query
stringlengths 4
1.73k
| positive_passages
sequencelengths 1
11
| negative_passages
sequencelengths 0
30
|
---|---|---|
หัวใจมนุษย์มีกี่ห้อง? | [
"หัวใจทำหน้าที่สูบเลือดไปทั่วร่างกาย หัวใจของมนุษย์แบ่งออกเป็น 2 ซีกคือ atrium 2 ห้องที่อยู่ข้างบนและ ventricle 2 ห้องที่อยู่ด้านล่าง right Atrium คือ ห้องขวาบน ทำหน้าที่รับเลือดที่มีออกซิเจนน้อยจากเส้นเลือด Superior venacava (มาจากส่วนบนของร่างกาย) และ Inferior venacava (มาจากส่วนล่างของร่างกาย) แล้วส่งต่อไปยัง หัวใจห้องขวาล่างหรือ right Ventricle ผ่านลิ้นหัวใจ Tricuspid valve ซึ่งห้องนี้จะส่งเลือดที่มี poor oxygen ไปยังปอดโดยการใช้เส้นเลือด Pulmonary Artery โดยผ่านลิ้นเซมิลูนาร์ (ลิ้นกั้นระหว่างหลอดเลือดพัลโมนารีอาร์เตอรีกับเวนตริเคิลขวา) หลังจากนั้น left Atrium หรือ หัวใจห้องซ้ายบนที่เราเห็นจะรับเลือดที่มีออกซิเจนมาจากปอดผ่านทางเส้นเลือด Pulmonary Vein แล้วส่งต่อไปยัง left Ventricle คือหัวใจห้องซ้ายล่าง ผ่านลิ้นหัวใจชื่อ Bicuspid valve หรือ Mitral valve ที่จะสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกาย โดยต่อกับเอออร์ตา",
"หัวใจจะถูกแบ่งออกเป็นสี่ห้อง (heart chambers) และทิศทางการไหลของเลือดเข้าสู่แต่ละห้องจะถูกควบคุมโดยลิ้นหัวใจ (cardiac valves) ทำให้เลือดไม่ไหลย้อนเมื่อมีการบีบตัวและคลายตัว ในที่นี้จะกล่าวถึงห้องของหัวใจตามลำดับของการไหลของเลือดภายในหัวใจ",
"หัวใจห้องบนซ้าย (Left atrium) มีขนาดเล็กที่สุดในห้องหัวใจทั้งสี่ห้อง และวางตัวอยู่ทางด้านหลังสุด โดยหัวใจห้องนี้จะรับเลือดที่ได้รับออกซิเจนจากปอดผ่านทางหลอดเลือดดำปอด (pulmonary veins) และจึงส่งผ่านให้หัวใจห้องล่างซ้ายทาง\"ลิ้นหัวใจไมทรัล (Mitral valve)"
] | [
"หมึกสาย มีหัวใจทั้งหมด 3 ดวง และมีสมองแยกออกจากกันอยู่ในโคนหนวดแต่ละหนวดถึง 9 สมอง หนวดของหมึกสายนั้นมีประสาทสัมผัสและปุ่มดูดเรียงตัวกัน 1–2 แถว ประกอบด้วยกล้ามเนื้อเป็นจำนวนมาก ในตัวผู้เมื่อถึงวัยเจริญพันธุ์จะเปลี่ยนไปเป็นอวัยวะสืบพันธุ์ โดยเกิดเป็นลิ้นนำถุงน้ำเชื้อเข้าไปผสมกับไข่ของตัวเมีย ซึ่งหนวดเส้นนี้ของตัวผู้ในตอนปลายจะไม่มีปุ่มดูด อันเป็นลักษณะที่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างเพศของหมึกสาย",
"หัวใจห้องล่างขวา (Right ventricle) จะอยู่ทางด้านหน้าสุดของหัวใจ และพื้นผิวทางด้านหลังของหัวใจห้องนี้จะติดกับกะบังลม หัวใจห้องล่างขวาทำหน้าที่รับเลือดจากหัวใจห้องบนขวา แล้วส่งออกไปยังปอด ผ่านลิ้นหัวใจพัลโมนารี (pulmonary valve) และหลอดเลือดแดงปอด (pulmonary arteries) ที่ผนังของหัวใจห้องที่จะมีแนวของกล้ามเนื้อหัวใจที่สานต่อกัน และมีเอ็นเล็ก ๆ ที่ควบคุมลิ้นหัวใจไทรคัสปิด ซึ่งเรียกว่า \"คอร์ดี เท็นดินี\" (chordae tendinae) ซึ่งทำหน้าที่ยึดลิ้นหัวใจไทรคัสปิดไม่ให้ตลบขึ้นไปทางหัวใจห้องบนขวาระหว่างการบีบตัวของหัวใจห้องล่าง ดังนั้นจึงป้องกันไม่ให้เลือดไหลย้อนกลับ",
"หัวใจห้องบนขวา (Right atrium) มีหน้าที่รับเลือดที่มาจากท่อเลือดดำบน (superior vena cava) ซึ่งรับเลือดมาจากร่างกายส่วนบน และท่อเลือดดำล่าง (Inferior vena cava) รับเลือดมาจากร่างกายช่วงล่าง ผนังของหัวใจห้องนี้ค่อนข้างบาง โดยเฉพาะทางด้านที่ติดกับหัวใจห้องบนซ้าย จะมีรอยบุ๋มที่เรียกว่า \"ฟอซซา โอวาเล\" () ซึ่งเป็นทางเชื่อมระหว่างหัวใจห้องบนสองห้องระหว่างที่ยังเป็นตัวอ่อนในครรภ์ เลือดจากหัวใจห้องบนขวาจะไหลเข้าสู่หัวใจห้องล่างขวา ผ่านทางลิ้นหัวใจไทรคัสปิด (Tricuspid valve)",
"ในหัวใจของมนุษย์ หลอดเลือดแดงสู่ปอดทั้งหลายจะมีจุดเริ่มต้นที่บริเวณหัวใจห้องล่างขวา ซึ่งเป็นหลอดเลือดขนาดใหญ่ราว 3 เซนติเมตรแต่สั้นประมาณ 5 เซนติเมตร แล้วแตกกิ่งออกเป็นสองเส้น (ซ้ายกับขวา) ซึ่งนำเลือดที่ปราศออกซิเจนไปสู่ปอด และเข้าสู่หลอดเลือดผอยบริเวณถุงลมของปอด เพื่อแลกเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์บางส่วนออกไปและรับออกซิเจนเข้ามา ซึ่งเป็นหนึ่งกระบวนการของระบบหายใจ ความดันหลอดเลือดแดงสู่ปอดของมนุษย์จะอยู่ที่ 9 - 18 มม.ปรอท ในขณะที่ความดันหลอดเลือดฝอยในปอดจะอยู่ที่ไม่เกิน 25มม.ปรอท หากเกินกว่านี้แสดงถึงภาวะความดันโลหิตในปอดสูง",
"ห้องครัว เป็นพยานวัตถุที่สามารถบอกเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้เช่น บนเตามีอะไร จำนวนจานที่ยังไม่ได้ล้าง เศษอาหารที่เหลือ กลิ่นที่พบในที่เกิดเหตุมีกลิ่นใด มีกลิ่นก๊าซและกลิ่นน้ำหอมในบริเวณที่เกิดเหตุหรือไม่ พบบุหรี่หรือก้นบุหรี่ตกอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุหรือไม่ นาฬิกาที่พบเดินหรือไม่ ถ้านาฬิกาตายตายเวลาเท่าใดและเดินตรงเวลาที่เป็นอยู่ในวันที่ตรวจหรือไม่ ถ้าเป็นนาฬิกาปลุกตั้งไว้เวลาเมื่อใด ถ้าแพทย์และพนักงานสบอสวนเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ พบเป็นงานปาร์ตี้ ในงานมีเหล้ากี่ขวด ประเภทอะไรบ้างและมีทั้งหมดกี่ใบ ข้างในขวดมีของเหลือหรือไม่ ถ้ามีเหลือส่วนที่เหลือเป็นอะไร มีการหกเลอะเทอะและพบเศษก้นบุหรี่ตามพื้นหรือไม่ พบลายมือบนภาชนะในงาน เป็นปาร์ตี้สำหรับกี่คนและน่าจะมีคนมาในงานกี่คน ที่เขี่ยบุหรี่มีก้นบุหรี่เท่าไร มีกี่ชนิด สูบเหลือเท่าไรและมีก้านไม้ขีดหรือไม่ลักษณะเป็นอย่างไร รวมทั้งตรวจค้นตามลิ้นชักตามตู้โต๊ะ พบว่าล็อกอยู่หรือไม่ กุญแจอยู่ที่ใด มีร่องรอยรื้อค้นหาเงินหรือของมีค่าหรือไม่ ถังขยะมีเศษอาหารหรือไม่ ถ้ามีมีเท่าไร มีอะไรบ้างหรือเศษกระดาษอะไร",
"ในมนุษย์ หัวใจอยู่ในช่องอกเยื้องไปทางซ้ายเล็กน้อย หัวใจมีน้ำหนักประมาณ 250-350 กรัม และมีขนาดประมาณสามในสี่ของกำปั้น",
"มนรต์น้ำหมึก เป็นหนังสือเล่มที่สองในวรรณกรรมชุดนี้ ในเล่มนี้ เม็กกี้ และฟาริดได้เข้าเข้าไปในโลกน้ำหมึกเพื่อเตือนนิ้วฝุ่นเรื่องบาสต้า ที่โลกน้ำหมึกแห่งนี้เม็กกี้ได้พบ กับผู้คนมามาย ในขณะที่โม และเรซ่า พ่อแม่ของเธอได้ตามเข้ามาในนี้ด้วย ซึ่งโมประสบปัญหาอย่างหนัก ปัญหาของโมคืออะไร เม็กกี้จะได้กลับบ้านหรือไม่ ติดตามอ่านได้ในหนังสือ มนตร์น้ำหมึก",
"หน้าที่หลักของหัวใจคือการสูบฉีดเลือดผ่านระบบไหลเวียนเพื่อไปเลี้ยงร่างกายทั้งร่าง การไหลเวียนนี้แบ่งออกเป็นการไหลเวียนเลี้ยงกายที่ส่งเลือดไปเลี้ยงร่างกายและรับเลือดที่ใช้แล้วกลับ และการไหลเวียนผ่านปอด ซึ่งส่งเลือดไปฟอกที่ปอดและรับเลือดกลับจากปอดมาหัวใจเพื่อเตรียมสูบฉีดต่อไปยังร่างกาย ขณะที่เลือดไหลเวียนผ่านปอดจะมีการแลกเปลี่ยนก๊าซ รับเอาออกซิเจนเข้ามาในเลือด และส่งคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปยังปอดผ่านการหายใจ หลังจากนั้นระบบไหลเวียนกายจะส่งเลือดแดงที่มีออกซิเจนมากไปยังร่างกาย และรับเลือดดำที่มีคาร์บอนไดออกไซด์มากและมีออกซิเจนน้อยกลับมายังปอด\nรอบหัวใจเต้น (cardiac cycle) หมายถึงรอบที่สมบูรณ์ของการเต้นของหัวใจ ทั้งการบีบตัว การคลายตัว และการหยุดพัก\nปริมาตรเลือดส่งออกจากหัวใจต่อนาที (cardiac output)"
] |
สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีผู้อำนวยการคนแรกคือใคร? | [
"สถาบันไทยคดีศึกษาก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2514 โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะอนุรักษ์ความเป็นไทยภายใต้กระแสวัฒนธรรมตะวันตก และสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับสังคมไทยโดยไม่ลอกตำราฝรั่ง การดำเนินงานในระยะแรกอยู่ในรูปของโครงการวิชาการ โดยมีศาสตราจารย์ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นประธานคณะกรรมการบริหารโครงการ และ อาจารย์ ดร.นิออน สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เป็นผู้อำนวยการ ศาสตราจารย์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในขณะนั้น ประทานชื่อโครงการว่า “ไทยคดีศึกษา”"
] | [
"วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2551 หม่อมหลวงวัลย์วิภา จรูญโรจน์ ผู้อำนวยการสถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมนักวิชาการ เดินทางมาพบ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อรับมอบรายชื่อผู้คัดค้านการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ซึ่งในส่วนของพันธมิตรฯ ได้มีการมอบรายชื่อให้กับทางสถาบันไทยคดีศึกษาไปแล้ว 6,000 รายชื่อ และวันที่ 27 มิถุนายน มอบให้อีก 3,488 รายชื่อ ซึ่งล่าสุดตัวเลขของผู้ที่คัดค้านการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารมีทั้งหมด 33,400 รายชื่อ ภายหลังจากที่มีการรับมอบรายชื่อจากแกนนำกลุ่มพันธมิตรแล้ว ม.ล.วัลวิภา ยังได้ไปยื่นหนังสือคัดค้านเรื่องนี้ ต่อนายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย",
"โดยผู้ที่ออกแบบตราสัญลักษณ์ดังกล่าว รศ.กมล ฉายาวัฒนะ อดีตผู้อำนวยการสถาบันฯ ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า ผู้ที่ออกแบบคือ อาจารย์อวบ สาณะเสน อดีตอาจารย์คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน ซึ่งเป็นกรรมการบริหารโครงการไทยคดีศึกษาในเวลานั้น โดยได้รับแรงบันดาลใจจากลวดลายที่เป็นศิลปะของทางภาคเหนือ",
"ยุคแห่งผู้บริหารจาก \"ธรรมศาสตร์\" ในยุคนี้มีผู้อำนวยการถึง 3 คนที่จบปริญญาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คือ นายกุหลาบ ประภาสโนบล นายทอง พงศ์อนันต์ และนายชะลอ ปทุมานนท์ ซึ่งล้วนแล้วแต่นำสิ่งใหม่ๆมาสู่โรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นสีประจำโรงเรียน (เหลืองแดง) ต้นไม้ที่ปลูกรอบโรงเรียนล้วนได้รับอิทธิพลจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แม้กระทั่งตราโรงเรียนยุคแรกก็ยังได้รับอิธิพลจากตราธรรมจักรของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีการตีพิมพ์วารสารโรงเรียนขึ้นเป็นครั้งแรกโดยได้รับความร่วมมือจากกระทรวงและเป็นการกำหนดหลักสูตรให้กับโรงเรียนโดยรอบจังหวัดผ่านทางสื่อสิ่งพิมพ์ซึ่งถือว่าเป็นสื่อที่ทันสมัยในยุคนั้น\nสืบเนื่องจากนโยบายทางการศึกษาของรัฐบาลใหม่หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จึงแยกโรงเรียนออกเป็นชายล้วนและหญิงล้วนในระหว่างช่วงนี้โรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพลได้แยกนักเรียนหญิงในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นไปยัง \"โรงเรียนสตรีชัยภูมิ\" และได้ทำการสอนนักเรียนหญิงระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายตามปกติจนกระทั่งปี พ.ศ. 2483 โรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพลจึงกลายโรงเรียนชายล้วนอย่างสมบูรณ์",
"ในช่วงสามทศวรรษแรกของการดำเนินงาน สถาบันไทยคดีศึกษาได้ผลิตงานวิจัยมากกว่า 200 ชิ้น มีทั้งงานวิจัยของนักวิจัยประจำสถาบันและงานวิจัยของคณาจารย์สาขาต่างๆ ซึ่งสถาบันทำหน้าที่บริหารโครงการวิจัยและส่วนใหญ่เป็นเรื่องของไทย นอกจากนี้สถาบันยังได้ผลิตตำราที่มีคุณภาพออกสู่วงวิชาการอีกเป็นจำนวนมาก สำหรับงานวิจัยของสถาบันนั้น นับตั้งแต่ พ.ศ. 2520 เป็นต้นมาได้มีการขยายขอบเขตงานวิจัยจากงานด้านมนุษยศาสตร์ ออกไปสู่งานวิจัยทางสังคมศาสตร์ สังคมวิทยา และมานุษยวิทยา",
"ในระยะแรกของสถาบันไทยคดีศึกษา สำนักงานและห้องสมุดสถาบันไทยคดีศึกษา อยู่ที่ตึกห้องสมุดกลาง ชั้น 5 (ปัจจุบันคือ อาคารอเนกประสงค์ 3 ด้านติดกับคณะรัฐศาสตร์) ต่อมาใน พ.ศ. 2523 ได้ย้ายที่ทำการมาอยู่ชั้น 9 อาคารอเนกประสงค์ 1 ซึ่งบริเวณดังกล่าวเคยมีการปรับปรุงมาแล้วสองครั้งคือ พ.ศ. 2529 และ พ.ศ. 2553 ซึ่งมีการปรับปรุงห้องประชุมชั้น 9 โดยตั้งชื่อใหม่ว่า “ห้องประชุมคึกฤทธิ์ ปราโมช” เพื่อเป็นเกียรติแด่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ผู้มีบทบาทสำคัญในการจัดตั้งสถาบันไทยคดีศึกษา ปัจจุบันที่ทำการของสถาบันไทยคดีศึกษา แบ่งออกเป็นฝั่งผู้บริหารกับนักวิจัย กับฝั่งสำนักงานเลขานุการสถาบันฯ ซึ่งประกอบด้วย เลขานุการ, งานบริการวิชาการ, งานส่งเสริมการวิจัย, งานบริหารและธุรการ และห้องประชุมคึกฤทธิ์ ปราโมช",
"ตัวอักษรประดิษฐ์นาม \"สถาบันไทยคดีศึกษา\" เป็นฝีมือการออกแบบโดย \"อังคาร กัลยาณพงศ์\" ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ (กวีนิพนธ์) ประจำปี พ.ศ. 2532 ซึ่งมีคุณูปการต่อสถาบันไทยคดีศึกษามาตลอด เช่น เมื่อสถาบันฯจัดกิจกรรมทางด้านวิชาการต่างๆ อาทิ ครบรอบ ๑๐๐ ปี พระยาอนุมานราชธน, ครบรอบ ๒๐๐ ปี สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปรมานุชิตชิโนรส ฯลฯ สถาบันฯขอให้ท่านอังคารแต่งบทประพันธ์สรรเสริญเกียรติคุณของบุคคลท่านนั้นๆ เมื่อแต่งเสร็จแล้ว ยังได้กรุณามาอ่านบทประพันธ์ที่ท่านประพันธ์ขึ้นมาในที่ประชุมสัมมนาด้วย",
"ประกอบด้วยนักวิจัยที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ศิลปะ วัฒนธรรม สังคมศาสตร์ การท่องเที่ยว ฯลฯ ตามความสนใจและเชี่ยวชาญเฉพาะบุคคล ภารกิจประกอบด้วยการวิจัย การเขียนบทความวิชาการ การจัดสัมมนาผ่านการจัดโครงการบริการวิชาการแก่สังคม ทั้งนี้ นักวิจัยจะขึ้นตรงต่อคณะผู้บริหารประจำสถาบันฯ การดำเนินงานมีทั้งที่ดำเนินการโดยทุนวิจัยภายในของสถาบันไทยคดีศึกษา ทุนของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และความร่วมมือกับแหล่งทุนภายนอก เช่น ทุนจากงบประมาณแผ่นดิน ทุนจากหน่วยงานที่มีการทำข้อตกลงร่วมกัน เป็นต้น\nแบ่งออกเป็น",
"เป็นวารสารทางวิชาการ ราย 6 เดือน ของสถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการศึกษาค้นคว้าในระดับอุดมศึกษา และเพื่อเผยแพร่บทความวิจัยและบทความวิชาการเกี่ยวกับไทยศึกษา ในมิติทางด้านสังคมศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ตลอดจนประเด็นร่วมสมัยที่น่าสนใจ ทั้งนี้บทความหรือข้อคิดเห็นต่าง ๆ ที่ปรากฏในวารสารนี้ จะต้องผ่านกระบวนการการพิจารณาจากกองบรรณาธิการและผ่านกลั่นกรองคุณภาพจากผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาที่เกี่ยวข้อง แต่รายละเอียดและเนื้อหาที่ปรากฏ ถือเป็นความคิดเห็นส่วนตัวและความรับผิดชอบเฉพาะของผู้เขียน โดยไม่จำเป็นต้องตรงกับความคิดเห็นหรือเป็นความรับผิดชอบของคณะบรรณาธิการผู้จัดทำ",
"โครงการไทยคดีศึกษาได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น “สถาบันไทยคดีศึกษา” ตามประกาศทบวงมหาวิทยาลัย ลงวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2518 มีหน้าที่ศึกษาวิจัยและเรียบเรียงตำราในเรื่องเกี่ยวกับสังคมไทยเพื่อประโยชน์ในด้านการเรียนการสอนและการพัฒนาประเทศ ต่อมาในปี พ.ศ. 2520 สภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีมติให้สถาบันไทยคดีศึกษาขยายขอบข่ายงานออกเป็นสถาบันวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำหน้าที่กำหนดนโยบายวิจัยของมหาวิทยาลัย จัดสรรทุนวิจัยแก่อาจารย์และข้าราชการ ให้คำปรึกษาและเผยแพร่งานวิจัยในทุกสาขาวิชา จนถึงปี พ.ศ. 2548 บทบาทดังกล่าวจึงยุติลง"
] |
ซิงเกิลแรกของ เอมี เจด ไวน์เฮาส์ คืออะไร? | [
"อัลบั้มชุดแรกของเธอออกในปี 2003 ชื่อชุด \"Frank\" ได้ถูกเสนอชื่อรางวัลเมอร์คิวรีไพรซ์ และเธอได้รับรางวัลไอวอร์ โนเวลโล ในปี 2004 สำหรับซิงเกิลเปิดตัวของเธอ \"Stronger than Me\" และอีกครั้งหนึ่งในเดือน พฤษภาคม 2007 กับซิงเกิลแรกจากอัลบั้มในปี 2006 \"Back to Black\" ในเพลง \"Rehab\" และต่อมาในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ยังได้รับรางวัลบริทอวอร์ด สาขาศิลปินหญิงที่ดีที่สุดของเกาะอังกฤษ นอกจากนั้นยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอ็มทีวี วิดีโอ มิวสิก อวอร์ดส ปี 2007 อีกด้วย"
] | [
"อัลบั้มชุดแรกของเธอคือ \"Frank\" วางจำหน่ายครั้งแรกวันที่ 20 ตุลาคม ค.ศ. 2003 อัลบั้มชุดนี้ควบคุมดูแลโดย ซะลาม เรมิ เพลงส่วนใหญ่จะออกแนวแจ๊ส นอกจากนี้ยังมีเพลงที่เธอนำมาร้องใหม่ 2 เพลง เอมีมีส่วนร่วมในการแต่งเพลงทุกเพลงในอัลบั้มนี้ เธอได้รับบทวิจารณ์ในแง่ดีอย่างล้นหลาม พร้อมทั้งได้รับคำชมเชยมากมายว่า เนื้อเพลงเยี่ยมและน่าจับตามอง และได้มีการเทียบเคียงเสียงร้องของเธอกับ ซาราห์ วอห์น มาซี เกรย์ และนักร้องชื่อดังคนอื่นๆอีกด้วย",
"เอมี เจด ไวน์เฮาส์ (, เกิดเมื่อวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 1983 - เสียชีวิต 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2011) นักร้องแนวโซลชาวอังกฤษ และนักแต่งเพลงแจ๊ส",
"ปัจจุบันมีซิงเกิลหลายตัวจากอัลบั้ม \"Back to Black\" โดยซิงเกิลแรกของอัลบั้มนี้คือ \"Rehab\" โปรดิวซ์โดย มาร์ก รอนสัน และได้ออกอากาศในวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 2006 ซิงเกิลนี้ติดอันดับสูงสุดอันดับ 7 ของ ยูเค ซิงเกิลส ท็อป 75 และได้รับไอวอร์ โนเวลโล อวอร์ด สาขาเพลงร่วมสมัยยอดเยี่ยมอีกด้วย หลังจากที่เอมีได้ร้องเพลง \"Rehab\" ที่งานเอ็มทีวี มูวี่ อวอร์ดส ประจำปีค.ศ. 2007 ซิงเกิล \"Rehab\" ก็ติดอันดับสูงสุดอันดับ 9 ของ บิลบอร์ด ฮอท 100 ในสัปดาห์ที่ 26 ของปีค.ศ. 2007 (สัปดาห์ของวันที่ 21 มิถุนายน) อย่างรวดเร็ว นิตยสารไทม์ให้ \"Rehab\" เป็นอันดับ 1 ใน \"1 ใน 10 เพลงยอดเยี่ยมประจำปีค.ศ. 2007\" นักเขียนคอลัมน์ จอช ทีแรนจีล ได้ยกย่องเอมีเกี่ยวกับความมั่นใจในตัวเองของเธอและให้ความคิดเห็นว่า \"จากลักษณะพูดพล่ามที่ติดตลกและยั่วยวน จนอาจถึงขั้นสติแตกนี่เองที่เป็นเสน่ห์ในแบบฉบับของหล่อนที่ยากเกินห้ามใจ และเมื่อได้ผสานกับฝีมือการสร้างชั้นยอดของ มาร์ก รอนสัน ที่ผลิตแต่ผลงานเพลงโซลขั้นเทพมาตลอดสี่ทศวรรษ เชื่อได้เลยว่าคุณจะไม่ผิดหวังที่ได้บทเพลงที่ดีที่สุดของปีค.ศ. 2007 จากเขาและเธอคนนี้\"\nซิงเกิลที่สองของอัลบั้ม \"Back to Black\" คือ \"You Know I'm No Good\" วางจำหน่ายในวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 2007 ในซิงเกิลนี้ประกอบด้วยรีมิกซ์ที่ให้เสียงร้องจังหวะแร็พโดย โกสต์เฟซ คิลลาห์ ซิงเกิล \"You Know I'm No Good\" ติดอันดับ 18 ของ ยูเค ซิงเกิล ชาร์ท ต่อมาซิงเกิล \"Back to Black\" ซึ่งมีชื่อเดียวกันกับอัลบั้มก็ได้วางจำหน่ายที่สหรัฐอเมริกาในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2007 และที่สหราชอาณาจักรในวันที่ 30 เมษายน ปีเดียวกัน ซิงเกิล \"Back to Black\" ติดอันดับสูงสุดอันดับที่ 25 และในวันที่ 5 เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2007 อัลบั้ม \"Back to Black\" แบบพิเศษก็ได้วางจำหน่ายในสหราชอาณาจักร ในอัลบั้มนี้จะมีแผ่นซีดีเพิ่มอีกหนึ่งแผ่นซึ่งประกอบไปด้วย บี-ซายด์ส (B-sides) เพลงที่หาฟังยาก เพลงที่ร้องสด และอื่นๆ เช่นเพลง \"Valerie\" ซึ่งดีวีดีการแสดงของเอมี \"I Told You I Was Trouble: Live in London\" ก็ได้วางจำหน่ายในสหราชอาณาจักรในวันเดียวกันนั้นด้วย ส่วนในสหรัฐอเมริกาวางจำหน่ายวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 2007 ดีวีดีนี้ประกอบด้วยบันทึกการแสดงสดของเธอที่แชพเพิร์ดส บุช เอ็มไพร์ ณ กรุงลอนดอน และสารคดีความยาว 50 นาทีเกี่ยวกับการเข้าสู่วงการของเธอย้อนไป 4 ปี ในวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 2007 ซิงเกิล \"Love Is a Losing Game\" ซึ่งเป็นซิงเกิลตัวสุดท้ายของอัลบั้ม \"Back to Black\" ก็ได้วางจำหน่ายที่สหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา",
"ใน ค.ศ. 2011 มารูนไฟฟ์ออกจำหน่ายสตูดิโออัลบั้มที่สาม \"แฮนส์ออลโอเวอร์\" ซ้ำ ซิงเกิลแรกจากการออกซ้ำครั้งนี้คือ \"มูฟส์ไลก์แจกเกอร์\" ร้องรับเชิญโดยนักร้องอเมริกัน คริสตินา อากีเลรา และประสบความสำเร็จเชิงพาณิชย์ ขึ้นอันดับหนึ่งในชาร์ตเพลง 18 ประเทศรวมถึง\"บิลบอร์ด\"ฮอต 100 ในกลางปี ค.ศ. 2011 วงเริ่มทำสตูดิโออัลบั้มที่สี่ สมาชิกคนหนึ่งในวงมารูนไฟฟ์ เจมส์ วาเลนไทน์ กล่าวกับ\"บิลบอร์ด\"และเผยแผนในการออกสตูดิโออัลบั้มที่สี่ในต้นปี ค.ศ. 2012 ในวันที่ 22 มีนาคม ค.ศ. 2012 วงนำวิดีโอขึ้นยูทูบ แสดงให้เห็นสมาชิกวงกำลังอัดเสียงในสตูดิโอ ในวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 2012 อัลบั้มออกจำหน่ายภายใต้ชื่อ \"โอเวอร์เอกซ์โพสด์\"",
"เดสทินีส์ไชลด์มีซิงเกิลแรกคือเพลง \"คิลลิงไทม์\" ซึ่งเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง \"เม็นอินแบล็ค\" ไม่นานก็ได้ออกอัลบั้มชุดแรกโดยใช้ชื่อเหมือนชื่อวงคือ \"เดสทินีส์ไชลด์\" ในปี 1998 ซิงเกิลแรกเพลง \"โน,โน,โน\" ได้รับ 3 รางวัลจากเวทีงานประกาศผลรางวัลโซลเทรนมิวสิกอวอร์ดส อัลบั้มนี้ยังไม่ค่อยประสบความสำเร็จนัก จนมาถึงอัลบั้ม \"เดอะไรติงส์ออนเดอะวอลล์\" ในปี 1999 อัลบั้มชุดที่ 2 ที่ประสบความสำเร็จด้วยยอดขายกว่า 13 ล้านชุดทั่วโลก ซิงเกิลที่ออกมาล้วนเป็นที่นิยมเช่นเพลง \"บิลส์, บิลส์, บิลส์\" ซิงเกิลอันดับ 1 เพลงแรก และเพลง \"จัมพิน', จัมพิน'\" รวมถึงเพลงที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของวงจนถึงปัจจุบันนี้อย่างเพลง \"เซย์มายเนม\" ซึ่งในปีนั้นคว้ารางวัลแกรมมีมาถึง 2 รางวัล จากอัลบั้มนี้ทำให้พวกเธอเป็นที่จับตามองของสื่อและผู้คนมากมาย ในฐานะกลุ่มศิลปินหญิงหน้าใหม่ในยุคนั้น",
"ซิงเกิลแรกของวง \"ไอวิชไอนิว\" เผยแพร่ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2012 กับค่ายกู๊ดเบต ปีต่อมาวงเซ็นสัญญากับค่ายคิตซูเนและออกซิงเกิล \"แทร็ปส์\" ในปี ค.ศ. 2014 วงเซ็นสัญญากับค่ายโพลีดอร์และออกซิงเกิล \"เทกเชลเตอร์\" ซึ่งขึ้นถึงอันดับที่ 1 ของชาร์ตซิงเกิลเพลงอิเล็กทรอนิกส์ของสหราชอาณาจักร ต่อมาวงออกซิงเกิล \"ดีไซร์\" ซึ่งขึ้นถึงอันดับที่ 22 ของชาร์ตซิงเกิลแห่งสหราชอาณาจักร",
"เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2010 จากยอดดาวน์โลหที่มากมาย ทำให้ \"อันเดอร์เพรสเชอร์ (ไอซ์ไอซ์เบบี้)\" เข้าชาร์ตไอริชซิงเกิลส์ชาร์ตที่อันดับ 1 ถือเป็นอันดับ 1 ซิงเกิลแรกของเจดเวิร์ด",
"นาวแอนด์ออลเวส์: ทเวนตี้เยียส์ออฟดรีมมิง () คือ อัลบั้มรวมเพลงชุดที่ 2 ของ แกเบรียล นักร้องและนักแต่งเพลงชาวอังกฤษ วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 ผ่านสังกัด Island Records ซึ่งนับเป็นเวลา 20 ปีพอดีตั้งแต่ที่เธอได้ออกซิงเกิลแรก \"Dreams\" หลังจากที่แกเบรียลได้พักงานเพลงมาสักพัก และตัดสินใจที่จะลาออกจากวงการ เธอได้กลับมาทำงานเพลงอีกครั้งในอัลบั้มนี้ ร่วมกับทีมโปรดิวเซอร์ใหม่ๆหลายคน เช่น Jake Isaac, Sonny J. Mason, Naughty Boy, Syience รวมทั้ง J. Hirst and J. Dunne และนักแต่งเพลงอย่าง Emeli Sandé",
"รักคืออะไร เป็นสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 6 ของวงดิ อินโนเซ็นท์ออกวางแผงครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2527ซึ่งในอัลบั้มนี้ได้ต้อนรับ 2 สมาชิกใหม่ของวงคือไก่ เกียรติศักดิ์ ยันตะระประกรณ์ ในตำแหน่งมือกลองที่เข้ามาแทนโหนก เกรียงศักดิ์ที่ได้ลาออกไปและไชยรัตน์ ปฏิมาปกรณ์ จากวงฟอร์เอฟเวอร์ ในตำแหน่งมือคีย์บอร์ดและมือกีตาร์ซึ่งก่อนหน้านั้นไชยรัตน์ได้เข้ามาเป็นนักดนตรีรับเชิญระหว่างออกทัวร์คอนเสิร์ตและแสดงทางโทรทัศน์ในอัลบั้ม เพียงกระซิบ และอัลบั้ม อยู่หอ ก่อนจะเข้ามาเป็นสมาชิกหลักของวงในอัลบั้มชุดนี้"
] |
เค-อง! ก๊วนดนตรีแป๋วแหวว วางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อใด ? | [
"สำหรับยอดจำหน่ายของดีวีดีแผ่นแรกอนิเมะนั้น เปิดตัวได้อันดับที่ 7 ในชาร์ตโอริกอนประจำสัปดาห์ของวันที่ 29 กรกฎาคม 2009 ได้ยอดจำหน่ายรวม 8,000 ชุด ส่วน แผ่นบลูเรย์ นั้น ยอดจำหน่ายรวม 33,000 ชุด ในสัปดาห์เดียวกัน โดยติดชาร์ตอันดับสูงสุด ของชาร์ตโอริกอนบลูเรย์ และในเดือนสิงหาคม 2009 อนิเมะแผ่นแรกของ \"K-ON!\" เป็นทีวีอนิเมะที่ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น โดยผู้ครองอันดับเดิมคือ \"มาครอสฟรอนเทียร์\" ซึ่งมียอดจำหน่ายของแผ่นแรกรวม 22,000 ชุด และปัจจุบันยอดขายบูลเรย์สูงสุดประจำปี 2009 ในญี่ปุ่น คือ \"\" ซึ่งมียอดจำหน่ายรวม 96,000 ชุด ซึ่ง \"K-ON!\" แผ่นแรกนั้นอยู่อันดับที่ 10 (ถ้าจัดลำดับกับอนิเมะด้วยกันแล้วจะอยู่อันดับที่ 5) ด้วยยอดจำหน่ายรวม 40,000 แผ่น \"K-ON!\" ก็ได้รับรางวัลชนะเลิศในสาขา Best TV Animation Award ในงาน Tokyo International Anime Fair ประจำปี 2010 และ \"K-ON!!\" ก็ได้รับรางวัลชนะเลิศในสาขา Best Television award ในงาน Animation Kobe Awards ประจำปี 2010 ด้วย",
"เค-อง! ก๊วนดนตรีแป๋วแหวว (; ) เป็นมังงะซึ่งแต่งเรื่องและเขียนภาพโดย คาคิฟลาย (Kakifly) ลงเป็นตอน ๆ ในนิตยสารแนวเซเน็ง \"มังงะไทม์คิราระ\" (Manga Time Kirara) และนิตยสาร \"มังงะไทม์คิราระกะรัต (Manga Time Kirara Carat)\" ของสำนักพิมพ์โฮบุนชะ (Houbunsha) ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2550 ถึงเดือนตุลาคม 2553"
] | [
"อากิเริ่มอาชีพนักร้องจากผลงานเพลงเปิดและเพลงปิดของอนิเมะชุด \"เค-อง! ก๊วนดนตรีแป๋วแหวว\" เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2552 และในเดือนเดียวกันนั้น อากิและนักพากย์อีก 3 คนได้เปิดตัวกลุ่มดนตรีสเฟียร์ ด้วยซิงเกิล \"Future Stream\" ต่อมา เพลงปิดของ \"เค-อง! ก๊วนดนตรีแป๋วแหวว\" ได้รับรางวัล \"เพลงยอดเยี่ยม\" จากแอนิเมชันโคเบะ อากิออกซิงเกิลเดี่ยวชุดแรกในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2552 ชื่อว่า \"love your life\" เธอได้รับรางวัล \"การแสดงดนตรียอดเยี่ยม\" ในงานเซยูอวอร์ดสครั้งที่ 4 พร้อมกับศิลปินอีก 4 คน จากผลงานมินิอัลบั้ม \"โฮกะโงะ ที ไทม์\" ของ \"เค-อง! ก๊วนดนตรีแป๋วแหวว\"",
"มังงะเริ่มตีพิมพ์ในนิตยสาร \"มังงะ ไทม์ คิราระ\" ในสำนักพิมพ์ โฮบุนชะ ในฉบับเดือนพฤษภาคม 2007 จำหน่ายเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2007และมังงะยังได้ตีพิมพ์ลงในนิตยสารรายปักษ์ชื่อ \"มังงะ ไทม์ คิราระ คารัท\" ด้วย ในฉบับเดือนตุลาคม 2008 จำหน่ายเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2008 และฉบับรวมเล่ม เล่มแรกวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2008 เล่มสองวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2009 เล่มสามวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2010 และเล่มสี่ซึ่งเป็นเล่มสุดท้ายวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2010 มีลิขสิทธิ์จำหน่ายต่างประเทศได้แก่ ทวีปอเมริกาเหนือ ลิขสิทธิ์โดย Yen Press ประเทศไทย ลิขสิทธิ์โดย สยามอินเตอร์คอมิกส์ ประเทศอินโดนีเซีย ลิขสิทธิ์โดย Elex Media Komputindo สำหรับ Anthology ของ เค-อง! ได้แก่, \"มินนะ เดะ อุนตัน!\" เป็นการนำศิลปินหลายคนมาวาดเรื่องเค-อง!, \"K-On! Anthology Comic\" () วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2009 เล่มที่สองวางจำหน่ายวันที่ 27 เมษายน 2010 โดย โฮบุนฉะ, อัลบั้มรวมภาพจากทั้งออฟฟิเชล อาร์ตและแฟนอาร์ตจากนักวาดโดจิน วางจำหน่ายวันที่ 27 มกราคม 2010",
"วิดีโอเกมพัฒนาโดย Sega โดยมีชื่อว่า \"K-On! Hōkago Live!!\" () สำหรับเครื่อง เพลย์สเตชัน พอร์เทเบิล วางจำหน่ายในวันที่ 30 กันยายน 2010 โดยรูปแบบการเล่นเป็นการกดปุ่มตามจังหวะโน้ตในเพลง ซึ่งตัวเกมนั้นสามารถเล่นโหมดผู้เล่นหลายคนได้มากที่สุดถึง 5 คน ตัวเกมประกอบด้วยเพลงจากอนิเมะซีซันแรกและเพลงประจำตัวละครรวม 19 เพลง ผู้เล่นสามารถแต่งตัวตัวละคร ห้องชมรม และห้องนอนของยุย และยังสามารถสร้างเพลงได้ด้วย",
"ในประเทศญี่ปุ่น เกียวโตแอนิเมชัน (Kyoto Animation) ผลิตมังงะดังกล่าวเป็นอนิเมะโทรทัศน์ ใช้ชื่อเดียวกัน ความยาวสิบสามตอน ฉายตั้งแต่เดือนเมษายนถึงมิถุนายน 2552, โอวีเอความยาวหนึ่งตอน ขายในเดือนมกราคม 2553, อนิเมะโทรทัศน์ ฤดูกาลที่สอง ความยาวยี่สิบหกตอน ใช้ชื่อว่า \"เค-อง!! (K-On!!)\" ฉายตั้งแต่เดือนเมษายนถึงกันยายน 2554, โอวีเอ ความยาวหนึ่งตอน ขายในเดือนมีนาคม 2554, และอนิเมะโรง ฉายตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2554 ตามลำดับ เนื้อหาต่อเนื่องกัน",
"\"เค-อง! ก๊วนดนตรีแป๋วแหวว\" เป็นอนิเมะที่สร้างจากมังงะชื่อเรื่องเดียวกัน เขียนและวาดภาพโดย Kakifly ซึ่งผลิตโดยเกียวโตแอนิเมชัน กำกับโดยนาโอโกะ ยามาดะ เขียนบทโดยเรโกะ โยชิดะ และออกแบบตัวละครโดยยูกิโกะ โฮริงูจิ เนื้อเรื่องเป็นเรื่องราวของนักเรียนมัธยมปลาย 4 คน ซึ่งเข้าร่วมชมรมดนตรีของโรงเรียนที่กำลังจะถูกยุบ",
"สำหรับอนิเมะเรื่องนี้ เกียวโตแอนิเมชันเป็นผู้ผลิต กำกับโดย นาโอโกะ ยามาดะ และ เขียนบทโดย เรโกะ โยชิดะ ซึ่งเริ่มฉายเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2009 ทางช่อง TBS ในญี่ปุ่น และช่องอื่นๆ เช่น BS-TBS, MBS, และ Chubu-Nippon Broadcasting โดยทางช่อง TBS นั้นจะฉายในภาพอัตราส่วน 4:3 และทางช่อง BS-TBS นั้นจะฉายในรูปแบบไวด์สกรีนในอัตราส่วน 16:9 เริ่มฉายเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2009 สำหรับการวางจำหน่าย ดีวีดี และ บลูเรย์ รวมทั้งหมด 7 แผ่น วางจำหน่ายโดย Pony Canyon ระหว่างวันที่ 27 กรกฎาคม 2009 ถึง 20 มกราคม 2010 โดยในแผ่นสุดท้ายจะใส่ตอนพิเศษลงไปด้วย ในวันที่ 20 ธันวาคม 2009 ได้มีการประกาศลิขสิทธิ์ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการโดยจัดทำตามต้นฉบับนั้นคือ 7 แผ่นจบพร้อมทั้งแผ่น un-ten ด้วย โดยชุด Box จะแยกขายและให้ผู้ที่สะสมซื้อแยกตามรายแผ่น",
"เพลงเปิดของอนิเมะนี้คือเพลง \"Cagayake! Girls\" และเพลงปิดคือเพลง \"Don't say 'lazy'\" ทั้งสองเพลงนั้นขับร้องโดย อากิ โทโยซากิ, โยโกะ ฮิกาซะ, ซาโตมิ ซาโต และมินาโกะ โคโตบูกิ โดยทั้งสองซิงเกิลได้วางจำหน่ายไปเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2009 โดย Pony Canyon ซิงเกิลเพลงประกอบ เพลง \"Fuwa Fuwa Time\" () ซึ่งใช้ขึ้นแสดงในตอนที่ 6 วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2009 เพลงประจำตัวละคร 7 ซิงเกิล ได้แก่ ยุย (โดยโทโยซากิ) และ มิโอะ (โดยฮิกาซะ) วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2009 ซิงเกิลของ ริทสึ (โดยซาโต), สึมุกิ (โดยโคโตบูกิ) และอาซึสะ (โดยทาเกตัตสึ) วางจำหน่ายไปเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2009 และซิงเกิลของ อุย (โดยโยเนซาวะ) และ โนโดกะ (โดยฟูจิโต) จะวางจำหน่ายวันที่ 21 ตุลาคม 2009 ซาวด์แทร็คอนิเมะ โดย ฮาจิเมะ เฮียกโกคุ วางจำหน่ายในวันที่ 3 มิถุนายน 2009 และสี่เพลงที่ใช้ขึ้นแสดงในตอนที่ 8 ของอนิเมะนั้นจะวางจำหน่ายในรูปแบบมินิอัลบั้มชื่อ \"Hōkago Tea Time\" () ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2009 \"Maddy Candy\" ซิงเกิลของวง Death Devil วางจำหน่ายในวันที่ 12 สิงหาคม 2009 และอัลบั้มพิเศษ K-ON! Sakura Kou Keionbu Official Band Yarouyo!! Band Score Duke วางจำหน่ายวันที่ 2 กันยายน 2009",
"ส่วนซิงเกิลอนิเมะ โดยเพลงเปิด \"Cagayake! Girls\" และเพลงปิด \"Don't say 'lazy'\" เปิดตัวโดยการติดชาร์ตโอริกอนประจำสัปดาห์ได้อันดับที่ 4 และ 2 โดยยอดจำหน่ายรวมในสัปดาห์แรกได้ทั้งหมดประมาณ 62,000 แผ่น และ 67,000 แผ่น ตามลำดับ มินิอัลบั้ม \"Ho-Kago Tea time\" (After School Tea Time) เปิดตัวโดยการติดชาร์ตโอริกอนประจำสัปดาห์ได้อันดับที่ 1 ยอดจำหน่ายรวม 67,000 แผ่น และเป็นครั้งแรกที่อัลบั้มเพลงจากตัวละครในอนิเมะที่ติดชาร์ตอันดับสูงสุดสำหรับซิงเกิลอนิเมะในซีซัน 2 โดยเพลงเปิด \"Go! Go! Maniac\" และเพลงปิด \"Listen!!\" เปิดตัวโดยการติดชาร์ตโอริกอนประจำสัปดาห์ได้อันดับที่ 1 และ 2 โดยยอดจำหน่ายรวมในสัปดาห์แรกได้ทั้งหมดประมาณ 83,000 แผ่น และ 76,000 แผ่น ตามลำดับ สำหรับเพลงเปิดและปิดในซีซัน 2 คือ \"Utauyo! Mircale\" และ \"No, Thank You!\" ยอดจำหน่ายรวมในสัปดาห์แรกประมาณ 85,000 แผ่น และ 87,000 แผ่น โดยติดชาร์ตโอริกอนในอันดับ 3 และ 2 โดยอันดับหนึ่งคือเพลง \"This is Love\" ของวง SMAP เพลง \"No, Thank You!\" และ \"Utauyo! Miracle\" ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำจาก RIAJ เมื่อเดือนสิงหาคม 2010 เนื่องจากมียอดจำหน่ายมากกว่า 100,000 แผ่น ซิงเกิล \"Gohan wa Okazu\"/\"U&I\" เปิดตัวโดยการติดชาร์ตโอริกอนประจำสัปดาห์ได้อันดับที่ 3 โดยยอดจำหน่ายรวมในสัปดาห์แรกได้ทั้งหมดประมาณ 53,000 แผ่น"
] |
คาบสมุทรอิตาลี หมายถึงอะไร? | [
"คาบสมุทรอิตาลี หรือ คาบสมุทรแอเพนไนน์ () เป็นคาบสมุทรที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคยุโรปใต้ พื้นที่ทางตอนเหนือติดกับเทือกเขาแอลป์และประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทางทิศตะวันออกติดกับทะเลเอเดรียติก ทางทิศใต้ติดกับทะเลไอโอเนียน และทางทิศตะวันตกติดกับทะเลติร์เรเนียนและทะเลลิกูเรียน คาบสมุทรนี้มีรูปร่างคล้ายรองเท้าบูท โดยบริเวณตอนกลางของคาบสมุทรมีเทือกเขาแอเพนไนน์เป็นแกนกลาง บริเวณตอนเหนือมีที่ราบลุ่มแม่น้ำโปซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเทือกเขาแอลป์กับเทือกเขาแอเพนไนน์นั้น เป็นที่ราบลุ่มอันอุดมสมบูรณ์มีรูปร่างเป็นรูปสามเหลี่ยม และเป็นที่ตั้งเมืองสำคัญของประเทศอิตาลี เช่น มิลาน ตูริน เวนิส โบโลญญา ปาร์มา เวโรนา"
] | [] |
นาย ฟิเนียส์ พี. เกจ เกิดที่ไหน ? | [
"นายเกจเป็นบุตรคนแรกในพี่น้อง 5 คนเกิดจากนายเจสซี อีตัน เกจ และนางฮันนาห์ ทรัสเซล์ล เกจ (ชื่อเดิม สเว็ตแลนด์) \nของเทศมณฑลกราฟตัน มลรัฐนิวแฮมป์เชียร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา\nไม่มีใครรู้เรื่องการเลี้ยงดูและการศึกษาของนายเกจ แม้ว่า เขาน่าจะรู้หนังสืออย่างแน่นอน"
] | [
"นาย ฟิเนียส์ พี. เกจ () (ค.ศ. 1823-1860)\nเป็นหัวหน้าคนงานก่อสร้างทางรถไฟชาวอเมริกัน ผู้ที่รู้จักกันเนื่องจากการรอดชีวิตอย่างไม่น่าเป็นไปได้\nจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในระหว่างการระเบิดหิน ที่แท่งเหล็กขนาดใหญ่พุ่งทะลุผ่านกะโหลกศีรษะของเขา\nทำลายสมองกลีบหน้าด้านซ้ายโดยมาก\nและเนื่องจากผลที่เกิดขึ้นเพราะความบาดเจ็บ ต่อบุคลิกภาพและพฤติกรรมตลอดชีวิตอีก 12 ปีที่เหลือของเขา\nเป็นผลกระทบที่กว้างขวางลึกซึ้งจนกระทั่งว่า เพื่อนของเขา (อย่างน้อยก็เป็นช่วงเวลาหนึ่ง) เห็นว่าเขา \"ไม่ใช่นายเกจอีกต่อไป\"",
"นายเกจเป็นอนุสรณ์ที่มีมานานในการเรียนการสอนวิชาประสาทวิทยา\nจิตวิทยา และหมวดวิชาที่เกี่ยวข้องกับประสาทวิทยาศาสตร์อื่น ๆ\nและมักจะมีการกล่าวถึงบ่อย ๆ ทั้งในหนังสือและเอกสารการศึกษา\nเป็นแม้กระทั่งดาราย่อย ๆ ในสื่อ\nถึงแม้จะมีชื่อดังอย่างนี้\nความจริงที่ยืนยันได้เกี่ยวกับนายเกจว่าเขาเป็นคนเช่นไรก่อนและหลังอุบัติเหตุ ก็มีไม่มาก\nดังนั้นจึงทำให้เกิด \"การฟิตทฤษฎีที่ต้องการเกือบอะไรก็ได้กับข้อเท็จจริงนิดหน่อยที่มีอยู่\"\nคือได้มีการอ้างถึงกรณีนายเกจจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ เพื่อสนับสนุนทฤษฎีต่าง ๆ เกี่ยวกับสมองที่เข้ากันไม่ได้\nงานสำรวจเรื่องที่ตีพิมพ์เกี่ยวกับนายเกจ รวมทั้งสิ่งตีพิมพ์ทางวิทยาศาสตร์\nพบว่า เรื่องราวเหล่านั้นเกือบทั้งหมดบิดเบือนความเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมของนายเกจจากความจริง\nคือ ถ้าไม่พูดเกินความจริง ก็จะกล่าวขัดแย้งกันเอง",
"ในวันที่ 13 กันยายน ค.ศ. 1848\nนายเกจ (อายุ 25 ปี) กำลังอำนวยการระเบิดหินพร้อมกับลูกน้อง เพื่อทำฐานของทางรถไฟ Rutland Railway นอกเมืองแคเว็นดิช มลรัฐเวอร์มอนต์\nในขั้นตอนเพื่อจะวางระเบิด จะมีการเจาะรูลึกลงไปในส่วนของก้อนหินที่โผล่ออกมาจากพื้น\nเติมดินระเบิด ใส่ชนวนระเบิด และเติมทรายให้เต็ม\nแล้วอัดส่วนประกอบเหล่านี้เข้าไปโดยใช้แท่งเหล็กตอก\nนายเกจกำลังทำงานนี้อยู่ในช่วงประมาณ 16.30 น. เมื่อ (ซึ่งอาจเป็นเพราะลืมใส่ทราย)\nเหล็กตอกได้จุดประกายไฟที่หินแล้วจึงเกิดการระเบิดขึ้น\nเหล็กตอกนั้นถูกยิงออกจากหลุมระเบิด\nและ \"ทะลุเข้าไปที่หน้าด้านซ้ายของเขา... ทะลุผ่านด้านหลังของตาซ้าย แล้วทะลุออกที่เหนือศีรษะ\"",
"นายเกจได้แสดงความเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมหลังจากได้รับบาดเจ็บอย่างไม่ต้องสงสัย\nแต่ว่า ลักษณะ ขอบเขต และระยะเวลา ของความเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่ชัดเจนอย่างยิ่ง\nมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือน้อยมากว่านายเกจเป็นคนอย่างไร (ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังอุบัติเหตุ) \nความเปลี่ยนแปลงของจิตใจที่มีกล่าวไว้หลังจากเขาเสียชีวิตแล้ว เป็นสิ่งที่น่าทึ่งใจมากกว่าที่กล่าวไว้ตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่\nและบทความ 2-3 บทความที่มีการกล่าวพรรณนาที่ดูว่าน่าจะเป็นไปได้ ก็ไม่ได้ระบุช่วงเวลาหลังจากอุบัติเหตุที่พฤติกรรมเหล่านั้นเกิดขึ้น",
"ในปี ค.ศ. 1866 หมอฮาร์โลว์\nด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง ได้ทราบถึงการเสียชีวิตของนายเกจในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย และได้เขียนจดหมายไปหาครอบครัวของเขา\nตามคำขอร้องของหมอฮาร์โลว์ ครอบครัวของเขาได้เปิดหลุมศพของนายเกจเป็นระยะเวลาพอที่จะเอากะโหลกศีรษะออกมา\nแล้วครอบครัวของเขาก็ได้ส่งกะโหลกด้วยตนเองไปให้กับหมอฮาร์โลว์ผู้อยู่ในเขตนิวอิงแลนด์ (ซึ่งอยู่ทิศตรงข้ามกันของทวีป)",
"ในวันที่ 7 ตุลาคม นายเกจ \"สามารถลุกขึ้นได้ด้วยตนเอง และเดินไปก้าวหนึ่งไปนั่งที่เก้าอี้\"\nอีกเดือนหนึ่งต่อมา เขาสามารถเดิน \"ขึ้นลงบันได ไปในที่ต่าง ๆ ในบ้าน และเดินไปที่ระเบียง\"\nและในช่วงเวลาที่หมอฮาร์โลว์ไม่อยู่เป็นเวลาอาทิตย์หนึ่ง\nนายเกจ \"เดินไปตามถนนทุก ๆ วันยกเว้นวันอาทิตย์\"\nโดยมีความปรารถนาจะกลับไปหาครอบครัวของเขาในมลรัฐนิวแฮมป์เชียร์ที่ \"เพื่อนของเขาไม่สามารถช่วยได้.. (และนายเกจ) เริ่มเกิดอาการเท้าเปียก และรู้สึกหนาว\"\nหลังจากนั้นไม่นานก็เกิดเป็นไข้ แต่ภายในกลางเดือนพฤศจิกายน เขาก็ได้ \"รู้สึกดีขึ้นในทุก ๆ ด้าน...\nสามารถเดินไปมาในบ้านได้อีก บอกว่าเขาไม่รู้สึกเจ็บปวดในศีรษะ\"\nการพยากรณ์โรคของคุณหมอในช่วงนี้คือ นายเกจ \"ปรากฏเหมือนกับจะฟื้นตัวดีขึ้น ถ้าสามารถควบคุมเขาได้\"",
"นายเกจอาจจะได้ทักษะเกี่ยวกับวัตถุระเบิดในฟาร์มของครอบครัว หรือในเหมืองที่อยู่ใกล้ ๆ\nและในช่วงที่เกิดอุบัติเหตุ เขาได้เป็นถึงหัวหน้าคนงานระเบิดหินในงานสร้างทางรถไฟแล้ว\nนายจ้างของเขามีความเห็นเกี่ยวกับเขา (ดังที่หมอประจำเมืองจอห์น มาร์ติน ฮาร์โลว์ กล่าวถึงในภายหลัง) ว่า\n\"เป็นหัวหน้าคนงานที่มีประสิทธิภาพมีความสามารถมากที่สุดในคนงานทั้งหมด...\nเป็นนักธุรกิจที่หลักแหลมและฉลาด กระตือรือร้นและอดทนที่สุดในการปฏิบัติการไปตามแผนการทำงานของตน\"\nจนกระทั่งว่า นายเกจให้ทำแท่งเหล็กตอกสั่งทำเฉพาะตน\nเป็นแท่งเหล็กที่ยาว 1.1 เมตร และมีหน้ากว้าง 3.2 เซนติเมตร\nเพื่อใช้ในการวางระเบิด",
"แม้ว่า นายเกจจะได้รับการพิจารณาว่า เป็นเค้สดัชนีของความเปลี่ยนแปลงทางบุคลิกภาพเนื่องจากความเสียหายในสมองกลีบหน้า\nคุณค่าทางวิทยาศาสตร์ของเค้สนี้ไม่สมบูรณ์ เพราะขอบเขตความเสียหายในสมองของเขาไม่มีความแน่นอน\nและเพราะการไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมของเขา\nแทนที่คุณค่าเช่นนั้น นักจิตวิทยาแม็คมิลแลนได้เขียนไว้ว่า\n\"เรื่องของนายเกจเป็นเรื่องที่น่าทรงจำไว้\nเพราะว่า เป็นเรื่องที่แสดงถึงความง่ายดายในการเปลี่ยนข้อเท็จจริงที่มีเพียงเล็กน้อย ไปเป็นนิทานปรัมปราทางวิทยาศาสตร์และตำนานนิยมได้\"\nหลักฐานที่มีอยู่น้อยนิดทำให้เกิด\n\"การฟิตทฤษฎีที่ต้องการเกือบอะไรก็ได้กับข้อเท็จจริงนิดหน่อยที่มีอยู่\"\nความเป็นห่วงเช่นนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1877 แล้ว\nเมื่อนักประสาทวิทยาชาวอังกฤษ น.พ. เดวิด เฟอร์ริเออร์ (โดยเขียนไปหา ศ. น.พ. เฮ็นรี่ พิกเกอริง บาวดิช ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดปรารถนาที่จะ \"ทำเค้สนี้ให้ลงเอยอย่างชัดเจน\")\nกล่าวบ่นว่า",
"ในเดือนสิงหาคม ปี ค.ศ. 1852 นายเกจรับงานในประเทศชิลีทำงานเป็นคนขับรถม้าระยะไกล\nคือ \"ดูแลม้า และบ่อยครั้งขับรถม้ามีของหนักที่ลากโดยม้า 6 ตัว\" ในเส้นทาง \"แวลพาไรโซ-ซานเตียโก\"\nแต่หลังจากที่สุขภาพของเขาเริ่มแย่ลงราวปี ค.ศ. 1859\nเมื่อนายเกจจากประเทศชิลีไปสู่เมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาได้รักษาตัวภายใต้การดูแลจากมารดาและน้องสาวของเขา\nในช่วงเวลา 2-3 เดือนต่อมา เขาได้ทำงานในฟาร์มในเทศมณฑลซานตาคลารา มลรัฐแคลิฟอร์เนีย"
] |
พระครูสถิตโชติคุณ เข้ารับการอุปสมบทเมื่อไหร่? | [
"หลวงพ่อไสว ฐิตวณฺโณ ท่านเกิดเมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2464 ตรงกับพุธ แรม 6 ค่ำ เดือนยี่ ปีระกา ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว บิดาชื่อ นายเสือ มารดา นางอิ่ม นามสกุล \"พุทธศร\" โดยโยมบิดาเป็นผู้ใหญ่บ้านจอมขมังเวทย์ เป็นคนใจดี แต่สนใจเรื่องวิชาอาคมต่างๆ เวลาดื่มเหล้าชอบเคี้ยวแก้วเล่นประจำ แสดงให้ชาวบ้านเห็นว่าวิชาคงกระพันชาตรีของโบราณเป็นของแท้มีจริง แถมยังมีพุทธาคมดับพิษไฟได้ถึงขนาดพ่นไฟ อมไฟเล่นให้ชาวบ้านเห็นเสมอๆ และเป็นการจุดประกายขึ้นภายในจิตใจของ ด.ช.ไสว พุทธศร ให้ชอบและเชื่อในเรื่องของอำนาจเวทมนตร์คาถาอาคมขมัง และพุทธานุภาพของพุทธมนต์ต่างๆ ตั้งแต่ยังอยู่ในวัยเยาว์ ต่อมาบิดาเสียชีวิตแล้ว ท่านก็ได้ร่อนเร่พเนจร ไปอยู่ที่ต่างๆ หลายแห่งกระทั่งผลบุญนำมาเป็นเด็กวัดยายส้มหรือวัดปรีดารามในปัจจุบัน ได้ศึกษาเล่าเรียนจนจบชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนวัดปรีดารามเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๑ จึงบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดปรีดาราม โดยหลวงปู่ใจ วัดเชิงเลน เป็นพระอุปัชฌาย์ สามเณรไสว พุทธศร ได้ศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ที่วัดปรีดารามเป็นเวลา ๔ ปี ครั้นที่วันที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ เวลา ๑๔.๐๐ น.จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมา วัดปรีดาราม โดยหลวงพ่อใย วัดบางช้างใต้ เป็นอุปัชฌาย์ พระอธิการเจิม วิสุทธิญาโณ เจ้าอาวาสวัดยายส้ม (วัดปรีดาราม) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์เปลื้อง ยติมณี วัดจินดาราม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ฐิตวณฺโณ” จำพรรษาอยู่ที่วัดปรีดาราม ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมสอบ ได้นักธรรมชั้นเอก พร้อมทั้งศึกษาด้านวิปัสสนากรรมฐาน และร่ำเรียนอย่างอุกฤษฏ์ด้านวิทยาคม ไสวเวทย์ วิชาอาถรรพณ์ เร้นลับ พุทธคมต่างๆ มีความรู้ลึกซึ่งเป็นพหูสูตมาตั้งต้น และนำมาช่วยญาติโยมเห็นผมเป็นที่ประจักษ์"
] | [] |
ร้อยตำรวจโท เกียรติศักดิ์ เสนาเมืองมีบิดาชื่อว่าอะไร? | [
"ซิโก้เกิดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2516 ที่อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี เป็นบุตรคนสุดท้องจากทั้งหมดสามคน ของสุริยา (บิดา) และริสม (มารดา) มีพี่สาวสองคน แต่ภายหลังราวปี พ.ศ. 2525 เขาตามบิดามารดาย้ายกลับไปภูมิลำเนาเดิมที่อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น"
] | [] |
นครราชสีมา คือ โคราชใช่หรือไม่ ? | [
"นครราชสีมา หรือรู้จักในชื่อ โคราช เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่มากที่สุดในประเทศไทยและมีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ชื่อเมืองนครราชสีมาปรากฏครั้งแรกเป็นเมืองพระยามหานครในการปฏิรูปการปกครองในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ(ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา) ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงมีรับสั่งให้ย้ายเมืองนครราชสีมามาตั้งบริเวณพื้นที่ปัจจุบัน เมื่อ พ.ศ. 2217"
] | [] |
กิมย้ง เสียชีวิตเมื่อวันที่เท่าไหร่? | [
"กิมย้งมีหนังสือพิมพ์เป็นของตัวเองและดูแลกิจการหนังสือพิมพ์ ชื่อ หมิงเป้า (明報) กิมย้ง เสียชีวิตเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ. 2018"
] | [] |
ซิงเกิลแรกของ แคร์รี แมรี อันเดอร์วูด มีชื่อว่าอะไร? | [
"อัลบั้ม \"Some Hearts\" เป็นอัลบั้มเปิดตัวของอันเดอร์วูด ออกวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2005 เข้าสู่ชาร์ตบิลบอร์ด ด้วยยอดขาย 315,000 ชุด เปิดตัวที่อันดับ 1 ใน Hot Country Albums และ อันดับ 2 ใน Hot 200 Albums ยอดขายอย่างมากมายในสัปดาห์แรกของอัลบั้ม \"Some Hearts\" ทำให้เป็นการเปิดตัวที่สูงที่สุดของนักร้องคันทรีตั้งแต่เริ่มมีระบบ SoundScan มาตั้งแต่ปีค.ศ. 1991 และเป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดในสหรัฐอเมริกาของปีค.ศ. 2006 และเป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดของอัลบั้มคันทรีในสหรัฐอเมริกาของปีค.ศ. 2006 และ ค.ศ. 2007 อัลบั้ม \"Some Hearts\" ได้รางวัล 7 แผ่นเสียงทองคำขาวโดย RIAA และเป็นอัลบั้มคันทรีเปิดตัวที่ขายเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของ SoundScan เป็นอัลบั้มหญิงเดี่ยวเปิดตัวที่ขายดีที่สุดของวงการเพลงคันทรี จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008 และเป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดของผู้เข้าแข่งขันอเมริกัน ไอดอล (นับเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา) \"Inside Your Heaven\" ซิงเกิ้ลแรกของอันเดอร์วูด ปล่อยในเดือนมิถุนายน เปิดตัวที่อันดับ 1 บน \"Billboard\" Hot 100 และ Canadian Singles Chart ซึ่งเป็นเพลงที่อยู่ในชาร์ตของแคนาดานานที่สุดของปีค.ศ. 2005 \"Inside Your Heaven\" เป็นซิงเกิ้ลเดียวของนักร้องคันทรีเดี่ยวในยุค 2000 ที่ขึ้นไปถึงอันดับ 1 บน \"Billboard\" Hot 100 ซึ่งขายไปได้เกือบ 1 ล้านก๊อปปี้ และได้รางวัลแผ่นเสียงทองคำโดย RIAA และ 2 รางวัลแผ่นเสียงทองคำขาวโดย CRIA \"Jesus, Take the Wheel\" ซิงเกิ้ลที่สองของอัลบั้ม ปล่อยสู่วิทยุในเดือนตุลาคมและขึ้นไปได้สูงสุดอันดับ 1 บน \"Billboard\" Hot Country Songs และอยู่ได้นานถึง 6 สัปดาห์ติดต่อกัน และสูงสุดอันดับ 20 บน Hot 100 เพลงนี้ขายไปได้มากกว่า 2 ล้านก๊อปปี้ และได้ 2 รางวัลแผ่นเสียงทองคำขาวโดย RIAA \"Some Hearts\" ซิงเกิ้ลที่ 3 ของอันเดอร์วูด ปล่อยในเดือนตุลาคมแต่แค่คลื่นป็อบ \"Don't Forget to Remember Me\" ซิงเกิ้ลที่สี่ของเธอยังคงประสบความสำเร็จด้วยการขึ้นไปถึงอันดับ 2 บน \"Billboard\" Hot Country Songs chart ในฤดูใบไม้ร่วง เพลง \"Before He Cheats\" เพลงคันทรีซิงเกิลที่ 3 ของอันเดอร์วูด ได้ขึ้นไปถึงอันดับ 1 บน \"Billboard\"'s Hot Country Songs เป็นเวลา 5 สัปดาห์ติดต่อกัน ซึ่งขึ้นไปได้สูงสุดอันดับ 8 ใน \"Billboard\" Hot 100 เป็นเพลงที่ขึ้นไปสู่ท็อปเท็นที่ช้าที่สุดของ \"Billboard\" Hot 100 และได้ทำลายสถิติก่อนหน้านี้ที่ทำไว้โดยวง Creed ที่ครองมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2000 ได้รางวัล 3 แผ่นเสียงทองคำขาว และเป็นเพลงคันทรีอันดับ 4 ที่ขายดีที่สุดของเพลงดิจิตอลตลอดกาล ในวันที่ 11 เมษายน ค.ศ. 2007 อันเดอร์วูดได้ปล่อยเพลง \"Wasted\" ซึ่งขึ้นไปถึงอันดับ 1 บน Hot Country Songs Chart ขายได้เกือบ 1 ล้านก๊อปปี้ และได้ 1 รางวัลแผ่นเสียงทองคำโดย RIAA ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2008 \"Jesus Take the Wheel\" ได้รางวัลแผ่นเสียงทองคำขาว ทำให้อันเดอร์วูดเป็นนักร้องคันทรีคนแรกที่มีสองเพลงที่ได้รางวัลแผ่นเสียงทองคำขาว ร่วมกันกับเพลง \"Before He Cheats\" ซึ่งได้รับไปก่อนหน้านี้ในปี ค.ศ. 2007 อันเดอร์วูดมีคอนเสิร์ตแรกของเธอเอง ชื่อว่า ซึ่งจัดในแถบอเมริกาเหนือ"
] | [
"อัลบั้มแรกของเธอมีชื่อว่า \"Some Hearts\" วางจำหน่ายในปีค.ศ 2005 ประสบความสำเร็จอย่างกว้างขวางด้วยซิงเกิ้ล \"Jesus, Take the Wheel\" และ \"Before He Cheats\" ซึ่งเป็นอัลบั้มเปิดตัวคันทรีที่ขายได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์จากการบันทึกของนีลสันซาวด์สแกน เป็นอัลบั้มเปิดตัวหญิงเดี่ยวที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์วงการเพลงคันทรี และยังเป็นอัลบั้มเพลงคันทรีที่ขายดีที่สุดในรอบ 10 ปี อันเดอร์วูดชนะ 3 รางวัลแกรมมีจากอัลบั้ม รวมถึงรางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมด้วย \"Carnival Ride\" อัลบั้มชุดที่สองของเธอ วางจำหน่ายในปีค.ศ. 2007 เป็นหนึ่งในอัลบั้มนักร้องหญิงที่มียอดขายมากมายในสัปดาห์แรกๆ และทำให้อันเดอร์วูดได้รับ 2 รางวัลแกรมมี อัลบั้มถัดไปของเธอวางจำหน่ายในปีค.ศ. 2009 ชื่อว่า \"Play On\" ประสบความสำเร็จอย่างมากด้วยซิงเกิ้ลเปิดตัว \"Cowboy Casanova\" อัลบั้มที่ 4 ของอันเดอร์วูดมีชื่อว่า \"Blown Away\" วางจำหน่ายในปีค.ศ. 2012 และทำให้เธอได้รับ 1 รางวัลแกรมมี และเป็นอัลบั้มนักร้องหญิงที่มียอดขายดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ในปีนั้น อัลบั้มอัลบั้มแรกของเธอวางจำหน่ายในปีค.ศ. 2014 ประสบความสำเร็จทางด้านยอดขาย และทำให้เธอได้รับ 1 รางวัลแกรมมี อัลบั้มที่ 5 ของเธอ ชื่อว่า \"Storyteller\" วางจำหน่ายในปีค.ศ. 2015 ทำให้เธอเป็นนักร้องคันทรีคนเดียวที่ทั้ง 5 อัลบั้มได้อันดับ 1 หรือ 2 บน\"บิลบอร์ด\" 200 เธอมียอดขายมากกว่า 65 ล้านแผ่นเสียงทั่วโลก",
"อันเดอร์วูดปล่อยอัลบั้มที่สาม Play On เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2009 อัลบั้มนี้เปิดตัวที่อันดับ 1 บน Billboard 200 และ Top Country Albums ขายไปได้กว่า 318,000 ก๊อปปี้ในสัปดาห์แรก เมื่อวางจำหน่ายกลายเป็นอัลบั้มที่มียอดขายมากที่สุดแห่งปีโดยศิลปินหญิง แต่ถูกทำลายสถิติโดย I Dreamed a Dream อัลบั้มของซูซานบอยล์เมื่อตอนสิ้นปีและหล่นไปอยู่อันดับที่สอง อันเดอร์วูดร่วมแต่งเพลงกับนักร้องเพลงป๊อปอาร์เอนบี นักแต่งเพลง Ne-Yo สำหรับอัลบั้มนี้ แต่ก็ไม่ได้อยู่ในอัลบั้ม",
"อันเดอร์วูดประกาศอัลบั้มใหม่ของเธอ โดยมีชื่อว่า Storyteller ออกจำหน่ายในวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 2015 มีซิงเกิลแรก Smoke Break",
"อันเดอร์วูดยืนยันว่าเธอเริ่มวางแผนอัลบั้มใหม่ในเดือนสิงหาคมปี 2013 และจะเริ่มต้นเตรียมงานในปี 2014 อันเดอร์วูดบอกบิลบอร์ดว่า\n\"หลังเสร็จสิ้นจาก The Sound of Music ฉันรู้สึกเหมือนฉันสามารถที่จะทำงานหนักและเริ่มที่จะทำอัลบัมถัดไป\" อันเดอร์วูดยังบอกว่าเธอกำลังวางแผนที่จะทำทัวร์ไว้บ้างแล้ว ซึ่งอาจจะไม่อลังการเท่าทัวร์ก่อนหน้า เธอบอกว่า \"ฉันไม่ได้คิดถึงมันมากนักเพราะฉันไม่รู้ว่าอัลบั้มถัดไปจะเป็นแบบไหน แต่ฉันก็ชอบที่จะแค่ยืนบนนั้นและร้องเหมือนกัน ฉันอาจจะทำในแนวที่แตกต่างออกไป อะไรที่ง่าย ๆ ในทัวร์ถัดไป ฉันชอบพลังงานที่มีในคอนเสิร์ตเพลงร็อค\" อันเดอร์วูดร่วมฟีเจอร์ริงกับ Miranda Lambert ในอัลบั้ม Platinum ในเพลงที่มีชื่อว่า \"Somethin' Bad\" ซิงเกิลนี้ขึ้นชาร์ตอันดับ 1 ในชาร์ต Hot Country Songs กลายเป็นเพลงที่ 13 ของอันเดอร์วูดที่ขึ้นอันดับหนึ่งบนชาร์ต ในปี ค.ศ. 2014 อันเดอร์วูดปล่อยอัลบั้มรวมเพลงฮิต Greatest Hits: Decade #1 ออกจำหน่ายในวันที่ 9 ธันวาคม ค.ศ. 2014 โดยมีซิงเกิลแรก Something in the Water ขึ้นอันดับหนึ่งบน Hot Country Songs กลายเป็นเพลงที่ 14 ของอันเดอร์วูดที่ขึ้นอันดับหนึ่งบนชาร์ตในปีเดียวกัน",
"แคร์รี แมรี อันเดอร์วูด (; เกิด 10 มีนาคม ค.ศ. 1983) เป็นนักร้องคันทรี, นักแต่งเพลง และนักแสดงชาวอเมริกา ซึ่งมีชื่อเสียงมาจากการชนะเลิศการประกวดรายการ\"อเมริกันไอดอล\" ฤดูกาลที่ 4 ในปี ค.ศ. 2005 และกลายเป็นหนึ่งในนักร้องที่ประสบความสำเร็จที่สุดในทุกวงการเพลง ความสำเร็จของเธอทำให้เธอได้เข้าเป็นสมาชิกแกรนด์โอลออปรีย์ ใน ปีค.ศ. 2008 และเข้ามาอยู่ในหอเกียรติยศดนตรีโอคลาโฮมา (Oklahoma Music Hall of Fame) ในปีค.ศ. 2009 เธอชนะรางวัลดนตรีหลายรางวัล รวมถึง 7 รางวัลแกรมมี, 17 รางวัลบิลบอร์ดมิวสิก, 11 รางวัลอะแคดามีออฟคันทรีมิวสิก และ 9 รางวัลอเมริกันมิวสิก",
"นัมเบอร์วันส์ () เป็นอัลบั้มที่ 8 ของศิลปินหญิงชาวอเมริกัน มารายห์ แครี ออกวางขายในยุโรปเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 1998 โดยโคลัมเบีย เรคคอร์ดส เป็นอัลบั้มรวมเพลงอัลบั้มแรกของเธอที่มีเพลงอันดับ 1 ในบิลบอร์ดทั้งหมดของเธอ 13 เพลง ทางด้านอันดับอัลบั้มเปิดตัวใน 5 อันดับแรกบนชาร์ท \nในอัลบั้มมีเพลงใหม่อย่าง \"Sweetheart\" ที่เธอร่วมงานกับ [เจอร์เมน ดูปริ]] และเพลง \"When You Believe\" ที่ร้องกับวิทนีย์ ฮูสตันในเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง เดอะ พรินซ์ ออฟ อียิปต์ (The Prince Of Egypt) และเพลง \"I Still Believe\" เพลงที่เธอนำมาทำใหม่ของเบรนด้า เค. สตารร์",
"Carnival Ride อัลบั้มที่สองของอันเดอร์วูด ออกจำหน่ายในเดือนตุลาคม ปี 2007 ในอัลบั้ม Carnival Ride อันเดอร์วูดมีส่วนร่วมในการแต่งเพลงมากขึ้น เธอจัดตั้งสถานที่แต่งเพลงขึ้นที่ Ryman Auditorium อันมีชื่อเสียงของแนชวิลล์เพื่อร่วมงานกับนักแต่งเพลงคันทรี่ชื่อดัง ฮิลลารี่ ลินด์ซีย์, เคร็ก ไวส์แมน, ริเวอร์ส รูเธอร์ฟอร์ด และ กอร์ดี้ แซมป์สัน Carnival Ride จำหน่ายได้ไปได้มากกว่า 527,000 ชุด ในสัปดาห์แรก และเปิดตัวที่อันดับ 1 ทั้ง Billboard 200 และ Hot Country Albums รวมทั้งที่ Canadian Albums Chart อัลบั้ม Carnival Ride ได้ 2 รางวัลแผ่นเสียงทองคำขาวในเวลาเพียงแค่สองเดือนหลังจากออกจำหน่ายในเดือนธันวาคม อัลบั้มนี้ได้ 3 รางวัลแผ่นเสียงทองคำขาวโดย RIAA ซึ่งขายไปได้มากกว่าสามล้านอัลบั้ม \"So Small\" คือซิงเกิลแรกของอัลบั้ม ซึ่งปล่อยออกมาในเดือนกรกฎาคม ปี 2007 และขึ้นสู่อันดับ 1 บน Billboard's Hot Country Songs ติดต่อกันสามสัปดาห์ \"All-American Girl\" คือซิงเกิลที่สอง ซึ่งสามารถขึ้นไปถึงอันดับ 1 บน Billboard Hot Country Songs \"Last Name\" คือซิงเกิลถัดไปและสามารถขึ้นไปถึงอันดับ 1 ได้เช่นเดียวกัน ทำให้อันเดอร์วูดเป็นนักร้องหญิงคนแรกที่มีสองอัลบั้มติดต่อกันที่มีสามเพลงในแต่ละอัลบั้มที่ขึ้นไปถึงอันดับหนึ่งในชาร์ตนี้ ตั้งแต่ ชนาย ทเวน ในปีค.ศ. 1998 \"Just a Dream\" เป็นซิงเกิลถัดไปปล่อยออกมาในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2008 และได้สูงสุดอันดับหนึ่งบน Hot Country Songs chart สองสัปดาห์ติดต่อกัน ทำให้อันเดอร์วูดเป็นนักร้องหญิงคนที่สามในประวัติศาสตร์วงการเพลงคันทรีที่มีสี่เพลงที่สามารถขึ้นไปถึงอันดับหนึ่งจากอัลบั้มเดียวกันซึ่งมีอัลบั้ม Record Shop ของ โรแซนน์ แคช และ The Woman in Me ของ ชนาย ทเวนที่สามารถทำได้เช่นเดียวกัน ซิงเกิลที่ห้าของอันเดอร์วูดคือ \"I Told You So\" ร้องคู่กับ แรนดี้ แทรวิส นักร้องต้นฉบับเพลงนี้ ปล่อยออกมาในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2009 ขึ้นไปได้สูงสุดอันดับสองบน Billboard Country charts และอันดับเก้าบน Hot 100 อัลบั้ม Carnival Ride มีสี่ซิงเกิลที่ที่ขายได้ถึงหนึ่งล้าน คือ เพลง \"So Small\", \"All American Girl\", \"Last Name\" และ เพลง \"Just a Dream\" และมีหนึ่งซิงเกิลที่ขายไปได้เกือบถึงหนึ่งล้านคือเพลง \"I Told You So\" ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2008 อันเดอร์วูดร่วมทัวร์กับคีธ เออร์บัน ชื่อว่า \"Love, Pain and the Whole Crazy Carnival Ride Tour\" ซึ่งทัวร์ไปทั่วอเมริกาจนถึงเดือนเมษายน ส่วน Carnival Ride Tour ของเธอนั้นเริ่มในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008 โดยทัวร์ไปทั่วอเมริกาเหนือ และสิ้นสุดในวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ. 2008 โดยแสดงต่อหน้าแฟน ๆ ไป 1 ล้าน 2 แสนคนตลอดการทัวร์และเป็นทัวร์ของนักร้องคันทรีหญิงที่ขายดีที่สุดในปีค.ศ. 2008",
"เดอะลอดส์ออฟมิสเซอรี () เป็นสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 5 ของวงดนตรีแนวคลาสสิกร็อกร่วมสมัย ค็อกเทล อัลบั้มนี้ออกจำหน่ายเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2557 จากค่ายเพลงจีนี่เรคคอร์ดส ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เปิดตัวด้วยซิงเกิลแรก \"คุกเข่า\" ที่ออกในปี พ.ศ. 2555 ตามด้วย \"น้ำตาสุดท้าย\" \"โปรดเถิดรัก\" \"เธอ\" และ \"คู่ชีวิต\" และในอัลบั้มนี้เป็นการกลับมาของมือเบส ปาร์ค เกริกเกียรติ สว่างวงศ์ ส่วนอายุ จารุบูรณะ ได้ขอลาออกไปทำตามคำสัญญากับเพื่อนมัธยมที่จะสร้างวงดนตรีด้วยกัน จึงได้ฟิลิปส์ เปรมสิริกรณ์ได้เข้ามาทำหน้าที่มือกลอง",
"อัลบั้ม \"ดีสอาร์สเปเชียลไทมส์\" ออกจำหน่ายครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2541 ในยุโรป โดยใช้เพลง \"แอมยัวร์แองเจิล\" เป็นซิงเกิลในการประชาสัมพันธ์ซิงเกิลแรก โดยมิวสิกวิดีโอเพลงนี้ได้ปฐมทัศน์ตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2541 และออกจำหน่ายในรูปแบบซีดีเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 โดยเพลงนี้เป็นหนึ่งในเพลงที่ประสบความสำเร็จของเซลีน มียอดจำหน่ายซิงเกิลกว่า 1,412,000 ชุด และได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำขาวในสหรัฐอเมริกา และขึ้นชาร์ต \"บิลบอร์ด\" ฮอต 100 ในอันดับที่ 1 และอยู่บนชาร์ตนานกว่า 6 สัปดาห์"
] |
เมืองหลวงของมาเลเซียคืออะไร? | [
"มาเลเซีย (มาเลเซีย: ) เป็นประเทศสหพันธรัฐราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบด้วยรัฐ 13 รัฐ และดินแดนสหพันธ์ 3 ดินแดน และมีเนื้อที่รวม 330,803 ตารางกิโลเมตร (127,720 ตารางไมล์) โดยมีทะเลจีนใต้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วนซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกัน ได้แก่ มาเลเซียตะวันตกและมาเลเซียตะวันออก มาเลเซียตะวันตกมีพรมแดนทางบกและทางทะเลร่วมกับไทย และมีพรมแดนทางทะเลร่วมกับสิงคโปร์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย มาเลเซียตะวันออกมีพรมแดนทางบกและทางทะเลร่วมกับบรูไนและอินโดนีเซีย และมีพรมแดนทางทะเลกับร่วมฟิลิปปินส์และเวียดนาม เมืองหลวงของประเทศคือกัวลาลัมเปอร์ ในขณะที่ปูตราจายาเป็นที่ตั้งของรัฐบาลกลาง ด้วยประชากรจำนวนกว่า 30 ล้านคน มาเลเซียจึงเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับที่ 42 ของโลก ตันจุงปีไอ (Tanjung Piai) จุดใต้สุดของแผ่นดินใหญ่ทวีปยูเรเชียอยู่ในมาเลเซีย มาเลเซียเป็นประเทศในเขตร้อน และเป็นหนึ่งใน 17 ประเทศของโลกที่มีความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยิ่ง (megadiverse country) โดยมีชนิดพันธุ์เฉพาะถิ่นเป็นจำนวนมาก",
"กัวลาลัมเปอร์ (, อักษรยาวี: , ออกเสียงตามภาษามลายูว่า กัวลาลุมปูร์) เป็นเมืองหลวงของประเทศมาเลเซียและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศด้วย ภายในมาเลเซียเอง กัวลาลัมเปอร์มักจะเรียกย่อ ๆ ว่า KL"
] | [
"ยะโฮร์ (, อักษรยาวี: ) เป็นรัฐหนึ่งของประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่ระหว่างละติจูด 1°20\" เหนือ และ 2°35\" เหนือ เมืองหลวงของรัฐตั้งอยู่ที่เมืองโจโฮร์บะฮ์รู (Johor Bahru) ซึ่งเมื่อก่อนนี้ชื่อเมืองตันจุงปูเตอรี (Tanjung Puteri) เมืองหลวงเก่าคือเมืองยะโฮร์ลามา (Johor Lama) คำเฉลิมเมืองที่เป็นภาษาอาหรับคือ ดารุลตาอาซิม (Darul Ta'azim) ซึ่งแปลว่า ที่สถิตแห่งเกียรติยศ",
"อีโปะฮ์ () เป็นเมืองหลวงของรัฐเปรัก ประเทศมาเลเซีย อยู่ห่างจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปทางทิศเหนือราว 200 กิโลเมตร (125 ไมล์) ตามเส้นทางด่วนสายเหนือ-ใต้ อีโปะห์ได้รับการพัฒนาเป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ที่สำคัญในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 จากการตื่นตัวในการทำอุตสาหกรรมเหมืองดีบุก ด้านสถาปัตยกรรม เมืองมีห้องแถวจีนที่มีเอกลักษณ์แบบยุคอาณานิคม",
