1
stringlengths
13
42
2
stringlengths
14
40
3
stringlengths
14
43
4
stringlengths
14
40
เห็นพี่น้องสององค์ล้วนทรงโฉม
งามประโลมหลากจิตคิดฉงน
ทอดสมอรอราเภตรายนต์
ทั้งสามคนขึ้นเดินบนเนินทราย
เข้ามาใกล้ไทรทองสองกษัตริย์
โสมนัสถามไถ่ดังใจหมาย
ว่าดูรามาณพทั้งสองนาย
เจ้าเพื่อนชายชื่อไรไปไหนมา
หรือเดินดงหลงทางมาต่างบ้าน
จงแจ้งการณ์ให้เราฟังที่กังขา
แม้นไม่มี่พี่น้องญาติกา
เราจะพาไปไว้เรือนเป็นเพื่อนกัน ฯ
พระฟังความถามทักเห็นรักใคร่
จึงขานไขความจริงทุกสิ่งสรรพ์
เราชื่ออภัยมณีศรีสุวรรณ
เป็นพงศ์พันธุ์จักรพรรดิสวัสดี
ไปร่ำเรียนวิชาที่อาจารย์
ตำบลบ้านจันตคามพนาศรี
อันตัวเรานี้ชำนาญการดนตรี
น้องเรานี้ก็ชำนาญการศัสตรา
พระบิตุเรศขับไล่มิให้อยู่
ว่าเรียนรู้ต่ำชาติวาสนา
เราพี่น้องสองคนจึงซนมา
หวังจะหาแห่งครูผู้ชำนาญ
ด้วยจะใคร่ไต่ถามตามสงสัย
วิชาใดจึงจะดีให้วิตถาร
ที่สมศักดิ์จักรพรรดิพิสดาร
จะคิดอ่านเรียนร่ำเอาตำรา
อันตัวเจ้าเผ่าพราหมณ์สามมาณพ
ได้มาพบกันวันนี้ดีหนักหนา
ท่านทั้งสามนามใดไปไหนมา
จงเมตตาบอกเล่าให้เข้าใจ ฯ
ดรุณพราหมณ์สามคนได้แจ้งอรรถ
ว่ากษัตริย์สุริย์วงศ์ไม่สงสัย
ประณตนั่งบังคมขออภัย
พระอย่าได้ถือความข้าสามคน
ซึ่งพระองค์สงสัยจึงไต่ถาม
จะทูลความให้แจ้งแห่งนุสนธิ์
ข้าชื่อวิเชียรโมราเจ้าสานน
ทั้งสามคนคู่ชีวิตเป็นมิตรกัน
แสวงหาตั้งเพียรเพื่อเรียนรู้
ได้เป็นคู่ศึกษาวิชาขยัน
ได้รู้เรียกลมฝนคือคนนั้น
ข้าแข็งขันยิงธนูสู้ไพริน
ยิงออกไปได้ทีละเจ็ดลูก
จะให้ถูกตรงไหนก็ได้สิ้น
คนนั้นผูกเรือยนต์แล่นบนดิน
อยู่บ้านอินทคามทั้งสามคน
ซึ่งองค์พระอนุชาเรียนอาวุธ
เข้ายงยุทธ์ข้าก็เห็นจะเป็นผล
แต่ดนตรีนี้ดูไม่ชอบกล
ข้าแสนสนเท่ห์ในน้ำใจจริง
ดนตรีมีคุณที่ข้อไหน
หรือใช้ได้แต่ข้างเที่ยวเกี้ยวผู้หญิง
ยังสงสัยในจิตคิดประวิง
จงแจ้งจริงให้กระจ่างสว่างใจ ฯ
พระฟังความพราหมณ์น้อยสนองถาม
จึงเล่าความจะแจ้งแถลงไข
อันดนตรีมีคุณทุกอย่างไป
ย้อมใช้ได้ดังจินดาค่าบุรินทร์
ถึงมนุษย์ครุฑาเทวราช
จตุบาทกลางป่าพนาสินฑ์
แม้นปี่เราเป่าไปให้ได้ยิน
ก็สุดสิ้นโทโสที่โกรธา
ให้ใจอ่อนนอนหลับลืมสติ
อันลัทธิดนตรีดีหนักหนา
