 แสดงผลไม่ลื่นเลย ทำให้ตอนใช้งานยังขัดใจอยู่พอควร สรุป Huawei Watch GT 2 นับเป็นนาฬิกาที่ดีอีกเรือนสำหรับผู้ใช้ที่อยากได้สมาร์ทว็อชสักเรือน ใช้ได้ทั้งออกกำลังกายหรือไปงานสังคม โดยเฉพาะคนที่ออกกำลังกายจะใช้ประโยชน์จากนาฬิกาเรือนนี้ได้เต็มที่มาก ราคา 5,990 บาท นับว่าไม่แพงมาก จึงเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับใครหลายคน ในทางกลับกัน Huawei Watch GT 2 มีจุดอ่อนหลักคือมันบังคับให้เราใช้แอปที่มีอยู่ ติดตั้งแอปอื่นให้เหมาะกับการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคนไม่ได้ เลยทำให้ใช้งานได้ค่อนข้างจำกัด รวมทั้งการแสดงผลที่ไม่ลื่นไหลแบบสมาร์ทว็อชยี่ห้ออื่น ซึ่งสองจุดอ่อนใหญ่นี้ส่วนตัวรู้สึกว่าทำให้ Watch GT 2 เสียเปรียบคู่แข่งอยู่บ้าง
Google เตรียมอัพเดตแพตช์เดือน 12 พ่วงไปกับแพตช์เดือน 1 สำหรับ Pixel 3 ที่ยังไม่ได้
hinatasenjou
2 January 2020 - 14:19
[ "Google Pixel 3", "Google", "Security Patch", "Mobile", "Smartphone" ]
เดือนที่แล้วเกิดปัญหาผู้ใช้ Pixel 3 หลายคนยังไม่ได้รับอัพเดตแพทช์รักษาความปลอดภัยเดือนธันวาคม 2019 จากกูเกิล จึงมีผู้ใช้ทวีตถามถึงแพทช์ดังกล่าว นอกจากนี้ในทวีตดังกล่าวก็มีผู้ใช้ Pixel 4 ยังไม่ได้อัพเดตแพทช์รักษาความปลอดภัยตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2019 อีกหลายคนด้วย ทางกูเกิลได้ตอบว่าแพทช์รักษาความปลอดภัยของเดือนธันวาคม 2019 จะอัพเดตให้พร้อมกับแพทช์รักษาความปลอดภัยเดือนมกราคม 2020 เร็ว ๆ นี้ (ตามปกติคือราววันที่ 5 ของแต่ละเดือน) แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดว่ามีอัพเดตเรื่องใดบ้าง ที่มา: 9to5Google
Mobike สูญเสียจักรยานไปกว่า 2 แสนคัน ในปี 2019 สาเหตุหลักคือโดนขโมย
sunnywalker
2 January 2020 - 12:31
[ "Mobike", "China" ]
Mobike ปัจจุบันรีแบรนด์ใหม่เป็น Meituan Bike สตาร์ทอัพทำบริการแชร์จักรยานออกมาเผยข้อมูลว่า ทางบริษัทได้สูญเสียจักรยานไป 205,600 คันในปี 2019 สาเหตุมาจากการพังเสียหาย และโดนขโมย Meituan Bike มีระบบเครดิตผู้ใช้งาน คือปรับคนใช้ได้ถ้าละเมิดกฎและทำจักรยานเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นการขโมย หรือนำจักรยานไปปรับแต่ง ทาสี เป็นต้น ในบล็อกของบริษัทยังบอกด้วยว่ามีคดีจับกุมเรื่องขโมยจักรยานและทำจักรยานเสียหาย 2,600 คน เหตุการณ์ทำนองนี้ยังเกิดขึ้นในอังกฤษด้วย โดยตำรวจแมนเชสเตอร์รายงานเหตุการณ์ขโมยจักรยาน 400 ครั้งระหว่างปี 2017 - 2018 Mobike ยังถอนตัวออกจากบางเมืองในอังกฤษเข่น Newcastle เช่น Gateshead เนื่องจากมีปัญหาจักรยานหายและมีจักรยานถูกทิ้งใน River Tyne ภาพจาก Meituan Bike ที่มา - BBC
รัสเซียเริ่มสืบสวน Booking.com เว็บจองโรงแรมเข้าข่ายผูกขาดหรือไม่
sunnywalker