"ดินแดนสหพันธ์เป็นดินแดนที่รัฐบาลกลางปกครองโดยตรง ได้แก่ กัวลาลัมเปอร์ (เมืองหลวง), ปูตราจายา (เมืองราชการ) และลาบวน (ศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศนอกชายฝั่ง) โดยทั้งกัวลาลัมเปอร์และปูตราจายาอยู่ในพื้นที่รัฐเซอลาโงร์ ส่วนลาบวนอยู่ใกล้รัฐซาบะฮ์",
"กูชิง (; ยาวี: کوچيڠ; ) มีชื่อทางการว่า นครกูชิง (City of Kuching) เป็นเมืองหลวงและเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของรัฐซาราวัก ประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่ในส่วนที่เป็นมาเลเซียทางตะวันออกบนเกาะบอร์เนียว ริมฝั่งแม่น้ำซาราวัก ห่างจากปากแม่น้ำเข้าไปราว 16 กิโลเมตร เมืองมีพื้นที่ 719 ตร.ไมล์ (1,863 กม²) เมืองแบ่งเขตเป็นสองส่วน คือ กูชิงเหนือ และกูชิงใต้ โดยกูชิงเหนือมีประชากรทั้งหมด 165,642 คน กับกูชิงใต้ที่มีประชากร 159,490 คน รวมประชากรทั้งหมด 325,132 คน",
"เกอดะฮ์ () หรือ ไทรบุรี มีชื่อเฉลิมเมืองเป็นภาษาอาหรับว่า \"ดารุลอามัน\" (\"ถิ่นที่อยู่แห่งสันติภาพ\") เป็นรัฐหนึ่งในประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของมาเลเซียตะวันตก ครอบคลุมขนาดเนื้อที่ 9,425 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยพื้นที่บนแผ่นดินใหญ่มีลักษณะเป็นพื้นที่ราบใช้สำหรับปลูกข้าว รวมทั้งเกาะลังกาวี",
"ซาบะฮ์เป็นหนึ่งในสองรัฐของมาเลเซียบนเกาะบอร์เนียว ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะ มีขนาดเล็กกว่ารัฐซาราวะก์ ส่วนทางภาคกลางและภาคใต้ของเกาะเรียกว่ากาลิมันตันเป็นของประเทศอินโดนีเซีย เมืองหลวงของรัฐคือโกตากีนาบาลู เดิมมีชื่อว่า เจสเซลตัน (Jesselton)",
"ซันดากัน (; ) มีชื่อเดิมว่า เอโลปูรา () เป็นเมืองขนาดใหญ่เมืองหนึ่งของรัฐซาบะฮ์ ประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะบอร์เนียว อดีตที่นี่เคยเป็นเมืองหลวงของนอร์ทบอร์เนียวก่อนหน้าโกตากีนาบาลู",
"ประเทศมาเลเซียปัจจุบันไม่ค่อยมีหลักฐานแสดงความยิ่งใหญ่ในอดีตเหมือนประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างที่ กัมพูชามีเมืองพระนคร อินโดนีเซียมีโบโรบูดูร์ หลักฐานทางโบราณคดีเก่าแก่ที่สุดที่พบได้แก่ กะโหลกศีรษะมนุษย์ ยุคโฮโมเซเปียน ในถ้ำนียะห์ รัฐซาราวัก โรงเครื่องมือหินที่พบในโกตาตัมปัน รัฐเปรัก หลักฐานดังกล่าวบ่งชี้ว่ามนุษย์ในยุคแรกเริ่มของบริเวณนี้เป็นนักล่าสัตว์ และผู้เพาะปลูกเร่ร่อนของ ยุคหินกลาง อาศัยอยู่ตามเพิงหินและถ้ำในภูเขาหินปูนของคาบสมุทร ใช้เครื่องมือหินตัดบดและล่าสัตว์ป่า ราว 2,500 ปีก่อนคริสต์ศักราช มีกลุ่มคนยุคหินใหม่อพยพมาจากจีนตอนใต้เข้ามาสู่บริเวณนี้ และด้วยความที่มีเครื่องมือทันสมัยกว่า รู้จักวิธีเพาะปลูก ในที่สุดจึงขับไล่พวกที่มาอยู่ก่อนเข้าไปในภูเขาและป่าชั้นในของแหลมมลายู หลังจากนั้นราว 300 ปีก่อนคริสต์ศักราช ก็มีกลุ่มคนยุคเหล็กและยุคสำริด ใช้โลหะเป็นอาวุธ รู้จักค้าขาย ก็มาขับไล่พวกเดิมให้อยู่ในป่าลึกเข้าไปอีก พวกที่มาใหม่นี้ต่อมากลายเป็นบรรพบุรุษโดยตรงของชาวมาเลเซียในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ด้วยหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของมาเลเซียในยุคโบราณมีไม่มากนัก นักประวัติศาสตร์จึงมักถือเอาช่วงเวลาที่ มะละกา ปรากฏตัวขึ้นเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญทางชายฝั่งคาบสมุทรมลายูเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์มาเลเซีย"
] |
เจ. เค. โรว์ลิ่ง เกิดวันที่เท่าไหร่? | [
"โจแอนน์ \"โจ\" โรว์ลิง (, OBE FRSL) หรือนามปากกา เจ. เค. โรว์ลิง และโรเบิร์ต กัลเบรธ (เกิด 31 กรกฎาคม ค.ศ. 1965) เป็นนักเขียนนวนิยายชาวอังกฤษ ผู้เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้ประพันธ์วรรณกรรมแฟนตาซีชุด \"แฮร์รี่ พอตเตอร์\" ซึ่งได้รับความความสนใจจากทั่วโลก ได้รับรางวัลมากมาย และมียอดขายกว่า 500 ล้านเล่ม และยังเป็นหนังสือชุดที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้านภาพยนตร์ชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่ดัดแปลงมาจากหนังสือก็เป็นภาพยนตร์ชุดที่ทำรายได้มากที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ โรว์ลิงอนุมัติบทภาพยนตร์ทุกภาค และตลอดจนควบคุมงานฝ่ายสร้างสรรค์ภาพยนตร์ภาคสุดท้ายในฐานะผู้อำนวยการสร้าง",
"โรว์ลิงเกิดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ค.ศ. 1965 ที่เมืองเยตส์ มณฑลกลอสเตอร์เชอร์ 10ไมล์จากทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองบริสตอล ประเทศอังกฤษ เธอเป็นลูกสาวคนโตของปีเตอร์ โรว์ลิง วิศวกรการบินของบริษัทโรลส์-รอยซ์ และแอนน์ โรว์ลิง (นามสกุลเดิม โวแลนท์) นักเทคนิควิทยาศาสตร์ ทั้งคู่พบกันบนขบวนรถไฟจากสถานีรถไฟคิงครอสไปเมืองอาร์บรอท เมื่อปี 1964 ก่อนจะแต่งงานกันในวันที่ 14 มีนาคม ค.ศ. 1965 ตาทวดของเธอชื่อดูกัล แคมป์เบลล์ เป็นชาวสก็อต เกิดที่เมืองแลมแลช บนเกาะอาร์ราน ประเทศสก็อตแลนด์ ตาของแม่เธอชื่อหลุยส์ โวแลนท์ เป็นชาวฝรั่งเศสและเคยได้รับรางวัลเหรียญกล้าหาญครัวเดอะแกร์ จากวีรกรรมการป้องกันหมู่บ้านคอร์แซลล์ เลอ คองต์ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง นอกจากนี้โรว์ลิงยังเชื่อว่าเขาเคยได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์เลฌียงดอเนอร์ในช่วงสงคราม ซึ่งเป็นเครื่องอิสริยาภรณ์เดียวกันกับที่เธอได้ในปี 2009 ภายหลังเธอก็ได้รับการยืนยันหลังจากมีส่วนร่วมในตอนนึงของรายการสารคดีชุด\"Who Do You Think You Are?\"",
"แฮร์รี่ เจมส์ พอตเตอร์เกิดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2523 (วันเดือนเดียวกับผู้แต่ง เจ. เค. โรว์ลิ่ง ได้เขียนให้แฮร์รี่เกิดวันเดียวกันกับเธอแต่คนละปี) เป็นลูกชายคนเดียวของเจมส์ พอตเตอร์และลิลี่ พอตเตอร์ เป็นตัวละครเอกในหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์"
] | [
"โรว์ลิงเกิดที่เมืองเยตส์ มณฑลกลอสเตอร์เชอร์ เคยทำงานเป็นนักวิจัยและเลขานุการสองภาษาให้กับองค์การนิรโทษกรรมสากล ก่อนได้ความคิดสำหรับชุด\"แฮร์รี่ พอตเตอร์\"บนขบวนรถไฟที่ล่าช้าจากแมนเชสเตอร์ไปลอนดอนเมื่อปี 1990 อีกเจ็ดปีถัดมา เธอเสียมารดา หย่าร้างกับสามีคนแรกและค่อนข้างยากจน จนโรว์ลิงเขียน \"แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์\" เสร็จในปี 1997 มีภาคต่อหกเล่ม เล่มสุดท้ายคือ \"แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต\" ในปี 2007 จากนั้นโรว์ลิงเขียนหนังสือสำหรับผู้อ่านผู้ใหญ่สามเรื่อง ได้แก่ \"เก้าอี้ว่าง\" (2012) และนวนิยายสืบสวนสอบสวน เรื่อง \"เสียงเพรียกจากคักคู\" (2013) และ \"หนอนไหม\" (2014) โดยใช้ชื่อปลอมในการเขียนว่า โรเบิร์ต กัลเบรธ",
"โรว์ลิงแต่งงานกับวิสัญญีแพทย์ นีล เมอร์เรย์ (เกิด 30 มิถุนายน ค.ศ. 1971) เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 2001 ในพิธีแบบส่วนตัวที่คฤหาสน์ของเธอ ใกล้กันกับเมืองเมืองแอปเบอร์เฟลดี หลังจากนั้นโรว์ลิงให้กำเนิดลูกชายชื่อเดวิด กอร์ดอน โรว์ลิง เมอร์เรย์ ในวันที่ 24 มีนาคม ค.ศ. 2003 หลังจากที่เริ่มต้นเขียน\"แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม\"ไม่นาน เธอได้หยุดการเขียนหนังสือไว้เพื่อมาดูแลเดวิดช่วงที่เขายังเป็นทารก",
"เก้าอี้ว่าง () เป็นนวนิยายสะท้อนสังคม เขียนโดยเจ. เค. โรว์ลิ่ง วางจำหน่ายในประเทศไทยเมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2556 ซึ่งเก้าอี้ว่างถือเป็นนวนิยายผู้ใหญ่เล่มแรกของโรว์ลิ่ง หลังจากเธอใช้เวลาเขียนวรรณกรรมเยาวชนอย่างแฮร์รี่ พอตเตอร์มาเป็นเวลานานถึง 17 ปี ตัวนิยายมีเนื้อหาสะท้อนสังคม ตีแผ่ด้านมืดในจิตใจมนุษย์ ปัญหาต่างๆในสังคม ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ปัญหาของวัยรุ่น ยาเสพติด เซ็กซ์",
"โรว์ลิงมีน้องสาวหนึ่งคนชื่อว่าไดแอนน์ เกิดให้หลังเธอ 23 เดือน เมื่อโรว์ลิงอายุสี่ขวบ ครอบครัวของเธอย้ายไปอยู่ที่วินเทอร์บอร์น ซึ่งเป็นหมู่บ้านละแวกใกล้เคียง เธอเข้าเรียนในระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนเซนต์ไมเคิล ที่ก่อตั้งโดยวิลเลียม วิลเบอร์ฟอร์ซ นักการเมืองผู้เรียกร้องให้เกิดการเลิกทาสในอังกฤษและฮันนาห์ มอร์ นักปฏิรูปการศึกษาของอังกฤษ อัลเฟรด ดันท์ ครูใหญ่ที่โรงเรียนแห่งนี้ภายหลังได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้เธอสร้างตัวละครอัลบัส ดัมเบิลดอร์ ในแฮร์รี่ พอตเตอร์ขึ้น",
"เจ็ดปีหลังจากจบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย โรว์ลิงมองดูตัวเองเป็นคนที่ประสบความล้มเหลวคนหนึ่ง ชีวิตคู่ของเธอล้มเหลว เธอตกงานและมีลูกอีกหนึ่งคนที่ต้องดูแล แต่เธอได้อธิบายความล้มเหลวของเธอว่าเป็นการมอบอิสระและสามารถทำให้เธอมีเวลาจดจ่อกับการเขียนมากขึ้น ในช่วงเวลานั้นโรว์ลิงได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้าและมีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย อาการป่วยของเธอได้เป็นแรงบันดาลใจให้เธอสร้างตัวละครผู้คุมวิญญาณ สิ่งมีชีวิตที่ดูดกินวิญญาณและความสุขซึ่งปรากฏตัวในเล่มที่สาม และด้วยปัญหาทางการเงิน โรว์ลิงจึงได้ยื่นเรื่องเพื่อขอรับเงินสงเคราะห์ของรัฐบาล เธอได้อธิบายสถานภาพทางการเงินของเธอ ณ ตอนนั้นว่า “ไม่ได้ไร้บ้าน แต่ก็ยากจนเท่าที่มันจะเป็นได้ในประเทศอังกฤษสมัยปัจจุบัน”",
"เอลฟ์ประจำบ้านเป็นสิ่งมีชีวิตในจินตนาการของเจ.เค.โรว์ลิ่ง ปรากฏในนิยายและภาพยนตร์เรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ มีลักษณะเป็นภูตวิเศษขนาดเล็กที่สิงอยู่ในบ้านที่มีขนาดใหญ่ ทำหน้าที่คอยดูแลรับใช้คนในตระกูลเวทมนตร์ ซึ่งจะทำหน้าที่นี้ไปจนกว่ามันจะตาย เอลฟ์ประจำบ้านจะภาคภูมิใจในหน้าที่ของตน และจะไม่ทรยศต่อครอบครัวของตน",
"พรีเควลแฮร์รี่พอตเตอร์ เป็นบทความสั้น ๆ ของนักเขียน เจ. เค. โรว์ลิ่ง ซึ่งเธอเขียนขึ้นมาหลังจากแฮร์รี่ พอตเตอร์จบลง มีทั้งหมด 800 คำ 2 หน้ากระดาษด้วยกัน โดยเธอกล่าวว่า \"สองสามเดือนก่อน นักเขียนจำนวนหนึ่งได้รับเชิญให้เขียนการ์ดด้วยลายมือสำหรับการประมูล โดย Waterstone's ในวันที่ 10 มิถุนายน รายได้ทั้งหมดจะมอบให้กับ \"English PEN\" ซึ่งเป็นสมาคมของนักเขียน และสมาคม \"Dyslexia Society\"\""
] |
ประเทศสโลวีเนีย มีธงชาติสีอะไร? | [
"ธงชาติสโลวีเนีย ประกาศใช้เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ. 1991 เป็นธงแถบสีขาว สีน้ำเงินและสีแดง ซึ่งเป็นสีกลุ่มชนสลาฟ เรียงจากบนลงล่าง ด้านใกล้คันธงมุมบนประดับด้วยตราแผ่นดินของสโลวีเนีย"
] | [
"ธงชาติสาธารณรัฐประชาธิปไตยอาหรับซาห์ราวี ซึ่งเดิมเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มแนวหน้าโปลีซารีโอ (Polisario Front) ประกอบด้วยสี 4 สี คือ สีดำ สีเขียว สีขาว และสีแดง ซึ่งมีที่มาจากสีพันธมิตรอาหรับ อันเป็นสัญลักษณ์ที่ชาวอาหรับใช้ต่อต้านผู้กดขี่ ลักษณะโดยรวมนั้นคล้ายคลึงกับธงชาติปาเลสไตน์อย่างไม่ได้ตั้งใจ ส่วนรูปจันทร์เสี้ยวและดาวนั้น เป็นสัญลักษณ์ของศาสนาอิสลาม ซึ่งสามารถพบได้ในธงของประเทศอิสลามทั่วไป เช่น ปากีสถาน เป็นต้น",
"ธงชาติสโลวาเกีย () นับย้อนไปในปี พ.ศ. 2391 ซึ่งเป็นปีของการปฏิวัติในยุโรปและเป็นเวลาที่ชนเผ่าสลาฟได้กำหนดบทบาทของตนเองจากการปกครองของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี และออกแบบธงชาติ 3 สี ขาว และแดงเป็นธงประจำชาติของตน สโลวาเกียได้ใช้ธงชาติ 3 สีโบกสะบัดเมื่อประเทศได้รับอิสรภาพ ต่อมาเมื่อแยกตัวออกจากเชโกสโลวาเกียในเดือนมกราคม พ.ศ. 2536 สโลวาเกียจึงกำหนดให้มีตราแผ่นดินอยู่ในธงชาติด้วยเพื่อให้แตกต่างกับธงชาติรัสเซีย ตราแผ่นดินนี้เป็นรูปไม้กางเขน 2 ชั้น ปักอยู่บนภูเขาลูกกลาง ในจำนวนภูเขา 3 ลูก",
"ธงชาติสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตลิทัวเนีย ประกาศใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม, พ.ศ. 2496. มีลักษณะเป็น, ธงพื้นสีแดงที่มุมบนธงมีรูปค้อนเคียวสีทองกับดาวแดงขอบเหลือง โดยมีแถบเล็กสีขาวซ้อนอยู่บนแถบสีเขียว แต่ก่อนหน้านั้นที่มุมบนธงมีตัวอักษรลาตินสีเหลือง เขียนว่า \"LIETUVOS TSR\" ด้วยตัวอักษรแซนด์-เซอร์ริฟ.",
"เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2534 ธงสามสี ขาว-น้ำเงิน-แดง ซึ่งเป็นธงชาติรัสเซียเดิมก่อนสมัยสหภาพโซเวียต ได้มีการรับรองให้ใช้เป็นธงชาติควบคู่กับธงยุค พ.ศ. 2497 โดยสภาโซเวียตสูงสุดแห่งสหพันธ์ สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตรัสเซีย ซึ่งได้ใช้มาจนถึงวันที่ 25 ธันวาคมปีเดียวกัน ธงสามสีจึงได้รับการยอมรับให้เป็นธงชาติรัสเซียเพียงธงเดียวอย่างเป็นทางการในที่สุด พร้อมกับการสิ้นสุดของสหภาพโซเวียดอย่างสมบูรณ์ในวันนั้น เมื่อมิคาอิล กอร์บาชอฟประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหภาพโซเวียตอย่างเป็นทางการ",
"ธงนี้มีแถบยาวสองแถบ แถบบนสีแดง (กว้าง 2 ใน 3 ส่วนของความกว้างธง) แถบล่างสีเขียว (กว้าง 1 ใน 3 ส่วนของความกว้างธง) มีรูปค้อนเคียวและดาวแดงขอบสีทองที่มุมบนด้านติดคันธงของแถบสีแดง มีลายอาทิตย์อุทัยประดับไว้ที่ด้านติดคันธง (สีขาวบนพื้นแดง) ความกว้างของรูปดังกล่าวเท่ากับ 1 ใน 9 ส่วนของความยาวธง",
"มีลักษณะเป็นธงสามสีแบ่งตามแนวนอน 3 แถบ ความกว้างเท่ากันทุกแถบ สีดำ-ขาว-เขียว (เรียงจากบนลงล่าง) ที่ด้านคันธงนั้นเป็นรูปสามเหลี่ยมสีแดง (สีเหล่านี้เป็นสีธงของกลุ่มพันธมิตรอาหรับ) ลักษณะของธงนี้คล้ายคลึงกับธงของพรรคบะอัธ ธงชาติซาฮาราตะวันตก ธงชาติซูดาน และธงชาติจอร์แดน โดยแบบร่างของธงผืนนี้สิ่งที่เกิดจากการปฏิวัติอาหรับ (พ.ศ. 2459 - 2461) ธงชาติปาเลสไตน์ถูกใช้ในช่วงระยะเวลาสั้นของสหพันธรัฐอาหรับ ของอิรัก และ จอร์แดน โดยธงขบวนการปฏิวัติอาหรับ มีลักษณะเหมือนกัน แต่ผิดแผกที่การจัดแถบสีธง (ธงขบวนการปฏิวัติอาหรับแถบสีขาวอยู่ด้านล่างสุด)",
"ธงชาติสวิตเซอร์แลนด์ มีลักษณะเป็นธงสี่เหลี่ยมจัตุรัสพื้นสีแดง กลางธงมีรูปกากบาทสีขาว โดยความยาวของกากบาทแต่ละด้านนั้นเท่ากัน นับได้ว่าเป็นธงชาติของ 1 ใน 2 ประเทศที่ใช้ธงรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส (อีกธงหนึ่งคือธงชาตินครรัฐวาติกัน) ธงนี้เป็นธงที่ใช้ทั่วไปบนบก ส่วนธงเรือของสวิตเซอร์แลนด์นั้น ใช้ธงลักษณะอย่างเดียวกัน แต่เปลี่ยนสัดส่วนธงเป็นกว้าง 2 ส่วน ยาว 3 ส่วน",
"ธงชาติสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตทาจิก มีลักษณะเป็นธงแดงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 1 ส่วน ยาว 2 ส่วน กลางธงมีแถบใหญ่สีขาวและแถบเล็กสีเขียวพาดผ่านตามแนวนอน ที่มุมบนด้านคันธงมีรูปค้อนเคียวไขว้และดาวแดงห้าแฉกขอบสีทอง อันเป็นสัญลักษณ์ของขบวนการคอมมิวนิสต์สากล ประกาศใช้เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2496 และได้ใช้มาจนถึงการล่มสลายของสหภาพโซเวียตใน พ.ศ. 2534",
"ธงชาติสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตคารีโล-ฟินนิช มีลักษณะเป็นธงแดงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 1 ส่วน ยาว 2 ส่วน ที่มุมธงบนด้านคันธงมีรูปค้อนเคียวและดาวแดงอย่างธงชาติสหภาพโซเวียต ตอนล่างของธงเป็นแถบสีฟ้าและแถบสีเขียวพาดไปตามความยาวของธง เรียงลำดับจากบนลงล่าง แต่ละแถบกว้างประมาณ 1 ใน 5 ของส่วนกว้างของธง ธงดังกล่าวนี้เริ่มใช้เมื่อ ค.ศ. 1953 และเลิกใช้ในปี ค.ศ. 1956 จากการยุบเลิกสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตคารีโล-ฟินนิชโดยสหภาพโซเวียต"
] |
เมืองหลวงของประเทศอิสราเอลมีชื่อว่าอะไร? | [
"ประเทศอิสราเอล (; ; ) มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า รัฐอิสราเอล (; ; ) เป็นประเทศในตะวันออกกลางบนชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและชายฝั่งเหนือของทะเลแดง มีเขตแดนทางบกติดต่อกับประเทศเลบานอนทางทิศเหนือ ประเทศซีเรียทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ประเทศจอร์แดนทางทิศตะวันออก ดินแดนเวสต์แบงก์และฉนวนกาซาของปาเลสไตน์ทางทิศตะวันออกและตะวันตกตามลำดับ และประเทศอียิปต์ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ประเทศอิสราเอลมีภูมิลักษณ์หลากหลายแม้มีพื้นที่ค่อนข้างเล็ก เทลอาวีฟเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของประเทศ ส่วนที่ตั้งรัฐบาลและเมืองหลวงตามประกาศคือ เยรูซาเลม แม้อำนาจอธิปไตยของรัฐเหนือเยรูซาเลมยังไม่มีการรับรองในระดับนานาประเทศ"
] | [] |
ยุขันได้รับอิทธิพลมาจากนิทานเรื่องอะไร? | [
"ยุขัน เป็นบทละครนอกที่แต่งด้วยคำประพันธ์ประเภทกลอนบทละคร ไม่ปรากฏหลักฐานว่าแต่งเมื่อใดและผู้แต่งเป็นใคร สันนิษฐานว่าน่าจะได้รับอิทธิพลมาจากนิทานสุภาษิตเปอร์เซียเรื่องอิหร่านราชธรรม หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า สิบสองเหลี่ยม เนื่องจากปรากฏข้อความบนทะเบียนเก่าของหอสมุดวชิรญาณ"
] | [
"บทละครนอกเรื่อง ยุขัน พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ จุลศักราช 1240 (พ.ศ. 2421) เป็นการพิมพ์รวมเล่มสมุดไทยตั้งแต่เล่มที่ 1-23 และมิได้มีการพิมพ์เผยแพร่อีก จนกระทั่งในปีพุทธศักราช 2548 กรมศิลปากรพิจารณาเห็นว่า บทละครเรื่องยุขันมีคุณค่าต่อการศึกษาวรรณกรรมไทยในแง่ของการได้รับอิทธิพลจากวรรณกรรมต่างชาติ จึงได้มีการตรวจสอบชำระ และจัดพิมพ์เผยแพร่ขึ้นมาอีกครั้ง",
"เรื่องเล่าที่เป็นที่นิยมในกัมพูชาส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากอินเดีย เช่น รามายณะ มหาภารตะ และนิทานชาดกของพุทธศาสนา และได้รับอิทธิพลจากวรรณกรรมไทยมาก ตัวอย่างเรื่องที่เป็นที่นิยมคือพระวรวงศ์และสรวงศ์ ซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าชายเขมรสององค์ที่ถูกขัไล่แล้วกลับคืนสถานะเดิมของตนได้ เรื่องนี้ต่อมาได้นำไปสร้างเป็นบัลเลต์หลวงของกัมพูชาเมื่อ พ.ศ. 2549",
"ยุขัน มีชื่อระบุในสมุดไทยว่า ยุขัน (สิบสองเหลี่ยม) อีกทั้งเนื้อเรื่องตอนต้นก็ได้กล่าวถึงเรื่องราวต่าง ๆ ซึ่งเกิดขึ้นในเมืองสิบสองเหลี่ยม แต่กระนั้น ก็มีอิทธิพลของชวา และบทละครเรื่อง อิเหนาเข้ามาปะปนอยู่ด้วย เช่น ชื่อของตัวละคร หรือตำแหน่งต่างๆ เช่น \"ประไหมสุหรี\" เป็นต้น",
"นอกจากนั้น ด้วยอุปนิสัยที่รักทางขอมอักขระ อาคม ซึ่งแถบอีสานใต้นั้นศิลปวัฒนธรรมขอมหรือเขมรโบราณได้มีอิทธิพลเจริญรุงเรืองมาเป็นเวลาช้านาน พระภิกษุมุมจึงเข้ารับการถ่ายทอดจากพระอาจารย์ชาวเขมรบ้าง ชาวลาวบ้าง โดยได้เอาใจใส่ฝึกฝนกับพระอาจารย์ชื่อดังในยุคนั้นจนเจนจัดเชี่ยวชาญทางด้านวิปัสนากรรมฐานฝึกจิตให้กล้าแข็งมีสมาธิแน่วแน่ และได้นำมาสั่งสอนศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนผู้ที่ศรัทธา \nเมื่อศึกษากับหลวงพ่อโฮมจนแตกฉานแล้วจึงออกออกธุดงค์ต่อไปอีก ผ่านป่าดงดิบไปสู่เขตจังหวัดสระบุรี เพื่อกราบสักการะรอยพระพุทธบาท พระพุทธฉาย ที่วัดพระพุทธบาท แล้วล่องต่อมาจนถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้าจำพรรษาอยู่หลายวัด ก่อนจะต่อไปยังจังหวัดสุพรรณบุรี เข้าสู่เขตอำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี ต่อเนื่องไปยังพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดเลย อาณาจักรล้านช้าง เมืองเวียงจันทน์ ท่าแขก และสุวรรณเขต ตลอดระยะเวลาและเส้นทางในช่วงที่ท่านธุดงค์มานั้นก็ได้พบกับพระอาจารย์ที่มีวิชาอาคมเก่งกล้าหลายๆท่าน พระมุมได้ปวารณาตนเป็นศิษย์ ขอศึกษาเล่าเรียนและแลกเปลี่ยนความรู้วิชาต่างๆมากมาย จนได้รับคำแนะนำจากพระอาจารย์เหล่านั้น ให้ไปหาสมเด็จลุน เกจิอาจารย์แห่งนครจำปาศักดิ์ ประเทศลาว ท่านจึงธุดงค์ต่อไปเพื่อไปหาสมเด็จลุน แต่ต้องผิดหวังเพราะสมเด็จลุนเดินทางไปยังจังหวัดอุบลราชธานี พระมุมจึงได้ตามไปที่จังหวัดอุบลราชธานี จนพบกับสมเด็จลุนและฝากตัวเป็นศิษย์ติดตามกลับเข้าไปนครจำปาศักดิ์อีกครั้ง ได้ศึกษาความรู้ทางอาคมขลัง เลขยันต์ต่างๆ สมเด็จลุนยังได้มอบตำราวิทยาคมไสยเวทย์ให้กับท่านเพื่อนำมาศึกษาเพิ่มเติม จากนั้น พระมุมได้ลาสมเด็จลุนออกจากจำปาศักดิ์เดินทางกลับมาทางจังหวัดอุบลราชธานี ระหว่างนั้นได้พบพระอาจารย์ดีๆในตัวเมืองอุบลราชธานีระยะหนึ่ง แล้วจึงเดินทางต่อไปยังเมืองขุขันธ์ จนกลับถึงบ้านเกิดอีกครั้ง",
"นอกจากเรื่องนี้จะได้รับอิทธิพลจากเรื่องอื่นแล้ว นิยายเรื่องนี้ก็มีผลกระทบต่องานเขียนยุคหลังของกิมย้งอย่างมากเช่นกัน โดยเฉพาะกระบี่เย้ยยุทธจักร และอุ้ยเสี่ยวป้อ แต่ที่เห็นชัดที่สุดก็คือ \"กระบี่เย้ยยุทธจักร\" ที่ตัวเอกอย่างเหล่งฮู้ชงก็มีศิษย์น้องหญิง เจอเหตุการณ์ใส่ร้ายป้ายสี และถูกจองจำเหมือนกันเกือบทุกประการ แตกต่างกันที่นิสัยของเหล่งฮู้ชงนั้นเข้าใจโลกมากกว่าเต็กฮุ้น อีกทั้งกระบี่เย้ยยุทธจักรนั้นโครงเรื่องที่กว้างมากกว่ากระบี่ใจพิสุทธ์อีกด้วย แต่ถึงกระนั้นกระบี่ใจพิสุทธิ์ก็ถือเป็นต้นแบบของความสำเร็จอย่างมากของกระบี่เย้ยยุทธจักร",
"ความหยาบของเส้นทำให้นึกถึงการต่องสู้ที่คึกโครม เรามักได้ยินว่าภาพ \"การขุด\" นี้ได้รับอิทธิพลมาจากภาพต่อต้านสงคราวอย่างภาพ \"เกร์นีกา\" ของปีกัสโซ อีกทั้งฉากภาพยนตร์ขาวดำที่โด่งดังเรื่อง \"รีโซอามาโร\" รวมถึงเดอ โกนิงยังได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์ในชีวิตทั่ว ๆ ไป เช่น การขุดเจาะในนิวยอร์ก ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เขาตั้งชื่อผลงานนี้ด้วย ภาพ \"การขุด\" เป็นการแสดงถึงความประทับใจที่มีต่อภาพยุคก่อน ๆ ซึ่งได้มาจากการขุดค้นทางประวัติศาสตร์อันเป็นหลักฐานการล่มสลายของมนุษย์สมัยโบราณ โดยศิลปินมีบทบาทในการขุดภาพนั้นขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากต้องประสบกับฉากการทำลายล้างที่หดหู่ของสงครามโลกครั้งที่ 2 ศิลปินในลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แนวนามธรรมจึงหันมาสนในกับศิลปะดั้งเดิมเช่นกัน",
"ฝ่ายยุขันหลังจากแยกทางกับพระเชษฐาแล้ว ก็รอนแรมมาในป่าจนกระทั่งพบกับอาศรมของพระรักขิตมหาฤๅษีตามที่ในจารึกบอกไว้ จึงเข้าไปกราบแล้วเล่าเรื่องราวของตนแล้วถามทางไปเมืองอุเรเซ็น พระฤๅษีทราบเรื่องก็เกิดความเมตตาจึงกล่าวว่า อันหนทางจะไปเมืองอุเรเซ้นนั้น เต็มไปด้วยอันตรายมากมาย มีทั้งยักษ์มาร และแม่น้ำที่ลึกและกว้าง เมื่อเห็นว่าพลัดพรากจากพระเชษฐาจึงร่ายเวทย์ชุบคนขึ้นมาต่างหน้าพี่ชายไว้เป็นเพื่อนเดินทางแล้วตั้งชื่อให้ว่า เจ้าลิขิต ทั้งสองจึงฝากตัวเป็นศิษย์ของฤๅษี ก่อนออกเดินทางพระฤๅษีจึงได้มอบพระขรรค์แก้วให้กับเจ้าลิขิต และมอบธนูกับศรวิเศษให้กับยุขัน แล้วทั้งสั่งสอนว่าทางข้างหน้าอันตรายให้อยู่ช่วยดูแลกันและกันอย่าประมาท จากนั้นก็จึงอวยพรและชี้ทางให้ ทั้งสองเดินทางเรื่อยมาจนล่วงเข้าเขตที่อยู่ของยักษ์มัตตะริมซึ่งอาศัยอยู่ปราสาททิพย์กลางป่า และมีอาวุธวิเศษคือกระบองแก้วสุริยกานต์อันมีฤทธิ์คือหากกวัดแก่วง ก็จะขอสิ่งที่อยากได้ตามใจนึก นอกจากนี้ยังมีอสูรทหารเอก ซึ่งคอยเผ้าหน้าด่านในป่าอยู่ถึงสามชั้นคือ อสุรปานัน, วายุกันยักษ์ และ นันทสูร อยู่มาวันหนึ่ง อสูรมัตตะริมนั้นเกิดเปล่าเปลี่ยวจิต คิดหาคู่ครองจึงควงอาวุธเหาะหาสาวงามจนล่วงไปถึงเมืองไอสุริยา",
"มุกตลกจีนปัจจุบันได้รับอิทธิพลไม่ใช่จากวัฒนธรรมดั้งเดิมเท่านั้น แต่ยังได้จากชาวต่างชาติ ผ่านวรรณกรรม ภาพยนตร์ โทรทัศน์ และอินเทอร์เน็ต\nในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1930 การทับศัพท์ภาษาอังกฤษ \"humor\" เป็นคำจีน ก็กลายเป็นศัพท์ใหม่สำหรับความหมายนี้ ทำให้เกิดแฟชั่นสมัยนิยมในวรรณกรรมตลก และข้อขัดแย้งที่เผ็ดร้อนว่า รูปแบบตลกเช่นไรเหมาะกับประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่จน อ่อนแอ ที่อยู่ใต้การปกครองของประเทศอื่นเป็นบางส่วน\nแม้ว่าจะมีสุขนาฏกรรมที่อนุญาตในสมัยของนายเหมา เจ๋อตง แต่เรื่องขำขันในหลาย ๆ เรื่องก็ยังเป็นของต้องห้าม\nแต่ว่า การผ่อนคลายนโยบายทางสังคมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1980, การค้าขายที่มีผลต่อวัฒนธรรมในช่วงทศวรรษ 1990, และการเกิดขึ้นของอินเทอร์เน็ต ช่วยให้เกิดรูปแบบตลกใหม่ ๆ ในประเทศจีนในทศวรรษหลัง ๆ แม้ว่ารัฐยังตรวจพิจารณาสื่ออย่างเข้มงวด",
"บทะครนอกเรื่องยุขัน แบ่งออกเป็น 2 ตอน ตอนต้นเรื่องกล่าวถึงกำเนิดของ \"นางประวะลิ่ม\" ซึ่งเป็นนางเอกของเรื่อง ส่วนตอนที่สอง กล่าวถึงการผจญภัยของ \"ยุขัน\" ซึ่งมีความยืดยาวและพิสดารมาก เริ่มตั้งแต่ออกตามหานกวิเศษชื่อ \"หัสรังสี\" และพบ \"นางประวะลิ่ม\" จนกระทั่งจบถึงตอนยุขันจัดเตรียมเครื่องบรรณาการไปกราบพระดาหลีมหามุณี และเดินทางไปกราบพระบรมศพพระเจ้าอุรังยิดที่เมืองอุรังยิด"
] |
หลวงปู่ไดโนเสาร์ ได้มากการที่ท่านค้นพบกระดูกไดโนเสาร์ ใช่หรือไม่? | [
"พระญาณวิสาลเถร (หา สุภโร) หรือ หลวงปู่ไดโนเสาร์ พระภิกษุในพุทธศาสนานิกายเถรวาท คณะธรรมยุตินิกาย ชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ในราชทินนามตามสัญญาบัตรว่า พระญาณวิสาลเถร เจ้าอาวาสวัดสักกะวัน (ภูกุ้มข้าว) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ และอดีตรองเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์เป็นพระเถราจารย์ผู้ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด เป็นที่น่าเคารพสักการบูชาของบรรดาศิษยานุศิษย์ ซึ่งเป็นที่ประจักษ์แก่พุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่า และได้ค้นพบกระดูกไดโนเสาร์ ทำให้มีการขุดค้น โดยเป็นแหล่งไดโนเสาร์กินพืชที่สมบูรณ์ที่สุดของประเทศไทย และยังมีการสร้างพิพิธภัณฑ์สิรินธร บริเวณที่ขุดค้นพบอีกด้วย"
] | [
"ซากกระดูกไดโนเสาร์ที่ค้นพบที่บ้านหนองกลาง หมู่ที่7 ตำบลบ้านมาง อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา เป็นกระดูกไดโนเสาร์ซอโรพอด ซึ่งเป็นไดโนเสาร์กินพืชขนาดใหญ่ คอยาว หางยาว เดินสี่ขา ขนาดไดโนเสาร์น่าจะยาวตั้งแต่ 15 เมตรขึ้นไป และคาดว่าจะมีชีวิตอยู่มาไม่น้อยกว่า 130 ล้านปี ซากกระดูกไดโนเสาร์ที่ถูกค้นพบแห่งนี้ก็จะเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของโลกอีกชั้นหนึ่งการวิวัฒนาการของมนุษยชาติ คือ ฟอสซิลของลิงเอป(ลิงไม่มีหาง)อายุ 15 ล้านปี ถือเป็นกำเนิดเผ่าพันธุ์ของมนุษย์",
"ก่อนที่หลวงปู่ตื้อจะบวช ได้มีนิมิตมาบอกท่านมากมาย เช่น ในคืนก่อนที่ท่านจะบวช ท่านได้ฝันถึงชีปะขาว มาถึง 2 คน และท่านฝันอีกว่า ท่านได้เห็นพระภิกษุที่น่าเลื่อมใสอีก 2 รูป ท่านคิดว่าเป็นผู้วิเศษ จึงได้เข้าไปกราบนมัสการ และนิมิตครั้งสุดท้าย มีพระภิกษุท่านได้เข้ามาพูดกับท่านว่า หนูน้อย เจ้ามีกำลังแข็งแรงมาก เท่านั้น พระท่านก็หายไป ท่านก็มีความมั่นใจ เพราะท่านเชื่อว่า วันนี้จะมีเรื่องดี ที่ท่านจะได้บวชตามใจปรารถนา จะได้มีการประพฤติธรรมอย่างจริงจัง และปู่ของท่านก็อยากให้ท่านบวชเป็นพระภิกษุมานานแล้ว ท่านจึงตอบรับคำปู่ทันที และได้เข้ารับพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อปี พ.ศ. 2452 บวชได้เพียง 19 พรรษา ก็เปลี่ยนมาบวชในนิกายธรรมยุติเมื่อปี พ.ศ. 2471 หลังจากบวชได้ 7 วัน หลวงปู่สิม ก็เข้ามาถามท่านว่า จะสึกไหม ท่านก็บอกว่า รอออกพรรษาก่อน พอถึงช่วงออกพรรษา หลวงปู่สิม ก็ถามอีกว่า จะสึกไหม ท่านก็คิดในใจว่า บวชเพียง 1 พรรษา นั้นยังเรียนพระธรรมไม่ค่อยเพียงพอ ท่านก็บอกว่า ท่านจะบวชไปเรื่อย ๆ ก่อน",
"นับจากการค้นพบกระดูกไดโนเสาร์เป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2519 กรมทรัพยากรธรณี โดยโครงการความร่วมมือด้านบรรพชีวินวิทยา ไทย-ฝรั่งเศส ได้ทำการสำรวจไดโนเสาร์บนเทือกเขาภูเวียงอย่างต่อเนื่อง มีการค้นพบกระดูก ฟัน และรอยตีนไดโนเสาร์จำนวนมาก โดยส่วนใหญ่พบอยู่ในหินทรายหมวดหินเสาขัวยุคครีเทเชียสตอนต้น (ประมาณ 130 ล้านปีมาแล้ว) มีทั้งไดโนเสาร์ซอโรพอดและเทอร์โรพอด หลากหลายสายพันธุ์ และมีขนาดตั้งแต่ตัวเท่าแม่ไก่ ไปจนถึงมีลำตัวยาวจากหัวจรดหางมากกว่า 15 เมตร นับเป็นการค้นพบที่สำคัญ ทำให้คนไทยมีความตื่นตัวเดินทางไปเยี่ยมชมแหล่งไดโนเสาร์ที่เทือกเขาภูเวียงอย่างต่อเนื่อง และรวมถึงการเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรหลุมขุดค้นที่ 2 ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2532 และได้เสด็จพระราชดำเนินพาคณะกรรมการรางวัลนานาชาติสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2551",
"การค้นหาซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ในประเทศไทยเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นได้ไม่นาน โดยในปี พ.ศ. 2519 กรมทรัพยากรธรณีได้ค้นพบโครงกระดูกขนาดใหญ่ในเขตอำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น ซึ่งผลการวิจัยขณะนั้นทราบเพียงว่าเป็นไดโนเสาร์ซอโรพอด มีความยาวประมาณ 15 เมตร นับว่าเป็นรายงานการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ครั้งแรกในประเทศไทย ต่อมาในปี พ.ศ. 2524 และ พ.ศ. 2525 ได้มีการสำรวจที่บริเวณภูเวียงอีกทำให้พบกระดูกส่วนต่างๆ ของไดโนเสาร์และสัตว์อื่นๆอีกมากมายหลายชนิดเป็นจำนวนมากอยู่ในชั้นหิน จึงนับได้ว่าเป็นการเริ่มต้นการค้นหาซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์อย่างจริงจัง",
"นับตั้งแต่ที่มีการค้นพบกระดูกไดโนเสาร์ชิ้นแรกของประเทศไทย ที่ห้วยประตูตีหมา เชิงภูประตูตีหมา อำเภอเวียงเก่า จังหวัดขอนแก่น ในปี พ.ศ. 2519 กรมทรัพยากรธรณีโดยโครงการความร่วมมือระหว่างไทย-ฝรั่งเศส ได้ทำการสำรวจขุดค้นอย่างจริงจังและต่อเนื่อง จนมีการค้นพบแหล่งไดโนเสาร์มากกว่า 10 แหล่ง พบกระดูกไดโนเสาร์นับร้อยชิ้นและหลายสายพันธุ์และรวมถึงรอยตีนไดโนเสาร์อีกมากกว่า 60 รอย หน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงาน เช่น จังหวัดขอนแก่น อำเภอภูเวียง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และกรมทรัพยากรธรณี ได้เล็งเห็นความสำคัญที่จะพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้จัดสรรงบประมาณในการพัฒนาแหล่งไดโนเสาร์และก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง แหล่งขุดค้นไดโนเสาร์จำนวน 4 แหล่งได้แก่ หลุม 1 หลุม 2 หลุม 3 และหลุม 9 ได้รับการพัฒนาโดยการก่อสร้างอาคารคุมหลุม โดยมีแผ่นกระจกใสให้นักท่องเที่ยวชมกระดูกไดโนเสาร์ ระหว่างหลุมขุดค้นได้จัดทำเส้นทางเดินเท้าเชื่อมต่อหากันทำให้สามารถเดินชมหลุมขุดค้นไดโนเสาร์ทั้ง 4 หลุมและยังได้ชื่นชมทัศนียภาพสองข้างทางในเขตอุทยานแห่งชาติภูเวียงการเดินชมแหล่งขุดค้นอย่างครบถ้วนแนะนำให้คนขับรถไปส่งที่ลานจอดรถใกล้หลุม 9 แล้วให้คนขับรถไปรอที่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูเวียง จากลานจอดรถเดินไปที่หลุม 9 ระยะทางประมาณ 500 เมตร เดินต่อไปที่หลุม 2 ระยะทางประมาณ 1100 เมตร เดินต่อไปสุสานหอยประมาณ 40 เมตร เดินต่อไปที่หลุม 1 ประมาณ 360 เมตร เดินต่อไปหลุม 3 ระยะทางประมาณ 1300 เมตร และเดินต่อไปที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูเวียงประมาณ 300 เมตร",
"หลุมขุดค้นที่ 9 ค้นพบโดยนายสมชัย เตรียมวิชานนท์ นักธรณีวิทยา กรมทรัพยากรธรณี ปี พ.ศ. 2536 พบในหินทรายของหมวดหินเสาขัวยุคครีเทเชียสตอนต้น (ประมาณ 130 ล้านปีมาแล้ว) พบเป็นกระดูกสันหลัง กระดูกสะโพก และกระดูกหางของไดโนเสาร์เทอร์โรพอด เป็นไดโนเสาร์กินเนื้อกลุ่มเดียวกับ ที. เรกซ์ ศึกษาวิจัยแล้วพบว่าเป็นสกุลและชนิดใหม่ของโลก ได้รับการตั้งชื่อว่า สยามโมไทรันนัส อิสานเอนซิส ถือเป็นไดโนเสาร์ในกลุ่มของ ที. เรกซ์ ที่เก่าแก่ที่สุด ซึ่งกล่าวได้ว่าไดโนเสาร์ในกลุ่มนี้มีถิ่นกำเนิดในทวีปเอเซียแล้วกระจายเผ่าพันธุ์ออกไปถึงทวีปอเมริกาในช่วงยุคครีเทเชียสตอนปลาย",
"หลังจากมีการค้นพบกระดูกไดโนเสาร์ชิ้นแรกที่ห้วยประตูตีหมาในปี พ.ศ. 2519 แล้ว กรมทรัพยากรธรณีได้ดำเนินการสำรวจเพิ่มเติมจนพบหลุมขุดค้นที่ 1 บนภูประตูตีหมาในปี พ.ศ. 2525 พบเป็นกระดูกไดโนเสาร์ซอโรพอดซึ่งเป็นไดโนเสาร์กินพืชขนาดใหญ่หลายชิ้น คัดเลือกเป็นกระดูกต้นแบบได้ 21 ชิ้น วินิจฉัยได้ว่าเป็นไดโนเสาร์ซอโรพอดสกุลและชนิดใหม่ ได้รับการตั้งชื่อว่า ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน เพื่อเทอดพระเกียรติแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี",
"ริวตะ และพวกได้เริ่มศึกษาเกี่ยวกับไดโนโฮลเดอร์และความลับของแผ่นหินและดร.โอเวนพ่อของเร็กส์ก็ได้พบกับการ์ดอีกสองใบที่มีสัญลักษณ์เหมือนกับ ของเร็กส์และมารุมุแต่ในขณะนั้นก็ปรากฏร่างของสปิโนซอรัสขึ้นในอียิปต์ พวกริวตะจึงมุ่งหน้าไปหยุดมันโดยการใช้ไดโนโฮลเดอร์เพื่อเคลื่อนย้ายในพริบตา และช่วงเวลาที่ริวตะกำลังเสียท่าก็ได้ปรากฏร่างของไดโนเสาร์อีกสองตัวขึ้นมานั่นคือเอซ และ พาราพารา ได้เข้ามาช่วยเหลืออย่างทันท่วงที",
"หลวงปู่เพิ่มท่านได้สร้างวัตถุมงคลที่รู้จักมีดังนี้\nตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้ดำรงสมณเพศอย่างเคร่งครัดด้วยศี ลาจารวัตรเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาแก่ประชาชนทั่วไป เสียสละตนเพื่อประโยชน์แก่สังคม สร้างคุณอเนกแก่กุลบุตร กุลธิดา ด้วยการก่อสร้างและทำนุบำรุงการศึกษาให้เจริญงอกงามไพบูลย์ นับว่าท่านได้สร้างคุณงามความดีไว้ไพศาลยิ่ง เมื่อกาลที่ท่านต้องจากไปก็ยังความเศร้าสลดแก่บรรดาสานุศิษย์และประชาชนที่ เคารพนับถือท่านอย่างยิ่ง หลวงปู่เพิ่ม ท่านมรณภาพในวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2526 สิริอายุได้ 96 ปี 75 พรรษา",
"มนุษย์ค้นพบซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์มาเป็นเวลานับพันปีแล้ว แต่ยังไม่มีผู้ใดเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเศษซากเหล่านี้เป็นของสัตว์ชนิดใด และพากันคาดเดาไปต่าง ๆ นานา ชาวจีนมีความคิดว่านี่คือกระดูกของมังกร ขณะที่ชาวยุโรปเชื่อว่านี่เป็นสิ่งหลงเหลือของสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปเมื่อครั้งเกิดน้ำท่วมโลกครั้งใหญ่ จนกระทั่งเมื่อมีการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ในปี ค.ศ. 1822 โดย กิเดียน แมนเทล นักธรณีวิทยาชาวอังกฤษ ไดโนเสาร์ชนิดแรกของโลกจึงได้ถูกตั้งชื่อขึ้นว่า \"อิกัวโนดอน\" เนื่องจากซากดึกดำบรรพ์นี้มีลักษณะละม้ายคล้ายคลึงกับโครงกระดูกของตัวอิกัวนาในปัจจุบัน"
] |
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี คือ เกาหลีเหนือใช่หรือไม่ ? | [
"สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี(; ) หรือชื่อโดยทั่วไปว่า เกาหลีเหนือ (; ) เป็นประเทศในเอเชียตะวันออก กินพื้นที่ครึ่งเหนือของคาบสมุทรเกาหลี เมืองหลวงและนครใหญ่สุดคือ เปียงยาง เขตปลอดทหารเกาหลีเป็นเขตกันชนระหว่างประเทศเกาหลีใต้กับเกาหลีเหนือ แม่น้ำอัมนกหรือยาลู่ และตูเมนเป็นพรมแดนระหว่างประเทศจีนกับเกาหลีเหนือ แม่น้ำตูเมนส่วนที่ห่างไปทางตะวันออกเฉียงเหนือเป็นพรมแดนกับประเทศรัสเซีย",
"การรวมชาติเกาหลี () หมายถึง ความพยายามรวมชาติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ) กับสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) และเขตปลอดทหารเกาหลีภายใต้รัฐบาลเดียวซึ่งจุดเริ่มต้นของความพยายามในการรวมประเทศเกิดขึ้นหลังจากการลงนามใน ปฏิญญาร่วมเหนือ–ใต้ 15 มิถุนายน เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 2000 โดย คิม จอง อิล ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือในขณะนั้นและ คิม แด-จุง ประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ในขณะนั้น"
] | [
"คณะกรรมาธิการประชาชนชั่วคราวเกาหลีเหนือ เป็นชื่อทางการของรัฐบาลชั่วคราวที่ควบคุมตอนเหนือของคาบสมุทรเกาหลีหลังสงครามโลกครั้งที่สอง หลังจากความพ่ายแพ้ของจักรวรรดิญี่ปุ่น ในปี ค.ศ. 1945กองกำลังโซเวียตได้ยึดครองพื้นที่ตอนเหนือของเกาหลีจากญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองขณะที่สหรัฐยึดภาคใต้ของเกาหลีจากญี่ปุ่น ทางตอนเหนือของ รัฐบาลคอมมิวนิสต์ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ และประสบความสำเร็จเป็นกึ่งรัฐบาลประกอบด้วยห้าจังหวัดในปี ค.ศ. 1946 และในปี ค.ศ. 1948 ได้มีการก่อตั้ง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี อย่างเป็นทางการ",
"สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ปกครองในระบอบประชาธิปไตย ประมุขของประเทศคือประธานาธิบดี ซึ่งได้รับการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนให้เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร มีนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา รัฐสภาเป็นองค์กรนิติบัญญัติ และศาลทำหน้าที่ทางตุลาการ ทั้งนี้ เกาหลีใต้มีการแบ่งเขตการปกครองเป็น 9 จังหวัด และ 6 เขตการปกครอง (โซล ปูซาน อินชอน แตกู ควังจู แตชอน)",
"หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เกาหลีเหนือคงยังรวมกับเกาหลีใต้เป็นประเทศเกาหลี เกาหลีเหนือจึงใช้ธงแทกึกกีเป็นธงชาติเช่นเดียวกับเกาหลีใต้ ต่อมาเมื่อเกาหลีเหนือประกาศแยกตัวเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน ภายใต้การปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ ในปี พ.ศ. 2491 จึงได้เปลี่ยนธงชาติใหม่ให้ใกล้เคียงกับธงชาติสหภาพโซเวียต ซึ่งเป็นรัฐคอมมิวนิสต์ที่ให้การสนับสนุน โดยเอาสีหลักในธงชาติเกาหลีเดิม คือ สีแดง สีขาว และสีน้ำเงิน มาออกแบบเป็นธงชาติใหม่ เน้นให้สีแดงโดดเด่นกว่าสีอื่น และเพิ่มรูปดาวแดง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของลัทธิคอมมิวนิสต์ ลงบนวงกลมพื้นสีขาว ซึ่งก็คือธงชาติของเกาหลีเหนือที่ปรากฏในปัจจุบัน",
"พรรคแรงงานประชาธิปไตยได้รับ 10 ที่นั่ง ในการ เลือกตั้งสภานิติบัญญัติในเกาหลีใต้ ค.ศ. 2004 ก่อนหน้าและระหว่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ค.ศ. 2007 ได้เกิดความขัดแย้งระหว่างสองกลุ่มในพรรค คือฝ่ายเสมอภาค ได้เป็นตัวแทนของกลุ่มประชาธิปไตยประชาชน ซึ่งมีนโยบายเกี่ยวกับเรื่องสวัสดิการสังคมและสังคมเสรีนิยม และ กลุ่มเสรีชาตินิยม",
"พรรคแรงงานแห่งเกาหลี เป็นพรรคผู้ก่อตั้งและพรรคการเมืองที่ปกครองสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี พรรคแรงงานเป็นพรรครัฐบาลพรรคเดียวของเกาหลีเหนือ แม้มีอีกสองพรรคซึ่งประกอบเป็นแนวร่วมประชาธิปไตยเพื่อการกลับรวมปิตุภูมิ ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2492 โดยการรวมพรรคแรงงานเกาหลีเหนือและพรรคแรงงานเกาหลีใต้ ความหมายของสัญลักษณ์นั้นแปลงมาจากสัญลักษณ์ของคอมมิวนิสต์แบบดั้งเดิม โดยมาเป็นในแบบของพรรคแรงงาน คือ ค้อน หมายถึง แรงงาน , พู่กัน หมายถึง ปัญญาชน และ เคียว หมายถึง ชาวนา",
"ประชาธิปไตยเสรีนิยมโดยมากจำกัดอยู่กับประเทศตะวันตก ยกเว้น ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ โรมาเนีย ไต้หวัน บัลแกเรีย\n\"ฟรีดอมเฮาส์\" พิจารณาว่า รัฐบาลที่โดยทางการเรียกว่า \"ประชาธิปไตย\" ในแอฟริกาและสหภาพโซเวียตเดิม มีการปฏิบัติที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย ปกติเพราะว่ารัฐบาลที่อยู่ในอำนาจมีอิทธิพลต่อผลการเลือกตั้งสูง\nประเทศเช่นนี้หลายประเทศไม่เสถียร\nส่วนรัฐบาลที่โดยทางการไม่ใช่ประชาธิปไตย เช่น รัฐที่มีพรรคการเมืองเดียวและระบบเผด็จการ จะสามัญมากกว่าในเอเชียตะวันออก ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ",
"การคมนาคมต่างๆ ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี",
"สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี เข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนครั้งที่ 29 ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551) ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 8 สิงหาคม – 24 สิงหาคม พ.ศ. 2551"
] |
ดวงจันทร์ ไพโรจน์เกิดเมื่อวันที่เท่าไหร่? | [
"วงจันทร์ ไพโรจน์ มีชื่อเล่นว่าจิ๋ม เป็นชาวกรุงเทพมหานคร เกิดเมื่อ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2478 เป็นบุตรคนที่ 3 ของนายทวี และนางสงิม ไพโรจน์ จบการศึกษาชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนวันรับศีลวิทยา ก่อนที่จะมาศึกษาต่อที่โรงเรียนสตรีเพชรบุรีวิทยาลงกรณ์จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6"
] | [
"รำพึง จิตรหาญ เกิดที่ บ้านหนองนกเขา ตำบลไพรนกยูง อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท โตที่ตำบลบ่อสุพรรณ อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรีเป็นบุตรีของนายสำราญ และนางเล็ก จิตรหาญ ครอบครัวมีอาชีพรับจ้างทำไร่อ้อย เกิดในครอบครัวยากจน เป็นลูกคนที่ 5 ของบ้านในจำนวน 12 คน",
"จวงจันทร์ จันทร์คณาเป็นบุตรของหลวงราชสมบัติ (จันทน์) นายอำเภอเมือง และนางสร้อย เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2444 ที่ อ.เมือง จังหวัดเพชรบุรีมีน้องสาวร่วมบิดา มารดา 1 คน คือ นางสังวาลย์ มณิปันตี (ถึงแก่กรรม) เนื่องจากบิดาเป็นข้าราชการ ซึ่งต้องโยกย้ายไปรับราชการตามต่างจังหวัดต่างๆ เมื่อเติบวัยที่จะเข้าศึกษาได้ บิดาได้ย้ายมาจังหวัดราชบุรี จึงได้เข้าเรียนหนังสือที่วัดสัตนาถ จังหวัดราชบุรี เรียนอยู่ได้ไม่นานบิดาก็ถึงแก่กรรม ขณะนั้นมีอายุได้ 7 ปี มารดาได้พากลับบ้านเดิมที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีได้เรียนหนังสือต่อจนอายุได้ 11 ปี จึงได้เข้าเรียนต่อที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ระหว่างที่ศึกษาอยู่ที่โรงเรียนสวนกุหลาบนั้น นอกจากจะได้รับเลือกเข้าเล่นฟุตบอลในทีมโรงเรียนแล้ว ยังสามารถเล่นยูโด และไวโอลินได้ดีอีกด้วย เมื่อจบชั้น ม.8 จากโรงเรียนสวนกุหลาบฯ ได้เข้าศึกษาต่อที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโดยมีจุดมุ่งหมายที่จะเป็นนายอำเภอ แต่อาจารย์เห็นว่าตัวเล็กจะเป็นนายอำเภอคงไม่เหมาะ จึงย้ายคณะไปเรียนวิศวกรรมศาสตร์ เมื่อเรียนถึงปี 2 มารดาถึงแก่กรรม และไม่มีทุนเรียนต่อ จึงออกจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย",
"หลวงปู่ดี ท่านเกิดเมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2416 ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ บ้านทุ่งสมอ อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี เป็นบุตรของคุณพ่อเทศ และคุณแม่จันทร์ เอกฉันท์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดา 9 คน ท่านเป็นลูกคนที่ 7 บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อปี พ.ศ. 2434 ณ วัดทุ่งสมอ โดยมีท่านอาจารย์รอดซึ่งมีศักดิ์เป็นปู่ของท่าน เป็นพระอุปัชฌาย์ บวชเป็นสามเณรอยู่เป็นเวลาอยู่ 6 เดือนก็ลาสิกขาบท ต่อมาเมื่อมีอายุครบเกณฑ์จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อปี พ.ศ. 2437 ณ วัดทุ่งสมอ โดยมีพระครูวิสุทธิรังษี (ช้าง) วัดบ้านทวน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์รอด วัดทุ่งสมอ เป็นพระกรรมวาจาจารย์",
"หลวงพ่อรุ่ง ติสสโร ท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ. 2416 ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บิดาชื่อ พวง มารดาชื่อ กิม นามสกุล พวงประพันธ์ พออายุครบ 21 ปี มารดาของท่านได้พามาอุปสมบทที่ วัดน้อย หลังจากศึกษาพระธรรมวินัยที่วัดน้อยได้ระยะหนึ่ง ท่านได้ออกธุดงค์เพื่อศึกษาวิชาความรู้เพิ่มเติมจนกระทั่งท่านได้มาพบวัดท่ากระบือ ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นสำนักสงฆ์ที่มีสภาพรกร้าง ท่านจึงคิดพัฒนาให้เป็นสถานปฏิบัติธรรมอันสงบร่มรื่น ชาวบ้านละแวกนั้นเห็นท่านเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และเอาจริงเอาจังในการพัฒนาจนสำนักสงฆ์ท่ากระบือกลายเป็นสถานที่ร่มรื่นเหมาะสมแก่การปฏิบัติธรรมเป็นอย่างยิ่ง ต่อมาหลวงพ่อรุ่งได้ขอตราตั้งสำนักสงฆ์ท่ากระบือเพื่อให้กลายเป็นวัด เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ชาวบ้านจึงได้ช่วยกันบริจาคทรัพย์เพื่อสร้างถาวรวัตถุในวัดจนเจริญรุ่งเรืองเป็นลำดับ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระไพโรจน์วุฒาจารย์ ได้ดำรงสมณเพศตราบจนสิ้นอายุขัยเมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2500 ในต้นแผ่นดินในหลวง อายุ 84 ปี 63 พรรษา",
"ยุทธพงศ์ ภูริสัมบรรณ หรือ รวี โดมพระจันทร์ เกิดที่หนองปลาไหล จังหวัดพิจิตร (15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490) บิดาเป็นชาวจีนไหหลำอพยพชื่อนายวา แซ่พัว และมารดามีเชื้อจีนไทย ชื่อนางเฮี๊ยะ แซ่พัว (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้วทั้งคู่) ยุทธพงศ์เป็นลูกคนที่ 4 จากทั้งหมด 9 คน ครอบครัวเดิมประกอบอาชีพค้าขาย และได้ย้ายมาตั้งรกรากที่พิษณุโลกตั้งแต่ยุทธพงศ์ยังเด็ก \nยุทธพงศ์แต่งงานกับพ.ญ.วารุณี (สดเจริญ) มีบุตรชายหนึ่งคนและบุตรสาวหนึ่งคน และได้ย้ายมาชลบุรีซึ่งเป็นจังหวัดที่ภรรยาทำงานอยู่ เนื่องจากต้องเดินงานไปกลับ กรุงเทพ-ชลบุรีเป็นประจำ ประกอบด้วยการทำงานหนัก และต้องเจอกับควันบุหรี่ในที่ทำงาน ยุทธพงศ์จึงร่างกายอ่อนแอ และเสียชีวิตจากโรคมะเร็งปอดแม้ว่าไม่เคยสูบบุหรี่เลย ในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2532 ก่อนวันเกิดปีที่สี่สิบสองเพียงไม่ถึงเดือนตำแหน่งงานสุดท้ายของยุทธพงศ์ก่อนเสียชีวิตคือเป็นผู้จัดการศูนย์ข้อมูล บ.ตะวันออกแมกกาซีน ในเครือของสนธิ ลิ้มทองกุล ภายหลังที่เขาจากไป บริษัทที่ทำงานได้ก่อตั้ง \"รางวัลรวี โดมพระจันทร์\" จัดประกวดกวีนิพนธ์และนวนิยาย แต่ดำเนินไปได้เพียงสองปีก็ยุติลง ทิ้งไว้เพียงหนังสือรวมบทกวีเล่มสุดท้าย ซึ่งรวบรวมจากผลงานเด่นๆ ของเขาในชื่อ \"ตื่นเถิดเสรีชน\" ในเล่มมีข้อเขียนของกวีใหญ่ และเจ้าพ่อสื่อใหญ่",
"คุณหญิงไพฑูรย์ กิตติวรรณ เกิดเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2454 เป็นธิดาของจางวางทั่ว และนางปลั่ง พาทยโกศล มีพี่ชาย คือ นายเทวาประสิทธิ์ พาทยโกศล คุณหญิงไพฑูรย์ได้ถ่ายทอดวิชาดนตรีจากบิดา และเรียนร้องเพลงจากเจริญ พาทยโกศล หรือหม่อมเจริญ ภรรยาของจางวางทั่ว ได้เรียนจะเข้จาก ครูช่อ สุนทรวาทินด้วย เมื่อเติบโตขึ้น ติดตามบิดาและคุณแม่เจริญไปในการบรรเลงดนตรี ได้เข้าไปในวังบางขุนพรหม เคยร่วมบรรเลงดนตรี กับเจ้านายและพระธิดา ในสมเด็จเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ในคราวที่จางวางทั่ว นำวงปี่พาทย์ไปบันทึกเสียงตั้งแต่ปี พ.ศ. 2471 คุณหญิงไพฑูรย์ได้เป็นนักร้องบันทึกเสียงไว้มาก ใช้ชื่อบนแผ่นเสียงว่า นางสาวทูน พาทยโกศล",
"ดวงใจ หทัยกาญจน์ หรือมีชื่อจริงว่า ดวงใจ บันธยามาศ มีชื่อเล่นว่า อี๊ด เกิดวันที่ 25 พฤศจิกายน 2496 ที่กรุงเทพมหานคร เป็นนักแสดงชาวไทย มีผลงานแสดงภาพยนตร์ อาทิ\n\"ลานสาวกอด\" (2515), \"กุหลาบไฟ\" (2516), \"น้ำตานาง\" (2517), \"คู่หู\" (2518), \"5 แผ่นดินเพลิง\" (2518), \"ป่ากามเทพ\" (2519), \"ขบวนการสามสลึง\" (2520), \"ทีเด็ดลูกเขย\" (2521), \"ชั่วฟ้าดินสลาย\" (2523), \"ศรีธนญชัย\" (2524), \"ผีเสื้อและดอกไม้\" (2528) และ \"ผู้ชายชื่อต้น ผู้หญิงชื่อนุช\" (2528) เป็นต้น ได้รับรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมในงานมหกรรมภาพยนตร์เอเชีย-แปซิฟิก จากภาพยนตร์เรื่อง \"รักริษยา\" (2521)",
"พ่อท่านเขียว ท่านเกิดเมื่อเดือน สิงหาคม พ.ศ. 2472 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ณ ตำบลหน้าถ้ำ อำเภอเมือง จังหวัดยะลา เป็นบุตรของนายทอง เพชรภักดี และ นางกิ๊ม นวลศรี ครอบครัวชาวนาในจังหวัดยะลา เป็นบุตรคนที่ 3 ในจำนวนพี่น้องร่วมบิดามารดาทั้งหมด 7 คน ช่วงชีวิตในวัยเด็ก ท่านเรียนจบแค่เพียงชั้นระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เพราะบิดาถึงแก่กรรม จึงต้องออกมาช่วยมารดาทำงานเพื่อช่วยเหลือครอบครัว จนกระทั่งเมื่อมีอายุได้ 20 ปี จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดนางโอ (หรือวัดบุพนิมิต) ในปัจจุบัน ตำบลแม่ลาน (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น อำเภอแม่ลาน) จังหวัดปัตตานีเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2492 โดยมีพระครูมนูญสมณการ วัดพลานุภาพ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการแดง ธมฺมโชโต เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการคำ ติสสโร เป็นพระอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสานความรู้วิชาให้แก่พ่อท่านเขียวก่อนอุปสมบท หลังจากนั้นท่านจึงได้ฝึกฝนสวดมนต์บทต่าง ๆ ในเจ็ดตำนานและการสวดภาณยักษ์",
"พรไพร เพชรดำเนิน มีชื่อจริงว่า วันชัย เจริญชนม์ เกิดเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2491 ที่ ตำบลขุนพิทักษ์ อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี บิดาชื่อ ส้มปันนัง มารดาชื่อ นางทองเจือ มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน เป็นคนที่ 3 ครอบครัวมีอาชีพทำสวนและค้าขายเล็กๆ น้อยๆ เขาการศึกษาแค่จบชั้นประถมปีที่ 4 จากโรงเรียนวัดหลักหกรัตนาราม อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี เพราะทางบ้านยากจน"
] |
กลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ คืออะไร? | [
"อะมิโนไกลโคไซด์ (อังกฤษ:Aminoglycosides) เป็นกลุ่มของยาปฏิชีวนะที่มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียยากลุ่มนี้ได้แก่กลไกการออกฤทธิ์ของอะมิโนไกลโคไซด์คือการไปเชื่อมต่อกับไรโบโซม (ribosome) 30เอส ของแบคทีเรียทำให้เกิดความผิดพลาดในการอ่านรหัส ที-อาร์เอ็นเอ (t-RNA) และแบคทีเรียไม่สามารถสังเคราะห์โปรตีนเพื่อการเจริญเติบโตได้"
] | [
"เป็นที่ทราบกันดีว่ายากลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ ซึ่งอาร์บีกาซินก็เป็นหนึ่งในยากลุ่มนี้ จะออกฤทธิ์โดยจับกับหน่วยย่อย 30 เอสบนไรโบโซมของแบคทีเรีย ทำให้ขึ้นตอนการแปลรหัสพันธุกรรมของทีอาร์เอ็นเอนั้นเกิดความผิดพลาด ทำให้แบคทีเรียนั้นๆไม่สามารถสังเคราะห์โปรตีนที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตได้ ส่งผลให้เซลล์แบคทีเรียนั้นตายไปในที่สุด ทั้งนี้ เนื่องจากการขนส่งกลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์เข้าสู่เซลล์ของเชื้อแบคทีเรียนั้นจำเป็นต้องมีการใช้พลังงาน ซึ่งแบคทีเรียกลุ่มที่ไม่ต้องการออกซิเจนนั้นมีพลังงานไม่มากพอที่จะใช้ในกระบวนการนี้ ทำให้กลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์มีผลต้านเชื้อแบคทีเรียกลุ่มนี้ได้น้อย",
"อะมิกาซินมีอาการไม่พึงประสงค์ที่คล้ายคลึงกันกับยาอื่นในกลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ โดยอาการไม่พึงประสงค์ที่สำคัญและมีความรุนแรงมากจนต้องได้รับการเฝ้าระวังและติดตามการเกิดอาการดังกล่าวอย่างใกล้ชิดคือ การเกิดพิษต่อไต และการเกิดพิษต่อหู ซึ่งอาจเกิดขึ้นอย่างรุนแรงจนทำให้หูหนวกถาวรได้ โดยอาการไม่พึงประสงค์ดังข้างต้นมีอุบัติการณ์การเกิดประมาณร้อยละ 1–10% ของผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยยาใดๆในกลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ทั้งหมด โดยกลไกการเกิดคาดว่าเป็นผลมาจากการที่มียาดังกล่าวสะสมในไตและหูชั้นในมากเกินไป จนทำให้เกิดพยาธิสภาพในอวัยวะดังกล่าว",
"ไกลโคสะมิโนไกลแคน () หรือ มิวโคโพลีแซ็กคาไรด์ () เป็นโพลีแซ็กคาไรด์สายยาวไม่แตกแขนงซึ่งประกอบด้วยหน่วยไดแซ็กคาไรด์ซ้ำๆ หลายหน่วย ซึ่งหน่วยที่ซ้ำประกอบจากน้ำตาลเฮกโซส (หรือน้ำตาลที่มีคาร์บอน 6 อะตอม) หรือกรดเฮกซูโรนิก เชื่อมกับเฮกโซซามีน (น้ำตาลที่มีคาร์บอน 6 อะตอมที่มีส่วนประกอบของไนโตรเจน)",
"คาร์ดิแอกไกลโคไซด์ () เป็นสารในกลุ่มสเตอรอยด์ไกลโคไซด์จากธรรมชาติ มักพบในเมตาบอลึซึมขั้นที่สองของพืชหรือเป็นสารอินทรีย์ทุติยภูมิ โครงสร้างโดยทั่วไปประกอบด้วยสองส่วน คือส่วนอะไกลโคนที่มีคาร์บอนเป็นองคร์ประกอบทั้ง 23 อะตอมที่เรียกว่าคาร์ดีโนไลด์ (Cardinolide) และ 24 อะตอม เรียกว่าบูฟาดีอีโนไลด์ (Bufanolide) และส่วนน้ำตาลที่มีตำแหน่งพันธะและโครงสร้างแตกต่างกันไปในหลายรูปแบบ",
"โทบรามัยซินมีอาการไม่พึงประสงค์ที่คล้ายคลึงกับยาอื่นในกลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ ได้แก่ การเกิดพิษต่อหู ซึ่งจะทำให้เกิดพยาธิสภาพในส่วนคอเคลีย และนำไปสู่การสูญเสียการได้ยินได้ในที่สุด หรือในบางรายอาจเกิดการสูญเสียการทำงานของระบบเวสติบูล จนทำให้สูญเสียสมดุลการทรงตัว อย่างไรก็ตาม อาการไม่พึงประสงค์ดังข้างต้นอาจเกิดทั้งสองอย่างร่วมกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความไวต่อยาของแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตาม การเกิดพิษต่อหูจากกลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์นั้นนสามารถกลับเป็นปกติได้หลังจากการหยุดใช้ยา",
"นีโอมัยซิน () เป็นยาปฏิชีวนะกลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ มีจำหน่ายในท้องตลาดในหลายรูปแบบเภสัชภัณฑ์ เช่น ครีม, ขี้ผึ้ง, และยาหยอดยา นีโอมัยซินถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1949 ในห้องปฏิบัติการของเซลมัน แวกส์มัน โดยถูกจัดให้เป็นยาปฏิชีวนะที่อยู่ในกลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ ซึ่งมีโครงสร้างที่มีลักษณะเป็นน้ำตาลอะมิโน (Amino sugars) อย่างน้อย 2 โมเลกุลเชื่อมต่อกันด้วยพันธะไกลโคไซด์ (glycosidic bond)\nโดยส่วนใหญ่แล้วนีโอมัยซินจะถูกนำมาใช้ในรูปแบบยาใช้ภายนอก เช่น นีโอสปอริน อย่างไรก็ตาม ยานี้สามารถบริหารยาโดยการรับประทานได้ แต่จำเป็นต้องใช้ร่วมกับยาปฏิชีวนะอื่น นีโอมัยซินเป็นยาปฏิชีวนะที่ไม่ถูกดูดซึมในระบบทางเดินอาหาร และถูกนำมาใช้เพื่อเป็นการป้องกันโรคสมองจากตับ (hepatic encephalopathy) และภาวะสารไขมันสูงในเลือด (hypercholesterolemia) เนื่องจากการที่นีโอมัยซินออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียในทางเดินอาหาร จะส่งผลให้ระดับแอมโมเนียในร่างกายต่ำลง จึงช่วยป้องกันการเกิดโรคสมองจากตับได้ โดยเฉพาะการให้ยาก่อนการผ่าตัดอวัยวะทางเดินอาหาร นอกจากนี้แล้ว นีโอมัยซินยังออกฤทธิ์ครอบคลุมเชื้อแบคทีเรียที่ดื้อต่อสเตรปโตมัยซิน ซึ่งเป็นยาหลักอีกชนิดหนึ่งที่ใช้ในการรักษาวัณโรค และเคยมีการใช้นีโอมัยซินในการรักษาภาวะที่เชื้อแบคทีเรียในลำไส้เล็กมีการเจริญเติบโตมากเกินไป (small intestinal bacterial overgrowth) ทั้งนี้ นีโอมัยซินไม่มีในรูปแบบยาที่ใช้สำหรับการฉีดเข้าหลอดเลือดดำ เนื่องจากตัวยามีพิษต่อไตสูงเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีการผสมนีโอมัยซินปริมาณเล็กน้อยในวัคซีนชนิดฉีดบางชนิด เพื่อจุดประสงค์ในการเป็นสารกันเสีย โดยขนาดยาที่ผู้ฉีดวัคซีนจะได้รับในกรณีนี้อยู่ที่ประมาณ 25 \"μ\"g ต่อการฉีดวัคซีนนั้นหนึ่งครั้ง",
"คาร์ดิแอกไกลโคไซด์มีลักษณะโครงสร้างโดยทั่วไปเหมือนไกลโคไซด์ทั่วไป นั่นคือมีส่วนอะไกลโคนและน้ำตาล แต่เนื่องจากคาร์ดิแอกไกลโคไซด์เป็นสารจำพวกสเตอรอยด์ไกลโคไซด์ประเภทหนึ่ง จึงมีเสตียรอยด์นิวเคลียส (steroid nucleus) เป็นอีกหนึ่งแกนกลางและมีส่วนของแลกโตนริงที่ไม่อิ่มตัว (unsaturated lactone ring) ต่อกับคาร์บอนตำแหน่ง 17 ของเสตียรอยด์นิวเคลียส และมีน้ำตาลอาจอยู่ในรูปของ Normal sugars พวกกลูโคสและ deoxy-sugar เช่นดิจิทูโซส (Digitoxose) ต่อในตำแหน่งต่างๆ",
"ยากลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ อย่างอาร์บีกาซินนั้น จะออกฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการการสังเคราะห์โปรตีนแบบไม่ผันกลับในเชื้อแบคทีเรียที่มีความไวต่อนี้ โดยยาจะเข้าจับกับหน่วยย่อย 30 เอสบนไรโบโซมของแบคทีเรีย โดยในกรณีของอาร์บีการ์ซินนั้นจะเข้าจับกับนิวคลีโอไทด์ 4 ตัวบนหน่วยย่อย 16 เอส ของไรโบมโซมและหมู่อะมิโนของโปรตีน S12 ซึ่งการเข้าจับนี้จะรบกวนกระบวนการการแปลรหัสพันธุกรรมในส่วนนิวคลีโอไทด์ลำดับที่ 1400 บนหน่วยย่อย 16 เอสของหน่วยย่อย 30 เอสบนไรโบโซม ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการจับเบสคู่สมของทีอาร์เอ็นเอ ผลจากการเข้าจับนี้จะทำให้เอ็มอาร์เอ็นเอการแปลรหัสพันธุกรรมผิดพลาด ส่งผลให้การเรียงลำดับกรดออะโมนิในสายพอลิเปปไทด์ผิดเพี้ยนไป นำไปสู่การได้โปรตีนที่ไม่สามารถทำงานได้หรือเป็นพิษ จนทำให้โพลีไรโบโซม แยกตัวออกจากกันเป็นหน่วยย่อยของไรโบโซมที่ไม่สามารถทำงานได้",
"เนื่องจากพาโรโมมัยซินจัดเป็นยาปฏิชีวนะอีกชนิดหนึ่งในกลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ จึงมีอาการข้างเคียงที่คล้ายคลึงกัน กล่าวคือ สมาชิกในยากลุ่มนี้ก่อให้เกิดพิษต่อไตและต่อหู โดยอาการข้างเคียงดังกล่าวจะพบมากขึ้นเมื่อมีการใช้ยาร่วมที่มีทำให้เกิดพิษต่อไตและหูเช่นกัน เช่น การใช้พาโรโมมัยซินร่วมกับฟอสคาร์เนท จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดพิษต่อไตมากขึ้น เป็นต้น นอกจากนี้ การใช้พาโรโมมัยซินร่วมกับโคลิสติน สามารถทำให้เกิดการกดการหายใจ (respiratory depression) และนำไปสู่อันตรายแก่ชีวิตได้ หากมีความจำเป็นต้องใช้ยานี้ร่วมกัน ต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษและควรติดตามการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้การใช้พาโรโมมัยซินชนิดฉีดร่วมกับวัคซีนอหิวาตกโรค สามารถเหนี่ยวนำให้เกิดภาวะภูมิไวเกินได้ ในกรณีที่ใช้ยานี้ร่วมกับยาขับปัสสาวะที่มีฤทธิ์แรงอาจส่งผลต่อการได้ยินได้ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาทั้งสองนี้ร่วมกัน รวมไปถึงการใช้พาโรโมมัยซินร่วมกับยาซักซินิลโคลีน (Succinylcholine) อาจทำให้เกิดอันตรายที่รุนแรงกับระบบกล้ามเนื้อและประสาทได้ จึงไม่ควรรใช้ยาเหล่านี้ร่วมกัน"
] |
เจ. เค. โรว์ลิงมีบิดาชื่อว่าอะไร? | [
"โรว์ลิงเกิดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ค.ศ. 1965 ที่เมืองเยตส์ มณฑลกลอสเตอร์เชอร์ 10ไมล์จากทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองบริสตอล ประเทศอังกฤษ เธอเป็นลูกสาวคนโตของปีเตอร์ โรว์ลิง วิศวกรการบินของบริษัทโรลส์-รอยซ์ และแอนน์ โรว์ลิง (นามสกุลเดิม โวแลนท์) นักเทคนิควิทยาศาสตร์ ทั้งคู่พบกันบนขบวนรถไฟจากสถานีรถไฟคิงครอสไปเมืองอาร์บรอท เมื่อปี 1964 ก่อนจะแต่งงานกันในวันที่ 14 มีนาคม ค.ศ. 1965 ตาทวดของเธอชื่อดูกัล แคมป์เบลล์ เป็นชาวสก็อต เกิดที่เมืองแลมแลช บนเกาะอาร์ราน ประเทศสก็อตแลนด์ ตาของแม่เธอชื่อหลุยส์ โวแลนท์ เป็นชาวฝรั่งเศสและเคยได้รับรางวัลเหรียญกล้าหาญครัวเดอะแกร์ จากวีรกรรมการป้องกันหมู่บ้านคอร์แซลล์ เลอ คองต์ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง นอกจากนี้โรว์ลิงยังเชื่อว่าเขาเคยได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์เลฌียงดอเนอร์ในช่วงสงคราม ซึ่งเป็นเครื่องอิสริยาภรณ์เดียวกันกับที่เธอได้ในปี 2009 ภายหลังเธอก็ได้รับการยืนยันหลังจากมีส่วนร่วมในตอนนึงของรายการสารคดีชุด\"Who Do You Think You Are?\""
] | [] |
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เกิดเมื่อไหร่? | [
"นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เกิดวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2504 ที่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี จึงทำให้เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนแรกในประวัติศาสตร์ที่เกิดในยุคกึ่งพุทธกาล (พ.ศ. 2500) นายอภิรักษ์มีชื่อเล่นว่า \"ต้อม\" เป็นบุตรคนโตของ นายบุญลักษณ์ โกษะโยธิน และ นางอมรา โกษะโยธิน (สกุลเดิม จามรมาน) มีน้องสาว 1 คนคือ อภิสรา โกษะโยธิน (ทำงานที่ ธนาคารนครหลวงไทย)นายอภิรักษ์ สมรสกับ นางปฏิมา โกษะโยธิน (สกุลเดิม พงศ์พฤกษทล) มีบุตรชายด้วยกัน 1 คน คือ อนรรฆ โกษะโยธิน (พี)",
"นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน (30 มีนาคม พ.ศ. 2504 —) เป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์, อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 2 สมัย"