ซึ่งสงสัยไม่สิ้นในวิญญาณ์
จงนิทราเถิดจะเป่าให้เจ้าฟัง
แล้วหยิบปี่ที่ท่านอาจารย์ให้
เข้าพิงพฤกษาไทรดังใจหวัง
พระเป่าเปิดนิ้วเอกวิเวกดัง
สำเนียงวังเวงแว่วแจ้วจับใจ ฯ
ในเพลงปี่ว่าสามพี่พราหมณ์เอ๋ย
ยังไม่เคยชมชิดพิสมัย
ถึงร้อยรสบุปผาสุมาลัย
จะชื่นใจเหมือนสตรีไม่มีเลย
พระจันทรจรสว่างกลางโพยม
ไม่เทียมโฉมนางงามเจ้าพราหมณ์เอ๋ย
แม้นได้แก้วแล้วจะค่อยประคองเคย
ถนอมเชยชมโฉมประโลมลาน
เจ้าพราหมณ์ฟังวังเวงวะแว่วเสียง
สำเนียงเพียงการเวกกังวานหวาน
หวาดประหวัดสตรีฤดีดาล
ให้ซาบซ่านเสียวสดับจนหลับไป
ศรีสุวรรณนั้นนั่งอยู่ข้างพี่
ฟังเสียงปี่วาบวับก็หลับใหล
พระแกล้งเป่าแปลงเพลงวังเวงใจ
เป็นความบวงสรวงพระไทรที่เนินทราย ฯ
จะกล่าวถึงนางอสุรีผีเสื้อน้ำ
อยู่ท้องถ้ำวังวนชลสาย
ได้เป็นใหญ่ในพวกปีศาจพราย
สกนธ์กายโตใหญ่เท่าไอยรา
ตะวันเย็นขึ้นมาเล่นทะเลกว้าง
เที่ยวอยู่กลางวารินกินมัจฉา
ฉวยฉนากลากฟัดกัดกุมภา
เป็นภักษานางมารสำราญใจ
แล้วเล่นน้ำดำโดดโลดทะลึ่ง
เสียงโผงผึงเผ่นโผนโจนไถล
เข้าใกล้ฝั่งวังวนข้างต้นไทร
พอนางได้ยินเสียงสำเนียงดัง
วิเวกแว่ววังเวงด้วยเพลงปี่
ป่วนฤดีดาลดิ้นถวิลหวัง
เสน่หาอาวรณ์อ่อนกำลัง
เข้าเกยฝั่งหาดทรายสบายใจ
แล้วลุกขึ้นเท้าแขนแหงนชะแง้
ชำเลืองแลหลากจิตคิดสงสัย
เห็นพระองค์ทรงโฉมประโลมใจ
นั่งเป่าปี่อยู่ใต้พระไทรทอง
ทั้งทรวดทรงองค์เอวก็อ้อนแอ้น
เป็นหนุ่มแน่นน่าชมประสมสอง
ถ้าแม้นได้กันกับกูเป็นคู่ครอง
จะประคองกอดแอบไว้แนบเนื้อ
น้อยหรือแก้มซ้ายขวาก็น่าจูบ
ช่างสมรูปนี่กระไรวิไลเหลือ
ทั้งลมปากเป่าปี่ไม่มีเครือ
นางผีเสื้อตาดูทั้งหูฟัง
ยิ่งปั่นป่วนรวนเรเสน่ห์รัก
สุดจะหักวิญญาณ์เหมือนบ้าหลัง
อุตลุดผุดทะลึ่งขึ้นตึงตัง
โดยกำลังโลดโผนโจนกระโจม
ชุลุมนหมุนกลมดังลมพัด
กอดกระหวัดอุ้มองค์พระทรงโฉม
กลับกระโดดลงน้ำเสียงต้ำโครม
กระทุ่มโถมถีบดำไปถ้ำทอง
ครั้งถึงแท่นแผ่นผาศิลาลาด
แสนสวาทเปรมปรีดิ์ไม่มีสอง
ค่อยวางองค์ลงบนเตียงเคียงประคอง
ทำกระหยิ่มยิ้มย่องด้วยยินดี ฯ
แสนสงสารพระอภัยใจจะขาด
กลัวอำนาจนางยักขินีศรี
สลบล้มมิได้สมประฤๅดี
อยู่บนที่แผ่นผาศิลาลาย ฯ
อสุรีผีเสื้อแสนสวาท
เห็นภูวนาถนิ่งไปก็ใจหาย
เออพ่อคุณทูนหัวผัวข้าตาย
ราพณ์ร้ายลูบต้องประคององค์
เห็นอุ่นอยู่รู้ว่าสลบหลับ
ยังไม่ดับชนม์ชีพเป็นผุยผง
พ่อทูนหัวกลัวน้องนี้มั่นคง
ด้วยรูปทรงอัปลักษณ์เป็นยักษ์มาร
จำจะแสร้งแปลงร่างเป็นนางมนุษย์
ให้ผาดผุดทรวดทรงส่งสัณฐาน
เห็นพระองค์ทรงโฉมประโลมลาน
จะเกี้ยวพานรักใคร่ดังใจจง
แล้วอ่านเวทเพศยักษ์ก็สูญหาย
สกนธ์กายดังกินนรนวลหง
เอาธารามาชโลมพระโฉมยง
เข้าแอบองค์นวดฟั้นคั้นประคอง ฯ
พระพลิกฟื้นตื่นสมประดีได้
ในฤทัยหมกมุ่นให้ขุ่นหมอง
แลเขม้นเห็นนางนวลละออง
เคียงประคองอยู่บนแท่นแผ่นศิลา
นิ่งพินิจพิศดูรู้ว่ายักษ์
ด้วยแววจักษุหายทั้งซ้ายขวา
ยิ่งชิงชังคั่งแค้นแน่นอุรา
จะใคร่ด่าให้ระยำด้วยคำพาล
แล้วคิดกลับดับเดือดให้เหือดหาย
จึงอุบายวิงวอนด้วยอ่อนหวาน
นี่แน่นางอสุรีขินีมาร
ไม่ต้องการที่จะแกล้งมาแปลงกาย
จะขอถามตามตรงจงประจักษ์
เจ้าเป็นยักษ์อยู่ในวนชลสาย
อันตัวเราเป็นมนุษย์บุรุษชาย
เจ้าคิดร้ายลักพาเอามาไย
เข้าอิงแอบแนบข้างอยู่อย่างนี้
หรือว่ามีข้อประสงค์ที่ตรงไหน
มนุษย์ยักษ์รักกันด้วยอันใด
ผิดวิสัยที่จะอยู่เป็นคู่ควร ฯ
อสุรีผีเสื้อสดับเสียง
เพราะสำเนียงเสนาะในฤทัยหวน
ทำเสแสร้งใส่จริตกระบิดกระบวน
ละมุนม้วนเมียงหมอบแล้วยอบตัว
อันน้องนี้ไร้คู่ที่สู่สม
เป็นสาวพรหมจารีไม่มีผัว
ถึงเป็นยักษ์ยังไม่มีราคีมัว
พระมากลัวผู้หญิงด้วยสิ่งใด
แม่เจ้าเอ๋ยคิดมาน่าหัวร่อ
เห็นเขาง้อแล้วยิ่งว่าไม่ปราศรัย
พลางแกล้งทำสะบัดสะบิ้งทิ้งสไบ
ร้อนเหมือนใจจะขาดประหลาดนัก
แล้วแกล้งทำสำออยพูดอ้อยอิ่ง
เข้าแอบอิงเอนทับลงกับตัก
ยิ่งถอยหนีก็ยิ่งตามด้วยความรัก
ยิ่งพลิกผลักก็ยิ่งแอบแนบอุรา ฯ
พระสุดแสนแค้นเคืองรำคาญจิต
มิได้คิดอินังชังน้ำหน้า
ถีบจนพลัดจากแท่นแผ่นศิลา
แล้วเดือดด่าว่าอีกาลีลาม
เขาเบือนเบื่อเหลือเกลียดขี้เกียจตอบ
ยังขืนปลอบปลุกปล้ำอีส่ำสาม
ทำแสนแง่แสนงอนฉะอ้อนความ
แพศยาบ้ากามกวนอารมณ์
ถึงมาตรแม้นม้วยมุดสุดชีวาตม์
อย่าหมายมาดว่ากูจะสู่สม
สัญชาติยักษ์ไม่สมัครสมาคม
แล้วทุดถ่มน้ำลายไม่ไยดี ฯ
อีนางยักษ์กลับปลอบไม่ตอบโกรธ
พระจงโปรดเกล้าน้องอย่าหมองศรี
ข้าหมายเหมือนภัสดาถึงด่าตี
ก็ตามทีเถิดเมียไม่เสียใจ
จนผู้หญิงอิงแอบแนบถนอม
กระไรหม่อมจะตั้งปึ่งไปถึงไหน
ช่างไม่คิดขวยเก้อเอออะไร
ทำบ้าใบ้เบือนหนีไปทีเดียว
มาร่วมเรียงเคียงข้างอยู่อย่างนี้
ยังว่ามีน้ำใจจะไม่เกี่ยว
น่าอดสูผู้หญิงเสียจริงเจียว
พลางกลมเกลียวกอดรัดกษัตรา ฯ
พระเหวี่ยงวัดขัดใจมิให้ต้อง
จนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยสองพระหัตถา
มันดื้อด้านทานทนพ้นปัญญา
จึงแกล้งว่าวิงวอนให้อ่อนใจ
อะไรเจ้าเฝ้ากวนกันจู้จี้
ข้าจะหนีหน่ายนางไปข้างไหน
ขอพักนอนเสียสักหน่อยถอยออกไป
สบายใจจึงค่อยมาพูดจากัน
แล้วเอนองค์ลงบนแท่นแสนระทด
โศกกำสรดซบทรงกันแสงศัลย์
โอ้สงสารป่านฉะนี้ศรีสุวรรณ
อยู่ด้วยกันหลัดหลัดมาพลัดพราย
พอตื่นขึ้นยามเย็นไม่เห็นพี่
จะโศกีโหยหาน่าใจหาย
ได้เห็นแต่เจ้าพราหมณ์ทั้งสามนาย
เขาผันผายลับตาจะอาวรณ์
นิจจาเอ๋ยเคยเห็นกันพี่น้อง
มาเที่ยวท่องบุกเดินเนินสิงขร
อียักษ์ลักพี่ลงมาในสาคร
จะทุกข์ร้อนว้าเหว่อยู่เอกา
พระนึกนึกแล้วสะอึกสะอื้นไห้
ชลเนตรหลั่งไหลทั้งซ้ายขวา
ซบพระพักตร์อยู่บนแท่นแผ่นศิลา
ทรงโศกากำสรดระทดใจ ฯ
อีนางยักษ์ฟังสะอื้นค่อยชื่นจิต
สำคัญคิดแว่วว่าพระปราศรัย
เข้าอิงแอบแนบองค์พระทรงชัย
เห็นเธอไม่ผินผันจำนรรจา
คิดว่าหลับกลับปลุกขึ้นโลมลูบ
ประจงจูบปรางซ้ายแล้วย้ายขวา
ค่อยยกหัตถ์ภูวนาถพาดอุรา
ในกามาปั่นป่วนให้ยวนยี
เห็นทรงศักดิ์ผลักพลิกทำหยิกเย้า
มาลูบคลำทำเขาแล้วเบือนหนี
จะกอดไว้ไม่วางเหมือนอย่างนี้
แค้นหนักหนาฟ้าผี่เถอะดื้อดึง ฯ
พระแค้นคำซ้ำด่าอีหน้าด้าน
ใครจะร่านเหมือนเช่นนี้ไม่มีถึง
น่าอดสูกูได้ทำไมมึง
มาเคล้าคลึงโลมลูบจูบผู้ชาย
ทั้งเหม็นสาบเหม็นสางเหมือนอย่างศพ
ไม่น่าคบน่ารักยักษ์ฉิบหาย
มายั่วเย้าเฝ้าเบียดเกลียดจะตาย
ไม่มีอายมีเจ็บเท่าเล็บมือ ฯ
อีนางยักษ์ควักค้อนแล้วย้อนว่า
ส่วนร่ำด่ากระนั้นได้เขาไม่ถือ
ทีขอจูบแต่พอถูกจมูกเครือ
ยิ่งอึงอื้อบ่นว่าเป็นน่าชัง
เมื่ออยู่สองต่อสองในห้องหับ
จะบังคับมิให้ใครกลุ้มใจมั่ง
ถึงโกรธขึ้งอย่างไรก็ไม่ฟัง
พลางเข้านั่งแอบข้างไม่ห่างกาย ฯ
พระสุดแสนแค้นเคืองรำคาญจิต
เป็นสุดคิดสุดที่จะหนีหาย
ให้อักอ่วนป่วนใจไม่สบาย
มันกอดก่ายเซ้าซี้พิรี้พิไร