2 January 2020 - 11:49
[ "Booking.com", "Russia", "Investigation" ]
Federal Antimonopoly Service (FAS) หรือหน่วยงานต่อต้านการผุกขาดของรัสเซีย เผยว่ากำลังเริ่มสืบสวน Booking.com เว็บจองโรงแรม, โฮสเทล จากสหรัฐฯ ว่าเข้าข่ายผูกขาดหรือไม่ หลังมีรายงานว่า Booking.com ปิดกั้นไม่ให้โรงแรมเสนอราคาที่ดีกว่าบนเว็บไซต์คู่แข่งอื่นๆ หาก FAS สืบสวนพบว่า Booking.com ทำผิดกฎหมายผูกขาดรัสเซียจริง ทางบริษัทต้องจ่ายค่าปรับเป็นจำนวน 15% ของรายได้ที่ทำได้ในรัสเซีย ด้าน Booking.com ออกมาโต้ว่าทางบริษัทมีระบบเทียบราคาที่โปร่งใส และยืนยันว่าทางโรงแรมเป็นผู้กำหนดราคา ไม่ใช่ Booking.com ที่มา - Engadget
โดนแบนก็ไม่สะเทือน Huawei ปี 2019 เติบโต 18% รายได้รวมทั้งปี 3.6 ล้านล้านบาท
mk
2 January 2020 - 11:18
[ "Huawei", "Financial Report" ]
Huawei ประกาศผลประกอบการตลอดทั้งปี 2019 รายได้รวม 8.5 แสนล้านหยวน (ประมาณ 3.6 ล้านล้านบาท) เติบโตขึ้น 18% จากปี 2018 แม้โดนมรสุมการแบนจากรัฐบาลสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้ถือว่าโตน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และน้อยกว่าอัตราการเติบโตของปี 2018 (ทำไว้ 19.5%) แสดงให้เห็นว่าการแบนของรัฐบาลสหรัฐมีผลกระทบต่อ Huawei อยู่บ้าง ส่วนตัวเลขยอดขายมือถือของ Huawei อยู่ที่ 240 ล้านเครื่อง เติบโตขึ้นจากปี 2018 ที่ขายได้ 206 ล้านเครื่อง อย่างไรก็ตาม สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ของ Huawei ในปี 2020 จะเริ่มประสบปัญหาไม่มี Google Mobile Services ซึ่งย่อมส่งผลระทบต่อยอดขายเช่นกัน Eric Xu ประธานของ Huawei ประเมินสถานการณ์ปี 2020 ว่าไม่ง่าย เพราะการแบนจากรัฐบาลสหรัฐยังคงมีผลอยู่เช่นเดิม แต่บริษัทก็พยายามหาโอกาสธุรกิจใหม่ๆ เช่น โครงข่าย 5G ในอินเดีย ในจดหมายปีใหม่ของ Eric Xu ใช้รูปประกอบเป็นคนกำลังเดินขึ้นยอดเขาสูง และจับมือกันเพื่อช่วยกันดึงเพื่อนขึ้นไป พร้อมคำพูดว่าเตรียมตัวเพื่อเอาตัวรอดและพุ่งขึ้นอีกครั้ง ที่มา - Huawei, Reuters, Financial Times
Realme ประกาศเพิ่มโฆษณาในรอม ColorOS แต่สามารถปิดได้
mk
2 January 2020 - 10:39
[ "Realme", "Android", "Mobile", "Advertising" ]
Realme ค่ายมือถือที่เติบโตไวที่สุดในปี 2019 ประกาศเพิ่ม "โฆษณา" ในรอม ColorOS 6 ของตัวเอง เช่นเดียวกับมือถือจีนบางค่าย (ColorOS เป็นรอมตัวเดียวกับ Oppo ซึ่งเป็นบริษัทแม่เดียวกันกับ Realme) Realme ใช้คำว่า "commercial content recommendation" ที่นำเสนอแอพและลิงก์โฆษณาต่างๆ โดยมันจะแสดงในแอพ Phone Manager และหน้า Security Check หลังติดตั้งแอพใหม่ เหตุผลของ Realme คือต้องการหารายได้ผ่านช่องทางอื่นๆ เพื่อให้สามารถนำเสนอสินค้าราคาถูกต่อไปได้ ข่าวดีเล็กๆ คือฟีเจอร์นี้สามารถปิดได้ในหน้า Settings > Additional Settings > Content Recommendation ที่มา - Realme, Talk Android