] | [
"นายอภิรักษ์มีปู่คือ พันโทจมื่นศักดิ์สงคราม (นายร้อยเอกนายไกรพลแสน) รับราชการในกรมทหารรักษาวังของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นเจ้าของที่ดินส่วนใหญ่ ในอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 7 เกิดวิกฤติเศรษฐกิจทำให้ต้องมีการปรับโครงสร้างระบบราชการ เพื่อลดจำนวนคนจากหน่วยงานต่าง ๆ ลง ปู่จึงลาออกจากราชการ มาเก็บค่าเช่าจากที่ดินและตึกแถว",
"รุ่นถัดมาคือบิดาของนายอภิรักษ์ ที่เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และเรียนจบจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยรับราชการ ที่กรมชลประทาน ก่อนจะออกมาทำธุรกิจส่วนตัว ในขณะที่ลุงของนายอภิรักษ์คือ พันเอกพิเศษทำนุ โกษะโยธิน รับราชการเป็นทหารจนเกษียณอายุ ส่วนป้า ของนายอภิรักษ์ คือ ร้อยเอกหญิงกานดา โกษะโยธิน เคยเป็นอาจารย์ในโรงเรียนเตรียมทหารจนได้ยศร้อยเอกหญิงนำหน้าชื่อ ก่อนจะย้ายไปเป็นอาจารย์ที่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่",
"ตลอดการทำงานด้วยความตั้งใจจนครบวาระ 4 ปี นายอภิรักษ์ได้สร้างผลงานโดดเด่นมากมาย ด้วยประสบการณ์ด้านการบริหาร และผลงานการพัฒนาพื้นที่ต่าง ๆ ได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้นายอภิรักษ์ได้รับชัยชนะการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นสมัยที่ 2 ด้วยคะแนนโหวตเกือบ 1 ล้านคะแนน\nนายอภิรักษ์ได้ประกาศลาออกในกรณีที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐได้แจ้งผิดกรณีรถดับเพลิงตระกูลโกษะโยธิน สืบเชื้อสายมาจาก หลวงพินิจปรีชา (คลัง) โดยนามสกุล \"โกษะโยธิน\" (Kosayodhin) เป็นนามสกุลพระราชทานลำดับที่ 2962 ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 และเนื่องจากเป็นสกุลทหารบก จึงมีคำว่า \"โยธิน\" ประกอบในนามสกุล",
"นายอภิรักษ์เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารระดับสูงในองค์กรธุรกิจหลายแห่ง ก่อนที่จะเข้าสู่วงการเมือง เริ่มจากการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนาม พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปี พ.ศ. 2547 การลงคะแนนเลือกตั้งมีขึ้นในวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2547 และ คณะกรรมการการเลือกตั้ง มีมติเป็นเอกฉันท์ ประกาศให้ นายอภิรักษ์ เป็น ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2547\nหลังได้รับตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ต่อมานายอภิรักษ์ได้รับเลือกตั้งให้เป็น รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2548",
"ในปี พ.ศ. 2553 นายอภิรักษ์ได้ลงรับสมัครเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในเขต 2 กรุงเทพมหานคร แทนที่ นายสมเกียรติ ฉันทวานิช ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิความเป็นสมาชิกภาพ ส.ส. ไปด้วยเหตุถือครองหุ้นส่วนของบริษัทไม่ตรงตามรัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ. 2550 ซึ่งนายสมเกียรติก็ไม่ขอลงสมัครอีกเนื่องจากอายุมากแล้ว ทางพรรคจึงได้มีมติเลือกนายอภิรักษ์ให้ลงสมัครแทน และนายอภิรักษ์ก็ได้รับคะแนน 71,072 คะแนน ชนะ นายพงษ์พิสุทธิ์ จินตโสภณ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ที่ได้ 30,506 คะแนน และได้รับการรับรองเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร ต่อมาในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 8 และได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.อีกสมัย",
"ซึ่งต่อมาในวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2556 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำตัดสินให้นายอภิรักษ์พ้นข้อกล่าวหาในคดีรถดับเพลิงเนื่องจากเป็นการปฏิบัติตามข้อกำหนดในสัญญาซึ่งมีผลก่อนหน้าที่จะเข้ารับตำแหน่งแล้ว และได้มีการดำเนินการเพียรพยายามรักษาผลประโยชน์ของกทม. จนได้รับผลประโยชน์คืนให้กับกทม.อีก 250 ล้านบาท\nในช่วงที่นายอภิรักษ์ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายอภิรักษ์ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการทำโครงการสำคัญต่าง ๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับคนกรุงเทพฯ อาทิ การพัฒนาระบบขนส่งมวลชน (รถไฟฟ้าบีทีเอส), การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การพัฒนาคุณภาพการศึกษา, การวางผังพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน",
"ต่อมาในวันที่ 12 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน ซึ่งตรงกับวันลอยกระทง หลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) มีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิดในคดีนี้ นายอภิรักษ์ได้แถลงข่าวลาออกจากตำแหน่งในเวลา 15.30 น. ทั้ง ๆ ที่กฎหมายมิได้มีผลบังคับให้ต้องทำถึงขนาดนั้น แต่นายอภิรักษ์ระบุว่าต้องการสร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่การเมืองไทย ทั้งนี้ให้มีผลในวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 หลังพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสร็จสิ้น",
"นายอภิรักษ์มีฉายาจากสื่อมวลชนว่า \"หล่อเล็ก\" คู่กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีฉายาว่า \"หล่อใหญ่\" และต่อมามีนักการเมืองพรรคเดียวกันได้รับฉายาทำนองนี้อีกเช่น นายกรณ์ จาติกวณิช รองเลขาธิการพรรคที่ได้รับฉายา \"หล่อโย่ง\" และ ม.ล.อภิมงคล โสณกุล รองโฆษกพรรคที่มีฉายาว่า \"หล่อจิ๋ว\""
] |
จักรพรรดินีฟาราห์ ปาห์ลาวี มีมารดาชื่อว่าอะไร? | [
"จักรพรรดินีฟาราห์ ปาห์ลาวี มีพระนามเดิมว่า ฟาราห์ ดีบา ประสูติเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ค.ศ. 1938 ณ กรุงเตหะราน เมืองหลวงของประเทศอิหร่าน มีเชื้อสายอเซอรี ถือกำเนิดในครอบครัวชั้นสูง. เป็นธิดาของกัปตัน โซห์รับ ดีบา และนางฟาริเดห์ ฆอตไบ ในความทรงจำของฟาราห์ ปาห์ลาวี ได้เขียนถึงพระบิดา ว่าเป็นคนพื้นเมืองอาเซอร์ไบจาน (อิหร่าน) ส่วนพระมารดานั้นมีพื้นเพมาจากจังหวัดกิลาน ซึ่งตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลแคสเปียน"
] | [
"เจ้าหญิงฟาราห์นาซ ปาห์ลาวี เป็นพระราชธิดาพระองค์กลางในพระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี กับจักรพรรดินีฟาราห์ ปาห์ลาวี โดยเจ้าหญิงฟาราห์นาซมีพระเชษฐา พระอนุชา และพระขนิษฐาอย่างละ 1 พระองค์ ได้แก่ มกุฎราชกุมารไซรัสเรซา, เจ้าชายอาลีเรซาที่สอง และเจ้าหญิงไลลา นอกจากนี้พระองค์ยังมีพระเชษฐภคิณีต่างพระมารดาคือ เจ้าหญิงชาห์นาซ",
"เจ้าหญิงไลลา ปาห์ลาวี พระราชธิดาพระองค์ที่ 4 ในพระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี และจักรพรรดินีฟาราห์ ปาห์ลาวี เจ้าหญิงไลลามีพระเชษฐา และเชษฐภคินีดังนี้ เจ้าชายเรซา ปาห์ลาวี มกุฎราชกุมารแห่งอิหร่าน, เจ้าหญิงฟาราห์นาซ ปาห์ลาวี และเจ้าชายอาลี เรซา ปาห์ลาวีที่ 2 นอกจากนี้พระองค์ยังมีพระเชษฐภคินีต่างพระมารดาคือ เจ้าหญิงชาห์นาซ ปาห์ลาวี",
"นอกจากนี้พระองค์ยังมีพระเชษฐภคิณีต่างพระมารดา 1 พระองค์ คือ เจ้าหญิงฮัมดัมสุลตาเนห์ ปาห์ลาวี อนุชาและขนิษฐาต่างมารดาอีก 6 พระองค์ ได้แก่ เจ้าชายโฆลาม ปาห์ลาวี, เจ้าชายอับดุล เรซา ปาห์ลาวี, เจ้าชายอะห์มัด เรซา ปาห์ลาวี, เจ้าชายมะห์มุด เรซา ปาห์ลาวี, เจ้าหญิงฟาเตเมห์ ปาห์ลาวี และเจ้าชายฮามิด เรซา ปาห์ลาวี",
"เจ้าชายอาลี เรซาที่ 2 ปาห์ลาวี ประสูติเมื่อวันที่ 28 เมษายน ค.ศ. 1966 พระองค์เป็นพระราชโอรสองค์เล็กในพระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี และจักรพรรดินีฟาราห์ ปาห์ลาวี พระองค์มีพระเชษฐา พระเชษฐภคิณี และพระขนิษฐา คือ เจ้าชายเรซา ปาห์ลาวี มกุฎราชกุมารแห่งอิหร่าน, เจ้าหญิงฟาราห์นาซ ปาห์ลาวี และเจ้าหญิงไลลา ปาห์ลาวี นอกจากนี้พระองค์ยังมีพระเชษฐภคิณีต่างพระมารดาคือ เจ้าหญิงชาห์นาซ ปาห์ลาวี",
"องค์จักรพรรดินีทรงมีพระราชนัดดา 3 พระองค์ที่ประสูติแต่เจ้าชายเรซา ปาห์ลาวี พระราชโอรสองค์โตกับยัสมิน อาเตมัด-อามินี พระชายา ได้แก่\nองค์จักรพรรดินีทรงมีพระราชนัดดาอีกหนึ่งพระองค์ที่ประสูติแต่เจ้าชายอาลี เรซา ปาห์ลาวี พระราชโอรสองค์รองกับราฮา ดีเดวาร์ ผู้เป็นพระสหาย ได้แก่",
"จักรพรรดินีฟาราห์ ปาห์ลาวี () เป็นพระมเหสีในพระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี แห่งอิหร่าน และจักรพรรดินีพระองค์เดียวของอิหร่านในยุคปัจจุบัน หลังจากการปฏิวัติอิหร่าน พระองค์ได้ใช้พระชนม์ชีพส่วนใหญ่อยู่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส",
"เจ้าชายแพทริค อาลี ปาห์ลาวี() เป็นพระโอรสเพียงพระองค์เดียวใน เจ้าชายอาลี เรซา ปาห์ลาวีที่ 1 และ ซอนยา เลามาน ทรงเป็นพระราชนัดดาใน พระเจ้าชาห์ เรซา ปาห์ลาวี และ สมเด็จพระราชินีตาจญ์ อัล-โมลูก พระภาติยะใน พระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี โดยพระองค์เป็นลูกครึ่งอิหร่าน-ฝรั่งเศส โดยพระบิดามารดาของพระองค์มิได้สมรสกันถูกต้องตามพระราชประเพณี แต่พระองค์และผู้สืบสกุลจะได้รับพระอิสริยยศเป็น เจ้าชาย/เจ้าหญิงแห่งอิหร่าน พร้อมฐานันดร อิมพีเรียลไฮเนส โดยพระองค์สมรสกับ ซอนยา รูมมาน เมื่อปี พ.ศ. 2515 มีพระบุตรร่วมกัน 3 พระองค์ ซึ่งดำรงพระฐานะเป็นเจ้าทั้งหมด",
"เจ้าชายไซรัส เรซา ปาห์ลาวี มกุฎราชกุมารแห่งอิหร่าน (, ปัจจุบันคือ ไซรัส เรซา ปาห์ลาวี, พระราชสมภพ 31 ตุลาคม ค.ศ. 1960) มกุฎราชกุมารองค์สุดท้ายของอิหร่านราชวงศ์ปาห์ลาวี พระราชโอรสในพระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี กับจักรพรรดินีฟาราห์ ปาห์ลาวี พระองค์ได้เสด็จลี้ภัยมายังสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1979 หลังการเกิดปฏิวัติอิสลาม และประทับอยู่ที่นั่นตลอดมา",
"เจ้าฟ้าชายไซรัส เรซา ได้ดำรงตำแหน่งเป็นมกุฎราชกุมารในราชวงศ์ปาห์ลาวี เนื่องจากเป็นพระราชโอรสเพียงพระองค์เดียวของพระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี กับจักรพรรดินีฟาราห์ ปาห์ลาวี ระบอบกษัตริย์แห่งอิหร่านได้ล่มสลายในปี ค.ศ. 1979 พระองค์ต้องใช้พระนามเป็น นายเรซา ปาห์ลาวี และหลังจากการสวรรคตของชาห์โมฮัมหมัด เรซา ในปี ค.ศ. 1980 พระองค์จึงอ้างสิทธิในราชบัลลังก์ต่อจากพระมารดาในปี ค.ศ. 1981 (พระมารดาอ้างสิทธิแทนเนื่องจากพระองค์ยังไม่บรรลุนิติภาวะ) แต่ด้วยพระองค์ทรงมีเพียงพระธิดาสามพระองค์โดยไม่มีพระโอรสเลย ประกอบกับพระอนุชาคือ เจ้าชายอาลี เรซาที่สอง (1966 - 2011) ไม่ทรงเสกสมรสและไม่มีพระโอรสธิดา ดังนั้นลำดับการสืบราชสมบัติจึงตกไปในสายของเจ้าชายอาลี แพทริก ปาห์ลาวี พระโอรสเพียงพระองค์เดียวในเจ้าชายอาลี เรซาที่หนึ่ง พระอนุชาของชาห์โมฮัมหมัด เรซา"
] |
พลังงานนิวเคลียร์ หมายถึง? | [
"พลังงานนิวเคลียร์ (Nuclear energy) หมายถึง พลังงานไม่ว่าในลักษณะใดซึ่งเกิดจากการปลดปล่อยออกมาเมื่อมีการแยก, รวมหรือแปลงนิวเคลียส (หรือแกน) ของปรมาณู คำที่ใช้แทนกันได้คือ พลังงานปรมาณู (Atomic energy) ซึ่งเป็นคำที่เกิดขึ้นก่อนและใช้กันมาจนติดปาก โดยอาจเป็นเพราะมนุษย์เรียนรู้ถึงเรื่องของปรมาณู (Atom) มานานก่อนที่จะเจาะลึกลงไปถึงระดับนิวเคลียส แต่การใช้ศัพท์ที่ถูกต้องควรใช้คำว่า พลังงานนิวเคลียร์ อย่างไรก็ดีคำว่า Atomic energy ยังเป็นคำที่ใช้กันอยู่ในกฎหมายของหลายประเทศ สำหรับประเทศไทยได้กำหนดความหมายของคำว่าพลังงานปรมาณู ไว้ในมาตรา 3 แห่งพ.ร.บ.พลังงานปรมาณูเพื่อสันติ พ.ศ. 2504 ในความหมายที่ตรงกับคำว่า พลังงานนิวเคลียร์ และต่อมาได้บัญญัติไว้ในมาตรา3 ให้ครอบคลุมไปถึงพลังงานรังสีเอกซ์ด้วย การที่ยังรักษาคำว่าพลังงานปรมาณูไว้ในกฎหมาย โดยไม่เปลี่ยนไปใช้คำว่าพลังงานนิวเคลียร์แทน จึงน่าจะยังคงมีประโยชน์อยู่บ้าง เพราะในทางวิชาการถือว่า พลังงานเอกซ์ไม่ใช่พลังงานนิวเคลียร์ การกล่าวถึง พลังงานนิวเคลียร์ในเชิงปริมาณ ต้องใช้หน่วยที่เป็นหน่วยของพลังงาน โดยส่วนมากจะนิยมใช้หน่วย eV, KeV (เท่ากับ1,000 eV) และ MeV (เท่ากับ 1,000,000 eV) เมื่อกล่าวถึงพลังงานนิวเคลียร์ปริมาณน้อย และนิยมใช้หน่วยกิโลวัตต์- ชั่วโมง หรือ เมกะวัตต์-วัน เมื่อกล่าวถึงพลังงานปริมาณมากๆ โดย: 1MWd=เมกะวัตต์-วัน = 24,000 กิโลวัตต์-ชั่วโมง และ 1MeV=1.854x10E-24 MWd",
"พลังนิวเคลียร์ (Nuclear power) เป็นศัพท์คำหนึ่งที่มีความหมายสับสน เพราะโดยทั่วไปมักจะมีผู้นำไปใช้ปะปนกับคำว่า พลังงานนิวเคลียร์ โดยถือเอาว่าเป็นคำที่มีความหมายแทนกันได้ แต่ในทางวิศวกรรมนิวเคลียร์เราควรจะใช้คำว่าพลังนิวเคลียร์ เมื่อกล่าวถึงรูปแบบหรือวิธีการเปลี่ยนพลังงานจากรูปหนึ่งไปสู่อีกรูปหนึ่งเช่น โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ย่อมหมายถึง โรงงานที่ใช้เปลี่ยนรูปพลังงานนิวเคลียร์มาเป็นพลังงานไฟฟ้า หรือเรือขับเคลื่อนด้วยพลังนิวเคลียร์ ย่อมหมายถึงเรือที่ขับเคลื่อนโดยการเปลี่ยนรูปพลังงานนิวเคลียร์มาเป็นพลังงานกล เป็นต้น พลังนิวเคลียร์เป็นคำที่มาจาก Nuclear power ในภาษาอังกฤษ แต่ในภาษาอังกฤษเอง เมื่อกล่าวถึงเรื่องที่เกี่ยวกับดุลอำนาจระหว่างประเทศ (Nuclear power) กลับหมายถึง มหาอำนาจนิวเคลียร์ หรือประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์สะสมไว้เพียงพอที่จะใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองได้ (โดยเฉพาะเมื่อใช้เป็นพหูพจน์) การเน้นให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างคำ พลังนิวเคลียร์ และ พลังงานนิวเคลียร์ ก็เพราะในด้านวิศวกรรม พลังควรมีความหมาย เช่นเดียวกับกำลัง ดังนั้นเมื่อกล่าวถึงพลังในเชิงปริมาณ จะต้องใช้หน่วยที่เป็นหน่วยของกำลัง เช่น \"โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ ขนาด 600 เมกะวัตต์ (ไฟฟ้า) โรงนี้ใช้เครื่องปฏิกรณ์แบบน้ำเดือด (BWR) ขนาด 1,800 เมกะวัตต์ (ความร้อน) เป็นเครื่องกำเนิดไอน้ำแทนเตาน้ำมัน\" เป็นต้น",
"พลังงานนิวเคลียร์ () เป็นพลังงานรูปแบบหนึ่งที่ได้จากการคายความร้อนในปฏิกิริยานิวเคลียร์ เพื่อประโยชน์ในการสร้างความร้อนและผลิตไฟฟ้า. นิวเคลียร์ เป็นคำคุณศัพท์ของคำว่า นิวเคลียส ซึ่งเป็นแก่นกลางของอะตอมธาตุ ซึ่งประกอบด้วยอนุภาคโปรตอน และนิวตรอน ซึ่งยึดกันได้ด้วยแรงของอนุภาคไพออน"
] | [
"พร้อมกับแหล่งพลังงานที่ยั่งยืนอื่นๆ, พลังงานนิวเคลียร์เป็นวิธีการผลิตไฟฟ้าที่มีผลผลิตคาร์บอนที่ต่ำ, จากการวิเคราะห์ในเอกสารเกี่ยวกับวงจรชีวิตของความเข้มของการปล่อยคาร์บอนโดยรวมพบว่ามันก็คล้ายกับแหล่งพลังงานทดแทนอื่นๆเมื่อมีการเปรียบเทียบของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ()ต่อหน่วยของพลังงานที่สร้างขึ้น. ด้วยการแปลความหมายนี้, จากจุดเริ่มต้นของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเชิงพาณิชย์ในปี 1970, ได้มีการป้องกันไม่ให้เกิดการปล่อยก๊าซประมาณ 64 gigatonnes ของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าก๊าซเรือนกระจก (GtCO2-eq) (ก๊าซที่จะเกิดขึ้นจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิลในโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนที่สร้างพลังงานไฟฟ้าขนาดเดียวกัน).",
"ฝ่ายเสนอของพลังงานนิวเคลียร์ยืนยันว่าพลังงานนิวเคลียร์เป็นแหล่งพลังงานที่ยั่งยืนที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานโดยการลดการพึ่งพาแหล่งพลังงานที่นำเข้า. ผู้เสนอยังอ้างต่อไปว่าพลังงานนิวเคลียร์แทบจะไม่ผลิตมลพิษทางอากาศทั่วไปอย่างสื้นเชิง, เช่นก๊าซเรือนกระจกและหมอกควัน, ในทางตรงกันข้ามกับทางเลือกหลักที่นำโดยเชื้อเพลิงฟอสซิล. พลังงานนิวเคลียร์สามารถผลิตพลังงานที่มีพื้นฐานจากโหลดแตกต่างจากพลังงานหมุนเวียนจำนวนมากที่มีแหล่งพลังงานที่ไม่สม่ำเสมอ, ขาดวิธีในการจัดเก็บพลังงานขนาดใหญ่และราคาถูก. M. King Hubbert เห็นว่าน้ำมันเป็นทรัพยากรที่จะหมดไปและเสนอพลังงานนิวเคลียร์เป็นแหล่งพลังงานทดแทน. ฝ่ายเสนออ้างต่อไปอีกว่าความเสี่ยงในการจัดเก็บขยะมีน้อยและสามารถจะลดลงไปได้อีกโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในเครื่องปฏิกรณ์รุ่นใหม่, และสถิติความปลอดภัยในการดำเนินงานในโลกตะวันตกก็ดีเลิศเมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าชนิดอื่นๆที่สำคัญ .",
"ฝ่ายค้านเชื่อว่าพลังงานนิวเคลียร์แสดงภาพของภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวงต่อคนและสิ่งแวดล้อม. ภัยคุกคามเหล่านี้รวมถึงปัญหาของขบวนการผลิต, การขนส่งและการเก็บรักษากากนิวเคลียร์กัมมันตรังสี, ความเสี่ยงของการแพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์และการก่อการร้าย, เช่นเดียวกับความเสี่ยงต่อสุขภาพและความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อมจากการทำเหมืองแร่ยูเรเนียม. พวกเขายังยืนยันว่าตัวเครื่องปฏิกรณ์เองเป็นเครื่องที่ซับซ้อนขนาดมโหฬารที่หลายสิ่งหลายอย่างสามารถทำงานผิดพลาดได้, และอุบัติเหตุนิวเคลียร์ร้ายแรงก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว. นักวิจารณ์ไม่เชื่อว่าความเสี่ยงทั้งหลายของการใช้นิวเคลียร์ฟิชชันเพื่อเป็นแหล่งพลังงานจะสามารถชดเชยอย่างเต็มที่โดยการพัฒนาของเทคโนโลยีใหม่. พวกเขายังคงแย้งว่าเมื่อทุกขั้นตอนของห่วงโซ่เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ต้องใช้พลังงานอย่างมากถูกนำมาพิจารณา, ตั้งแต่การทำเหมืองแร่ยูเรเนียมจนถึงการรื้อถอนนิวเคลียร์, พลังงานนิวเคลียร์ไม่ได้เป็นแหล่งที่มาของกระแสไฟฟ้าที่ผลิตคาร์บอนต่ำและเป็นแหล่งที่ประหยัดในทางเศรษฐกิจทั้งสองอย่าง.",
"มีการอภิปรายอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์. ฝ่ายเสนอ เช่น สมาคมนิวเคลียร์โลก (), IAEA และ นักสิ่งแวดล้อมพลังงานนิวเคลียร์ ยืนยันว่า พลังงานนิวเคลียร์มีความปลอดภัย, เป็นแหล่งพลังงานยั่งยืนที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน. ฝ่ายค้าน เช่น กลุ่มกรีนพีซสากล และ หน่วยบริการข้อมูลทรัพยากรและนิวเคลียร์ (), ยืนยันว่า พลังงานนิวเคลียร์สร้างภัยคุกคามจำนวนมากต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม.",
"พลังงานนิวเคลียร์ บางครั้งใช้แทนกันกับคำว่า พลังงานปรมาณู นอกจากนี้พลังงานนิวเคลียร์ยังครอบคลุมไปถึงพลังงานรังสีเอกซ์ด้วย (พ.ร.บ. พลังงานเพื่อสันติ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2508) พลังงานนิวเคลียร์ สามารถปลดปล่อยออกมาเป็นพลังงานหลายรูปแบบ เช่น พลังงานความร้อน รังสีแกมมา อนุภาคเบต้า อนุภาคอัลฟา อนุภาคนิวตรอน เป็นต้น",
"การวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์ของพลังงานนิวเคลียร์จะต้องคำนึงถึงผู้ที่แบกรับความเสี่ยงของความไม่แน่นอนในอนาคต. ในวันนี้โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่กำลังดำเนินงานทั้งหมดได้รับการพัฒนาโดยรัฐเป็นเจ้าของหรือหน่วยงานยูทิลิตี้ผูกขาดที่รัฐกำกับดูแล, ในขณะที่หลายความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง, ประสิทธิผลการดำเนินงาน, ราคาเชื้อเพลิง, ความรับผิดสำหรับอุบัติเหตุและปัจจัยอื่นๆจะตกเป็นภาระของผู้บริโภคมากกว่าผู้ให้บริการ. นอกจากนี้ เนื่องจากความรับผิดที่อาจเกิดขึ้นจากการเกิดอุบัติเหตุนิวเคลียร์มีมาก, ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของความรับผิดการประกันภัยทั่วไปจะถูกจำกัด/ตัดยอดจากรัฐบาล, ซึ่งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานของสหรัฐได้สรุปว่าประกอบด้วยเงินอุดหนุนอย่างมีนัยสำคัญ. หลายประเทศในขณะนี้ได้เปิดเสรีตลาดไฟฟ้าเพื่อที่ความเสี่ยงเหล่านี้, และความเสี่ยงของคู่แข่งที่ถูกกว่าที่เกิดขึ้นก่อนที่ค่าใช้จ่ายเงินทุนจะถูกกู้คืน, จะตกเป็นภาระของผู้สร้างและผู้ดำเนินการโรงงานแทนที่จะเป็นของผู้บริโภค, ที่นำไปสู่การประเมินผลที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญของเศรษฐกิจของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งใหม่.",
"ในระดับนิวเคลียส พลังงานยึดเหนี่ยวก็เท่ากับพลังงานที่ถูกใช้ปลดปล่อยให้เป็นอืสระเมื่อนิวเคลียสหนึ่งถูกสร้างขึ้นจากนิวคลีออนหรือนิวเคลียสอื่น ๆ พลังงานยึดเหนี่ยวนิวเคลียส () นี้(หมายถึงพลังงานยึดเหนี่ยวของนิวคลีออนทั้งหลายให้เป็นหนึ่งนิวไคลด์) ได้มาจาก'แรงนิวเคลียส' (ปฏิสัมพันธ์ที่เหลือค้างอย่างแรง)และเป็นพลังงานที่ต้องใช้เพื่อแยกนิวเคลียสหนึ่งให้แตกออกเป็นนิวตรอนและโปรตอนอิสระในจำนวนที่เท่ากันกับที่พวกมันถูกยึดเหนี่ยวกันไว้ โดยที่นิวคลีออนเหล่านั้นจะต้องมีระยะห่างจากกันเพียงพอที่จะไม่ทำให้แรงนิวเคลียร์สามารถทำให้อนุภาคเหล่านั้นมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันอีกต่อไป 'มวลส่วนเกิน' เป็นแนวคิดที่สัมพันธ์กันที่เปรียบเทียบเลขมวลของนิวเคลียสหนึ่งกับมวลที่วัดได้อย่างแท้จริงของมัน"
] |
การตั้งโต๊ะเครื่องบูชาแบบไทยเริ่มต้นเมื่อไหร่? | [
"เครื่องโต๊ะ เป็นเครื่องบูชาของไทยที่เอามาจากจีน น่าจะเข้ามาในไทยเมื่อ พ.ศ. 2361 สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเมื่อกำลังสร้างสวนขวาในพระบรมมหาราชวังราชทูตไทยกลับมาจากจีนได้เห็นการตกแต่งวังและบ้านด้วยเครื่องลายคราม จึงนำมาเป็นแบบแผนในการตกแต่งพระตำหนักในสวนขวาสันนิฐานว่าการตกแต่งนั้นเหมือนกับภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถวัดราชโอรสกับวัดกัลยาณมิตร ตั้งแต่นั้นตามบ้านของขุนนางและเจ้านายเริ่มมีการตกแต่งด้วยเครื่องบูชาอย่างจีน และเริ่มมีการตั้งโต๊ะประกวดกันเมื่อมีการจัดเครื่องโต๊ะไปฉลองพระอารามที่ได้ปฏิสังขรณ์ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาการตั้งโต๊ะได้รับความนิยมมากในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เล่ากันว่าการไปรวมกันตั้งโต๊ะในยุคนี้ตั้งที่ไหนก็ไม่สนุกเท่าที่บ้านของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ถ้าใครได้เครื่องลายครามเป็นของดีไปตั้งก็เอาแพรแดงผูกทำขวัญ เป็นจุดเริ่มต้นของการให้รางวัลเครื่องโต๊ะในเวลาต่อมา เมื่อการเล่นเครื่องโต๊ะได้รับความนิยมมาก พระยาโชฎึกราชเศรษฐี (พุก)จึงทูลขอพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชุมสาย กรมขุนราชสีหวิกรม ให้ทำแบบอย่างเครื่องโต๊ะ สั่งไปทำที่เมืองจีนแล้วเอามาขายในเมืองไทย เป็นเครื่องโต๊ะสำเร็จรูป ยี่ห้อกิมตึ๋งฮกกี่ (金堂福記) เรียกว่า โต๊ะกิมตึ๋ง ชุดละ240บาท ตั้งแต่นั้นการตั้งเครื่องโต๊ะก็ซาลง เพราะคนเล่นรังเกียจว่าเป็นของหาง่าย ไม่ต้องใช้ความพยายามในการหาเครื่องลายครามให้เข้าชุดลายกัน แต่ได้กลับมานิยมอีกครั้งในพ.ศ. 2430 เพราะพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงรวบรวมเครื่องถ้วยชามลายผักกาดของสมัยรัชกาลที่2 เข้าจัดเป็นโต๊ะเดียวกัน แล้วตั้งเครื่องโต๊ะลายมังกร5เล็บอีกโต๊ะ ตั้งโต๊ะครั้งแรกที่งานฉลองหอพระสมุดวชิรญาณตั้งแต่นั้นมาขุนนางและเจ้านายก็เริ่มนิยมเล่นเครื่องโต๊ะใหม่อีกรอบ กล่าวกันว่างานพระเมรุพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้านภาจรจำรัสศรี ภัทรวดีราชธิดาเป็นงานประกวดตั้งเครื่องโต๊ะใหญ่ที่สุด\nคนที่จะเล่นเครื่องโต๊ะ ต้องหาชิ้นที่กำหนดไว้สำหรับตั้งโต๊ะให้ครบก่อน มี8ชิ้นคือ\nนอกนั้นก็ตั้งได้ตามใจ แต่ต้องเป็นลายเดียวกัน และทุกชิ้นต้องมีกี๋ มีเท้า มีหย่อง สำหรับรองชิ้น คนเล่นเครื่องโต๊ะต้องมีโต๊ะ2ตัว คือ 1โต๊ะหน้า 2โต๊ะขวางหลัง ส่วนผ้าปักหน้าโต๊ะ ให้ใช้แต่ผ้าปักในไทย ห้ามใช้ผ้าปักจากจีน ทุกชิ้นต้องเลี่ยมที่ปากขวด ถ้วยชาม กระถาง ฯลฯ ถ้าตั้งในงานศพให้ตั้งโต๊ะเครื่องขาว เขียนลายผ้าปักหน้าโต๊ะไว้ใช้ชั่วคราว"
] | [] |
เอ็ดเวิร์ด มุงค์เกิดวันที่เท่าไหร่? | [
"เอ็ดเวิร์ด มุงค์เกิดเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ค.ศ 1863 ใน Loten แคว้นชนบทแห่งหนึ่งในนอร์เวย์ บ้านของเขาเป็นฟาร์มตั้งอยู่ในหมู่บ้านÅdalsbruk มุงค์เป็นบุตรชายคนที่สองของนาง Laura Catherine Bjølstad กับ Christian Munch นายแพทย์ประจำกองทหาร เขาเป็นลูกหลานตระกูลเก่าแก่แห่งนอร์เวย์ บรรพบุรุษของเขามีชื่อเสียงโด่งดังจากความสามารถแขนงต่างๆ อย่าง Jacob munch จิตรกร, Johan Storm Munch หัวหน้าบาทหลวง, Andreas Munch นักกวีและ Peter Andreas Munch นักประวัติศาสตร์และนักเขียนแนววิทยาศาสตร์\nเอ็ดเวิร์ดมีพี่น้องทั้งหมด 5 คน คือ Johanne Sophie (1862) พี่สาวคนโต และน้องของมุงค์อีกสามคนคือPeter Andreas (1865), Laura Catherine (1867), และ Inger Marie (1868). ทั้งโซฟีพี่สาวและเอ็ดเวิร์ดมีพรสวรรค์ทางด้านศิลปะ น้องสาวของพวกเขาคนหนึ่งเป็นจิตเพศตั้งแต่ยังเด็กและในบรรดาพี่น้องทั้งห้าคนนี้มีเพียงคนเดียวที่ได้แต่งงาน แต่ก็เสียชีวิตหลังจากงานแต่งของเธอเพียงไม่กี่เดือน\nครอบครัวของมุงค์ต้องย้ายที่อยู่ไปตามเมืองต่างๆตามหน้าที่การงานของพ่อ ในปี1864 พวกเขาย้ายไปเมือง Christiania (Oslo ในปัจจุบัน) ที่นี้เป็นที่ที่เอ็ดเวิร์ดได้ฝึกฝนทักษะทางศิลปะของเขา แต่หลังจากที่ย้ายมาอยู่ที่นี่ได้เพียง 4 ปี แม่ของเอ็ดเวิร์ดก็เสียชีวิตด้วยโรควัณโรค ตามมาด้วยพี่สาว โซฟีในปี1887ในขณะที่เธออายุได้เพียง15ปี \nภาระเลี้ยงดูลูกๆทุกคนตกเป็นของคริสเตียนผู้เป็นพ่อและ Karen Bjolstad ป้าของเอ็ดเวิร์ด แม้ว่าคริสเตียนจะเป็นแพทย์ประจำกองทหารแต่ก็มีรายได้ไม่มากนัก ภาวะทางเศรษฐกิจในครอบครัวไม่สู้ดีนัก มีความเป็นอยู่อย่างขัดสนแต่คริสตียนยังคงให้ลูกๆรับฟังคำสั่งสอนของเขา และด้วยความที่คริสเตียนเป็นลูกที่กตัญญูเขาจึงได้สอนลูกๆให้มีความกตัญญูเช่นกัน เมื่อเขาจะตำหนิลูก เขาจะกล่าวถึงแม่บนสรวงสวรรค์",
"เอ็ดเวิร์ด มุงค์ (; 12 ธันวาคม ค.ศ. 1863 – 23 มกราคม ค.ศ. 1944) ศิลปินชาวนอร์เวย์ที่โด่งดังมากที่สุดคนหนึ่ง เป็นทั้งจิตรกรและช่างภาพพิมพ์ไม้ หินและเอ็ชชิ่ง เขาเป็นหนึ่งในศิลปินลัทธิสัญลักษณ์นิยม และได้รับการกย่องให้เป็นคนสำคัญในการพัฒนาลัทธิสำแดงพลังอารมณ์ (Expressionism) ในเยอรมันและยุโรปกลาง\nผลงานของมุงค์สะท้อนความทุกข์ยากและความขัดแย้งต่าง ๆ ในชีวิต ความทรงจำที่โหดร้ายในวัยเด็กและแผลในจิตใจทำให้เขาแสดงทัศนคติเรื่องความรัก สุราและความเลวร้ายของชีวิตลงในผลงาน ภาพของเขามักแสดงปัญหาสังคมและความกังวลของมนุษย์"
] | [
"หลังจากการจากไปของแม่ เอ็ดเวิร์ด มุงค์และพี่น้องได้รับการเลี้ยงดูจากป้า ป้าของมุงค์มองเห็นพรสวรรค์ทางด้านศิลปะในตัวเขา เธอสนับสนุนให้เขาเป็นศิลปิน และเป็นคนซื้ออุปกรณ์ต่างๆในการวาดรูปให้ เอ็ดเวิร์ด มุงค์เริ่มวาดภาพสิ่งที่เขาสนใจ เมื่ออายุได้13 ปี เขาเริ่มรู้จักกลุ่มศิลปินในสมาคมศิลปะที่พึ่งจัดตั้งใหม่ ที่นั้นเองเขาได้เห็นผลงานมากมายโดยเฉพาะภาพทิวทัศน์ (Landscape) เอ็ดเวิร์ดเริ่มจากการวาดภาพเลียนแบบและเริ่มใช้สีน้ำมัน",
"ระยะเวลาช่วงยี่สิบปีสุดท้ายของชีวิตอันโดดเดี่ยว มุงค์อาศัยอยู่อย่างง่ายในที่พักของเขาเองใน Ekely ใกล้เมืองOslo ผลงานในช่วงนี้มักเกี่ยวกับชีวิตในชนบท ท้องทุ่ง และฟาร์ม\nในการแสดงงานที่พิพิธภัณฑ์แห่งเยอรมัน ภาพของเอ็ดเวิร์ด มุงค์ได้แสดงทั้งหมด 8 ภาพ แต่สองภาพในนั้นถูกวิถาควิจารณ์อย่างแรง ภาพถูกยึดและขายไป โดยเฉพาะระหว่างช่วงปี 1930 ถึง1940 พวกนาซีตีตราผลงานของมุงค์ว่าเป็นงานศิลปะที่เสื่อมเสียและย้ายผลงานของมุงค์ออกจากพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเยอรมนีไปถึง 82 ชิ้น\nช่วงปี1940 นอร์เวย์ถูกโจมตีโดยกลุ่มนาซีของเยอรมัน มุงค์ต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวง ขณะนั้นเขาอายุได้ 76 ปี และวาดภาพเก็บสะสมไว้จนแทบจะเต็มถึงชั้นสองของบ้าน แต่ถูกนาซียึดไปถึง 71 ภาพ อย่างไรก็ตามเมื่อสิ้นสุดสงครามภาพเหล่านั้นก็ค่อยๆกลับคืนสู่นอร์เวย์ด้วยการซื้อของเหล่านักสะสม แต่มี 7 ภาพหายสาบสูญไป ในจำนวนที่พบเจอและถูกเก็บไว้อย่างดีคือภาพ “The Scream” และ “The Sick Chile” \n23 มกราคม1944 เพียงไม่ถึงครึ่งเดือนหลังจากวันครบรอบวันเกิดของเขา เอ็ดเวิร์ด มุงค์จากไปอย่างสงบ เขาได้ทำพินัยกรรมมอบผลงานของเขาทั้งหมดแก่เมืองออสโล มีจำนวน ภาพวาดสีน้ำมันทั้งหมด 1,008 ภาพ, ผลงานภาพพิมพ์รวม 15,391 ภาพ, ภาพร่างและภาพสีน้ำรวม 4,443 ภาพและงานประติมากรรมของเขาอีก 6 ชิ้น \nแม้ว่าร่างของเขาเอ็ดเวิร์ด มุงค์จะจากไปแล้ว แต่จิตวิญญาณของเขายังคงฝังรากลึกอยู่ในงานศิลปะและผลงานจำนวนมากที่มุงค์ได้ทิ้งไว้ ในปี 1963 มีการเปิดพิพิธภัณฑ์ที่แสดงงานชิ้นยอดเยี่ยมของเขาทั้งหมด รวมอยู่ในพิพิธภัณฑ์ชื่อ “The Munch-Museet”",
"ฤดูใบไม้ร่วงปี 1892 มุงค์ออกแสดงงานในที่ต่างๆ งานนิทรรศการครั้งหนึ่งมุงค์ได้รับเชิญไปแสดงงานร่วมกับศิลปินในสมาคมศิลปะแห่งเบอร์ลินที่จัดขึ้นที่นั่น ผู้เข้าชมและศิลปินหัวเก่าต่างวิภาควิจารณ์งานของเอ็ดเวิร์ด มุงค์จนกลายเป็นเรื่องอื้อฉาว ผลงานของเขาถูกต่อต้านจากกลุ่มผู้ชมและกรรมการ ในที่สุดก็ถูกเรียกร้องให้ยกเลิกการแสดงภาพครั้งนั้นหลังจากจัดแสดงมาได้เพียงหนึ่งอาทิตย์ เพราะผู้คนในยุคที่ศิลปะแนวอิมเพรสชันนิสม์กำลังเฟื่องฟูไม่เข้าใจความจริงในมุมด้านมืดของชีวิต พวกเขาเห็นว่าภาพของมุงค์เป็นภาพที่น่ากลัว ไม่เจริญหูเจริญตา และมีความรุนแรง ซึ่งอันที่จริงมุงค์ต้องการปลดปล่อยความรู้สึกเจ็บปวดของเขาออกมาทางงานศิลปะ กลุ่มคนที่เข้าใจงานของเขาจะเห็นว่างานของมุงค์ไม่ใด้เป็นเพียงงานศิลปะแต่เป็นความรู้สึกของชายคนหนึ่ง เอ็ดเวิร์ด มุงค์จึงเรียกได้ว่าเป็นบุคคลสำคัญต่อ โมเดิร์นเยอรมันเอ็กเพรสชันนิสม์ เขาเข้าร่วมกลุ่ม “Der Blaue Reiter” ในภาษาอังกฤษเรียกกลุ่มนี้ว่า “The Blue Rider” กลุ่มศิลปินที่มักถ่ายทอดงานศิลปะด้วยอารมณ์เศร้าหมอง",
"ในปี 1886 เขาวาดภาพ ชุด “The Sick Child” ในภาพแสดงความคิดของมุงค์เรื่องความตายของน้องสาวของเขา ในปีนั้นเอง มุงค์ทำงานชุดนั้นเสร็จสิ้น ฤดูใบไม้ร่วงปี1889 มุงค์จัดนิทรรศการขนาดใหญ่เพื่อแสดงงานเดี่ยวของเขา ที่เมืองคริสเตียนเนีย จากงานนี้เขาได้รับรางวัลส่งผลให้เขามีโอกาสได้รับทุน",
"แม้กระนั้นในปีถัดมา มุงค์จัดนิทรรศการสำคัญ ซึ่งแสดงงานจิตรกรรมจำนวนนับร้อยและภาพพิมพ์อีกกว่าสองร้อยภาพ รวมถึงภาพวิวทิวทัศน์และภาพคนขนาดเท่าจริง\nในปี1915 เป็นครั้งที่สามของมุงค์ที่ได้ร่วมแสดงผลงานในงานนิทรรศการศิลปะในอเมริกา ครั้งนั้นงานนิทรรศการจัดขึ้นที่ซานฟรานซิสโก เอ็ดเวิร์ด มุงค์ได้รับรางวัลเหรียญทองสำหรับงานประเภทภาพพิมพ์ ความสำเร็จในครั้งนั้นเพียงพอที่จะแก้ปัญหาทางการเงินของเขาได้\nณ กรุงเบอร์ลิน ปี 1917 หนังสือชื่อ “Edvard Munch” ได้ตีพิมพ์ส่งท้องตลาด รวบรวมเอาผลงานระหว่างการเดินทางไปที่ต่างๆของมุงค์ แม้จะกระจายไปทั่วโลก มีงานนิทรรศการหลายๆครั้งและครั้งที่รวบรวมผลงานครอบคลุมมากที่สุด ได้จัดขึ้นที่หอศิลป์แห่งชาติประจำกรุงเบอร์ลิน รวมภาพวาดสีน้ำมันกว่า 223 ภาพ",
"ช่วงต้นของศตวรรษใหม่มุงค์โด่งดังและมีชื่อเสียงจากผลงานของเขา\nในปี 1902 มุงค์ผิดหวังจากความรัก เขายิงปืนใส่นิ้วมือข้างซ้ายและเสียมันไป แต่ในปีนั้นเองมุงค์ได้พบกับ Dr. Max Linde ชายที่ซื้อผลงานของเขาและเขียนหนังสือเกี่ยวกับตัวเอ็ดเวิร์ด มุงค์ ในปีนั้นถือเป็นปีที่มุงค์มีงานและชีวิตวุ่นวายมากที่สุดปีหนึ่ง จากงานชุด “The Frieze of Life” ที่เคยถูกต่อต้านในเบอร์ลิน แต่กลับมาจัดแสดงอีกครั้งพร้อมกับความสำเร็จ และในปีนั้นมีการจัดแสดงนิทรรศการภาพของมุงค์อีกถึง 22ครั้ง\nสองปีถัดมาเป็นปีที่มุงค์ เลือกเดินทางสำคัญทางหนึ่ง เอ็ดเวิร์ด มุงค์ได้เซ็นสัญญากับชาวเบอร์ลิน Bruno Casirer เป็นสัญญาที่ทำให้เขาสามารถขายผลงานในเยอรมันได้ \nจากสองภาพ“The Fight” และ“The Uninvited Guest” ที่มุงค์ได้วาดในปี 1905 แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ขัดแย้งของเขาและเพื่อน Ludvig Karsten พวกเขาทะเลาะกันรุนแรง\nปี 1908 จากภาวะความเครียดและผลจากพิษสุรา เอ็ดเวิร์ด มุงค์กลายเป็นคนวิกลจริตจนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยอาการทางประสาท ต้องรักษาโดยการช๊อดไฟฟ้าและกลับมาหายดี แต่บุคลิกภาพของมุงค์กลับเปลี่ยนไป หลังจากกลับมาที่นอร์เวย์ในปี 1909 ผลงานทางศิลปะของเขาเปลี่ยนแนวทางไปอย่างมาก มุงค์สนใจหัวข้อเรื่องธรรมชาติ ภาพวาดขาดความรู้สึกลึกซึ้ง เป็นเพียงภาพภาพหนึ่งที่ขาดชีวิตและความรู้สึก แต่ด้วยความกดดันที่น้อยลงงานของเขามีสีสันมากขึ้น",
"“The Scream” \nผลงานที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของเอ็ดเวิร์ด มุงค์และเป็นหนึ่งในภาพจิตรกรรมที่คนจดจำมากที่สุดรูปหนึ่งในกระแสศิลปะเอ็กเพรสชันนิสม์ มุงค์วาดภาพด้วยสีสันที่ฉูดฉาดและรูปแบบง่ายๆ แต่สื่อได้ถึงจิตวิญญาณ แสดงอารมณ์ด้วยภาพใบหน้าที่เจ็บปวด\nมุงค์ได้เขียนคำอธิบายของรูปนี้ไว้ว่า “ขณะที่ฉันเดินอยู่บนท้องถนนกับเพื่อนทั้งสองในตอนพระอาทิตย์อัสดง ทันใดนั้นท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงดุจเลือด ฉันหยุดนิ่งและโน้มตัวไปยังขอบรั้ว รู้สึกถึงความเหน็ดเหนื่อยที่ไม่อาจบรรยายได้ เปรวเพลิงสีเลือดทอดข้ามฟยอร์สสีดำ เพื่อนของฉันยังคงเดินต่อไป ฉันยังคงอยู่เบื้องหลัง สั่นสะท้านด้วยความกลัว ทันใดนั้นฉันก็ได้ยินเสียงกรีดร้องอันไม่มีที่สิ้นสุดของธรรมชาติ” “The Scream” (1893)",
"ระหว่างช่วงที่อยู่ในฝรั่งเศส ในเดือนพฤศจิกายนปี1890 มุงค์ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นเวลาสองเดือน เพราะต้องพักรักษาตัวจากไข้รูห์มาติก ในช่วงเวลานั้นภาพวาดของเขา 5 ภาพในออสโลถูกทำลายเพราะไฟไหม\nช่วงเวลาในฝรั่งเศส มุงค์ได้สร้างผลงานไว้มากมาย เป็นช่วงเริ่มร่างภาพ “The Scream” และสร้างผลงานอีกหลายๆภาพแบบอิมเพรสชันนิสม์แต่ใช้ความประทับใจภายในจิตใจไม่ใช่เพียงทางสายตา"
] |
ผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์เรีกว่าอะไร? | [
"ศาสนาคริสต์ () ราชบัณฑิตยสถานเรียกว่า คริสต์ศาสนา เป็นศาสนาประเภทเอกเทวนิยม ที่มีพื้นฐานมาจากชีวิตและการสอนของพระเยซูตามที่ปรากฏในพระวรสารในสารบบ (canonical gospel) และงานเขียนพันธสัญญาใหม่อื่น ๆ ผู้นับถือศาสนาคริสต์เรียกว่าคริสต์ศาสนิกชนหรือคริสตชน"
] | [] |
มูฮัมหมัด อาลี เกิดเมื่อไหร่? | [
"มูฮัมหมัด อาลี () เป็นอดีตยอดนักมวยชาวอเมริกันในรุ่นเฮฟวี่เวทผู้เป็นตำนาน อาลีมีชื่อจริงแต่กำเนิดว่า เคสเซียส มาเซลลัส เคลย์ จูเนียร์ (Cassius Marcellus Clay Jr.) แต่นิยมเรียกว่า เคสเซียส เคลย์ (Cassius Clay) เกิดเมื่อวันที่ 17 มกราคม ค.ศ. 1942 ที่เมืองหลุยส์วิลล์ รัฐเคนตักกี้ สหรัฐอเมริกา"
] | [] |
DNA ย่อมาจากอะไร? | [
"กรดดีออกซีไรโบนิวคลีอิก () หรือย่อเป็น ดีเอ็นเอ เป็นกรดนิวคลีอิกที่มีคำสั่งพันธุกรรมซึ่งถูกใช้ในพัฒนาการและการทำหน้าที่ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดเท่าที่ทราบ (ยกเว้นอาร์เอ็นเอไวรัส) ส่วนของดีเอ็นเอซึ่งบรรจุข้อมูลพันธุกรรมนี้เรียกว่า ยีน ทำนองเดียวกัน ลำดับดีเอ็นเออื่น ๆ มีความมุ่งหมายด้านโครงสร้าง หรือเกี่ยวข้องกับการควบคุมการใช้ข้อมูลพันธุกรรมนี้ ดีเอ็นเอ อาร์เอ็นเอและโปรตีนเป็นหนึ่งในสามมหโมเลกุลหลักที่สำคัญในสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่ทราบ"
] | [
"ดีเอ็นเอประกอบด้วยพอลิเมอร์สองสายยาวประกอบจากหน่วยย่อย เรียกว่า นิวคลีโอไทด์ โดยมีแกนกลางเป็นน้ำตาลและหมู่ฟอสเฟตเชื่อมต่อกันด้วยพันธะเอสเทอร์ ทั้งสองสายนี้จัดเรียงในทิศทางตรงกันข้าม จึงเป็น antiparallel น้ำตาลแต่ละตัวมีโมเลกุลหนึ่งในสี่ชนิดเกาะอยู่ คือ นิวคลีโอเบส หรือเรียกสั้น ๆ ว่า เบส ลำดับของนิวคลีโอเบสทั้งสี่ชนิดนี้ตามแกนกลางที่เข้ารหัสข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลนี้อ่านโดยใช้รหัสพันธุกรรม ซึ่งกำหนดลำดับของกรดอะมิโนในโปรตีน รหัสนี้ถูกอ่านโดยการคัดลอกดีเอ็นเอเป็นกรดนิวคลีอิกอาร์เอ็นเอที่เกี่ยวข้องในขบวนการที่เรียกว่า การถอดรหัส"
] |
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจะรับรู้กลิ่นได้ดีกว่ามนุษย์ใช่หรือไม่? | [
"ถึงกระนั้น การได้กลิ่นก็พิจารณาว่าเป็นประสาทสัมผัสที่แย่ที่สุดอย่างหนึ่งในมนุษย์ โดยมีสัตว์อื่น ๆ ที่รู้กลิ่นได้ดีกว่า เช่น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเกินกว่าครึ่ง ซึ่งอาจเป็นเพราะมนุษย์มีประเภทหน่วยรับกลิ่นที่น้อยกว่า และมีเขตในสมองส่วนหน้าที่อุทิศให้กับการแปลผลข้อมูลกลิ่นที่เล็กกว่าโดยเปรียบเทียบ"
] | [
"แต่ปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประสบความสำเร็จ จนมีวิวัฒนาการถึงขีดสุดคือสมองในส่วนนีโอซีรีบรัม ที่มีความเจริญเติบโตอย่างดีเยี่ยม ทำให้มีความสามารถในการปรับตัว รวมถึงพฤติกรรมการกินอยู่ อาศัยและหลับนอน ตลอดจนการเรียนรู้ ความอยากรู้อยากเห็น และมีความฉลาดมากกว่าสัตว์เลื้อยคลานมาก\nทำให้ในยุคมีโซโนอิกเป็นยุคที่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมครองโลกเป็นต้นมา (อันดับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 3 อันดับที่ฉลาดที่สุดในโลก 1. มนุษย์ 2. วานร 3. โลมา) แต่ยังไม่ครองโลกนานเท่าไรนัก เนื่องจากมนุษย์ถือกำเนืดมาเมื่อ 1.8 ล้านปีมานี่เอง",
"สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีโปรตีนหน่วยรับกลิ่น (odor receptor) จำนวนมากที่จะยึดกับโมเลกุลกลิ่นโดยเฉพาะ ๆ และช่วยให้สามารถแยกแยะกลิ่นต่าง ๆ ได้ โดยมนุษย์อาจมีถึง 350 ชนิด เทียบกับหนูหริ่งที่มีถึง 1,000 ชนิด\nเพื่อให้แยกแยะกลิ่นได้ สมองต้องได้รับสัญญาณที่ไม่เหมือนกันจากจมูกสำหรับกลิ่นต่าง ๆ ซึ่งเกิดจากเหตุสองอย่าง คือ เซลล์ประสาทรับกลิ่นแต่ละประเภทจะแสดงออกหน่วยรับกลิ่นเพียงแค่ชนิดเดียว และแต่ละประเภทจะสามารถตอบสนองต่อกลิ่นได้หลายอย่าง ดังนั้น กลิ่นแต่ละกลิ่นจึงได้การตอบสนองจากเซลล์ประสาทรับกลิ่นหลายประเภทรวมกันเป็นการเข้ารหัสกลิ่นแบบผสม (combinational coding)\nและอาศัยเซลล์ประสาทรับกลิ่นน้อยตัว (sparse coding) ในบรรดาเซลล์รับกลิ่นทั้งหมด",
"สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมส่วนใหญ่ จะใช้ชีวิตภายในป่าท่ามกลางธรรมชาติ การประกาศอาณาเขตในบริเวณพื้นที่ที่ต้องการแสดงความเป็นเจ้าของ จะใช้สารจากต่อมกลิ่นหรือการใช้ปัสสาวะ เช่นเสือจะประกาศอาณาเขตในความครอบครองของตนเองด้วยการปัสสาวะรด หรือการถ่ายอุจจาระเพื่อเป็นการทำเครื่องหมาย เมื่อมีผู้บุกรุกเข้ามาภายในอาณาเขต จะทำให้สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมที่ได้ประกาศอาณาเขตแดนของตน มีความรู้สึกสูญเสียประโยชน์ในการครอบครอง จึงต้องมีการขับไล่ผู้บุกรุกออกไป",
"สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมที่กินพืชและสัตว์เป็นอาหาร เช่น นม แรคคูน มนุษย์และสัตว์อื่น ๆ ในอันดับไพรเมต ซึ่งตามปกติสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมที่กินสัตว์ด้วยกันเป็นอาหารหลายชนิด จะใช้การกินพืชผักผลไม้เช่นลูกเบอรี่แทนในเวลาที่อาหารขาดแคลน เช่นสุนัขจิ้งจอกจะกินหนูและสัตว์ฟันแทะขนาดเล็ก หรือนกตัวเล็ก ๆ เป็นอาหาร แต่ถ้าอาหารภายในป่าเกิดการขาดแคลน ก็จะเปลี่ยนมากินผลไม้เช่นแอปเปิล มะเดื่อหรือข้าวโพดแทนเพื่อการอยู่รอด",
"สปีชีส์สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ยังมีอยู่สามารถระบุได้ด้วยต่อมน้ำนม (mammary gland) ในสัตว์ตัวเมีย\nแต่ว่า ลักษณะอื่นย่อมจำเป็นเพื่อกำหนดซากดึกดำบรรพ์ เพราะว่าต่อมน้ำนมและเนื้อเยื่ออื่น ๆ ไม่เหลืออยู่ในซากดึกดำบรรพ์\nดังนั้น นักบรรพชีวินวิทยาจึงต้องใช้ลักษณะเฉพาะที่มีในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ยังไม่สูญพันธุ์ทั้งหมด (รวมทั้งโมโนทรีม) แต่ไม่ปรากฏใน therapsid (สัตว์เลื้อยคลานคล้ายสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมซึ่งเป็นสัตว์บรรพบุรุษ) ในต้นยุคไทรแอสซิก \nซึ่งก็คือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมใช้กระดูกหูสองท่อนเพิ่มเพื่อการได้ยิน โดยเป็นกระดูกที่สัตว์มีถุงน้ำคร่ำ (Amniota) อื่น ๆ ใช้เพื่อกิน",
"เนื่องจากมนุษย์เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สมองมนุษย์จึงมีลักษณะพิเศษซึ่งพบร่วมในสมองสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด ที่สำคัญสุดคือ เปลือกสมองใหญ่หกชั้นและชุดโครงสร้างที่สัมพันธ์กัน เช่น ฮิปโปแคมปัสและอะมิกดาลา สัตว์มีกระดูกสันหลังทุกชนิดมีสมองส่วนหน้าซึ่งผิวด้านบนคลุมด้วยชั้นเนื้อเยื่อประสาท เรียก พัลเลียม (pallium) แต่ยกเว้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม พลัลเยมเป็นโครงสร้างเซลล์สามชั้นค่อนข้างเรียบง่าย ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม พัลเลียมมีโครงสร้างเซลล์หกชั้นที่ซับซ้อนกว่า และได้ชื่อใหม่ว่า เปลือกสมองใหญ่ ฮิปโปแคมปัสและอะมิกดาลายังกำเนิดจากพัลเลียมด้วย แต่ซับซ้อนในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมากกว่าสัตว์มีกระดูกสันหลังอื่นมาก",
"สัตว์มีถุงน้ำคร่ำที่ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งหมดใช้ระบบกระดูกเช่นนี้รวมทั้ง กิ้งก่า จระเข้ ไดโนเสาร์ (และสัตว์ลูกหลานคือสัตว์ปีก) และ therapsid (บรรพบุรุษของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม)\nดังนั้น กระดูกหูชิ้นเดียวในหูชั้นกลางของสัตว์เหล่านี้ก็คือกระดูกโกลน",
"สัตว์มีกระดูกสันหลังที่เป็นสัตว์บกแท้พวกแรกคือ สัตว์มีถุงน้ำคร่ำ (amniote) ไข่ของพวกมันมีเยื่อข้างในที่ช่วยเก็บน้ำให้เอ็มบริโอที่กำลังเติบโตหายใจได้\nซึ่งทำให้สัตว์สามารถวางไข่บนบกแห้งได้ ในขณะที่สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกโดยทั่วไปจะต้องวางไข่ในน้ำ\nสัตว์มีถุงน้ำคร่ำปรากฏว่าเกิดในช่วงปลายยุคคาร์บอนิเฟอรัส จากสัตว์บรรพบุรุษ reptiliomorph (reptiliomorpha) ซึ่งเป็นกลุ่มสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกที่ลูกหลานที่ยังไม่สูญพันธุ์ล้วนเป็นสัตว์มีถุงน้ำคร่ำ\nภายใน 2-3 ล้านปีต่อมา จึงเกิดสายพันธุ์สองสายที่ชัดเจน คือ synapsid ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และ sauropsid ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของกิ้งก่า งู จระเข้ ไดโนเสาร์ และสัตว์ปีก",
"สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม จะมีฟันเป็นสิ่งแสดงถึงลักษณะในการดำรงชีวิต ดังเคยมีคำกล่าวว่า \"ถ้าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมทุกชนิด ยกเว้นมนุษย์เกิดสูญพันธุ์ไปจากโลกนี้ โดยทิ้งไว้เพียงซากดึกดำบรรพ์คือฟันเพียงอย่างเดียว มนุษย์เราก็สามารถจำแนกชนิดของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมได้อย่างถูกต้อง เช่นเดียวกับที่ได้มีการจำแนกเอาไว้แล้วในปัจจุบัน\" ซึ่งเป็นการจำแนกโดยนำเอาลักษณะทางกายวิภาคมาประกอบด้วย สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมทุกชนิดมีฟันยกเว้นเพียงวาฬบางชนิดเท่านั้น อิคิดนาและตัวกินมดยักษ์ก็มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของฟันเพื่อให้เป็นไปตามอาหารที่กิน",
"สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมมีเพศที่แบ่งแยกชัดเจน ทำให้สามารถรู้ได้ทันทีว่าเป็นเพศผู้หรือเพศเมีย \" (dioeceous) \" สืบพันธุ์โดยการปฏิสนธิภายในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมเพศเมีย ตัวอ่อนภายในท้องจะมีสายรกสำหรับยึดเกาะ \" (placental attachment) \" และเจริญเติบโตอยู่ภายในมดลูก มีเยื่อห่อหุ้มตัวอ่อน \" (fetal membrane) \" และมีน้ำนมจากต่อมน้ำนม เพื่อสำหรับเลี้ยงดูลูกอ่อน ทั้งนี้มีการยกเว้นในกรณีของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมในอันดับโมโนทรีมาทา ที่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมชนิดเดียวเท่านั้นที่ออกลูกเป็นไข่ก่อนจะฟักออกมาเป็นตัวอ่อน และเจริญเติบโตจนมีลักษณะคล้ายคลึงกับตัวที่โตเต็มวัย"
] |
ใครเป็นผู้สถาปนา เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์? | [
"เมื่อปี พ.ศ. 2425 ในโอกาสครบรอบการสถาปนากรุงเทพมหานครเป็นราชธานีมาเป็นเวลาครบ 100 ปี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงได้สร้างเครื่องราชอิสริยาภรณ์เพื่อเป็นการระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและเป็นการเฉลิมพระเกียรติยศของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ปฐมบรมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี พระราชทานนามเครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้ว่า \"เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์\" หรือเรียกอย่างย่อว่า \"ตรามหาจักรีบรมราชวงศ์\" สำหรับพระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์ที่สืบเนื่องโดยตรงในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก",
"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชลัญจกรประจำเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ขึ้นสำหรับประทับข้อพระราชบัญญัติ คำประกาศ ตราตั้งคำสั่ง และหนังสือสำคัญต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ โดยมีลักษณะดังนี้",
"เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ () มีอักษรย่อว่า ม.จ.ก. เป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่สร้างขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติยศในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ปฐมบรมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ซึ่งพระมหากษัตริย์จะพระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์ที่สืบเนื่องโดยตรงในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกหรือผู้ซึ่งพระบรมวงศานุวงศ์ดังกล่าวได้เสกสมรส นอกจากนี้ ยังสามารถพระราชทานแก่ประมุขของต่างประเทศด้วย"
] | [
"อนึ่งตามพระราชบัญญติเครื่องราชอิสริยภรณ์มีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ พ.ศ. ๒๔๓๖ ไดกำหนดให้มีเจ้าพนักงานสำหรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จำนวน 3 ตำแหน่งคือ ลัญจกราภิบาล , เลขานุการ และ มุรทานุการ หลังจากนั้น ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ได้มีการตราพระราชบัญญัติของเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ขึ้นใหม่ โดยลดจำนวนเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์เหลือ 25 สำรับ สำหรับพระมหากษัตริย์ 1 สมเด็จพระบรมราชินี 1 และพระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์ 23 สำรับ รวมทั้ง ยกเลิกตำแหน่งต่าง ๆ เช่น มหาสวามิศราธิบดี มหาสวามินี ซึ่งพระราชบัญญัติเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ พ.ศ. 2484 นี้ เป็นพระราชบัญญัติของเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์ที่ใช้จนถึงปัจจุบัน",
"เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ ออกแบบโดยเสวกเอก หม่อมเจ้าประวิช ชุมสาย มีชั้นสายสะพายเพียงชั้นเดียว แบ่งออกเป็นฝ่ายหน้า (บุรุษ) และ ฝ่ายใน (สตรี) สำหรับพระมหากษัตริย์และสมเด็จพระบรมราชินีนั้น จะมีลักษณะเช่นเดียวกับที่พระราชทานแก่ฝ่ายหน้าและฝ่ายใน แต่ตรามหาจักรี สายสร้อย และดาราจักรีนั้นจะประดับเพชรทั้งหมด ม.จ.ก. 1 สำรับ ประกอบด้วย",
"บริเวณขอบจักรนั้นมีอักษรเป็นคาถาภาษิตสำหรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ คือ \"ติรตเนสกรฏฺเฐจ สมฺพํเสจมมายนํ สกราโชชุจิตฺตญฺจ สกรฏฺฐาภิวัฑฺฒนํ\" ซึ่งแปลว่า \"ความนับถือรักใคร่ในพระรัตนตรัยก็ดี ในรัฐของตนก็ดี ในวงศ์ตระกูลของตนก็ดี มีจิตซื่อตรงในพระราชาของตนก็ดี ย่อมเป็นเครื่องทำให้รัฐของตนเจริญยิ่ง\" ส่วนขอบรอบดวงตรานั้นจารึกว่า \"พระราชลัญจกร สำหรับเครื่องขัตติยราชอิสริยยศ อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่ง ตรามหาจักรีบรมราชวงษ\"",
"ตราจุลจักรี เป็นรูปจักรและตรีศูลขัดกัน เบื้องบนเป็นเครื่องอัษฎาวุธ อันประกอบด้วย พระแสงหอกเพชรรัตน์, พระแสงดาบเชลย, พระแสงตรี, พระแสงจักร, พระแสงดาบและเขน หรือ ดาบและโล่, พระแสงธนู, พระแสงของ้าวแสนพลพ่าย, พระแสงปืนคาบชุดข้ามแม่น้ำสะโตง และเครื่องพิชัยสงครามไขว้กัน ทำด้วยทองและมีคาถาภาษิตในวงจักรอย่างเดียวกับตรามหาจักรี โดยตราจุลจักรีสำหรับพระราชทานฝ่ายในนั้นจะมีลักษณะเช่นเดียวกับที่พระราชทานสำหรับฝ่ายหน้า แต่ขนาดย่อมกว่า",
"เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นมงคลยิ่งราชมิตราภรณ์ กรมศิลปากรเป็นผู้รับผิดชอบในการออกแบบ มีนายสนิท ดิษฐพันธุ์เป็นช่างผู้เขียนแบบและหม่อมเจ้ายาใจ จิตรพงศ์ทรงควบคุม โดย 1 สำรับ ประกอบด้วยสำหรับประมุขของรัฐต่างประเทศที่เป็นสตรีดวงตรา ดารา และสายสร้อยจะมีขนาดเล็กกว่า รวมทั้ง ใช้สายสะพานขนาดกว้าง 7 เซนติเมตร",
"ปัจจุบัน มีผู้ได้รับพระราชทานเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ ดังต่อไปนี้",
"เบื้องบนมีอักษรพระปรมาภิไธยย่อ ป.ร.ร. 4 ไขว้กัน โดยย่อมาจากคำว่า \"บรมราชาธิราชรามาธิบดีที่ 4\" อันหมายถึง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ และมีพระมหามงกุฎทองรัศมีเงิน ด้านหลังเป็นรูปครุฑ ปราสาท มหามงกุฏ และจุลมงกุฏทำด้วยทอง พื้นลงยาสีเขียว ขอบรอบลงยาสีแดง และมีอักษรทองว่า \"ปีมะเมีย จัตวาศก ศักราช ๑๒๔๔\" และ “ปฐมรัชกาลเป็นปีที่ครบร้อย” โดยตรามหาจักรีสำหรับพระราชทานฝ่ายในนั้นจะมีลักษณะเช่นเดียวกับที่พระราชทานสำหรับฝ่ายหน้า แต่ขนาดย่อมกว่า สำหรับพระมหากษัตริย์และพระบรมราชินีดวงตราจะประดับเพชรทั้งดวง",
"เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประธานเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์และทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจที่จะพระราชทานและเรียกคืนเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์นี้ได้",
"ปัจจุบัน เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์มีจำนวน 25 สำรับ สำหรับพระมหากษัตริย์ 1 สำรับ สมเด็จพระบรมราชินี 1 สำรับ และพระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์ที่สืบเนื่องโดยตรงในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกหรือผู้ซึ่งพระบรมวงศานุวงศ์ดังกล่าวได้เสกสมรสด้วยอีก 23 สำหรับ นอกจากนี้ ยังสามารถพระราชทานแก่ประมุขของต่างประเทศซึ่งไม่นับรวมใน 25 สำรับอีกด้วย",
"เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์จัดเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่มีลำดับเกียรติสูงสุด ก่อนที่จะมีการสร้างเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นมงคลยิ่งราชมิตราภรณ์ขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ปัจจุบัน มหาจักรีบรมราชวงศ์จัดเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่มีลำดับเกียรติเป็นลำดับที่สอง รองจากราชมิตราภรณ์ซึ่งเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์สำหรับพระราชทานแด่ประมุขของต่างประเทศเท่านั้น แต่เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์ยังจัดเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์สูงสุดที่พระราชวงศ์จะได้รับพระราชทาน"
] |
อะนิเมะ คืออะไร ? | [
"อนิเมะ () เป็นคำภาษาญี่ปุ่นที่มาจากภาษาอังกฤษว่า แอนิเมชั่น (animation) ซึ่งมาจาก ภาษาฝรั่งเศส อานีเม่ (animé) และจากภาษาละติน แปลว่าเคลื่อนไหว หรือภาพเคลื่อนไหว แต่ความหมายกลายจนเป็นคำเฉพาะของภาษาญี่ปุ่นแปลว่า ภาพยนตร์การ์ตูน ภายนอกประเทศญี่ปุ่น อนิเมะหมายถึงภาพยนตร์การ์ตูนสัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งส่วนใหญ่มีลักษณะทางศิลปะแตกต่างกับภาพยนตร์การ์ตูนจากแหล่งอื่น อนิเมะส่วนใหญ่จะวาดขึ้นด้วยมือ แต่ปัจจุบันมีการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยสร้างอนิเมะอย่างแพร่หลาย อนิเมะส่วนใหญ่สร้างขึ้นเพื่อให้ความบันเทิงเหมือนภาพยนตร์ โดยมีแนวเรื่องหลากหลายและครอบคลุมแนววรรณกรรมเกือบทุกแนว อนิเมะส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นเป็นตอน ๆ เพื่อฉายทางโทรทัศน์ ส่วนหนึ่งถูกสร้างเป็นภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องยาวเพื่อฉายในโรงภาพยนตร์ และอีกส่วนหนึ่งถูกสร้างเป็นตอน ๆ เพื่อขายตรงในรูปแบบดีวีดี วีซีดี หรือวีดิโอ ดูมีการทำตอนเฉพาะที่เรียกว่า โอวีเอ อนิเมะหลายเรื่องถูกดัดแปลงมาจากมังงะ นอกจากนี้ยังมีอนิเมะที่ถูกนำไปดัดแปลงเป็นละครโทรทัศน์อีกด้วย"
] | [
"สัญญามรณะ ธิดาอเวจี () เป็นอะนิเมะแนวลึกลับสยองขวัญ แต่งโดย ฮิโรชิ วาตานาเบะ ต่อมาได้ถูกดัดแปลงเป็นหนังสือการ์ตูน ละครโทรทัศน์ นวนิยาย และเกม สำหรับในด้านของตัวอะนิเมะเองนั้น ก็ได้มีการสร้างภาคต่อ โดยภาคสองใช้ชื่อภาคว่า \"ฟุตะโคะโมะริ\" (二籠) ภาค 3 โดยใช้ชื่อว่า \"มิตสึนะงะเอะ\" (三鼎) และภาค 4 ใช้ชื่อว่า \"โยอิ โนะ โทกิ\" (宵伽)",
"เป็นสเตรนชนิดหนึ่ง ปรากฏครั้งแรกในฐานะแมวเลี้ยงของชิโระ เธอมีความสามารถในการแทรกแทรงระบบสมองและระบบประสาทของผู้อื่น ทำให้เธอสามารถสร้างความทรงจำจอมปลอมขึ้นมาได้ รวมไปถึงสร้างภาพมายา เธอสามารถอยู่ในสภาวะล่องหนได้ ในภายหลังเธอได้กลายมาเป็นผู้รับใช้ของราชาลำดับที่ 1 ดูเหมือนว่าชื่อจริงของเธอจะเป็นอาเมโนะ มิยาบิ (雨乃雅日 \"Ameno Miyabi\")",
"ไม-โอโตเมะ ศึกอัญมณีสาวน้อยแห่งดวงดาว () () เป็นอะนิเมะที่สร้างโดยบริษัท ซันไรส์ กำกับโดย มาซะคะสึ โอบาระ เป็นการนำเรื่อง ไม-HiME มาเล่าใหม่ในอีกรูปแบบหนึ่ง โดยนำตัวละครจากภาค ไม-HIME มาเปลี่ยนชื่อและบทบาทใหม่ แต่มีตัวละครหลายตัวยังคงใช้ชื่อเดิม รวมทั้งความสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละตัวได้เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน",
"อาคานาเมะ () เป็นผีที่มีลิ้นยาว ชื่อของอะคานาเมะ อาจมากจากลักษณะตัวของมัน ที่ค่อนข้างเล็ก ซึ่ง 垢(あか) ในภาษาญี่ปุ่น แปลว่า ขี้ไคลหรือสิ่งสกปรก และ 嘗(嘗める,なめる) ในภาษาญี่ปุ่น แปลว่า เลีย ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของมัน เรื่องเล่าของมันมักเล่าว่า ปีศาจตนนี้จะปรากฏตัวที่ห้องน้ำที่สกปรก ถูกทิ้งโดยไม่ได้ทำความสะอาด โดยมันจะใช้ลิ้นเลียสิ่งสกปรกเหล่านั้น จึงมีผู้เล่าว่าในยามค่ำคืนที่ได้ยินเสียงแปลกๆ จากห้องน้ำ บางทีอาจไม่ใช่เสียงของแมลงสาบ แต่จะเป็นเสียงของอะคานาเมะก็ได้ สำหรับอะคานามะห้องน้ำจะสกปรกหรือไม่ก็ไม่ใช่ปัญหา แต่อะคานาเมะจะชอบห้องน้ำที่สกปรกมากกว่า ซึ่งอะคานาเมะชอบเลียคราบสกปรกที่พิ้นห้องน้ำมาก มักจะออกมาเลียห้องน้ำตอนที่ผู้คนหลับหมด ถ้ามีใครเข้าไปใกล้ มันจะหนีหายอบ่างรวดเร็ว จึงไม่ง่ายนักที่จะพบเห็นปีศาจประเภทนี้",
"มะอิ นะกะฮะระ () เป็นนักพากย์และนักร้องชาวญี่ปุ่น ทำงานกับ I'm Enterprise เธอมักจะมีผลงานพากย์ร่วมกับไอ ชิมิซุ ซึ่งในอะนิเมะจำนวน 8 เรื่อง ทั้งสองคนได้พากย์ตัวละครที่มีความเกี่ยวข้องกัน มะอิมีงานอดิเรกคือทำอาหารและดูภาพยนตร์ และเธอยังมีความสามารถในเคนโด้",
"หรือเจ้าของฉายา \"ยาตะการาสุ\"(แปลว่าอีกา 3 ขา) เป็นแนวหน้าของกลุ่มโฮมุระ เชี่ยวชาญในการเล่นสเกตบอร์ด เป็นอย่างมาก และยังใช้มันเป็นอาวุธอีกด้วย ยาตะเป็นคนอารมณ์ร้อนและมีความอดทนต่ำ เขามักจะอายที่จะต้องสนทนากับสาวๆ นอกจากนี้เขาเป็นเพื่อนสนิทกับ \"ซารุฮิโกะ ฟุชิมิ\" จนเมื่อฟุชิมิออกจากกลุ่มฮมระไปเข้ากับเซปเตอร์ 4 ยาตะกับฟุชิมิก็กลายเป็นศัตรูกัน",
"เนกิมะ!? นีโอ เป็นมังงะแบบ Side Story ที่เขียนโดย อ. ทาคุยะ ฟุจิมะ ที่เคยเขียนโดจิน ของเนกิมะ โดยอิงเนื้อเรื่องตามอะนิเมะ เนกิมะ!? เป็นหลัก(เช่น การใช้นีโอบัคดิโอการ์ดเป็นการ์ดพันธะสัญญา) แต่จะฉีกแนวไปอีกพอสมควร เนื้อหาในช่วงแรกนั้นจะกล่าวถึงชีวิตในอดีตก่อนจะมาเป็นครูของเนกิ สปริงฟีลด์\nลงตีพิมพ์ในนิตยสารอาบราคาดาบรา (Abracadabra) และออกเป็นฉบับรวมเล่มแล้ว 4 เล่ม โดยสำนักพิมพ์โคดันฉะ และมีเป็นแบบลิมิตเทดอิดิชั่น 3 เล่ม คือ",
"\"อิซานะ ยาชิโระ\" เป็นนักเรียนธรรมดาของโรงเรียนมัธยมปลายอะชินะกะที่ตั้งอยู่บนเกาะที่เชื่อมต่อกับเมืองชิซุเมะ เมืองชั้นนำด้านเทคโนโลยีของญี่ปุ่น ยาชิโระนั้นมักจะมีใบหน้าเปื้อนยิ้มอยู่เสมอและเขายังเป็นเข้ากับทุกคนได้ดี ถึงกระนั้น เขาก็ไม่ได้สนิทกับใครเป็นพิเศษ",
"ในภาคอะนิเมะได้รับการพากษ์เสียงโดยทากาฮิโระ ซากุระอิ ในภาคภาพยนตร์รับบทโดยทาคามาสะ สุกะ\nในภาคอะนิเมะได้รับการพากษ์เสียงโดยซุซุกิ ทาคุมะ ในภาคภาพยนตร์รับบทโดยมิตสึกิ โคกะ\nในภาคอะนิเมะได้รับการพากษ์เสียงโดยอินาดะ เท็ตสึ ในภาคภาพยนตร์รับบทโดยฮิโรชิ ยามาโมโตะ\nในภาคอะนิเมะได้รับการพากษ์เสียงโดยคานาอิ มิกะแต่ต่อมาเปลี่ยนเป็นวาคาโมโตะ โนริโอะ ส่วนในภาคภาพยนตร์พากษ์เสียงโดยชินจิ ทาเคดะ\nในภาคอะนิเมะได้รับการพากษ์เสียงโดยเรียว ไนโตะ ในภาคภาพยนตร์รับบทโดยโยชิฮิโระ ทาคายามะ\nในภาคอะนิเมะได้รับการพากษ์เสียงโดยคุโรดะ ทาคายะ ในภาคภาพยนตร์รับบทโดยอิตสึจิ อิทาโอะ\nในภาคอะนิเมะได้รับการพากษ์เสียงโดยโมริ โนริฮิสะ ในภาคภาพยนตร์รับบทโดยโนโบรุ คาเนโกะ\nในภาคอะนิเมะได้รับการพากษ์เสียงโดยสุยามะ อาคิโอะ ในภาคภาพยนตร์รับบทโดยซาดาโยชิ ชิมาเนะ\nในภาคอะนิเมะได้รับการพากษ์เสียงโดยคาซามะ ยูโตะ ในภาคภาพยนตร์รับบทโดยโชอิจิโร่ มัตสึโมโตะ\nในภาคอะนิเมะได้รับการพากษ์เสียงโดยชิมุระ โทโมยูกิ\nในภาคอะนิเมะได้รับการพากษ์เสียงโดยยูจิ อุเอดะ\nในภาคอะนิเมะได้รับการพากษ์เสียงโดยมิกะ คานาอิ\nในภาคอะนิเมะได้รับการพากษ์เสียงโดยโนบุยุกิ ฮิยามะ ในภาคภาพยนตร์รับบทโดยเคนอิจิ เอนโด\nในภาคอะนิเมะได้รับการพากษ์เสียงโดยไดกิ นากามูระ ในภาคภาพยนตร์รับบทโดยโนโบรุ ทาคาชิ\nในภาคอะนิเมะได้รับการพากษ์เสียงโดยคิโยยูกิ ยานาดะ\nในภาคอะนิเมะได้รับการพากษ์เสียงโดยมาซามิ คิคุจิ\nในภาคอะนิเมะได้รับการพากษ์เสียงโดยเมงุมิ ฮายาชิบาระ ในภาคภาพยนตร์รับบทโดยฮิโรชิ ยามาโมโตะ",
"สิ่งไม่คาดคิดเกิดขึ้น เมื่อยาชิโระถูกลอบทำร้ายโดยกลุ่มสีแดง\"โฮมุระ\" ในขณะที่เขากำลังหลบหนีนั้น ยาชิโระได้รับความช่วยเหลือจากบุลคลนาม \"ยาโตงามิ คุโระ\" เจ้าของฉายา \"หมาดำ\" จนหลบหนีพ้น แต่เมื่อมาถึงสถานที่ปลอดภัย คุโระกลับจะฆ่ายาชิโระเสียเอง ยาชิโระซึ่งกำลังสับสนกับเหตุการณ์ทั้งหมดถามเหตุผลที่จะฆ่าเขาจากคุโร ทันใดนั้น ภาพจอโทรทัศน์และจอโฆษณาทั่วเมืองก็ได้ปรากฏวิดีโอที่ในนั้นปรากฏภาพบุคคลซึ่งมีหน้าตาเหมือนยาชิโระซึ่งอ้างตนว่า เป็นราชาลำดับเจ็ด \"ราชาไร้สี\" ได้สังหาร \"โทสึกะ ทาทาระ\" สมาชิกคนสำคัญของกลุ่มสีแดงไป ยาชิโระถูกกล่าวหาว่าเป็นมือสังหารในขณะที่เขาเองก็เริ่มสับสนในตัวตนของเขา"
] |
ปฏิบัติการเอนเทบเบ หรือ ปฏิบัติการธันเดอร์โบลต์ เป็นภารกิจช่วยเหลือตัวประกันที่เกิดขึ้นที่ประเทศอะไร ? | [
"ปฏิบัติการเอนเทบเบ () หรือ ปฏิบัติการธันเดอร์โบลต์ () เป็นภารกิจช่วยเหลือตัวประกันในการต่อต้านการก่อการร้ายที่ประสบความสำเร็จ ดำเนินการโดยหน่วยคอมมานโดของกองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ที่ท่าอากาศยานเอนเทบเบในประเทศยูกันดาเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1976"
] | [] |
ใครเป็นผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ? | [
"จากนั้นเมื่อวันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2518 กำพลจดทะเบียนก่อตั้งนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดขึ้น ในชื่อ\"บริษัท วัชรพล จำกัด\" () เพื่อเป็นเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และเป็นผู้บริจาคทุนทรัพย์ในการก่อสร้าง\"โรงเรียนไทยรัฐวิทยา\"ทั้ง 101 แห่ง โดยตั้งแต่ พ.ศ. 2539 จนถึงปัจจุบัน คุณหญิงประณีตศิลป์ วัชรพล ภริยาของกำพล ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท มีพนักงานทั้งสิ้น 1,800 คน (เมื่อ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2552) เฉพาะกองบรรณาธิการ 262 คน (เมื่อ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2552) อาคารทั้งหมด 13 หลัง บนพื้นที่ 39 ไร่ 9 ตารางวา และศูนย์ข่าวในส่วนภูมิภาค 35 แห่ง ทั้งนี้ บจก.วัชรพล มีทุนจดทะเบียนเริ่มต้นที่ 1 ล้านบาท จากนั้น มีการเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกหลายครั้ง ดังรายละเอียดต่อไปนี้",