จะยั่งยืนขืนขัดตัดสวาท
ไม่สังวาสเชยชิดพิสมัย
ก็จะสะบักสะบอมตรอมฤทัย
ต้องแข็งใจกินเกลือด้วยเหลือทน
จึงบัญชาว่านี่แน่นางยักษ์
จะร่วมรักกันก็เห็นไม่เป็นผล
อันเชื้อชาติอสุรินทร์ย่อมกินคน
มาแปดปนเป็นมิตรเราคิดกลัว
ไปข้างหน้าถ้าเคืองน้ำใจเจ้า
จะกินเราเสียไม่คิดว่าเป็นผัว
แม้นให้สัตย์ปฏิญาณสาบานตัว
ให้หายกลัวแล้วจะอยู่เป็นคู่ครอง ฯ
อียักษ์ฟังดังผ่านวิมานสวรรค์
เกษมสันต์นบนอบตอบสนอง
แม้นเคลือบแคลงแหนงในพระทัยปอง
จงฟังน้องจะให้สัตย์ปฏิญาณ
แม้นโว้เว้เนรคุณพระทูนหัว
อันเป็นผัวเพื่อนรักสมัครสมาน
ขอทุกเทพเทวัญจงบันดาล
ประหารผลาญชีวาตม์ให้ขาดรอน
จนสุดสิ้นดินฟ้าสุธาทวีป
ไม่สิ้นชีพก็ไม่เสื่อมสโมสร
พอให้สัตย์เสร็จคำทำฉะอ้อน
ระทวยอ่อนเอนทับลงกับเพลา ฯ
พระฟังคำจำจิตพิศวาส
ฝืนอารมณ์สมพาสทั้งโศกเศร้า
การโลกีย์ดีชั่วย่อมมัวเมา
เหมือนอดข้าวกินมันกันเสบียง
เกิดกุลาคว้าว่าวปักเป้าติด
กระแซะชิดขากบกระทบเหนียง
กุลาส่ายย้ายหนีตีแก้เอียง
ปักเป้าเหวี่ยงยักแผละกระแซะชิด
กุลาโคลงไม่สู้คล่องกะพล่องกะแพล่ง
ปักเป้าแทงตะละทีไม่มีผิด
จะแก้ไขก็ไม่หลุดสุดความคิด
ประกบติดตกผางลงกลางดิน
สมพาสยักษ์รักร่วมภิรมย์สม
เหมือนเด็ดดอกหญ้าดมพอได้กลิ่น
เป็นวิสัยในภพธรณินทร์
ไม่สุดสิ้นสิ่งเสน่ห์ประเวณี ฯ
นางผีเสื้อเมื่อได้ประสมสอง
ดังจะล่องลอยฟ้าในราศี
ประคองคอยปรนนิบัติเข้าพัดวี
อยู่ข้างที่แผ่นผาศิลาลาย
ครั้นรุ่งรางนางไปในไพรสณฑ์
เที่ยวเก็บผลพฤกษามาถวาย
จะนั่งนอนผ่อนตามความสบาย
นิมิตกายรูปร่างสำอางตา ฯ
จะกล่าวถึงอนุชานิทราสนิท
พระอาทิตย์ยอแสงแฝงพฤกษา
น้ำค้างพรมลมพัดกระพือมา
เสนาะเสียงสกุณาสนั่นไพร
ทะเลลึกเลื่อนลั่นสนั่นคลื่น
ผวาตื่นหวาดหวั่นฤทัยไหว
ไม่เห็นพี่ที่พุ่มพฤกษาไทร
ประหลาดใจปลุกพราหมณ์ทั้งสามนาย
พระเชษฐาข้าไปข้างไหนเล่า
เมื่อกี้เป่าปี่เล่นไม่เห็นหาย
ที่ก็เตียนเลี่ยนลาดล้วนหาดทราย
จะแฝงกายที่ไหนก็ไม่มี
สามมาณพนิ่งคิดผิดประหลาด
หรือภูวนาถนึกอางขนางหนี
จะทอดทิ้งน้องไว้ก็ใช่ที
เหตุจะมีสักสิ่งนึกกริ่งใจ
แล้วพากันย่างย่องมองเขม้น
ก็พอเห็นรอยเท้าที่ยาวใหญ่
มายั้งหยุดสุดสิ้นเพียงต้นไทร
แล้วกลับไปหายลงในคงคา