AI ของกูเกิล ตรวจจับมะเร็งเต้านมจากแมมโมแกรม ลดข้อผิดพลาดที่แม้แต่แพทย์ยังพลาด
sunnywalker
2 January 2020 - 10:06
[ "DeepMind", "Google", "Cancer", "Health" ]
กูเกิลออกรายงานเรื่องการใช้ AI จากสถาบันวิจัย DeepMind ตรวจจับมะเร็งเต้านมจากแมมโมแกรม พบว่าสามารถลดข้อผิดพลาดได้ดีขึ้น กูเกิลได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยทางการแพทย์ในสหรัฐฯและอังกฤษเพื่อพัฒนาความสามารถ AI ในการตรวจจับมะเร็งเต้านมมาได้กว่า 2 ปีแล้ว โดยกูเกิลฝึกระบบด้วยการใช้รูปแมมโมแกรมที่ไม่ระบุตัวตนจากผู้หญิงมากกว่า 25,000 คนในสหราชอาณาจักรและอีก 3,000 คนในสหรัฐอเมริกา เพื่อดูว่า AI จะสามารถสังเกตสัญญาณมะเร็งเต้านมได้หรือไม่ ผลคือ ระบบสามารถลดภาวะ false positive ได้ 5.7% ในกลุ่มผู้หญิงจากสหรัฐฯ และ 1.2% ในกลุ่มผู้หญิงจากอังกฤษ นอกจากนี้ระบบยังลดภาวะ false negative ได้ 9.4% ในกลุ่มผู้หญิงจากสหรัฐฯ และ 2.7% ในกลุ่มผู้หญิงจากอังกฤษ ปัจจุบันแมมโมแกรมเป็นวิธีที่นิยมในการตรวจจับมะเร็ง แต่ก็ยังเป็นความท้าทาย เพราะแมมโมแกรมยังมีข้อผิดพลาดได้ รูปเอ็กซเรย์ออกมาปกติแม้จะมีมะเร็งก่อตัวอยู่ก็ตาม โดยแพทย์เรียกภาวะนี้ว่า false negative และยังมีภาวะที่ภาพเอ็กซเรย์ออกมาผิดปกติ แต่ตรวจสอบแล้วไม่มีมะเร็งเต้านม ภาวะนี้เรียกว่า false positive ทางกูเกิลระบุว่า ประสิทธิภาพของ AI ทำได้ดีกว่าคนที่ต้องตรวจจริง เพราะ AI มีข้อมูลแค่รูปแมมโมแกรม แต่แพทย์จะมีข้อมูลประวัติคนไข้ และรูปแมมโมแกรมก่อนหน้านี้ของคนไข้ด้วย ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่ AI จะลดข้อผิดพลาดในการตรวจจับได้ อย่างไรก็ตาม กูเกิลบอกว่าระบบจะช่วยงานแพทย์รังสีวิทยา ไม่ได้มาแทนที่พวกเขา ที่มา - Google Blog, The Verge
[Howto] ช่องทางอัพเกรด Windows 7/8.1 เป็น Windows 10 ฟรี ยังสามารถทำได้
mk
1 January 2020 - 16:50
[ "Windows 7", "Windows 8.1", "Windows 10", "Operating System", "Microsoft", "Howto" ]
สิ่งแรกๆ ที่เราจะเห็นในโลกไอทีปี 2020 คือ Windows 7 จะหมดระยะซัพพอร์ตในวันที่ 14 มกราคม 2020 (นั่นคืออีก 2 สัปดาห์) แม้ไมโครซอฟท์พยายามทุกทางให้ผู้ใช้อัพเกรดเป็น Windows 10 แต่ยังมีผู้ใช้ Windows 7 อีกจำนวนมาก (สถิติของ Blognone เองในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา มีผู้ใช้ Windows 7 ประมาณ 6.3% ของผู้ใช้ทั้งหมด หรือคิดเป็น 23% ของผู้ใช้ Windows ทั้งหมด) เหตุผลที่ผู้ใช้เหล่านี้ไม่ได้อัพเกรดเป็น Windows 10 คงแตกต่างกันไป เช่น คอมพิวเตอร์เก่า (แต่จริงๆ Windows 10 ใช้สเปกขั้นต่ำเท่ากับ Windows 7), ไม่ชอบหรือไม่คุ้นเคยกับ Windows 10 หรือ อาจตกรถ ไม่ทันการอัพเกรดฟรีในช่วงปี 2015-2016 อย่างไรก็ตาม ไมโครซอฟท์ยังแอบหลับตาข้าง โดยเปิดให้ผู้ใช้ Windows 7/Windows 8.1 ที่มีไลเซนส์แท้ อัพเกรดเป็น Windows 10 ได้ต่อไป บทความนี้จะสอนวิธีการทำครับ ขั้นตอนการอัพเกรด Windows 7/Windows 8.1 เป็น Windows 10 ไม่ต่างอะไรจากกระบวนการปกติ สิ่งที่เราต้องทำคือเข้าหน้าเว็บของไมโครซอฟท์ แล้วดาวน์โหลดไฟล์ตัวช่วยอัพเดตมาลงเครื่อง เราจะได้ไฟล์ชื่อ MediaCreationTool1909.exe มา (ขนาดไฟล์ 18.3MB) เปิดไฟล์ขึ้นมาและดำเนินตามกระบวนการบนหน้าจอได้เลย (เลือก Upgrade this PC now แล้วกด Next ไปเรื่อยๆ เป็นอันเสร็จ ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงขึ้นกับความเร็วเน็ตด้วย) ผมลองกับเครื่องเก่าที่เป็น Windows 8.1 ก็พบว่าสามารถอัพเกรดเป็น Windows 10 ได้อย่างไม่มีปัญหา โดยจะได้ Windows 10 v1909 ตัวใหม่ล่าสุดมาเสร็จสรรพ สำหรับคนที่ไม่เคยใช้ Windows 10 ต้องอธิบายว่า ระบบไลเซนส์จะเปลี่ยนจากการผูกกับคีย์หรือ serial number ไปเป็นการผูกกับบัญชี Microsoft Account ของเราแทน (แปลว่าไม่ต้องใส่คีย์อีกแล้ว) ดังนั้นหากเราใช้ Windows 7/8.1 ที่เป็นของแท้ (ไม่ว่าจะแถมมากับเครื่องหรือซื้อไลเซนส์แยกเอง) ก็สามารถอัพเกรดเป็น Windows 10 ได้ทันที และไมโครซอฟท์ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะยกเลิกช่องทางนี้ในเร็ววัน คำแนะนำแยกตามเวอร์ชัน คนที่ใช้ Windows 7 แท้ ควรอัพเกรดเป็น Windows 10 ทันที ก่อนหมดอายุในวันที่ 14 มกราคม 2020 คนที่ใช้ Windows 8.1 แท้ ระยะซัพพอร์ตจะหมดอายุในเดือนมกราคม 2023 ยังสามารถใช้ได้อีกนาน แต่ไหนๆ อัพเกรดฟรีแล้ว ก็ได้ OS ที่ใหม่กว่า มีฟีเจอร์เยอะกว่า (ที่สำคัญคือน่ารำคาญน้อยกว่าด้วย) คนที่ใช้ Windows 7/8.1 เถื่อน ลงทุนอีกสักนิดซื้อ Windows 10 แท้ เพื่อความปลอดภัยที่ดีกว่าในระยะยาว วงการมัลแวร์ยุคนี้มันเถื่อน อย่าเสี่ยงเลย
บราซิลสั่งปรับ Facebook จากกรณี Cambridge Analytica เป็นเงิน 1.6 ล้านดอลลาร์
nutmos
1 January 2020 - 15:36
[ "Facebook", "Brazil", "Cambridge Analytica", "Privacy" ]
รัฐบาลบราซิลสั่งปรับ Facebook เป็นมูลค่ากว่า 1.6 ล้านดอลลาร์ โดยเป็นการสั่งปรับอันเนื่องมาจากกรณีของ Cambridge Analytica สำหรับกรณีของ Cambridge Analytica นี้ มีการประเมินกันว่าผู้ได้รับผลกระทบทั่วโลกน่าจะอยู่ที่ราว 87 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในสหรัฐฯ โดยกระทรวงยุติธรรมและความปลอดภัยสาธารณะของบราซิลระบุว่าข้อมูลที่หลุดไปในเหตุการณ์ครั้งนั้นกระทบชาวบราซิล 443,000 คน โดย Facebook ล้มเหลวในการให้ข้อมูลผู้ใช้เกี่ยวกับความสำคัญของผลลัพธ์ของการตั้งค่าด้านความเป็นส่วนตัว ทางบริษัทควรจะระมัดระวังมากกว่านี้หากปล่อยแชร์ข้อมูลของเพื่อนและเพื่อนของเพื่อนโดยอัตโนมัติ ส่วนฝั่ง Facebook เอง ตอนนี้ทางบริษัทได้ปรับเปลี่ยนแพลตฟอร์มและจำกัดการเข้าถึงข้อมูลโดยนักพัฒนาแล้ว และไม่มีหลักฐานที่ว่าข้อมูลผู้ใช้ในบราซิลถูกส่งต่อไปยัง Cambridge Analytica และตอนนี้ Facebook กำลังประเมินทางเลือกด้านกฎหมายสำหรับกรณีนี้ การสั่งปรับครั้งนี้ ด้วยมูลค่า 1.6 ล้านดอลลาร์ ถือว่าสูงกว่าที่ Facebook ถูกปรับในสหราชาณาจักรซึ่งเป็นประเทศที่ตั้งของบริษัท Cambridge Analytica มากกว่า 2 เท่า สำหรับ Facebook แล้ว เงินจำนวนนี้อาจไม่ใช่ปัญหา แต่ความเชื่อมั่นนั้นคือสิ่งที่บริษัทยังต้องทำการบ้านอย่างหนักต่อไป และภายในปีนี้ก็จะมีการเลือกตั้งที่สหรัฐฯ แล้ว ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีในการพิสูจน์ตนเองอีกครั้งของ Facebook อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: สรุปประเด็นฉาว Facebook และ Cambridge Analytica ที่มา - Bloomberg, Engadget
ไมโครซอฟท์ยื่นฟ้องขอยึดโดเมน "rnicrosoft dot com" สำหรับ phishing สำเร็จ ระบุกลุ่มแฮกเกอร์มาจากเกาหลีเหนือ
lew
1 January 2020 - 14:45
[ "Microsoft", "Phishing" ]
ไมโครซอฟท์ยื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ ยึดโดเมนสำหรับส่งอีเมล phishing ได้กว่า 50 โดเมนที่พยายามปลอมตัวเป็นไมโครซอฟท์ เช่น "rnicrosoft dot com" (ใช้ r และ n ประกอบเป็น m) โดยระบุว่าผู้ควบคุมโดเมนเหล่านี้คือกลุ่ม Thallium ที่ดำเนินการมาจากในเกาหลีเหนือ เหยื่อส่วนใหญ่ของกลุ่ม Thallium อยู่ใน สหรัฐฯ, ญี่ปุ่น, และเกาหลีใต้ โดยมักมุ่งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่รัฐบาล, บริษัทที่ปรึกษาทางการเมือง (think tank), เจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัย, หน่วยงานสิทธิมนุษยชน, และบุคคลที่ทำงานด้านอาวุธนิวเคลียร์ กลุ่ม Thallium มักส่งอีเมลหลอกเอารหัสผ่านจากผู้ใช้ จากนั้นก็ตั้งกฎการ forward อีเมลเพื่อให้รับอีเมลจากเหยื่อได้ตลอดเวลา บางครั้งก็ติดตั้งมัลแวร์ในเครื่องของเหยื่อเพื่อเข้าควบคุมคอมพิวเตอร์โดยตรง ที่มา - Microsoft ภาพตัวอย่างอีเมล
กูเกิลหยุด "บริหารภาษี" ผ่านบริษัทในเบอร์มิวดา จ่ายค่าไลเซนส์ตรงเข้าสหรัฐฯ แล้ว
lew
1 January 2020 - 14:33
[ "Google", "Tax" ]
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานถึงการยื่นภาษีของกูเกิลเมื่อปี 2018 ในเนเธอร์แลนด์ พบว่ากูเกิลหยุดใช้เทคนิค "Double Irish, Dutch sandwich" เพื่อลดการจ่ายภาษีในสหรัฐฯ จากเดิมที่มีการโอนรายได้ผ่านบริษัทในเบอร์มิวดาถึงกว่า 6 แสนล้านบาท (21.8 พันล้านดอลลาร์) ในปี 2018 โฆษกูเกิลส่งแถลงถึงรอยเตอร์ว่าบริษัทปรับรูปแบบการไลเซนส์ให้ง่ายลงโดยปรับค่าสัญญาอนุญาตให้จ่ายตรงเข้าสหรัฐฯ พร้อมกับระบุว่าที่ผ่านมาบริษัทก็จ่ายภาษีเฉลี่ยสูงกว่า 23% และ 80% เป็นภาษีในสหรัฐฯ เทคนิค Double Irish ที่มีการถ่ายโอนรายได้ข้ามประเทศไปมา เป็นช่องโหว่ของระบบภาษีที่มีประโยชน์ต่อบริษัทข้ามชาติหลายบริษัท กลไกทางภาษีทำให้บริษัทลดภาษีจากรายได้นอกสหรัฐฯ ลงเหลือต่ำกว่า 10% ที่มา - IT News ภาพสำนักงานใหญ่กูเกิลในสหรัฐฯ