"จ่าโท กำพล วัชรพล (27 ธันวาคม พ.ศ. 2462 - 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539) ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ, เสียงอ่างทอง, ข่าวภาพ, มูลนิธิหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์ไทยรัฐคนแรก",
"ไทยรัฐ () เป็นหนังสือพิมพ์รายวันภาษาไทย นำเสนอข่าวทั่วไป ที่มียอดจำหน่ายมากที่สุดในประเทศไทย จากการสำรวจเมื่อปี พ.ศ. 2523 ก่อตั้งโดยกำพล วัชรพล ปัจจุบันมี บริษัท วัชรพล จำกัด เป็นเจ้าของ, ยิ่งลักษณ์ วัชรพล เป็นผู้อำนวยการ และสราวุธ วัชรพล เป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการ มีจำนวนพิมพ์ปัจจุบันที่ 1,000,000 ฉบับ ราคาจำหน่าย 10.00 บาท"
] | [
"\"มูลนิธิหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ\" ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2522 อันเป็นวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 60 ปีของกำพล วัชรพล ซึ่งใช้ทุนส่วนตัวในการก่อตั้งมูลนิธิดังกล่าว เป็นเงินจำนวน 1,000,000 บาท และยื่นคำขออนุญาตจัดตั้งมูลนิธิ ต่อสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ (ปัจจุบันสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม) และได้รับใบอนุญาตจัดตั้งมูลนิธิ เลขที่ ต.131/2523 เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 ต่อมาจึงเปลี่ยนมาใช้ชื่อ \"มูลนิธิไทยรัฐ\" จนถึงปัจจุบัน",
"ต่อมาได้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิโกมลคีมทอง ทำหนังสือ สังคมศาสตร์ปริทัศน์ ที่มี สุชาติ สวัสดิ์ศรี เป็นบรรณาธิการ ในขณะที่อยู่ที่วิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร ในปี พ.ศ. 2517 ได้ก่อตั้ง หนังสือพิมพ์ชาวบ้าน ของมูลนิธิโกมลคีมทอง และทำวารสาร \"ปาจารยสาร\" เพื่อวิพากษณ์วิจารณ์ระบบการศึกษาไทย ทำหนังสือพิมพ์ \"ประชาชาติรายสัปดาห์\" และร่วมก่อตั้งหนังสือพิมพ์ \"จัตุรัสรายสัปดาห์\" กับ พันศักดิ์ วิญญรัตน์ และเพื่อน ๆ นักเขียน นักหนังสือพิมพ์",
"27 ธันวาคม 2492 บริษัทข่าวภาพบริการ จำกัด ยื่นคำขอจดทะเบียน เป็นเจ้าของกิจการ\"หนังสือพิมพ์ข่าวภาพ\" () ซึ่งถือเป็นวันขึ้นรอบปีของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ที่กำพลเป็นเจ้าของอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ต่อมาจึงออกวางแผงเป็นรายสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2493 และในวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2494 กำพล วัชรพล, เลิศ อัศเวศน์ และวสันต์ ชูสกุล ผู้ร่วมก่อตั้งข่าวภาพ ปรับเวลาออกหนังสือพิมพ์ให้เร็วขึ้น จากรายสัปดาห์เป็นรายสามวัน",
"นอกจากนี้ นายอิศรา ได้รับเลือกให้เป็น นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก และดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 3 ปี ติดต่อกัน (พ.ศ. 2499, พ.ศ. 2500 และ พ.ศ. 2501) และยังเป็นผู้ริเริ่มเปลี่ยนแปลงการจัดหน้าหนังสือพิมพ์ จากหน้าละ 7 คอลัมน์ เป็น 8 คอลัมน์ อีกด้วย\nเมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2512 สมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย, สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย และ สมาคมหนังข่าวแห่งประเทศไทย ได้ประชุมร่วมกัน และมีมติให้จัดตั้ง “มูลนิธิ อิศรา อมันตกุล” เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่นายอิศรา จดทะเบียนก่อตั้ง เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2514 โดยมี นายสนิท เอกชัย เป็นประธานมูลนิธิฯ คนแรก",
"จนกระทั่งปี พ.ศ. 2514 บางกอกโพสต์ซื้อกิจการหนังสือพิมพ์บางกอกเวิลด์ ซึ่งสุทธิชัยเห็นว่า เป็นการผูกขาดวงการหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ จึงร่วมกับหม่อมราชวงศ์หญิงสุนิดา กิติยากร, ธรรมนูญ มหาเปารยะ และเพื่อนนักหนังสือพิมพ์ โดยประกาศขายหุ้นแก่ประชาชนเพื่อระดมทุน จนได้เป็นเงินราว 2 ล้านบาท ในการก่อตั้งหนังสือพิมพ์รายวันภาษาอังกฤษฉบับแรก ที่มีคนไทยเป็นเจ้าของ ให้ชื่อว่า \"เดอะ วอยซ์ ออฟ เดอะ เนชั่น\" (; คำแปล: เสียงแห่งประชาชาติ) ในวันที่ 1 กรกฎาคม ปีเดียวกัน \nในปี พ.ศ. 2517 เขาทำงานกับวิทยุแห่งประเทศไทย และเริ่มมีชื่อเสียงจากการเล่าข่าวสงครามอ่าวเปอร์เซีย ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3\nต่อมา เมื่อคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ก่อรัฐประหารในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ตามมาด้วยคำสั่งปิดหนังสือพิมพ์ในประเทศไทยทุกฉบับ สุทธิชัยจึงนำใบอนุญาตที่ตนเคยทำสำรองไว้ก่อนหน้านั้น ออกหนังสือพิมพ์ชื่อใหม่ว่า \"เดอะ เนชั่น รีวิว\" () เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2519 จากนั้นเมื่อปี พ.ศ. 2528 จึงเปลี่ยนเป็นชื่อที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน",
"สุทธิชัยยังเป็นผู้ก่อตั้ง หนังสือพิมพ์ธุรกิจรายวันฉบับแรกของประเทศไทย คือ\"กรุงเทพธุรกิจ\" เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2530 นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ริเริ่มวิทยุเนชั่น และเป็นหนึ่งในคณะผู้ร่วมดำเนินงานสถานีโทรทัศน์ไอทีวี เมื่อปี พ.ศ. 2538, ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2543 จึงมาก่อตั้งสถานีโทรทัศน์เนชั่นแชนแนล ยุคต่อมา เขามีชื่อเสียงจากการเป็นคอลัมนิสต์ และผู้ดำเนินรายการสนทนาเชิงข่าว ที่มักต้อนผู้ร่วมรายการให้จนมุมได้บ่อยครั้ง โดยรายการที่สร้างชื่อคือ การรายงานข่าวสงครามอ่าวเปอร์เซีย ในช่วงต้นปี พ.ศ. 2534 ทางไทยทีวีสีช่อง 3 และช่อง 9 อ.ส.ม.ท. ต่อมาเครือเนชั่นจึงเริ่มผลิตรายการโทรทัศน์ครั้งแรก \"เนชั่น นิวส์ ทอล์ก\" ทางช่อง 9 อ.ส.ม.ท. ซึ่งทำให้เอกลักษณ์ของสุทธิชัย กลายเป็นที่รู้จักและจดจำของคนทั่วไป รวมทั้งนักแสดงตลก ก็มักนำไปล้อเลียนอยู่บ่อยครั้ง ต่อมาในปี พ.ศ. 2545 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้าตรวจสอบบัญชีธนาคาร และการชำระภาษีย้อนหลัง ของสื่อมวลชนจำนวนหนึ่ง ซึ่งในจำนวนนั้น มีสุทธิชัยรวมอยู่ด้วย",
"ในเดือน สิงหาคม 2488 เข้าทำงานเป็นผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ สุภาพบุรุษ-ประชามิตรรายวัน ซึ่งคุณกุหลาบ สายประดิษฐ์ เป็นบรรณาธิการ ได้ค่าจ้างรายวัน ๆ ละ 9 บาท\nเขาผ่านงานหนังสือพิมพ์รายวัน 5 หัวชื่อ คือ ผู้สื่อข่าวสุภาพบุรุษ-ประชามิตร, ผู้ช่วยบรรณาธิการอิสระธรรม, บรรณาธิการหลักไทย, บรรณาธิการข่าวภาพ, หัวหน้ากองอำนวยการไทยรัฐ",
"เลิศ อัศเวศน์ ได้รับการประกาศจากสมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยโดยนายบัณฑิต รัชวัฒนะธานินทร์ นายกสมาคมฯ กล่าวรายงานนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีเป็นประธานมอบโลห์เกียรติคุณเป็นผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์มาด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เป็นนักหนังสือพิมพ์ดีเด่นควรยกย่อง พิธีมีขึ้นในวันที่ 5 เมษายน 2536 นอกจากนี้ เขายังเป็นกรรมการบริหารมูลนิธิไทยรัฐอีกด้วย"
] |
สมเด็จพระพุฒาจารย์ เกิดเมื่อไหร่? | [
"สมเด็จพระพุฒาจารย์ มีนามเดิมว่าศรี เกิดเมื่อปีจอ พ.ศ. 2357 บิดาเป็นชาวจีนแซ่อึง ทำอาชีพค้าขายทางทะเล เมื่ออายุได้ขวบครึ่งได้บิดามารดาพาท่านออกเดินทางไปด้วย เมื่อถึงช่องเสม็ด พวกลูกเรือได้ฆาตกรรมบิดามารดาท่าน พี่เลี้ยงพาท่านหนีออกมาได้ ป้าของท่านจึงเลี้ยงดูท่านแทนจนท่านอายุได้ 7 ขวบ จึงนำไปฝากกับพระอาจารย์สิงห์ วัดปทุมคงคา เพื่อให้ได้ศึกษาเล่าเรียน",
"สมเด็จพระพุฒาจารย์ มีนามเดิมว่า เข้ม สกุล ธนสังข์ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2396 ตรงกับแรม 7 ค่ำ เดือนอ้าย ปีฉลู จ.ศ. 1215 ภูมิลำเนาอยู่บ้านตำบลโรงช้าง จังหวัดพิจิตร เมื่ออายุได้ 10 ขวบได้ศึกษากับพระอาจารย์พุ่ม วัดนครชุม ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองพิจิตร จนอายุ 15 ปี จึงมาบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร ในสำนักพระญาณสมโพธิ (อ่ำ) ขณะยังเป็นพระอันดับ แล้วศึกษาต่อในสำนักหลวงธรรมาภิมณฑ์ (ปั้น) พระเมธาธิบดี (จั่น) และพระปริยัติธรรมธาดา (ชัง)",
"สมเด็จพระพุฒาจารย์ มีนามเดิมว่า เสงี่ยม วิโรทัย เกิดเมื่อวันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2443 เป็นบุตรของนายเขียว-นางประกอบ วิโรทัย ภูมิลำเนาอยู่ตำบลหันสัง อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ศึกษาที่โรงเรียนประชาบาลจนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จึงช่วยบิดาทำนา จนถึงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2460 จึงย้ายมาอยู่กับพระอาจารย์ทอง คณะ 5 วัดสุทัศนเทพวราราม",
"สมเด็จพระพุฒาจารย์ มีนามเดิมว่าเขียว เกิดเมื่อวันอังคาร แรม 13 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะเส็ง ตรงกับวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2376 เป็นบุตรคนโตของหมื่นพร (น่วม) กรมพระตำรวจขวา กับนางทรัพย์ เมื่ออายุได้ 11 ปี โยมมารดาได้ฝากท่านไว้กับพระสมุห์รอด วัดสมอราย หลังโกนจุกเมื่ออายุ 13 ปีจึงบรรพชาเป็นสามเณรโดยมีพระสมุห์รอดเป็นพระอุปัชฌาย์ ปีต่อมาได้บรรพชาซ้ำในคณะธรรมยุติกนิกาย โดยมีพระอริยมุนี (ทับ พุทฺธสิริ) เป็นพระอุปัชฌาย์ แล้วเล่าเรียนภาษาบาลีกับพระอริยกวี (ทิง) และได้เข้าสอบพระปริยัติธรรมได้เป็นเปรียญธรรม 3 ประโยค ขณะอายุ 17 ปี",
"สมเด็จพระพุฒาจารย์ มีนามเดิมว่า คำตา ดวงมาลา เป็นบุตรคนโตของนายพิมพ์ และนางแจ้ ดวงมาลา เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2446 แรม 4 ค่ำเดือน 12 ณ บ้านโต้น ต.บ้านโต้น อ.เมือง จังหวัดขอนแก่น มีพี่น้องร่วมบิดามารดาทั้งสิ้น 4 คนท่านเป็นบุตรคนโต น้องอีกสามคนคือ นางบี้ นายเพิ่ม และนางเอื้อ ตามลำดับ เมื่อย้ายมาอยู่วัดมหาธาตุฯ พระธรรมไตรโลกาจารย์ (เจ้าอาวาสขณะนั้น) ได้เปลี่ยนชื่อท่านจาก คำตา เป็น อาจ เพื่อให้เหมาะกับบุคลิก องอาจ แกล้วกล้า ของท่าน",
"สมเด็จพระพุฒาจารย์ มีนามเดิมว่า โสม ศุภเทศ เกิดเมื่อวันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2417 เป็นบุตรของนายเทศ-นางภุม ศุภเทศ ภูมิลำเนาอยู่ตำบลพุมเรียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ศึกษาในสำนักพระครูรัตนมุนีศรีสังฆราชาลังกาแก้ว (ทองอยู่) วัดโพธาราม จนอายุได้ 15 ปีจึงบรรพชาเป็นสามเณรแล้วเดินทางมาอาศัยกับพระราชมุนี (ปุ่น ปุณณโก) ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ศึกษาภาษาบาลีกับอาจารย์หลายท่าน เช่น พระราชมุนี (ปุ่น) พระยาธรรมปรีชา (บุญ) อาจารย์เอื้อม เป็นต้น ถึงปี พ.ศ. 2439 พระราชมุนีจึงพาไปอุปสมบทเป็น ณ วัดชีปะขาว จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีพระโพธิวงศาจารย์ (วิญญู รตนโชติ) ขณะยังเป็นพระปริยัติวงศาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสมุห์แย้ม วัดสามกุฎี และสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทโว) ขณะเป็นพระศรีสมโพธิ์ เป็นคู่พระกรรมวาจาจารย์ ได้ฉายาว่าฉนฺโน บวชแล้วกลับมาอยู่วัดอรุณฯ ดังเดิม",
"สมเด็จพระพุฒาจารย์ มีนามเดิมว่า เกี่ยว โชคชัย เกิดเมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2471 นับแบบเก่า นับแบบปัจจุบันตรงกับ พ.ศ. 2472 (ตรงกับวันอาทิตย์ แรม 8 ค่ำ เดือน 3 ปีมะโรง) ณ บ้านเฉวง ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ถือกำเนิดในครอบครัวชาวจีนไหหลำ เป็นบุตรคนที่ 5 ในจำนวนบุตร 7 คน ของนายอุ้ยเลี้ยน แซ่โหย่ (เลื่อน โชคชัย) และนางยี แซ่โหย่ (ยี โชคชัย) ครอบครัวโชคชัยมีอาชีพทำสวนมะพร้าว ปัจจุบันทายาทสกุลโชคชัยหรือแซ่โหย่เปลี่ยนนามสกุลนั้นเป็น โชคคณาพิทักษ์",
"สมเด็จพระพุฒาจารย์ นามเดิม เกี่ยว โชคชัย ฉายา อุปเสโณ (11 มกราคม พ.ศ. 2471 - 10 สิงหาคม พ.ศ. 2556) เป็นสมเด็จพระราชาคณะฝ่ายมหานิกาย อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร อดีตผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และประธานสมัชชามหาคณิสสร เป็นพระเถระที่มีอาวุโสโดยสมณศักดิ์สูงสุดของมหาเถรสมาคม",
"สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) มีนามเดิมว่า สนิท นามสกุล วงษา เกิดเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2485 ณ บ้านเลขที่ 28 หมู่ที่ 6 ตำบลดงน้อย อำเภอราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทรา อุปสมบทเมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2506 ณ วัดเกาะแก้วเวฬุวัน อำเภอราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีพระอดุลสารมุนี วัดท่าเกวียน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นพระอุปัชฌาย์",
"สมเด็จพระพุฒาจารย์ นามเดิม อาจ ดวงมาลา ฉายา อาสโภ (8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2446 - 8 ธันวาคม พ.ศ. 2532) เป็นสมเด็จพระราชาคณะ อดีตเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช นอกจากนี้ท่านยังเป็นบุคคลแรกที่นำการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐานสี่ (หรือแบบยุบหนอ-พองหนอ) จากพม่ามาเผยแพร่ในประเทศไทย",
"สมเด็จพระพุฒาจารย์ เกิดในรัชสมัย[พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาร] (หลังสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ได้แล้ว 7 ปี) เมื่อวันพฤหัสบดี เดือน 5 ขึ้น 12 ค่ำ ปีวอก จุลศักราช 1150 เวลาพระบิณฑบาต (ตรงกับวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2331) ณ บ้านไก่จ้น (บ้านท่าหลวง) อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา"
] | [] |
อัลบั้มเพลงแรกของวง บีทีเอสมีโปรดิวเซอร์ชื่อว่าอะไร? | [
"ในตอนแรกนั้น บังทันบอยส์เป็นโครงการฮิปฮอปที่จะมีแนวคิดคล้ายกับ 1TYM คือเป็นวงฮิปฮอปที่มีแต่ท่อนแร็ป ไม่ใช่วงฮิปฮอปไอดอลที่มีการร้องแร็ปและเต้น ซึ่งมีโอกาสจะได้ปล่อยผลงานตั้งแต่ปี 2010 แต่เนื่องจากมีสมาชิกบางส่วนถอนตัวออกไป ทำให้ทุกอย่างถูกเลื่อนออกไปโดยไม่มีกำหนด เหลือแค่แร็ปมอนสเตอร์เพียงคนเดียวที่เป็นสมาชิกที่ได้รับการวางตัวในวงนี้ตั้งแต่แรก หลังจากนั้นโปรดิวเซอร์บังชีฮยอกได้เปิดทดสอบความสามารถ HIT IT เพื่อหาสมาชิกใหม่ในโปรเจกต์ฮิปฮอปพังทันโซนยอนดัน ซึ่งทำให้ได้พบกับชูกา ซึ่งเคยเป็นแร็ปเปอร์ใต้ดินมาก่อน ส่วนเจ-โฮปนั้นก็เป็นนักเต้นที่ค่อนข้างโดดเด่นจากเมืองควังจู ทั้ง 3 คนได้กลายมาเป็นสมาชิกกลุ่มแรกของวง หลังจากนั้น วี มาทดสอบความสามารถที่ BigHit ผ่านการทดสอบความสามารถด้วยการร้องเพลงและได้เข้าร่วมทีมซึ่งในขณะนั้นได้ฟอร์มวงมาระยะหนึ่งแล้ว(ใช้เวลาในการฟอร์มวง 3 ปี) จ็องกุกที่ไม่ผ่านการทดสอบความสามารถในรายการ Superstar K2 ที่พูซาน แต่ได้รับความสนใจจากหลายบริษัทในขณะนั้น ซึ่งจ็องกุกได้เลือกเข้ามาเป็นเด็กฝึกที่ BigHit จนได้เป็นส่วนหนึ่งในโปรเจกต์พังทันตั้งแต่นั้นมา จินได้รับการแคสติ้งขณะเดินทางไปเรียนและได้เข้าเป็นเด็กฝึกพร้อมกับจ็องกุก ส่วนจีมินนั้นเข้ามาทดสอบความสามารถตามคำแนะนำของครูสอนเต้นจนได้เป็นนักร้องฝึกหัดของค่ายอยู่ก่อนแล้ว และได้ผ่านการคัดเลือกเป็นสมาชิกวงเป็นคนสุดท้าย เจ-โฮปปรากฏตัวครั้งแรกในรายการเพลงผ่านผลงานเดี่ยวของโจควอน 2AM ซิงเกิลชื่อ 'Animal' โดยมีเจ-โฮปมาร่วมฟีทในท่อนแร็ปของเพลง นอกจากนั้นในมิวสิกวิดีโอเพลง I'm Da One ของโจควอนก็มี จิน วี เจ-โฮป จ็องกุก และชูกา ก็ปรากฏอยู่ในมิวสิกวิดีโอเช่นกัน ก่อนช่วงคริสต์มาสปี 2012 พังทันได้ทำเพลงชื่อ \"A Typical Trainee's Christmas\" เพื่อความสนุกและหวังว่าจะได้เปิดตัว ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงที่พวกเขาร้องและแต่งเอง ในเดือนธันวาคมปี 2012 ได้มีการปล่อยคลิป Let's Introduce BANGTAN ROOM ซึ่งเป็นคลิปการแร็ปของแร็ปมอนสเตอร์เพื่อแนะนำสมาชิกคนแรก จิน บังชีฮยอกได้รีมิกซ์ \"A Typical Trainee's Christmas\" และปล่อยเทปรีมิกซ์ออกมา เดือนมกราคม 2013 ได้มีการเปิดเผยคลิปการทำเพลงของชูกาและคลิปการซ้อมเต้นของจีมิน แต่ไม่ได้เปิดเผยหน้าตาแต่อย่างใด ในช่วงแรกนั้นมีเพียงแร็ปมอนสเตอร์และจินที่เปิดเผยหน้าตาและได้ทำคลิป BTS'log เดือนกุมภาพันธ์ 2013 มีการปล่อยคลิปการซ้อมเต้นของจ็องกุก และปล่อย MV เพลง 'Graduation Song' ที่ร้องโดยจ็องกุก จีมิน เจ-โฮป หลังจากนั้นได้มีการปล่อยคลิป BTS'log มากมายและได้เปิดเผยสมาชิกที่เหลืออีก 6 คน"
] | [
"หาดทราย สายลม สองเรา เป็นอัลบั้มเพลงอัลบั้มแรกของธงไชย แมคอินไตย์ ออกวางแผงจำหน่ายในปี พ.ศ. 2529 ในรูปแบบเทปและแผ่นเสียง ในสังกัดแกรมมี่ เอนเตอร์เทนเม้นท์ โดยมี เรวัต พุทธินันทน์ เป็นโปรดิวเซอร์ อัลบั้มนี้มีจำนวน 10 เพลง และถูกจัดให้เป็นอัลบั้มศิลปินชายที่เป็นที่สุดแห่งปี โดยมีการนำเพลงดังในอัลบั้มไปใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่อง \"ด้วยรักและผูกพัน\" ซึ่งนำแสดงโดยเบิร์ด ในปีเดียวกัน",
"เป็นอัลบั้มชุดแรกของโปรเจ็กต์ วางจำหน่ายปี พ.ศ. 2549 โดยมีนักร้อง 6 คนที่มาร่วมงาน ได้แก่ เบญจพล เชยอรุณ(กอล์ฟ), แตง ปาริฉัตร เจ้าของเสียงร้องเพลง แกล้งรัก จากอัลบั้ม โชว์รูม, วัลลภ มณีคุ้ม หรือ มัม ลาโคนิค เจ้าของเสียงร้องต้นฉบับเพลง เติมใจให้กัน, นรีกระจ่าง คันธมาส(จุ๋ม) อดีตนักร้องวงโคโค่แจ๊ซ, สมประสงค์ สิงหวนวัฒน์(ตั้ม) อดีตสมาชิกวงเดอะ เซนท์ นักร้องในกลุ่ม 18 กะรัต ศิลปินเดี่ยวเจ้าของเพลงฮิต ช่างไม่รู้เลย ที่เก่าที่ฉันยืน และ เมทนี บุรณศิริ(นีโน่) นักแสดง อดีตนักร้องเจ้าของเพลง คนขี้เหงา",
"เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2536 หิน เหล็ก ไฟ ออกอัลบั้มชุดแรกซึ่งมีชื่อเดียวกับชื่อวง สังกัดค่าย อาร์เอส โปรโมชัน โดยได้บันทึกเสียงที่ห้องอัด เซ็นเตอร์ สเตจ ของแอ๊ด คาราบาว เพลงที่ได้รับความนิยมในอัลบั้มนี้ได้แก่ \"ยอม\", \"เพื่อเธอ\", \"นางแมว\", \"พลังรัก\", \"สู้\", \"ร็อคเกอร์\" โดยอัลบั้มหิน เหล็ก ไฟ เป็นอัลบั้มที่มียอดจำหน่ายมากกว่า 1 ล้านตลับ และได้รับรางวัลสีสันอะวอร์ดส์ ครั้งที่ 6 (พ.ศ. 2536) สาขาศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม และโปรดิวเซอร์ยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงคอนเสิร์ต ช็อต ชาร์จ ช็อค ร็อก คอนเสิร์ต (Short Charge Shock Rock Concert) ครั้งที่ 1 ที่ สนามกีฬาอินดอร์สเตเดียม หัวหมาก ซึ่งถือว่าเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของวงการดนตรีไทย โดยเป็นวงร็อกวงแรกของไทยที่ทำยอดขายได้ถึง 1 ล้านตลับ และคอนเสิร์ต ช็อต ชาร์จ ช็อค ร็อก คอนเสิร์ต ก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยเป็นคอนเสิร์ตของศิลปินไทยที่มียอดผู้ชมมากที่สุดในปี พ.ศ. 2536 จนต้องจัดครั้งต่อมาในปี พ.ศ. 2537, พ.ศ. 2538 และ พ.ศ. 2556",
"จากนั้นเอ็กซ์วายแซดได้พักงานในวงการและไปเรียนดนตรีและฝึกซ้อมกันอย่างจริงจังโดยทุกคนได้มาอาศัยอยู่รวมกันในบ้านเช่า และยังมีนักร้องนักดนตรีมากประสบการณ์มาฝึก สอนให้กับวงเอ็กซ์วายแซด จนต่อมาในปี พ.ศ. 2530 อัลบั้มชุดแรก ดอกไม้บานเจ้าเอย ภายใต้สังกัดแกรมมี่ เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ วางแผงวันที่ 1 มกราคม 2530 มี โปรดิวเซอร์และผู้จัดการวงอย่างกริช ทอมมัส เนื้อหาของเพลง มีเนื้อหาที่โตขึ้น ก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ภาษาที่ใช้ในเพลงก็เป็นแบบกันเอง เหมือนภาษาพูดในหมู่วัยรุ่น เข้าใจง่ายๆ มีเพลงฮิตอย่าง ฝากดาว , ไม่กลัวไม่สวย , ขอให้เป็นเช่นวันก่อน ,เจ้าดอกไม้บาน,แสงดาวกับสายลม และ สบายดีหรือเปล่า ที่มีความคล้ายคลึงกับเพลง “Last Christmas” ของ Wham",
"ต่อมาในปี พ.ศ. 2526 ซึ่งเป็นยุคที่เพลงไทยกำลังเฟื่องฟู เดอะ เบลสส์ ได้ออกสตูดิโออัลบั้มที่เป็นผลงานของตัวเองชุดแรกในชื่อ หัวใจขายขาด สังกัดห้องอัดเสียงทอง ซึ่งมีอุกฤษฏ์ พลางกูร พี่ชายของอิทธิ เป็นผู้บริหารและควบคุมการบันทึกเสียงในขณะนั้น มีเพลงฮิตอย่าง \"หัวใจขายขาด\" ซึ่งเป็นเพลงเก่าของสุเทพคอรัส แนวร็อค แอนด์ โรล ร้องโดย ธนิต และเพลง \"เมื่อใดฉันไร้รัก\" เพลงช้าที่โดดเด่นมาก จากการร้องของอิทธิ โดยอัลบั้มนี้ได้ สุรพล โทณะวณิก มาเขียนคำร้อง",
"ซิงเกิลแรก Dirty Cash เพลงป็อบสนุกสนาน กลิ่นอายฮิปฮอปที่ได้โปรดิวเซอร์ชื่อดัง Andy Love (อดีตนักร้องวง Pet Shop Boys) และ Jos Jorgensen ที่มีผลงานเพลงธีม X-factor และ อเมริกาก็อดทาเลนท์ มาแต่งช่วยทำนองและเรียบเรียง เพลงนี้ จี-ดรากอน หัวหน้าวงและโค-โปรดิวเซอร์ยังได้โชว์ความสามารถในการแต่งท่อนแรพทั้งหมด ในอัลบั้ม BIGBANG VOL.1 สมาชิกแต่ละคนได้แต่งเนื้อร้องและก็มีผลงานโซโล่ของตนเอง",
"ดีทูบี () เป็นอัลบั้มเพลงลำดับที่ 1 ของวงดีทูบี ภายใต้สังกัด อาร์เอส โปรโมชั่น ออกจำหน่ายในปี พ.ศ. 2544",
"บูมเมอแรง เป็นอัลบั้มเพลงที่ 5 ของธงไชย แมคอินไตย์ ในสังกัดจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ออกวางแผงจำหน่ายในปี พ.ศ. 2533 โดยมี สมชาย กฤษณะเศรณี เป็นโปรดิวเซอร์ โดยถูกจัดให้เป็นอัลบั้มที่ดีที่สุดของแกรมมี่ในปีดังกล่าว ซึ่งสร้างสถิติยอดจำหน่าย 2 ล้านตลับแรกของนักร้องแกรมมี่ และถูกจัดให้เป็นอัลบั้มที่เป็นที่สุดแห่งปี สำหรับเพลงเปิดตัวคือเพลง บูมเมอแรง ออกอากาศทางโทรทัศน์พร้อมภาพยนตร์เพลงที่กำกับโดย ดล ผดุงวิเชียร ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวที่ไม่เหมือนอัลบั้มอื่นๆของเบิร์ดที่เน้นภาพลักษณ์อบอุ่น โดยอัลบั้มนี้นำเสนอเบิร์ดเป็นฮีโร่ที่มาพร้อมกับอาวุธ คือ บูมเมอแรง ในภาพลักษณ์เรียบง่ายเสื้อยืดสีเทา กางเกงยีนส์ และต่อเนื่องด้วยการเปิดตัวเพลง คู่กัด อีกหนึ่งเพลงดังแห่งยุค และเพลงดังอื่นๆ อาทิ เพลงเงียบๆคนเดียว เพลงหมอกหรือควัน เป็นต้น และจากความสำเร็จของอัลบั้มดังกล่าวทำให้เบิร์ดมีทัวร์คอนเสิร์ตที่ใช้ชื่อว่ามนุษย์บูมเมอแรงทุกภาค และต่อเนื่องด้วย คอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดโชว์ ครั้งที่ 4 โดยรายชื่อเพลงอัลบั้มบูมเมอแรง ดังนี้",
"ในปี พ.ศ. 2529 มีการออกอัลบั้มแรกของ ธงไชย แมคอินไตย์ อัลบั้ม \"หาดทราย สายลม สองเรา\" ออกวางตลาด ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูง พร้อมทั้งเพิ่มการผลิตเพลง แนวเพลงร็อค ได้แก่ วงไมโคร ในอัลบั้มแรก \"ร็อค เล็ก เล็ก\" ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีเช่นกัน หลังจากจากนั้นมีผลงานต่อมาคือ \"หมื่นฟาเรนไฮต์\" ซึ่งมีเพลงประจำคอนเสิร์ตมือขวาคือเพลง เอาไปเลย และ \"เต็มถัง\" ซึ่งมีเพลงดังคือ ส้มหล่น",
"เมื่อดอกไม้ป่า จรดปากกาเซ็นสัญญากับ วีที โปรโมชั่น ก่อนเป็นนิธิทัศน์แล้ว ทางวงจึงเริ่มผลิตผลงานเพลงอัลบั้มชุดแรกในปีพ.ศ. 2525 มีชื่อชุดว่า \"ทุยใจดำ\" โดยเพลงแรกที่ได้รับการโปรโมทก็คือ \"ทุยใจดำ\" ตามมาด้วย \"สิ้นเยื่อขาดใย\" โดยคุณมนตรี ผลพันธิน เป็นผู้แต่งคำร้องและเรียบเรียงเสียงประสานทั้งหมดโดยใช้ทำนองเพลงจีน ถือว่าชุดนี้ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม และทำให้ดอกไม้ป่า ได้รับรางวัลทีวีตุ๊กตาทองมหาชน เพลงประสานเสียงยอดนิยม"
] |
ประชาธิปไตย มีความหมายว่าอย่างไร ? | [
"ประชาธิปไตย () เป็นระบอบการปกครองแบบหนึ่งซึ่งการบริหารอำนาจรัฐมาจากเสียงข้างมากของพลเมือง ผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย โดยพลเมืองอาจใช้อำนาจของตนด้วยตนเองหรือผ่านผู้แทนที่เลือกไปใช้อำนาจแทนก็ได้ ประชาธิปไตยยังเป็นอุดมคติที่ว่าพลเมืองทุกคนในชาติร่วมกันพิจารณากฎหมายและการปฏิบัติของรัฐ และกำหนดให้พลเมืองทุกคนมีโอกาสแสดงความยินยอมและเจตนาของตนเท่าเทียมกัน"
] | [] |
ชื่อเดิมของ เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ คืออะไร? | [
"เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์เริ่มสร้างเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 616 ณ ที่ตั้งปัจจุบันที่เดิมเรียกว่าธอร์น อาย (เกาะธอร์น) ซึ่งเป็นเกาะกลางแม่น้ำ ตามตำนานกล่าวว่าคนหาปลาในแม่น้ำเทมส์ชื่ออัลดริชเห็นนักบุญซีโมนเปโตรมาปรากฏตัวใกล้กับที่ตั้งแอบบีย์ในปัจจุบัน ซึ่งอาจจะเป็นเหตุผลของการที่แอบบีย์ได้รับปลาซาลมอนจากคนหาปลาในแม่น้ำเทมส์ต่อมา แต่ตามหลักฐานที่น่าเชื่อถือกว่ากล่าวว่าในคริสต์ทศวรรษ 960 หรือต้นคริสต์ทศวรรษ 970 นักบุญดันสตันร่วมกับพระเจ้าเอ็ดการ์ผู้รักสงบได้ก่อตั้งอารามคณะเบเนดิกตินขึ้นที่นี่ ต่อมาพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดธรรมสักขีก็สร้างแอบบีย์ให้เป็นโบสถ์หินระหว่างปี ค.ศ. 1045 ถึงปี ค.ศ. 1050 เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังของพระองค์ แอบบีย์ได้รับการสถาปนาเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม ค.ศ. 1065 เพียงอาทิตย์เดียวก่อนที่จะเสด็จสวรรคตและใช้เป็นที่ฝังพระศพของพระองค์เอง ในปี ค.ศ. 1245 พระเจ้าเฮนรีที่ 3 ก็ทรงสร้างแอบบีใหม่แทนแอบบีย์เดิมและทรงเลือกให้เป็นที่บรรจุพระศพของพระองค์เอง\nภาพของแอบบีเดิมที่ในลักษณะที่เป็นสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ก็เหลืออยู่เพียงภาพที่ปรากฏอยู่ข้างๆ พระราชวังเวสต์มินสเตอร์บนผ้าปักบายู ทางแอบบีย์มีรายได้เพิ่มขึ้นจนขยายตัวจากนักพรตราวสิบกว่ารูปขึ้นไปเป็นราวแปดสิบรูป"
] | [
"เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ () เดิมเป็นแอบบีย์ แต่ปัจจุบันเป็นโบสถ์ในนิกายแองกลิคันที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ในนครเวสต์มินสเตอร์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สถาปัตยกรรมที่เห็นอยู่ในปัจจุบันเป็นแบบสถาปัตยกรรมกอทิกเป็นส่วนใหญ่นอกจากหอคอยที่เป็นสถาปัตยกรรมฟื้นฟูกอทิก เป็นสถานที่ประกอบพิธีราชาภิเษกและที่ฝังพระบรมศพพระมหากษัตริย์อังกฤษและพระศพพระบรมวงศานุวงศ์ ระหว่างปี ค.ศ. 1546 ถึง 1556 แอบบีย์ได้รับเลื่อนฐานะขึ้นเป็นอาสนวิหาร ต่อมาในรัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 แอบบีย์นี้ก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอารามหลวง (Royal Peculiar)",
"พระบรมศพหรือพระศพของพระมหากษัตริย์หรือพระราชวงศ์จะบรรจุไว้ภายในชาเปลต่างๆ ภายในแอบบี ส่วนศพของนักบวชและผู้อื่นที่เกี่ยวข้องกับแอบบีเวสต์มินสเตอร์ก็จะบรรจุภายในระเบียงฉันนบถและบริเวณอื่นๆ ในแอบบี เช่นกวีคนสำคัญของอังกฤษเจฟฟรีย์ ชอเซอร์ผู้เคยพำนักอยู่ที่แอบบีเวสต์มินสเตอร์และเป็นข้าราชสำนักขณะที่มีชีวิตอยู่ กวีคนอื่นๆ ก็ถูกบรรจุไว้ในบริเวณเดียวกันที่เรียกกันว่า “มุมกวี” ที่ได้แก่; วิลเลียม เบลค, โรเบิร์ต เบิร์นส และวิลเลียม เชกสเปียร์เป็นต้น ต่อมาการบรรจุศพกันในแอบบีกลายมาเป็นสิ่งที่เชิดหน้าชูตา จึงทำให้เผยแพร่ไปยังการบรรจุศพบุคคลสำคัญๆ จากอาชีพต่างๆ เช่นนักการเมือง, นักวิทยาศาสตร์ หรือนักการทหารเป็นต้น",
"จนกระทั่งถึงคริสต์ศตวรรษที่ 19 แอบบีเวสต์มินสเตอร์ก็เป็นสถานศึกษาลำดับที่สามของอังกฤษรองจากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด และมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และเป็นสถานที่ที่หนึ่งในสามตอนแรกของคัมภีร์ไบเบิลฉบับพระเจ้าเจมส์ (King James Bible) ของพันธสัญญาเดิมและครึ่งหลังของพันธสัญญาใหม่ได้รับการแปล ในคริสต์ศตวรรษที่ 20 แอบบีก็เป็นที่รวบรวมคัมภีร์ไบเบิลภาษาอังกฤษฉบับใหม่ (New English Bible) แอบบี เวสต์มินสเตอร์ได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยระหว่างการทิ้งระเบิดในลอนดอนเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 1940",
"อธิการของแอบบีผู้ซึ่งเป็นผู้คงแก่เรียนพำนักอยู่ไม่ไกลจากพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของรัฐบาลที่เป็นศูนย์กลางของอำนาจทางการเมืองมาตั้งแต่หลังจากการพิชิตอังกฤษของชาวนอร์มันในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 11 และต่อมาอีกหลายร้อยปี ก็มักจะได้รับตำแหน่งในพระราชสำนักและในที่สุดก็มีสิทธิได้เป็นสมาชิกในสภาขุนนาง เมื่ออำนาจทางด้านการเป็นผู้นำของคณะถูกย้ายไปอยู่ที่อารามกลูว์นีในฝรั่งเศสในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 10 นักพรตของเวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ก็มีโอกาสในการบริหารบริเวณที่ดินต่าง ๆ ที่เป็นเจ้าของซึ่งบางครั้งก็ไกลไปจากเวสต์มินสเตอร์เองมาก “นักพรตคณะเบเนดิกตินดูเหมือนจะปรับตัวเข้ากับการใช้ชีวิตอย่างฆราวาสได้เป็นอย่างดี และโดยเฉพาะกับในหมู่ชนชั้นสูง” เป็นคำสรุปของบาร์บารา ฮาร์วีย์ ที่ทำให้เห็นภาพพจน์ของชีวิตประจำวัน ในแง่มุมของชนชั้นผู้ดีในสังคมชั้นสูงในสมัยกลางและปลายสมัยกลาง",
"แต่การที่มีที่ตั้งที่อยู่ไม่ไกลจากพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ก็มิได้ทำให้นักพรตมีความสัมพันธ์กับพระมหากษัตริย์มากไปกว่าปกติ ในทางสังคมนักพรตของแอบบีก็ยังปฏิบัติตัวอย่างสมถะเช่นเดียวกับนักพรตอื่นๆ ในคณะเดียวกันที่อยู่ที่อื่น อธิการแอบบีก็ยังคงมีฐานะเป็นผู้เป็นเจ้าของที่ดินของชุมชนราวสองสามพันคนรอบๆ แอบบี ในฐานะผู้บริโภคและนายจ้างทางราชสำนักก็ช่วยส่งเสริมความเจริญทางเศรษฐกิจของเวสต์มินสเตอร์ นอกจากนั้นความสัมพันธ์ระหว่างราชสำนักกับเวสต์มินสเตอร์ก็เป็นความสัมพันธ์อันดี แต่ทางเวสต์มินสเตอร์ก็มิได้รับสิทธิพิเศษในการค้าขายใดๆ ในยุคกลาง แอบบีเวสต์มินสเตอร์สร้างร้านค้าและที่อยู่อาศัยทางด้านตะวันตกแต่ก็เริ่มรุกเข้ามาในบริเวณของนักพรต",
"สมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 1ผู้นับถือนิกายโรมันคาทอลิกได้พระราชทานแอบบีเวสต์มินสเตอร์คืนให้กับนักพรตเบเนดิกติน แต่ก็มาถูกยึดคืนโดยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 ในปี ค.ศ. 1559 ยี่สิบปีต่อมาในปี ค.ศ. 1579 พระองค์ก็พระราชทานฐานะแอบบีให้เป็น “พระอารามหลวง” ซึ่งหมายถึงการเป็นโบสถ์ที่ขึ้นตรงต่อองค์รัฏฐาธิปัตย์แทนที่จะขึ้นอยู่กับมุขนายกเขตมิสซัง และพระราชทานชื่อใหม่ว่า “คริสตจักรเซนต์ปีเตอร์” (Collegiate Church of St Peter) ซึ่งเท่ากับเป็นการสิ้นสุดจากการเป็นแอบบีหรืออารามมาเป็นโบสถ์ที่ปกครองโดยดีน (dean) อธิการองค์สุดท้ายของแอบบีได้รับการแต่งตั้งให้เป็นดีนองค์แรก",
"แอบบีกลายเป็นสถานที่ในการทำพระราชพิธีบรมราชาภิเศกของพระมหากษัตริย์นอร์มันแต่ไม่มีองค์ใดที่ถูกฝังที่นั่นมาจนมาถึงพระเจ้าเฮนรีที่ 3 ผู้ทรงอุทิศพระองค์แก่ลัทธินิยมพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดธรรมสักขี พระองค์ทรงสร้างแอบบีเวสต์มินสเตอร์ใหม่ในแบบสถาปัตยกรรมกอธิคเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้แก่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดธรรมสักขี ผู้ได้รับการประกาศเป็นนักบุญในปี ค.ศ. 1161 และเป็นที่สำหรับฝังพระบรมศพของพระองค์เอง งานการก่อสร้างยังคงทำกันต่อมาระหว่างปี ค.ศ. 1245 ถึงปี ค.ศ. 1517 และส่วนใหญ่ทำโดยสถาปนิกเฮนรี เยเวล (Henry Yevele) ในสมัยพระเจ้าริชาร์ดที่ 2 ต่อมาในปี ในปี ค.ศ. 1503 พระเจ้าเฮนรีที่ 7 ก็ทรงต่อเติมชาเปลแบบเพอร์เพ็นดิคิวลาร์ (Perpendicular Period) ทางด้านหลังสุดของแอบบีที่อุทิศให้แก่พระนางมารีย์พรหมจารี (ที่รู้จักกันว่า “ชาเปลพระแม่มารีของพระเจ้าเฮนรีที่ 7”) หินที่ใช้สร้างแอบบีย์มาจากค็อง (Caen) ในฝรั่งเศส และในบริเวณลุ่มแม่น้ำลัวร์\nในปี ค.ศ. 1535 จากการสำรวจทรัพย์สินและรายได้ของโบสถ์ในอังกฤษก่อนการยุบอารามทางการพบว่ารายได้ประจำปีของแอบบีเวสต์มินสเตอร์เป็นจำนวนประมาณ £2400-2800 ซี่งเป็นจำนวนที่มากเป็นที่สองรองจากแอบบีกลาสตันบรี (Glastonbury Abbey) หลังจากนั้นพระเจ้าเฮนรีที่ 8 ก็ทรงยึดการปกครองจากนักพรตมาทรงปกครองด้วยพระองค์เองในปี ค.ศ. 1539 และทรงยกฐานะแอบบีขึ้นเป็นอาสนวิหารในปี ค.ศ. 1540 และพระราชทานพระราชเอกสารสิทธิ (letters patent) ก่อตั้งให้แอบบีเวสต์มินสเตอร์เป็นมุขมณฑลอิสระ--มุขมณฑลเวสต์มินสเตอร์ การก่อตั้งแอบบีเวสต์มินสเตอร์ให้เป็นอาสนวิหารทำให้แอบบีรอดจากการถูกทำลายอย่างยับเยินเช่นแอบบีอื่นๆ เกือบทุกแอบบีในราชอาณาจักรอังกฤษในยุคเดียวกัน แต่เวสต์มินสเตอร์ก็เป็นอาสนวิหารอยู่ได้เพียงสิบปีจนถึงปี ค.ศ. 1550 วลี “โขมยจากปีเตอร์ไปจ่ายให้พอล” (robbing Peter to pay Paul) อาจจะมีรากมาจากยุคนี้คือเมื่อรายได้ที่ควรจะเป็นของแอบบีเวสต์มินสเตอร์ (ซึ่งเป็นแอบบีที่อุทิศให้แก่นักบุญปีเตอร์) ถูกโอนไปให้กับคลังของมหาวิหารเซนต์พอล",
"นอกจากยุบอาสนวิหารเดิมแล้วพระเจ้าเฮนรีที่ 8 ทรงสร้างอาสนวิหารขึ้นใหม่ 6 แห่งจากอารามเดิม แต่ละแห่งปกครองโดยแคนันประจำมุขมณฑล (secular canon) ทั้ง 6 แห่งมี เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ เท่านั้นที่มิได้รักษาฐานะอาสนวิหารเอาไว้",
"หลังเหตุการณ์เครื่องบินตก ชื่อบัสบี้ เบปป์ ดูจะไม่ค่อยเหมาะสม ดังนั้นจึงจำเป็นต้องการนิกเนมใหม่มาแทน เพื่อเป็นการขู่ขวัญคู่ต่อสู้ไปในตัว ในขณะนั้น ทีมสโมสรรักบี้ของอังกฤษแซลฟอร์ด ได้เดินทางไปทัวร์ที่ฝรั่งเศส ในปีค.ศ.1930 โดยใส่ชุดสีแดงภายใต้ชื่อที่รู้จักในหมู่แฟน ๆ ว่า \"ปีศาจแดง\" บัสบี้ ชอบชื่อนี้มากและคิดว่าปีศาจน่าจะเหมาะและเพิ่มกำลังขวัญให้กับนักเตะและขู่ขวัญคู่แข่งได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเค้าจึงกำหนดให้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เป็นที่รู้จักกันในนาม \"ปีศาจแดง\" และในเวลาต่อมาสโมสรก็ได้นำโลโก้รูปปีศาจมาติดไว้ที่หนังสือโปรแกรมการแข่งขันและผ้าพันคอ จนกระทั่งในปี ค.ศ.1970 ตราสโมสรได้ถูกออกแบบให้เป็นรูปปีศาจยืนอยู่ตรงกลางพร้อมทั้งถือง่ามด้วย"
] |
โรเบิร์ต เอิร์นชอว์ เริ่มเข้าวงการฟุตบอลเมื่อไหร่? | [
"โรเบิร์ต เอิร์นชอว์ เข้ามาสู่สโมสรคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ในปี ค.ศ. 1997 ในฐานะนักฟุตบอลระดับเยาวชน โดยเป็นการเซ็นสัญญาระยะสั้น 1 ปี จากนั้นเขาได้พัฒนาฟอร์มการเล่นของตัวเองจนได้รับสัญญานักฟุตบอลอาชีพในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1998 ก่อนที่ในปี 2000 เขาถูกส่งไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับสโมสรฟุตบอล \"กรีน็อค มอร์ตัน\" ในสกอตแลนด์ด้วยสัญญายืมตัว และได้รับโอกาสให้ทดสอบฝีเท้ากับสโมสรมิดเดิลสโบรห์ ในยุคของไบรอัน ร็อบสัน"
] | [
"ประสบการณ์ดังกล่าวมีส่วนทำให้ฝีเท้าของเขาพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นจนกลายเป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอลคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ และติดทีมชาติเวลส์ชุดอายุไม่เกิน 21 ปี ก่อนจะก้าวขึ้นไปเล่นให้กับทีมชาติเวลส์ชุดใหญ่ภายใต้การคุมทีมของมาร์ค ฮิวจ์ส โดยการลงสนามให้ทีมชาตินัดแรกของเขา เกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม ปี 2002 ในนัดที่พบกับทีมชาติเยอรมัน ที่สนามมิลเลเนี่ยม สเตเดี้ยม ซึ่งนอกจากเขาจะเป็นผู้ยิงประตูชัยให้ทีมชาติเวลส์เอาชนะเยอรมันในบ้านของตัวเองได้สำเร็จแล้ว หลังจบการแข่งขันเขายังได้รับรางวัล \"แมน ออฟ เดอะ แมตช์\" อีกด้วย จากผลงานดังกล่าวทำให้ในเดือนต่อมาเขาได้รับรางวัลนักฟุตบอลดาวรุ่งเวลส์ยอดเยี่ยมแห่งปี และมีชื่ออยู่ในทีมยอดเยี่ยมดิวิชัน 2 ประจำฤดูกาล 2002–2003 จากการโหวตของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพ หลังโชว์ฟอร์มเยี่ยมด้วยการยิงถึง 35 ประตูเมื่อรวมทุกรายการ โดยเป็นการยิงเฉพาะในลีกถึง 31 ประตู และสามารถทำลายสถิติการยิงประตูให้สโมสรที่ยืนยาวมานานถึง 56 ปี ของ \"สแตน ริชาร์ดส์\" อดีตกองหน้าของทีมลงได้สำเร็จ"
] |
โรงเรียนไชยาวิทยา ก่อตั้งขึ้นเมื่อใด ? | [
"โรงเรียนไชยาวิทยา (อังกฤษ:Chaiyawitthaya School) (อักษรย่อ: ช.ว., C.Y.) เป็นโรงเรียนประจำเภอไชยา จังหวัดจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประเภทโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่เปิดสอนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย สังกัดสหวิทยาเขตสุราษฎร์ธานีเขต2 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 11 (ชุมพร สุราษฎร์ธานี) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ เป็นโรงเรียนที่มีอัตราแข่งขันสูงในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตั้งอยู่ที่ ถนนสันติมิตร บ้านเวียง ตำบลตลาดไชยา อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี \nโรงเรียนไชยาวิทยา เดิมชื่อ “โรงเรียนไชยา ” สังกัดกองการมัธยมศึกษา (โครงการทดลองอาชีพ) ของกรมสามัญศึกษา ตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2497 ที่วัดเวียง มีนายนุกูล บุญรักษา เป็นผู้รักษาการครูใหญ่ โดยเริ่มสร้างอาคารเรียนที่ถาวรขึ้นในวัดหลงซึ่งเป็นที่สาธารณะ ต่อมามีผู้มีจิตศรัทธาบริจาค \nที่ดินเพิ่มเติม ได้เนื้อที่ประมาณ 22 ไร่ 31 ตารางวา เมื่อสร้างอาคารเสร็จ ได้ย้ายจากวัดเวียงมาเรียนในบริเวณวัดหลง เรียกกันว่า “โรงเรียน ส.ฎ. 7 ” \nเปิดทำการสอนมาจนถึงปีการศึกษา 2519"
] | [
"โรงเรียนไชยวานวิทยาเดิมเป็นโรงเรียนราษฎร์ ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2500 ที่ วัดไชยนาถวราราม หมู่ที่ 2 ตำบลไชยวาน อำเภอไชยวาน จังหวัดอุดรธานี โดย นายเพ็ง ไชยวาน กำนันตำบลไชยวาน เป็นเจ้าของและผู้จัดการ ต่อมาได้โอนกิจการให้นายเพ่ง โพธิจินดา เป็นเจ้าของและผู้จัดการ จนกระทั่งถึงวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2509 พระครูสุทธิสมณวัตร เจ้าคณะอำเภอไชยวานและเจ้าอาวาสวัดไชยนาถวราราม ได้รับอนุญาตให้เป็นเจ้าของ โดยมีนายเพ่ง โพธิจินดา เป็นผู้จัดการเช่นเดิม จนถึงวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2520 เจ้าของและผู้จัดการได้ขอยุบกิจการ จึงได้โอนกิจการโรงเรียนให้เป็นของรัฐบาล เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2520 (ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ) และได้ทำการย้ายมาก่อตั้งอยู่สถานที่แห่งใหม่ ณ เลขที่ 7 หมู่ 11 บ้านค่ายเสรี ตำบลไชยวาน อำเภอไชยวาน จังหวัดอุดรธานี เนื้อที่ 33 ไร่ 2 งาน 70 ตารางวา เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2520 โดยใช้ชื่อเดิมว่า “โรงเรียนไชยวานวิทยา” สังกัดกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ",
"โรงเรียนรังษีวิทยา ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ปีพุทธศักราช ๒๔๙๑ โดยศาสนาจารย์ทองคำ พันธุพงศ์ ( ประธานคริสตจักรภาคที่ ๑ )ร่วมกับผู้ปกครองเมือง จานิต (คณะกรรมการธรรมกิจคริสตจักรที่ ๑ ฝาง) ได้บริจาคที่ดินส่วนตัวจำนวน ๑ ไร่กับ ๒ งาน เป็นที่ตั้งโรงเรียนในบ้านสบมาว อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ (บริเวณบ้านพักศิษยาภิบาล คริสตจักรที่ ๑ ฝาง ในปัจจุบัน) โดยให้ใช้ชื่อว่า “ โรงเรียนรังษีวิทยา ” แต่งตั้งให้ผู้ปกครองดวงแสง แสงบุญเรือง เป็นเจ้าของโรงเรียน นายจู เข็มเล็ก เป็นผู้จัดการและมี นางจันทร์คำ รัตนบุตร เป็นครูใหญ่ เปิดทำการสอนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา ปีที่ ๑ ถึงมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ( หมายเหตุ\nรายวัน , ๒๕๓๑ : ๑)รังษีวิทยา เล่ม ๑ : หน้า ๑๖ )",
"โรงเรียนศรีวิชัยวิทยาก่อตั้งโดย พลอากาศโทมนตรี หาญวิชัย ม.ว.ม., ป.ช. เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2499 บนที่ดินของวัดใหม่ปิ่นเกลียว ซึ่งอนุญาตให้ใช้เพื่อการศึกษา จำนวน 11 ไร่ 2 งาน โดยแรกเริ่มใช้ชื่อว่าโรงเรียนมัธยมสามัญวัดใหม่มุสิการามโรงเรียนมัธยมสามัญวัดใหม่มุสิการาม มีนายอุทัย ประภาพันธ์ เป็นครูใหญ่คนแรก จนกระทั่ง พ.ศ. 2511ได้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนเมืองนครปฐม สอนตั้งแต่ชั้น ป.5 – ป.7 หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2516 เจ้าอาวาสวัดวังตะกู เจ้าคณะอำเภอเมืองนครปฐม ได้อนุญาตให้ใช้ที่ดินของวัดเพื่อการศึกษา จำนวน 15 ไร่ ทำให้รวมเป็นที่ดินของโรงเรียนจำนวน 26 ไร่ 2 งาน",
"การก่อตั้งโรงเรียนชัยเกษมวิทยา\nโรงเรียนชัยเกษมวิทยา เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดกลาง สังกัดกองการมัธยมศึกษา กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เขตการศึกษา 5 เริ่มจัดตั้งปี 2534 โดยกำนันมนต์ชัย ผอูนรัตน์ ร่วมกับชาวบ้าน ตำบลชัยเกษม อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จัดเตรียมพื้นที่เพื่อตั้งโรงเรียน สภาพพื้นที่ครั้งแรกเป็นไหล่เขาสลับที่ลุ่มจำนวน 38 ไร่ มีคณะอาจารย์จากโรงเรียนทับสะแกวิทยาเป็นผู้บุกเบิกและมีนายอนุ ธีรานุวรรตน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิชาการโรงเรียนทับสะแกวิทยา ได้รับคำสั่งแต่งตั้งจากกรมสามัญศึกษาให้ปฏิบัติหน้าที่ครูใหญ่โรงเรียนชัยเกษมวิทยา\nวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2535 กระทรวงศึกษาธิการได้อนุมัติจัดตั้งให้เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษา นามว่า “ ชัยเกษมวิทยา” ซึ่งตรงกับโอกาสครบรอบ 100 ปี กระทรวงศึกษาธิการ",
"โรงเรียนบัวงามวิทยาก่อตั้งขึ้นตามประกาศของกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2528 เนื่องมาจากในขณะนั้นในพื้นที่ตำบลบัวงามและตำบลโดยรอบยังไม่มีโรงเรียนที่เปิดทำการเรียนการสอนในระดับมัธยมศึกษา โดยโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาที่เปิดสอนอยู่ใกล้ที่สุด ณ ขณะนั้นมีเพียง 2 แห่ง คือ โรงเรียนเดชอุดม (ก่อตั้ง พ.ศ. 2509) และโรงเรียนบุณฑริกวิทยาคาร (ก่อตั้ง พ.ศ. 2514) ซึ่งอยู่ห่างออกไปมากกว่า 20 กิโลเมตร แต่ด้วยการเดินทางที่ยากลำบากในสมัยนั้น ทำให้วัยรุ่นในพื้นที่ไม่มีโอกาสได้เข้ารับการศึกษาต่อหลังจากจบการศึกษาระดับประถมศึกษา คณะกรรมการสภาตำบลบัวงามจึงนำปัญหาดังกล่าวเข้าปรึกษากับนายเสรีศรี สำอางค์ ซึ่งดำรงตำแหน่งศึกษาธิการอำเภอเดชอุดมในขณะนั้น จนนำไปสู่การจัดตั้งโรงเรียนบัวงามวิทยาขึ้นมาในที่สุด โดยพื้นที่ที่ใช้ในการก่อสร้างโรงเรียนนั้นได้รับการบริจาคจากชาวบ้านชุมชนบ้านหนองสนมจำนวนทั้งสิ้น 36 ไร่ โดยชุมชนดังกล่าวนั้นตั้งอยู่ทางตอนเหนือของตำบลบัวงาม",
"ในปี พ.ศ. 2546 โรงเรียนไชยาวิทยา ได้รับการคัดเลือกจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานให้เข้าร่วม โครงการ หนึ่งอำเภอ หนึ่งโรงเรียนในฝัน \nและได้รับการประเมินให้ผ่านเป็น หนึ่งอำเภอ หนึ่งโรงเรียนในฝันในปี 2548",
"โรงเรียนเหล่ายาววิทยาคาร ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2533 เริ่มแรกเป็นโรงเรียนสาขาโรงเรียนบรบือวิทยาคาร อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม ได้รับความอนุเคราะห์อาคารจากโรงเรียนบ้านเหล่ายาว ตำบลกำพี้ อำเภอบรบือ อาศัยอาคารศูนย์เยาวชนตำบลกำพี้เป็นที่สอนชั่วคราว มีนักเรียนจำนวน 48 คน 1 ห้องเรียน ในระหว่างวันที่ 14 พฤษภาคม 2533 ถึงวันที่ 30 มีนาคม 2534 มีนายมงคล ไวว่อง เป็นผู้ประสานงาน",
"ในปี พ.ศ. 2547 โรงเรียนไชยาวิทยา ได้รับการประเมินภายนอก และผ่านเกณฑ์การประเมินภายนอกของ สม.ศ. ในรอบแรก \nปัจจุบันโรงเรียนไชยาวิทยา ได้เปิดสอนในระดับช่วงชั้นที่ 3 และช่วงชั้นที่ 4 จัดแผนชั้นเรียน 8 – 8 - 8 / 5 - 5 - 4 รวม 39 ห้องเรียน",
"ต่อมาในปี พ.ศ. 2519 ทางราชการได้ยุบรวมโรงเรียนทั้งสองโรงเรียนเข้าด้วยกันและตั้งเป็นโรงเรียนประจำอำเภอ เปลี่ยนชื่อเป็น “โรงเรียนไชยาวิทยา”\nเปิดสอนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น กิจการของโรงเรียนได้ขยายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีนักเรียนในเขตบริการเพิ่มขึ้น ในปี พ.ศ. 2523 กรมสามัญศึกษาได้\nอนุมัติให้เปิดสอนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย",
"โรงเรียนนาด้วงวิทยา ก่อตั้งวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2520 แรกเริ่มใช้ศาลาการเปรียญวัดเวียงล้อมเป็นที่ทำการเรียนการสอนเป็นการชั่วคราว โดยเปิดรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 จำนวน 3 ห้องเรียน มีนักเรียนทั้งหมด 95 คน มีนายถนอม จันทนา ศึกษาธิการกิ่งอำเภอนาด้วง รักษาการครูใหญ่ ต่อมากรมสามัญศึกษาได้แต่งตั้งให้นายธวัชชัย ศรีภูมิสวัสดิ์ อาจารย์ 1 โรงเรียนศรีสงครามวิทยา อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย มาดำแรงตำแหน่งครูใหญ่มาดำรงตำแหน่งครูใหญ่ หลังจากก่อตั้งโรงเรียนได้ 1 ปี โรงเรียนได้รับบริจาคที่ดินเพื่อปรับสภาพที่ตั้งโรงเรียนจากชาวบ้านซึ่งเป็นที่ที่โรงเรียนตั้งอยู่ในปัจจุบัน เป็นเนื้อที่ทั้งหมด 78 ไร่ 2 งาน 80 ตารางวา"
] |
ประเทศญี่ปุ่นเริ่มคุกคามประเทศจีนเมื่อไหร่? | [
"รากเหง้าของปัญหาเริ่มขึ้นตั้งแต่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ขณะที่จีนยังคงอยู่ในวิกฤตการณ์ทางการเมือง และญี่ปุ่นกำลังพัฒนาประเทศให้ทันสมัยอย่างรวดเร็ว ตลอดช่วงเวลาปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ญี่ปุ่นได้เข้าแทรกแซงและท้ายที่สุดได้ผนวกเกาหลี และขยายอิทธิพลทางการเมืองและเศรษฐกิจเข้าสู่ประเทศจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แมนจูเรีย การขยายอำนาจดังกล่าวง่ายเข้าจากสถานการณ์ภายในของจีนเอง เพราะในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1910 ประเทศจีนแตกออกเป็นก๊กขุนศึกต่าง ๆ โดยรัฐบาลกลางอ่อนแอและขาดประสิทธิภาพ",
"สาธารณรัฐจีนได้มีการพัฒนาอุตสาหกรรมและความทันสมัย แต่ก็ยังมีความปัญหาขัดแย้งระหว่างรัฐบาลคณะชาติในนานกิง อาทิเช่น พรรคคอมมิวนิสต์จีน, ขุนศึกที่เหลือและ จักรวรรดิญี่ปุ่น อย่างต่อเนื่อง สาธารณรัฐจีนได้มีการเร่งพัฒนาประเทศอย่างจริงจังเมื่อเกิดสงครามกับญี่ปุ่น เมื่อกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นได้รุกรานจีนอย่างอย่างเต็มรูปแบบในปี ค.ศ. 1937"
] | [
"ประเทศญี่ปุ่นต่อสู้การควบคุมหมู่เกาะคูริลใต้ (ได้แก่ กลุ่มอิโตะโระฟุ คุนะชิริ ชิโตะคัง และฮะโบะมะอิ) ของประเทศรัสเซีย ซึ่งสหภาพโซเวียตยึดครองในปี 2488 ประเทศญี่ปุ่นรับรู้การยืนยันของประเทศเกาหลีใต้เกี่ยวกับหินลีอังคอร์ท (หรือ \"ทะเกะชิมะ\" ในภาษาญี่ปุ่น) แต่ไม่ยอมรับ ประเทศญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ตึงเครียดกับประเทศจีนและประเทศไต้หวันเหนือหมู่เกาะเซ็งกะกุ และกับประเทศจีนเหนือสถานภาพของโอะกิโนะโทะริชิมะ",
"การลุกฮือขึ้นต่อต้านญี่ปุ่นยังคงมีอยู่ต่อไป เช่น การลุกฮือของนักศึกษาทั่วประเทศเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2472 จนนำไปสู่การประกาศกฎอัยการศึกเมื่อ พ.ศ. 2474 หลังจากเกิดสงครามจีน-ญี่ปุ่นเมื่อ พ.ศ. 2480 ญี่ปุ่นพยายามลบล้างความเป็นชาติของเกาหลี การสอนประวัติศาสตร์และภาษาเกาหลีในโรงเรียนถูกห้าม การแสดงออกทางวัฒนธรรมที่เป็นเกาหลีถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ชาวเกาหลีถูกบังคับให้มีชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่น สิ่งของมีค่าถุกนำออกจากเกาหลีไปยังญี่ปุ่น. หนังสือพิมพ์ถูกห้ามตีพิมพ์ด้วยภาษาเกาหลี หนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์จำนวนมากถูกเผาทำลาย",
"การปฏิวัติซินไฮ่เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2454 (สิ้นสุดลงในปี พ.ศ 2455) ซึ่งเป็นการโค่นล้มอำนาจการปกครองของราชวงศ์ชิง โดยการนำของ ดร. ชุน ยัตเซน หัวหน้าพรรคก๊กมินตั๋ง เป็นผลทำให้จีนเปลี่ยนแปลงการปกครองเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยในที่สุด\nโดยสาเหตุที่ก่อให้เกิดการโค่นล้มอำนาจครั้งนี้น่าจะมาจากความเสื่อมโทรมของสภาพสังคมจีน ผู้นำประเทศจักรพรรดิแมนจูไม่มีอำนาจกำลังพอที่จะปกครองประเทศได้ ซึ่งตลอดระยะเวลาปกครอง 268 ปี (พ.ศ. 2187 – 2455) มีแต่การแย่งชิงอำนาจในหมู่ผู้นำราชวงศ์ ด้วยเหตุนี้ราษฎรส่วนมากจึงตกอยู่ในสภาพยากจน ชาวไร่ชาวนาถูกขูดรีดภาษีอย่างหนัก ถูกเอารัดเอาเปรียบจากเจ้าของที่ดิน ชาวต่างชาติเข้ามากอบโกยผลประโยชน์ แผ่นดินจีนถูกคุกคามจากต่างชาติ โดยเฉพาะชาติมหาอำนาจตะวันตก และญี่ปุ่น ซึ่งจีนทำสงครามต่อต้านการรุกรานของกองกำลังต่างชาติเป็นฝ่ายแพ้มาโดยตลอด ทำให้คณะปฏิวัติไม่พอใจระบอบการปกครองของราชวงศ์ชิง",
"กิมจิเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับชาวเกาหลีดังนั้นเวลามีการเดินทางในต่างแดนก็ไม่ลืมที่จะพกกิมจิติดตัวไปด้วย กิมจิจึงได้เริ่มแพร่หลายในวงกว้างโดยช่วงแรกเริ่มเข้าไปในประเทศใกล้เคียงก่อนคือ ประเทศจีน รัสเซีย รัฐฮาวาย และญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศญี่ปุ่น ถือได้ว่าเป็นชาติแรกที่นำกิมจิเป็นเครื่องเคียงในอาหารของชาติตนเองโดยเรียกกิมจิของตนเองว่า คิมุชิ (Kimuchi) เพื่อให้เข้ากับการออกเสียงในภาษาญี่ปุ่น และกิมจิชนิดนี้มีการเปลี่ยนแปลงรสชาติให้เข้ากับอาหารญี่ปุ่นมากขึ้น ต่อมากิมจิจึงเป็นที่นิยมขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่ชาวต่างชาติในหลายประเทศ เช่นสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น และไทย",
"ภัยคุกคามด้านความมั่นคงของทั้งจีนและเกาหลีในยุคนั้นคือพวกหนู่เจิ้นที่คอยรุกเข้าปล้นสะดมตามแนวชายแดน และพวกโจรสลัดญี่ปุ่น ที่มักเข้าปล้นหมู่บ้านชายฝั่งและเรือสินค้าในทะเล\nด้วยเหตุนี้ เกาหลีจึงได้พัฒนานาวิกานุภาพของตัวเอง, สร้างแนวป้อมปราการตามแนวและ\nเนื่องด้วยสภาวะสันติภาพนี้ ทำให้เกาหลีพัฒนาเพียงอำนาจยิงของปืนใหญ่ประจำป้อมและเรือรบ การเข้ามาของดินปืนในช่วงราชวงศ์โครยอทำให้เกาหลีพัฒนาปืนใหญ่ อันใช้ได้ดียิ่งในทะเล ถึงแม้ว่าจีนจะเป็นต้นธารของเทคโนโลยีของเอเชียในยุคนั้น แต่เกาหลีเองก็มีศักยภาพที่จะผลิตปืนใหญ่และเรือชั้นยอดได้เอง",
"ประเทศญี่ปุ่นรับสถาบันการเมือง ตุลาการและทหารแบบตะวันตกและอิทธิพลทางวัฒนธรรมตะวันตกรวมเข้ากับวัฒนธรรมดั้งเดิมขปงะเรทศสำหรับการกลายเป็นอุตสาหกรรมสมัยใหม่ โดยผ่านกระบวนการกลายเป็นตะวันตกระหว่างการฟื้นฟูเมจิในปี 2411 คณะรัฐมนตรีจัดตั้งคณะองคมนตรี ริเริ่มรัฐธรรมนูญเมจิ และเรียกประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ การฟื้นฟูเมจิเปลี่ยนจักรวรรดิญี่ปุ่นให้เป็นมหาอำนาจอุตสาหกรรมซึ่งมุ่งใช้ความขัดแย้งทางทหารเพื่อขยายเขตอิทธิพลของตน หลังคว้าชัยในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง (พ.ศ. 2437–2438) และสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น (พ.ศ. 2447–2448) ประเทศญี่ปุ่นเข้าควบคุมไต้หวัน เกาหลีและครึ่งใต้ของเกาะซาฮาลิน ประชากรญี่ปุ่นเพิ่มจาก 35 ล้านคนในปี 2416 เป็น 70 ล้านคนในปี 2478",
"การลุกฮือขึ้นต่อต้านญี่ปุ่นยังมีอยู่ต่อไป เช่น การลุกฮือของนักศึกษาทั่วประเทศเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2472 จนนำไปสู่การประกาศกฎอัยการศึกเมื่อ พ.ศ. 2474 หลังจากเกิดสงครามจีน-ญี่ปุ่นเมื่อ พ.ศ. 2480 ญี่ปุ่นพยายามลบล้างความเป็นชาติของเกาหลี โดยการห้ามสอนประวัติศาสตร์และภาษาเกาหลีในโรงเรียน การแสดงออกทางวัฒนธรรมที่เป็นเกาหลีถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ชาวเกาหลีถูกบังคับให้มีชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่น สิ่งของมีค่าถูกนำออกจากเกาหลีไปยังญี่ปุ่น หนังสือพิมพ์ถูกห้ามตีพิมพ์ด้วยภาษาเกาหลี หนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์จำนวนมากถูกเผาทำลาย",
"การลุกฮือขึ้นต่อต้านญี่ปุ่นยังคงมีอยู่ต่อไป เช่น การลุกฮือของนักศึกษาทั่วประเทศเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2472 จนนำไปสู่การประกาศกฎอัยการศึกเมื่อ พ.ศ. 2474 หลังจากเกิดสงครามจีน-ญี่ปุ่นเมื่อ พ.ศ. 2480 ญี่ปุ่นพยายามลบล้างความเป็นชาติของเกาหลี การสอนประวัติศาสตร์และภาษาเกาหลีในโรงเรียนถูกห้าม การแสดงออกทางวัฒนธรรมที่เป็นเกาหลีถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ชาวเกาหลีถูกบังคับให้มีชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่น สิ่งของมีค่าถูกนำออกจากเกาหลีไปยังญี่ปุ่น. หนังสือพิมพ์ถูกห้ามตีพิมพ์ด้วยภาษาเกาหลี หนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์จำนวนมากถูกเผาทำลาย",
"เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2522 จีนและญี่ปุ่นได้ลงนามในข้อตกลงว่าด้วยการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมจีน-ญี่ปุ่น ตกลงพัฒนาการแลกเปลี่ยนระหว่างสองประเทศในด้านวัฒนธรรม การศึกษา วิชาการ การกีฬาและด้านอื่น ๆ เมื่อปี พ.ศ. 2545 รัฐบาลสองประเทศตกลงจัดปีวัฒนธรรมจีนและปีวัฒนธรรมญี่ปุ่น นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้จัดค่ายพักแรมฤดูร้อนของเยาวชนและอนุชนจีน-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ การประกวดความรู้ทางโทรทัศน์จีน-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ และการสัมมนาทางเศรษฐกิจจีน-ญี่ปุ่น เป็นต้น"
] |
ใครเป็นผู้แต่งการ์ตูนชุดเรื่องดราก้อนบอล? | [
"ดราก้อนบอล () เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น ผลงานของอากิระ โทริยาม่า ลงพิมพ์ในนิตยสารโชเนนจัมป์ตั้งแต่ พ.ศ. 2527 - พ.ศ. 2538 และรวมเป็นฉบับรวมเล่มได้ 42 เล่ม ในประเทศไทยเคยลงตีพิมพ์ใน ทาเล้นท์ และ ซีโร่ ในช่วงก่อนที่มีลิขสิทธิ์การ์ตูน และหลังจากนั้นได้ตีพิมพ์ในหนังสือการ์ตูนบูม ภายใต้ลิขสิทธิ์ของบริษัท เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ จำกัด"
] | [] |
มหายานแยกออกจากเถรวาทเมื่อครั้งใด? | [
"หลังจากพระพุทธองค์ปรินิพพานได้ 100 ปี อันเป็นช่วงเวลาที่มีการสังคายนาครั้งที่ 2 ได้มีคณะสงฆ์กลุ่มหนึ่งเรียกว่า มหาสังฆิกะ ซึ่งมีจำนวนมาก ได้แยกตนออกไปต่างหากจากกลุ่มเถรวาทเดิม การแยกตัวของมหาสังฆิกะนี้มีมูลเหตุจากความเห็นที่แตกต่างเรื่องหลักปฏิบัติของภิกษุ หลังจากนั้นมหาสังฆิกะได้แยกกลุ่มนิกายย่อยออกไปอีก 18 นิกาย เนื่องจากมีทัศนะ อุดมคติ การตีความหลักธรรม และวัตรปฏิบัติที่แตกต่างกัน หลังจากนั้นภิกษุบางรูปในนิกายทั้ง 18 นี้ ได้แยกตนออกมาตั้งคณะใหม่โดยถือปรัชญาและหลักจริยวัตรของตน กระทั่งในราวพุทธศตวรรษที่ 5 จึงได้เกิดกลุ่มคณะสงฆ์และคฤหัสถ์ที่เรียกตนเองว่า \"มหายาน\" ขึ้น แม้จะมีที่มาไม่แน่ชัด แต่สันนิษฐานได้ว่าพัฒนาจากนิกายมหาสังฆิกะ ผสมผสานกับปรัชญาของนิกายพุทธศาสนาอื่นทั้ง 18 นิกาย รวมทั้งนิกายเถรวาทด้วย ก่อกำเนิดเป็นลัทธิมหายาน"
] | [] |
ช่อง 3มีใครเป็นเจ้าของ ? | [
"สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เกิดขึ้นจาก \"บริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด\" (; ชื่อย่อ: บีอีซี.; BEC ปัจจุบันเข้าเป็นบริษัทในกลุ่มบีอีซีเวิลด์) ซึ่งวิชัย มาลีนนท์ ดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัท เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2510 ลงนามในสัญญาดำเนินกิจการส่งโทรทัศน์ ร่วมกับบริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด เมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2511 โดยมีอายุสัญญา 10 ปี ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2513-25 มีนาคม พ.ศ. 2523"
] | [
"ผู้จัดการออนไลน์ลงความเห็นว่า กระแสตอบรับของละคร \"เมีย 2018\" ยังเป็นการท้าชนช่องใหญ่เต็มตัว เพราะนอกจากละครที่ช่องวันทำได้ดีแล้ว ช่องในเครืออย่าง พีพีทีวี ซึ่งมีเจ้าของเป็นบุคคลเดียวกัน คือบุคคลในตระกูลปราสาททองโอสถ ก็เริ่มดูดคนระดับแม่เหล็กจาก ช่อง 3 และ ช่อง 7 เข้าสังกัดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังได้ดึงเอารายการต่างๆ จากช่อง 3 และช่อง 7 ช่องเข้าพีพีทีวีอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเสนอต้นทุนการทำรายการที่ต่ำกว่า อย่างไรก็ตามพีพีทีวีเคยให้สัมภาษณ์ว่าจะมีโครงการสร้างละครร่วมกับทีมงานจากช่องวันในอนาคต เพื่อให้ช่องพีพีทีวีมีคอนเทนต์ละครเพิ่มขึ้นหลังจากที่หยุดการทำละครมาระยะหนึ่ง",
"ข่าว 3 มิติ เป็นรายการโทรทัศน์ ประเภทรายงานข่าว เหตุการณ์ปัจจุบัน และสารคดีข่าว ผลิตรายการโดยฝ่ายข่าว สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ร่วมกับ บริษัท ฮอตนิวส์ จำกัด ดำเนินรายการโดย กิตติ สิงหาปัด, ประวีณมัย บ่ายคล้อย หรือ ปิยณี เทียมอัมพร ออกอากาศทุกวันจันทร์ถึงพฤหัสบดี เวลา 22.50-23.20 น. วันศุกร์ เวลา 23.00-23.30 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 22.45-23.30 น. ทาง ช่อง 3, ช่อง 3 เอชดี และ สถานีวิทยุครอบครัวข่าว FM 106 MHz เริ่มออกอากาศวันที่ 7 สิงหาคม 2551",
"ทั้งนี้ ผู้บริหารสถานีฯ ได้เปิดรับสมัครบุคลากรจำนวนมาก เพื่อรองรับการเปิดแผนกใหม่ จนกระทั่งได้ทีมงานรุ่นใหม่ไฟแรงกว่า 100 คน ภายในเวลาไม่กี่เดือน สำหรับผู้ประกาศข่าวซึ่งเป็นที่รู้จักในอดีต ได้แก่ อาคม มกรานนท์ ,สิทธิชาติ บุญมานนท์ (ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ราวปลายเดือนมีนาคม พ.ศ. 2553), อภิญญา เจริญวงศ์ (สมรสกับ ประสาร มาลีนนท์ ผู้บริหารสถานีฯ), ชุติมา รอดอยู่สุข, รัตติยากร ริมสินธุ, อภิชาติ หาลำเจียก, จักรพันธุ์ ยมจินดา, สุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล, นัจนันท์ พฤกษ์ไพบูลย์, สาธิต ยุวนันทการุณ เป็นต้น โดยกำหนดคำขวัญว่า \"เที่ยงตรง กระชับ ฉับไว\"",
"ในข้อแรกเป็นเรื่องของเจ้าของเรื่องนี้โดยให้ผู้เข้าแข่งขันทายว่าเจ้าของเรื่องนี้เป็นของใครหลังจากนั้นพิธีกรจะเฉลยคำตอบโดยให้ดาราที่เป็นสามช่ารับเชิญที่ยืนอยู่บนเวทีแล้วพิธีกรจะถามว่าใครเป็นเจ้าของเรื่องนี้ หลังจากนั้นก็ให้ดาราใครคนใดคนหนึ่งที่เป็นเจ้าของเรื่องนี้ลงมาจากเวที นั่นหมายความว่าถ้าดาราใครคนใดคนหนึ่งที่ลงจากเวทีนั้น นั่นคือคำตอบที่ถูกต้องและเป็นเจ้าของเรื่องนี้นั่นเองส่วนผู้เข้าแข่งขันที่ตอบถูกจะได้คะแนนไปและพร้อมกับให้ดาราเจ้าของเรื่องเล่าประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไรบ้าง หลังจากที่ดาราเล่าประสบการณ์จบเรียบร้อยแล้ว พิธีกรจะเชิญหม่ำ,เท่ง และ โหน่ง ออกมาสร้างสีสันโดยการโชว์แสดงตลกให้ท่านผู้ชมได้สนุกสนานกัน",
"ต่อมาในช่วงปี 2545 - 2546 ได้มีการปรับเปลี่ยนกติกาเล็กน้อย โดยจะมีปรัศนี 4 ท่าน (แต่ไม่มีการแบ่งสี) ให้ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 3 ทายว่า 1 ใน 4 ท่านนี้ใครเป็นเจ้าของธุรกิจตัวจริง และมี 3 ท่านเป็นตัวหลอก ถ้าผู้เข้าแข่งขันคนใดตอบถูก จะได้รับคนละ 1 คะแนน",
"ชิบ จิตนิยม เป็นเจ้าของรายการ จับกระแสโลก รองจากคุณสุทธิชัย หยุ่น ทางสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี หลังจากนั้นก็ลาออกมาอยู่ที่ช่อง 7 ปัจจุบันเป็นผู้ประกาศข่าวร่วม ช่วง เป็นข่าวเพื่อนบ้านกับเอเชียคอนเน็ค ในข่าวชาวบ้าน วันจันทร์-วันอาทิตย์ ทางช่อง 3 เอสดี และ ผู้ประกาศข่าว ช่วง World Connect ใน Weekend Life วันเสาร์-วันอาทิตย์ ทาง ช่อง 3 แฟมิลี่",
"ครอบครัวข่าว 3 เป็นตราสินค้าสำหรับรายการโทรทัศน์ประเภทข่าวและเหตุการณ์ปัจจุบัน รวมถึงผู้ประกาศข่าว และพิธีกรข่าว ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 อสมท, ช่อง 3 เอสดี และช่อง 3 แฟมิลี เริ่มใช้อย่างเป็นทางการ เมื่อวันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 เกิดจากแนวคิดของวิบูลย์ ลีรัตนขจร ผู้บริหารบริษัทในเครือเซิร์ช และมีคำขวัญว่า “เข้าใจทุกข่าว เข้าถึงทุกคน”",
"เรื่องราวของเจ้าหน้าที่เอฟบีไอฝึกหัดกลุ่มหนึ่งที่แต่ละคนมีเป้าหมายในการร่วมทีมเอฟบีไอที่แตกต่างกันไป นำโดย อเล็กซ์ พาร์ริช หญิงสาวที่ต้องการรู้อดีตของเธอ ซึ่งเธอเชื่อว่าเอฟบีไอคือสถานที่ที่จะช่วยให้เธอหาคำตอบนั้นได้ โดยเจ้าหน้าทีฝึกหัดกลุ่มนี้ได้รับการดูแลและฝึกสอนโดยเลียม ผู้ซึ่งมีอดีตซับซ้อนเช่นกัน และมิแรนด้า ชอว์ ผอ. ศูนย์ฝึกฯ ซึ่งครอบครัวของเธอต้องทนทุกข์จากโศกนาฏกรรมที่เลวร้ายเมื่อไม่นานนี้",