อันรอยนี้มิใช่รอยมนุษย์
ต่างวิมุติหมางจิตคิดกังขา
หรือยักษีผีเสื้อแกล้งมารยา
มาลักพาภูวไนยเอาไปกิน
ศรีสุวรรณเห็นจริงก็ใจหาย
ระทวยกายลงกับท่าชลาสินธุ์
พระเนตรนองนัยนาดั่งวาริน
กันแสงสิ้นเสือกซบสลบไป ฯ
ทั้งสามพราหมณ์เข้าประคองพระน้องนาถ
เห็นอนาถนิ่งแน่เข้าแก้ไข
ร้องเรียกพลางทางแสนสงสารใจ
ก็ร่ำไรเรียกหน่อกษัตรา ฯ
ศรีสุวรรณฟื้นองค์ดำรงนั่ง
สุชลหลั่งคลอเนตรถึงเชษฐา
โอ้สงสารป่านฉะนี้พระพี่ยา
ไปลับตาตายเป็นไม่เห็นกัน
เป็นเพื่อนสุขทุกข์โศกวิโยคยาก
ตั้งแต่จากกรุงไกรไอศวรรย์
ระหกระเหินเดินป่าพนาวัน
กินเผือกมันต่างข้าวทุกเช้าเย็น
อยู่ด้วยกันหลัดหลัดมาพลัดพราก
แต่แสนยากแล้วมิหนำมาซ้ำเข็ญ
นึกนึกแล้วก็น่าน้ำตากระเด็น
จะอยู่เป็นคนไปทำไมมี
สะอื้นอ้อนข้อนทรวงเข้าฮักฮัก
วรพักตร์ผุดผ่องก็หมองศรี
กันแสงทรงโศกศัลย์พันทวี
อยู่กับที่หาดทรายชายคงคา ฯ
ทั้งสามพราหมณ์เข้าประคองแล้วร้องไห้
น้ำตาไหลพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา
ต่างนบนอบปลอบหน่อกษัตรา
อย่าโศกาตรอมนักจงหักใจ
อันกำเนิดเกิดมาในหล้าโลก
สุขกับโศกมิได้สิ้นอย่าสงสัย
ซึ่งเกิดเหตุเชษฐาเธอหายไป
ก็ยังไม่รู้เห็นว่าเป็นตาย
ควรจะคิดติดตามแสวงหา
แล่นนาวาไปในวนชลสาย
แม้นพระพี่มิม้วยชีวาวาย
ก็ดีร้ายจะได้พบประสบกัน
ข้าทั้งสามก็จะตามเสด็จด้วย
ผิดชอบช่วยไปกว่าจะอาสัญ
จงดับทรงโศกาอย่าจาบัลย์
จะเนิ่นวันเสียเปล่าไม่เข้ายา ฯ
พระฟังสามพราหมณ์ปลอบก็ชอบจิต
แสนสนิทยิ่งกว่าญาติวงศา
ค่อยมีแรงแข็งขืนกลืนน้ำตา
จึงบัญชาชมพราหมณ์ทั้งสามคน
ถึงมาตรแม้นเป็นเพื่อนก็เหมือนพี่
ด้วยน้องนี้ก็ยังเยาว์เฉาฉงน
พี่ช่วยคิดติดตามเมื่อยามจน
พระคุณล้นล้ำลบภพไตร
แต่ทะเลลึกกว้างถึงอย่างนี้
ไม่รู้ที่จะตามติดไปทิศไหน
จะผ่อนปรนบนบานประการใด
จึงจะได้แจ้งจิตในกิจจา ฯ
เจ้าสานนคนฉลาดเฉลยตอบ
พ่อคิดชอบอย่างนี้ดีหนักหนา
พี่ได้ครูรู้เรียนตำรามา
จะจับยามสามตาให้แน่นอน
แล้วนับนิ้วนิ่งนั่งตั้งสติ
ตามลัทธิเรียนรู้ที่ครูสอน
ทั้งลมจันทกาลาพยากรณ์
เห็นแน่นอนแม่นยำแล้วทำนาย
อย่าครวญคร่ำรำพึงถึงพระพี่
มีสตรีพาไปดังใจหมาย
เขาอุปถัมภ์ค้ำชูอยู่สบาย
พอเคราะห์คลายเห็นจะพบประสบกัน