ProtonMail เปิดตัว ProtonCalendar ปฏิทินปลอดภัย เข้ารหัสแบบ End-to-End
mk
1 January 2020 - 14:28
[ "Proton", "Encryption" ]
ProtonMail บริการอีเมลแบบเข้ารหัสที่เน้นความปลอดภัย-ความเป็นส่วนตัว เปิดตัว ProtonCalendar บริการปฏิทินที่เน้นความปลอดภัยแบบเดียวกัน เข้ารหัสข้อมูลแบบ end-to-end เมื่อเราสร้างปฏิทินหรือนัดหมายในแอพ ProtonCalendar ข้อมูลเหล่านี้จะถูกเข้ารหัสทันที ก่อนส่งไปเก็บบนเซิร์ฟเวอร์ ทำให้ไม่มีใครสามารถเข้าถึงข้อมูลของเราได้เลย นอกจากตัวเราเองเท่านั้น ตอนนี้ ProtonCalendar ยังมีแค่เวอร์ชันเว็บ มีสถานะเป็นเบต้า เปิดให้ผู้ใช้ ProtonMail แบบเสียเงินลองใช้งาน ส่วนแอพบน Android/iOS จะตามมาในปี 2020 นี้ ทีมงาน ProtonMail บอกว่าได้รับเสียงเรียกร้องให้สร้างแอพปฏิทินมานานแล้ว และขั้นต่อไปจะเปิด ProtonDrive สำหรับเก็บไฟล์อย่างปลอดภัยด้วย ที่มา - ProtonMail
Mazda ระบุ สาเหตุที่ MX-30 มีแบตเตอรี่ขนาดเล็กเพราะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า
BlackMiracle
1 January 2020 - 00:46
[ "Mazda", "Electric Car" ]
เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Mazda ได้เปิดตัว Mazda MX-30 รถยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่นแรกของ Mazda ซึ่งเป็นที่วิจารณ์กันเรื่องแบตเตอรี่ที่มีขนาดค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้ออื่นๆ ในตลาด เพราะมีแบตเตอรี่ขนาดเพียง 35.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง หรือวิ่งได้ราว 200 กิโลเมตรเท่านั้น ล่าสุด Christian Schultze ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยฝั่งยุโรปของ Mazda ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเหตุผลที่ Mazda เลือกทำแบตเตอรี่ขนาดเล็กเป็นเพราะกระบวนการผลิตนั้นปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ หรือเทียบได้กับการใช้รถ Mazda 3 เครื่องยนต์ดีเซล ภาพโดย Mazda เขายังบอกอีกว่าการใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่นั้นส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า โดย Mazda ได้คำนวณอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในระยะยาวมาแล้ว อย่างไรก็ตาม แม้ Mazda จะนำเรื่องสิ่งแวดล้อมมาอ้าง แต่ลูกค้าที่ต้องการแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ก็ยังมีอยู่ ซึ่งอาจทำให้ Mazda เสียลูกค้ากลุ่มนี้ไป ที่มา - Engadget