"การผจญภัยเริ่มต้นสู่ความระทึกเมื่อ ดร.อลัน แกรนท์ (แซม นีล) นักโบราณคดีผู้เชี่ยวชาญเรื่องไดโนเสาร์ ยอมรับข้อเสนอของมหาเศรษฐีนักผจญภัย (วิลเลี่ยม เอช.เมซี่) และภรรยา (เท ลีโอนี) ให้เป็นไกด์พาพวกเขาบินชมทั่วเกาะอิสลา ชอร์น่า แหล่งเพาะพันธุ์ไดโนเสาร์ของบริษัทอินเจนในอดีต จนเมื่อทั้งหมดตกค้างอยู่บนเกาะอันตรายแห่งนี้ ดร.แกรนด์ จึงได้รู้ว่าคณะผู้ร่วมเดินทางของเขา หาใช่ลูกทัวร์ธรรมดาอย่างที่พวกเขาอ้าง และคราวนี้ จูราสสิค พาร์ค 3 ไดโนเสาร์พันธุ์ดุ เหล่าสัตว์ยุคล้านปีเจ้าของพื้นที่บนเกาะตัวจริงพวกมันฉลาดกว่า ว่องไวกว่า และดุร้ายกว่าที่ใคร ๆ เคยนึกถึง",
"ตั้งแต่เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2558 ซิตคอม ผู้กองเจ้าเสน่ห์ ได้ย้ายมาออกอากาศทาง ช่องวัน หลังจากสิ้นสุดการออกอากาศตามระยะเวลาที่ขอต่อไว้เพิ่มเติมที่ ช่อง 3 โดยจะเริ่มออกอากาศทางช่องวัน ทุกวันอาทิตย์ เวลา 11.00 น.- 12.00 น. เริ่มออกอากาศวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2558 – 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 และตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2559 - 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เป็นต้นไป ผู้กองเจ้าเสน่ห์ ได้ย้ายเวลามาออกอากาศ เป็นทุกวันอาทิตย์ เวลา 10.00 - 11.00 น. เช่นเดียวกับ เฮง เฮง เฮง\n=เนื้อเรื่องย่อ=\nเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อตำรวจหนุ่ม ผู้กองมานะ ย้ายที่ปีละครั้ง มาประจำการอยู่ที่สน.สำราญโรจน์ในวันแรก ทำคดี 2 คดีจนเป็นที่รู้จัก คือ ช่วยอาวุธกับจับป้าใหม่ ได้พบกับ ผู้กองเข็ม ตำรวจหญิงที่เป็นเพื่อนสมัยเด็ก โดนล้อเรื่องอกแบนประจำ ร่วมด้วยจ่าดำเกิง ลุงตำรวจจราจร ที่ในอดีตเมียหนีไปอยู่กับชู้ฝรั่ง จึงลูกสาวที่คอยแรดไปวันๆ แต่กลับมีความสุขที่ลูกสาวขึ้นคานกับขายข้าวแกง,หมวดหมูตำรวจลูกแหง่ จอมซุ่มซ่าม,ผู้กองสมาร์ท ลูกทรพีของผีพนัน คู่ปรับของผู้กองมานะ ใช้พลังอัปมงคลจนเรื่องอลหม่านกว่าเดิม, 2 จ่าคู่หูคู่ฮา ยอดกับสิงห์"
] |
โทมิกะฮีโร่ เรสคิวไฟเออร์ ออกอากาศครั้งแรกเมื่อใด ? | [
"โทมิกะฮีโร่ เรสคิวไฟเออร์ () เป็นภาพยนตร์โทคุซัทสึซึ่งเป็นของบริษัท TAKARA TOMY ในซีรีส์โทมิกะ อันดับที่ 2 ต่อจาก TOMICA ฮีโร่ เรสคิวฟอร์ซ ออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 2009 ถึงวันที่ 27 มีนาคม ค.ศ. 2010 เวลา 08.00 น. ทาง ทีวีไอจิ และทางสถานีโทรทัศน์ ทีวี โตเกียว มีจำนวนตอนทั้งหมด 51 ตอน"
] | [
"อคูไมเซอร์ทรี, อะคุไมเซอร์ 3, อะคุมะอิซ่า สุรี (Akumaizer 3, アクマイザー3) ทีวีซีรีส์แนวฮีโร่คนแสดงของญี่ปุ่น (โทะกุซะสึ 特撮) ออกอากาศครั้งแรกในไทย ปีพ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975 ปีเดียวกับที่ฉายในญี่ปุ่น) ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 18:20 ทางทีวีสีช่อง 5 ชื่อเรื่องคือ มหากาฬมอเตอร์ไซค์ (เดิมรัชฟิล์มผู้นำเข้ามาฉาย ตั้งใจจะใช้ชื่อ สามยอดพยัคฆ์) ผลิตโดยบริษัทโตเอะ กำกับโดยผู้กำกับหลายท่าน อาทิ อั๊ตทสึโอะ โอคุนากะ (Atsuo Okunaka, 奥中惇夫) ออกอากาศครั้งแรกในญี่ปุ่น วันที่ 7 ตุลาคม ค.ศ. 1975 ทุกวันอังคาร เวลา 19:00-19:30 ทางช่อง NET (ปัจจุบันคือ ทีวี อาซาฮี) มีทั้งหมด 38 ตอนๆ ละ 30 นาที โดยตอนแรกมีชื่อตอนว่า “ทำไม? การกบฏของซาบีตัน” (นะเซะดะ ซาบิตันโนะฮังเกี๊ยกกุ (なぜだ?! ザビタンの反逆!) และตอนสุดท้ายฉายวันที่ 29 มิถุนายน ค.ศ. 1976 ชื่อตอนว่า “ทำไม? แคปซูลแห่งวันพรุ่ง” (นะเซะดะ อะสุเอ๊ะโนะ คะปุเซหรุ (なぜだ?! 明日へのカプセル) โดยทุกตอนจะขึ้นต้นชื่อด้วยคำถามว่า \"ทำไม?\" (นะเซะดะ, なぜだ) เมื่อจบชุดแรกก็ต่อด้วย ภาค 2 ในชื่อซีรีส์ใหม่ว่า โชวจินบิบิว (Choujin Bibyun) อีก 36 ตอน โดยเป็นตัวละครใหม่\nตัวละครใน อคูไมเซอร์ทรี ออกแบบโดย อิชิโนโมริ โชทาโร่ โดยใช้ภาพสเก็ชที่เหลือจากการนำไปทำเป็นซีรีส์ คาเมนไรเดอร์ ยุคนั้นผู้คนให้ความสนใจใคร่รู้ เรื่องไซไฟ วิทยาศาสตร์ อวกาศ อนาคต สิ่งเร้นลับปริศนา อภินิหารพลังพิเศษ อคูไมเซอร์ทรีก็จับความสนใจเรื่อง โลกกลวง สิ่งมีชีวิตใต้พิภพ ใจกลางโลก ไซบอร์ก วงจรอิเล็คทรอนิคส์ และยังได้รับอิทธิพลจากภาพยนตร์สามทหารเสือ (the Three Musketeers) วรรณกรรมยอดฮิต (แนวโรแมนติค-ดาบ-เสื้อคลุม) ของฝรั่งเศส มีทหารองครักษ์สามคน ใช้ดาบแบบเรเปียร์ (rapier) เป็นอาวุธในการต่อสู้ รักษาเกียรติยศ เพื่อมิตรภาพ เสียสละเพื่อส่วนรวม ผดุงคุณธรรม",
"โอซาคาเบะ เรย์จิ หนึ่งในคณะกรรมผู้บริหารระดับสูงของUFDA (United Fire-Defense Agency) จึงได้จัดตั้งทีมกู้ภัยพิเศษขึ้นมา นาม เรสคิวไฟเออร์ เพื่อต่อกรกับจาคาเอน โดยมีไทงะ ริคุ เป็นกัปตันทีม และมีสมาชิกทั้งหมด 3 คน ประกอบด้วย โฮมุระ ทัตซึยะ (ไฟเออร์-1) , เมกุมิ ยูมะ (ไฟเออร์-2) และ ยูคิ รัทสึกะ (ไฟเออร์-3) ทำหน้าที่ช่วยเหลือมวลมนุษย์ให้รอดพ้นจากความชั่วที่แฝงมาในรูปแบบอัคคีภัย",
"เมื่อจาคาเอนได้เพิ่มพลังการทำลายด้วยอัคคีภัยมากขึ้นกว่าเดิมทั้งการเพิ่มพลังให้คาเอนมาจิน และการรวมร่างของคาเอนมาจินทั้ง 2 ตัว รวมไปถึงความสามารถในการจู่โจมบนอากาศ ทำให้เรสคิวไฟเออร์ ไม่สามารถโจมตีได้อย่างง่ายดายเหมือนก่อน เนื่องจากพวกเขาไม่มีเครื่องมือที่ต่อสู้บนอากาศ ทำให้เรสคิวไฟเออร์ สาขาญี่ปุ่นได้เรียกตัวสมาชิกจากสาขาอเมริกามาร่วมทีมเพื่อเสริมความแข็งแกร่งขึ้นในนามสกายทีม ประกอบไปด้วย อาโออิ สึบาสะ (ไฟเออร์-4) และ วาตาริ จุน (ไฟเออร์-5) โดยสกายทีม มีหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสพภัทางอากาศและร่วมมือกับเรสคิวไฟเออร์ในการกำจัดจาคาเอน แม้พวกเขาจะมีเรื่องที่ไม่ลงรอยกันของทั้ง 2 ทีมแต่ด้วยจิตวิญญาณที่ช่วยเหลือผู้ประสพภัยแล้วนั้น ทำให้ปัญหาส่วนตัวและปัญหานิสัยของพวกเขาคลี่คลายและแปรเปลี่ยนเป็นพลังในการช่วยเหลือมวลมนุษย์ต่อไป",
"มือปราบผู้พิทักษ์เอ็กช์ซีดราฟ () เป็นภาพยนตร์โทคุซัทสึแนวเมทัลฮีโรลำดับที่ 11 และเป็นซีรีส์ชุดสุดท้ายของรูปแบบเรสคิวโปลิสต่อจาก คำสั่งฉุกเฉินพิเศษโซลเบรน ออกอากาศเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1992 (3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535) ถึงวันที่ 25 มกราคม ค.ศ. 1993 (25 มกราคม พ.ศ. 2536) โดยออกอากาศทุกวันอาทิตย์เวลา 8.00 ถึง 8.30 น.ทางสถานีโทรทัศน์ทีวีอาซาฮี รวมทั้งสิ้น 49 ตอน",
"ซูเปอร์ควิซสเปเชียลเป็นรายการที่ได้วางแผนต่อเนื่องมาจากรายการ \"วะรัตเตะโยะโระชิกุ โชว์บายโชไบ!!\" (笑ってヨロシクSHOW by ショーバイ!!) ออกอากาศเมื่อ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2532 ซึ่งเหมือนกับเอาสองรายการได้แก่ \"โดะชิระซะมะโมะ!! วะรัตเตะโยะโระชิกุ\" (どちら様も!!笑ってヨロシク) และ \"ควิซเซะไกวะ โชว์บายโชไบ!!\" (クイズ世界はSHOW by ショーバイ!!) มายำรวมกัน โดยมี โทะโกะโระ จอร์จ (所 ジョージ) และ อิสึมิ มะซะตะกะ (逸見 政孝) จากทั้งสองรายการมาเป็นผู้ดำเนินรายการร่วม",
"โทมิกะฮีโร่ เรสคิวฟอร์ซ () เป็นภาพยนตร์โทคุซัทสึซึ่งเป็นของบริษัท TAKARA TOMY ในซีรีส์โทมิคา ออกอากาศวันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 2008 ถึงวันที่ 28 มีนาคม ค.ศ. 2009 เวลา 8.00 น. ทาง ทีวีไอจิ และทางสถานีโทรทัศน์ ทีวี โตเกียว",
"ครัชเกียร์ เทอร์โบ หรือในชื่อญี่ปุ่น เงคิโตะ! ครัชเกียร์ เทอร์โบ () เป็นภาพยนตร์อนิเมะที่ผลิตโดยซันไรส์ ออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ค.ศ. 2001 ถึงวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2546 ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ทีวีอาซาฮีและงาโงยะ ทีวี ในประเทศญี่ปุ่น รวมจำนวนทั้งหมด 68 ตอน และมีตอนพิเศษทางภาพยนตร์อีก 1 ตอน ส่วนประเทศไทยนั้นเคยออกฉายช่อง 9 อ.ส.ม.ท กลางปี พ.ศ. 2546 และกลับมาฉายอีกครั้งที่ช่องเวิร์คพอยท์ในปี พ.ศ. 2559",
"จาคาเอน กลุ่มองค์กรปิศาจชั่วร้ายที่ต้องการยึดครองโลกด้วยอัคคีภัยได้ถือกำเนิดขึ้น พร้อมกับการเกิดภูเขาน้ำแข็งละลายเนื่องจากมนต์สะกดดอนคาเอนได้ถูกทำลายลง ทำให้โลกเกิดอัคคีภัยในหลายๆประเทศ",
"ซากุระเควสต์ () เป็นอนิเมะโทรทัศน์ 25 ตอนจากประเทศญี่ปุ่น อำนวยการสร้างโดยพีเอเวิกส์ และกำกับโดย Soichi Masui อนิเมะโทรทัศน์ออกอากาศครั้งแรกในญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน ถึงวันที่ 20 กันยายน 2017 อนิเมะได้รับการอธิบายว่าเป็นส่วนหนึ่งของ \"ซีรีส์เกี่ยวกับการทำงาน\" ของพีเอเวิกส์ ซึ่งเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคนและงานของพวกเขาหลังจาก \"สาวเรียวกังหัวใจเกินร้อย\" และ \"ก๊วนสาวนักสร้างอนิเมะะ\""
] |
เมืองหลวงของ เดนมาร์ก คืออะไร? | [
"เดนมาร์กแต่เดิมเป็นดินแดนที่มีทรัพยากรธรรมชาติน้อย พื้นที่ตลอดชายฝั่งเป็นสันทรายกว้างใหญ่ พื้นที่ส่วนอื่นเกิดจากธารน้ำแข็งและหนองน้ำ เดนมาร์กตั้งอยู่ระหว่างทะเลบอลติกและทะเลเหนือ ล้อมรอบด้วยพื้นน้ำเกือบทั้งหมด ภูมิประเทศประกอบด้วยคาบสมุทร Jutland (Jylland) และเกาะต่างๆอีก 406 เกาะ ในจำนวนนี้ 76 เกาะมีผู้อยู่อาศัย เกาะใหญ่ที่สุดคือ Zealand (Sjælland), Funen (Fyn), Lolland และ Bornholm เกาะ Bornholm จะอยู่ในทะเลบอลติกทางด้านตะวันออกของประเทศ เกาะอื่นๆส่วนใหญ่จะเป็นเกาะที่มีขนาดเล็กมาก ที่มีผู้อยู่อาศัยเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย เกาะขนาดใหญ่จะเชื่อมต่อกันด้วยสะพาน สะพาน Øresund เชื่อมต่อเกาะ Zealand กับประเทศสวีเดน สะพาน Great Belt เชื่อมต่อเกาะ Funen กับเกาะ Zealand และสะพาน Little Belt เชื่อมต่อคาบสมุทร Jutland กับเกาะ Funen เรือเฟอร์รี่และเครื่องบินจะใช้เพื่อการเดินทางไปยังเกาะเล็กๆ เมืองหลวงหลักคือโคเปนเฮเกน (อยู่บนเกาะ Zealand) Århus, Aalborg, Esbjerg (อยู่บนคาบสมุทร Jutland) และ Odense (อยู่บนเกาะ Funen) พื้นที่เกือบทั้งหมดเป็นที่ราบไม่มีภูเขา นอกจากหมู่เกาะแฟโร และเกาะกรีนแลนด์ซึ่งเป็นดินแดนโพ้นทะเลจะมีทั้งที่ราบสูง และภูเขาสูง"
] | [] |
โรเบิร์ต เอิร์นชอว์ เกิดเมื่อไหร่? | [
"โรเบิร์ต เอิร์นชอว์ มีชื่อเล่นว่า \"เออร์นี\" เกิดวันจันทร์ที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1981 ในเขตมูฟูลิร่า จังหวัดคอปเปอร์เบลต์ สาธารณรัฐแซมเบีย เมื่อเขาอายุได้ 5 ปี ครอบครัวของเขาได้ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่ประเทศมาลาวี โดยพ่อของเขา \"เดวิด เอิร์นชอว์\" ทำงานเป็นผู้ใช้แรงงานในเหมืองถ่านหิน"
] | [
"ครอบครัวของเขาอยู่ที่มาลาวีได้ไม่กี่ปีก็ต้องย้ายถิ่นที่อยู่อีกครั้งในปลายปี ค.ศ. 1990 เมื่อพ่อของเขา เดวิด เสียชีวิตลง \"ริต้า เอิร์นชอว์\" แม่ของเขาก็พาครอบครัวย้ายมาอยู่ที่สหราชอาณาจักร โดยอาศัยอยู่ที่เมืองเบดวอส มณฑลแคร์ฟิลลี่, เวลส์\nการย้ายที่อยู่ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่เขาต้องมาใช้ชีวิตนอกทวีปแอฟริกา และพบการใช้ชีวิตที่แตกต่างออกไปจากเดิมหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศหรือภาษา ทุกๆคนรอบตัวเขาพูดกันด้วยภาษาอังกฤษ ทำให้เขาต้องเรียนรู้และหัดพูดภาษาอังกฤษ",
"เจ. โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ เกิดวันที่ 22 เมษายน ค.ศ. 1904 ที่เมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ครอบครัวของเขามีฐานะดี พ่อของเขาชื่อ \"จูเลียส\" เป็นชาวเยอรมันที่ได้อพยพจากเยอรมันมาที่สหรัฐอเมริกา และประกอบอาชีพทำธุรกิจเกี่ยวกับเสื้อผ้า ในวัยเด็กเขาเป็นคนขี้อาย จึงมักถูกเพื่อนรังแกอยู่เสมอ ดังนั้นเขาจึงชอบปลีกตัวอ่านหนังสือวิทยาศาสตร์เพียงคนเดียว",
"ในวันที่ 20 กันยายน, เอิร์นชอว์ ตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่อิสราเอล โดยไปเล่นให้กับ มัคคาบี้ เทลอาวีฟในสัญญายึมตัวจนจบฤดูกาล, และได้เบอร์ 19 เป็นเบอร์เสื้อทีม หลังจากที่เล่นกับมัคคาบี้ เทลอาวีฟ เอิร์นชอว์ เชื่อว่าเมื่อเล่นให้กับทีมนี้จะมีความสุขและสามารถคึนฟอร์มเก่าๆกลับมาได้ และ ได้รับปากกับ ยอร์ดี ครัฟฟ์ ผอ.กีฬาของทีมว่าและเปลื่ยนว่าและโชว์ฟอร์มให้ดีกว่าเดิม เอิร์นชอว์ ถูกเรียกตัวกลับมาและแยกทางกับสโมสร ในช่วงตลาดนักเตะรอบสอง",
"ฤดูกาล 2008–2009 โรเบิร์ต เอิร์นชอว์ เปิดตัวในฐานะผู้เล่นหมายเลข 10 ของสโมสร เจ้าป่า น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ด้วยค่าตัว 2.75 ล้านปอนด์ โดยเขาเซ็นสัญญากับทีมเป็นเวลา 3 ปี และลงสนามนัดแรกในวันที่ 10 สิงหาคม ปี 2008 ในนัดที่เสมอกับสโมสรเร้ดดิ้ง 0–0",
"โรเบิร์ต จูเลียส ทรัมเพลอร์ (; 2 ตุลาคม ค.ศ. 1886 - 10 กันยายน ค.ศ. 1956) เป็นนักดาราศาสตร์ชาวอเมริกัน-สวิส เกิดที่เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ต่อมาได้ไปศึกษาต่อที่เยอรมันและได้รับปริญญาเอกในปี ค.ศ. 1910 ต่อมาระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เขาลี้ภัยมายังสหรัฐอเมริกา ได้เข้าทำงานที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย โดยประจำที่หอดูดาวอัลเลเกอนี ต่อมาได้ย้ายไปยังหอดูดาวลิค โอนสัญชาติมาเป็นชาวอเมริกันในปี ค.ศ. 1921 และได้รับเลือกเป็นสมาชิกสมาคมวิชาการวิทยาศาสตร์แห่งชาติสหรัฐอเมริกา (United States National Academy of Sciences) ในปี ค.ศ. 1932",
"ฤดูกาล 2004–2005 โรเบิร์ต เอิร์นชอว์ ย้ายจากสโมสรคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ มาเล่นในระดับพรีเมียร์ลีกให้กับสโมสรเวสต์บรอมวิช อัลเบียน ภายใต้การคุมทีมของไบรอัน ร็อบสัน ด้วยค่าตัว 3 ล้านปอนด์ โดยเขาลงสนามให้สโมสรเป็นนัดแรกเมื่อวันที่ 11 กันยายน ปี 2004 ในนัดที่แพ้สโมสรลิเวอร์พูล 0–3 โดยลงมาเป็นตัวสำรองในช่วงครึ่งหลัง",
"แซเวียร์ เฮอร์เบิร์ต (; 15 พฤษภาคม ค.ศ. 1901 – 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 1984) เป็นนักเขียนชาวออสเตรเลีย มีชื่อเกิดว่าแอลฟริด แจ็กสัน เป็นบุตรนอกสมรสของเบนจามิน ฟรานซิส เฮอร์เบิร์ตและเอมี วิกตอเรีย สแกมเมลล์ เฮอร์เบิร์ตเริ่มทำงานครั้งแรกที่ร้านขายยาขณะอายุได้ 14 ปี ก่อนจะเรียนด้านเภสัชศาสตร์ที่วิทยาลัยเทคนิคเพิร์ท ต่อมาเขาย้ายไปที่เมลเบิร์น เพื่อเรียนวิชาแพทย์ที่มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น พร้อมกับเริ่มเขียนเรื่องสั้น เฮอร์เบิร์ตออกนวนิยายเรื่องแรก \"Capricornia\" ในปี ค.ศ. 1938 และออกผลงานอีกหลายเล่มตามมา จนในปี ค.ศ. 1975 เขาได้ตีพิมพ์ \"Poor Fellow My Country\" ซึ่งเป็นนวนิยายออสเตรเลียที่ยาวที่สุดในโลก นิยายเรื่องนี้ได้รับรางวัลไมลส์ แฟรงคลินในปีเดียวกัน",
"โรเบิร์ต เอิร์นชอว์ เริ่มสร้างชื่อเสียงกับสโมสรฟุตบอลคาร์ดิฟฟ์ ซิตี และเคยเล่นในระดับพรีเมียร์ลีกกับสโมสรเวสต์บรอมวิช อัลเบียนและดาร์บี เคาน์ตี รวมถึงสโมสรอื่นๆในอังกฤษอย่างนอริช ซิตี, น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์, แบล็คพูล นอกจากนี้ยังเคยเล่นฟุตบอลในประเทศอิสราเอลกับสโมสร \"มัคคาบี้ เทลอาวีฟ\"",
"โรเบิร์ต เอิร์นชอว์ เข้ามาสู่สโมสรคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ในปี ค.ศ. 1997 ในฐานะนักฟุตบอลระดับเยาวชน โดยเป็นการเซ็นสัญญาระยะสั้น 1 ปี จากนั้นเขาได้พัฒนาฟอร์มการเล่นของตัวเองจนได้รับสัญญานักฟุตบอลอาชีพในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1998 ก่อนที่ในปี 2000 เขาถูกส่งไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับสโมสรฟุตบอล \"กรีน็อค มอร์ตัน\" ในสกอตแลนด์ด้วยสัญญายืมตัว และได้รับโอกาสให้ทดสอบฝีเท้ากับสโมสรมิดเดิลสโบรห์ ในยุคของไบรอัน ร็อบสัน"
] |
ทุพภิกภัย คืออะไร ? | [
"ทุพภิกขภัย () คือสภาวะของการขาดแคลนอาหารอย่างกว้างขวางซึ่งอาจใช้กับสภาวะที่เกิดในสัตว์ชนิดใดก็ได้ วิกฤติการณ์ดังกล่าวมักจะตามมาด้วยสภาวะทุพโภชนาการ, การอดอยาก, โรคระบาด และการเพิ่มจำนวนการเสียชีวิต"
] | [
"ภาวะขาดสารอาหารรองสามารถแก้ไขได้โดยการให้สารเสริมอาหาร สารเสริมอาหาร อย่างเช่น เนยถั่วและสไปรูไลนา ได้ปฏิวัติการให้อาหารฉุกเฉินในวิกฤตการณ์ทางมนุษยธรรม เพราะมันสามารถรับประทานได้ทันทีจากห่อบรรจุ และไม่จำเป็นต้องใช้ตู้เย็นหรือผสมกับน้ำสะอาดที่มีน้อยอยู่แล้ว สามารถเก็บได้หลายปี และที่สำคัญคือ ร่างกายของเด็กที่ป่วยหนักยังสามารถดูดซึมสารอาหารไปใช้ได้ การประชุมอาหารโลกของสหประชาชาติ ค.ศ. 1974 ประกาศว่าสไปรูไลนาเป็น \"อาหารที่ดีที่สุดสำหรับอนาคต\" และความพร้อมที่จะถูกเก็บเกี่ยวได้ทุก 24 ชั่วโมง ทำให้มันเป็นเครื่องมือสำคัญในการกำจัดทุพโภชนาการ นอกจากนั้น ยังมีการให้อาหารเสริม อย่างเช่น แคปซูลวิตามินเอหรือเม็ดสังกะสีในการรักษาอาการท้องร่วง",
"เอธิโอเปียนำร่องโครงการซึ่งปัจจุบันเป็นตำรับแนะนำของธนาคารโลกเพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์อาหารและถูกมองโดยองค์กรช่วยเหลืออื่น ๆ ว่าเป็นแม่แบบสำหรับวิธีการช่วยเหลือประเทศที่หิวโหยที่ดีที่สุด ผ่านโครงการสนับสนุนอาหารหลักของประเทศ โครงการเครือข่ายความปลอดภัยผลิตภาพ เอธิโอเปียได้ให้โอกาสแก่ผู้อยู่อาศัยในชนบท ผู้ขาดแคลนอาหารเรื้อรัง ในการทำงานแลกกับอาหารหรือเงินสด องค์กรช่วยเหลือต่างประเทศ อย่างโครงการอาหารโลก จากนั้นสามารถซื้ออาหารจากท้องถิ่นในพื้นที่ที่มีอาหารสมบูรณ์แจกจ่ายไปยังพื้นที่ขาดแคลนอาหาร",
"พระฤาษีวาสุเทพ (สุเทวฤาษี) ซึ่งจำศีลภาวนาอยู่ ณ ดอยสุเทพ ได้ธุดงค์มาพบเข้าก็ทราบว่าทารกคนนี้คงไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ ต้องเป็นผู้มีบุญบารมีมาเกิดเป็นแน่ ท่านจึงใช้พัด (วี) ยื่นไปในสระน้ำนั้นพร้อมกับตั้งจิตอธิษฐานว่า หากทารกนี้มีบุญจริงก็ให้พัดของเรารับร่างน้อยนั้นเข้าฝั่งมาได้เถิด และสิ้นคำอธิษฐาน ร่างของทารกน้อยก็ลอยขึ้นฝั่งได้พร้อมกับพัดที่ใช้รองรับ ดังนั้นท่านฤาษีวาสุเทพจึงได้นำทารกน้อยนี้ไปเลี้ยงดูโดยตั้งชื่อให้ว่า “หญิงวี” ท่านฤาษีวาสุเทพได้เลี้ยงดูหญิงวีจนกระทั่งอายุได้ ๑๓ ขวบ จึงได้ต่อแพยนต์จัดส่งพระนางไปตามนิมิต โดยให้นั่งไปบนแพยนต์ มีวานรติดตามไปดูแล ๓๕ ตัว แพยนต์ซึ่งพระฤาษีเสกด้วยเวทย์มนต์คาถาก็นำพาหญิงวีไปตามลำน้ำใหญ่ จนกระทั่งถึงวัดเชิงท่าตลาดลพบุรี อ.เมือง จ.ลพบุรี (ละโว้) แพยนต์ของหญิงวีก็ลอยเป็นวงกลมอยู่ที่ท่าน้ำนั้น ประชาชนพลเมืองต่างช่วยกันชักลากขึ้นฝั่ง แต่ก็กระทำไม่สำเร็จ จึงพากันไปทูลแจ้งแก่กษัตริย์เมืองละโว้ในขณะนั้นได้ทราบข่าวก็อัศจรรย์ยิ่ง นัก จึงเสด็จมาพร้อมกับรับหญิงวีเป็นธิดาบุญธรรม ต่อจากนั้นก็ได้จัดให้มีงานเฉลิมฉลองและเจิมพระขวัญแต่งตั้งให้หญิงวีที่มา กับสายน้ำนี้เป็นพระราชธิดา แห่งกรุงละโว้ธานี และได้ให้ปุโรหิตจารึกพระนามลงในแผ่นสุพรรณบัฏว่า",
"ทะเลดีแรค (Dirac Sea) หรือทะเลแห่งมโนภาพ เป็นอาวุธของเทวทูติที่ดูดกลืนอีวา 01 ลงไปใน มีลักษณะเป็นเงา มีความกว้าง 680 เมตร หนา 3 จุลเมตร ภายในมีสนามพลัง A.T. ที่เป็นตัวพยุงมิติที่บางมากอยู่ ซึ่งเรียกว่าทะเลแห่งมโนภาพ โดยวงกลมที่ลอยอยู่ข้างบนนั้นเป็นแค่เงาเท่านั้น และวงกลมนี้ก็จะหายไปเมื่อวงจรสัญญาณถูกปิดลงและเมื่อสัญญาณเปิดขึ้นอีกครั้ง เงานั้นก็จะดูดกลืนทุกอย่างลงไป เชื่อว่ามิติภายในเงานั้นเชื่อมต่ออยู่กับจักรวาลอื่นอยู่",
"ฝ่ายเทพสามฤดูได้ร่ำเรียนวิชากับพระฤๅษีโคดมจนครบถ้วนแล้วพระฤๅษีได้ขอประทานอาวุธจากพระอิศวร ให้ไว้ใช้ป้องกันตัว พระอิศวรประทานอาวุธคือ กระบองแก้วของพระราหู, พระขรรค์ของพิรุณ และลูกแก้วของจินดาเมขลา จากนั้นเทพสามฤดูจึงออกเดินทางตามที่พระฤๅษีได้แนะนำไว้ ไปพบถ้ำแห่งหนึ่ง ภายในมีสมบัติจำนวนมาก ด้วยความโลภงั่งจึงขนสมบัติออกมา ยักษ์หินที่เฝ้าปากถ้ำจึงออกอาละวาดงั่งกับราหู จนราหูต้องรีบนำสมบัติไปคืน แต่ก่อนจะถึงถ้ำ มีคนธรรพ์ตนหนึ่งรับสมอ้างว่าเป็นสมบัติของเขา ราหูไม่เชื่อจึงสู้กันจนคนธรรพ์หมดสภาพ จากนั้นราหูจึงเอาสมบัติที่ขโมยไปคืน ยักษ์หินจึงหมดฤทธิ์กลับไปที่ปากถ้ำเหมือนเดิม ต่อมาระหว่างเดินทางไปพบกับนันทเสนที่ป่ากล้วย นันทเสนเข้าใจว่ามีใครบินข้ามหัว จึงเข้ารบกับราหูจนถึงขั้นที่พระอิศวรต้องส่งมาตุลีไปห้ามศึก จากนั้นมาตุลีก็ให้ทั้ง 3 ไปยังอาศรมของพระฤๅษีโคบุตร",
"เดวิด ไพเมนเทิล ศาสตราจารย์ประจำภาควิชานิเวศวิทยาและเกษตรกรรมที่มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ นักวิจัยอาวุโสที่สถาบันวิจัยอาหารและสารอาหารแห่งชาติ (INRAN) ระบุในการศึกษา \"อาหาร ที่ดิน ประชากรและเศรษฐกิจสหรัฐ\" ว่า ประชากรสหรัฐอเมริกาสูงสุดที่เหมาะสำหรับเศรษฐกิจแบบยังชีพอยู่ที่ 200 ล้านคน เพื่อที่จะบรรลุเศรษฐกิจแบบพึ่งพาตนเองและหลีกเลี่ยงภัยพิบัติ สหรัฐอเมริกาจะต้องลดจำนวนประชากรลงอย่างน้อยหนึ่งในสนาม และประชากรโลกจะต้องลดลงสองในสาม ผู้จัดทำการศึกษานี้เชื่อว่า วิกฤตการเกษตรที่กล่าวถึงนี้เพิ่งจะเริ่มมีผลกระทบต่อมนุษย์หลัง ค.ศ. 2020 และจะเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อถึง ค.ศ. 2050 ปริมาณผลิตน้ำมันสูงสุดทั่วโลกที่กำลังจะถึงนี้ เช่นเดียวกับปริมาณการผลิตแก๊สธรรรมชาติอเมริกาเหนือสูงสุดจะมีผลต่อวิกฤตการเกษตรเร็วกว่าที่เคยคาดกันไว้มาก",
"พระองค์เป็นตัวแทนของปัญญาญาณดังกระจก คือส่องให้เห็นหมดทุกด้าน โดยไม่ปิดบังอำพราง ประจำอยู่ทิศตะวันออกในพุทธมณฑล มีลักษณะใกล้เคียงกับพระไวโรจนพุทธะ โดยอาจสลับตำแหน่งในพุทธมณฑลกันได้ ความเชื่อในคัมภีร์มรณะของทิเบต พระอักโษภยะจะปรากฏในวันที่ 2 พร้อมด้วยพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ ตัวแทนแห่งความสมบูรณ์และความงอกงามและพระเมตไตรยโพธิสัตว์",
"ทุพโภชนาการ ในรูปของการขาดไอโอดีน เป็น \"สาเหตุที่ป้องกันได้ที่พบมากที่สุดของภาวะความบกพร่องด้านจิตใจทั่วโลก\" แม้การขาดไอโอดีนปานกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสตรีมีครรภ์และทารก อาจทำให้ระดับสติปัญญา (ไอคิว) ลดลงได้ถึง 10 ถึง 15 จุด ซึ่งลิดศักยภาพการพัฒนาประเทศอย่างไม่อาจคำนวณได้ ผลกระทบที่มองเห็นได้ชัดเจนที่สุดและรุนแรงที่สุด คอพอก เครทินิซึมและสภาพแคระ มีผลต่อชนกลุ่มน้อยขนาดเล็ก โดยมักเกิดในหมู่บ้านภูเขา แต่ 16% ของประชากรโลกอย่างน้อยมีคอพอกอย่างอ่อนซึ่งเป็นภาวะที่ต่อมไทรอยด์ในคอขยายใหญ่",
"\"เอเอฟ\" เป็นนายพรานผู้ชอบอาวุธปืน เขาเก็บอาวุธปืนพร้อมกระสุนไว้ในห้องของเขา พ่อของเขาที่มีความสนใจคล้ายกันนอนในห้องติดกัน เช้าตรู่วันหนึ่ง ขณะกำลังหลับเอเอฟได้ยินเสียชนที่ประตู เขาตะโกนว่า \"เจ้าหมา แกต้องการอะไรจากที่นี่\" และเอื้อมไปหยิบปืนที่อยู่ใกล้ที่สุดมายิง จากนั้นเขาพบว่าผู้บุกรุกนั้นคือพ่อของเขาเอง",
"ภิกษุทั้งหลาย อารยะมรรคอันเป็นหลักปฏิบัติอันเป็นทางสายกลาง ซึ่งเป็นไปเพื่อความสงบกิเลส เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อปัญญาอันยิ่ง เพื่อความดับกิเลสและกองทุกข์ คืออัษฏังคิมรรคมีองค์ 8 อันได้แก่ สัมยักทฤษฏิ (อธิกะทัศนะ), สัมยักสังกัลปะ (ปติการ), สัมยักวาก, สัมยักการมันตะ, สัมยักอัคชีวะ สัมยักวยายามะ (อุปายะเกาศัลยะ), สัมยักสมฤติ และสัมยักสมาธิ นี่แลเรียกว่า อารยะมรรค"
] |
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สมรสกับใคร? | [
"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สมรสกับผู้ช่วยศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ พิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ (สกุลเดิม ศกุนตาภัย) อดีตทันตแพทย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำภาควิชาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีบุตรธิดาด้วยกัน 2 คนคือ ปราง เวชชาชีวะ และปัณณสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปัณณสิทธิ์นั้นเป็นโรคออทิซึมมาแต่กำเนิด ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางจึงสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ และให้อยู่ในความพิทักษ์ของอภิสิทธิ์ผู้เป็นบิดาตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน 2555",
"ในปี พ.ศ. 2531 หลังจากพิมพ์เพ็ญ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ได้สมรสกับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นเพื่อนนักเรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้ติดตามอภิสิทธิ์ไปยัง เมืองออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ในช่วงที่อภิสิทธิ์ศึกษาต่อในระดับปริญญาโท สาขาเศรษฐศาสตร์ โดยใช้ชีวิตอยู่ในประเทศอังกฤษเป็นระยะเวลา 2 ปี หลังจากกลับมาใช้ชีวิตในประเทศไทย ทั้งคู่มีบุตรด้วยกัน 2 คน คือ ปราง เวชชาชีวะ (บุตรสาว) กับ ปัณณสิทธิ์ เวชชาชีวะ (บุตรชาย) ปัณณสิทธิ์นั้นเป็นโรคออทิซึมมาแต่กำเนิด ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางจึงสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ และให้อยู่ในความพิทักษ์ของอภิสิทธิ์ผู้เป็นบิดาตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน 2555"
] | [
"อภิสิทธิ์เป็นบุตรชายคนเดียว ในจำนวนบุตร 3 คน ของศาสตราจารย์ นายแพทย์อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กับ ศาสตราจารย์ แพทย์หญิง สดใส เวชชาชีวะ มีพี่สาว คือ ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงอลิสา วัชรสินธุ ศาสตราจารย์หน่วยจิตเวชเด็ก ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชเด็ก และงามพรรณ เวชชาชีวะ นักประพันธ์รางวัลซีไรท์ประจำปี พ.ศ. 2549 และผู้แปลวรรณกรรมเยาวชน",
"อภิสิทธิ์เป็นหลาน รองศาสตราจารย์ ประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ ประธานกรรมการ บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด อดีตรองอธิการบดีฝ่ายทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตอาจารย์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นลูกพี่ลูกน้องพงศ์เวช เวชชาชีวะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดจันทบุรีกับศุภกรณ์ เวชชาชีวะ กรรมการ บริษัท โพสต์ พับลิชชิง จำกัด (มหาชน) นอกจากนี้ยังเป็นลูกพี่ลูกน้องกับวรกร จาติกวณิช ภริยาของกรณ์ จาติกวณิช หากนับจากญาติฝ่ายมารดา",
"ส่วนตัว นางวิสาระดีชื่นชอบการอภิปรายของ ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, นายชวน หลีกภัย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ชีวิตส่วนตัวสมรส กับนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.จังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย บุตรชายของนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 และในวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 เธอได้ให้กำเนิดบุตรสาวคนแรก",
"อภิสิทธิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร โดยที่สุรนันทน์เป็นบุตรของนิสสัย เวชชาชีวะ อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นพี่ชายของบิดาอภิสิทธิ์",
"ประภัทรพงศ์ เวชชาชีวะ เกิดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2476 เป็นบุตรของขุนประวิตรเวชชาชีพ (ประวิตร เวชชาชีวะ) สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย สมรสกับนางไพเราะ เวชชาชีวะ มีบุตรคือ นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดจันทบุรี พรรคประชาธิปัตย์",
"ด้านชีวิตครอบครัวสมรสกับ จุฑามาศ อิสสรานุกฤต หรือ บุ๋ม ปุยฝ้าย แฟนสาวที่คบกันตั้งแต่อัลบั้ม รวมดาว โดยจัดพิธีหมั้นกันเมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2532 ที่ห้องวิภาวดีบอลรูม มี เสกสรรค์ ภู่ประดิษฐ์ อดีตพิธีกรรายการ โลกดนตรี เจ้าของฉายา โฆษกคนยาก ซึ่งทั้งคู่ให้ความเคารพ (ปัจจุบันนี้เสกสรรค์ได้เสียชีวิตลงแล้ว) เป็นพิธีกร โดยมีนักข่าวติดตามทำข่าวจำนวนมากและท่ามกลางความยินดีของแฟนคลับของทั้งสองฝ่ายและได้มีพิธีมงคลสมรสเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2536 ที่ห้องเลิศวนาลัย โรงแรมฮิลตัน (ปัจจุบันคือโรงแรมสวิสโฮเต็ลปาร์คนายเลิศ) มีลูกสาวด้วยกัน 2 คนคือ น้องเพนกวิน และ น้องกีวี",
"วิเชียรคบหาดูใจกับ นิวเคลียร์ - หรรษา จึงวิวัฒนวงศ์ อดีตนักร้องสมาชิกวงจี-ทเวนตี้ มากว่า 6 ปี ปัจจุบันวิเชียรและหรรษาสมรสกันแล้ว พิธีแต่งงานตามธรรมเนียมจีน วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2560 และงานฉลองมงคลสมรสวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2560 จัดที่โรงแรมแชงกรีล่า ปัจจุบันเขาและภรรยาสาว หรรษา ได้มีบุตรชายด้วยกัน 1 คน มีชื่อว่า น้องไทก้า มหาสมุทร กุศลมโนมัยรายการ 60วิพิชิตแสน\nรายการ dude sweet\nรายการ คลีโอ บัชเชอเลอร์ช่อง3\nรายการ กระจ่างศาสตร์\nผู้ประกาศข่าว ช่อง5\nรายการวิทยุ เพชรจ้าหาคู่",
"พระบำราศนราดูร สมรสกับคุณหญิงสุภาพ บำราศนราดูร (สุภาพ เวชชาชีวะ) มีบุตร 3 คน คือ นายอำนวย เวชชาชีวะ นายเสรี เวชชาชีวะ นายธีระ เวชชาชีวะ และเป็นพี่ชายของนายโฆษิต เวชชาชีวะ บิดาของนายนิสสัย เวชชาชีวะ อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ นายแพทย์อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายวิทยา เวชชาชีวะ อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ"
] |
ความกลัวในสมอง เกิดขึ้นที่สมองส่วนไหน? | [
"มีการทดลองที่ได้ทำแล้วหลายอย่างเพื่อจะสืบหาว่า สมองแปลผลจากสิ่งเร้าได้อย่างไร และสัตว์มี \"การตอบสนองประกอบด้วยความกลัว\"ที่เกิดขึ้นได้อย่างไร จริง ๆ แล้ว ความรู้สึกหวาดกลัว เป็นสิ่งที่กำหนดไว้กระทั่งในยีนของมนุษย์ เพราะความกลัวนั้นจำเป็นต่อการมีชีวิตรอดอยู่ได้ของแต่ละคน นอกจากนั้นแล้ว นักวิจัยยังพบว่า ความกลัวก่อร่างสร้างตัวอย่างไม่ได้อยู่ใต้อำนาจจิตใจ และเขตสมองชื่อว่า อะมิกดะลา มีบทบาทในการปรับสภาวะให้เกิดความกลัว (fear conditioning)",
"ในกระบวนการปรับสภาวะให้เกิดความกลัว (fear conditioning) วงจรประสาทที่เกี่ยวข้องก็คือ\nเนื่องจากว่า วิถีประสาทเหล่านี้ ไปรวมตัวลงที่อะมิกดะลาด้านข้าง และเพราะว่า กระบวนการเสริมกำลังการส่งสัญญาณในระยะยาว (long-term potentiation, ตัวย่อ LTP) และสภาพพลาสติกของไซแนปส์ที่เพิ่มระดับการตอบสนองของนิวรอนที่อะมิกดะลาด้านข้างต่อตัวกระตุ้นมีเงื่อนไข เกิดขึ้นที่อะมิกดะลาด้านข้าง\nดังนั้น ข้อมูลเกี่ยวกับตัวกระตุ้นมีเงื่อนไขจึงสามารถจะเดินทางไปจากอะมิกดะลาด้านข้าง ไปถึงนิวเคลียสกลางของอะมิกดะลา \nคือ ส่วนฐาน (basal) และ Intercalated cells ของอะมิกดะลาเชื่อมอะมิกดะลาส่วนข้างไปยังนิวเคลียสกลางทั้งโดยตรงและโดยอ้อม\nวิถีประสาทจากนิวเคลียสกลางของอะมิกดะลาที่ดำเนินไปยังเขตต่อไปนั่นแหละ เป็นส่วนในสมองที่ควบคุมพฤติกรรมเพื่อป้องกันตน (เช่นการมีตัวแข็ง) ควบคุมการตอบสนองของระบบประสาทอัตโนวัติ (autonomic nervous system) และควบคุมการตอบสนองของระบบต่อมไร้ท่อ ซึ่งล้วนแต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมเนื่องด้วยความกลัว\nนอกจากนี้แล้ว งานวิจัยเร็ว ๆ นี้ยังแสดงว่า เขตคอร์เทกซ์ก่อนระบบลิมบิกมีบทบาทในการแสดงออกความกลัวเช่นเดียวกัน ซึ่งอาจจะเป็นเพราะมีการเชื่อมต่อกับส่วนฐานและนิวเคลียสกลางของอะมิกดะลา"
] | [
"ภาวะละเลยกึ่งปริภูมิเกิดขึ้นโดยมากจากการบาดเจ็บในสมองซีกขวา ก่อให้เกิด ภาวะละเลยทางการเห็น () ของปริภูมิในด้านซ้าย ภาวะละเลยปริภูมิทางด้านขวามีน้อย เนื่องจากว่า มีระบบการประมวลผลของปริภูมิด้านขวา ในทั้งสมองซีกซ้ายและซีกขวา เปรียบเทียบกับปริภูมิด้านซ้าย ซึ่งในสมองของบุคคลที่ถนัดขวาโดยมาก (คือมีสมองด้านซ้ายเป็นใหญ่) จะมีระบบประมวลผลเพียงแค่ในสมองซีกขวาเท่านั้น ถึงแม้ว่าภาวะนี้จะมีผลอย่างเห็นได้ชัดในการรับรู้ทางตา (visual perception) การละเลยในการรับรู้ทางประสาทอื่น ๆ ก็มีได้ ไม่ว่าจะโดยลำพังหรือเกิดขึ้นพร้อมกับ\"ภาวะละเลยทางการเห็น\"",
"แม้ว่าภาวะละเลยกึ่งปริภูมิก็ปรากฏเมื่อมีความเสียหายต่อสมองซีกซ้าย ซึ่งทำให้เกิดภาวะละเลยในปริภูมิด้านขวา แต่ว่า ภาวะนี้เกิดขึ้นบ่อยกว่าเมื่อมีความเสียหายในสมองซีกขวา โดยมีทฤษฎีว่า ความไม่เสมอกันนี้ เกิดจากความที่สมองซีกขวามีกิจเฉพาะในการรับรู้ปริภูมิและในการทรงจำ ในขณะที่สมองซีกซ้ายมีกิจเฉพาะในเรื่องภาษา ดังนั้น จึงมีการประมวลผลเกี่ยวกับลานสายตาด้านขวาในซีกสมองทั้งสองข้าง และเพราะเหตุนั้น สมองซีกขวาจึงสามารถทำกิจที่สูญเสียไปทางสมองซีกซ้าย แต่ว่า ในนัยตรงข้ามกันไม่เป็นอย่างนั้น",
"เมื่อระบบสมองกลีบหน้าส่วนหน้าด้านใน (anteromedial) มีความเสียหาย\nการเคลื่อนไหวที่ประกอบด้วยจุดมุ่งหมายแต่ไม่อยู่ใต้อำนาจจิตใจ ที่เข้าไปสำรวจ เข้าไปจับ \nก็ถูกปล่อยออก (คือไม่มีการยับยั้ง) ในอวัยวะด้านตรงกันข้ามของซีกสมอง \nนี้เรียกว่า positive cortical tropism เพราะว่าสิ่งเร้าทางประสาทสัมผัส\nเช่นความรู้สึกสัมผัสที่เกิดขึ้นที่ด้านหน้าของนิ้วหรือฝ่ามือ\nมีความสัมพันธ์กับการเกิดขึ้นของการเคลื่อนไหวที่เพิ่มหรือยกระดับการเร้าผ่านการเชื่อมต่อป้อนกลับแบบบวก (ดูที่กล่าวมาแล้วด้านบนเกี่ยวกับ \"สมองกลีบข้างและสมองกลีบท้ายทอย\")",
"เมื่อมีการขาดการเชื่อมต่อกันอย่างสำคัญระหว่างซีกสมองทั้งสองข้างที่เกิดจากความเสียหายที่ corpus callosum\nระบบ\"ผู้กระทำ\"ในซีกสมองหลักที่เชื่อมต่อกับระบบภาษา ซึ่งยังสามารถควบคุมแขนขาที่ถนัดก็จะสูญเสียโดยระดับหนึ่ง\nซึ่งความสามารถในการควบคุมโดยตรงและโดยอ้อมซึ่ง\"ผู้กระทำ\"ที่อยู่ในซีกสมองที่ไม่เป็นใหญ่ และซึ่งแขนขาที่ไม่ถนัด\nเป็นแขนขาที่ก่อนหน้านั้นตอบสนองและ \"เชื่อฟัง\" \"ผู้กระทำหลัก\"\nดังนั้น การกระทำมีจุดมุ่งหมายที่เกิดขึ้นนอกเหนืออิทธิพลของ\"ผู้กระทำหลัก\" ก็สามารถเกิดขึ้นได้\nและสมมุติฐานพื้นฐาน (ที่สมองมีอยู่) ว่า มือทั้งสองนั้นมีการควบคุมโดย\"ผู้กระทำหลัก\" ก็กลายเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง\nความรู้สึกว่าเป็นตนที่ปกติเกิดขึ้นเนื่องจากการเคลื่อนไหวของแขนขาที่ไม่ถนัด ก็จะไม่เกิดขึ้นในกรณีนี้ หรือว่า เกิดขึ้นแต่ไม่ปรากฏให้รับรู้ได้\nดังนั้น คนไข้จึงต้องสร้างคำอธิบายใหม่ เพื่อที่จะเข้าใจถึงสถานการณ์ที่\"ผู้กระทำ\"ในซีกสมองที่ไม่เป็นหลักสามารถที่จะก่อให้เกิดการทำงานในแขนขาที่ไม่ถนัด",
"ความผิดปกติทางตาในอาการนี้มักจะเกิดจากความเสียหายที่ยอดส่วนเชื่อมของสมองกลีบขมับ-สมองกลีบท้ายทอย (temporal-occipital) ในซีกสมองทั้งสองข้าง\nสมองกลีบขมับเป็นส่วนด้านข้างของสมองข้างหู และสมองกลีบท้ายทอยเป็นส่วนหลังของสมอง\nดังนัน ส่วนเชื่อมจึงอยู่ที่ข้าง ๆ ด้านหลังของสมอง\nในอาการนี้ ส่วนยอดของสมองกลีบข้างในซีกสมองทั้งสมองอาจจะเกิดความเสียหายด้วย\nสมองกลีบข้างเป็นส่วนตรงกลางด้านบนของสมอง",
"ความกลัวเกิดขึ้นเนื่องจากตัวกระตุ้นต่าง ๆ กัน และมีกระบวนการทางชีวเคมีดังที่กล่าวไปแล้ว\nวิลเลียม อาร์เอ็ม และคณะ ศึกษาเรื่องสหสัมพันธ์ทางประสาท (Neural correlate) ของการทำงานร่วมกันระหว่างข้อมูลทางภาษาและข้อมูลทางตา\nงานวิจัยนั้นตรวจสอบดูว่า ข้อมูลทางภาษาและทางตาทำงานร่วมกันอย่างไรเพื่อก่อให้เกิดอารมณ์ความรู้สึก\nโดยใช้ปรากฏการณ์สามัญในการถ่ายหนังอย่างหนึ่งว่า การแสดงภาพทางตาที่เป็นกลาง ๆ ปรากฏว่า เพิ่มความรู้สึกกลัวหรือความไม่แน่ใจซึ่งเริ่มขึ้นจากข้อมูลทางประสาทอื่นเช่นทางภาษา\nได้มีการใช้หลักการนี้เพื่อเพิ่มความกลัวโดยแสดงตัวกระตุ้นทางตาที่เป็นกลาง ๆ\nไอเดียของหลักการก็คือ ข้อมูลทางตาเพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับตัวกระตุ้น (ซึ่งในที่นี้คือภาษา) ที่ทำให้เกิดความกลัว โดยทำสิ่งที่เพียงกล่าวไว้ในประโยคคำพูดที่เป็นนามธรรมให้เกิดเป็นรูปธรรมขึ้นมา\nเชื่อกันว่า การทำงานที่เกิดขึ้นที่ temporal pole ด้านหน้าโดยเฉพาะ ทำหน้าที่เชื่อมข้อมูลความรู้สึกที่มาจากวิถีประสาทหลาย ๆ ทางเช่นข้อมูลทางตาและข้อมูลทางภาษา",
"แต่ถ้าระบบประสาทที่จุดเชื่อมระหว่างสมองกลีบขมับ สมองกลีบข้าง และสมองกลีบท้ายท้อย ส่วนหลังด้านข้าง (posterolateral) เกิดความเสียหาย\nการเคลื่อนไหวประกอบด้วยจุดมุ่งหมายที่อยู่นอกอำนาจจิตใจที่เป็นไปในลักษณะของการปล่อยและการดึงออก เช่นการยกขึ้นหรือการหลีกเลี่ยงโดยสัญชาตญาณ \n(เป็นพฤติกรรมที่เด็นนี่-บราวน์เรียกว่า \"negative cortical tropism ความเบนแบบลบของคอร์เทกซ์\") \nก็ถูกปล่อยออก (คือไม่มีการยับยั้ง) ในอวัยวะด้านตรงกันข้ามของซีกสมอง \nนี้เรียกว่า negative cortical tropism เพราะว่าสิ่งเร้าทางประสาทสัมผัส\nเช่นความรู้สึกสัมผัสที่เกิดขึ้นเนื่องจากด้านหน้าของนิ้วหรือฝ่ามือ\nมีความสัมพันธ์กับการเกิดขึ้นของการเคลื่อนไหวที่ลดหรือกำจัดการเร้าผ่านการเชื่อมต่อป้อนกลับแบบลบ (ดูที่กล่าวมาแล้วด้านบนเกี่ยวกับ \"สมองกลีบข้างและสมองกลีบท้ายทอย\")",
"รอยโรคที่รอยต่อของสมองกลีบขมับและสมองกลีบท้ายทอย (temporo-occipital junction) ซีกซ้ายข้างเดียว ก่อให้เกิดภาวะไม่รู้วัตถุ แต่ไม่มีผลต่อกระบวนการรู้จำใบหน้า แต่ว่า เพราะว่ามีบางกรณีที่ถูกบันทึกว่า ความเสียหายต่อสมองข้างซ้ายซีกเดียวก่อให้เกิดภาวะบอดใบหน้า จึงมีการเสนอว่า ความบกพร่องของการรู้จำใบหน้า ที่เกิดจากความเสียหายในสมองซีกซ้ายข้างเดียว เป็นเพราะมีความผิดปกติ ที่เข้าไปห้ามกระบวนการค้นคืนความจำเกี่ยวกับข้อมูลของบุคคล ที่ปรากฏอยู่ในสายตานั้น"
] |
ประเทศเกาหลีเหนือมีท่าอากาศยานหลักชื่อว่าอะไร ? | [
"แอร์โครยอ (, \"โครยอฮังกง\"; ชื่อเดิมคือ โชซ็อนมินฮัง (조선민항)) เป็นสายการบินประจำชาติของประเทศเกาหลีเหนือ ดำเนินการโดยรัฐบาล มีศูนย์บัญชาการในเขตซูนัน กรุงเปียงยาง และมีฐานการบินหลักอยู่ที่ ท่าอากาศยานนานาชาติเปียงยางซูนัน (IATA: FNJ) โดยให้บริการเที่ยวบินประจำและเที่ยวบินพิเศษไปยังจุดหมายปลายทางในทวีปเอเชียและยุโรป",
"ท่าอากาศยานนานาชาติเปียงยางซูนัน เป็นท่าอากาศยานที่ให้บริการในเขตกรุงเปียงยาง ประเทศเกาหลีเหนือ ตั้งอยู่ในเขตซูนัน ห่างจากใจกลางนครประมาณ 24 กิโลเมตร เป็นฐานการบินหลักของสายการบินประจำชาติ แอร์โครยอ",
"สายการบินประจำชาติ แอร์โครยอ ได้เข้าร่วม IATA ในปลายคริสต์ทศวรรษ 1990 และทางเกาหลีเหนือได้ประกาศว่าจะปรับปรุงท่าอากาศใหม่เพื่อรับรองในระดับนานาชาติ อย่างไรก็ตาม นอกจากท่าอากาศยานนานาชาติเปียงยางซูนันแล้ว ท่าอากาศยานส่วนใหญ่ไม่สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ และยังถูกใช้งานในด้านการทหารอีกด้วย"
] | [
"ท่าอากาศยานนานาชาติอินช็อน (ฮังกึล: 인천국제공항, ฮันจา: 仁川國際空港) ตั้งอยู่ที่เกาะยางจอง เมืองอินช็อน ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของโซล โดยรองรับการเป็นท่าอากาศยานหลักของเกาหลีใต้ และสายการบินแห่งชาติอย่างโคเรียนแอร์ รวมทั้งเอเชียน่าแอร์ไลน์ และคาร์โก360 แทนที่ท่าอากาศยานกิมโป (เดิมคือท่าอากาศยานนานาชาติกิโป) นับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2544 เป็นต้นมา อินช็อนยังได้รับการยอมรับจากสกายแทร็ก ว่าเป็นท่าอากาศยานระดับ 5 ดาว ร่วมกันกับชางงีของสิงคโปร์ และฮ่องกงของจีน ใน พ.ศ. 2552 ท่าอากาศยานนานาชาติอินช็อนได้รับการลงคะแนนให้เป็นท่าอากาศยานที่ดีที่สุดในโลก",
"รายชื่อด้านล่างแสดงจุดหมายปลายทางของสายการบิน แอร์โครยอ ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2014 ตารางด้านล่างนี้ยังรวมถึงจุดหมายปลายทางเฉพาะฤดูกาลอีกด้วย\nเที่ยวบินระหว่างประเทศ เกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้ ให้บริการครั้งแรกในปี ค.ศ. 2003 โดยเครื่องบิน ตูโปเลฟ ตู-154 ลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติอินช็อน แอร์โครยอเคยให้บริการเที่ยวบิน 40 เที่ยวไปยังโซล, ยังยัง และปูซาน ในประเทศเกาหลีใต้ ส่วนเที่ยวบินจากท่าอากาศยานฮัมฮึง ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติยังยังนั้น เริ่มในปี ค.ศ. 2002 แต่ต่อมาท่าอากาศยานยังยังได้ปิดตัวลงในปี ค.ศ. 2008 และไม่มีเที่ยวบินพาณิชย์ระหว่างเกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้อีกเลย",
"นี่คือรายชื่อท่าอากาศยานใน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี หรือประเทศเกาหลีเหนือ ปัจจุบันมีท่าอากาศยาน 78 แห่งที่ใช้งานได้",
"ท่าอากาศยานนานาชาติกิมแฮ IATA: PUS, ICAO: RKPK) ตั้งอยู่ที่สุดฝั่งตะวันตกของเมือง ปูซาน, ประเทศเกาหลีใต้. เปิดให้บริการในปี พ.ศ. 2519. ส่วนอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ เปิดให้บริการในวันที่ 31 ตุลาคม, 2550. ท่าอากาศยานนานาชาติกิมแฮ ถือเป็นท่าอากาศยานหลักของ แอร์ปูซาน. ทางวิ่งหมายเลข 18L/36R ใช้ในการทหารเท่านั้น, แต่ด้วยสภาพการจราจรทางอากาศที่หนาแน่นขึ้น, จึงมีแผนจะเปิดให้บริการสำหรับสายการบินพลเรือน. ในปี พ.ศ. 2558 มีผู้โดยสารใช้บริการทั้งหมด 12,382,150 คน.",
"ท่าอากาศยานนานาชาติเลียนเคือง () เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาท่าอากาศยานทั้งหมดสี่แห่งของจังหวัดเลิมด่ง ทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่ในเขตอำเภอดึ๊กจ่ง ห่างจากเมืองด่าหลัตไปทางทิศใต้ประมาณ 30 กิโลเมตร การปรับปรุงท่าอากาศยานเพื่อให้สามารถรองรับอากาศยานที่ใหญ่ขึ้นแล้วเสร็จเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2552 มีเส้นทางบินภายในประเทศไปยังฮานอยและนครโฮจิมินห์ และจะมีเส้นทางไปยังเมืองดานัง กัมพูชา ลาว สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ในอนาคตอันใกล้",
"ท่าอากาศยานนานาชาติย่างกุ้ง (พม่า: ရန်ကုန်အပြည်ပြည်ဆိုင်ရာလေဆိပ်) เป็นท่าอากาศยานที่ตั้งอยู่ในตำบลมีนกะลาโดน ทางเหนือ 15 กิโลเมตรจากตัวเมืองย่างกุ้ง ดำเนินงานโดยรัฐบาล เป็นท่าอากาศยานนานาชาติแห่งหลักของพม่า และเป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ รองจากท่าอากาศยานนานาชาติมัณฑะเลย์ และท่าอากาศยานนานาชาติเนปยีดอ",
"ท่าอากาศยานนานาชาตินินอย อากีโน () หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติมะนิลา () เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศฟิลิปปินส์ มีพื้นที่บริการในมะนิลาและเขตปริมณฑล ท่าอากาศยานตั้งอยู่ระหว่างเขตติดต่อระหว่างสองเมืองคือปาไซกับปาราแนก ประมาณ 7 กิโลเมตรทางใต้ของมะนิลาและทางตะวันตกของมากาตี ท่าอากาศยานแห่งนี้ได้ถูกจัดอันดับเป็นท่าอากาศยานยอดแย่ที่สุดของโลกติดกันสามปีซ้อนระหว่าง\nพ.ศ. 2554-2556"
] |
เจ. เค. โรว์ลิง คือใคร? | [
"โจแอนน์ \"โจ\" โรว์ลิง (, OBE FRSL) หรือนามปากกา เจ. เค. โรว์ลิง และโรเบิร์ต กัลเบรธ (เกิด 31 กรกฎาคม ค.ศ. 1965) เป็นนักเขียนนวนิยายชาวอังกฤษ ผู้เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้ประพันธ์วรรณกรรมแฟนตาซีชุด \"แฮร์รี่ พอตเตอร์\" ซึ่งได้รับความความสนใจจากทั่วโลก ได้รับรางวัลมากมาย และมียอดขายกว่า 500 ล้านเล่ม และยังเป็นหนังสือชุดที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้านภาพยนตร์ชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่ดัดแปลงมาจากหนังสือก็เป็นภาพยนตร์ชุดที่ทำรายได้มากที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ โรว์ลิงอนุมัติบทภาพยนตร์ทุกภาค และตลอดจนควบคุมงานฝ่ายสร้างสรรค์ภาพยนตร์ภาคสุดท้ายในฐานะผู้อำนวยการสร้าง"
] | [
"อินเดีย ไนท์ นักเขียนนิยายและคอลัมนิสต์จากนิตยสารซันเดย์ ไทมส์ได้ออกมาทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่าเธอได้อ่านเสียงเพรียกจากคักคูและคิดว่ามันเป็นนวนิยายที่ดีสำหรับการเปิดตัวครั้งแรก หลังจากนั้นได้มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่ชื่อจู๊ด คาลิคการี (Jude Callegari) ได้ตอบกลับเธอไปว่าผู้เขียนหนังสือเล่มนี้คือ “โรว์ลิง” ไนท์ได้ถามเกี่ยวกับรายละเอียดของเรื่องนี้แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับ ไนท์จึงได้แจ้งต่อไปยังริชาร์ด บรู๊ค บรรณาธิการฝ่ายศิลป์ของซันเดย์ ไทมส์ซึ่งก็ได้เริ่มหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากนั้นเขาพบว่าโรว์ลิงและกัลเบรธต่างมีทั้งตัวแทนและบรรณาธิการเป็นคนเดียวกัน จึงได้ส่งหนังสือไปให้นักภาษาศาสตร์ตรวจสอบ ซึ่งพบความเหมือนทางภาษาหลายอย่าง จากนั้นเขาได้ติดต่อตัวแทนของโรว์ลิงก่อนจะได้รับการยืนยันว่ากัลเบรธคือชื่อปลอมของโรว์ลิง ไม่กี่วันหลังการเปิดเผยว่าว่าโรว์ลิงคือผู้เขียน ยอดขายหนังสือได้พุ่งขึ้นกว่า 4,000 เปอร์เซ็นต์ สำนักพิมพ์ลิตเติ้ล บราวน์จึงได้ตีพิมพ์หนังสือเพิ่มอีก 140,000 เล่มเพื่อตอบรับความต้องการของผู้อ่านที่เพิ่มขึ้น ในวันที่ 18 มิถุนายน ค.ศ. 2013 หนังสือฉบับพิมพ์ครั้งแรกพร้อมลายเซ็นที่ได้ขายออกไปในราคา 4,453 ดอลล่าร์สหรัฐ และมีการเสนอราคาไว้กว่า 6,188 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับหนังสือฉบับพิมพ์ครั้งแรกพร้อมลายเซ็นซึ่งเหลือเป็นเล่มสุดท้าย",
"เป็นเวลาหลายปีที่กลุ่มคนนับถือศาสนาโดยเฉพาะคริสต์ศาสนิกชน ได้ประณามหนังสือของโรว์ลิงว่าส่งเสริมเรื่องเวทมนตร์คาถาว่าเป็นเรื่องจริง โรว์ลิงระบุว่าเธอเป็นคริสต์ศาสนิกชน และเข้าคริสตจักรแห่งสก็อตแลนด์ในระหว่างที่เธอเขียนแฮร์รี่ พอตเตอร์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เจสสิกา ลูกสาวของเธอเข้ารับพิธีล้างบาป เธอเคยบอกไว้ครั้งหนึ่งว่า \"ฉันเชื่อในพระเจ้า ไม่ใช่เวทมนตร์\" ในช่วงแรกเธอเคยรู้สึกว่า หากผู้อ่านทราบถึงความเชื่อในศาสนาคริสต์ของเธอก็อาจจะสามารถเดาเนื้อเรื่องของเธอออกได้",
"โรว์ลิงแต่งงานกับวิสัญญีแพทย์ นีล เมอร์เรย์ (เกิด 30 มิถุนายน ค.ศ. 1971) เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 2001 ในพิธีแบบส่วนตัวที่คฤหาสน์ของเธอ ใกล้กันกับเมืองเมืองแอปเบอร์เฟลดี หลังจากนั้นโรว์ลิงให้กำเนิดลูกชายชื่อเดวิด กอร์ดอน โรว์ลิง เมอร์เรย์ ในวันที่ 24 มีนาคม ค.ศ. 2003 หลังจากที่เริ่มต้นเขียน\"แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม\"ไม่นาน เธอได้หยุดการเขียนหนังสือไว้เพื่อมาดูแลเดวิดช่วงที่เขายังเป็นทารก",
"โรว์ลิงเกลียดแท็บลอยด์ของอังกฤษโดยเฉพาะเดลิเมล์ จากการที่นำเสนอบทสัมภาษณ์ของสามีเก่าของเธอ ทำให้นักข่าวคนหนึ่งได้กล่าวว่า \"เวอร์นอน ลุงของแฮร์รี่ เป็นคนป่าเถื่อนอย่างพิดารและไร้สมองอย่างน่าประหลาด มันจึงไม่ยากเลยที่จะคาดเดาว่าโรว์ลิงเขียนให้เขาอ่านหนังสือพิมพ์เล่มไหน (ใน\"ถ้วยอัคนี\")\" นับจากเดือนมกราคม ค.ศ. 2014 โรว์ลิงพยายามเรียกร้องค่าเสียหายจากเดลิเมลล์ที่ได้เขียนโจมตีเธอผ่านบทความเกี่ยวกับช่วงที่เธอเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว และทำให้มีการคาดเดากันว่าความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยปัญหาระหว่างโรว์ลิงกับนักข่าวเป็นแรงบันดาลใจเบื้องหลังตัวละครริต้า สกีตเตอร์ นักข่าวซุบซิบคนดังที่ปรากฏตัวครั้งแรกใน\"แฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี\" แต่โรว์ลิงก็ได้ระบุในปี 2008ว่าเธอสร้างตัวละครนี้ขึ้นก่อนที่เธอจะมีชื่อเสียง",
"โรว์ลิงย้ายไปทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาต่างประเทศที่เมืองปอร์โต ประเทศโปรตุเกสหลังเห็นโฆษณาในหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน เธอสอนในเวลากลางคืนและเริ่มงานเขียนในเวลากลางวันพร้อมกับฟังไวโอลินคอนแชร์โตของไชคอฟสกีไปด้วย 18เดือนหลังย้ายมาอยู่ที่ปอร์โต เธอได้พบกับยอร์จ อารังชีส นักข่าวโทรทัศน์ชาวโปรตุเกส ที่บาร์แห่งหนึ่ง ก่อนจะแลกเปลี่ยนความสนใจกันเกี่ยวกับเจน ออสเตน ทั้งคู่แต่งงานกันในวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ. 1992 และมีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคนชื่อเจสสิกา อิซาเบล โรว์ลิง อารังชีส (ตั้งชื่อตามเจสสิกา มิดฟอร์ด) ซึ่งก่อนหน้านี้โรว์ลิงเคยแท้งบุตรมาแล้วหนึ่งครั้ง ทั้งสองแยกทางกันในวันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 1993 แม้จะไม่ทราบรายละเอียดที่แน่ชัดแต่ผู้เขียนชีวประวัติของเธอได้ระบุว่าโรว์ลิงต้องพบเจอกับปัญหาความรุนแรงในครอบครัวตลอดช่วงชีวิตคู่ของเธอกับอารังชีส ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1993 โรว์ลิงและลูกสาว ซึ่ง ณ ขณะนั้นยังเป็นทารก ได้ย้ายไปอยู่บ้านในละแวกใกล้กันกับบ้านของน้องสาวโรว์ลิงในเอดินบะระ ประเทศสก็อตแลนด์ พร้อมกับสามบทแรกของแฮร์รี่ พอตเตอร์ในกระเป๋าเดินทาง",
"ในช่วงปี 2011 โรว์ลิงได้แสดงอาการต่อหน้านักข่าวกว่า 50 ครั้ง ในปี 2001 คณะกรรมการการร้องทุกข์นักข่าวได้รับการร้องทุกข์ของโรว์ลิงเกี่ยวกับชุดภาพถ่ายที่ถ่ายโดยช่างภาพนิรนามซึ่งถูกตีพิมพ์ลงในนิตยสารโอเค!แมกกาซีน เป็นภาพของเธอกับลูกสาวที่นั่งอยู่บนม้านั่งในประเทศมอริเชียส ต่อมาในปี 2007 เดวิด ลูกชายของโรว์ลิงซึ่งโรว์ลิงและสามีของเธอให้การช่วยเหลือ โดยได้รับคำตัดสินของศาลให้แพ้คดีจากการฟ้องร้องเพื่อสั่งระงับสิ่งพิมพ์ที่ตีพิมพ์รูปถ่ายของเดวิด ซึ่งรูปถูกถ่ายด้วยกล้องเลนส์ยาวและต่อมาได้มีการตีพิมพ์ลงในนิตยสารซันเดย์เอกซ์เพรสส์ในบทความที่เขียนถึงชีวิตครอบครัวของโรว์ลิงและความเป็นแม่ของเธอ อย่างไรก็ตามในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008 ศาลได้กลับคำตัดสินให้เป็นความชอบธรรมของเดวิดในที่สุด",
"ไม่นานหลังการเปิดเผย บรู๊คคิดว่าจู๊ด คาลิคการีอาจเป็นส่วนหนึ่งของแผนการของโรว์ลิง เพื่อเรียกความสนใจของสาธารณชนต่องานเขียนของเธอ โดยจูดี้ “จู๊ด” คาลิคการี เป็นเพื่อนสนิทกับภรรยาของคริส กอสเซจ ผู้ร่วมหุ้นของบริษัททนายความรัสเซลล์และตัวแทนด้านกฎหมายของโรว์ลิง โรว์ลิงก็ได้ออกคำแถลงกล่าวว่าเธอรู้สึกโกรธและผิดหวัง ภายหลังรัสเซลจึงได้ออกมาขอโทษเรื่องข่าวหลุดและยืนยันว่าไม่ใช่แผนการตลาดและได้บริจาคเงินให้กับมูลนิธิทหารในนามของโรว์ลิงเพื่อเป็นค่าชดใช้ทางกฎหมายแก่โรว์ลิง ในวันที่ 26 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 สำนักงานควบคุมระเบียบทนายความ (SRA) ได้ออกมาตำหนิกอสเซจผ่านทางจดหมายและปรับเงินเขาอีก 1,000 ปอนด์ เนื่องจากการละเมิดกฎสิทธิส่วนบุคคลของลูกความ",
"เจ็ดปีหลังจากจบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย โรว์ลิงมองดูตัวเองเป็นคนที่ประสบความล้มเหลวคนหนึ่ง ชีวิตคู่ของเธอล้มเหลว เธอตกงานและมีลูกอีกหนึ่งคนที่ต้องดูแล แต่เธอได้อธิบายความล้มเหลวของเธอว่าเป็นการมอบอิสระและสามารถทำให้เธอมีเวลาจดจ่อกับการเขียนมากขึ้น ในช่วงเวลานั้นโรว์ลิงได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้าและมีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย อาการป่วยของเธอได้เป็นแรงบันดาลใจให้เธอสร้างตัวละครผู้คุมวิญญาณ สิ่งมีชีวิตที่ดูดกินวิญญาณและความสุขซึ่งปรากฏตัวในเล่มที่สาม และด้วยปัญหาทางการเงิน โรว์ลิงจึงได้ยื่นเรื่องเพื่อขอรับเงินสงเคราะห์ของรัฐบาล เธอได้อธิบายสถานภาพทางการเงินของเธอ ณ ตอนนั้นว่า “ไม่ได้ไร้บ้าน แต่ก็ยากจนเท่าที่มันจะเป็นได้ในประเทศอังกฤษสมัยปัจจุบัน”",
"ในปี 2001 ณ งานระดมทุนต่อต้านความยากจนของมูลนิธิคอมมิครีรีฟได้เชิญสามนักเขียนหนังสือขายดีชาวอังกฤษ ได้แก่ ดีเลีย สมิธ นักเขียนหนังสือทำอาหาร, เฮเลน ฟีลดิง และโรว์ลิง เพื่อการนำเสนอผลงานที่เกี่ยวข้องกับงานเขียนที่มีชื่อเสียงที่สุดของพวกเขาแก่สาธารณะ โรว์ลิงเขียนหนังสือเล่มเล็กสองเล่มคือ สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่และควิดดิชในยุคต่างๆ โดยออกแบบให้ดูเหมือนหนังสือในห้องสมุดฮอกวอตส์ นับตั้งแต่การวางขายในเดือนมีนาคม ปี 2001 หนังสือทั้งสองเล่มสร้างรายได้เข้ากองทุนกว่า 15.7 ล้านปอนด์และอีกกว่า 10.8 ล้านปอนด์จากการขายนอกสหราชอาณาจักร รายได้ได้นำไปมอบให้กับกองทุนนานาชาติเพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่ประสบภัยพิบัติ ในปี 2002 โรว์ลิงได้เขียนคำนำให้หนังสือเรื่อง เมจิก หนังสือรวมบทประพันธ์ที่ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์บลูมบิวส์ลีเพื่อมอบรายได้ให้แก่สภานานาชาติเพื่อพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว"
] |
ชื่อวิทยาศาสตร์ของสิงโตคืออะไร? | [
"สิงโต () จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีกระดูกสันหลัง ชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อยู่ในวงศ์ Felidae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับแมว สิงโตมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า \"Panthera leo\" มีขนาดลำตัวใหญ่ ขนาดไล่เลี่ยกับเสือโคร่งทั่วไป (\"P. tigris\") ซึ่งเป็นสัตว์ในสกุล \"Panthera\" เหมือนกัน จัดเป็นสัตว์ในวงศ์ Felidae ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดรองมาจากเสือโคร่งไซบีเรีย (\"P. t. altaica\") พื้นลำตัวสีน้ำตาล ไม่มีลาย ตัวผู้เมื่อโตเต็มที่จะมีขนสร้อยคอยาว ขนปลายหางเป็นพู่ ชอบอยู่เป็นฝูงตามทุ่งโล่ง มีน้ำหนักประมาณ 250 กิโลกรัม (550 ปอนด์) ตัวเมียมีขนาดเล็กกว่า มักทำหน้าที่ล่าเหยื่อ มีน้ำหนักประมาณ 180 กิโลกรัม (400 ปอนด์) มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกาและประเทศอินเดีย ในป่าธรรมชาติ สิงโตมีอายุขัยประมาณ 10-14 ปี ส่วนสิงโตที่อยู่ในกรงเลี้ยงมีอายุยืนถึง 20 ปี"
] | [] |
โรงเรียนสมุทรปราการเปิดสอนสูงสุดถึงระดับชั้นใด ? | [
"โรงเรียนสมุทรปราการ (, อักษรย่อ: ส.ป., S.P.) เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ ตั้งอยู่เลขที่ 498 ถนนสุขุมวิท ก.ม. 27 ติดบิ๊กซีสมุทรปราการ ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพเสด็จมาก่อตั้งเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2426 ปัจจุบันมีอายุ ปี บนเนื้อที่ 17 ไร่ ประกอบด้วยอาคารเรียน 7 หลัง เดิมใช้รหัสสถานศึกษาเป็น 1001110101 ต่อมาเปลี่ยนเป็น 01110101 อยู่ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 6 (ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ) (สังกัดเดิมคือสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสมุทรปราการ เขต 1) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ\nแต่เดิมโรงเรียนเป็นโรงเรียนชายล้วนมาก่อน ปัจจุบันเปิดสอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายแบบสหศึกษา และเป็นโรงเรียนบุรุษประจำจังหวัดสมุทรปราการคู่กับโรงเรียนสตรีสมุทรปราการ"
] | [
"เริ่มแรกเปิดสอนตั้งแต่ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 6 รวม 8 ห้องเรียน มีครูสอน 15 คน นักเรียนทั้งสิ้น 371 คน มีภราดาประทีป ม. โกมลมาศ เป็นเจ้าของและผู้รับใบอนุญาต ภราดาบัญชา แสงหิรัญ เป็นผู้จัดการ นายปรีชา บุญญะสิทธิ์ เป็นครูใหญ่ อยู่ในความควบคุมดูแลของภราดาวิริยะ ฉันทวโรดม อธิการเจ้าคณะแขวงคณะภราดาเซนต์คาเบรียลประเทศไทยในขณะนั้น ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 574 หมู่ 8 ถนนเทพารักษ์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ \nปัจจุบันโรงเรียนอัสสัมชัญสมุทรปราการ เปิดสอนนักเรียนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ใน 2 หลักสูตรคือ MLP (Modern language Program) และ EP (English Program) รวม 99 ห้องเรียน โดยมีภราดา ทักษบุตร ไกรประสิทธิ์ เป็นผู้อำนวยการ",
"ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) รับสมัครนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.)หรือเทียบเท่า\nปริญญาตรี (ต่อเนื่อง) รับสมัครนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง(ปวส.)\nมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ทำความร่วมมือ(MOU)ระหว่าง วิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกสมุทรปราการ เปิดสอนระดับปริญญาตรี",
"โรงเรียนเซนต์ราฟาแอล หรือในชื่อเดิม โรงเรียนราฟาแอล เป็นโรงเรียนในจังหวัดสมุทรปราการ เปิดการสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล ถึงระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ตั้งอยู่ที่ ถนนท้ายบ้าน ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ โดยบริเวณเป็นที่ตั้งของโบสถ์อัครเทวดาราฟาแอล ของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกตั้งอยู่ข้างบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้ถือกำเนิดมาพร้อมกับสร้างโบสถ์คาทอลิกปากน้ำ (โบสถ์อัครเทวดาราฟาแอล) ซึ่งสร้างเมื่อพ.ศ. 2430 เปิดสอนเฉพาะเด็กคาทอลิก โดยมีบาทหลวงเป็นผู้ให้การอบรม โรงเรียนเซนต์ราฟาแอลขออนุญาตจัดตั้งตาม พระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร์ เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2489 โดยมี ฯพณฯ มุขนายกเรอเน แปร์รอส เป็นเจ้าของและผู้จัดการ โดยเปิดสอนในระดับชั้น อนุบาล 1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งมีวิวัฒนาการ การเปิดสอนในระดับชั้นต่าง ๆ ดังนี้",
"โรงเรียนเทคโนโลยีบริหารธุรกิจสมุทรปราการเป็นโรงเรียนอาชีวศึกษาเอกชนขนาดใหญ่แห่งแรกของจังหวัดสมุทรปราการ\nเปิดสอนในหลักสูตรพณิชยกรรม ระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และหลักสูตรบริหารธุรกิจ ระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) \nสาขาที่เปิดสอนในระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)",
"ในสมัยที่ขุนชำนิขบวนสาสน์เป็นผู้บริหารโรงเรียน จัดการเปิดการเรียนการสอนทั้งหมด 9 ชั้น รวมทั้งสิ้น 12 ห้อง คือ ชั้นประถมสามัญ 1-3 มัธยมสามัญตอนต้น ม.1-3 และมัธยมสามัญตอนกลาง ม.4-6 ไม่มีมัธยมสามัญตอนปลายคือ ม.7-8 นักเรียนที่ประสงค์จะเรียนต่อในระดับชั้นดังกล่าว จะต้องไปศึกษาที่อื่น ซึ่งในขณะนั้นเปิดรับสมัครอยู่ 2 แห่ง คือ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และโรงเรียนเทพศิรินทร์",
"โรงเรียนสตรีสมุทรปราการ (, ย่อ: ส.ส.ป., SSP) เป็นโรงเรียนรัฐบาลประเภทโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 6 (ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ) (สังกัดเดิมคือสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสมุทรปราการ เขต 1) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งอยู่บริเวณถนนสุขุมวิท ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ เปิดสอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายแบบสหศึกษา และเป็นโรงเรียนสตรีประจำจังหวัดสมุทรปราการคู่กับโรงเรียนสมุทรปราการ",
"ปัจจุบันโรงเรียนสายปัญญา ในพระบรมราชินูปถัมภ์ มีอายุ ปี เปิดรับสอนเฉพาะนักเรียนหญิง ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 ตั้งอยู่บนถนนกรุงเกษม เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร มีเนื้อที่ 4 ไร่ 2 งาน 0.6 ตารางวา มีอาคารเรียน 4 หลัง มี 53 ห้องเรียน 53 ห้องเรียน แบ่งตามแผนการจัดชั้นเรียนระดับมัธยมต้นและมัธยมปลายดังนี้ 6-6-8/11-12-10 มีครูทั้งหมด 108 คน มีนักเรียนในปีการศึกษา 2557 รวมทั้งสิ้น 2,641 คน",
"ห้องเรียนส่งเสริมความสามารถด้านภาษา (Mini English Program : MEP) \nห้องเรียนส่งเสริมความสามารถด้านภาษาได้เปิดการเรียนการสอนครั้งแรกในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในปี พ.ศ. 2547 และระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ในปี พ.ศ. 2550 เป็นแผนการเรียนคณิตศาสตร์-วิทยาศาสตร์ และแผนการเรียนคณิตศาสตร์-ภาษาอังกฤษในปี พ.ศ. 2555 โดยได้มีการสอนในรายวิชาหลักต่าง ๆ เป็นภาษาอังกฤษและมีครูต่างประเทศเป็นผู้สอน มีห้องเรียนมาตรฐานติดเครื่องปรับอากาศ และตู้เก็บของของนักเรียนแต่ละคนโดยเฉพาะ นอกจากนี้โรงเรียนได้จัดกิจกรรมเฉพาะห้องเรียน MEP เช่น กิจกรรมวันฮาโลวีน กิจกรรมสังสรรค์เฉพาะห้องเรียน MEP เป็นต้น และสนับสนุนการแข่งขันที่เกี่ยวข้องกับภาษาอังกฤษ ห้องเรียน MEP อยู่ในความรับผิดชอบของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ",
"สาขาที่เปิดสอนในระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.)"
] |
ต้นกำเนิดความเชื่อเรื่องพญานาคน่าจะมาจากประเทศอะไร? | [
"ต้นกำเนิดความเชื่อเรื่องพญานาคน่าจะมาจากอินเดีย ด้วยมีปกรณัมหลายเรื่องเล่าถึงพญานาค โดยเฉพาะในมหากาพย์มหาภารตะ นาคถือเป็นปรปักษ์ของครุฑ ส่วนในตำนานพุทธประวัติ ก็เล่าถึงพญานาคไว้หลายครั้งด้วยกัน"
] | [] |
รัสเซียใช้ระบอบการปกครองแบบใด ? | [
"รัสเซีย (; , ) มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สหพันธรัฐรัสเซีย (; ) เป็นประเทศในยูเรเชียเหนือ และเป็นประเทศใหญ่ที่สุดในโลก กว่า 10,000,000 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ที่สามารถอยู่อาศัยของโลกถึงหนึ่งในแปด รัสเซียยังเป็นชาติมีประชากรมากที่สุดอันดับที่ 9 ของโลก โดยมีประชากร 143 ล้านคน รัสเซียปกครองด้วยระบอบสหพันธ์สาธารณรัฐกึ่งประธานาธิบดี ประกอบด้วย 83 เขตการปกครอง ไล่จากตะวันตกเฉียงเหนือถึงตะวันออกเฉียงใต้ รัสเซียมีพรมแดนติดกับนอร์เวย์ ฟินแลนด์ เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย และโปแลนด์ (ทั้งสองผ่านมณฑลคาลินินกราด) เบลารุส ยูเครน จอร์เจีย อาเซอร์ไบจาน คาซัคสถาน จีน มองโกเลียและเกาหลีเหนือ นอกจากนี้ยังมีพรมแดนทางทะเลติดกับญี่ปุ่นโดยทะเลโอฮอตสค์ และสหรัฐอเมริกาโดยช่องแคบแบริง อาณาเขตของรัสเซียกินเอเชียเหนือทั้งหมดและ 40% ของยุโรป แผ่ข้ามเก้าเขตเวลาและมีสิ่งแวดล้อมและธรณีสัณฐานหลากหลาย รัสเซียมีปริมาณทรัพยากรแร่ธาตุและพลังงานสำรองใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติอันดับหนึ่งของโลก เช่นเดียวกับผู้ผลิตน้ำมันอันดับหนึ่งทั่วโลก รัสเซียมีป่าไม้สำรองใหญ่ที่สุดในโลกและทะเลสาบในรัสเซียบรรจุน้ำจืดประมาณหนึ่งในสี่ของโลก"
] | [] |
ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์หายไปจากปราสาทพนมรุ้งเมื่อใด ? | [
"ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ เป็นทับหลังที่ปราสาทหินพนมรุ้ง เป็นโบราณวัตถุที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของไทย ที่เชื่อว่าถูกโจรกรรมไปเมื่อราวปี พ.ศ. 2503 ในช่วงสงครามเวียดนาม และถูกนำไปจัดแสดงอยู่ที่สถาบันศิลปะชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ในที่สุดชาวไทยนำโดยรัฐบาล และ หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล ก็ได้ทับหลังชิ้นนี้คืนมาทันวันพิธีเปิดอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้งพอดี ในปี พ.ศ. 2531"
] | [
"สำหรับพระพรหม ซึ่งประทับเหนือดอกบัวนั้น มีสี่พักตร์ สี่กร ถัดจากองค์พระนารายณ์มาทางซ้ายบริเวณเลี้ยวของทับหลัง มีรูปหน้ากาลคายพวงอุบะขนาดใหญ่ เหนือหน้ากาลมีรูปครุฑใช้มือยึดนาคไว้ข้างละตนนอกจากนี้ยังปรากฏรูปสัตว์อื่น ๆ ได้แก่ นกแก้ว ลิง และนกหัสดีลิงก์คาบช้างอยู่ด้วย\nการบรรทมสินธุ์ของพระนารายณ์คือ การบรรทมในช่วงการสร้างโลก การบรรทมแต่ละครั้งนั้นจะเกี่ยวกับยุคเวลาในแต่ละกัลป์ ภาพทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ที่ปราสาทพนมรุ้ง ได้รับอิทธิพลจากคัมภีร์วราหปุราณะ เป็นคัมภีร์ที่ให้ความสำคัญแก่พระนารายณ์เป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่ ในขณะที่พระนารายณ์กำลังบรรทมอยู่นั้นได้ทรงสุบิน มีดอกบัวผุดจากพระนาภีและได้บังเกิดพระพรหมในดอกบัวนั้น พระพรหมทรงเป็นผู้สร้างมนุษย์และสิ่งต่าง ๆ โดยมีนัยสื่อถึงการกำเนิดของสรรพสิ่งใหม่หลังการล้างโลก ในความหมายของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน คือ การอำนวยพร",
"ที่ทับหลังของมณฑปด้านทิศตะวันออกปราสาทประธาน เป็นภาพนารายณ์บรรทมสินธุ์ โดยพระนารายณ์บรรทมตะแคงขวาเหนือพระยาอนันตนาคราช ซึ่งทอดตัวอยุ่เหนือมังกรอีกต่อหนึ่งท่ามกลางเกษียรสมุทร มีก้านดอกบัวผุดขึ้นจากพระนาภีของพระองค์ มีพระพรหมประทับอยู่เหนือดอกบัวนั้น พระนารายณ์ทรงถือ คฑา สังข์ และจักรไว้ในพระหัตถ์หน้าซ้าย พระหัตถ์หลังซ้ายและพระหัตถ์หลังด้านขวาตามลำดับ ส่วนพระหัตถ์หน้าขวารอบพระเศียรของพระองค์ ทรงมงกุฏรูปกรวยกภณฑล กรองศอ และทรงผ้าจีบเป็นริ้ว มีชายผ้ารูปหางปลาซ้อนกันอยู่ 2 ชั้นด้านหน้าคาดด้วยสายรัดพระองค์ มีอุบะขนาดสั้นห้อยประดับ มีพระลักษณมีชายาพระองค์ประทับนั้นอยู่ตรงปลายพระบาท",
"ทับหลัง เป็นสตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 9 ของ คาราบาว ภายใต้สังกัดแว่วหวาน กำหนดเดิมออกจำหน่ายวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2531 แต่เมื่อทางสถาบันศิลปะนครชิคาโก สหรัฐอเมริกา ยินยอมให้นำทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์กลับคืนสู่ปราสาทหินพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ ภายในวันที่ 10 พฤศจิกายน อัลบั้มก็ได้เลื่อนวันจำหน่ายเป็นวันที่ 9 พฤศจิกายน ซึ่งตรงกับวันเกิดของหัวหน้าวงคาราบาว เนื่องจากเนื้อหาของบทเพลงชื่อเดียวกับอัลบั้มเป็นเพียงการเรียกร้องให้กลับคืนมาซึ่งไม่กำหนดวันที่แน่นอน พอเมื่อสถานการณ์พลิกกลับจึงนำเพลง \"แม่สาย\" ขึ้นมาเป็นเพลงนำร่องอีกเพลงหนึ่ง",
"ทางธรรมบาลกุมารก็พยายามคิดค้นหาคำตอบ ล่วงเข้าวันที่ 6 ธรรมบาลกุมารก็ลงจากปราสาทมานอนอยู่ใต้ต้นตาล เขาคิดว่า ขอตายในที่ลับยังดีกว่าไปตายด้วยอาญาท้าวกบิลพรหม บังเอิญบนต้นไม้มีนกอินทรี 2 ตัวผัวเมียเกาะทำรังอยู่ นางนกอินทรีถามสามีว่า พรุ่งนี้เราจะไปหาอาหารแห่งใด สามีตอบนางนกว่า เราจะไปกินศพธรรมบาลกุมาร ซึ่งท้าวกบิลพรหมจะฆ่าเสีย ด้วยแก้ปัญหาไม่ได้ นางนกจึงถามว่า คำถามที่ท้าวกบิลพรหมถามคืออะไร สามีก็เล่าให้ฟัง ซึ่งนางนกก็ไม่สามารถตอบได้ สามีจึงเฉลยว่า \"ตอนเช้า ศรีจะอยู่ที่หน้า คนจึงต้องล้างหน้าทุก ๆ เช้า ตอนเที่ยง ศรีจะอยู่ที่อก คนจึงเอาเครื่องหอมประพรมที่อก ส่วนตอนเย็น ศรีจะอยู่ที่เท้า คนจึงต้องล้างเท้าก่อนเข้านอน\" ธรรมบาลกุมารก็ได้ทราบเรื่องที่นกอินทรีคุยกันตลอด จึงจดจำไว้",
"พิธีเริ่มโดยเจ้าพนักงานตั้งบาตรนํ้า บาตรทราย จับด้ายมงคลสูตรใส่ลุ้งไว้ในโรงราชพิธีทั้ง 4 ทิศ พระนครและในพระราชนิเวศน์ จากนั้นอัญเชิญ พระพุทธปฏิมากรมาประดิษฐาน อาราธนาพระมหาเถรานุเถร ผลัดเปลี่ยนกันมาจำเริญพระปริตร ในโรงราชพิธีทุกตำบล สิ้นทิวาราตรีสามวาร โดยในระหว่างการเจริญพระปริตรนั้น จะมีพิธีทางพราหมณ์ และทางราชการควบคูกันไปด้วย ที่ภายนอกพระบรมมหาราชวัง และในพื้นที่ต่างๆ ของพระนคร เพื่อเป็นการขจัดปัดเป่าอุปาทว์และภยันตรายทั้งปวง",
"รพินทร์ตะโกนบอกให้ดารินดึงกริชสีดำออกจากคัมภีร์หนังมนุษย์ พร้อมกับช่วยเชษฐาและพรานพื้นเมืองยิงปะทะเปิดทางให้แก่ดาริน ที่พุ่งตรงไปยังแท่นหินอ่อนสีดำภายใต้ครอบแก้วของนางพญาพันธุมวดี พร้อมกับกระชากกริชออกอย่างแรง ทันทีที่กริชสีดำหลุดออกจากคัมภีร์หนังมนุษย์ ซากศพตายซากทั้งหมดที่เคลื่อนไหวราวกับมีชีวิตและถูกควบคุมบงการจากผู้มีเวทมนตร์คาถา ต่างสิ้นฤทธิ์หยุดนิ่งอยู่กับที่ กลายสภาพเป็นซากศพที่แห้งตายซากลักษณะเหมือนกันท่อนไม้อาบด้วยน้ำยาตามเดิม รพินทร์ ดาริน เชษฐาและพรานบุญคำ ต่างช่วยกันพิจารณาซากศพจำนวนมากภายในห้องโถงใหญ่ พร้อมกับกริชสีดำลงอัขระยันต์โบราณ และคัมภีร์หนังมนุษย์ที่เคยถูกกริชปักตรึงแน่นอยู่ ในขณะที่ทั้งหมดพิจารณาถึงเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้น ร่างสวยสง่างามราวกับมีชีวิตของพันธุมวดี ที่นอนสงบนิ่งอยู่ภายในครอบแก้ว กลับสลายกลายเป็นฝุ่นผงธุลีแทน",
"ศาสตราจารย์ หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล (23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2466 — 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2546) เป็นนักประวัติศาสตร์ศิลปะและโบราณคดีชาวไทย ทรงเป็นบุคคลคนแรกที่พบทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ ปราสาทพนมรุ้ง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ในสถาบันศิลปะแห่งชิคาโก สหรัฐอเมริกา จนมีการทวงทับหลังชิ้นกลับคืนสู่ประเทศไทย ทรงเป็นหนึ่งในบุคคลไทยที่ทรงมีคุณูปการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ศิลปะและโบราณคดีไทย",
"รพินทร์รับหน้าที่ยามเฝ้าดูแลปางพักในช่วงค่ำ และนำลายแทงขุมทรัพย์เพชรพระอุมาของมังมหานรธาออกมาพิจารณา ตกดึกแงซายที่หายจากการบาดเจ็บออกมาพูดคุยด้วยพร้อมกับใช้ดุ้นฟืนที่ติดไฟกลายเป็นถ่าน วาดภาพพระศิวะและปิ่น ทำให้รพินทร์โกรธจัดเนื่องจากคิดว่าดารินเล่าเรื่องแผนที่ลายแทงให้แงซายได้รับรู้ รุ่งขึ้นจึงอารมณ์เสียใส่ดารินก่อนจะปรับความเข้าใจกันภายหลัง เชษฐา ดาริน ไชยยันต์ชวนรพินทร์และแงซายไปตรวจสอบยังซากช้างไดโนเทเรี่ยมที่ถูกยิงเสียชีวิตในการปะทะกับคะหยิ่นและส่างปา แต่พบปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นเนื่องจากซากของไดโนเทเรี่ยมถูกสัตว์ที่มีขนาดใหญ่โตกว่ามากินซาก และทิ้งรอยเท้าขนาดมโหฬารเอาไว้ทั่วบริเวณ รพินทร์สังหรณ์ใจถึงภัยอันตรายที่จะตามภายหลัง จึงให้แงซายเตรียมธนูติดระเบิดทีเอ็นทีไว้ให้พร้อม",
"ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ ได้รับการยอมรับว่าเป็นทับหลังรูปพระนารายณ์ที่มีความงดงามที่สุดในโลก และยังถือว่าเป็นโบราณวัตถุชิ้นเดียวที่ประเทศผู้เป็นเจ้าของสามารถทวงคืนกลับมาจากผู้นำไปครอบครองได้สำเร็จ"
] |
อิสราเอลมีเมืองหลวงชื่อว่าอะไร? | [
"ประเทศอิสราเอล (; ; ) มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า รัฐอิสราเอล (; ; ) เป็นประเทศในตะวันออกกลางบนชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและชายฝั่งเหนือของทะเลแดง มีเขตแดนทางบกติดต่อกับประเทศเลบานอนทางทิศเหนือ ประเทศซีเรียทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ประเทศจอร์แดนทางทิศตะวันออก ดินแดนเวสต์แบงก์และฉนวนกาซาของปาเลสไตน์ทางทิศตะวันออกและตะวันตกตามลำดับ และประเทศอียิปต์ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ประเทศอิสราเอลมีภูมิลักษณ์หลากหลายแม้มีพื้นที่ค่อนข้างเล็ก เทลอาวีฟเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของประเทศ ส่วนที่ตั้งรัฐบาลและเมืองหลวงตามประกาศคือ เยรูซาเลม แม้อำนาจอธิปไตยของรัฐเหนือเยรูซาเลมยังไม่มีการรับรองในระดับนานาประเทศ"
] | [
"อับราฮัมมีลูกด้วยกันสองคน คนแรกคือ อิสมาเอล (yismael) ที่เกิดกับหญิงทาสชื่อว่า นางฮาการ์ (hagar) คนที่สองคือ อิสอัค (ishak)หรือไอเซ๊ด (Issic) ที่เกิดกับซาราห์ (sarah) ภรรยาของท่าน ซึ่งอับราฮัมได้วิงวอนต่อพระเจ้าที่มีชื่อเรียกว่ายะโฮวา(Jehovah) ขอให้ทรงเพิ่มพูนลูกหลานของท่านให้มากมายดั่งเม็ดทรายในทะเล และดวงดาวในท้องฟ้าและในกาลถัดมา ได้ปรากฏว่า เชื้อสายของอิสมาเอลที่อพยพไปทางใต้หรือแหลมอาระเบีย ได้กลายเป็นต้นตระกูลของชาวอาหรับทั้งหมด ส่วนเชื้อสายของอิสอัคนั้น เป็นต้นตระกูลของชาวอิสราเอล โดยอิสอัคมีลูกด้วยกันสองคนคือ เอซาว(esau) และยาโคบ (jacob)หรืออิสราเอล",
"ฮาราเร (ก่อน พ.ศ. 2525 ชื่อ ซอลส์บรี) เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดในประเทศซิมบับเว ใน พ.ศ. 2552 มีการประเมินประชากรไว้ที่ 1,606,000 คน โดยมี 2,800,000 คนในเขตปริมณฑล (พ.ศ. 2549) ในทางการปกครอง ฮาราเรเป็นนครอิสระมีฐานะเทียบเท่าจังหวัด เป็นเมืองใหญ่ที่สุดและศูนย์กลางการปกครอง พาณิชย์และการสื่อสารของประเทศซิมบับเว นครนี้เป็นศูนย์กลางการค้ายาสูบ ข้าวโพด ฝ้ายและผลไม้สกุลส้ม การผลิตมีทั้งสิ่งท่อ เหล็กกล้าและเคมีภัณฑ์ ตลอดจนมีการขุดทองในพื้นที่ ฮาราเรตั้งอยู่ที่ความสูง 1,483 เมตรจกระดับน้ำทะเล และภูมิอากาศจัดอยู่ในประเภทอุณหภูมิอบอุ่น",
"ฮะเดรา ( '; '; ) เป็นเมืองในเขตไฮฟา ประเทศอิสราเอล ตั้งอยู่ห่างจากเมืองใหญ่อย่าง เทลอาวีฟและไฮฟา ราว 45 กม. เมืองตั้งอยู่บนที่ราบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของอิสราเอลยาว 7 กม. เมืองมีประชากรราว 80,200 คน ที่รวมถึงประชากรที่อพยพมาตั้งแต่ราวปี ค.ศ. 1990 โดยมากมาจากเอธิโอเปียและอดีตสหภาพโซเวียต",
"อันนาศิรียะฮ์ () เป็นนครในประเทศอิรัก ตั้งอยู่บนลุ่มแม่น้ำยูเฟรทีส ตั้งห่างจากกรุงแบกแดดทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ราว 225 ไมล์ (370 กม.) อยู่ใกล้กับโบราณสถานเมืองอูร์ เป็นเมืองหลวงของเขตผู้ว่าการษีกอร ในปี ค.ศ. 2003 มีประชากรราว 560,000 คน ทำให้เป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับสี่ของประเทศอิรัก ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ประชากรนับถือหลากหลายศาสนา คือ เป็นชาวมุสลิม ยิว มันดาอี แต่ปัจจุบันประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม นิกายชีอะฮ์",
"ประวัติศาสตร์ของอิสราเอลเกิดขึ้นเมื่อพระเจ้าได้ทำพันธสัญญากับท่านอับราฮัม เนื่องจากว่าพระองค์ได้ทรงมองเห็นว่าท่านอับราฮัม เป็นคนชอบธรรมในสายพระเนตรของพระองค์\nอับราฮัมมีลูกด้วยกันสองคน คนแรกคือ อิสมาเอล (Yismael) ที่เกิดกับหญิงทาสชื่อว่า นางฮาการ์ (Hagar) คนที่สองคือ อิสอัค (Ishak) หรือไอแซค (Issic) ที่เกิดกับซาราห์ (Sarah)ผู้เป็นบุตรหญิงของบิดาของอับราฮัม แต่ไม่ใด้เกิดจากมารดาเดียวกัน ส่วนเชื้อสายของอิสอัคนั้น เป็นต้นตระกูลของชาวอิสราเอล โดยอิสอัคมีลูกด้วยกันสองคนคือ เอซาว (Esau) และยาโคบ (Jacob) หรืออิสราเอลตามที่พระเจ้าได้ทรงตั้งชื่อให้เมื่อครั้งที่ท่านยาโคบหรือท่านอิสราเอลได้ปล้ำสู้กับพระเจ้าแล้วได้ชัยชนะครั้งที่ข้ามแม่น้ำยับบอก(การปล้ำสู้กันครั้งนี้เป็นเหตุให้ผู้ชายอิสราเอลไม่กินเส้นที่ตะโพก ซึ่งอยู่ที่ข้อต่อตะโพกนั้นจนถึงทุกวันนี้ เพราะพระองค์ทรงถูกต้องข้อต่อตะโพกของ\nยาโคบตรงเส้นเอ็นที่ตะโพก\nยาโคบ Jacob หรือ อิสราเอล มีลูกด้วยกันสิบสามคนคือ รูเบน สิเมโอน เลวี ยูดาห์ ดาน นัฟทาลี กาด อาเชอร์ อิสสาคาร์ เศบูลุน โยเซฟ และเบนยามิน และดีนาหฺ์ (หลังจากให้กำเนิดเศบูลุน เลอาห์ให้กำเนิดบุตรสาวคือดีนาห์นี่เอง) จากพันธสัญญาระหว่างพระเจ้ากับอับราฮัมพระองค์จึงได้บรรดาลให้เกิดภัยแล้งขึ้นทั่วโลก",
"ขณะเดียวกัน รัฐบาลเบกินจัดสิ่งจูงใจแก่ชาวอิสราเอลให้ตั้งถิ่นฐานในเวสต์แบงก์ ทำให้เพิ่มความตึงเครียดกับชาวปาเลสไตน์ในพื้นที่ มีการผ่านกฎหมายหลักพื้นฐาน เยรูซาเลม เมืองหลวงของอิสราเอล ในปี 1980 ซึ่งบางคนเชื่อว่ายืนยันการผนวกเยรูซาเลมของอิสราเอลในปี 1967 ด้วยกฤษฎีกาของรัฐบาล และจุดชนวนกรณีพิพาทระหว่างประเทศเหนือสถานภาพของนคร ไม่มีกฎหมายอิสราเอลฉบับใดนิยามดินแดนอิสราเอลและไม่มีรัฐบัญญัติใดเจาะจงรวมเยรูซาเลมตะวันออกในเยรูซาเลมด้วย จุดยืนของรัฐสมาชิกสหประชาชาติมีการสะท้อนในข้อมติหลายข้อมติซึ่งประกาศว่าการกระทำของอิสราเอลในการตั้งถิ่นฐานพลเมืองในเวสต์แบงก์ และกำหนดกฎหมายและการบริหารราชการแผ่นดินต่อเยรูซาเลมตะวันออก มิชอบด้วยกฎหมายและไม่มีผลสมบูรณ์ ในปี 1981 อิสราเอลผนวกที่ราบสูงโกลัน แม้การผนวกนั้นไม่ได้รับการรับรองของนานาชาติ ความหลากหลายของประชากรของอิสราเอลเพิ่มขึ้นในคริสต์ทศวรรษ 1980 ถึง 1990 ยิวเอธิโอเปียหลายระลอกเข้าเมืองอิสราเอลตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1980 ส่วนระหว่างปี 1990 และ 1994 การเข้าเมืองจากรัฐหลังโซเวียตเพิ่มประชากรของอิสราเอลร้อยละ 12",
"อิสราเอลมีวัฒนธรรมทั้งเก่า และใหม่ผสมผสานกัน กล่าวคือ วัฒนธรรมโบราณของยิวที่เก่าแก่กว่า 4000 ปี และวัฒนธรรมใหม่ที่เกิดจากการหลั่งไหลของชาวยิวจากทั่วโลกที่กลับเข้าไปตั้งถิ่นฐานในอิสราเอลภายหลังการก่อตั้งรัฐอิสราเอล เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2491 ชาวอิสราเอลร้อยละ 90 อาศัยอยู่ในเขตเมืองที่ทันสมัย แต่ก็มีบางส่วนที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองเก่า ส่วนประชากรอีกร้อยละ 6 อยู่ในชนบทโดยเป็นสมาชิกสหกรณ์ 2 ลักษณะคือ คิบบุตซ์ และโมชาฟ",
"เชื้อสายจาขอบหรืออิสราเอลมี 12คน หนึ่งในนั้นคือโยเซฟไปอยู่ที่อาณาจักรของชาวอียิปต์ แต่ต่อมาสถานการณ์ทางการเมืองเปลี่ยนแปลงไป ลูกหลานของอิสราเอลได้ถูกกดขี่จนกระทั่งต้องกลายเป็นทาสรับใช้ถึง 400 ปี ช่วงนั้นจะเรียกเชื้อสายอิสราเอลว่าฮีบรู จนกระทั่ง โมเสส (หรือโมเชซ์) ลูกชาวฮีบรูที่ได้รับการเลี้ยงดูโดยฟาโรห์จนกลายเป็นเจ้าชายแห่งอียิปต์ ได้รับบัญชาจากพระเจ้าให้ปลดแอกชาวยิวในอียิปต์โดยให้พาชาวอิสราเอลหรือฮีบรู ออกเดินทางจากเมือง เพื่อกลับไปยังปาเลสไตน์แผ่นดินแห่งพันธสัญญา แม้จะถูกกองทัพแห่งอียิปต์ขัดขวาง แต่พระเจ้าได้เปิดทะเลแดงให้ชาวอิสราเอลผ่านไปได้ และกลับไหลท่วมทหารอียิปต์ที่ตามมาโจมตี จากนั้นระหว่างทางที่โมเสสพาชาวฮีบรูกลับไปยังแผ่นดินแดนของบรรพบุรุษ เขาไปพบกับพระเจ้าบนภูเขาไสไน (ซีนาย) และได้รับบัญญัติ 10 ประการจากพระเจ้า แต่เนื่องจากชาวอิสราเอลไม่ปฏิบัติตามกฎบัญญัติของพระเจ้า จึงถูกลงโทษให้หลงทางในทะเลทรายเป็นเวลา 40 ปี หลังจากที่เดินทางกลับเข้าสู่คานาอันหรือดินแดนแห่งพันธสัญญาแล้ว โมเสสได้เสียชีวิตลง แต่ลูกหลานชาวฮีบรูก็ได้อาศัยอยู่ในเมืองคานาอันหรืออิสราเอลต่อมา",
"อับบานเนรีมีชื่อเดิมว่า อับฮาเนรี(Abha Nagri) ซึ่งแปลว่า \"เมืองแห่งความสว่าง\" แต่เนื่องจากวันเวลาที่เปลี่ยนไปทำให้มีการออกเสียงผิดเพี้ยนจนกลายเป็นชื่อในปัจจุบัน ปัจจุบันเมืองนี้กลายเป็นซากปรักหักผัง แต่ก็ยังสามารดึงดูดนักท่องเที่ยวจากที่ต่างๆได้ ที่นี้อยู่ตรงข้ามกับ Harshat Mata Templ และคาดว่าถูกสร้างขึ้นใน ค.ศ.ที่ 800\nแชนด์ เบารี นั้นมีบรรไดมากกว่า 3,500ขั้น มี 13 ชั้น ลึกลงไปใต้ดินกว่า 30 เมตร (100 ฟุต)ทำให้มันเป็นบ่อน้ำขั้นบันไดที่ลึกที่สุดในอินเดีย",
"เนื่องจากที่อัคบาราบัดนี้เป็นเมืองที่สำคัญที่สุดในอินเดียภายใต้จักรวรรดิโมกุล จึงมีการสร้างสิ่งปลูกสร้างสำคัญมากมาย สมเด็จพระจักรพรรดิบาบูร์ ผู้สถาปนาราชวงศ์โมกุล ได้วางแบบแผนสวนแบบเปอร์เซียในบริเวณริมฝั่งของแม่น้ำยมุนา สวนนี้มีชื่อว่า \"อารัม บักห์\" (Arām Bāgh) แปลว่า สวนแห่งความผ่อนคลาย พระราชนัดดาของพระองค์ ซึ่งต่อมาคือ สมเด็จพระจักรพรรดิอักบัร ได้สร้างป้อมปราการสีแดงขึ้นมา นอกจากนั้นยังทำให้อัคระเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ ศิลปะ การค้า และศาสนา ในรัชสมัยของพระองค์ยังมีการสร้างเมืองแห่งใหม่บริเวณปริมณฑลของอัคระที่มีชื่อว่า \"ฟาเตห์ปูร์ สิครี\" ซึ่งสร้างในรูปแบบของป้อมค่ายทหารซึ่งสร้างจากหิน"
] |
ประเทศไทยมีกฎหมายกี่ลำดับศักดิ์? | [
"ลำดับศักดิ์ของกฎหมายในระบบกฎหมายไทย แบ่งอย่างละเอียดเป็น 7 ชั้น ได้แก่***คำสั่งคณะรัฐประหารไม่ถือว่าเป็นกฎหมาย เพราะไม่ได้มีที่มาที่เชื่อมโยงกับเจ้าของอำนาจอธิปไตย ซึ่งก็คือประชาชน"
] | [
"ลำดับศักดิ์ของกฎหมายในระบบกฎหมายฝรั่งเศส มี 6 ชั้น ได้แก่",
"ลำดับศักดิ์ของกฎหมาย เป็นแนวความคิดทางกฎหมายของฝรั่งเศส ซึ่งกำหนดลำดับชั้นระหว่างกฎหมายประเภทต่างๆ ซึ่งทำให้ผู้มีอำนาจในการตรากฎหมายที่มีศักดิ์ด้อยกว่าต้องเคารพและไม่สามารถตรากฎหมายที่ละเมิดกฎหมายที่มีศักดิ์สูงกว่าได้",
"กฎหมายไทยได้นำเอาหลักดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ อาทิ พระราชบัญญัติจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีศักดิ์สูงกว่า ไม่ได้ หรือ พระราชบัญญัติจะต้องไม่มีเนื้อหาขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ เป็นต้น ดังที่ มาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 บัญญัติว่า \"รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ บทบัญญัติใดของกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับ ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญนี้ บทบัญญัตินั้นเป็นอันใช้บังคับมิได้\""
] |
ยาซูโอะ ฟูกูดะ เกิดเมื่อไหร่? | [
"ยาซูโอะ ฟูกูดะ () (เกิด 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2479) เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 91 ของประเทศญี่ปุ่น และเป็นอดีตประธานพรรคเสรีประชาธิปไตย (Liberal Democratic Party หรือ LDP) ซึ่งครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรญี่ปุ่น"
] | [] |
บริษัท วีดีโอเกม นินเทนโด ก่อตั้งขึ้นเมื่อไหร่? | [
"นินเท็นโด (; ) เป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) เริ่มแรกทำธุรกิจเกี่ยวกับการ์ดเกมและของเล่น รวมถึงธุรกิจอื่น เช่น โรงแรมและแท็กซี่ ใน พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) นินเท็นโดได้ผันตัวเองมาเป็นบริษัทวิดีโอเกม ซึ่งเป็นบริษัทเกี่ยวกับวิดีโอเกมที่มีอายุยาวนานที่สุดและทรงอิทธิพลที่สุดจนถึงปัจจุบัน"
] | [
"ชุดวีดีโอเกม \"นีดฟอร์สปีด\" แต่เดิมแล้วได้ถูกพัฒนาโดย Distinctive Software บริษัทสตูดิโอเกมแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ แวนคูเวอร์, บริติชโคลัมเบีย, แคนาดา และหลังจากนั้นก็ถูกบริษัทวีดีโอเกมอิเล็กทรอนิก อาตส์ซื้อบริษัทนี้ไปในปี ค.ศ. 1991 บริษัทนี้เคยได้สร้างวีดีโอเกมแข่งรถชื่อดังหลายเกมเช่น \"Stunts\" และ \"Test Drive II: The Duel\" หลังจากถูกซื้อ บริษัทนี้ได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Electronic Arts (EA) Canada หลังจากนั้น บริษัท EA Canada ก็ได้เริ่มการพัฒนาชุดเกม\"นีดฟอร์สปีด\"ต่อถึงปี ค.ศ. 2002 และต่อมา บริษัทเกมแห่งหนึ่งจากแวนคูเวอร์ที่ชื่อว่า Black Box Games ก็ได้ถูกจ้างให้สร้างเกม\"นีดฟอร์สปีด: ฮอตเพอร์สูต 2\" ต่อ บริษัท EA Black Box นั้นก็ได้เป็นบริษัทหลักสร้างชุดเกมนี้ตลอดมาจากปี ค.ศ. 2002–2008 ต่อมาในปี ค.ศ. 2009 ชุดเกม\"นีดฟอร์สปีด\"เริ่มมียอดขายน้อยลง อีเอจึงได้ซื้อบริษัทเกม Slightly Mad Studios เพื่อพัฒนา \"\" และบริษัท Criterion Games จากสหราชอาณาจักร ในปี ค.ศ. 2010 เพื่อพัฒนาเกม \"\" ในปี 2011, Slightly Mad Studios ก็ได้พัฒนาเกม \"\" และ EA Black Box ได้พัฒนาเกม \"\".",
"นินเทนโดสวิตช์ (, ) ที่รู้จักกันในภายใต้ชื่อรหัสพัฒนาว่า เอ็นเอกซ์ (NX) เป็นคอนโซลวิดีโอเกม โดยระบบออกจำหน่ายในวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2560 ซึ่งนินเทนโดสวิตช์ เป็นเครื่องเล่นเกมแบบไฮบริดจ์ สามารถใช้เล่นได้ทั้งแบบในบ้านโดยจะมีตัวแท่นวาง (หรือ Docking Station) เพื่อเชื่อมต่อเข้ากับทีวีผ่านพอร์ท HDMI และแบบพกพา ที่เล่นได้บนแท็บเล็ตทั้งพกพา และตั้งโต๊ะได้",
"นินเทนโด เกมคิวบ์ () เป็นเครื่องเล่นวิดีโอเกมรุ่นที่สี่ของบริษัทนินเทนโด จัดเป็น เครื่องเล่นวิดีโอเกมยุคที่หก ออกวางจำหน่ายครั้งแรกวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 2001 (ประเทศญี่ปุ่น) 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 2001 (ทวีปอเมริกาเหนือ) ,3 พฤษภาคม ค.ศ. 2002 (สหภาพยุโรป) และ17 พฤษภาคม ค.ศ. 2002 (ออสเตรเลีย) ถัดจาก นินเทนโด 64 และเป็นคู่แข่งของ เพลย์สเตชัน 2, เอกซ์บอกซ์ และ ดรีมแคสต์",
"ในปี 1971 โนแลนบุชเนล และเท็ดแดปนีย ก่อตั้งบริษัทไซเซอจีเอ็นจิเนียริง และได้ออกแบบสร้างวิดีโอเกมอาเขตเครื่องแรกคือคอมพิวเตอร์สเปซให้กับบริษัทนัตติงแอตโซซิเอต จนวันที่ 27 มิถุนายน 1972 บริษัทอาตาริ อิงค์ ได้ถูกก่อตั้งขึ้นและได้ว่าจ้าง อลันอัลคอรน เป็นวิศวกรด้านการออกแบบ บุชเนลตัดสินใจให้ อัลคอรน ได้ทดสอบความสามารถโดยพัฒนาเกมเลียนแบบ เกมเทเบิ้ลเทนนิสของเครื่อง แม็กนาวอกซ์โอดีสซี ซึ่งออกวางตลาดโดยใช้ชื่อว่า ป็อง โดยแรกเริ่ม ป็อง เป็นเครื่องเล่นเกมอาเขต ต่อมาวางจำหน่ายเป็นเครื่องเล่นเกมในบ้าน บุชเนลเลือกชื่อ อาตาริ จากศัพท์ในเกมโกะ คำว่า อาตาริ ซึ่งหมายถึงกลุ่มก้อนหินซึ่งหมายถึงคู่ต่อสู้กำลังจะถูกทำให้แพ้ คำว่า อาตาริในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า เรื่องกำลังจะเกิดขึ้นหรือบางคนกำลังถูกลอตเตอรี่",
"ในวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2549 นินเทนโดได้ประกาศข้อมูลการจำหน่ายของที่ ญี่ปุ่น, อเมริกาเหนือ และ ใต้, ออสเตรเลเชีย (โอเชียเนีย) , เอเชีย และ ยุโรป รวมไปถึง วันที่ขาย, ราคา และจำนวนเครื่อง ก่อนหน้านั้น นินเทนโดได้เปิดเผยว่า มีการวางแผนที่จะผลิต เครื่องเล่นเกม 6 ล้านเครื่อง และเกม 17 ล้านเกม ในช่วงปีงบประมาณ ซึ่งปิดยอดวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2550 และยังบอกอีกว่า คาดว่าจะสามารถผลิต เครื่องเล่นเกมได้มากกว่า 4 ล้านเครื่องก่อนสิ้นปี 2549 มีการประกาศว่า เครื่องเล่นเกมส่วนใหญ่จะถูกส่งไปที่อเมริกา และเกมทั้งหมด 33 เกมจะเปิดขายก่อนสิ้นปี 2549 ตามรายงาน ประเทศอังกฤษได้ประสบปัญหา ขาดแคลนเครื่องเล่นเกม โดยร้านค้าต่าง ๆ และร้านออนไลน์ ไม่สามารถจำหน่าย ให้ลูกค้าที่สั่งจองล่วงหน้า ได้ครบจำนวนในวันเปิดตัว 8 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ในเดือนมีนาคม 2550 ร้านค้าบางร้านในอังกฤษ ยังคงประสบปัญหาขาดแคลนเครื่องเล่นเกม ในเดือน มิถุนายน 2550 ความต้องการซื้อเครื่องเล่นเกม ยังคงมากกว่าจำนวนเครื่องที่ได้รับในประเทศอเมริกา",
"บริษัทนินเทนโดระบุว่าชื่อของเครื่องคือ \"วี\" ไม่ใช่ \"นินเทนโดวี\" เครื่องเล่นวี เป็นเครื่องเล่นเกมเครื่องแรก ของนินเทนโดที่ทำตลาด นอกประเทศญี่ปุ่น โดยไม่มีชื่อบริษัท เป็นเครื่องหมายการค้า นินเทนโดสะกด \"Wii\" ด้วยตัว \"i\" ตัวเล็กทั้งสองตัว โดยต้องการให้คล้ายกับ คนสองคนยืนอยู่ข้าง ๆ กัน แสดงถึงผู้เล่นที่มารวมกัน และอาจแสดงถึง ที่บังคับของเครื่องได้อีกด้วย \nบริษัทได้ให้เหตุผลหลายอย่าง ในงานประกาศชื่อวี แต่ที่เป็นที่รู้จักดีที่สุดก็คือ: วีฟังดูเหมือนกับ 'we' (พวกเรา) ซึ่งเน้นว่า เป็นเครื่องเล่นเกมสำหรับทุกคน วีเป็นชื่อที่จดจำได้ง่าย สำหรับคนทั่วโลก ไม่ว่าเขาจะพูดภาษาอะไรก็ตาม ไม่มีความสับสน ไม่ต้องมีตัวย่อ แค่วี",
"นินเท็นด็อกส์ () เป็นวิดีโอเกมในการจำลองเลี้ยงสุนัขสำหรับเครื่องเล่นนินเท็นโด ดีเอส โดยผู้เล่นเกมจะมีการโต้ตอบกับลูกสุนัขผ่านทางหน้าจอสัมผัส (touch screen) และไมโครโฟนของเครื่องเกม นินเท็นด็อกส์ออกตัวในงาน E3 ในปี 2547 และวางจำหน่ายครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2548 ผลิตและพัฒนาโดยบริษัทนินเท็นโด ออกแบบโดย คิโยะชิ มิซุกิ",
"แอดวานซ์ ไมโคร ดีไวซ์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1969, โดยกลุ่มผู้บริหารเดิมจาก Fairchild Semiconductor, ประกอบด้วย เจอรี่ แซนเดอร์ เอ็ดวิน เทอร์นี่, จอห์น คาเรย, สเวน ซิมอนเซน, แจ๊ค กิฟฟอร์ด และ สมาชิก 3 คนในกลุ่มของแจ๊ค, แฟรงค์ บ๊อทเต้, จิม ไจลส์, และ แลรี่ สเตรนเจอร์.โดยที่บริษัทเริ่มผลิต ลอจิกชิป , ต่อมาจึงเข้าสู่ธุรกิจการผลิตแรมในปี 1975. และในปีเดียวกันนี้เอง พวกเขาก็เริ่มจำหน่ายสิ่งที่ได้จากการทำสถาปัตยกรรมย้อนกลับซึ่งเป็นสิ่งที่เลียนแบบมาจาก หน่วยประมวลผล Intel 8080. ในช่วงเวลานั้น,เอเอ็มดีก็ได้ออกแบบและสร้างหน่วยประมวลผลในซีรีส์ (Am2900, Am29116, Am293xx) ซึ่งถูกนำมาใช้แพร่หลายในการออกแบบวงจรของมินิคอมพิวเตอร์เวลาต่อมา, เอเอ็มดีก็พยายามที่จะทำให้โปรเซสเซอร์เล็กลง โดยการรวม AMD 29K processor, ให้เข้ากับ อุปกรณ์กราฟิกและเสียง เช่นเดียวกับหน่วยความจำแบบ EPROM. โดยมันเสร็จในช่วงกลางปี 1980 เรียกกันว่า AMD7910 and AMD7911 \"World Chip\" โดยเป็นอุปกรณ์แรกๆที่ ครอบคลุมทั้ง Bell และCCITT. โดย AMD 29K ยังเป็น embedded processor อีกด้วย และ เอเอ็มดี ยังแยกให้ Spansion ออกไปเพื่อสร้าง หน่วยความจำแฟลช. เอเอ็มดี ยังตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแนวทางสู้กับหน่วยประมวลผลจาก อินเทล โดยวางให้เป็นธุรกิจหลัก และให้ตลาดหน่วยความจำแฟลชเป็นตลาดรอง",
"เกมคิวบ์เป็นเครื่องเล่นวิดีโอเกมเครื่องแรกของบริษัท นินเทนโด ที่ใช้แผ่น Optical Disk เป็นที่เก็บข้อมูลหลัก ซึ่งแผ่นมีความคล้ายคลึงกับ มินิดีวีดี หรือ ดีวีดีขนาดเล็ก และเพราะมีขนาดเล็กจึงไม่สามารถรองรับการใช้งานเล่น ดีวีดี หรือ ซีดีเพลงได้ นินเทนโดได้นำเสนอความหลากหลายในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆสำหรับเกมคิวบ์ เช่น รองรับการเล่นเกมออนไลน์ ผ่านอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงหรือโมเด็มอะแดปเตอร์ และสามารถเชื่อมต่อกับเกมบอยแอ็ดวานซ์ ให้ผู้เล่นสามารถเข้าถึงคุณลักษณะในเกมได้โดยใช้เกมบอยเป็นทั้งหน้าจอที่สองและตัวควบคุม"
] |
สมองมนุษย์แบ่งออกเป็นกี่ส่วน? | [
"สมองมนุษย์มีคุณสมบัติซึ่งพบร่วมในสมองสัตว์มีกระดูกสันหลังทุกชนิดหลายประการ ซึ่งรวมการแบ่งพื้นฐานเป็นสามส่วน เรียก สมองส่วนหน้า สมองส่วนกลางและสมองส่วนหลัง โดยมีโพรงสมองซึ่งมีของเหลวบรรจุอยู่ และชุดโครงสร้างสมองของสัตว์มีกระดูกสันหลังทั่วไปซึ่งรวมก้านสมองส่วนท้ายและพอนส์ของก้านสมอง, สมองน้อย, สิ่งคล้ายหลังคาตา (optic tectum), ทาลามัส, ไฮโปทาลามัส, ปมประสาทฐาน (basal ganglia), ส่วนป่องรู้กลิ่น (olfactory bulb) ฯลฯ",
"1.1.สมอง (Brain)บรรจุอยู่ภายในกะโหลกศีรษะ สมองแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ\nมีขนาดใหญ่ที่สุด มีรอยหยักเป็นจำนวนมาก สามารถแบ่งออกได้อีก ดังนี้\nเป็นสมองที่ต่อจากสมองส่วนหน้า เป็นสถานีรับส่งประสาท ระหว่างสมองส่วนหน้ากับส่วนท้ายและส่วนหน้ากับนัยน์ตาทำหน้าที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของลูกตาและม่านตาจะเจริญดีในสัตว์พวกปลา กบ ฯลฯ ในมนุษย์สมองส่วน obtic lobe นี้จะเจริญไปเป็น Corpora quadrigermia ทำหน้าที่เกี่ยวกับการได้ยิน\nประกอบด้วย",
"ระบบประสาทแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ"
] | [
"เปลือกสมองมนุษย์เป็นชั้นเนื้อเยื่อประสาทหนาที่คลุมสมองส่วนใหญ่ ชั้นนี้พับเพื่อเพิ่มพื้นที่ผิวซึ่งสามารถจุในปริมาตรเท่าที่มี รูปแบบการพับเหมือนกันในแต่ละบุคคล แม้มีการแปรผันเล็กน้อยอยู่มาก เปลือกสมองแบ่งเป็นสี่ \"กลีบ\" เรียก กลีบหน้า กลีบข้าง กลีบขมับและกลีบท้ายทอย (ระบบจำแนกบางระบบยังรวมกลีบลิมบิกและถือเปลือกอินซูลาร์ [insular cortex] เป็นกลีบหนึ่งด้วย) ในแต่ละกลีบมีพื้นที่เปลือกจำนวนมาก แต่ละพื้นที่กลีบสัมพันธ์กับหน้าที่เฉพาะ ซึ่งรวมการเห็น การควบคุมสั่งการและภาษา เปลือกสมองฝั่งซ้ายและขวาโดยคร่าว ๆ มีรูปทรงคล้ายกัน และพื้นที่กลีบส่วนมากมีซ้ำกันทั้งสองขวา ทว่า บางพื้นที่มีเฉพาะข้างหนึ่งอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พื้นที่ซึ่งเกี่ยวข้องกับภาษา ในคนส่วนมาก ซีกซ้าย \"เด่น\" สำหรับภาษา ขณะที่ซีกขวามีบทบาทเพียงเล็กน้อย มีหน้าที่อื่นเช่น มิติสัมพันธ์ ซึ่งซีกขวาโดยปกติเด่น",
"กลีบสมอง () เป็นส่วนหนึ่งของสมอง ในการแบ่งกลีบของสมองในระยะดั้งเดิม เป็นการแบ่งตามลักษณะทางกายวิภาค ซึ่งแสดงถึงความเกี่ยวข้องกับหน้าที่ที่ต่างๆ กันของสมอง เทเลนเซฟาลอน ซึ่งเป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุดของสมองมนุษย์แบ่งออกได้เป็นกลีบต่างๆ เช่นเดียวกันกับสมองส่วนซีรีเบลลัม แต่หากไม่ระบุให้เจาะจงลงไป การแบ่งกลีบของสมองมักหมายถึงการแบ่งกลีบเฉพาะของซีรีบรัม",
"ผิวของเปลือกสมองดำรงอยู่เป็นส่วนพับในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่ จนกระทั่งว่า ผิวเปลือกสมองของมนุษย์มากกว่าสองในสามส่วน อยู่ใต้ช่องที่เรียกว่า \"ร่อง\" (sulci) ส่วนใหม่ที่สุดของเปลือกสมองตามวิวัฒนาการชาติพันธุ์ ก็คือ คอร์เทกซ์ใหม่ (neocortex) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ไอโซคอร์เทกซ์ ซึ่งมีชั้น 6 ชั้น ส่วนที่เก่าแก่ที่สุดก็คือฮิปโปแคมปัส หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า อาร์คิคอร์เทกซ์ ซึ่งมีชั้น 3 ชั้นเป็นอย่างมาก และแบ่งเขตออกเป็นฟิลด์ย่อยของฮิปโปแคมปัส (Hippocampal subfields)",
"ครึ่งทรงกลมสมอง (สมองใหญ่) เป็นส่วนใหญ่สุดของสมองมนุษย์และอยู่เหนือโครงสร้างสมองอื่น คลุมด้วยชั้นเปลือกสมอง ซึ่งมีรายละเอียดเฉพาะส่วนบิดเวียน ใต้สมองใหญ่มีก้านสมอง ลักษณะคล้ายก้านซึ่งมีสมองใหญ่ติดอยู่ ด้านหลังของสมอง ใต้สมองใหญ่และหลังก้านสมอง มีสมองน้อย ซึ่งมีผิวเป็นร่องตามขวาง คือ เปลือกสมองน้อย ซึ่งทำให้ดูต่างจากพื้นที่สมองอื่น โครงสร้างเดียวกันนี้ยังปรากฏในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น แม้มีขนาดสัมพัทธ์แตกต่างกันมาก เป็นกฎว่ายิ่งสมองใหญ่เล็กเท่าใด เปลือกสมองจะยิ่งบิดเวียนน้อยเท่านั้น เปลือกสมองของหนูแทบเรียบ ตรงข้ามกับเปลือกสมองของโลมาหรือวาฬที่บิดเวียนมากกว่าเปลือกสมองมนุษย์",
"ระหว่างช่วงต้นของการเจริญของเอ็มบริโอ สมองจะเริ่มแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหรือปล้อง ได้แก่ สมองส่วนหน้า (prosencephalon) , สมองส่วนกลาง (mesencephalon) , และสมองส่วนท้าย (rhombencephalon) สมองส่วนท้ายจะเป็นปล้องที่อยู่ท้ายที่สุดซึ่งจะเจริญไปเป็นซีรีเบลลัม ส่วนนี้จะเจริญโดยพัฒนาเป็นกระเปาะ 8 อัน เรียกว่า รอมโบเมียร์ (rhombomere) ซีรีเบลลัมจะเจริญมาจากรอมโบเมียร์ 2 อันที่อยู่ตรงแผ่นเอลาร์ (alar plate) ของนิวรัล ทูบ (neural tube) ซึ่งเป็นท่อที่จะเจริญไปเป็นสมองและไขสันหลัง",
"สมองกลีบข้างล้อมรอบด้วยโครงสร้างทางกายวิภาค 4 ส่วน ได้แก่ ร่องกลาง (central sulcus) ที่แบ่งสมองกลีบข้างจากสมองกลีบหน้า, parieto-occipital sulcus (ร่องระหว่างสมองกลีบข้างและสมองกลีบท้ายทอย) ที่แบ่งสมองกลีบข้างจากสมองกลีบท้ายทอย, ร่องด้านข้าง (lateral sulcus) หรือร่องซิลเวียน (sylvian fissure) ซึ่งอยู่ด้านข้างมากที่สุด และแบ่งสมองกลีบข้างจากสมองกลีบขมับ, และ medial longitudinal fissure (ช่องตามยาวแนวกลาง) ที่แบ่งสมองซีกซ้ายจากสมองซีกขวา. ในแต่ละซีกสมอง คอร์เทกซ์รับความรู้สึกทางกายมีแผนที่ของเขตผิวหนังในด้านตรงกันข้ามของร่างกาย (เช่นคอร์เทกซ์รับความรู้สึกทางกายในสมองซีกขวามีแผนที่ของเขตผิวหนังในร่างกายด้านซ้าย)",
"ระบบประสาทของมนุษย์แบ่งออกได้เป็นระบบประสาทกลาง หรือ ซีเอ็นเอส (central nervous system) และระบบประสาทนอกส่วนกลาง หรือ พีเอ็นเอส (peripheral nervous system) ระบบประสาทกลางประกอบด้วยสมอง (brain) และไขสันหลัง (spinal cord) ซึ่งมีหน้าที่หลักในการควบคุมพฤติกรรม ส่วนระบบประสาทนอกส่วนกลางประกอบด้วยเซลล์ประสาททั้งหมดที่อยู่นอกระบบประสาทกลาง ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็นระบบประสาทกาย (somatic nervous system) และระบบประสาทอิสระ หรือ เอเอ็นเอส (autonomic nervous system) \nระบบประสาทกายประกอบด้วยเซลล์ประสาทนำเข้า (afferent neuron) ที่ส่งข้อมูลการรับความรู้สึกจากอวัยวะรับความรู้สึกมายังสมองและไขสันหลัง และเซลล์ประสาทนำออกที่ขนส่งข้อมูลสั่งการออกไปยังกล้ามเนื้อหรืออวัยวะที่ตอบสนองอื่นๆ ระบบประสาทอิสระแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน คือ ระบบประสาทซิมพาเทติก (sympathetic nervous system) ซึ่งเป็นชุดของเส้นประสาทที่กระตุ้นการตอบสนองแบบ \"สู้หรือหนี\" (\"fight-or-flight\" response) ส่วนระบบประสาทพาราซิมพาเทติก (parasympathetic nervous system) ตรงกันข้ามกันคือเตรียมความพร้อมร่างกายให้พักผ่อนและเก็บพลังงานเอาไว้",
"ระบบประสาทประกอบด้วยระบบประสาทกลาง (สมองและไขสันหลัง) และระบบประสาทนอกส่วนกลางประกอบด้วยเส้นประสาทและปมประสาทนอกสมองและไขสันหลัง สมองเป็นอวัยวะแห่งความคิด อารมณ์ ความทรงจำ และการประมวนทางประสาทสัมผัส และทำหน้าที่ในหลายมุมมองของการสื่อสารและควบคุมระบบและหน้าที่ต่าง ๆ ความรู้สึกพิเศษประกอบด้วย การมองเห็น การได้ยิน การรับรู้รส และการดมกลิ่น ซึ่ง ตา,หู, ลิ้น, และจมูกรวบรวมข้อมูลจากสิ่งรอบตัว"
] |
สุนทรภู่เกิดเมื่อวันที่เท่าไหร่? | [
"พระสุนทรโวหาร นามเดิม ภู่ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า สุนทรภู่ (26 มิถุนายน พ.ศ. 2329 - พ.ศ. 2398) เป็นอาลักษณ์ชาวไทยที่มีชื่อเสียงเชิงกวี ได้รับยกย่องเป็น เชกสเปียร์แห่งประเทศไทย เกิดหลังจากตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ได้ 4 ปี และได้เข้ารับราชการเป็นอาลักษณ์ราชสำนักในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เมื่อสิ้นรัชกาลได้ออกบวชเป็นเวลาร่วม 20 ปี ก่อนจะกลับเข้ารับราชการอีกครั้งในปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเป็นอาลักษณ์ในสมเด็จเจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น พระสุนทรโวหาร เจ้ากรมอาลักษณ์ฝ่ายพระราชวังบวร ซึ่งเป็นตำแหน่งราชการสุดท้ายก่อนสิ้นชีวิต"
] | [] |
ภัยพิบัติเชียร์โนบีล เกิดขึ้นในประเทศอะไร? | [
"ภัยพิบัติเชียร์โนบีล (; ) เป็นอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ขั้นร้ายแรงที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 1986 ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชียร์โนบีล ตั้งอยู่ที่นิคมเชียร์โนบีล ริมฝั่งแม่น้ำนีเปอร์ ใกล้เมืองพริเพียต แคว้นเคียฟ ทางตอนเหนือของยูเครน ใกล้ชายแดนเบลารุส (ในขณะนั้นยูเครนและเบลารุสยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต) อุบัติเหตุที่เชียร์โนบีลนี้เป็นอุบัติเหตุที่เกิดกับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ในแง่ของค่าใช้จ่ายและชีวิต"
] | [
"การอพยพเริ่มมานานก่อนที่การเกิดอุบัติเหตุจะเป็นที่รู้จักต่อสาธารณชนทั่วสหภาพ เฉพาะในวันที่ 28 เมษายน หลังจากที่ระดับรังสีเปิดการเตือนภัยที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Forsmark ในประเทศสวีเดน ที่อยู่ห่างจากโรงงานเชียร์โนบีลกว่า 1,000 กิโลเมตร (620 ไมล์) สหภาพโซเวียตก็ยอมรับกับสาธารณชนว่าอุบัติเหตุได้เกิดขึ้น เมื่อเวลา 21:02 น. ของเย็นวันนั้น มีการอ่านประกาศเป็นเวลา 20 วินาทีในรายการข่าวโทรทัศน์ Vremya:",
"ผู้เขียนแนะนำว่าส่วนใหญ่ของการเสียชีวิตอยู่ในรัสเซีย เบลารุสและยูเครน แต่ที่อื่น ๆ เกิดขึ้นทั่วโลกจากหลายประเทศที่ได้รับฝุ่นละอองกัมมันตรังสีจากเชียร์โนบีลที่ตกลงมา การวิเคราะห์วรรณกรรมสร้างสิ่งตีพิมพ์กว่า 1,000 ชื่อและสื่ออินเทอร์เน็ตและเอกสารการพิมพ์กว่า 5000 ชุดที่พูดคุยกันเรื่องผลกระทบของภัยพิบัติที่เชียร์โนบีล ผู้เขียนยืนยันว่าสิ่งพิมพ์และเอกสารเหล่านั้นถูกเขียนขึ้นโดยหน่วยงานชั้นนำในยุโรปตะวันออกและส่วนใหญ่ถูกมองว่าด้อยค่าหรือเพิกเฉยโดย IAEA และ UNSCEAR การประมาณการนี้ก็ยังได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ว่าพูดเกินจริง ขาดพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เหมาะสม",
"ในบทหนึ่งของกรีนพีซ ผู้ก่อตั้งภูมิภาคนั้นชาวรัสเซียยังประพันธ์หนังสือเล่มหนึ่งที่ชื่อว่า \"เชียร์โนบีล: ผลกระทบของภัยพิบัติที่เกิดกับผู้คนและสิ่งแวดล้อม\" ซึ่งสรุปได้ว่าท่ามกลางผู้คนนับพันล้านคนทั่วโลกที่ได้สัมผัสกับการปนเปื้อนของสารกัมมันตรังสีจากภัยพิบัติ เกือบหนึ่งล้านคนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งก่อนวัยอันควรระหว่างปี 1986 ถึงปี 2004 อย่างไรก็ตาม หนังสือเล่มนี้ล้มเหลวในกระบวนการ peer review ในห้าความคิดเห็นที่ตีพิมพ์ในสิ่งพิมพ์ทางวิชาการ สี่ความคิดเห็นพิจารณาว่าหนังสือเล่มนี้มีข้อบกพร่องและขัดแย้งอย่างรุนแรง และหนึ่งความคิดเห็นยกย่องในขณะที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงข้อบกพร่องบางอย่าง ความคิดเห็นโดย M.I. Balonov เผยแพร่โดย 'สถาบันวิทยาศาสตร์นิวยอร์ก' สรุปว่ารายงานมีค่าเป็นลบเพราะมันมีประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์น้อยมากในขณะที่สร้างความเข้าใจผิดอย่างมากให้กับผู้อ่าน มันประมาณการผู้เสียชีวิตเกือบหนึ่งล้านคนในดินแดนของนิยายมากกว่าในดินแดนของวิทยาศาสตร์",
"การกลายพันธุ์ทั้งในมนุษย์ และในสัตว์อื่น ๆ เพิ่มขึ้นตามหลังภัยพิบัติ ยกตัวอย่างเช่นในหลายฟาร์มในเมือง Narodychi Raion ของยูเครน ในสี่ปีแรกของภัยพิบัติ สัตว์เกือบ 350 ตัวเกิดมาพร้อมกับความผิดปกติขั้นต้นเช่นแขนขาหายไปหรือเกินมา ตา หัวหรือซี่โครงขาดหายไปหรือกะโหลกผิดรูป; ในการเปรียบเทียบ การเกิดแบบผิดปกติมีเพียงสามรายเท่านั้นที่มีการจดทะเบียนในช่วงห้าปีก่อนหน้า แม้จะมีการเรียกร้องเหล่านี้ องค์การอนามัยโลกระบุว่า \"เด็กที่อยู่ในครรภ์ก่อนหรือหลังจากที่พ่อของพวกเขาเปิดรับกับรังสีจะไม่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญของความถี่ในการกลายพันธุ์\"",
"สวีเดนเป็นผู้ค้นหาแหล่งที่มาของกัมมันตภาพรังสี หลังจากที่พวกเขาได้พิจารณาแล้วว่าไม่มีการรั่วไหลที่โรงไฟฟ้าของสวีเดน ในตอนเที่ยงของวันที่ 28 เมษายน พวกเขาค้นพบเบาะแสแรกว่าเกิดปัญหานิวเคลียร์ร้ายแรงในทางตะวันตกของสหภาพโซเวียต ดังนั้นการอพยพของ Pripyat ในวันที่ 27 เมษายน หรือ 36 ชั่วโมงหลังจากการระเบิดครั้งแรกก็เสร็จสมบูรณ์อย่างเงียบ ๆ ก่อนที่ภัยพิบัติจะกลายเป็นที่รู้จักนอกสหภาพโซเวียต ในเวลานั้นการเพิ่มขึ้นของระดับรังสีได้มีการวัดเรียบร้อยแล้วในฟินแลนด์ แต่การนัดหยุดงานของข้าราชการพลเรือนทำให้การตอบสนองและข่าวล่าช้า",
"ภัยพิบัติเริ่มในช่วงการทดสอบระบบในวันเสาร์ที่ 26 เมษายน 1986 ที่เครื่องปฏิกรณ์หมายเลขสี่ของโรงไฟฟ้าเชียร์โนบีล มีพลังงานกระชาก () ที่ฉับพลันและไม่คาดคิด และเมื่อมีความพยายามที่จะปิดแบบฉุกเฉิน พลังงานกระชากขนาดที่ใหญ่กว่ามากก็เกิดขึ้นในส่วนของพลังงานส่งออก ซึ่งนำไปสู่การแตกของ'อ่างปฏิกรณ์' () และการระเบิดเป็นชุดของไอน้ำ เหตุการณ์เหล่านี้เปิดให้ตัวหน่วงปฏิกิริยานิวตรอนที่ทำด้วยกราไฟท์ () ของเครื่องปฏิกรณ์ได้สัมผัสกับอากาศ ก่อให้เกิดการลุกไหม้. ไฟที่ไหม้ส่งกลุ่มฝุ่น () ที่มีกัมมันตรังสีสูงออกสู่ชั้นบรรยากาศและทั่วพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่กว้างขวาง รวมทั้งเมือง Pripyat กลุ่มฝุ่นกัมมันตรังสีลอยเหนือส่วนใหญ่ของภาคตะวันตกของสหภาพโซเวียตและยุโรป จากปี 1986-2000 ประชาชน 350,400 คนได้รับคำสั่งให้อพยพไปตั้งถิ่นฐานใหม่ออกจากพื้นที่ส่วนใหญ่ที่ปนเปื้อนอย่างรุนแรงของเบลารุส รัสเซียและยูเครน ตามข้อมูลอย่างเป็นทางการของโซเวียตช่วงหลังจากสลายตัว ประมาณ 60% ของกลุ่มฝุ่นกัมมันตรังสีตกลงในเบลารุส",
"\"เชียร์โนบีล: ผลกระทบจากภัยพิบัติสำหรับผู้คนและสิ่งแวดล้อม\" เป็นภาษาอังกฤษของสิ่งพิมพ์ของรัสเซียในปี 2007 \"เชียร์โนบีล\" ซึ่งถูกตีพิมพ์ในปี 2009 โดยสถาบันวิทยาศาสตร์นิวยอร์กในงาน \"ประวัติศาสตร์ของ New York Academy of Sciences\" ของพวกเขา สิ่งพิมพ์นำเสนอการวิเคราะห์วรรณกรรมทางวิทยาศาสตร์และสรุปว่าเวชระเบียนระหว่างปี 1986 (ปีที่เกิดอุบัติเหตุ) และปี 2004 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร 985,000 คนเป็นผลมาจากการปลดปล่อยกัมมันตภาพรังสี แม้กระนั้น มันก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะตรวจสอบได้อย่างแม่นยำถึงปริมาณของรังสีที่มีผลกระทบกับประชาชนเหล่านั้น เพื่อให้รู้ความจริงที่ว่าปริมาณที่ได้รับแตกต่างกันอย่างมากจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่งในกลุ่มประชากรดังกล่าวข้างต้นในที่ซึ่งเมฆกัมมันตรังสีได้เดินทางไปถึง และยังให้รู้ความจริงที่ว่าไม่มีใครสามารถบอกได้อย่างมั่นใจว่าโรคมะเร็งในบุคคลจากอดีตสหภาพโซเวียตเกิดจากรังสีจากอุบัติเหตุเชียร์โนบีลหรือเกิดจากปัจจัยทางสังคมหรือพฤติกรรมอื่น ๆ เช่นการสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์",
"อุบัติเหตุที่เชียร์โนบีลดึงดูดความสนใจเป็นอันมาก เพราะความไม่ไว้วางใจของผู้คนจำนวนมาก (ทั้งภายในและภายนอกสหภาพโซเวียต) ที่มีต่อหน่วยงานของสหภาพโซเวียต การอภิปรายจำนวนมากเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เชียร์โนบีลจึงเกิดขึ้นใน'โลกที่หนึ่ง'ในช่วงวันแรก ๆ ของเหตุการณ์ เพราะข้อมูลที่รวบรวมได้มีข้อบกพร่องขึ้นอยู่กับภาพที่ถ่ายจากอวกาศ มีความเข้าใจว่าปฏิกรณ์หน่วยที่สามก็ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุเช่นกัน",
"การศึกษาที่สำคัญอีกอันหนึ่งของรายงานเชียร์โนบีลฟอรั่มถูกแต่งตั้งให้ดำเนินการโดยกลุ่มกรีนพีซ ซึ่งยืนยันว่าตัวเลขที่เผยแพร่ล่าสุดชึ้ว่าในเบลารุส รัสเซียและยูเครน อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอาจมีผลในการเสียชีวิตเพิ่มเติมถึง 10,000-200,000 รายในช่วงระหว่างปี 1990 และปี 2004 เลขานุการด้านวิทยาศาสตร์ของเชียร์โนบีลฟอรั่มได้วิพากษ์วิจารณ์รายงานเกี่ยวกับการที่มันต้องพึ่งพาการศึกษาที่ผลิตในพื้นที่ที่ไม่ผ่านการทบทวนจากเพื่อน แม้ว่าส่วนใหญ่ของแหล่งที่มาของการศึกษาจะมาจากวารสารที่ผ่านการทบทวนจกเพื่อน รวมทั้งจากวารสารทางการแพทย์ตะวันตกจำนวนมากก็ตาม การประมาณการของอัตราการตายที่สูงขึ้นจะมาจากแหล่งที่มาที่ไม่ผ่านการทบทวนจากเพื่อน ในขณะที่เกรกอรี่ Hartl (โฆษกของ WHO) แนะนำว่าข้อสรุปได้รับแรงบันดาลใจโดยอุดมการณ์"
] |
ใครเป็นผู้ประดิษฐ์เครื่องเล่นเกมนินเท็นโด? | [
"นินเท็นโด (; ) เป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) เริ่มแรกทำธุรกิจเกี่ยวกับการ์ดเกมและของเล่น รวมถึงธุรกิจอื่น เช่น โรงแรมและแท็กซี่ ใน พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) นินเท็นโดได้ผันตัวเองมาเป็นบริษัทวิดีโอเกม ซึ่งเป็นบริษัทเกี่ยวกับวิดีโอเกมที่มีอายุยาวนานที่สุดและทรงอิทธิพลที่สุดจนถึงปัจจุบัน"
] | [
"นินเท็นด็อกส์ () เป็นวิดีโอเกมในการจำลองเลี้ยงสุนัขสำหรับเครื่องเล่นนินเท็นโด ดีเอส โดยผู้เล่นเกมจะมีการโต้ตอบกับลูกสุนัขผ่านทางหน้าจอสัมผัส (touch screen) และไมโครโฟนของเครื่องเกม นินเท็นด็อกส์ออกตัวในงาน E3 ในปี 2547 และวางจำหน่ายครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2548 ผลิตและพัฒนาโดยบริษัทนินเท็นโด ออกแบบโดย คิโยะชิ มิซุกิ",
"ทีมนินเท็นโดอาร์แอนด์ดี1 ของกุมเปอิ โยะโกะอิ นักสร้างเกมบอย ทำตามคำขอของผู้บริหารนินเท็นโด ฮิโระชิ ยะมะอุชิ ให้พัฒนาเกมมาริโอเกมหนึ่งลงเครื่องเล่นเกมใหม่ แรกเริ่มเป็นรุ่นพกพาของมาริโอ และเป็นเกมแรกที่ทำขึ้นโดยไม่มีความร่วมมือจากชิเงะรุ มิยะโมะโตะ ด้วยเหตุนั้น ทีมพัฒนาลดคุณสมบัติของเกมมาริโอลงให้เหมาะกับอุปกรณ์ และใช้บางคุณสมบัติที่ไม่สอดคล้องกับเกมในชุด ซูเปอร์มาริโอแลนด์ถูกคาดหวังว่าเป็นเกมที่แสดงจุดเด่นของเครื่องเล่นจนกระทั่งเกมเตตริส ที่ผลิตโดยนินเท็นโดอเมริกาออกจำหน่ายสำหรับเกมบอย เกมออกคู่กับเกมบอยครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น (เมษายน ค.ศ. 1989) และจำหน่ายทั่วโลกหลังจากนั้น \"ซูเปอร์มาริโอแลนด์\"ถูกจำหน่ายซ้ำพร้อมเปิดตัวเครื่องเล่นนินเท็นโด 3ดีเอส ผ่านคอนโซลเสมือน ใน ค.ศ. 2011 ซึ่งแสดงให้เห็นการปรับเปลี่ยนภาพให้เหมาะสมกับเครื่องเล่นด้วย",
"การตัดสินใจใช้ตลับเกมเป็นสื่อบันทึกเกมของนินเท็นโด ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด และเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้นินเท็นโดพ่ายแพ้ต่อโซนี่ในวงการอุตสาหกรรมเกมคอนโซลในยุคนั้น หลังจากที่เป็นผู้ครองตลาดมาหลายสิบปี ทางนินเท็นโดได้พยายามโฆษณาถึงข้อดีของตลับเกม และข้อเสียของ CD-ROM นินเท็นโดโจมตีว่า เกมที่ใช้CD-ROM นั้นต้องเสียเวลาโหลดนานและโหลดถี่ ต่างกับตลับที่แทบไม่ใช้เวลาในการโหลดเลย เนื่องจากในยุคนั้นเทคโนโลยีหัวอ่านCDยังไม่ก้าวหน้ามากนัก และยังโจมตีว่าเกมจากCDนั้นสามารถก๊อปปี๊ได้ง่าย ต่างจากตลับเกมที่ก๊อปปี๊ได้ยากกว่า นอกจากนั้นCDนั้นยังบอบบางและเสียหายง่าย หากมีรอยขีดข่วนก็อาจจะอ่านข้อมูลจากแผ่นนั้นไม่ได้เลย ต่างจากตลับที่ทนทานกว่า",
"นินเทนโดสวิตช์ (, ) ที่รู้จักกันในภายใต้ชื่อรหัสพัฒนาว่า เอ็นเอกซ์ (NX) เป็นคอนโซลวิดีโอเกม โดยระบบออกจำหน่ายในวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2560 ซึ่งนินเทนโดสวิตช์ เป็นเครื่องเล่นเกมแบบไฮบริดจ์ สามารถใช้เล่นได้ทั้งแบบในบ้านโดยจะมีตัวแท่นวาง (หรือ Docking Station) เพื่อเชื่อมต่อเข้ากับทีวีผ่านพอร์ท HDMI และแบบพกพา ที่เล่นได้บนแท็บเล็ตทั้งพกพา และตั้งโต๊ะได้",
"นินเท็นโดได้วางจำหน่ายเครื่องเล่นเกมคอนโซล 6 รุ่น ได้แก่ คัลเลอร์ ทีวี เกม ฟามิคอม ซูเปอร์ฟามิคอม นินเท็นโด 64 เกมคิวบ์ วี วียู และ นินเทนโดสวิตช์ สำหรับเครื่องเล่นเกมพกพา ได้วางจำหน่ายเกมบอย 7 รุ่น เวอร์ชวลบอย นินเท็นโด DS นินเท็นโด 2DS นินเท็นโด 3DS นิว นินเท็นโด 3ดีเอส และ เกมกดและ วิดีโอเกม อื่น ๆ อีกมาก",
"นินเท็นโดมีเกมที่มีชื่อเสียงหลายเกม เช่น เกมชุดมาริโอ ดองกี้คอง เดอะเลเจนด์ออฟเซลดา ไฟร์เอมเบลม เมทรอยด์ เคอร์บี้ แอนิมอลครอสซิง และโปเกมอน พนักงานหลายคนของนินเท็นโดมีอิทธิพลอย่างมากต่อวงการเกม เช่น ชิเงรุ มิยะโมะโตะ ผู้ให้กำเนิดมาริโอ เป็นต้น",
"นินเท็นโด เน็ตเวิร์ก () เป็นเครือข่ายเกมออนไลน์ของนินเท็นโด ออนไลน์สำหรับเครื่องเล่นเกม นินเท็นโด 3ดีเอส และ วียู เปิดตัวเมื่อวันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 2012",
"มินสกี เป็นผู้ประดิษฐ์หน้าจอดิสเพลย์แสดงกราฟิกแบบสวมหัวเครื่องแรกของโลกในปี ค.ศ 1963 และกล้องคอนโฟคอลในปี ค.ศ. 1957 อันเป็นที่มาของกล้องกล้องจุลทรรศน์แบบคอนโฟคอลชนิดที่ใช้เลเซอร์ในการสแกนที่ใช้กันในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังได้พัฒนาหุ่นยนต์เต่า และเครื่อง SNARC เครื่องจักรที่เรียนรู้จากโครงข่ายประสาทเทียมแบบต่อสุ่มเครื่องแรกในปี ค.ศ. 1951",
"นินเทนโด เกมคิวบ์ () เป็นเครื่องเล่นวิดีโอเกมรุ่นที่สี่ของบริษัทนินเทนโด จัดเป็น เครื่องเล่นวิดีโอเกมยุคที่หก ออกวางจำหน่ายครั้งแรกวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 2001 (ประเทศญี่ปุ่น) 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 2001 (ทวีปอเมริกาเหนือ) ,3 พฤษภาคม ค.ศ. 2002 (สหภาพยุโรป) และ17 พฤษภาคม ค.ศ. 2002 (ออสเตรเลีย) ถัดจาก นินเทนโด 64 และเป็นคู่แข่งของ เพลย์สเตชัน 2, เอกซ์บอกซ์ และ ดรีมแคสต์",
"ซูเปอร์มาริโอ 64 () เป็นวิดีโอเกมแพลตฟอร์ม จำหน่ายโดยนินเท็นโดและพัฒนาโดยแผนกอีเอดีของนินเท็นโด สำหรับเครื่องเล่นนินเท็นโด 64 โดยออกพร้อมกับเครื่องเล่น เช่นเดียวกับเกม\"ไพลอตวิงส์ 64\" เกมออกจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 1996 และหลังจากนั้นในอเมริกาเหนือ ยุโรป และออสเตรเลีย เกมซูเปอร์มาริโอ 64 ขายได้มากกว่า 11 ล้านหน่วย เกมภาคทำใหม่ในชื่อ\"ซูเปอร์มาริโอ 64 ดีเอส\" ออกจำหน่ายสำหรับนินเท็นโด ดีเอส ใน ค.ศ. 2004"
] |
ระบบรับความรู้สึกทางกายมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งเร้ามากมายหลายแบบ โดยอาศัยตัวรับความรู้สึกประเภทต่าง ๆใช่หรือไม่? | [
"ระบบรับความรู้สึกทางกายมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งเร้ามากมายหลายแบบ โดยอาศัยตัวรับความรู้สึกประเภทต่าง ๆ รวมทั้งตัวรับอุณหภูมิ โนซิเซ็ปเตอร์ ตัวรับแรงกล และตัวรับรู้สารเคมี\nข้อมูลความรู้สึกจะส่งไปจากตัวรับความรู้สึกผ่านเส้นประสาทรับความรู้สึก (sensory nerve) ผ่านลำเส้นใยประสาทในไขสันหลัง ตรงเข้าไปยังสมอง\nการประมวลผลโดยหลักเกิดขึ้นที่คอร์เทกซ์รับความรู้สึกทางกายปฐมภูมิ (primary somatosensory cortex) ในสมองกลีบข้าง"
] | [
"เขตรับความรู้สึกปฐมภูมิ (primary somatosensory area) ในคอร์เทกซ์มนุษย์ หรือเรียกว่า คอร์เทกซ์รับความรู้สึกปฐมภูมิ (primary somatic sensory cortex หรือ S1) อยู่ในรอยนูนหลังร่องกลาง (postcentral gyrus) ในสมองกลีบข้าง ประกอบด้วยเขตบร็อดแมนน์ 3a, 3b, 1, และ 2 \nรอยนูนหลังร่องกลางเป็นที่อยู่ของเขตรับความรู้สึกปฐมภูมิ ซึ่งเป็นเขตหลักในการแปลผลจากสัญญาณความรู้สึกเกี่ยวกับสัมผัส นิวรอนแต่ละตัวในเขตมีลานรับสัญญาณ (receptive field) ที่ผิวหนัง"
] |
ซะมุไร มีอาวุธสำคัญคือดาบใช่หรือไม่ ? | [
"หลังจากการผ่านพ้นของซามูไรพเนจรศตวรรษที่ 11 เป็นต้นมา ผู้ที่จะมาเป็นซามูไรต่างได้รับการคาดหวังว่าจะต้องเป็นผู้ที่มีวัฒนธรรมและอ่านออกเขียนได้ โดยพวกเขาจะต้องสามารถใช้ชีวิตให้กลมกลืนไปกับคำกล่าวโบราณที่ว่า \"บุง บุ เรียว โดะ\" (สว่าง, ศิลปะอักษร, ศิลปะการทหาร, วิถีทั้งสอง) หรือ \"ความกลมกลืนแห่งพู่กันและดาบ\" ให้ได้ โดยจะเห็นจากชื่อเฉพาะที่ใช้เรียกเหล่านักรบในช่วงแรกๆ ว่า \"อุรุวะชิ\" คำนี้ถูกเขียนขึ้นมาด้วยตัวอักษรคันจิที่มีการผสมรวมระหว่างลักษณะเฉพาะตัวของศิลปะอักษร ( ตรงกับภาษาจีน \"บุ๋น\") และศิลปะการทหาร ( ตรงกับภาษาจีน \"บู๊\") เข้าด้วยกัน และมโนทัศน์เช่นเดียวกันนี้ ยังถูกกล่าวไว้ในเรื่องเล่าแห่งเฮเกะ (เฮเกะ โมะโนะงะตะริ, สมัยปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12) โดยมีการอ้างอิงไว้ในคำกล่าวของตัวละครที่มีต่อการตายของ ไทระ โนะ ทะดะโนริ นักดาบ-นักกวีผู้มีการศึกษาคนหนึ่งว่า:"
] | [] |
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก่อตั้งขึ้นเมื่อไหร่? | [
"คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นคณะหนึ่งในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2507 พร้อมกับการก่อตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะมนุษยศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์ จัดการเรียนการสอนในสาขาวิชาทางสังคมศาสตร์ ทั้งระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก",
"คณะสังคมศาสตร์ ตั้งอยู่ที่เชิงดอยสุเทพ ระหว่างถนนสุเทพและถนนห้วยแก้ว ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 4 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่เศษ (ปัจจุบันมี 27 ไร่) เป็นคณะ 1 ใน 3 คณะของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่ได้เริ่มก่อตั้งขึ้นมาพร้อมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2507 และเริ่มเปิดสอนวันแรก เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2507 มีนักศึกษา 75 คน อาจารย์ 15 คน ในระยะแรกคณะสังคมศาสตร์ยังไม่มีอาคารเรียนเป็นของตนเอง เพราะอยู่ในระหว่างก่อสร้าง ดังนั้น จึงต้องอาศัยอาคารของภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ และหอพักชาย อาคาร 1 เป็นสถานที่เรียนชั่วคราว จนถึงปี 2509 จากนั้นจึงได้ย้ายไปเรียนที่อาคารหลังแรกของคณะฯ",
"ก่อตั้งครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2507 พร้อมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณะอีกสองคณะ คือคณะสังคมศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์ เปิดสอนปีแรกมีอาจารย์ 20 คน อาจารย์พิเศษ 2 คน นักศึกษา 77 คน เจ้าหน้าที่ 3 คน เปิดทำการสอน 282 กระบวนวิชา โดยเปิดสอน 4 ภาควิชา คือ ภาควิชาประวัติศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาปัจจุบันต่างประเทศ(ภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศส) และภาควิชามนุษยสัมพันธ์ คณบดีของคณะท่านแรกคือ ศาสตราจารย์ ดร . หม่อมหลวงตุ้ย ชุมสาย",
"นับตั้งแต่การก่อตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 ถึงปัจจุบัน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้มีอธิการบดีดำรงตำแหน่งมาแล้ว 15 คน โดยอธิการบดีคนปัจจุบัน คือ ศาสตราจารย์คลีนิค นายแพทย์ นิเวศน์ นันทจิต"
] | [
"พ.ศ. 2496 นางกิมฮ้อ และนายกี นิมมานเหมินท์ สามี ริเริ่มความคิดในการจัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นในภาคเหนือ โดยทำการยกที่ดินให้กับคณะมิชชันนารีอเมริกัน ซึ่งในขณะนั้นคณะมิชชันนารีคณะนี้กำลังทำหนังสือขออนุมัติจัดตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งก็ได้รับการปฏิเสธจากกระทรวงศึกษาธิการ โดยอ้างว่าการจัดตั้งมหาวิทยาลัยเป็นเอกสิทธิของรัฐบาลกลางเพียงผู้เดียว ต่อมาได้มีการรณรงค์ในเชียงใหม่ทางคณะหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ว่า \"ในภาคเหนือ เราต้องการมหาวิทยาลัย\" และ \"เราต้องการมหาวิทยาลัยประจำล้านนาไทย\"ซึ่งการเคลื่อนไหวอย่างหนักทำให้รัฐบาลของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ก็ได้ตอบว่าจะสร้างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ให้เป็นสาขาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้เปิดการประมูลที่ดินใกล้ตัวเมืองเพื่อจัดตั้งมหาวิทยาลัย ซึ่งนางกิมฮ้อร่วมกับนายกีได้บริจาคที่ดินจำนวน 100 ไร่เศษ ณ บริเวณฝั่งตะวันตกของตัวเมืองใกล้เชิงดอยสุเทพ แต่รัฐบาลไม่ยอมรับ และรัฐบาลไปซื้อที่ดินบริเวณอำเภอแม่ริม (เขตทหารในปัจจุบัน) แต่ก็มิได้ทำการจัดตั้งมหาวิทยาลัย ต่อมาชาวเชียงใหม่สามารถก่อตั้งโรงเรียนแพทย์เชียงใหม่ขึ้น โดยความช่วยเหลือของสหรัฐอเมริกา",
"เป็นคณะวิศวกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยเริ่มก่อตั้งเมื่อวันที่ 24 เมษายน และประกาศเป็นส่วนราชการเมื่อ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2513 โดยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ดำเนินการจัดตั้งคณะวิศวกรรมศาสตร์ เป็นการภายในตั้งแต่สมัยที่ศาสตราจารย์ ดร.บัวเรศ คำทอง เป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งได้รับความร่วมมือและประสานงานอย่างใกล้ชิดกับ ศาสตราจารย์ ดร.อรุณ สรเทศน์ (คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในขณะนั้นซึ่งต่อมาท่านได้ดำรงตำแหน่งเป็นอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) พร้อมทีมงาน ได้เข้ามาช่วยดำเนินการมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตั้งแต่เริ่มต้นในหลายๆด้าน โดยการจัดตั้งคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ท่านมีส่วนเป็นอย่างมากในการวางแผน ก่อสร้างอาคารต่างๆ และช่วยร่างหลักสูตรตลอดจนได้จัดหาอุปกรณ์ละตำราการสอน และที่สำคัญอย่างยิ่งคือการจัดหาอาจารย์ และผู้ทรงคุณวุฒิในการเรียนการสอนของนักศึกษา",
"คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก่อตั้งขึ้นเมื่อต้นปี พ.ศ. 2508 ตามโครงการพัฒนาการศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (พ.ศ. 2510 - 2514) โดยบรรจุไว้เป็นโครงการผลิตบัณฑิตทางศึกษาศาสตร์ ในการดำเนินงานมีองค์การยูเนสโก ส่งผู้เชี่ยวชาญมาช่วยเตรียมการจัดตั้งคณะฯ และได้ประกาศสถาปนาคณะในราชกิจจานุเบกษา ฉบับพิเศษ เล่มที่ 85 ตอนที่ 69 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2511 ซึ่งถือเป็นวันสถาปนาคณะศึกษาศาสตร์ สถานที่ตั้งเดิมของสำนักงานโครงการจัดตั้งคณะศึกษาศาสตร์ตั้งอยู่ที่วิทยาลัย 1 (หอพักชาย 1) ต่อมาย้ายมาตั้งที่ปัจจุบัน เปิดป้ายฉลองอาคาร 1 อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2512",
"มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ (; ชื่อย่อ: มร.ชม. - CMRU) เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นสถาบันการศึกษาแห่งแรกของภาคเหนือ เป็นวิทยาลัยครูแห่งแรกที่ก่อตั้งขึ้นในส่วนภูมิภาค และเป็นสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2467 ในนาม \"โรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรมประจำมณฑลพายัพ\" มีบทบาทและความรับผิดชอบในฐานะสถาบันการศึกษาและวิจัยที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อการศึกษาวิชาการในสาขาวิชาต่าง ๆ ตามความต้องการของท้องถิ่น และผลิตครูบุคลากรทางการศึกษา ทำการวิจัยส่งเสริมวิทยฐานะของครู อาจารย์ และบุคลากรประจำการ ทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม และให้บริการทางวิชาการแก่สังคม",
"มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (อังกฤษ: Chiang Mai University; อักษรย่อ: มช.) เป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ โดยเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทยที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้นในส่วนภูมิภาค ตามโครงการพัฒนาการศึกษาในส่วนภูมิภาค พ.ศ. 2501 พร้อมทั้งได้มีการเรียกร้องให้ขยายการศึกษาระดับอุดมศึกษาออกสู่ภูมิภาค โดยขอให้รัฐบาลจัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 นำโดยนายกีและนางกิมฮ้อ นิมมานเหมินท์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ตั้งอยู่บริเวณเชิงดอยสุเทพ ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 9 มหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ จาก กระทรวงศึกษาธิการ ในปี พ.ศ. 2552",
"คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 58ปี นับตั้งแต่รัฐบาลมีดำริให้ก่อตั้ง\"โรงเรียนแพทย์\"ขึ้นในส่วนภูมิภาคในปีพ.ศ.2499 คณะรัฐมนตรีในขณะนั้นได้มีมติให้สร้างโรงเรียนแพทย์แห่งที่สาม(ถัดจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์)ขึ้นในส่วนภูมิภาค โดยได้เลือกให้จัดตั้งโณงเรียนแพทย์แห่งใหม่นี้ขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และให้อนู่ในสังกัดของมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข(ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น มหาวิทยาลัยมหิดล) ในขณะนั้นเองมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ได้เสนอให้จัดตั้ง“โรงเรียนพยาบาลผดุงครรภ์และอนามัย” ขึ้นพร้อมกัน และได้จัดเตรียมบุคคลากรทางด้านวิชาการด้วยการรับสมัครพยาบาลทั่วไปเพื่อสอบคัดเลือกไปศึกษาต่อในประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยทุนจากองค์การบริหารวิเทศกิจของสหรัฐอเมริกา (United States Organization Mission; USOM)",
"สาขาวิชานิติศาสตร์ ได้รับการก่อตั้งขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2508 สังกัดอยู่ในภาควิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ เป็นการแบ่งส่วนราชการตามระเบียบบริหารราชการของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยเปิดสอนกระบวนวิชากฎหมายต่าง ๆ จำนวนไม่น้อยกว่า 24 กระบวนวิชาเอกส่วนหนึ่งของหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต และนอกจากนั้นยังเป็นวิชาบังคับพื้นฐานวิชาโท และวิชาเลือกเสรีสำหรับนักศึกษาทั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่อีกด้วย"
] |
ประเทศไทยมีการปกครองโดยระบอบใดในปัจจุบัน ? | [
"ประเทศไทย มีชื่ออย่างเป็นทางราชการว่า ราชอาณาจักรไทย เป็นรัฐชาติอันตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เดิมมีชื่อว่า \"สยาม\" รัฐบาลประกาศเปลี่ยนชื่อเป็นประเทศไทยอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2482 ประเทศไทยมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 50 ของโลก มีเนื้อที่ 513,120 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรมากเป็นอันดับที่ 20 ของโลก คือ ประมาณ 68 ล้านคน กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางการบริหารราชการแผ่นดินและนครใหญ่สุดของประเทศ และการปกครองส่วนภูมิภาค จัดระเบียบเป็น 76 จังหวัด แม้จะมีการสถาปนาระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยระบบรัฐสภาในปี 2475 แต่กองทัพยังมีบทบาทในการเมืองไทยสูง ล่าสุด เกิดรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และมีการปกครองแบบเผด็จการทหารนับแต่นั้น"
] | [] |
ใครเป็นผู้ชนะ สงครามโลกครั้งที่สอง? | [
"ผู้ชนะฝ่ายสัมพันธมิตรหลักในสงครามโลกครั้งที่สอง ได้แก่ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต ต่างตกลงว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของฝรั่งเศส เมื่อฝรั่งเศสไม่มีวิธียึดอินโดจีนคืนทันที มหาอำนาจตกลงว่าบริเตนจะเข้าควบคุมและทหารจะยึดครองภาคใต้ ขณะที่กำลังจีนคณะชาติจะเคลื่อนเข้ามาจากทิศเหนือ กำลังจีนคณะชาติเข้าสู่ประเทศเพื่อปลดอาวุธทหารญี่ปุ่นเหนือเส้นขนานที่ 16 เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2488 เส้นขนานดังกล่าวแบ่งอินโดจีนออกเป็นเขตควบคุมจีนและบริเตน บริเตนขึ้นบกในภาคใต้ปลดอาวุธกำลังฝรั่งเศสที่ถูกกักตัวขนาดย่อม ตลอดจนบางส่วนของกำลังญี่ปุ่นที่ยอมจำนนเพื่อช่วยในการยึดเวียดนามภาคใต้คืน เนื่องจากไม่มีกำลังบริเตนเพียงพอในทันที",
"สงครามยุติลงด้วยชัยชนะของฝ่ายสัมพันธมิตร ผลของสงครามได้เปลี่ยนแปลงการวางแนวทางการเมืองและโครงสร้างสังคมของโลก สหประชาชาติถูกสถาปนาขึ้น เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศและเพื่อป้องกันความขัดแย้งในอนาคต สหรัฐอเมริกากับสหภาพโซเวียตก้าวเป็นอภิมหาอำนาจของโลกอันเป็นคู่ปรปักษ์กัน นำไปสู่ความขัดแย้งบนเวทีแห่งสงครามเย็น ซึ่งได้ดำเนินต่อมาอีก 46 ปีหลังสงคราม ขณะเดียวกัน การยอมรับหลักการการกำหนดการปกครองด้วยตนเอง เร่งให้เกิดการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องเอกราชในทวีปเอเชียและทวีปแอฟริกา พร้อม ๆ กับที่หลายประเทศได้มุ่งหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจซึ่งอุตสาหกรรมได้รับความเสียหายระหว่างสงคราม และบูรณาการทางการเมืองได้เกิดขึ้นทั่วโลกในความพยายามที่จะรักษาเสถียรภาพความสัมพันธ์หลังสงคราม"
] | [
"ภายหลังสงคราม ฝ่ายสัมพันธมิตรได้จัดเฉลิมฉลองชัยชนะที่ฝรั่งเศล ต่อมาได้มีการการประชุมสันติภาพปารีสของประเทศที่อยู่ฝ่ายสัมพันธมิตรผู้ชนะสงคราม ณ พระราชวังแวร์ซายโดยห้ามไม่ให้ฝ่ายมหาอำนาจผู้แพ้สงครามเข้าร่วมประชุม ฝ่ายสัมพันธมิตรได้ร่างสนธิสัญญาสันติภาพขึ้นโดยมีใจความว่า ให้จักรวรรดิเยอรมันต้องยินยอมรับผิดในฐานะผู้ก่อสงครามแต่เพียงผู้เดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายใต้ข้อตกลงข้อ 231 (ในภายหลังรู้จักกันว่า \"อนุประโยคความรับผิดในอาชญากรรมสงคราม\") และในข้อ 232-248 เยอรมนีถูกปลดอาวุธ ถูกจำกัดอาณาเขตดินแดน รวมไปถึงต้องชดใช้ค่าปฏิกรรมสงครามให้แก่กลุ่มประเทศฝ่ายไตรภาคีเป็นจำนวนมหาศาล เมื่อปี ค.ศ. 1921 ได้ประเมินว่ามูลค่าของค่าปฏิกรรมสงครามที่เยอรมนีจะต้องจ่ายนั้นสูงถึง 132,000 ล้านมาร์ก (ราว 31,400 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือ 6,600 ล้านปอนด์) [1] อันเป็นจำนวนที่มากเกินกว่าจะยอมรับได้และไม่สร้างสรรค์ และเยอรมนีอาจต้องใช้เวลาชำระหนี้จนถึง ค.ศ. 1988 เนื่องจากประเทศทั้งสองคือฝรั่งเศลและอังกฤษต้องการจะให้เยอรมันอ่อนแอไม่ให้กลับแข็งแกร่งมาต่อกรอีก ยกเว้นสหรัฐอเมริกาไม่ได้เข้าร่วมทำให้กลายเป็นสนธิสัญญาที่ดูไม่เป็นธรรมเลย ในตอนแรกว่าตัวแทนทูตจากเยอรมนีได้เห็นสนธิสัญญาฉบับนี้ว่ารุนแรงและเป็นที่ยอมรับไม่ได้จึงไม่พอใจมาก แต่ต่อมาเยอรมนีได้จัดตั้งสาธารณรัฐขึ้นใหม่หลังจากจักรวรรดิล่มสลายไปคือ สาธารณรัฐไวมาร์ ได้ตกลงที่จะยอมรับปฏิบัติตามสนธิสัญญาแวร์ซายทันทีทำให้เยอรมนีต้องอยู่อย่างอัปยศอดสู แต่อย่างไรก็ตามสนธิสัญญาแวร์ซายนั้นไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ในการสร้างสันติภาพแต่อย่างใดเลย หากเป็นบ่อนทำลายที่จะทำให้เกิดสงครามโลกปะทุอีกครั้งซึ่งได้กลายเป็นความจริงอย่างแน่นอน เพราะในอีกยี่สิบเอ็ดปีให้หลัง อดอล์ฟ ฮิตเลอร์และพรรคนาซีได้ยึดอำนาจในสาธารณรัฐไวมาร์ได้สำเร็จ จากนั้นก็ได้ทำการฟื้นฟูทั้งการเมืองและกำลังทหารจนเข้มแข็งทำให้ละเมิดสนธิสัญญาแวร์ซายและรุกรานประเทศอื่นจนนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่สองในที่สุด",
"สนธิสัญญาแวร์ซายถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนาหูว่าเป็นมลทินของสงคราม เพราะเป็นการโยนความผิดให้แก่จักรวรรดิเยอรมนีและจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีเดิม และลงโทษอย่างหนักเพื่อเรียกร้องให้พวกเขารับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสงคราม โดยผู้ชนะสงครามได้หวังว่าสนธิสัญญานี้จะได้กลายเป็นสิ่งที่สามารถธำรงสันติภาพให้เกิดขึ้นในโลกได้ ผลที่ตามมมา คือ เยอรมนีจำเป็นต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามเป็นจำนวนมหาศาล การสูญเสียดินแดนอาณานิคมทั้งหมด การจัดระเบียบทางเชื้อชาติขนานใหญ่ หลังจากนั้น เศรษฐกิจเยอรมันก็ร่วงดิ่งลงไปอย่างหนัก อัตราเงินเฟ้อสูงลิบ สาธารณรัฐไวมาร์จำเป็นต้องพิมพ์ธนบัตรกว่าล้านล้านฉบับออกมาและต้องกู้ยืมเงินจำนวนมหาศาลจากสหรัฐอเมริกา เพื่อใช้หนี้แก่สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสซึ่งเป็นผู้ชนะในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง",
"โรมาเนีย ซึ่งเป็นฝ่ายพันธมิตรในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และเป็นผู้ชนะสงคราม กลับรู้สึกว่าตนจะเป็นฝ่ายที่สูญเสียผลประโยชน์ในช่วงต้นของสงครามโลกครั้งที่สอง จากผลของสนธิสัญญาโมโลตอฟ-ริบเบนทรอพ ทำให้โรมาเนียต้องสูญเสียดินแดนทางทิศเหนือให้แก่สหภาพโซเวียต คำตัดสินกรุงเวียนนาครั้งที่สอง ทำให้โรมาเนียต้องยกแคว้นทรานซิลวาเนียตอนบนให้แก่ฮังการี และสนธิสัญญาเมืองคราโจวา โรมาเนียต้องยกแคว้นโดบรูจากมห้แก่บัลแกเรีย ในโรมาเนียเองก็มีแนวคิดโรมาเนียอันยิ่งใหญ่ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะรวมตัวกับนาซีเยอรมนี",
"แฟรงกลิน ดี. โรสเวลต์ เป็นผู้นำของประเทศในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และแนวคิดของเขายังก่อให้เกิดองค์กรระหว่างประเทศ คือ สหประชาชาติ ถึงแม้ว่าเขาจะประสบปัญหาด้านสุขภาพในช่วงวิกฤตของประเทศก็ตาม โรสเวลต์เสียชีวิตขณะยังดำรงตำแหน่งเมื่อ พ.ศ. 2488 โดยไม่ได้เห็นชัยชนะของสหรัฐฯ และฝ่ายพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่สอง อายุรวม 62 ปี",
"เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง วิหคไปเปรียบมวยที่ภาคเหนือ ชนะคู่ชกหลายคน เช่น วิม ชัยสงัด เชาว์ ชัยสงัด เสมา เมืองราช แล้วจึงลงมาชกกรุงเทพฯอีกครั้ง ช่วงนั้น เวทีราชดำเนินสร้างเสร็จแล้ว เขาขึ้นชกอีกหลายครั้ง เช่น ชนะคะแนน ลพ สุวมิตร ขึ้นชกชิงเสื้อสามารถ เข้าถึงรอบชิงแต่แพ้คะแนน วีระศักดิ์ เมืองสุรินทร์ แบบค้านสายตา การขึ้นชกที่กรุงเทพฯนี้เป็นช่วงท้ายของชีวิตการชกมวยของวิหคแล้วเพราะร่างกายไม่สมบูรณ์เหมือนเมื่อก่อน ช่วงหลังเขาแพ้แตก จำเริญ ทรงกิตรัตน์ ชิงแชมป์มวยไทยรุ่นเฟเธอร์เวทของเวทีราชดำเนินก็แพ้แตก สวง ใจมีบุญอีก เมื่อชกแก้มือชนะสวงได้แล้ว วิหคก็แขวนนวมไปเมื่อ พ.ศ. 2491",
"สนธิสัญญาแวร์ซายมิได้ประนีประนอมให้แก่เยอรมนีแต่อย่างใด ฝ่ายพันธมิตรผู้ชนะสงครามโลกครั้งที่หนึ่งได้พยายามทุกวิถีทางเพื่อป้องกันมิให้เยอรมนีกลับขึ้นมาท้าทายอำนาจในทวีปยุโรปอีกครั้ง",
"จอมพล ป. พิบูลสงคราม ผู้นำคนหนึ่งของคณะราษฎร ได้เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นหลังจากเข้าร่วมการปราบปรามกบฎบวรเดช และได้รวบอำนาจเข้าสู่ตัวเองมากขึ้น จอมพล ป. มองว่า พระยาทรงสุรเดชเป็นคู่แข่งของตน ความขัดแย้งระหว่างตัวของจอมพล ป. กับพระยาทรงสุรเดช นำไปสู่เหตุการณ์กบฏพระยาทรงสุรเดช ทำให้พระยาทรงสุรเดชต้องลี้ภัยออกนอกประเทศ จอมพล ป. เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี พ.ศ. 2481",
"การพิจารณาคดีเนือร์นแบร์ค () เป็นชุดการพิจารณาคดีทางทหารที่ฝ่ายสัมพันธมิตรผู้ชนะสงครามโลกครั้งที่สองเป็นผู้จัด มีจุดเด่นเป็นการฟ้องสมาชิกชั้นผู้ใหญ่ในคณะผู้นำทางการเมือง การทหาร และเศรษฐกิจของนาซีเยอรมนีซึ่งพ่ายสงคราม",
"ในระหว่างนั้น ก่อนหน้าที่จะเสด็จพระราชดำเนินไม่นาน รัฐบาลก๊กมินตั๋งของจีนซึ่งร่วมกับสัมพันธมิตรในการต่อสู้กับญี่ปุ่นในช่วงสงครามได้เป็นหนึ่งในชาติผู้ชนะสงคราม ขณะที่คนจีนบางกลุ่มในประเทศไทยเองก็เกิดความรู้สึกว่าตนเป็นผู้ชนะสงคราม เนื่องจากรัฐบาลไทยสมัยสงครามเข้ากับญี่ปุ่น ดังนั้นจึงคิดว่าไทยเป็นฝ่ายแพ้สงครามด้วย และได้มีการเคลื่อนไหวของคนจีนในประเทศไทยที่แสดงออกถึงความไม่พอใจรัฐบาลไทยในนโยบายต่อต้านชาวจีน ทำให้คนจีนเกิดความรู้สึกเรื่องชาตินิยมรุนแรงขึ้น ถึงกับมีการเรียกร้องสิทธิพิเศษต่าง ๆ จากรัฐบาลไทย นอกเหนือจากการชักธงชาติจีน และประดับรูปผู้นำจีนตามบ้านเรือนและร้านค้า รวมทั้งทำร้ายคนไทยที่เข้าไปในย่านของคนจีนเช่นสำเพ็ง เยาวราช และถนนเจริญกรุง จึงทำให้เกิดการกระทบกระทั่งระหว่างคนไทยกับคนจีน จนทางการต้องส่งกำลังเข้าระงับเหตุ"
] |
เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เสียชีวิตเมื่อไหร่? | [
"สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี สิ้นพระชนม์เมื่อวันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 เวลา 16:37 นาฬิกา ณ ตึก 84 ปี ชั้น 5 ด้านตะวันออก โรงพยาบาลศิริราช พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุมัติหมายกำหนดการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระศพระหว่างวันที่ 28 กรกฎาคม - 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง หมายกำหนดการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพฯ ระหว่างวันที่ 8 - 12 เมษายน พ.ศ. 2555 ซึ่งพระราชพิธีจะมีขึ้น ณ พระเมรุ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง"
] | [
"พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็นพระราชพิธีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้รัฐบาลไทยขึ้นจัดเพื่อแสดงความจงรักภักดีและความอาลัยแด่สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี โดยกำหนดวันพระราชพิธีระหว่างวันที่ 8-12 เมษายน พ.ศ. 2555 โดยกำหนดการพระราชพิธีสำคัญ ได้แก่ การบำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุ ในวันที่ 8 เมษายน พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพในวันที่ 9 เมษายน พระราชพิธีเก็บพระอัฐิ ในวันที่ 10 เมษายน การบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระอัฐิ ในวันที่ 11 เมษายน การเชิญพระอัฐิขึ้นประดิษฐานที่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และการเชิญพระผอบพระสรีรางคารไปบรรจุยังวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ในวันที่ 12 เมษายน",
"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระบรมราชานุมัติ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระศพฯ ในการถวายภัตตาหารเช้าแด่พระภิกษุสงฆ์ ระหว่างการพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระศพ ครบทั้ง 100 วัน ระหว่างวันที่ 29 กรกฎาคม-4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง",
"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้พระบรมวงศานุวงศ์ สมาชิกราชสกุลทุกมหาสาขา และราชินีกุล คณะองคมนตรี คณะรัฐมนตรี สมาชิกรัฐสภา ข้าราชการตุลาการ ข้าราชการทหาร ข้าราชการตำรวจ และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างๆ ร่วมในการบำเพ็ญพระราชกุศล บำเพ็ญพระกุศล และบำเพ็ญกุศล ถวายพระศพประจำสัปดาห์ในทุกวันพุธ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง หลังพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน 7 วัน จนถึงพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน 100 วัน โดยมีกำหนดการดังนี้"
] |
แผ่นดินไหวเกิดจากอะไร ? | [
"แผ่นดินไหวประมาณร้อยละ 90 ของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นทั่วโลกและกว่าร้อยละ 80 ของแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ เกิดขึ้นในบริเวณวงแหวนไฟ นอกจากวงแหวนไฟ ยังมีแนวแผ่นดินไหวอีก 2 แห่ง ได้แก่ แนวเทือกเขาอัลไพน์ ซึ่งมีแนวต่อมาจากเกาะชวาสู่เกาะสุมาตรา ผ่านเทือกเขาหิมาลัย และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แนวแผ่นดินไหวแห่งนี้มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นร้อยละ 17 ของทั้งโลก และอีกแห่งคือ แนวกลางมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นร้อยละ 5-6 ของทั้งโลก\nวงแหวนไฟเป็นผลมาจากการเคลื่อนที่และการชนกันของแผ่นเปลือกโลก แบ่งเป็นส่วนวงแหวนทางตะวันออก มีผลมาจากแผ่นนัซกาและแผ่นโกโกส ที่มุดตัวลงใต้แผ่นอเมริกาใต้ ส่วนของแผ่นแปซิฟิกที่ติดกับแผ่นฮวนเดฟูกา ซึ่งมุดตัวลงแผ่นอเมริกาเหนือ ส่วนทางตอนเหนือที่ติดกับทางตะวันตกเฉียงเหนือของแผ่นแปซิฟิก มุดตัวลงใต้บริเวณหมู่เกาะอะลูเชียนจนถึงทางใต้ของประเทศญี่ปุ่น และส่วนใต้ของวงแหวนไฟเป็นส่วนที่มีความซับซ้อนของแผ่นเปลือกโลก มีแผ่นเปลือกโลกขนาดเล็กมากมายที่ติดกับแผ่นแปซิฟิก ซึ่งเริ่มตั้งแต่หมู่เกาะมาเรียนา ประเทศฟิลิปปินส์ เกาะบูเกนวิลล์ ประเทศตองกา และประเทศนิวซีแลนด์ แนววงแหวนไฟยังมีแนวต่อไปเป็นแนวแอลไพน์ ซึ่งเริ่มต้นจากเกาะชวา เกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย รอยเลื่อนที่มีชื่อเสียงที่ตั้งบนวงแหวนไฟนี้ ได้แก่ รอยเลื่อนแซนแอนเดรอัสในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีการเกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กอยู่เป็นประจำ รอยเลื่อนควีนชาร์ลอตต์ ทางชายฝั่งตะวันตกของหมู่เกาะควีนชาร์ลอตต์ รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา ซึ่งทำให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ 3 ครั้ง ได้แก่ แผ่นดินไหวแมกนิจูด 7.0 เมื่อ ค.ศ. 1929 แผ่นดินไหวแมกนิจูด 8.1 ในปี ค.ศ. 1949 (แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศแคนาดา) และแผ่นดินไหวแมกนิจูด 7.4 ในปี 1970"
] | [
"แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นจากรอยเลื่อนย้อนระดับความลึกปานกลางในแถบเทือกเขาฮินดูกูชที่ติดต่อและสัมพันธ์กับเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งในทางธรณีวิทยา เทือกเขาเหล่านี้เกิดขึ้นจากการชนกันของแผ่นธรณีภาคสองแผ่น ได้แก่ แผ่นยูเรเชียและแผ่นอินเดีย โดยที่แผ่นอินเดียเคลื่อนที่ขึ้นไปทางทิศเหนือด้วยความเร็วประมาณ 37 มิลลิเมตรต่อปี ผลจากการชนทำให้แผ่นดินยกตัวขึ้นเป็นเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งการกระทำนี้ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดแผ่นดินไหวอยู่เสมอ ทั้งยังเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหวขนาดใหญ่อีกด้วย",
"ตามที่ได้นิยามไปข้างต้น จุดเหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหวเป็นจุดบนผิวโลกที่อยู่ในแนวดิ่งเหนือจุดที่รอยเลื่อนเกิดจากแตกหัก โดยทั่วไปจุดเหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหวนี้จะเป็นจุดที่เกิดความเสียหายสูงสุดเนื่องจากแผ่นดินไหว อย่างไรก็ดีสำหรับในแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ๆ ความยาวของการแตกหักของรอยเลื่อนสามารถกินระยะทางที่ยาวกว่าและก่อให้เกิดความเสียหายตลอดรอยเลื่อน ตัวอย่างเช่นแผ่นดินไหวขนาด 7.9 ในปี 2545 ที่เดนาลี อะแลสกา ซึ่งมีจุดเหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหวในบริเวณตะวันตกของรอยแตก แต่ความเสียหายสูงสุดกลับพบที่ระยะห่างออกไป 330 กิโลเมตรที่จุดสิ้นสุดของบริเวณรอยแตก",
"ศูนย์เกิดแผ่นดินไหวมักเกิดตามรอยเลื่อน อยู่ในระดับความลึกต่าง ๆ ของผิวโลก เท่าที่เคยวัดได้ลึกสุดอยู่ในชั้นแมนเทิล ส่วนจุดที่อยู่ในระดับสูงกว่า ณ ตำแหน่งผิวโลก เรียกว่า จุดเหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหว โดยการศึกษาเรื่องแผ่นดินไหวและคลื่นสั่นสะเทือนที่ถูกส่งออกมา เรียกว่า วิทยาแผ่นดินไหว เมื่อจุดเหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหวของแผ่นดินไหวขนาดใหญ่อยู่นอกชายฝั่ง อาจเกิดคลื่นสึนามิตามมาได้ นอกจากนี้ แผ่นดินไหวยังอาจก่อให้เกิดดินถล่ม และบางครั้งกิจกรรมภูเขาไฟตามมาได้",
"กรณีของแผ่นดินไหวนำที่ได้รับการตรวจประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์มาจากการเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ และประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์สำหรับความรุนแรงที่มากกว่า 7 แมกนิจูด โดยอาจเกิดขึ้นก่อนเพียงไม่กี่นาทีหรืออาจเป็นวันก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหวหลัก ตัวอย่างเช่น แผ่นดินไหวในเกาะสุมาตรา พ.ศ. 2545 ที่ได้รับการจัดให้เป็นแผ่นดินไหวนำของแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย พ.ศ. 2547 ที่เกิดขึ้นในภายหลัง นานกว่าสองปี",
"เป็นไปได้ว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้จะเกิดจากการเคลื่อนตัวในแนวเหนือ-ใต้ของรอยเลื่อนที่พาดผ่านเทือกเขาแอเพนไนน์ แม้ว่าจะมีแนวรอยเลื่อนในแนวตะวันออก-ตะวันออกอีกแห่งที่มีขนาดเล็กกว่าและตามปกติจะเป็นปัจจัยหนึ่งในการเกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กหลายครั้งก็ตาม แนวรอยเลื่อนเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกยุโรปและแผ่นเปลือกโลกแอฟริกาในระบบที่มีความซับซ้อนทางธรณีวิทยาและธรณีแปรสัณฐานที่ยังครอบคลุมถึงแผ่นเปลือกโลกขนาดเล็กอื่น ๆ ในบริเวณเดียวกัน เช่น แผ่นเอเดรียติก แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 01:32 ตามเวลามาตรฐานกรีนิช (หรือ 03:32 ตามเวลาในท้องถิ่น) ที่ระดับความลึกจากพื้นดินประมาณ 10 กิโลเมตร (6.2 ไมล์) โดยมีจุดเหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหวอยู่ที่พิกัด 42.423° เหนือ 13.395° ตะวันออก หรือจุดที่ห่างจากกรุงโรมไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 90 กิโลเมตร (60 ไมล์) ที่เมืองปากานีกาใกล้กับเมืองลากวีลา วัดขนาดได้ 6.3 ตามมาตราขนาดโมเมนต์",
"แผ่นดินไหวมีขนาด 8.3 ตามมาตราขนาดโมเมนต์ เกิดขึ้นเนื่องจากการเคลื่อนของรอยเลื่อนย้อนมุมต่ำ (thrust) บนรอยต่อระหว่างแผ่นเปลือกโลกนัซกากับแผ่นอเมริกาใต้ ตอนกลางของประเทศชิลี แผ่นนัซกาในบริเวณนี้เคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันออก–ตะวันออกเฉียงเหนือ (ENE) ด้วยความเร็ว 74 มิลลิเมตรต่อปีเมื่อเทียบกับแผ่นอเมริกาใต้ และเริ่มมุดตัวลงใต้พื้นทวีปอเมริกาใต้บริเวณร่องลึกอาตากามา ซึ่งทอดตัวยาวขนานไปกับทวีปอเมริกาใต้ทั้งทวีป จุดเหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้อยู่ห่างจากร่องลึกไปทางทิศตะวันตกราว 85 กิโลเมตร แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้มีความสอดคล้องกันทั้งในด้านขนาด ที่ตั้ง และกลไกการเกิด",
"แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นจากการปลดปล่อยพลังงานของรอยเลื่อนพะเยา จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ลึกลงไปใต้ดิน 6 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าตื้น ทำให้มีความรุนแรงและความเสียหายเป็นอย่างมาก โดยแรงสั่นสะเทือนทำให้เกิดความเสียหายแก่สิ่งปลูกสร้างในระยะ 30 กิโลเมตรจากจุดศูนย์กลาง และมีแผ่นดินไหวตามกว่า 730 ครั้ง ทั้งนี้ยังมีการให้เฝ้าระวังแผ่นดินไหวตามที่อาจเกิดขึ้นจากรอยเลื่อนพะเยาในจังหวัดเชียงราย จังหวัดพะเยาและจังหวัดลำปาง",
"แผ่นดินไหวเกิดจากการยุบตัวของเปลือกโลกใต้มหาสมุทรอินเดีย กระตุ้นให้เกิดคลื่นสึนามิสูงราว 30 เมตร เข้าท่วมทำลายบ้านเรือนตามแนวชายฝั่งโดยรอบมหาสมุทรอินเดีย ประมาณการว่ามีผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ใน 14 ประเทศมากกว่า 230,000 - 280,000คนหรือมากกว่า 280,000 คน นับเป็นหนึ่งในภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ประเทศที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดได้แก่ ประเทศอินโดนีเซีย รองลงมาคือประเทศศรีลังกา ประเทศอินเดีย และประเทศไทย ตามลำดับ"
] |
คู่สมรสของ ทักษิณ ชินวัตร คือใคร? | [
"ทักษิณ สมรสกับคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ หลังลาออกจากราชการตำรวจ ในปี พ.ศ. 2523 และมีบุตรด้วยกันสามคน ได้แก่"
] | [] |
อัลโฟนส์ มารียา มูคาเป็นคนประเทศใด? | [
"อัลโฟนส์ มารียา มูคา () เป็นศิลปินแนวนวศิลป์ (Art Nouveau) ที่มีผลงานออกแบบอย่างหลากหลาย ทั้งภาพโปสเตอร์ ปฏิทิน ภาพประกอบหนังสือ งานพิมพ์ ภาพพิมพ์หิน งานโลหะ งานหนัง การออกแบบเครื่องประดับ และการออกแบบของตกแต่งบ้าน อีกทั้งยังมีผลงานวาดภาพเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อีกด้วย นับว่าเป็นศิลปินมากความสามารถ และมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นคนหนึ่ง",
"อัลโฟนส์ มูคา เกิดเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 1860 ในเมืองอิวันชิตเซ (Ivančice) ภูมิภาคโมเรเวีย ปัจจุบันอยู่ในสาธารณรัฐเช็ก เขามีความสามารถในการร้องเพลง ส่วนศิลปะนั้น เริ่มต้น จัดเป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่งของเขา แต่ต่อมา เขาได้เข้าเรียนในโรงเรียนท้องถิ่น ความสนใจทางด้านศิลปะจึงเริ่มมีมากขึ้น"
] | [
"อัลโฟนส์ มูคาเป็นศิลปินที่มีความสามารถสูงและประสบความเสร็จเป็นอย่างมาก เขาทำงานหลากหลายประเภท หลายสาขาวิชา ทั้งในเชิงพาณิชย์และวิจิตรศิลป์ ภาพวาดรูปผู้หญิง ดอกไม้ และธรรมชาติของเขาเป็นที่รู้จักกันดี รวมไปถึงความมีสุนทรีศาสตร์และปรัชญาในตัวสูง ผลิตผลงานออกมามากมายทั้งโปสเตอร์ ป้ายโฆษณา หนังสือออกแบบ อาทิการออกแบบเครื่องประดับ พรม วอลเพเปอร์ และฉากเวที ซึ่งผลงานต่าง ๆ เหล่านี้ได้รับการเรียกในระยะแรกว่า แบบอย่างมูคา (Mucha Style) แต่ต่อมาได้กลายเป็นที่รู้จักกันในชื่อของนวศิลป์",
"ด้วยผลงานชิ้นนี้เอง ที่ก่อปัญหาให้กับเขาในช่วงสุดท้ายของชีวิต เนื่องจากเป็นงานด้านประวัติศาสตร์ที่สะท้อนแนวความคิดชาตินิยมอย่างชัดเจน ซึ่งขัดต่ออำนาจทางการเมืองของลัทธิฟาสซิสต์ (มีอำนาจช่วงปี ค.ศ. 1929-1945) และเมื่อกองทัพนาซีย้ายเข้าไปอยู่ในสโลวาเกีย มูคาเป็นคนแรกที่กองทัพจับตัวไปสอบปากคำ แต่ก็ได้รับการปล่อยตัวเนื่องจากเขาป่วย ทำให้เชื่อกันว่า เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบกระเทือนต่อเขามากและทำให้เขาเสียชีวิตลงในที่สุด",
"มาริอาเป็นตัวแทนของเปรู ในประกวดมิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนล 2017 ที่เกาะฟู้โกว๊ก ประเทศเวียดนาม วันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 2017 เธอสามารถคว้าตำแหน่งมิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนล 2017 มาครองได้สำเร็จ โดยมีสาวงามจากเวเนซุเอลา ฟิลิปปินส์ ปวยร์โตรีโก และเช็กเกียเป็นรองชนะเลิศตามลำดับ โดยเธอเป็นผู้เข้าประกวดคนแรกจากประเทศเปรูที่สามารถชนะในการการประกวด และเป็นสาวงามคนที่ 5 ที่ชนะในการประกวด หลังจากรับตำแหน่ง มาริอาต้องเดินทางมาอยู่ประเทศไทยเป็นเวลา 1 ปี เพื่อได้เดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ประเทศต่าง ๆ ได้แก่ เวียดนาม, ไทย, จีน, อินโดนีเซีย, เปรู, เวเนซุเอลา, โคลอมเบีย และพม่า",
"ช่วงปลายปี ค.ศ. 1930 ลัทธิฟาสซิสต์เริ่มมีอำนาจมากขึ้นและมองว่าผลงาน \"The Slav Epic\" ของมูคามีแนวคิดชาตินิยม สลาฟ หากมองในแง่ร้ายก็เป็นการขัดต่ออำนาจของลัทธิ และเมื่อกองทัพนาซีย้ายเข้าไปอยู่ในสโลวาเกีย มูคาเป็นคนแรกที่กองทัพจับตัวไปสอบปากคำ แต่เมื่อพบว่ามูคาป่วยด้วยโรคปอดบวมจึงได้รับการปล่อยตัวในที่สุด ทำให้เชื่อกันว่า เขาอาจจะได้รับการกระทำกระเทือนจากเหตุการณ์นี้ จนทำให้เขาเสียชีวิตเนื่องจากปอดติดเชื้อในวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1939 ไม่นาน ก่อนที่จะเกิดการรุกรานของสโลวาเกียโดยกองทัพเยอรมัน",
"มาริอา โฆเซ โลรา (, เกิด 15 สิงหาคม พ.ศ. 2533 ในลิมา เปรู) เป็นนางงามชาวเปรู ได้รับคัดเลือกจากองค์กรมิสเปรูเป็นตัวแทนเปรูในการประกวดเวที มิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนล 2017 ณ ประเทศเวียดนาม เธอเป็นผู้ชนะเลิศคนที่ 5 ของการประกวด มิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนล",
"ฌูแซ มานูแอล รามุช-ออร์ตา () เป็นผู้แทนต่างประเทศของกลุ่มต่อต้านจากติมอร์-เลสเต (ติมอร์ตะวันออก) ในช่วงที่อินโดนีเซียยึดครองระหว่าง พ.ศ. 2518–2542 ขณะที่อินโดนีเซียยึดครองอยู่นั้น เขาอยู่ที่ออสเตรเลียและนำเรื่องนี้เข้าสู่สหประชาชาติ และพยายามวิ่งเต้นต่อนานาชาติเพื่อไม่ให้เรื่องนี้เงียบไป ทำให้เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพร่วมกับหัวหน้าบาทหลวงการ์ลุช ฟีลีปึ ชีเมนึช เบลู ใน พ.ศ. 2539",
"กลอเรีย มาคาปากัล-อาร์โรโย () (5 เมษายน ค.ศ. 1947 - ปัจจุบัน) เป็นนักการเมืองฟิลิปปินส์ ที่เคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 14 ของประเทศฟิลิปปินส์ระหว่าง ค.ศ. 2001 - ค.ศ. 2010 และรองประธานาธิบดีคนที่ 12 ระหว่าง ค.ศ. 1998 ถึง ค.ศ. 2001\nกลอเรีย มาคาปากัล-อาร์โรโย ถูกจับกุมขณะพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลในข้อหาทุจริตเลือกตั้ง โดยคำสั่งของประธานาธิบดี เบนิกโน \"นอยนอย\" อาคิโน",
"ยูรี อีวาโนวิช มาเลนเชนโค (; เกิด 22 ธันวาคม ค.ศ. 1961) เป็นนักบินอวกาศชาวรัสเซียที่ปลดประจำการแล้ว โดยมาเลนเชนโดเป็นนักบินอวกาศคนแรกที่แต่งงานกันบนอวกาศ โดยมาเลนเชนโดแต่งงานกับอกาเทอรีนา ดิทรีวาร์ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ. 2003 โดยอกาเทอรีนาอยู่ที่ประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งห่างจากสถานีอวกาศนานาชาติไป 240 ไมล์ ในเดือนกรกฏาคม ค.ศ. 2559 มาเลนเชนโดได้ติดอันดับสองของผู้ที่อยู่ในอวกาศนานามากที่สุดจากสถิติของสิ่งที่เกี่ยวกับอวกาศ โดยนับตั้งแต่ครั้งสถานีอวกาศมีร์ จนถึงสถานีอวกาศนานาชาติมาเลนเชนโดเคยเป็นอดีตผู้บัญชาการของสถานีอวกาศนานาชาติ",
"มาริโอ้ เมาเร่อ ได้เซ็นสัญญาเป็นพรีเซนเตอร์เสื้อผ้าของฟิลิปปินส์ที่ชื่อ เพนช็อปป์ ต่อจาก เอ็ด เวสต์วิก นักแสดงชาวอังกฤษ ในการเดินทางไปฟิลิปปินส์เพื่อประชาสัมพันธ์แบรนด์เสื้อผ้า เมื่อวันที่ 28-30 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ยังมีงานมีตแอนด์กรีตที่มีแฟนกว่า 4000 คน ในฟิลิปปินส์อยู่ใต้การดูแลของบริษัทพีอาร์เอเชีย ซึ่งเขาได้เซ็นสัญญาเล่นหนังผลิตโดยบริษัท สตาร์ ซีนีมา แสดงคู่กับ อีริช กอนซาเลซ ชื่อเรื่อง \"Suddenly It's Magic\""
] |
ใครเป็นผลิตดาวเทียมดวงแรกของไทย? | [
"ไทยคม 1A ดาวเทียมดวงแรกของประเทศไทย เป็นดาวเทียมรุ่น HS-376 สร้างโดย Huges Space Aircraft (บริษัทลูกของ โบอิง) โคจรบริเวณพิกัดที่ 120 องศาตะวันออก \nส่งขึ้นสู่วงโคจรเมื่อ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2536 \nมีอายุการใช้งานประมาณ 15 ปี (ถึง พ.ศ. 2551) \nไทยคม 2 ดาวเทียมดวงที่สองของประเทศไทย เป็นดาวเทียมรุ่น HS-376 เช่นเดียวกับ ไทยคม 1A โคจรบริเวณพิกัดที่ 78.5 องศาตะวันออก \nส่งขึ้นสู่วงโคจรเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2537 \nมีอายุการใช้งานประมาณ 15 ปี (ถึง พ.ศ. 2552) \nไทยคม 3 เป็นดาวเทียมรุ่น Aerospatiale SpaceBus 3000A โคจรบริเวณพิกัดเดียวกับ ไทยคม 2 คือ 78.5 องศาตะวันออก \nมีพื้นที่การให้บริการ (footprint) ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 4 ทวีป สามารถให้บริการในเอเซีย ยุโรป ออสเตรเลีย และแอฟริกา และถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ตรงถึงที่พักอาศัยหรือ Direct-to-Home (DTH) ในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน \nส่งขึ้นสู่วงโคจรเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2540 \nมีอายุการใช้งานประมาณ 14 ปี แต่ปลดระวางไปเมื่อปี 2549 เนื่องจากมีปัญหาเรื่องระบบไฟฟ้าไม่พอ\nไทยคม 4 หรือ ไอพีสตาร์ เป็นดาวเทียมรุ่น LS-1300 SX สร้างโดย Space System/Loral พาโล อัลโต สหรัฐอเมริกา \nเป็นดาวเทียมดวงแรกที่ออกแบบมาเพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ที่ความเร็ว 45 Gbps เป็นดาวเทียมสื่อสารเชิงพาณิชย์ที่มีขนาดใหญ่ และมีน้ำหนักมากถึง \nไทยคม 5 เป็นดาวเทียมรุ่น Aerospatiale SpaceBus 3000A (รุ่นเดียวกับไทยคม 3) สร้างโดย Alcatel Alenia Space ประเทศฝรั่งเศส มีน้ำหนัก 2800 กิโลกรัม \nมีพื้นที่การให้บริการครอบคลุมพื้นที่ 4 ทวีป ใช้เป็นดาวเทียมสำหรับการถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมตรงถึงที่พักอาศัยหรือ Direct-to-Home (DTH6486 กิโลกรัม และทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน \nส่งขึ้นสู่วงโคจรเมื่อ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2548 \nมีอายุการใช้งานประมาณ 12 ปี และครอบคลุม 18 แห่ง ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก \n) และการถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ดิจิตอลความละเอียดสูง (High Definition TV)\nส่งขึ้นสู่วงโคจรเมื่อ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 เพื่อทดแทนไทยคม 3"
] | [] |
ภัยพิบัติเชียร์โนบีล เป็นภัยพิบัติที่มาความรุนแรงระดับใด? | [
"อุบัติเหตุครั้งนี้เป็นหนึ่งในสองครั้งที่ได้รับการจัดความรุนแรงไว้ที่ระดับ 7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตามมาตราระหว่างประเทศว่าด้วยเหตุการณ์ทางนิวเคลียร์ อีกครั้งหนึ่งเป็นของภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิในปี 2011"
] | [
"ปัจจัยที่เป็นมนุษย์มีส่วนในการสร้างเงื่อนไขที่นำไปสู่การเกิดภัยพิบัติ ปัจจัยเหล่านี้รวมถึงการเดินเครื่องปฏิกรณ์ในระดับพลังงานที่ต่ำ คือต่ำกว่า 700 MW ซึ่งเป็นระดับที่มีการบันทึกไว้ในโปรแกรมการทดสอบเรื่องการลดความเร็ว และการดำเนินงานที่มีขนาดเล็กของส่วนต่างของปฏิกิริยาการดำเนินงาน () แม้จะมีการยืนยันของผู้เชี่ยวชาญโซเวียตในปี 1986 กฎระเบียบนั้นไม่ได้ห้ามการดำเนินงานของเครื่องปฏิกรณ์ที่ระดับพลังงานต่ำนี้",
"ภัยพิบัติเชียร์โนบีล (; ) เป็นอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ขั้นร้ายแรงที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 1986 ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชียร์โนบีล ตั้งอยู่ที่นิคมเชียร์โนบีล ริมฝั่งแม่น้ำนีเปอร์ ใกล้เมืองพริเพียต แคว้นเคียฟ ทางตอนเหนือของยูเครน ใกล้ชายแดนเบลารุส (ในขณะนั้นยูเครนและเบลารุสยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต) อุบัติเหตุที่เชียร์โนบีลนี้เป็นอุบัติเหตุที่เกิดกับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ในแง่ของค่าใช้จ่ายและชีวิต",
"สวีเดนเป็นผู้ค้นหาแหล่งที่มาของกัมมันตภาพรังสี หลังจากที่พวกเขาได้พิจารณาแล้วว่าไม่มีการรั่วไหลที่โรงไฟฟ้าของสวีเดน ในตอนเที่ยงของวันที่ 28 เมษายน พวกเขาค้นพบเบาะแสแรกว่าเกิดปัญหานิวเคลียร์ร้ายแรงในทางตะวันตกของสหภาพโซเวียต ดังนั้นการอพยพของ Pripyat ในวันที่ 27 เมษายน หรือ 36 ชั่วโมงหลังจากการระเบิดครั้งแรกก็เสร็จสมบูรณ์อย่างเงียบ ๆ ก่อนที่ภัยพิบัติจะกลายเป็นที่รู้จักนอกสหภาพโซเวียต ในเวลานั้นการเพิ่มขึ้นของระดับรังสีได้มีการวัดเรียบร้อยแล้วในฟินแลนด์ แต่การนัดหยุดงานของข้าราชการพลเรือนทำให้การตอบสนองและข่าวล่าช้า",
"ในบทหนึ่งของกรีนพีซ ผู้ก่อตั้งภูมิภาคนั้นชาวรัสเซียยังประพันธ์หนังสือเล่มหนึ่งที่ชื่อว่า \"เชียร์โนบีล: ผลกระทบของภัยพิบัติที่เกิดกับผู้คนและสิ่งแวดล้อม\" ซึ่งสรุปได้ว่าท่ามกลางผู้คนนับพันล้านคนทั่วโลกที่ได้สัมผัสกับการปนเปื้อนของสารกัมมันตรังสีจากภัยพิบัติ เกือบหนึ่งล้านคนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งก่อนวัยอันควรระหว่างปี 1986 ถึงปี 2004 อย่างไรก็ตาม หนังสือเล่มนี้ล้มเหลวในกระบวนการ peer review ในห้าความคิดเห็นที่ตีพิมพ์ในสิ่งพิมพ์ทางวิชาการ สี่ความคิดเห็นพิจารณาว่าหนังสือเล่มนี้มีข้อบกพร่องและขัดแย้งอย่างรุนแรง และหนึ่งความคิดเห็นยกย่องในขณะที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงข้อบกพร่องบางอย่าง ความคิดเห็นโดย M.I. Balonov เผยแพร่โดย 'สถาบันวิทยาศาสตร์นิวยอร์ก' สรุปว่ารายงานมีค่าเป็นลบเพราะมันมีประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์น้อยมากในขณะที่สร้างความเข้าใจผิดอย่างมากให้กับผู้อ่าน มันประมาณการผู้เสียชีวิตเกือบหนึ่งล้านคนในดินแดนของนิยายมากกว่าในดินแดนของวิทยาศาสตร์",
"อุบัติเหตุที่เชียร์โนบีลดึงดูดความสนใจเป็นอันมาก เพราะความไม่ไว้วางใจของผู้คนจำนวนมาก (ทั้งภายในและภายนอกสหภาพโซเวียต) ที่มีต่อหน่วยงานของสหภาพโซเวียต การอภิปรายจำนวนมากเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เชียร์โนบีลจึงเกิดขึ้นใน'โลกที่หนึ่ง'ในช่วงวันแรก ๆ ของเหตุการณ์ เพราะข้อมูลที่รวบรวมได้มีข้อบกพร่องขึ้นอยู่กับภาพที่ถ่ายจากอวกาศ มีความเข้าใจว่าปฏิกรณ์หน่วยที่สามก็ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุเช่นกัน",
"ผู้เขียนแนะนำว่าส่วนใหญ่ของการเสียชีวิตอยู่ในรัสเซีย เบลารุสและยูเครน แต่ที่อื่น ๆ เกิดขึ้นทั่วโลกจากหลายประเทศที่ได้รับฝุ่นละอองกัมมันตรังสีจากเชียร์โนบีลที่ตกลงมา การวิเคราะห์วรรณกรรมสร้างสิ่งตีพิมพ์กว่า 1,000 ชื่อและสื่ออินเทอร์เน็ตและเอกสารการพิมพ์กว่า 5000 ชุดที่พูดคุยกันเรื่องผลกระทบของภัยพิบัติที่เชียร์โนบีล ผู้เขียนยืนยันว่าสิ่งพิมพ์และเอกสารเหล่านั้นถูกเขียนขึ้นโดยหน่วยงานชั้นนำในยุโรปตะวันออกและส่วนใหญ่ถูกมองว่าด้อยค่าหรือเพิกเฉยโดย IAEA และ UNSCEAR การประมาณการนี้ก็ยังได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ว่าพูดเกินจริง ขาดพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เหมาะสม",
"\"เชียร์โนบีล: ผลกระทบจากภัยพิบัติสำหรับผู้คนและสิ่งแวดล้อม\" เป็นภาษาอังกฤษของสิ่งพิมพ์ของรัสเซียในปี 2007 \"เชียร์โนบีล\" ซึ่งถูกตีพิมพ์ในปี 2009 โดยสถาบันวิทยาศาสตร์นิวยอร์กในงาน \"ประวัติศาสตร์ของ New York Academy of Sciences\" ของพวกเขา สิ่งพิมพ์นำเสนอการวิเคราะห์วรรณกรรมทางวิทยาศาสตร์และสรุปว่าเวชระเบียนระหว่างปี 1986 (ปีที่เกิดอุบัติเหตุ) และปี 2004 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร 985,000 คนเป็นผลมาจากการปลดปล่อยกัมมันตภาพรังสี แม้กระนั้น มันก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะตรวจสอบได้อย่างแม่นยำถึงปริมาณของรังสีที่มีผลกระทบกับประชาชนเหล่านั้น เพื่อให้รู้ความจริงที่ว่าปริมาณที่ได้รับแตกต่างกันอย่างมากจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่งในกลุ่มประชากรดังกล่าวข้างต้นในที่ซึ่งเมฆกัมมันตรังสีได้เดินทางไปถึง และยังให้รู้ความจริงที่ว่าไม่มีใครสามารถบอกได้อย่างมั่นใจว่าโรคมะเร็งในบุคคลจากอดีตสหภาพโซเวียตเกิดจากรังสีจากอุบัติเหตุเชียร์โนบีลหรือเกิดจากปัจจัยทางสังคมหรือพฤติกรรมอื่น ๆ เช่นการสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์",
"หลังการเกิดอุบัติเหตุ มีหลายคำถามเกี่ยวกับอนาคตของโรงงานและชะตากรรมของมันในที่สุด งานทั้งหมดบนเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 5 และ 6 ที่ยังไม่เสร็จถูกระงับสามปีต่อมา อย่างไรก็ตามปัญหาที่โรงงานเชียร์โนบีลไม่ได้จบลงพร้อมกับภัยพิบัติในเครื่องปฏิกรณ์หมายเลข 4 เครื่องปฏิกรณ์ที่เสียหายถูกปิดผนึกและ 200 ลูกบาศก์เมตร (260 ลูกบาศ์กหลา) ของคอนกรีตถูกวางอยู่ระหว่างสถานที่เกิดภัยพิบัติและอาคารการดำเนินงาน งานนี้ได้รับการจัดการโดย Grigoriy Mihaylovich Naginskiy รองหัวหน้าวิศวกรของการติดตั้งและผู้อำนวยการก่อสร้าง-90 รัฐบาลยูเครนยังคงยอมให้สามเครื่องปฏิกรณ์ที่เหลือทำงานเพราะปัญหาการขาดแคลนพลังงานในประเทศ",
"ตามการประมาณการอย่างเป็นทางการ ประมาณ 95% ของเชื้อเพลิงในเครื่องปฏิกรณ์ 4 ในเวลาที่เกิดอุบัติเหตุ (ประมาณ 180 เมตริกตัน) ยังคงอยู่ภายในโรงเก็บ ที่มีกัมมันตภาพรังสีรวมเกือบ 18 ล้านคูรี (670 PBq) วัสดุกัมมันตรังสีประกอบด้วยชิ้นส่วนแกนกลาง ฝุ่นและ \"วัสดุที่ประกอบด้วยเชื้อเพลิง\" () ที่มีลักษณะเหมือนลาวา หรือที่เรียกว่า \"corium\" ที่ไหลไปทั่วอาคารปฏิกรณ์ที่พังเสียหายก่อนที่จะแข็งตัวอยู่ในรูปแบบเซรามิก",
"การกลายพันธุ์ทั้งในมนุษย์ และในสัตว์อื่น ๆ เพิ่มขึ้นตามหลังภัยพิบัติ ยกตัวอย่างเช่นในหลายฟาร์มในเมือง Narodychi Raion ของยูเครน ในสี่ปีแรกของภัยพิบัติ สัตว์เกือบ 350 ตัวเกิดมาพร้อมกับความผิดปกติขั้นต้นเช่นแขนขาหายไปหรือเกินมา ตา หัวหรือซี่โครงขาดหายไปหรือกะโหลกผิดรูป; ในการเปรียบเทียบ การเกิดแบบผิดปกติมีเพียงสามรายเท่านั้นที่มีการจดทะเบียนในช่วงห้าปีก่อนหน้า แม้จะมีการเรียกร้องเหล่านี้ องค์การอนามัยโลกระบุว่า \"เด็กที่อยู่ในครรภ์ก่อนหรือหลังจากที่พ่อของพวกเขาเปิดรับกับรังสีจะไม่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญของความถี่ในการกลายพันธุ์\""
] |
ไอโฟน 6 พลัสเปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่เท่าไหร่? | [
"ไอโฟน 6เอส และ ไอโฟน 6เอส พลัส เป็นสมาร์ตโฟนที่ผลิตและจัดจำหน่ายโดยบริษัทแอปเปิล เปิดตัวเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2558 และวางจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ 25 เดือนและปีเดียวกัน โดยนอกจากมีสีเงิน สีเทาสเปซเกรย์ และสีทองเช่นเดียวกับไอโฟน 6/6 พลัส แล้ว ยังเพิ่มสีทองกุหลาบ (โรสโกลด์)",
"ไอโฟน 6 () และ ไอโฟน 6 พลัส () เป็นสมาร์ตโฟนจอสัมผัส ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ () ชื่อ iOS พัฒนาโดยบริษัท แอปเปิล อินค์ ถือว่าเป็นไอโฟนรุ่นที่ 8 ซึ่งเป็นผู้สืบทอดของ ไอโฟน 5เอส และ ไอโฟน 5ซี อุปกรณ์ชุดนี้เป็นส่วนหนึ่งของตระกูล iPhone โดยเปิดตัวออกสู่ตลาด เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2014 iPhone 6 และ iPhone 6 พลัสได่มีการเปลี่ยนแปลงมากกว่ารุ่นก่อนเช่นมีจอแสดงผลขนาดใหญ่ 4.7 นิ้วและ 5.5 นิ้ว มีหน่วยประมวลผลที่เร็วขึ้น มีกล้องที่ผ่านการอัพเกรดแล้ว มีการเชื่อมต่อแบบ LTE และ Wi-Fi ที่ดีขึ้น และสนับสนุนสำหรับการชำระเงินบนมือถือด้วยการส์่อสารแบบใกล้สนาม ()",
"iPhone 6 และ iPhone 6 พลัสได้รับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในระหว่างงานแถลงข่าวที่ Flint Center for Performing Arts ในคูเปอร์ติโนรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2014 งานดังกล่าวแอปเปิ้ลได้ประกาศผลิตภัณฑ์ที่มีข่าวลือก่อนหน้านี้พร้อมกับ iPhone รุ่นใหม่รวมทั้งแพลตฟอร์มการชำระเงินบนมือถือที่เรียกว่า Apple Pay และการที่บริษัทจะเข้าสู่ตลาดคอมพิวเตอร์ที่สวมใส่ได้ด้วยนาฬิกาสมาร์ตที่ชื่อว่า Apple Watch",
"iPhone 6 และ iPhone 6 พลัสได้ปล่อยออกสู่ตลาดเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2014; คำสั่งซื้อล่วงหน้าเริ่มวันที่ 12 กันยายน 2014 ในประเทศจีนที่ iPhone 5S และ 5C จะเป็นรุ่นแรกในตระกูลของ iPhone ที่จะออกตลาดในประเทศนี้ได้ในวันเดียวกับการเปิดตัวในต่างประเทศ แอปเปิ้ลได้แจ้งผู้ให้บริการไร้สายในประเทศว่า บริษัทจะไม่สามารถที่จะส่ง iPhone 6 ออกขายในประเทศจีนได้ในวันที่ 19 เพราะมี \"รายละเอียดที่ยังไม่พร้อม\"; สื่อท้องถิ่นรายงานว่าอุปกรณ์นี้และรุ่นก่อนหน้านี้ยังไม่ได้รับการอนุมัติจากกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีนภายในสิ้นปี รายงานข่าวโดยโฆษกโทรทัศน์จีนส่วนกลางโดยกล่าวหาว่าอุปกรณ์ iPhone เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติเพราะฟังก์ชั่น\"กำหนดตำแหน่งบ่อย\" () ของ iOS 7 จะสามารถเปิดเผย \"ความลับของรัฐ\" ได้"
] | [
"ไอโฟน 7 และ ไอโฟน 7 พลัส เป็นสมาร์ตโฟนที่ผลิตและจัดจำหน่ายโดยบริษัทแอปเปิล เปิดตัวเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2559 และวางจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ 16 เดือนและปีเดียวกัน โดยนอกจากมีสีเงิน สีทองกุหลาบ และสีทองเช่นเดียวกับไอโฟน 6 เอส/6 เอส พลัส แล้ว ยังเพิ่มสีดำด้าน และสีดำเงา (เจ็ตแบล็ค) ส่วนด้านความสามารถของโทรศัพท์นั้น ตัวโทรศัพท์สามารถกันน้ำและกันฝุ่นในระดับ IP67 นำพอร์ตหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรออก และใช้พอร์ตไลท์นิงในการต่อหูฟังแทน นอกจากนี้ในรุ่น 7 พลัส ยังมีการปรับปรุงกล้องโดยเพิ่มเลนส์อีกหนึ่งตัว และสามารถซูมได้สูงสุด 10x",
"แอปเปิลได้เปิดเผยไอโฟนรุ่นแรกโดย สตีฟ จอบส์ ในงานแม็คเวิลด์ วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2550 และวางจำหน่ายครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2550 ไอโฟนได้ชื่อว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ยอดเยี่ยมประจำปีจากนิตยสารไทม์ ประจำปี 2550 โดยมีรุ่นถัดมาคือ ไอโฟน 3G ไอโฟน 3GS ไอโฟน 4 ไอโฟน 4S ไอโฟน 5 ไอโฟน 5C ไอโฟน 5S ไอโฟน 6 ไอโฟน 6พลัส ไอโฟน 6S ไอโฟน 6Sพลัส และ ไอโฟนSE โดยApple.Inc ได้เปิดตัวไอโฟนSE ซึ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2559 ที่กลับไปใช้ขนาดหน้าจอเดียวกับไอโฟน 5S เนื่องจากผู้บริโภคกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งไม่ชอบขนาดหน้าจอของไอโฟน 6, 6S, 6พลัสและ 6Sพลัส ซึ่งมีขนาดใหญ่เกินไป โดยไอโฟน SE มีสเปคเครื่องที่ดีกว่า iPhone 5S เช่น ในเรื่องของความเร็ว ที่เร็วกว่าสองถึงสามเท่า รวมทั้งปรับส่วนต่าง ๆ ให้เกือบเทียบเท่าไอโฟน 6S ต่อมาได้พัฒนาไอโฟนรุ่นต่อไปคือไอโฟน7 และไอโฟน7 พลัส ไอโฟนรุ่นล่าสุดคือ ไอโฟน8 ไอโฟน8 พลัส ไอโฟนสิบ (เท็น)",
"ซิลิคอน\nไอโฟน 8 และไอโฟน 8 พลัส เป็นสมาร์ตโฟนที่ออกแบบและพัฒนาโดยบริษัทแอปเปิล ที่เปิดตัวเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2560 พร้อมกับ ไอโฟน X ไอโฟนรุ่นระดับสูงกว่า ณ หอประชุมสตีฟ จ็อบส์ ภายในแอปเปิลปาร์ค สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของบริษัทแอปเปิล โดยนายทิม คุก ประธานบริหารของบริษัทแอปเปิล และกำหนดวางจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ 22 กันยายน 2560 สำหรับประเทศไทยวางจำหน่ายในวันที่ 3 พฤศจิกายนปีเดียวกัน",
"ไอโฟน X (X อ่านว่า \"เท็น\" ) เป็นสมาร์ตโฟนที่ผลิตและจัดจำหน่ายโดยบริษัทแอปเปิล เปิดตัวเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2560 ณ หอประชุมสตีฟ จ็อบส์ ภายในแอปเปิลปาร์ค สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของบริษัทแอปเปิล และกำหนดวางจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ 3 พฤศจิกายนปีเดียวกัน ในประเทศสหรัฐอเมริกา และอีก 56 ประเทศทั่วโลก \nส่วนประเทศไทยวางจำหน่ายในวันที่ 24 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน โดยเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นฉลอง 10 ปี การเปิดตัวโทรศัพท์ไอโฟน",
"ไอโฟน เอสอี (iPhone SE) เป็นสมาร์ตโฟนที่ออกแบบและผลิตโดยบริษัท แอปเปิล ไอโฟนรุ่นนี้เปิดตัว\nเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2559 ที่สำนักงานใหญ่บริษัทแอปเปิล และวางจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ 31 มีนาคม 2559 สำหรับประเทศไทยวางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2559 \nไอโฟน เอสอี นี้พัฒนาต่อยอดจาก ไอโฟน 5เอส โดยยังคงขนาดหน้าจอ 4 นิ้ว และมีรูปลักษณ์เหมือนกับ ไอโฟน 5เอส เกือบทั้งหมด แต่เลือกใช้ชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์ภายในรุ่นใหม่จาก ไอโฟน 6เอส นั้นรวมไปถึงโปรเซสเซอร์, กล้องหลัง และอื่นๆ รองรับฟีเจอร์ใน ไอโอเอส 10 เช่น แอปเปิลเพย์ และไลฟ์โฟโต้ อีกทั้งรุ่นนี้ยังมีสีใหม่คือ สีโรสโกลด์ นอกเหนือจากสีมาตรฐานคือ สีสเปซเกรย์, สีเงิน และสีทอง ไอโฟนรุ่นนี้มีการวางจำหน่ายอีกครั้ง มีตัวเลือกความจุใหม่เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2560",
"เอกซ์พลอเรอร์ 1 เปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2538 โดยมากับ ไมโครซอฟท์ พลัส ของระบบปฏิบัติการ วินโดวส์ 95 (Microsoft Plus for Windows 95) และไม่กี่เดือนหลังการเปิดตัว ก็มีการเปิดตัวเอกซ์พลอเรอร์ 1.5 โดยมาเพื่อระบบปฏิบัติการ วินโดวส์เอ็นที โดยมีการเปลี่ยนแปลงลักษณะการแสดงผลเล็กน้อย\nเอกซ์พลอเรอร์ 2 เปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2538 โดยแต่ในช่วงแรกออกแบบมาเพื่อ วินโดวส์ 3.1 แต่มักถูกใช้กับระบบปฏิบัติการ วินโดวส์ 95, วินโดวส์เอ็นที 3.5 และ วินโดวส์เอ็นที 4.0 (\"ในภาพ\") เสียมากกว่า และนอกจากนี้ ไออี 2 สามารถใช้งานได้กับระบบปฏิบัติการ แมคโอเอส 7 และ 8\nไออี 1 และ 2 ไม่ได้รับความนิยมมากนัก ในช่วงก่อนจะมีไออี 3 โปรแกรมไออี ถูกใช้ไม่ถึงร้อยละ 15 ของโปรแกรมอินเทอร์เน็ตเบราว์เซอร์\nเอกซ์พลอเรอร์ 3 เปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2539 ได้รับความนิยมมากกว่ารุ่นก่อนอย่างค่อนข้างชัดเจน สัญลักษณ์ของไออี 3 เป็นรุ่นแรกที่ใช้สัญลักษณ์ e สีน้ำเงิน (ก่อนหน้านี้ใช้สัญลักษณ์ลูกโลก และอักษร Internet Explorer สีเขียว) แต่ทว่าไม่นานหลังการเปิดตัว ได้มีการค้นพบโดยนักวิจัยและแฮกเกอร์ ว่าไออี 3 มีช่องโหว่ในด้านของความปลอดภัยด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูล\nไออี 3 ได้รับความนิยมมากกว่ารุ่นก่อนค่อนข้างมาก จนถึงช่วงท้ายๆ ก่อนที่ไออี 4 จะเปิดตัว ส่วนแบ่งการตลาดของไออีเพิ่มเกินร้อยละ 20 (จากไม่ถึงร้อยละ 15)\nไออี 4 เปิดตัวครั้งแรกในเดือนกันยายน พ.ศ. 2540 สามารถใช้ได้กับระบบปฏิบัติการ วินโดวส์ 95, วินโดวส์ 98, วินโดวส์ 3.1+, โซลาริส, แมคโอเอส 7.1+ และ เอชพี-ยูเอกซ์ ไออี 4 สร้างชื่อเสียงโด่งดังกว่ารุ่นก่อนมาก ก่อนที่ไออี 5 จะเปิดตัวในปี 2542 ส่วนแบ่งการตลาดของโปรแกรมไออี เพิ่มจาก 20 เป็น 60 เปอร์เซนต์\nไออี 5 เปิดตัวในวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2542 จะแถมมากับระบบปฏิบัติการ วินโดวส์ 98, วินโดวส์ 2000 และ วินโดวส์มี สร้างชื่อเสียงโด่งดังรุ่งโรจน์ ในช่วงก่อนปี 2544 ส่วนแบ่งการตลาดของโปรแกรมไออี เพิ่มจาก 60 เป็นประมาณ 85 เปอร์เซนต์ และไออี 5 ปัจจุบันยังสามารถพอพบเห็นได้บ้างจนถึงปัจจุบันนี้ และในปัจจุบันได้เลิกใช้แล้ว\nไออี 6 เปิดตัวในวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2544 จะมากับระบบปฏิบัติการ วินโดวส์เอกซ์พี และ วินโดวส์เซิร์ฟเวอร์ 2003 เป็นเวอร์ชันที่ได้รับความนิยมสูงสุด สร้างชื่อเสียงจนส่วนแบ่งการตลาดของโปรแกรมไออีรวมทำสถิติถล่มทลายถึงร้อยละ 94.43 และปัจจุบัน ส่วนแบ่งการตลาดของไออี (เฉพาะเวอร์ชัน 6) ได้ลดลงจนถึงร้อยละ 7\nวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 บิลล์ เกตส์ได้ประกาศว่าจะออกเบราว์เซอร์รุ่นใหม่ในงาน RSA Conference 2005 โดยการตัดสินดังกล่าวเกิดขึ้นจากเว็บเบราว์เซอร์มอซิลลา ไฟร์ฟอกซ์ ที่ได้ส่วนแบ่งตลาดการใช้งานเพิ่มขึ้น ซึ่งรุ่นเบต้ารุ่นแรกได้ออกเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 และรุ่นเบต้าแรกที่เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปดาวน์โหลดได้ออกเมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2549 โดยไออีรุ่นที่ 7 นั้นมีความสามารถใหม่เพื่อป้องกันการผู้ใช้จากฟิชชิง และมัลแวร์ นอกจากนั้นยังได้มีระบบควบคุม ActiveX คอนโทรลและเฟรมเวิร์กในส่วนความปลอดภัยใหม่ และที่สำคัญได้แยกการทำงานร่วมกับเอกซ์พลอเรอร์ออกมาจากวินโดวส์เพื่อให้ปลอดภัยกว่าเดิม \nไออี 7 ยังรองรับมาตรฐานเว็บดีขึ้นกว่าเดิมใน HTML 4.01/CSS 2 และยังมีความสามารถใหม่อย่างแท็บด์เบราว์ซิง (tabbed browsing) กล่องค้นหาที่รองรับหลายเสิร์ชเอนจินด้วยกัน ตัวอ่านเว็บฟีดอย่าง RSS รองรับ Internationalized Domain Name (IDN) และมีโปรแกรมป้องกันฟิชชิงในตัว\nบนวินโดวส์วิสตา ไออี 7 ทำงานในโหมดป้องกันพิเศษเรียกว่า \"Protected Mode\" ซึ่งจะทำงานในส่วนการควบคุมความปลอดภัยแบบพิเศษ โดยจะไม่สามารถเข้าถึงส่วนอื่นๆในระบบปฏิบัติการได้นอกจากแฟ้ม \"Temporary Internet Files\" และแม้แต่ไออีเองก็จะไม่สามารถเขียนไฟล์หรือ registry ของผู้ใช้ได้ โดยโหมดใหม่นี้ได้ออกแบบเพื่อลดความเสี่ยงแม้ว่ามีช่องโหว่ใหม่ที่พบเจอขึ้นในอนาคต และป้องกันโปรแกรมหรือแฮกเกอร์ที่พยายามจะติดตั้งโปรแกรมโดยไม่ให้ผู้ใช้ทราบ\nไออี 8 ได้เริ่มพัฒนาอย่างน้อยตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2550 โดยวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2551 ไมโครซอฟท์ได้เปิดตัวไออี 8 เป็นครั้งแรกในงาน Mix08 และเปิดให้ผู้ใช้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดไออี 8 เบต้า 1 ได้บนเว็บไซต์ และในวันที่ 27 สิงหาคม 2551 ไมโครซอฟท์ได้ออกไออี 8 เบต้า 2 ให้บุคคลทั่วไปที่สนในสามารถดาวน์โหลดได้ โดยไออี 8 เน้นการปรับปรุงหลักในส่วนความปลอดภัย ความรวดเร็ว การใช้งาน อย่างการปรับปรุงในส่วนฟิชชิง RSS CSS AJAX และอีกหลายอย่างด้วยกัน โดยจะรองรับมาตรฐานอย่าง CSS 2.1 ซึ่งจะเป็นรุ่นแรกของไออีที่จะผ่านการทดสอบ Acid2 รวมถึงยังเพิ่มความสามารถใหม่อย่าง \"Accelerators\", \"WebSlices\" รวมถึงโหมด \"InPrivate\" ซึ่งเมื่อเปิดใช้ เบราว์เซอร์จะไม่ทำการบันทึกข้อมูล ประวัติการเข้าถึงเว็บ รวมถึงคุกกี้ต่างๆที่อาจใช้งานในโหมดนี้ เพียงผู้ใช้ปิดแทบด์ที่ใช้โหมดนี้ไป ข้อมูลชั่วคราวที่ใช้ก็จะถูกลบออกโดยอัตโนมัติ นอกจากนั้นยังมีความสามารถเล็กๆน้อยๆที่ได้เพิ่มขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการค้นหาข้อความในหน้าแบบใหม่ หรือ \"Smart Address Bar\" ซึ่งบางส่วนเหมือนนำความสามารถที่มีในเว็บเบราว์เซอร์อย่างไฟรฟอกซ์มาปรับพัฒนาต่อ\nไออี 8 ยังได้ถูกปรับปรุงให้มีความเสถียรภาพมากขึ้นกว่าเดิม เช่นการกู้ความผิดพลาดโดยอัตโนมัติ (Automatic Crash Recovery) เช่นหากแท็บด์นั้นมีข้อผิดพลาด แท็บด์ดังกล่าวจะถูกรีสตารต์โดยอัตโนมัติ โดยไออีเองไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นผลจากการออกแบบใหม่โดยแทบด์จะอยู่ในโพรเซสต่างหาก\nนอกจากการปรับปรุงการรองรับมาตรฐาน และความสามารถใหม่ ไออี 8 ยังรวมถึงการพัฒนาประสิทธิภาพในดีขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะในส่วนการประมวลโค้ด HTML CSS รวมถึง JScript และสำหรับนักพัฒนาเว็บ ยังได้รวมโปรแกรมสำหรับดีบัก HTML CSS และจาวาสคริปต์ในตัวเพื่อให้สามารถแก้ไข และตรวจสอบปัญหาได้สะดวก รวดเร็วขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องใช้โปรแกรมดีบักเสริมเข้าช่วย\nไออี 8 รองรับวินโดวส์วิสตา SP1 และ วินโดวส์เอกซ์พี SP2 รวมทั้ง WIndows 7 และเพื่อรองรับความเข้ากันได้กับเว็บที่ออกแบบสำหรับไออีรุ่นเก่า ไออี 8 เปิดให้นักพัฒนาเว็บสามารถเลือกที่จะให้ไออี 8 แสดงผลเหมือนโหมดมาตรฐานในไออี 7 หรือ \"Quirks mode\" ได้ รวมถึงยังมีปุ่มให้ผู้ใช้สามารถเลือกที่จะเปลี่ยนระหว่างโหมดมาตรฐานบนไออี 7 และโหมดมาตรฐานใหม่บนไออี 8 เช่นกัน\nไออี 9 เริ่มพัฒนาขึ้นในปี พ.ศ. 2552 เริ่มเปิดตัวรุ่นทดลองแรกในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2553 หลังจากนั้นได้ทำการทดลองแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆ อีก 1 ปี ก่อนจะเปิดตัวรุ่นสมบูรณ์ในวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2554 ที่ผ่านมานี้\nหลังจากไออี 6 ได้ทำสถิติให้ไออีรวมทุกเวอร์ชันมีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดถึงร้อยละ 94 ในปี พ.ศ. 2546 แล้ว ส่วนแบ่งการตลาดของไออีก็ลดต่ำลงเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันเหลือเพียงร้อยละ 57 ด้วยการที่มีคู่แข่งรายอื่นได้สร้างเว็บเบราว์เซอร์ที่มีคุณสมบัติที่ค่อนข้างชัดว่าดีกว่ามาตีตลาด ทำให้คนรุ่นใหม่เริ่มมองไออี เป็นเพียงโปรแกรมพื้นฐานในการเล่นอินเทอร์เน็ตที่ติดมากับวินโดวส์เท่านั้น การจะเล่นอินเทอร์เน็ตจะให้ดี ต้องใช้เบราว์เซอร์อื่นๆ ในการพัฒนาไออี 9 จึงจำเป็นต้องเพิ่มคุณสมบัติใหม่เพิ่มขึ้น เช่น รองรับภาษา HTML5 ได้มากขึ้น ทำให้สามารถครอบคลุมคำสั่งทางคอมพิวเตอร์ได้มากขึ้น ซึ่งในปัจจุบัน กลุ่มนักพัฒนาเว็บไซต์ต่างๆ ได้กล่าวว่า ไออี 9 รองรับการใช้งานแท็กต่างๆ ในภาษา HTML5 ได้มากที่สุดในบรรดาเว็บเบราว์เซอร์ต่างๆ ในขณะนี้ การจัดการทูลบาร์ต่างๆ จะจัดให้ไม่มีแถบต่างๆ ลงมารกหน้าเว็บมากนัก ทำให้มีหน้าเว็บที่เต็มจอมากขึ้น และมีฟังก์ชันการใช้งาน ที่ให้ผู้ใช้สร้างรายชื่อเว็บ ที่ไม่ต้องการให้ผู้ใช้รายอื่นเข้ามาติดตาม หรือทราบประวัติการเข้าไปดูเว็บนั้น นอกจากนี้ ไออี 9 มีความสามารถในการทำงานประสานกับ Graphic Processor (การ์ดจอ) บนเครื่องได้โดยตรง ไม่ต้องสั่งการผ่านซอฟต์แวร์ การแสดงผลกราฟิกจึงรวดเร็วขึ้น และดีขึ้น\nหลังจากไออี 9 เปิดตัวได้ 24 ชั่วโมง ยอดการดาวน์โหลด มีถึง 2.3 ล้านครั้ง เฉลี่ย 27 ครั้งต่อวินาที ส่วนการใช้งานนั้น ค่าเริ่มแรกที่ตั้งมากับโปรแกรม จะไม่มีทูลบาร์ (File Edit View ฯลฯ และบาร์อื่นๆ) จะถูกซ่อนไว้ทั้งหมด ซึ่งค่าที่ตั้งมาแบบนี้เพื่อลดการบดบังหน้าเว็บ ผู้ใช้สามารถเปิดการใช้งานทูลบาร์ดังกล่าวได้ โดยการเปิดใช้งานชั่วคราว ทำใด้โดยกดปุ่ม Alt บนแป้นพิมพ์ แล้วเรียกใช้งาน เมื่อใช้งานเสร็จ ทูลบาร์เหล่านี้จะหายไป แต่หากต้องการให้แสดงทูลบาร์ถาวร ให้กด Alt ให้ทูลบาร์ปรากฏขึ้น แล้วเลือก View แล้วเลือก Toolbars แล้วกดเลือกบาร์ที่ต้องการ (บาร์ที่มีคำว่า File Edit View ฯลฯ นั้น คือ Menu Bar) จะมีเครื่องหมายถูกปรากฏขึ้น บาร์ที่เลือกก็จะคงอยู่ถาวรบนหน้าจอ และค่าเริ่มต้นอีกอย่างหนึ่งที่อาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกไม่คุ้นเคย คือการที่ไม่มีเสียง \"คลิก\" เวลากดไปตามลิงก์ต่างๆ ซึ่งเป็นการตั้งค่าเพื่อให้การเล่นเว็บต่างๆ ไม่มีเสียงที่ไม่จำเป็น สามารถเปิดเสียงคลิกได้ โดยดูที่ใต้เครื่องหมายกากบาทปิดโปรแกรม ใต้เครื่องหมายกากบาทนั้นจะมีรูปเฟืองอยู่ คลิกที่รูปเฟืองนั้น แล้วเลือก Internet Options แล้วเลือกที่แท็บด้านบน Advanced แล้วดูที่หมวดหมู่ Accessibility หาคำว่า Play System Sounds แล้วคลิกที่ช่องว่างด้านหน้า ให้มีเครื่องหมายถูกปรากฏขึ้น แล้วกด OK ก็จะมีเสียงคลิกดังขึ้นอีกครั้ง มีการกระทำที่อันควร ซึ่งไออี9 เป็นรุ่นสุดท้ายที่รองรับกับ วินโดวส์ วิสต้า\nไออี 10 เริ่มเปิดตัวในวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2554 ในงาน MIX 11 ที่ลาสเวกัส โดยทางไมโครซอฟท์กล่าวว่าได้พัฒนาไปในช่วงสามอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยนอกจากนี้ยังเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถทดลองดาวน์โหลดรุ่นแพลตฟอร์มพรีวิวได้ผ่านทางเว็บไซต์ของไมโครซอฟท์ซึ่ง อินเทอร์เน็ตเอกซ์พลอเรอร์ 10 นี้มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ วินโดวส์ 8 และ วินโดวส์เซิรฟเวอร์ 2012"
] |
จังหวัดหนองคายอยู่ภาคใดของประเทศไทย ? | [
"อันจังหวัดหนองคาย จังหวัดหนองคาย อยู่ชายแดน ตามภูมิแผนที่ตั้งริมฝั่งโขง ภาคอีสานเรืองอร่ามเรืองอร่ามงามจรรโลง เกียรติดังโด่ง เป็นเมืองด่านบานประตู ชาวหนองคาย หนองคาย พี่น้องผองไทยกาจ ล้วนสามารถแสดงประจักษ์เป็นนักสู้ เคยชิงชัยห้าวหาญต้านศัตรู มิให้จู่โจมบุกรุกแดนไทย อันพี่น้องหนองคายชายก็ชาญ หญิงสะคราญหมดจดสวยสดใส ทุกคนเอื้ออารีมีนำใจ ถึงอยู่ไกลไมตรีสนิท เป็นมิตรเอย",
"จังหวัดหนองคาย มีเนื้อที่ประมาณ 3,026.534 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 1,891,583 ไร่ (นับเป็นจังหวัดที่มีขนาดเล็กที่สุดของภาคอีสาน โดยพื้นที่ทั้งหมดก่อนที่จังหวัดบึงกาฬจะแยกตัวไป มีประมาณ 7,332 ตารางกิโลเมตร) ลักษณะเป็นรูปยาวเรียงทอดไปตามลำน้ำโขง ซึ่งเป็นเส้นกั้นเขตแดนกับประเทศลาว มีความยาวทั้งสิ้น 195 กิโลเมตร ความกว้างของพื้นที่ที่ทอดขนานไปตาม ลำน้ำโขงโดยเฉลี่ย 20 - 25 กิโลเมตร ห่างจากกรุงเทพมหานครตามทางหลวงแผ่นดินสาย 2 (มิตรภาพ) ประมาณ 615 กิโลเมตร และมีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดใกล้เคียงดังนี้สภาพภูมิประเทศของจังหวัดหนองคายมีลักษณะทอดยาวตามลำน้ำโขง จังหวัดหนองคายเป็นจังหวัดชายแดนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีอาณาเขตติดกับกรุงเวียงจันทน์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศลาว โดยมีแม่น้ำโขงเป็นเส้นกั้นเขตแดน จังหวัดหนองคายเป็นจังหวัดชายแดนที่มีเอกลักษณ์พิเศษโดยมีพื้นที่ทอดขนานยาวไปตามลำน้ำโขง ความกว้างของพื้นที่ทอดขนานไปตามลำน้ำโขงโดยเฉลี่ยประมาณ 20 – 25 กิโลเมตร ช่วงที่กว้างที่สุดอยู่ที่อำเภอเฝ้าไร่ และช่วงที่แคบที่สุดอยู่ที่อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคายมีอำเภอที่อยู่ติดกับลำน้ำโขง 6 อำเภอ คือ อำเภอสังคม อำเภอท่าบ่อ อำเภอศรีเชียงใหม่ อำเภอเมือง อำเภอโพนพิสัย และอำเภอรัตนวาปี และมีอาณาเขตติดต่อกับ ประเทศลาว คือ แขวงเวียงจันทน์ นครหลวงเวียงจันทน์ และแขวงบอลิคำไซ",
"หนองคาย เป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนตั้งอยู่ในแอ่งสกลนครและอยู่ในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 เป็นจังหวัดชายแดนและเป็นจังหวัดที่เงียบสงบ น่าอยู่และน่าท่องเที่ยว มีพื้นที่ส่วนใหญ่ติดฝั่งแม่น้ำโขง ตรงข้ามกับประเทศลาว มีพื้นที่แคบแต่ยาว มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการชมบั้งไฟพญานาคในวันออกพรรษา"
] | [
"เนื่องจากจังหวัดหนองคายมีชายแดนติดต่อกับประเทศลาวกว่า 200.82 กิโลเมตร และเป็นเมืองหน้าด่านในการทำสงครามในสมัยก่อน จึงทำให้มีการกวาดต้อนอพยพผู้คนจากทั้งฝั่งประเทศลาวและไทย (ในปัจจุบัน) ข้ามไปมา จึงทำให้มีกลุ่มคนหลายชาติพันธุ์ในจังหวัดหนองคาย แต่อย่างไรก็ตามในบันทึกทางประวัติศาสตร์ ได้บ่งบอกว่ามีกลุ่มคนที่อาศัยเป็นเมืองอยู่ในบริเวณนี้อยู่เดิม ได้แก่ เมืองพานพร้าว (อำเภอศรีเชียงใหม่) เมืองปากห้วยหลวง (อำเภอโพนพิสัย) ซึ่งเป็นหนึ่งในอาณาจักรล้านช้างในปัจจุบันกลุ่มคนที่อพยพมาอยู่ในเขตจังหวัดหนองคาย ได้มีการปรับตัวและปรับเปลี่ยนเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กลมกลืนกับชาวพื้นเมืองที่ตั้งถิ่นฐานอยู่เดิมจนแทบไม่เห็นความแตกต่าง ทั้งการแต่งกาย ที่อยู่อาศัย ประเพณีต่าง ๆ จะสังเกตได้เฉพาะสำเนียงของภาษาพูด ที่ยังคงเหลือเค้าให้ทราบว่า เดิมเป็นชนเผ่าไหน ซึ่งพอจำแนก ได้ดังนี้",
"เทศบาลเมืองหนองคาย เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประเภทเทศบาลเมืองในอำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย ตั้งอยู่ริมฝั่งขวาแม่น้ำโขงและมีอาณาเขตติดต่อกับประเทศลาว โดยมีสะพานมิตรภาพไทย-ลาว เชื่อมต่อจากเมืองหนองคายไปยังนครหลวงเวียงจันทน์ เทศบาลเมืองหนองคายเป็นที่ตั้งของศาลากลางจังหวัดหนองคาย มีพื้นที่ 35.15 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรในปี พ.ศ. 2560 จำนวน 47,949 คน ทำให้เป็นเทศบาลที่มีประชากรมากที่สุดในจังหวัดหนองคาย",
"สโมสรฟุตบอลจังหวัดหนองคาย เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพในประเทศไทย ตั้งอยู่ที่อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย ปัจจุบันลงแข่งขันในระดับ ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)",
"มุกดาหาร เป็นจังหวัดชายแดน อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทยตั้งอยู่ในแอ่งสกลนคร และอยู่ในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน2 ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 642 กิโลเมตร แยกออกมาจากจังหวัดนครพนมเมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2525 นับเป็นจังหวัดที่ 73 ของประเทศไทยด้านตะวันออกเป็นที่ราบสลับป่าไม้ ด้านตะวันตกเป็นผืนป่าบนทิวเขาภูพาน ด้านตะวันออกมีแม่น้ำโขงทอดยาวกั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับลาว",
"นอกจากนี้ ทุกวันออกพรรษาจะมีประชาชนจำนวนมากไปเยือนริมฝั่งแม่น้ำของในประเทศไทย แถบอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย เพื่อดูปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค ซึ่งสร้างรายได้ให้แก่จังหวัดเป็นอย่างมาก จังหวัดที่มีปรากฏการณ์บั่งไฟพญานาคที่มีประชาชนนิยมไปเฝ้าดูมากที่สุด คือ จังหวัดหนองคาย ซึ่งในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา มีกลุ่มนักวิจัยจากหลายสถาบันได้ออกมาชี้ชัด หรือหาหลักฐานอธิบายปรากฏการณ์ดังกล่าว ว่าเกิดจากกลุ่มก๊าซธรรมชาติที่มีอยู่ในแม่น้ำโขง อาทิเช่น ก๊าซมีเทน เป็นต้น แต่ก็ยังมิได้มีหลักฐานชี้ชัดเป็นที่แน่นอน ว่าเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดจากการกระทำของพญานาค หรือ เกิดจากการกระทำของธรรมชาติ",
"จังหวัดนครสวรรค์ เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในตอนบนของภาคกลาง หรือบางหน่วยงานจัดให้อยู่ในตอนล่างของภาคเหนือ จึงได้รับสมญานามว่าเป็น \"ประตูสู่ภาคเหนือ\" มีพื้นที่ประมาณ 9,597 ตารางกิโลเมตร เป็นจังหวัดที่มีความสำคัญในทางประวัติศาสตร์อีกจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย มีพื้นที่ติดต่อกับหลายจังหวัด ได้แก่ ด้านเหนือ ติดต่อกับจังหวัดพิจิตรและกำแพงเพชร ทางตะวันออกติดกับจังหวัดเพชรบูรณ์และลพบุรี ด้านใต้ติดกับจังหวัดสิงห์บุรี ชัยนาท และอุทัยธานี ส่วนด้านตะวันตกติดกับจังหวัดตาก",
"เทศบาลตำบลหนองสองห้อง เป็นองค์กรปกครองท้องถิ่นแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในบริเวณทิศตะวันตกของ ตำบลค่ายบกหวาน อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย อยู่ห่างจากตัวเมืองหนองคายลงไปทางทิศใต้ ประมาณ 12 กิโลเมตร",
"ดวงตราเทศบาลเมืองหนองคายเป็นดวงตรารูปวงกลมซ้อนกันสองชั้นวงในด้านขวามือมีรูปกอไผ่อยู่ในหนองน้ำด้านซ้ายมือมีรูปพระธาตุ ตรงกลางมีหนองน้ำและดอกบัว ด้านหลังมีภูเขาและก้อนเมฆอยู่ ส่วนวงนอกมีข้อความรอบรูปด้านบนว่า \"เทศบาลเมืองหนองคาย\" และด้านล่างมีข้อความว่า \"จังหวัดหนองคาย\"\nและมีถนนสายหลัก 4 สาย คือ ถนนมีชัย ถนนประจักษ์ศิลปาคม ถนนแก้ววรวุฒิ และถนนพนังชลประทานเป็นถนนเรียบแนวเขตเทศบาลเมืองหนองคาย และมีถนนสายสั้น ๆ ที่เรียบตามแนวฝั่งแม่น้ำโขงตลอดแนวริมฝั่งแม่น้ำโขง มีการปรับปรุงพื้นที่เป็นพื้นที่นันทนาการ ชมทัศนียภาพของแม่น้ำโขงและประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว"
] |
ใครเป็นผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์? | [
"พ.ศ. 2511-2537 ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เริ่มตั้งแต่เป็นโรงเรียนราษฎร์ในปี พ.ศ. 2511 ต่อมาได้เลื่อนฐานะเป็นวิทยาลัย เมื่อปี พ.ศ. 2513 และเป็นมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เมื่อปี พ.ศ. 2527 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ถือกำเนิดจากความคิดและปณิธานอันแรงกล้าของ ดร.ไสว สุทธิพิทักษ์ และอาจารย์สนั่น เกตุทัต ที่มุ่งมั่นจะทำงานด้านการศึกษา เพื่อประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติ และได้มีความเห็นตรงกันในเรื่องการสร้างเยาวชนให้เป็นพลเมืองที่ดีของสังคม ดังนั้นแนวความคิดในการจัดตั้งสถาบันการศึกษาของอาจารย์ทั้งสองจึงเริ่มขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2508 โดยขณะนั้นอาจารย์สนั่น เกตุทัต ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากร และ ดร.ไสว สุทธิพิทักษ์ (ผู้มีศักดิ์เป็นน้องเขย) ซึ่งทำงานด้านการศึกษาในตำแหน่งผู้อำนวยการวิทยาลัยการค้า (พ.ศ. 2507 - 2508) แต่เนื่องจากอาจารย์สนั่นยังคงรับราชการที่กรมสรรพากรอยู่ ภาระหน้าที่ในการดำเนินการจัดตั้งสถาบันการศึกษาจึงเป็นหน้าที่หลักของ ดร.ไสว สุทธิพิทักษ์ และเมื่ออาจารย์สนั่นเสร็จภารกิจจากงานในหน้าที่ในแต่ละวันแล้ว ก็จะมาช่วยคิด ช่วยทำ ร่วมกับ ดร.ไสว",
"ดร.ไสว สุทธิพิทักษ์ (10 มีนาคม พ.ศ. 2460 - 22 กันยายน พ.ศ. 2537) ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ อธิการบดีคนแรกของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ และอดีตกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย รวมทั้งยังเคยเป็นผู้แทนฝ่ายไทยในการประสานงานกับกองบัญชาการกองทัพพันธมิตร ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง",
"มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2511 ภายใต้เจตนารมณ์ของ ดร.ไสว สุทธิพิทักษ์ และอาจารย์สนั่น เกตุทัต โดยใช้ชื่อสถาบัน \"ธุรกิจบัณฑิตย์\" ตั้งอยู่ริมคลองประปา ถนนพระราม 6 สามเสน ในยุคเริ่มต้น ต่อมาจึงเปลี่ยนสถานภาพเป็นวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ในปี พ.ศ. 2513 และเลื่อนฐานะเป็น \"มหาวิทยาลัย\" ในปี พ.ศ. 2527",
"ช่วงเวลานั้น อาจารย์สนั่นยังคงรับราชการที่กรมสรรพากร ภาระหน้าที่ในการดำเนินการจัดตั้งสถาบันการศึกษาจึงเป็นหน้าที่หลักของ ดร.ไสว สุทธิพิทักษ์ แต่เมื่อใดที่มีเวลาหรือเสร็จภารกิจจากงานในหน้าที่ในแต่ละวันแล้ว อาจารย์สนั่นจะมาช่วยคิด ช่วยทำ ร่วมกับ ดร.ไสว ในที่สุดกระทรวงศึกษาธิการได้อนุญาตให้ “โรงเรียนธุรกิจบัณฑิตย์” เปิดทำการได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2511 ต่อมาในวันที่ 30 พฤษภาคม ปีเดียวกัน ได้ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ โดยมี ฯพณฯ ทวี บุณยเกตุ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี พร้อมกับเปลี่ยนคำว่า “โรงเรียน” เป็น “สถาบัน” ก่อตั้งบนพื้นที่ 1 ไร่ 14 ตารางวา ณ เลขที่ 73 ถนนพระราม 6 สถาบันการศึกษานาม “ธุรกิจบัณฑิตย์” จึงเกิดขึ้นในวงการศึกษาไทยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และได้เติบโตเป็น “วิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์” ใน พ.ศ. 2513 ต่อมาใน พ.ศ. 2527 ได้เจริญก้าวหน้าเป็น “มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์” บนเนื้อที่ 36 ไร่ ริมคลองประปา ถนนประชาชื่น จนถึงปัจจุบันเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่มั่นคงและแข็งแกร่งอาจารย์สนั่น เกตุทัต เคยถ่ายทอดความรู้สึกต่อสถาบันการศึกษาที่ท่านได้ก่อตั้งร่วมกับ ดร.ไสว สุทธิพิทักษ์ ไว้ว่า ..."
] | [
"คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2537 เป็นคณะที่ตั้งขึ้นเป็นลำดับที่ 7 ของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ในสมัยที่ศาสตราจารย์ไพฑูรย์ พงศะบุตร เป็นอธิการบดี คณะเปิดรับนักศึกษารุ่นแรกในปีการศึกษา 2537 ขณะนั้นเปิดสอนระดับปริญญาตรี 2 หลักสูตร คือ หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า และ หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ โดยมีคณบดีท่านแรก คือ ดร.อาชอำพล ขัมพานนท์",
"ในที่สุดกระทรวงศึกษาธิการได้อนุญาตให้ “โรงเรียนธุรกิจบัณฑิตย์” เปิดทำการได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2511 ต่อมาในวันที่ 30 พฤษภาคม ปีเดียวกัน ได้ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ โดยมี ฯพณฯ ทวี บุณยเกตุ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี พร้อมกับเปลี่ยนคำว่า “โรงเรียน” เป็น “สถาบัน” ก่อตั้งบนพื้นที่ 1 ไร่ 14 ตารางวา ณ เลขที่ 73 ถนนพระราม 6 สถาบันการศึกษานาม “ธุรกิจบัณฑิตย์” จึงเกิดขึ้นในวงการศึกษาไทยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และได้เติบโตเป็น “วิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์” ใน พ.ศ. 2513 ต่อมาใน พ.ศ. 2527 ได้เจริญก้าวหน้าเป็น “มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์” บนเนื้อที่ 36 ไร่ ริมคลองประปา ถนนประชาชื่น โดยมี ดร.ไสว สุทธิพิทักษ์ ดำรงตำแหน่งเป็นอธิการบดีคนแรก (พ.ศ. 2527 - 2537) จนถึงปัจจุบันมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่มั่นคงและแข็งแกร่ง",
"ดร.เจริญ คันธวงศ์ เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งสถาบันอุดมศึกษาเอกชน คือ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ในปี พ.ศ. 2505 โดยดำรงตำแหน่งเป็นอธิการบดีคนแรกด้วยวัยเพียง 29 ปี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยกรุงเทพ และได้รับการยกย่องให้เป็น \"อธิการบดีกิตติคุณก่อตั้ง\" หรือ Emeritus (เอเมริตุส) อีกทั้งยังมีอาคารเพื่อเป็นการรำลึกถึงคือ อาคาร ดร.เจริญ คันธวงศ์ ที่วิทยาเขตกล้วยน้ำไทด้วย",
"จุดเริ่มต้นของการก่อตั้งคณะเศรษฐศาสตร์ เริ่มขึ้นเมื่อปีการศึกษา 2513 ซึ่งเป็นปีที่เริ่มตั้งวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เสนอหลักสูตรการเรียนการสอนสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ร่วมกับสาขาวิชานิติศาสตร์ ดำเนินการสอนโดย คณะวิชานิติเศรษฐศาสตร์ ไปยังสภาการศึกษาแห่งชาติเป็นผู้พิจารณาหลักสูตร แต่เนื่องจากหลักสูตรสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ที่เสนอไป เป็นหลักสูตรที่สร้างขึ้นตามนโยบายของวิทยาลัยที่จะให้มีการเรียนการสอนวิชานิติศาสตร์มากกว่าเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยของรัฐ จึงมีอุปสรรคบางประการเกี่ยวกับการพิจารณาหลักสูตร จึงต้องใช้เวลาพิจารณานานเป็นพิเศษ ต่อมาสภาการศึกษาแห่งชาติได้ขอให้วิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ แยกคณะวิชานิติศาสตร์ออกเป็น 2 คณะ คือ คณะนิติศาสตร์ และคณะเศรษฐศาสตร์ วิทยาลัยจึงได้เสนอหลักสูตรสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ ไปยังสภาการศึกษาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2514 และได้อนุมัติให้เปิดสอนได้ในวันที่ 8 กันยายน 2515 ซึ่งเป็นคณะวิชาที่ 3 ของวิทยาลัยที่เปิดการเรียนการสอน นับถึงปัจจุบันนี้ คณะเศรษฐศาสตร์ได้ผลิตบัณฑิตทางเศรษฐศาสตร์ไปแล้ว 37 รุ่น มหาบัณฑิต 21 รุ่น",
"นับตั้งแต่สถาบันธุรกิจบัณฑิตย์ได้เริ่มเปิดสอนในปี พ.ศ. 2511 และได้พัฒนาเป็นวิทยาลัยโดยมีอาจารย์ ดร.ไสว สุทธิพิทักษ์ เป็นผู้อำนวยการ ภายใต้การกำกับของสภาการศึกษาแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ มีคณะบริหารธุรกิจได้รับการรับรองหลักสูตรและอนุญาตให้เปิดสอนเป็นคณะแรก ในปี พ.ศ. 2513 ต่อมาได้แยกสาขาวิชาการบัญชีออกจากคณะบริหารธุรกิจ จัดตั้งเป็นคณะการบัญชีเป็นคณะวิชาที่ 2 ในปี พ.ศ. 2515",
"มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เป็นสถาบันอุดมศึกษาเอกชน 1 ใน 5 แห่งแรกในประเทศไทยถูกสถาปนาขึ้นพร้อมกับ วิทยาลัยเกริก วิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาลัยไทยสุริยะ และวิทยาลัยพัฒนา ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2511 ปัจจุบัน เปิดการเรียนการสอนใน 6 คณะ 6 วิทยาลัย",
"เมื่อมีการพัฒนามากขึ้น และมีการขยายตัวของระบบการศึกษาในประเทศ มหาวิทยาลัยจึงย้ายสถานที่ตั้งมาอยู่ริมคลองประปา ถนนประชาชื่น บนเนื้อที่ 130 ไร่ เพื่อก่อสร้างอาคารเรียนและอาคารปฏิบัติการทางการเรียนการสอน สิ่งอำนวยความสะดวกในรูปแบบที่เอื้ออำนวยประโยชน์ต่อนักศึกษา มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับรอง ทั้งระบบ ทุกคณะวิชา ทุกหน่วยงาน ในองค์กร มหาวิทยาลัยถือเป็นมหาวิทยาลัยที่มีสภาวะแวดล้อมสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของสถานศึกษาในประเทศไทย ภายใต้ปรัชญาการดำเนินงานที่ว่า \"นักธุรกิจเป็นผู้สร้างชาติ\" โดยมี ดร.อรัญ ธรรมโน เป็นนายกสภามหาวิทยาลัย และ ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ เป็นอธิการบดี"
] |
สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ก่อตั้งปีใด ? | [
"ราวปี พ.ศ. 2495 กระทรวงกลาโหมออกข้อบังคับ ว่าด้วยการมอบหมายงานแก่เจ้าหน้าที่กองทัพบก โดยกำหนดให้กรมการทหารสื่อสาร (สส.) จัดตั้งแผนกกิจการวิทยุโทรทัศน์ ขึ้นตรงต่อกองการกระจายเสียงและโทรทัศน์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2497 มีการกำหนดอัตรากำลังพลประจำแผนกโทรทัศน์ ในอัตราเฉพาะกิจ สังกัดกรมการทหารสื่อสาร จำนวน 52 นาย เพื่อปฏิบัติงาน ออกอากาศโทรทัศน์ภาคพื้นดิน ผลิตและถ่ายทอดรายการโทรทัศน์\nจากนั้นในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น ลงนามในคำสั่งแต่งตั้ง คณะกรรมการดำเนินการวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ประกอบด้วย พลเอกไสว ไสวแสนยากร เป็นประธานกรรมการ และพันเอก (พิเศษ) การุณ เก่งระดมยิง เป็นเลขานุการ มีหน้าที่จัดทำ\"โครงการจัดตั้งสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก\" พร้อมทั้งวางแผนการอำนวยการ และควบคุมการดำเนินกิจการวิทยุโทรทัศน์ รวมถึงมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อปฏิบัติงานให้ได้ผลตามที่ราชการทหารมุ่งหมาย ต่อมาในวันที่ 24 มิถุนายน ปีเดียวกัน มีพิธีวางศิลาฤกษ์ อาคารที่ทำการสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ในบริเวณกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ สนามเป้า ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร โดยทำสัญญายืมเงินกับกองทัพบก เพื่อเป็นทุนในการก่อสร้าง และจัดหาอุปกรณ์ จำนวน 10,101,212 บาท\nสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 (ชื่อสากล: ATV รหัส: HSATV ชื่อย่อ: ททบ.7) เริ่มต้นออกอากาศเป็นปฐมฤกษ์ เมื่อวันเสาร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2501 จากอาคารสวนอัมพร เป็นภาพขาวดำ ใช้ระบบเอฟซีซี (Federal Communication Committee) 525 เส้น ทางช่องสัญญาณที่ 7 ด้วยเครื่องส่งออกอากาศ กำลังส่ง 5 กิโลวัตต์ และทวีกำลังเพิ่มขึ้นอีก 12 เท่า บนสายอากาศสูง 300 ฟุต รวมกำลังส่งออกอากาศทั้งสิ้น 60 กิโลวัตต์ จึงเป็นสถานีโทรทัศน์ไทยแห่งที่สอง ต่อจากสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีช่อง 4 ของบริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด (สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 เอ็มคอตเอชดี ของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ในปัจจุบัน)\nต่อมา เมื่อก่อสร้างของอาคารสถานีเสร็จสมบูรณ์ จึงเริ่มออกอากาศอย่างเป็นทางการในทุกวันพุธ แล้วจึงเพิ่มวันจันทร์และวันศุกร์ในระยะถัดมา โดยรายการส่วนมากเป็นสารคดีและภาพยนตร์ต่างประเทศ จากนั้นในปี พ.ศ. 2506 ททบ.ตั้งสถานีทวนสัญญาณเป็นแห่งแรก บนยอดเขาวงพระจันทร์ อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี โดยใช้เครื่องทรานสเลเตอร์ถ่ายทอดสัญญาณ เริ่มจากถ่ายทอดการฝึกทหารในยามปกติ ซึ่งมีชื่อรายการว่า การฝึกธนะรัชต์ ทั้งนี้ เริ่มจัดรายการภาคกลางวัน ในปีเดียวกันนี้ด้วย\nพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี และทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทอดพระเนตรกิจการ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2508\nนอกจากนี้ ททบ.5 ยังเริ่มจัดตั้ง สถานีวิทยุกระจายเสียงระบบเอฟเอ็ม ความถี่ 94.0 เมกะเฮิร์ตซ์ ในปีเดียวกันนี้ โดยในระยะแรกเป็นการถ่ายทอดเสียงภาษาอังกฤษ จากฟิล์มภาพยนตร์ที่ออกอากาศทาง ททบ. และเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2511 ททบ.ร่วมกับสถานีโทรทัศน์อีก 3 แห่งในขณะนั้น ก่อตั้ง โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ชื่อย่อ: ทรท., ทีวีพูล) เพื่ออำนวยการปฏิบัติงาน ระหว่างสถานีโทรทัศน์ในประเทศไทย ต่อมาในปี พ.ศ. 2515 ททบ.ตั้งสถานีทวนสัญญาณเพิ่มเติม ที่จังหวัดนครสวรรค์และจังหวัดนครราชสีมา โดยเปลี่ยนมาใช้ระบบไมโครเวฟแทน\nจากนั้น ททบ.5 ปรับปรุงระบบเครื่องส่งโทรทัศน์ จากเดิมที่ใช้ระบบ 525 เส้น ภาพขาวดำ ช่องสัญญาณที่ 7 เป็นระบบ 625 เส้น ในย่านความถี่วีเอชเอฟ ทางช่องสัญญาณที่ 5 ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2517 พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 (ททบ.5) ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2517 ททบ.เริ่มออกอากาศด้วยภาพสีในระบบพาล (Phase Alternation Line - PAL) เป็นครั้งแรกด้วยการถ่ายทอดสด พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ ณ ลานพระราชวังดุสิต และต่อมา ททบ.5 จึงเปลี่ยนแปลงตราสัญลักษณ์ของสถานีฯ เพื่อให้สอดคล้องกับการบริหารงานของสถานี และยังมีการเปลี่ยนอีกครั้งหนึ่งด้วย\nเมื่อปี พ.ศ. 2521 ททบ.ร่วมกับสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 เช่าสัญญาณดาวเทียมปาลาปาของอินโดนีเซีย พร้อมตั้งสถานีถ่ายทอดสัญญาณผ่านดาวเทียมเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ และเริ่มจัดทำห้องส่งส่วนภูมิภาค ในภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่, ภาคใต้ที่จังหวัดสงขลา และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จังหวัดอุบลราชธานี อนึ่ง ในช่วงทศวรรษนี้ ททบ.ดำเนินการขยายสถานีเครือข่ายในจังหวัดต่างๆ เพิ่มเติมดังต่อไปนี้\nนอกจากนี้ ททบ.5 ยังเปิดให้บริการเว็บไซต์ของสถานีฯ เป็นแห่งแรกในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2538 โดยใช้โดเมนเนม www.tv5.co.th พร้อมทั้งจัดทำระบบโทรทัศน์ทางอินเทอร์เน็ต เป็นแห่งแรกในทวีปเอเชีย ทั้งนี้ในปี พ.ศ. 2539 ททบ.เป็นผู้ริเริ่มใช้เฮลิคอปเตอร์ที่ติดตั้งกล้องวิดีโอ และรถถ่ายทอดเคลื่อนที่ผ่านระบบดาวเทียม (Digital Satellite News Gathering ชื่อย่อ: D-SNG) มาใช้กับการถ่ายทอดสดและรายงานข่าว เป็นแห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงเป็นสถานีแรกของประเทศไทย ที่ดำเนินการผลิตและควบคุมการออกอากาศ ด้วยระบบดิจิตอล ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2541 และยังเริ่มต้นออกอากาศตลอด 24 ชั่วโมงเป็นสถานีแรกของไทย\nต่อมา ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2541 ททบ.5 ดำเนินการออกอากาศโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ในระบบดิจิตอลไปยังทุกภูมิภาคทั่วโลก ตามโครงการ โดยปัจจุบันสามารถรับชมในกว่า 170 ประเทศ และในวาระครบรอบ 40 ปี ททบ. ปีเดียวกันนั้นเอง การก่อสร้างอาคารที่ทำการ และอาคารหลักของสถานีโทรทัศน์ ซึ่งรวมส่วนบริหาร ส่วนปฏิบัติการ และส่วนสนับสนุนไว้ในอาคารเดียวกัน รวมทั้งมีห้องส่งโทรทัศน์อันทันสมัย จำนวน 4 ห้อง ก็แล้วเสร็จสมบูรณ์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2550 ททบ.เริ่มดำเนินงานก่อสร้าง อาคารสำนักงานเพิ่มเติม และอาคารจอดรถ กำหนดแล้วเสร็จในวาระครบรอบ 50 ปีของ ททบ.5 คือ พ.ศ. 2551\nโดยในปีดังกล่าว ททบ.จัดซื้อระบบออกอากาศภายในห้องส่งใหม่ ประกอบด้วยโรงถ่ายเสมือนจริง (Virtual Studio) และกำแพงวิดีทัศน์ (Video Wall) พร้อมทั้งใช้สีแดง ประกอบการนำเสนอข่าวของสถานีฯ ในปีต่อมา (พ.ศ. 2552) ททบ.5 เปลี่ยนไปใช้สีเขียว เป็นหลักในการนำเสนอข่าว โดยให้มีนัยสื่อถึงกองทัพบก ล่าสุด ททบ.ดำเนินงานก่อสร้าง อาคารชุดอเนกประสงค์แห่งใหม่ เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 โดยมีกำหนดแล้วเสร็จวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2557\nคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ อนุญาตให้กรมประชาสัมพันธ์, บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)และองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ร่วมกันทดลองออกอากาศโทรทัศน์ระบบดิจิทัล โดยมอบหมายให้ ททบ.5 เป็นผู้ดำเนินการ ตั้งแต่เวลา 13:00 น. ของวันศุกร์ที่ 25 มกราคม จนถึงเวลา 12:59 น. ของวันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เป็นระยะเวลา 6 เดือน ในย่านความถี่ยูเอชเอฟ ช่องสัญญาณที่ 36 ซึ่งแบ่งออกเป็น 8 ช่องรายการคือ 6 ช่องทวนสัญญาณจากช่องโทรทัศน์ภาคพื้นดิน (Terrestrial) ด้วยความละเอียดมาตรฐานตามปกติ ซึ่งประกอบด้วย สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5, สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 , สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3, สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์, สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส สำหรับอีก 2 ช่องรายการ จะทดลองออกอากาศโทรทัศน์ความละเอียดสูง กล่าวคือ ช่องหนึ่งจะกระจายเสียงและแพร่ภาพ รายการโทรทัศน์ความละเอียดสูงซึ่งผลิตโดย ททบ. ส่วนอีกช่องหนึ่งจะทวนสัญญาณ จากช่องรายการของไทยพีบีเอส ซึ่งออกอากาศในระบบความละเอียดสูงผ่านดาวเทียมอยู่แต่เดิม โดยมีรัศมีรอบเสาส่งสัญญาณบนยอดอาคารใบหยก 2 เป็นระยะทาง 80 กิโลเมตร ครอบคลุมเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล\nต่อมา กสทช.อนุมัติใบอนุญาตประกอบกิจการ โทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิทัล ประเภทบริการสาธารณะเพื่อความมั่นคงแก่ ททบ.5 โดยเริ่มนำสัญญาณภาพและเสียง ออกอากาศคู่ขนานไปจาก โทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบแอนะล็อกทางช่อง 5 เดิม พร้อมกับผู้ประกอบการส่วนมาก ในประเภทบริการทางธุรกิจ เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2557 ต่อมา ททบ.5 ตั้งชื่อช่องรายการที่ออกอากาศในระบบดิจิทัลว่า ทีวี 5 เอชดี1 (TV5 HD1) (วิธีอ่าน อ่านว่า \"ทีวีไฟว์ เอชดีวัน\") พร้อมกับการปรับเปลี่ยนการปรากฏตราสัญลักษณ์ของสถานีแต่เพียงเล็กน้อย ด้วยการเพิ่มตัวอักษรคำว่า \"HD1\" สีเทาเงิน ประดับติดกับสัญลักษณ์ไว้ทางด้านขวาตรงกลาง โดยเพื่อใช้สำหรับการปรากฏตราสถานีฯไว้อยู่ที่มุมขวาของหน้าจอโทรทัศน์ เมื่อขณะที่กำลังออกอากาศรายการต่างๆอยู่ ทั้งระบบแอนะล็อกและดิจิทัล ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2557 ซึ่งใช้มาจนกระทั่งพฤษภาคม พ.ศ. 2561 จึงได้ปรับอัตลักษณ์บนหน้าจอใหม่ให้ใหญ่และโดดเด่นขึ้น"
] | [
"สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (; ชื่อย่อ: ททบ.) เป็นสถานีโทรทัศน์ภาคพื้นดิน (Terrestrial Television) ของกองทัพบกไทย และเป็นสถานีโทรทัศน์แห่งที่สองของประเทศไทย เริ่มแพร่ภาพเป็นปฐมฤกษ์ เมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2501 ในระบบวีเอชเอฟ เดิมออกอากาศเป็นภาพขาวดำ ทางช่องสัญญาณที่ 7 จึงเรียกว่า \"สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7\" (\"ททบ.7\") หรือ \"ช่อง 7\" (\"ขาว-ดำ\") ต่อมาในปี พ.ศ. 2517 จึงย้ายมาออกอากาศด้วยภาพสี ทางช่องสัญญาณที่ 5 จึงเรียกว่า สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 (ททบ.5) จนถึงปัจจุบัน มี พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานกรรมการบริหารกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์กองทัพบก และ พลเอก กิตติเชษฐ์ ศรดิษฐพันธ์ เป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่",
"สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ได้เตรียมการยุติการออกอากาศโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบแอนะล็อก โดยททบ. ยุติการออกอากาศในระบบแอนะล็อกครั้งแรกในวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2559 ในสถานีส่งอำเภอแม่สะเรียงและอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน และในปี พ.ศ. 2560 ยุติการออกอากาศ 2 ระยะ โดยระยะแรก ในวันที่ 1 มกราคม ที่สถานีส่งเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี อำเภอเบตง จังหวัดยะลา และสถานีส่งจังหวัดร้อยเอ็ด และวันที่ 31 ธันวาคม ที่สถานีส่งจังหวัดชัยภูมิ จังหวัดเลย และสถานีส่งอำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี",
"เมื่อปี พ.ศ. 2511 ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ในขณะนั้น ได้แก่ไทยทีวีช่อง 4 ของบริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด (ช่อง 9 เอ็มคอตเอชดี ของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ในปัจจุบัน) และ ททบ.7 (ปัจจุบันคือ ททบ.5) กับช่อง 7 สี ของกองทัพบก ได้ประชุมร่วมกันและมีมติว่า แต่ละสถานีฯ ควรจะได้รวมตัวกันขึ้น เพื่อปรึกษาหารือ และดำเนินการจัดการในเรื่องต่าง ๆ อันจะเกิดประโยชน์ร่วมกันกับทุกสถานีฯ จึงก่อตั้งองค์กรชื่อว่า \"โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย\" เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ปีดังกล่าว โดยกำหนดให้มีคณะกรรมการขึ้นชุดหนึ่ง ประกอบด้วยผู้อำนวยการของช่องโทรทัศน์ทั้ง 4 เป็นกรรมการ และมอบให้ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 เป็นประธานกรรมการโดยตำแหน่ง อันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาแต่ก่อตั้ง ซึ่งต่อมาสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เข้าร่วมเป็นสมาชิกถาวร นับแต่ก่อตั้งเมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2513 ต่อมามีช่องโทรทัศน์ เข้าเป็นสมาชิกสมทบคือ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และไทยพีบีเอส (เดิมคือสถานีโทรทัศน์ไอทีวี และสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี)",
"ในปี พ.ศ. 2541 สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก จัดตั้งสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมไทยทีวีโกลบอลเน็ตเวิร์ก ออกอากาศ 177 ประเทศทั่วโลก และในวันที่ 1 กรกฎาคม ปีเดียวกัน บริษัทไอบีซีและยูทีวี ได้ควบรวมกิจการจัดตั้งเป็น บริษัท ยูไนเต็ด บรอดคาสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (หรือยูบีซีในขณะนั้น) สำหรับการออกอากาศนั้น ทั้งสองก็ได้ออกอากาศต่อไปในนามของยูบีซี แต่ในกรณีสัญญาสัมปทานนั้น ยูบีซี ได้ใช้สัญญาสัมปทานของ อ.ส.ม.ท. ที่ได้ให้ต่อไอบีซีเดิม (ระยะเวลาสัญญา 25 ปี คือระหว่างปี 2532 ถึงปี 2557) ต่อมาวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2546 ครม.สมัยพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร มีมติให้ยุบเลิกองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย และให้เปลี่ยนเป็น บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ซึ่งต่อมามีผลเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2547",
"อนึ่ง สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย เป็นสถานีโทรทัศน์แห่งแรกที่แสดงตราสัญลักษณ์ฯ ที่มุมบนซ้ายของหน้าจอ ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม เวลา 13.45 น. ต่อมาคือสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก เริ่มแสดงเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม เวลา 15.45 น. และ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ในเวลา 17.00 น. ส่วนสถานีโทรทัศน์แห่งอื่นๆ แสดงตราสัญลักษณ์ฯ เป็นครั้งแรก ในวันที่ 8 พฤษภาคม โดยสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เริ่มเวลา 00.00 น. สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ในเวลา 00.53 น. และสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เมื่อเวลา 17.00 น.",
"ในปี 2560 มีการออกอากาศละครกึ่งสารคดีในชื่อ \"เจ้าตาก 250 ปี เส้นทางสู่สายอิสรภาพ\" ซึ่งออกอากาศเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ด้วยการออกอากาศช่วงละครและสารคดีควบคู่กันในแต่ละครั้ง ในระหว่างวันที่ 6 เมษายน จนถึงวันที่ 15 มิถุนายน 2560 เวลา 20:20-21:20 น. ต่อมานับตั้งแต่ครั้งออกอากาศในวันที่ 22 มิถุนายน 2560 เป็นต้นมา รายการได้ลดเวลาการออกอากาศเหลือเพียงแค่ 30 นาที โดยที่มีเพียงแค่ออกอากาศช่วงสารคดีเท่านั้น และออกอากาศในเวลา 20:20-20:50 น. จึงทำให้รายการฯ ได้ออกอากาศในส่วนที่เป็นละครเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2560",
"ขณะที่เมื่อปี พ.ศ. 2516 ททบ.ก็อนุมัติให้แก้ไขระยะเวลาเช่าช่วง สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ตามที่ระบุในสัญญาซึ่งทำไว้กับ บจก.กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ ออกไปเป็น 15 ปีจนถึง พ.ศ. 2527 และตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2517 ททบ.ยังเปลี่ยนการส่งแพร่ภาพ จากระบบ 525 เส้นต่อภาพ 30 ภาพต่อวินาที ทางช่องสัญญาณที่ 7 ไปใช้ระบบ 625 เส้นต่อภาพ 25 ภาพต่อวินาที ทางช่องสัญญาณที่ 5 จากนั้นเมื่อวันอังคารที่ 3 ธันวาคม ปีเดียวกัน ก็เริ่มทดลองออกอากาศด้วยภาพสีเป็นครั้งแรก ด้วยการถ่ายทอด พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ เนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาประจำปี จากบริเวณลานพระราชวังดุสิต และเมื่อปี พ.ศ. 2518 ยังเพิ่มกำลังส่งออกอากาศ สถานีหลักที่สนามเป้า จาก 200 เป็น 400 กิโลวัตต์ รวมทั้งเริ่มออกอากาศเป็นภาพสีอย่างสมบูรณ์ทั้งช่องด้วย",
"อย่างไรก็ตาม เมื่อสุดระยะเวลาเฉลิมพระเกียรติ ในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2554 แล้ว สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก นำตราสัญลักษณ์ฯ ออกจากหน้าจอ ตั้งแต่เวลา 00.05 น. ของวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555 ทว่าสถานีอื่นยังคงแสดงตราสัญลักษณ์ฯ อย่างต่อเนื่องต่อไป ก่อนที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก จะกลับมาแสดงตราสัญลักษณ์ฯ ตามเดิม ในวันที่ 7 มกราคม เวลา 10.18 น. โดยสถานีโทรทัศน์ทุกแห่ง ทยอยนำตราสัญลักษณ์ฯ ออกจากหน้าจอ เริ่มจากวันที่ 13 มกราคม สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก นำออกจากหน้าจออีกครั้ง ในเวลา 10.33 น. สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ เริ่มเวลา 18.45 น. ต่อมาในวันที่ 14 มกราคม สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย นำตราสัญลักษณ์ฯ ออกจากหน้าจอ ในเวลา 01.15 น. สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ก่อนเวลา 05.00 น. สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เมื่อเวลา 06.46 น. และสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ในเวลา 16.42 น.",
"ต่อไปนี้เป็นรายชื่อละครโทรทัศน์ที่ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2501 ถึงปัจจุบัน"
] |
วันวิสาขบูชาตรงกับวันที่เท่าไหร่ของทุกปี? | [
"วันวิสาขบูชา (; ) เป็นวันสำคัญทางศาสนาพุทธสำหรับพุทธศาสนิกชนทุกนิกายทั่วโลก ทั้งเป็นวันหยุดราชการในหลายประเทศ และวันสำคัญในระดับนานาชาติตามข้อมติของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เพราะเป็นวันคล้ายวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญที่สุดในศาสนาพุทธ 3 เหตุการณ์ด้วยกัน คือ การประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระโคตมพุทธเจ้า โดยทั้งสามเหตุการณ์ได้เกิด ณ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 หรือวันเพ็ญแห่งเดือนวิสาขะ (ต่างปีกัน) ชาวพุทธจึงถือว่า เป็นวันที่รวมเกิดเหตุการณ์อัศจรรย์ยิ่ง และเรียกการบูชาในวันนี้ว่า \"วิสาขบูชา\" ย่อมาจาก \"วิสาขปุรณมีบูชา\" แปลว่า \"การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ\" อันเป็นเดือนที่สองตามปฏิทินของอินเดีย ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือน 6 ตามปฏิทินจันทรคติของไทย และมักตรงกับเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายนตามปฏิทินจันทรคติของไทย โดยในประเทศไทย ถ้าปีใดมีเดือน 8 สองหน ก็เลื่อนไปทำในวันเพ็ญเดือน 7 แต่ประเทศอื่นที่นับถือพระพุทธศาสนาเถรวาท และไม่ได้ถือคติตามปฏิทินจันทรคติไทย จะจัดพิธีวิสาขบูชาในวันเพ็ญเดือน 6 แม้ในปีนั้นจะมีเดือน 8 สองหนตามปฏิทินจันทรคติไทยก็ตาม ส่วนในกลุ่มชาวพุทธมหายานบางนิกายที่นับถือว่า เหตุการณ์ทั้ง 3 นั้นเกิดในวันต่างกันไป จะมีการจัดพิธีวิสาขบูชาต่างวันกันตามความเชื่อในนิกายของตน ซึ่งไม่ตรงกับวันวิสาขบูชาตามปฏิทินของชาวพุทธเถรวาท",
"เรายึดเดือน 8 หนที่สอง เป็นเดือน 8 ที่แท้จริง ดังนั้นวันวิสาขบูชาซึ่งโดยปกติจะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 แต่ในปีที่มีเดือน 8 สองหน ให้เลื่อนไปอยู่ในเดือน 7 แทน โดยถือว่าเดือน 8 หนหลังเป็นเดือน 8 ที่แท้จริง ส่วนเดือน8 หนแรก ก็จะมีค่าเท่ากับเดือน 7\nเป็นที่น่าสังเกตว่า ประเพณีไทยและชาวเอเชียให้ความสำคัญกับวันส่งท้ายปีเก่าที่กำลังจะจากไปมากกว่าวันปีใหม่ เพื่อแสดงความกตัญญูต่อบุคคลและธรรมชาติ ที่ให้ความช่วยเหลือเราในปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงจัดงานเลี้ยงในหมู่คนที่คุ้นเคยกัน เพื่อแสดงความขอบคุณในความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และขออภัยที่สิ่งผิดพลาดหรือล่วงเกินในปีที่ผ่านมา ไม่ใช่การจัดชุมนุมร่วมกับคนแปลกหน้าเพื่อนับถอยหลัง สลัดของเก่าให้พ้นตัวไปแบบฝรั่ง เมื่อเป็นเช่นนี้ช่วงสิ้นปี จึงมีความสำคัญมากกว่าช่วงต้นปี\nอนึ่งคำว่า วันตรุษจีน ก็แปลว่า วันสิ้นปีของจีนเช่นกัน ปัจจุบันตกอยู่ประมาณวันแรม 15 ค่ำเดือนยี่ของไทย หรือเดือน 3 ในปีอธิกมาส นิยมเรียกว่า วันไหว้บรรพบุรุษ ส่วนวันปีใหม่ คือ วันถัดมา ที่เรียกว่า วันเที่ยว (แต่ในปฏิทิน และคนทั่วไปนิยมเรียกวันขึ้นปีใหม่หรือวันเที่ยวว่า วันตรุษจีน จึงไม่ต้องสงสัยว่าคนจีนให้ความสำคัญกับวันไหนมากกว่ากัน ระหว่างการไหว้บรรพบุรุษ กับการเที่ยว)",
"วันวิสาขบูชา นั้นได้รับการยกย่องจากพุทธศาสนิกชนทั่วโลกให้เป็นวันสำคัญสากลทางพระพุทธศาสนา เนื่องจากเป็นวันที่บังเกิดเหตุการณ์สำคัญ 3 เหตุการณ์ ที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธเจ้าและจุดเริ่มต้นของศาสนาพุทธ ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดได้เกิดขึ้นเมื่อ 2,500 กว่าปีก่อน ณ ดินแดนที่เรียกว่าชมพูทวีปในสมัยพุทธกาล โดยเหตุการณ์แรก เมื่อ 80 ปี ก่อนพุทธศักราช เป็น \"วันประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ\" ณ ใต้ร่มสาลพฤกษ์ ในพระราชอุทยานลุมพินีวัน (อยู่ในเขตประเทศเนปาลในปัจจุบัน) และเหตุการณ์ต่อมา เมื่อ 45 ปี ก่อนพุทธศักราช เป็น \"วันที่เจ้าชายสิทธัตถะได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ ตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จธรรมไชยโย\" ณ ใต้ร่มโพธิ์พฤกษ์ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม (อยู่ในเขตประเทศอินเดียในปัจจุบัน) และเหตุการณ์สุดท้าย เมื่อ 1 ปี ก่อนพุทธศักราช เป็น \"วันเสด็จดับขันธปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า\" ณ ใต้ร่มสาลพฤกษ์ ในสาลวโนทยาน พระราชอุทยานของเจ้ามัลละ เมืองกุสินารา (อยู่ในเขตประเทศอินเดียในปัจจุบัน) โดยเหตุการณ์ทั้งหมดล้วนเกิดตรงกับวันเพ็ญเดือน 6 หรือเดือนวิสาขะนี้ทั้งสิ้น ชาวพุทธจึงนับถือว่าวันเพ็ญเดือน 6 นี้ เป็นวันที่รวมวันคล้ายวันเกิดเหตุการณ์สำคัญ ๆ ของพระพุทธเจ้าไว้มากที่สุด และได้นิยมประกอบพิธีบำเพ็ญบุญกุศลและประกอบพิธีพุทธบูชาต่าง ๆ เพื่อเป็นการถวายสักการะรำลึกถึงแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสืบมาจนปัจจุบัน"
] | [
"ในประเทศที่มีประชากรนับถือพระพุทธศาสนาเถรวาทเช่นที่ศรีลังกาจะกำหนดวันทางจันทรคติตรงกันกับประเทศไทย คือกำหนดในวันเพ็ญเดือน 6 โดยงานวิสาขบูชาในศรีลังกานั้น ถือได้ว่าเป็นงานใหญ่ระดับประเทศ รัฐบาลประกาศให้เป็นวันหยุดราชการ มีการปล่อยนักโทษให้ได้รับอิสรภาพถวายเป็นพุทธบูชา ตามบ้านเรือนจะมีการตั้งโรงทาน และประดับประดาธงทิว และโคมไฟต่าง ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของศรีลังกา โดยจะทำเป็นรูปเรื่องราวในพุทธประวัติหรืออรรถกถาชาดกต่าง ๆ โดยงานวิสาขบูชาในศรีลังกานั้นจัดติดต่อกันถึง 7 วัน 7 คืน ซึ่งในประเทศไทยคงจัดงานวิสาขบูชาคล้ายกับศรีลังกา มีการประกาศให้วันวิสาขบูชาเป็นวันหยุดราชการเช่นเดียวกัน แต่ต่างตรงที่ในปัจจุบันงานวิสาขบูชาในไทยที่จัดไม่ใหญ่โตมากนักเมื่อเทียบกับศรีลังกา แม้จะมีการจัดงาน 7 วัน 7 คืนเหมือนกัน แต่คงมีเฉพาะที่ส่วนกลาง คือที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวงและพุทธมณฑลเท่านั้น โดยพุทธศาสนิกชนชาวไทยส่วนใหญ่นิยมไปทำบุญในวันวิสาขบูชาเพียงวันเดียว",
"พระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลในวันวิสาขบูชานี้มีปรากฏในพระราชนิพนธ์พระราชพิธีสิบสองเดือน ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วย โดยได้ทรงกล่าวถึงการพระราชพิธีในเดือนหก คือพระราชพิธีบำเพ็ญกุศลในวันวิสาขบูชาไว้ เรียกว่า \"พิธีไพศาขย์ จรดพระราชนังคัล\" (คือในเดือน 6 มีพระราชพิธีสำคัญสองพระราชพิธีคือ \"พระราชพิธีวิสาขบูชา\" (ในหนังสือพระราชนิพนธ์พระราชพิธีสิบสองเดือนใช้ศัพท์สันสกฤต) และ\"พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ\") ปัจจุบันนี้โดยปกติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลฯ และบางครั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์เสด็จแทน โดยสถานที่ประกอบพระราชพิธีหลักจะจัดในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม สำนักพระราชวังจะออกหมายกำหนดการประกาศการพระราชพิธีนี้ให้ทราบทั่วไปเป็นประจำทุกปี ในอดีตจะใช้ชื่อเรียกการพระราชพิธีในราชกิจจานุเบกษาแตกต่างกัน บางครั้งจะใช้ชื่อ \" การพระราชกุศลวิสาขบูชา และกาลานุกาล\" หรือ \" การพระราชกุศลกาลานุกาลวิสาขบูชา\" หรือแม้ \"วิสาขบูชา\" ส่วนในรัชกาลปัจจุบัน สำนักพระราชวังจะใช้ชื่อเรียกหมายกำหนดการที่ชัดเจน เช่น \"หมายกำหนดการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา พุทธศักราช 2551",
"ตราไปรษณียากรที่ตีพิมพ์ภาพที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับวันอาสาฬหบูชาเท่าที่ปรากฏในประเทศไทย คือตราไปรษณียากรที่ระลึกชุดวันเด็กแห่งชาติ ปี พ.ศ. 2539 โดยในครั้งนั้นตีพิมพ์เป็น 1 ราคา มี 3 แบบ ด้วยกัน โดยแต่ละแบบเป็นรูปภาพเกี่ยวกับวันสำคัญทางพุทธศาสนาในประเทศไทย คือ ภาพวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา และวันอาสาฬหบูชา ซึ่งภาพที่ตีพิมพ์รูปภาพวันอาสาฬหบูชาในครั้งนั้น เป็นตราไปรษณียากรราคาจำหน่าย 2 บาท เป็นรูปวาดผลงานของเด็กนักเรียนที่ชนะการประกวด โดยเป็นรูปวาดพระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาแก่เหล่าปัญจวัคคีย์ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี มีรูปพระพุทธเจ้าประทับนั่งอยู่ด้านซ้ายของรูปบนพระแท่นดอกบัวใต้ร่มไม้ใหญ่ ข้าง ๆ มีรูปกวางแสดงถึงสวนป่าสารนาถตามตำนานป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ด้านขวาล่างมีรูปฤๅษีเบญจวัคคีย์ในชุดฤๅษี 4 ท่าน และรูปพระโกณฑัญญะในชุดพระสงฆ์ 1 องค์ นั่งพนมมือสดับพระปฐมเทศนา แสดงถึงการอุบัติของพระสงฆ์องค์แรกในโลกครบเป็นองค์พระรัตนตรัย ด้านบนกลางภาพเป็นรูปพระธรรมจักรเปล่งรัศมี แสดงถึงการเริ่มประกาศพระสัจจธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในขอบด้านซ้ายมีคำว่า \"วันเด็กแห่งชาติ ๒๕๓๙ CHILDREN'S DAT 1996\" มุมขวาล่างมีคำว่า \"2 บาท BAHT\" ทั้งหมดพิมพ์เป็นชนิดราคา 2 บาท มีราคาเดียวเท่านั้น ซึ่งกล่าวได้ว่าแม้ตราไปรษณียากรดังกล่าวจะไม่ใช่ตราไปรษณียากรที่ตีพิมพ์เนื่องในวันอาสาฬหบูชาโดยตรง แต่ก็เป็นตราไปรษณียากรไทยรูปแบบเดียวที่ตีพิมพ์ภาพที่มีความหมายเกี่ยวข้องกับวันอาสาฬหบูชามากที่สุดเท่าที่ปรากฏในปัจจุบัน",
"โดยตราไปรษณียากรชุดวันอาสาฬหบูชานี้ รัฐบาลไทยได้เริ่มจัดพิมพ์เพื่อเป็นที่ระลึกและร่วมเฉลิมฉลองในฐานะวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 แต่ไม่ได้มีการจัดพิมพ์ออกจำหน่ายทุกปีดังเช่นวันวิสาขบูชา และปรากฏว่าภาพที่นำมาตีพิมพ์ส่วนใหญ่ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับวันอาสาฬหบูชาแต่อย่างใด เช่น ตีพิมพ์เป็นภาพพระพุทธรูปปางอุ้มบาตร นิทานมโหสถชาดก เป็นต้น โดยปรากฏภาพที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับวันอาสาฬหบูชาในไปรษณียากรที่ออกจำหน่ายเนื่องในโอกาสอื่นแทน เช่น วันเด็กแห่งชาติ เป็นต้น",
"วันวิสาขบูชา เป็นวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญ ๆ ของพระพุทธเจ้าถึง 3 เหตุการณ์ คือ การประสูติ การตรัสรู้ และการปรินิพพาน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในเหตุการณ์เหล่านั้น คติธรรมหลักคือไตรลักษณ์ หรืออนิจจลักษณะ อันได้แก่ความเป็นธรรมดาของโลก 3 ประการ คือ อนิจจัง ความไม่เที่ยง ทุกขัง ความเป็นทุกข์คือตั้งอยู่ในสภาพเดิมมิได้ และอนัตตา ความที่สังขารทั้งหลายไม่สามารถบังคับบัญชาให้เป็นไปตามที่เราต้องการได้ (เช่น บังคับไม่ให้แก่ไม่ได้ บังคับไม่ให้ตายไม่ได้) ซึ่งทุกสรรพสิ่งในโลก ล้วนตกอยู่ในสภาพ 3 ประการนี้ แม้พระพุทธเจ้าผู้เป็นพระบรมศาสดาของโลก ก็ยังต้องทรงตกอยู่ในกฎเหล่านี้ ไม่มีใครสามารถพ้นไปได้",
"ประจำทุกปี โดยยึดถือเอาวันแรม 7 ค่ำ 8 ค่ำ หลังวันวิสาขบูชาทุกปี เป็นวันสรงน้ำพระธาตุ ซึ่งถือว่าเป็นวันถวายพระเพลิงพระพุทธศรีระของ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (หลังเสด็จดับขันธปรินิพพานได้ 8 วัน) ถือเป็นวันสำคัญในพระพุทธศาสนาวันหนึ่ง ตรงกับวันแรม 8 ค่ำ เดือนวิสาขะ (เดือน 6 ของไทย) ทางวัดพระธาตุดอยคำ จึงยึดถือเอาวันนี้จัดงาน และพิธีสรงน้ำเพื่อรำลึกนึกถึง พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ที่ท่านได้สร้างเผยแพร่พระพุทธศาสนาเอาไว้",
"งานประจำปี คือ\nงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในวันวิสาขบูชาและสมโภชพระเจดีย์ดาธุประจำปี\nในวันวิสาขบูชาของทุกปี(ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6) จังหวัดระนองได้มีการจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในวันวิสาขบูชา ในทุกๆปีจะมีผู้เลื่อมใส ทั้งชาวไทยและพม่า มาร่วมกันห่มผ้าพระเจดีย์ดาธุ จำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีการประกวดร้องเพลง ประกวดก่อเจดีย์ทราย การแสดงบนเวทีทั้งชาวไทยและพม่า จัดนิทรรศการ ฉายวิดิทัศน์ เกี่ยวกับพุทธประวัติ"
] |
โรคใคร่เด็ก เกิดจากความผิดปกติทางสมองใช่หรือไม่? | [
"โรคใคร่เด็ก\nหรือ ความใคร่เด็ก\nเป็นความผิดปกติทางจิตที่ผู้ใหญ่หรือวัยรุ่นตอนปลายมีความต้องการทางเพศเป็นหลักหรืออย่างจำกัดเฉพาะ ต่อเด็กก่อนวัยเริ่มเจริญพันธุ์\nส่วนในการวินิจฉัยทางการแพทย์ เกณฑ์วินิจฉัย \"โรคใคร่เด็ก\" ขยายอายุเด็กก่อนวัยเริ่มเจริญพันธุ์ไปถึง 13 ปี\nผู้ที่รับวินิจฉัยว่ามีโรคนี้ จะต้องมีอายุอย่างน้อย 16 ปี\nและเด็กวัยรุ่นที่รับวินิจฉัยว่ามีโรค ต้องมีอายุ 5 ปีอย่างน้อยมากกว่าเด็กก่อนวัยเริ่มเจริญพันธุ์",
"แม้ว่าเหตุให้เกิดความใคร่เด็กจะไม่ชัดเจน นักวิจัยก็เริ่มจะรายงานผลที่สัมพันธ์ความใคร่เด็กกับโครงสร้างและการทำงานของสมอง เริ่มตั้งแต่ปี 2002\nโดยตรวจสอบบุคคลที่ได้จากแหล่งต่าง ๆ รวมทั้งภายในภายนอกกระบวนการยุติธรรม และบุคคลในกลุ่มควบคุม\nงานวิจัยพบความสัมพันธ์ระหว่างความใคร่เด็กกับระดับเชาวน์ปัญญา (IQ) ที่ต่ำกว่า\nคะแนนการทดสอบความจำที่ต่ำกว่า\nอัตราการถนัดมือซ้ายที่สูงกว่า\nอัตราการตกสอบในโรงเรียนที่สูงกว่า โดยนอกเหนือไปจากความแตกต่างของระดับเชาวน์ปัญญา\nความเตี้ยกว่า\nโอกาสสูงกว่าที่จะมีการบาดเจ็บที่ศีรษะในวัยเด็กที่มีผลเป็นการหมดสติ\nและความแตกต่าง ๆ ทางโครงสร้างสมองที่เห็นได้ด้วย MRI\nโดยนักวิจัยเสนอว่า มีลักษณะทางประสาทหนึ่งอย่างหรือมากกว่าตั้งแต่กำเนิด ที่เป็นเหตุหรือเพิ่มโอกาสให้เป็นคนใคร่เด็ก\nแต่ว่า มีงานวิจัยที่พบว่า ผู้ทำร้ายเด็กทางเพศที่ใคร่เด็กมีความเสียหายทางประชานน้อยกว่าผู้ทำร้ายเด็กทางเพศอื่น ๆ\nงานวิจัยปี 2011 พบว่า ผู้ทำร้ายเด็กที่ใคร่เด็ก มีความบกพร่องในการห้ามปฏิกิริยา แต่ไม่มีความบกพร่องในความจำและความยืดหยุ่นทางประชาน (cognitive flexibility)\nหลักฐานว่ามีการสืบต่อในครอบครัว \"บอกเป็นนัย แต่ว่าไม่ใช่เป็นตัวพิสูจน์ว่า มีปัจจัยทางพันธุกรรมที่เป็นเหตุ\" ของพัฒนาการเป็นความใคร่เด็ก",
"โรคนี้เรียกว่า \"pedophilic disorder\" ตาม\"คู่มือการวินิจฉัยและสถิติสำหรับความผิดปกติทางจิต\" (DSM-5) ของสมาคมจิตเวชอเมริกัน\nและกำหนดว่าเป็นประเภทหนึ่งของกามวิปริต (paraphilia) ที่มีบุคคลเกิดความรู้สึกทางเพศที่รุนแรงและซ้ำ ๆ หรือมีจินตนาการทางเพศ\nต่อเด็กก่อนวัยเริ่มเจริญพันธุ์ผู้ที่ตนได้มีกิจกรรมร่วม หรือที่เป็นเหตุให้ตนเดือดร้อนลำบากหรือให้มีปัญหาด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล\nส่วนบัญชีจำแนกทางสถิติระหว่างประเทศของโรคและปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้อง (ICD-10) ขององค์การอนามัยโลก นิยามคำนี้ว่า เป็น ความต้องการทางเพศต่อเด็กก่อนวัยเริ่มเจริญพันธุ์หรือวัยเริ่มเจริญพันธุ์ในระยะต้น ๆ"
] | [
"ความใคร่เด็กเกิดขึ้นก่อนหรือระหว่างวัยเริ่มเจริญพันธุ์ และเสถียรในระยะยาว\nและเป็นสิ่งที่พบในตน ไม่ใช่สิ่งที่เลือก\nเพราะเหตุนี้ ความใคร่เด็กจึงเรียกว่าเป็นความผิดปกติของความชอบทางเพศ (disorder of sexual preference) คล้ายกับรสนิยมทางเพศเป็นคนรักต่างเพศหรือคนรักร่วมเพศ ที่ไม่ได้เลือก\nแต่ว่า ธรรมชาติเช่นนี้ไม่ได้ลดระดับ pedophilia ให้ไม่เป็นความผิดปกติทางจิต เพราะว่ากิจกรรมใคร่เด็กสามารถสร้างความเสียหายต่อเด็ก\nและแพทย์พยาบาลสุขภาพจิตในบางกรณีสามารถช่วยคนใคร่เด็กให้ระงับไม่ทำตามอารมณ์ชั่ววูบซึ่งสร้างความเสียหาย",
"โรคใคร่เด็กเป็นความผิดปกติทางจิตที่ถูกประณามมากที่สุดโรคหนึ่ง\nงานศึกษาหนึ่งพบความโกรธ ความกลัว และความรังเกียจทางสังคมในระดับสูง ต่อคนใคร่เด็กแม้ที่ยังไม่ทำอาชญากรรม\nนักวิชาการเสนอว่า ทัศนคติเช่นนี้อาจจะมีผลลบต่อการป้องกันทารุณกรรมทางเพศต่อเด็ก โดยลดเสถียรภาพทางจิตของผู้ใคร่เด็ก และทำให้หมดกำลังใจในการเสาะหาความช่วยเหลือ\nตามนักสังคมศาสตร์คู่หนึ่ง ความเป็นห่วงของสังคมเกี่ยวกับโรคใคร่เด็กขยายเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ซึ่งเกิดพร้อมกับอาชญากรรมอื้อฉาวหลายคดี แต่เกิดในช่วงที่อัตราการทารุณเด็กทางเพศกำลังลดลงโดยทั่วไป\nพวกเขาพบว่า คำว่า \"pedophile\" ปรากฏน้อยมากในหนังสือพิมพ์ \"เดอะนิวยอร์กไทมส์\" (สหรัฐอเมริกา) และ \"เลอมงด์\" (ฝรั่งเศส) ก่อนปี 1996 โดยปรากฏเป็น 0 ในปี 1991",
"ความโน้มเอียงในการต่อต้านสังคมโดยทั่วไป การมีอารมณ์ทางเพศสูง และการเมาสุรา\nเนื่องจากการทารุณเด็กทางเพศไม่ใช่เป็นตัวบ่งชี้อัตโนมัติว่าผู้กระทำผิดเป็นผู้ใคร่เด็ก\nจึงสามารถแยกผู้ทำผิดได้เป็น 2 ประเภท คือ ผู้ใคร่เด็กและที่ไม่ใช่\nอัตราประเมินของโรคใคร่เด็กในผู้ทำร้ายเด็กทางเพศที่จับได้อยู่ระหว่างประมาณ 25-50%\nงานศึกษาปี 2006 พบว่า ผู้ทำร้ายเด็กทางเพศที่เป็นตัวอย่างงาน มีผู้ใคร่เด็กในอัตรา 35%\nแต่ว่าผู้ทำผิดฐานร่วมประเวณีกับญาติสนิทที่เป็นผู้ใคร่เด็กด้วย ดูเหมือนจะไม่สามัญ\nโดยเฉพาะพ่อหรือพ่อเลี้ยงที่ทำผิด\nในงานศึกษาในสหรัฐกับชายผู้กระทำผิดทางเพศ 2,429 คนที่จัดว่าเป็นผู้ใคร่เด็ก มีเพียง 7%\nที่แจ้งว่าจำกัดเฉพาะต่อเด็กเท่านั้น\nซึ่งแสดงว่า ผู้ทารุณเด็กทางเพศจำนวนมากหรือโดยมากจะตกอยู่ในแบบที่ไม่จำกัดเฉพาะเด็ก",
"งานวิจัยโรคใคร่เด็กในผู้กระทำผิดทางเพศต่อเด็กบ่อยครั้งรายงานว่า มันเกิดกับจิตพยาธิอย่างอื่น ๆ เช่น การเคารพตนต่ำ (self-esteem)\nความซึมเศร้า ความวิตกกังวล และปัญหาบุคลิกภาพต่าง ๆ\nไม่ชัดเจนว่า สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนของโรค ผลของความเอนเอียงโดยการสุ่มตัวอย่าง หรือผลที่เกิดจากการถูกระบุว่าเป็นผู้ทำผิดทางเพศ\nการทบทวนวรรณกรรมงานหนึ่งสรุปว่า งานวิจัยเรื่องบุคลิกภาพและจิตพยาธิในผู้ใคร่เด็กน้อยครั้งที่จะใช้ระเบียบวิธีที่ถูกต้อง\nโดยส่วนหนึ่งเกิดจากความสับสนระหว่าง \"คนใคร่เด็ก\" กับ \"ผู้ทำผิดทางเพศต่อเด็ก\" และความยากลำบากที่จะได้ตัวอย่างคนใคร่เด็กจากชุมชนที่เป็นตัวแทนประชากร\nมีนักวิชาการที่ชี้ว่า คนใคร่เด็กที่ได้จากกระบวนการรักษาอยู่ที่นั่นก็เพราะว่าตนเดือดร้อนเกี่ยวกับความชอบทางเพศของตน หรือเพราะความกดดันจากคนอื่น\nซึ่งเพิ่มโอกาสว่า คนเหล่านั้นจะแสดงปัญหาทางจิตต่าง ๆ\nและโดยนัยเดียวกัน คนใคร่เด็กที่ได้มาจากกระบวนการยุติธรรมก็เป็นผู้ถูกตัดสินว่าผิดในอาชญากรรม ทำให้มีโอกาสมากขึ้นที่จะมีลักษณะต่อต้านสังคมต่าง ๆ",
"งานวิจัยปี 2002 พบความเสียหายต่อความคิดเกี่ยวกับตนเองและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ในตัวอย่างผู้กระทำผิดทางเพศต่อเด็กที่ผ่านเกณฑ์วินิจฉัยว่าเป็นโรคใคร่เด็ก เป็นความเสียหายที่ผู้เขียนเสนอว่า อาจมีส่วนให้ทำผิดต่อเด็ก\nคือ คนใคร่เด็กผู้ทำผิดทางเพศในงานวิจัยมีระดับ psychopathy (พฤติกรรมต่อต้านสังคม ความเห็นใจคนอื่นและความเสียใจน้อย พฤติกรรมที่ไม่ยับยั้งชั่งใจ) ที่สูงขึ้นและมีความบิดเบือนทางประชาน เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมที่เป็นคนปกติจากชุมชน\nซึ่งนักวิจัยตีความว่าเป็นมูลฐานของความไม่สามารถห้ามพฤติกรรมทางอาชญากรรมของตน\nแต่ว่างานในปี 2009 และ 2012 กลับพบว่า ผู้ที่ทำร้ายเด็กทางเพศแต่ไม่ใช่คนใคร่เด็กแสดงลักษณะ psychopathy แต่คนใคร่เด็กผู้ทำร้ายเด็กไม่แสดง\nส่วนงานวิจัยปี 1983 ศึกษาลักษณะของสมาชิกสโมสรคนใคร่เด็กกลุ่มหนึ่ง\nความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดระหว่างคนใคร่เด็กกับคนกลุ่มควบคุมปกติก็คือ introversion scale คือคนใคร่เด็กแสดงความขี้อาย ความไวต่ออารมณ์ (sensitivity) และความซึมเศร้าในระดับที่สูงขึ้น\nคนใคร่เด็กมีระดับ neuroticism และ psychoticism ที่สูงขึ้น แต่ไม่พอที่จะจัดว่าเป็นโรค\nแต่ผู้เขียนเตือนให้ระวังว่า\nในงานสำรวจกลุ่มตัวอย่างที่ไม่ใช่คนไข้ คนใคร่เด็ก 46% แจ้งว่า ตนได้พิจารณาการฆ่าตัวตายอย่างจริงจังเพราะความสนใจทางเพศของตน 32% มีแผนจะทำ และ 13% ได้พยายามแล้ว",
"เพราะสื่อมวลชนได้ให้ความสนใจต่อโรคใคร่เด็กในระดับสูง จึงทำให้เกิดอาการตื่นตระหนกตกใจจากมวลชน โดยเฉพาะเมื่อตามรายงานข่าวคนใคร่เด็กเช่นในเรื่องการพิจารณาโรงเรียนเด็กก่อนวัยเรียนแม็กมาร์ติน\nและจึงมีพฤติกรรมคล้ายศาลเตี้ยเกิดขึ้นตอบสนองความสนใจของสาธารณชนต่อผู้ต้องสงสัยทำผิดทางเพศต่อเด็ก หรือผู้ที่ถูกตัดสินว่าผิด\nเช่นในปี 2000\nหลังจากที่สื่อได้รณรงค์ให้สืบหาและสร้างความอับอายให้แก่ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นคนใคร่เด็กในสหราชอาณาจักร\nมีประชาชนเป็นร้อย ๆ ที่ลงสู่ถนนประท้วงผู้ต้องสงสัย\nจนกลายเป็นความรุนแรงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้าแทรกแซง",
"แม้ว่าจะไม่ใช่เหตุของโรคใคร่เด็ก ทารุณกรรมในวัยเด็กโดยผู้ใหญ่ หรือปัญหาทางใจที่เกิดร่วมกับโรค เช่น ความผิดปกติทางบุคลิกภาพ (personality disorder) และการใช้ยาเสพติด (substance abuse) เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการทำผิดต่อเด็กเนื่องจากอารมณ์ใคร่ชั่ววูบ\nแต่ว่าในเรื่องปัญหาที่เกิดร่วมกับโรค นักวิชาการกลุ่มหนึ่งกล่าวว่า",
"เขากล่าวถึงกรณีใคร่เด็กหลายกรณีในหญิงผู้ใหญ่ (โดยได้ข้อมูลจาก น.พ.อีกท่านหนึ่ง) และพิจารณาการทารุณเด็กชายโดยชายรักร่วมเพศว่าเกิดน้อยมาก\nแล้วกล่าวเรื่องนี้ให้ชัดเจนขึ้นว่า ชายผู้ใหญ่ที่มีความผิดปกติทางการแพทย์หรือทางประสาทแล้วทารุณเด็กชาย จะไม่ใช่คนใคร่เด็กจริง ๆ และตามสังเกตการณ์ของเขา เหยื่อของชายเช่นนี้มักจะมีอายุมากกว่าและถึงวัยเริ่มเจริญพันธุ์แล้ว\nเขายังลงในรายการ \"pseudopaedophilia\" (โรคใคร่เด็กเทียม) ที่เป็นอาการซึ่งสัมพันธ์กันที่ \"บุคคลได้สูญเสียอารมณ์ทางเพศต่อผู้ใหญ่ผ่านการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง แล้วจึงหันไปหาเด็กเพื่อสนองความต้องการทางเพศของตน\" และอ้างว่า สภาวะเช่นนี้มีมากกว่า"
] |
มาร์เวลคอมิกส์ ก่อตั้งโดยใคร ? | [
"บริษัท มาร์เวลเวิลด์ไวด์ () หรือเรียกทั่วไปว่า มาร์เวลคอมิกส์ () และชื่อก่อนหน้านีนี้บริษัท มาร์เวลพับลิชิง () และ มาร์เวลคอมิกส์กรุป () เป็นค่ายการ์ตูนและสื่อต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับซูเปอร์ฮีโรของสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1939 โดย มาร์ติน กูดแมน ในนามของไทม์ลีคอมิกส์ มีนักเขียน นักวาดคนสำคัญ เช่น สแตน ลี แจ็ก เคอร์บี สตีฟ ดิตโก เป็นต้น\nมาร์เวลคอมิกส์ มีชื่อเสียงโด่งดังและรู้จักกันดี เช่น เอ็กซ์เมน สไปเดอร์-แมน ฮัลก์ กัปตันอเมริกา ไอรอนแมน ธอร์ เป็นต้น และศัตรูที่โด่งดังและรู้จักกันดี เช่น กรีนก็อบลิน แม็กนีโต ด็อกเตอร์ดูม โลกิ กาแล็กตัส และเรดสกัล เป็นต้น\nมาร์เวลคอมิกส์ และคู่แข่งสำคัญมายาวนานคือดีซีคอมิกส์ ร่วมหุ้นกันไป 80 % ของตลาดหนังสือการ์ตูนอเมริกันในปี ค.ศ. 2008 ปัจจุบันมาร์เวลคอมิกส์เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทเดอะวอลต์ดิสนีย์"
] | [] |
ระบบนิเวศในน้ำมีกี่ประเภท? | [
"ระบบนิเวศในน้ำ () คือ ระบบนิเวศน้ำซึ่งจัดเป็นสังคมของสิ่งชีวิตที่อยู่ในน้ำ สังคมของสิ่งมีชีวิตจะขึ้นอยู่กับลักษณะและสภาพแวดล้อมที่สิ่งมีชีวิตนั้นอาศัยอยู่ ระบบนิเวศในน้ำจะแบ่งออกเป็น สองประเภทคือ ระบบนิเวศทางทะเลและระบบนิเวศน้ำจืด"
] | [
"สิ่งมีชีวิตชนิดนี้จะกินสิ่งมีชีวิตที่สร้างอาหารเองได้และใช้สารอินทรีย์ในร่างกายของเป็นแหล่งพลังงานและเป็นวัตถุดิบในการสร้างพลังงานชีวมวลให้ตัวมันเอง สิ่งมีชีวิตน้ำกร่อยจะทนต่อเกลือและอยู่รอดได้ในระบบนิเวศทางทะเล ในขณะเดียวกันสิ่งมีชีวิตที่ทนน้ำเค็มได้เล็กน้อย จะมีบางสายพันธุ์เท่นนั้นที่อยู่ในระบบนิเวศน้ำจืดได้",
"เป็นบริเวณเล็กๆของน้ำจืดที่มีน้ำตื้นและบึงแบ่งออกเป็น 4 โซน คือ โซนพันธุ์พืช โซนน้ำเปิด โซนโคลนใต้น้ำ โซนพื้นผิว ขนาดและความลึกของแอ่งมักจะแตกต่างกัน ใยอาหารมาจากพืชน้ำและสาหร่ายที่ลอยอย่างอิสระ โดยปกติจะมีความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตไม่กี่ตัวอย่าง รวมทั้ง สาหร่าย หอย ปลา ด้วงแมลง น้ำ กบ เต่า นาก และหนูมัสคแร็ต นักล่าขั้นสูงอาจรวมถึง ปลาที่มีขนาดใหญ่ นกกระสาหรือจระเข้\nระบบนิเวศแหล่งน้ำไหลเป็นโซนที่สำคัญ โครงสร้างของกลุ่มสิ่งมีชีวิตน้ำไหลขึ้นอยู่กับความเร็วของน้ำ แหล่งน้ำไหลนี้จึงแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ\n พื้นที่ชุ่มน้ำเป็นบริเวณที่มีพื้นที่ราบลุ่ม มีน้ำท่วมขังอาจจะชั่วคราวหรือถาวร พื้นที่แหล่งน้ำอาจเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและเกิดจากมนุษย์สร้างขึ้นทั้งที่เป็นแหล่งน้ำนิ่งและน้ำทั้งที่เป็นน้ำจืด น้ำกร่อย และน้ำเค็ม รวมไปถึงพื้นที่ชายฝั่งทะเล และพื้นที่ของทะเล ในบริเวณซึ่งเมื่อน้ำลดลงต่ำสุดมีความลึกของระดับน้ำไม่เกิน 6 เมตรพื้นที่ชุ่มน้ำจัดเป็นระบบนิเวศที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลกเพราะมีความใกล้ชิดของน้ำและดิน มีประโยชน์อย่างมากต่อพืชและสัตว์",
"ระบบนิเวศประกอบด้วยชุมชนของสิ่งมีชีวิตซึ่งมีโครงสร้างโดยการมีปฏิสัมพันธ์ทางชีวภาพและปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมของสิ่งมีชัวิตและปัจจัยบางประการที่สำคัญของสิ่งไม่มีชีวิตของระบบนิเวศในน้ำครอบคลุมถึงชนิดของสารตั้งต้น ความลึกของน้ำ ระดับของสารอาหาร อุณหภูมิ ความเค็ม และการไหล มันมักจะเป็นเรื่องยากที่จะกำหนดความสำคัญที่เทียบเคียงกันของปัจจัยเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องทดลอง ดินตะกอนอาจกำหนดสถานะของพืชน้ำ แต่พืชน้ำอาจดักตะกอนและเพิ่มตะกอนผ่านถ่านหินชนิดร่วน"
] |
ปฐมกษัตริย์ของกรุงรัตนโกสินทร์มีชื่อว่าอะไร? | [
"พระบาทสมเด็จพระปรโมรุราชามหาจักรีบรมนารถ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (พระราชสมภพ 20 มีนาคม พ.ศ. 2279 — สวรรคต 7 กันยายน พ.ศ. 2352) เป็นพระมหากษัตริย์ไทยรัชกาลที่ 1 ในราชวงศ์จักรี เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันพุธ เดือน 4 แรม 5 ค่ำ ปีมะโรงอัฐศก เวลา 3 ยาม ตรงกับวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2279 ปราบดาภิเษกเป็นปฐมกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 ขณะมีพระชนมายุได้ 46 พรรษา และทรงย้ายราชธานีจากฝั่งธนบุรีมาอยู่ฝั่งพระนคร และโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระบรมมหาราชวังเป็นที่ประทับ"
] | [] |
หนังสือการ์ตูนเรื่องผู้ผนึกมารถูกนำมาสร้างเป็นอนิเมชั่นโดยบริษัทใด? | [
"ผู้ผนึกมาร () เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น วาดโดย \"เยลโล ทานาเบะ\" () ตีพิมพ์ในประเทศญี่ปุ่นในนิตยสารโชเน็งซันเดย์โดยสำนักพิมพ์โชงะกุกัง ตั้งแต่ พ.ศ. 2547 จนถึงปัจจุบัน และมีการนำมาสร้างเป็นอะนิเมะโดยบริษัทซันไรส์"
] | [] |
ซัมซุง เป็นบริษัทสัญชาติอะไร ? | [
"ซัมซุง หรือ ซัมซอง (อังกฤษ: Samsung ; เกาหลี: 삼성, ฮันจา: 三星, MC: Samseong, MR: Samsŏng, ภาษาเกาหลีอ่านว่า ซัม-ซอง) เป็นชื่อกลุ่มบริษัทแห่งหนึ่งจากประเทศเกาหลีใต้ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่โซล, ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งประกอบด้วยบริษัทย่อยจำนวนมาก และธุรกิจที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่อยู่ภายใต้แบรนด์ซัมซุง และเป็นกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้"
] | [] |
เซลล์ ค้นพบครั้งแรกโดยใคร ? | [
"การค้นพบเซลล์ของสิ่งมีชีวิต เริ่มต้นจากปี ค.ศ.1655 รอเบิร์ต ฮุก(Robert Hook) ได้ประดิษฐ์กล้องจุลทรรศน์ชนิดเลนส์ประกอบที่มีลำกล้องป้องกันแสงจากภายนอกรบกวน แล้วนำไปส่องดูชิ้นไม้คอร์คที่ฝานบาง ๆ ได้พบโครงสร้างที่มีรูปร่างเป็นช่องเหลี่ยมเล็ก ๆ จึงเรียกว่า เซลล์(Cell) ตามฮุกก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้พบและตั้งชื่อเซลล์เป็นคนแรก"
] | [
"ปรากฏการณ์ของโฟโตโวลตาอิกถูกแสดงให้เห็นถึงด้วยการทดลองเป็นครั้งแรกโดยนักฟิสิกส์ชาวฝรั่งเศสชื่อ A.E. Becquerel ในปี 1839 ตอนอายุ 19 เขาทำการทดลองในห้องปฏิบัติการ ของพ่อของเขา เขาได้สร้างเซลล์แสงอาทิตย์เป็นตัวแรกของโลก ต่อมา Willoughby Smith ได้ อธิบาย\"ผลของแสงบนซีลีเนียมระหว่างเดินทางของกระแสไฟฟ้า\"เป็นครั้งแรกในบทความชิ้นหนึ่งที่ได้รับการตีพิมพ์ในฉบับ 20 กุมภาพันธ์ 1873 เรื่องธรรมชาติ อย่างไรก็ตามมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกระทั่งปี 1883 เซลล์แสงอาทิตย์ที่ทำด้วย solid state ได้ถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกโดย Charles Fritts ผู้เคลือบสารกึ่งตัวนำซีลีเนียมด้วยชั้นที่บางมากๆของทองเพื่อทำให้เป็นทางเชื่อม() อุปกรณ์นี้มีประสิทธิภาพประมาณ 1% เท่านั้น ในปี 1888 นักฟิสิกส์ชาวรัสเซียชื่อ Aleksandr Stoletov สร้างเซลล์แรกที่อยู่บนพื้นฐานของปรากฏการ์ณโฟโตโวลตาอิกด้านนอกที่ถูกค้นพบโดย Heinrich Hertz ก่อนหน้านี้ในปี 1887",
"ทฤษฎีเซลล์\nถูกค้นพบในปี ค.ศ.1838 โดย Schleiden ซึ่งเป็นนักชีววิทยาชาวเยอรมัน ได้ศึกษาเซลล์ของพืชชนิดต่าง ๆ แล้วสรุปว่า พืชทุกชนิดประกอบด้วยเซลล์ ต่อมาในปี ค.ศ.1839 Schwann ซึ่งเป็นนักชีววิทยาชาวเยอรมันได้ศึกษาเซลล์ของสัตว์ แล้วสรุปว่า เนื้อเยื่อของสัตว์ประกอบด้วยเซลล์ ในปีนี้เอง Schleiden และ Schwan ได้ร่วมกันตั้งทฤษฎีเซลล์ (Cell Theory) มีสาระสำคัญ คือ “สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ประกอบด้วย เซลล์ และผลิตภัณฑ์ของเซลล์” และในปี ค.ศ.1855 Rudolf Virchow ได้ศึกษาการเจริญเติบโตของเซลล์และการเพิ่มจำนวนเซลล์จากเซลล์ที่เจริญเติบโต จึงเพิ่มเติมทฤษฎีเซลล์ว่า “เซลล์ทุกชนิดย่อมมีกำเนิดมาจากเซลล์ที่มีอยู่ก่อน”\nซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญของชีววิทยาสมัยใหม่ มีสาระสำคัญคือ",
"ครอปเซอร์เคิล ถูกค้นพบครั้งแรกในปี 1678 ที่เฮิร์ทฟอร์ดเชียร์ อังกฤษ ไม่มีใครอธิบายได้ว่าใครหรืออะไรทำให้มันเกิดขึ้น แต่หลังจากการค้นพบของชัตเติลวูดกับบอนด์และเฟอร์แล้ว มันนำไปสู่ทฤษฎีแรกคือร่องรอยการลงจอดของยานจากต่างดาว ตามมาด้วยทฤษฎีอุกกาบาตและทฤษฎีพายุทอร์นาโดขนาดเล็ก ในทศวรรษที่ 1980 ได้มีการค้นพบครอปเซอร์เคิลมากขึ้น โดยเฉพาะรอบๆเมืองวอร์มินสเตอร์(Warminster) ในช่วงต้นของทศวรรษนี้รูปทรงของมันก็ยังคงเหมือนเดิม คือเป็นวงกลมหยาบๆ แต่ในกลางทศวรรษรูปทรงของมันซับซ้อนขึ้น คือมีวงแหวนแตกออกไป และมันเริ่มดึงดูดใจคนอังกฤษมากขึ้น \nในทศวรรษนี้เอง ด๊อกเตอร์ เทอร์เรนซ์ มีเดน(Terrence Meaden) ศาสตราจารย์ทางฟิสิกส์และนักอุตุนิยมวิทยาได้พยายามไขปริศนานี้ โดยทำการวิจัยครอปเซอร์เคิลมากกว่า 1,000 แห่ง มีเดนเสนอทฤษฎีว่า ครอปเซอร์เคิลเกิดจากความผิดปกติของอากาศที่เขาเรียกว่า Plasma Vortex ทำให้เกิดลมหมุนวนในระดับสูงแล้วเคลื่อนตัวลงสู่พื้นทำให้พืชแบนราบ",
"ในปั 1780 นายลุยจิ กัลวานี ค้นพบว่าเมื่อโลหะสองชนิดที่แตกต่างกัน (เช่นทองแดงและสังกะสี) ถูกนำมาแตะกับส่วนต่าง ๆ ของเส้นประสาทของขากบในเวลาเดียวกัน ขาของกบจะหดตัว เขาเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า \"ไฟฟ้าจากสัตว์\" ต่อมานายแอเลสซานโดร โวลตา ได้ประดิษฐ์เซลล์โวลตาวางซ้อน () ในปี 1800 มันประกอบด้วยหลายเซลล์ที่คล้ายกับเซลล์กัลวานีวางซ้อนกันเป็นชั้น อย่างไรก็ตาม โวลตาสร้างมันขึ้นมาทั้งหมดจากวัสดุที่ไม่ใช่ชีวภาพเพื่อที่จะท้าทายทฤษฎีไฟฟ้าจากสัตว์ของกัลวานี (และนักทดลองต่อมานาย Leopoldo Nobili) เพื่อตอบสนองกับความพอใจในทฤษฎีสัมผัสไฟฟ้าโลหะต่อโลหะของตัวเขาเอง นายคาร์โล Matteucci ได้เปลี่ยนมาสร้างแบตเตอรี่ที่ปราศจากวัสดุชีวภาพโดยสิ้นเชิงเพื่อสนองตอบต่อนายโวลตา การค้นพบเหล่านี้ปูทางไปสู่แบตเตอรี่ไฟฟ้าทั้งหลาย; เซลล์ของโวลตาเป็นชื่อในลำดับเหตุการณ์ที่สำคัญของ IEEE ในปี 1999",
"ทฤษฎีเซลล์ถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2382 (ค.ศ. 1839) โดยแมตเทียส จาคอบ ชไลเดน (Matthias Jakob Schleiden) และ ทีโอดอร์ ชวานน์ (Theodor Schwann) ได้อธิบายว่า สิ่งมีชีวิตทั้งหมดประกอบด้วยเซลล์หนึ่งเซลล์หรือมากกว่า เซลล์ทั้งหมดมีกำเนิดมาจากเซลล์ที่มีมาก่อน (preexisting cells) ระบบการทำงานเพื่อความอยู่รอดของสิ่งที่มีชีวิตทั้งหมดเกิดขึ้นภายในเซลล์ และภายในเซลล์ยังประกอบด้วยข้อมูลทางพันธุกรรม (hereditary information) ซึ่งจำเป็นสำหรับการควบคุมการทำงานของเซลล์ และการส่งต่อข้อมูลทางพันธุกรรมไปยังเซลล์รุ่นต่อไป",
"ปี พ.ศ. 2445 หลังจากการค้นพบผลงานของเมนเดล 2 ปี วอลเตอร์ ซัตตัน นักชีววิทยาชาวอเมริกัน และ เทโอดอร์ โบเฟรี นักชีววิทยาชาวเยอรมัน ได้เสนอว่า \"หน่วยพันธุ์กรรมที่เมนเดลค้นพบ อยู่ในโครโมโซม\" ซัตตันได้ศึกษาเซลล์ในอัณฑะตั๊กแตน และเสนอไว้ว่าโครโมโซม ที่เข้าคู่กันในขณะที่มีการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส จะแยกจากกันไปอยู่ต่างเซลล์กัน เหมือนการแยกของยีนที่เป็นแอลลีนกัน ตามกฎแห่งการแยกตัว จึงสรุปได้ว่ายีนอยู่บนโครโมโซม",
"แม้ว่าแบตเตอรี่ในช่วงต้นต้นจะมีประโยชน์อย่างมากสำหรับวัตถุประสงค์ด้านการทดลองก็ตาม แต่ในทางปฏิบัติแล้วแรงดันไฟฟ้าของพวกมันมีความผันผวนและพวกมันก็ไม่สามารถให้กระแสขนาดใหญ่ได้เป็นระยะเวลาอย่างต่อเนื่อง ส่วน เซลล์ของนีลล์ ที่คิดค้นได้ในปี 1836 โดยนักเคมีชาวอังกฤษ จอห์น เฟรเดอริก นีลล์ เป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าในทางปฏิบัติครั้งแรก และกลายเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นแหล่งพลังงานสำหรับเครือข่าย โทรเลขไฟฟ้า เซลล์ของนีลล์ประกอบด้วยหม้อทองแดงที่เติมเต็มด้วยสารละลาย คอปเปอร์ซัลเฟต ที่แช่ด้วยภาชนะ ดินเผา เคลือบที่เติมเต็มด้วย กรดกำมะถัน และขั้วไฟฟ้าสังกะสี",
"เซลล์เชื้อเพลิงครั้งแรกถูกคิดค้นในปี 1838 เซลล์เชื้อเพลิงเชิงพาณิชย์ครั้งแรกถูกใช้มากว่าหนึ่งศตวรรษต่อมาในโครงการอวกาศของ นาซ่า ที่จะผลิตพลังงานให้กับดาวเทียมและแคปซูลอวกาศ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเซลล์เชื้อเพลิงถูกนำมาใช้ในงานที่หลากหลายอื่น ๆ เซลล์เชื้อเพลิงถูกใช้สำหรับพลังงานหลักและพลังงานสำรองเพื่อการพาณิชย์ อุตสาหกรรมและอาคารที่อยู่อาศัยและในพื้นที่ห่างไกลและไม่สามารถเข้าถึงได้ พวกมันยังถูกใช้เพื่อให้พลังงานกับยานพาหนะเซลล์เชื้อเพลิง รวมทั้งรถยก, รถยนต์, รถโดยสาร, เรือ, รถจักรยานยนต์และเรือดำน้ำ",
"บีเซลล์ () เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวประเภทลิมโฟไซต์ ซึ่งเมื่อถูกกระตุ้นด้วยสารแปลกปลอมหรือแอนติเจนจะพัฒนาเป็นพลาสมาเซลล์ที่มีหน้าที่หลั่งแอนติบอดีมาจับกับแอนติเจน บีเซลล์มีแหล่งกำเนิดในร่างกายจากสเต็มเซลล์ ที่ชื่อว่า \"Haematopoietic Stem cell\" ที่ไขกระดูก พบครั้งแรกที่ไขกระดูกบริเวณก้นกบของไก่ ที่ชื่อว่า Bursa of Fabricius จึงใช้ชื่อว่า \"บีเซลล์\" (บางแห่งอ้างว่า B ย่อมาจาก Bone Marrow หรือไขกระดูกซึ่งเป็นที่กำเนิดของบีเซลล์ แต่นี่เป็นเพียงความบังเอิญเท่านั้น) ในขณะที่ ลิมโฟไซต์อีกชนิด คือ ทีเซลล์ ถูกค้นพบครั้งแรกที่ไขกระดูกบริเวณไทมัส จึงใช้ชื่อว่า \"ทีเซลล์\""
] |
ดาวเคราะห์มีแสงในตัวเองหรือไม่ ? | [
"ทฤษฎีที่เป็นที่ยอมรับกันมากที่สุดในปัจจุบันกล่าวว่าดาวเคราะห์ก่อตัวขึ้นจากการยุบตัวลงของกลุ่มฝุ่นและแก๊ส พร้อมๆ กับการก่อกำเนิดดวงอาทิตย์ที่ใจกลาง ดาวเคราะห์ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง สามารถมองเห็นได้เนื่องจากพื้นผิวสะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์ส่วนใหญ่ในระบบสุริยะมีดาวบริวารโคจรรอบ ยกเว้นดาวพุธและดาวต่างต่าง และสามารถพบระบบวงแหวนได้ในดาวเคราะห์ขนาดใหญ่อย่างดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน มีเพียงดาวเสาร์เท่านั้นที่สามารถมองเห็นวงแหวนได้ชัดเจนด้วยกล้องส่องทางไกล"
] | [
"ดาวเคราะห์น้ำแข็งโดยมากมีคุณสมบัติที่ไม่เอื้อต่อการอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต เนื่องจากมีอุณหภูมิที่เย็นจัด ดาวเคราะห์น้ำแข็งอาจมีมหาสมุทรภายในที่อยู่ใต้เปลือกของมัน ซึ่งอาจถูกทำให้อุ่นโดยแกนของมันเองหรือแรงไทดัลจากวัตถุที่อยู่ใกล้เคียง โดยเฉพาะดาวแก๊สยักษ์ น้ำใต้เปลือกดาวเคราะห์อาจสามารถเอื้อต่อการอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต รวมไปถึงปลา แพลงก์ตอน และจุลินทรีย์ แพลงก์ตอนและจุลินทรีย์ที่อยู่ใต้เปลือกของดาวเคราะห์จะไม่ทำการสังเคราะห์ด้วยแสงเนื่องจากแสงดาวฤกษ์ถูกบดบังโดยเปลือกน้ำแข็งที่อยู่เหนือน้ำ แต่จะสร้างสารอาหารจากโดยใช้สารเคมีจำเพาะ โดยผ่านกระบวนการสังเคราะห์ทางเคมี หากมีปัจจัยที่เหมาะสม ดาวเคราะห์บางดวงอาจมีชั้นบรรยกาศที่เห็นได้ชัดคล้ายกับไททัน ดาวบริวารของดาวเสาร์ ซึ่งอาจเอื้อต่อการอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตต่างดาว",
"ครั้นต่อมาได้มีการศึกษาสเปกตรัมของแสงอาทิตย์ พบว่ามีฮีเลียม แต่ไม่พบเนบิวเลียม จนเฮนรี นอร์ริส รัสเซล (Henry Norris Russel) นักดาราศาสตร์ชาวอเมริกัน เสนอว่า \"เนบิวเลียม\" เป็นธาตุที่เราคุ้นเคยกันดี แต่อยู่ในสภาวะที่เราไม่ทราบ ต่อมาค้นพบว่าใจกลางของเนบิวลาดาวเคราะห์ (คือดาวแคระขาว) มีอุณหภูมิสูงมากแต่มีแสงจางมาก ขณะที่ชั้นนอกของดาวยักษ์แดงดวงเดิมขยายตัวออกสู่อวกาศเสมอ จนเกิดแนวคิดว่าเนบิวลาดาวเคราะห์เป็นจุดจบของดาวฤกษ์ที่มีมวลน้อย (ต่างกับซูเปอร์โนวาที่เป็นจุดจบของดาวฤกษ์ที่มีมวลมาก)",
"ดาวเคราะห์น้อยประมาณหนึ่งส่วนในสามส่วนของดาวเคราะห์น้อยทั้งหมดในแถบหลักจะเป็นสมาชิกของตระกูลดาวเคราะห์น้อยตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ดาวเคราะห์น้อยเหล่านี้มีลักษณะวงโคจรใกล้เคียงกัน เช่นค่ากึ่งแกนเอก ค่าความเบี้ยวศูนย์กลาง และค่าระนาบวงโคจร รวมถึงคุณสมบัติทางแสงที่คล้ายคลึงกัน สิ่งเหล่านี้แสดงว่าดาวเคราะห์น้อยเหล่านี้มีต้นกำเนิดมาจากวัตถุเดียวกันแล้วจึงแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จากแผนภาพแสดงตำแหน่งวัตถุที่เป็นสมาชิกในแถบหลักแสดงให้เห็นความหนาแน่นของวัตถุในบางตำแหน่งซึ่งส่อถึงตระกูลดาวเคราะห์น้อย ประมาณได้ว่ามีความสัมพันธ์ที่สอดคล้องกันเช่นนี้อยู่ราว 20-30 กลุ่มที่น่าจะเป็นดาวเคราะห์น้อยตระกูลเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มที่มีความสัมพันธ์ที่สอดคล้องกันน้อยลงมา เราสามารถแยกแยะตระกูลดาวเคราะห์น้อยได้จากวัตถุที่มีคุณสมบัติทางแสงตรงกัน ส่วนดาวเคราะห์น้อยที่มีความสัมพันธ์น้อยลงมาจะเรียกว่า กลุ่มหรือกระจุกดาวเคราะห์น้อย",
"มีคำถามที่ยังตอบไม่ได้จำนวนมากเกี่ยวกับคุณสมบัติของดาวเคราะห์นอกระบบ อย่างเช่น รายละเอียดขององค์ประกอบของดาว และโอกาสที่ดาวเหล่านี้จะมีดวงจันทร์ของตัวเอง ในปัจจุบันพบว่าดาวเคราะห์นอกระบบจำนวนมากไม่มีน้ำซึ่งแสดงว่ายังคงต้องมีการศึกษาสมบัติของดาวเคราะห์นอกระบบเพิ่มเติม อีกคำถามหนึ่งคือมีสิ่งมีชีวิตในดาวเคราะห์นอกระบบหรือไม่ ดาวเคราะห์หลาย ๆ ดวงมีวงโคจรอยู่ในระยะที่สามารถมีสิ่งมีชีวิตได้ ซึ่งมีโอกาสที่เงื่อนไขหลายประการทำให้ดาวเคราะห์เหล่านั้นเป็นดาวเคราะห์คล้ายโลก แต่ดาวเคราะห์เหล่านี้ส่วนมากเป็นดาวเคราะห์ยักษ์คล้ายดาวพฤหัสบดีมากกว่า ถ้าดาวเคราะห์เหล่านี้มีดวงจันทร์ขนาดใหญ่ เป็นไปได้ว่าดวงจันทร์เหล่านั้นจะสามารถเป็นแหล่งกำเนิดสิ่งมีชีวิตได้ การตรวจหาสิ่งมีชีวิตบนดาวที่อยู่ห่างไกล (ยังไม่นับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอารยธรรมหรือไม่) เป็นสิ่งที่น่าท้าทายอย่างยิ่งและอาจยังเป็นไปไม่ได้ในช่วงระยะเวลาหลายปีนี้ แม้ว่าการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาก็ตาม",
"ดาวเคราะห์น้อยประเภทซิลิกา หรือประเภท S มักพบมากบริเวณด้านในของแถบหลัก คือมีวงโคจรจากดวงอาทิตย์น้อยกว่า 2.5 หน่วยดาราศาสตร์ สเปกตรัมพื้นผิวของดาวเคราะห์น้อยในกลุ่มนี้แสดงให้เห็นซิลิเกตจำนวนมากรวมถึงโลหะบางชนิด แต่ไม่มีร่องรอยที่เด่นชัดขององค์ประกอบคาร์บอน แสดงว่าแร่ธาตุในตัวได้ผ่านการปรับเปลี่ยนไปจากองค์ประกอบดั้งเดิม ซึ่งอาจเกิดจากการหลอมละลายหรือการก่อตัวใหม่ ดาวเคราะห์น้อยกลุ่มนี้มีค่าสัมประสิทธิ์การสะท้อนแสงค่อนข้างสูง และมีจำนวนประมาณ 17% ของจำนวนประชากรดาวเคราะห์น้อยทั้งหมด",
"ดาวเคราะห์ที่สามารถค้ำจุนต่อสิ่งมีชีวิตได้ เรียกว่า ดาวเคราะห์อยู่อาศัยได้ โดยไม่จำเป็นว่าสิ่งมีชีวิตจะต้องกำเนิดจากดาวเคราะห์นั้น โลกมีน้ำในรูปของเหลว ซึ่งเป็นสิ่งแวดล้อมที่โมเลกุลสารอินทรีย์ซับซ้อนสามารถรวมตัวกันหรือมีอันตรกิริยาต่อกันได้ และมีพลังงานเพียงพอค้ำจุนเมแทบอลิซึม ระยะทางจากโลกถึงดวงอาทิตย์ตลอดจนความเยื้องศูนย์กลางของวงโคจร อัตราการหมุนรอบตัวเอง ความเอียงของแกนดาว ประวัติศาสตร์ธรณีวิทยา การมีชั้นบรรยากาศคอยค้ำจุน และมีสนามแม่เหล็ก ทั้งหมดล้วนเกื้อหนุนให้เกิดสภาพภูมิอากาศที่พื้นผิวดังเช่นในปัจจุบัน",
"ดาวเคราะห์น้อยประเภท M เป็นดาวเคราะห์น้อยที่ไม่ทราบองค์ประกอบแน่ชัด มีความสว่างปานกลาง (ค่าสัมประสิทธิ์การสะท้อนแสง ประมาณ 0.1-0.2) บางดวงมีส่วนประกอบของนิกเกิล-เหล็ก ซึ่งมีทั้งแบบบริสุทธิ์และแบบผสมกับองค์ประกอบที่เป็นหิน เชื่อว่าเป็นชิ้นส่วนจากแกนกลางโลหะของดาวเคราะห์น้อยอื่นๆ ที่แตกออกจากการปะทะ และน่าจะเป็นต้นกำเนิดของอุกกาบาตโลหะที่พบบนโลก",
"ดาวเคราะห์ชั้นในหรือดาวเคราะห์ใกล้โลก มี 4 ดวง โดยมากประกอบด้วยส่วนประกอบหิน มีความหนาแน่นสูง มีดวงจันทร์น้อยหรืออาจไม่มีเลย และไม่มีระบบวงแหวนรอบตัวเอง สสารที่เป็นองค์ประกอบมักเป็นแร่ธาตุที่มีจุดหลอมเหลวสูง เช่นซิลิเกตที่ชั้นเปลือกและผิว หรือโลหะ เหล็ก นิเกิล ที่เป็นแกนกลางของดาว สามในสี่ของดาวเคราะห์กลุ่มนี้ (ดาวศุกร์ โลก และดาวอังคาร) มีชั้นบรรยากาศที่เห็นได้ชัด พื้นผิวมีร่องรอยของหลุมบ่อที่เกิดจากการปะทะโดยชิ้นส่วนจากอวกาศ และมีความเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาที่พื้นผิวด้วยเช่น การแยกตัวของร่องหุบเขาและภูเขาไฟ",
"ดาวเคราะห์ก่อตัวขึ้นจากแผ่นจานฝุ่นที่หมุนวนรอบ ๆ ดวงอาทิตย์ เมื่อผ่านกระบวนการต่าง ๆ นานาเช่น การดึงดูดของแรงโน้มถ่วง การปะทะ การแตกสลาย และการรวมตัวกัน แผ่นจานฝุ่นเหล่านั้นก็ก่อตัวเป็นรูปร่างที่เรียกว่า ดาวเคราะห์ก่อนเกิด (protoplanet) แรงดันการแผ่รังสีของลมสุริยะจะพัดพาเอาสสารที่ไม่สามารถรวมตัวกันติดให้กระจายหายไป คงเหลือแต่ส่วนของดาวเคราะห์ที่มีมวลมากพอจะดึงดูดบรรยากาศชั้นแก๊สของตัวเอาไว้ได้ ดาวเคราะห์ใหม่เหล่านี้ยังมีการดึงดูดและปลดปล่อยสสารในตัวตลอดช่วงเวลาที่ถูกเศษสะเก็ดดาวย่อย ๆ ปะทะตลอดเวลา การปะทะเหล่านี้ทำให้เกิดหลุมบ่อบนพื้นผิวดาวเคราะห์ดั่งเช่นที่ปรากฏบนพื้นผิวดวงจันทร์ ผลจากการปะทะนี้ส่วนหนึ่งอาจทำให้ดาวเคราะห์ก่อนเกิดแตกชิ้นส่วนออกมาและกลายไปเป็นดวงจันทร์ของมันก็ได้"
] |
การท่องเที่ยวหมายถึงการเดินทาง โดยระยะทางมากกว่า 40 กิโลเมตรจากบ้าน เพื่อจุดประสงค์ในการพักผ่อนหย่อนใจใช่หรือไม่? | [
"การท่องเที่ยว หมายถึงการเดินทางเพื่อพักผ่อนหย่อนใจหรือเพื่อความสนุกสนานตื่นเต้นหรือเพื่อหาความรู้ องค์กรการท่องเที่ยวของสหประชาชาติ () กำหนดไว้ว่า การท่องเที่ยวหมายถึงการเดินทาง โดยระยะทางมากกว่า 40 กิโลเมตรจากบ้าน เพื่อจุดประสงค์ในการพักผ่อนหย่อนใจ การท่องเที่ยวในประเทศไทยได้มีพัฒนาการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2467 สมัยพระเจาบรมวงศ์เธอกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ครั้งทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการรถไฟ ซึ่งในครั้งนั้นการท่องเที่ยวในประเทศไทย ยังเป็นการท่องเที่ยวเพื่อชมธรรมชาติและสถานที่ราชการ หรือสถานที่สำคัญที่ทางชาวต่างประเทศที่เขามาในประเทศไทยสร้างขึ้น แต่เมื่อประมาณ 10 ปี ที่ผ่านมาทางองค์การท่องเที่ยวโลก (www.unwto.org) ได้มีการกำหนดรูปแบบการท่องเที่ยวได้ 3 รูปแบบหลัก ได้แก่"
] | [] |
ยุคแห่งการสำรวจประจวบกับช่วงที่ชาวยุโรปตะวันตกเริ่มใช้สิ่งใดในการสำรวจ? | [
"ยุคแห่งการสำรวจประจวบกับช่วงที่ชาวยุโรปตะวันตกเริ่มใช้เข็มทิศในการกำหนดและระบุเส้นทาง, การใช้วิธีการเดินเรือเดินทะเลแบบใหม่, การมีแผนที่ใหม่ และความก้าวหน้าทางดาราศาสตร์ ความก้าวหน้าเหล่านี้ช่วยในการแสวงหาเส้นทางการค้าขายใหม่ไปยังเอเชียโดยเลี่ยงอุปสรรคถ้าการใช้ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของมหาอำนาจที่เป็นปฏิปักษ์ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่วิวัฒนาการขึ้นสำหรับการเดินทางทางทะเลคือเรือชนิดใหม่สองแบบที่ออกแบบโดยโปรตุเกส--เรือคาร์แร็ค (Carrack) และ เรือคาราเวล (Caravel) ที่วิวัฒนาการมาจากการออกแบบเรือในยุคกลางที่ใช้ในการเดินเรือในทะเลเหนือและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เรือสองชนิดนี้เป็นเรือสองชนิดแรกที่ให้ความปลอดภัยพอที่จะฝ่าคลื่นฝ่าลมในมหาสมุทรแอตแลนติกได้เมื่อเทียบกับเรือรุ่นก่อนหน้านั้นที่ใช้กันเฉพาะในบริเวณที่คลื่นลมไม่รุนแรงเทียบเท่ากับการเดินทางกลางมหาสมุทร"
] | [
"ยุคแห่งการค้นพบหรือรู้จักในชื่อยุคแห่งการสำรวจ เป็นหนึ่งในยุคที่สำคัญที่สุดของการสำรวจทางภูมิศาสตร์ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ เริ่มขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 15 จนถึงศตวรรษที่ 17 ในยุคนั้นชาวยุโรปได้ค้นพบและสำรวจพื้นที่อันกว้างใหญ่ของอเมริกา แอฟริกา เอเชีย และโอเชียเนีย\nเหล่านักสำรวจที่สำคัญที่สุดในช่วงดังกล่าว ได้แก่\nต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 16 และ 17 โดยมีนักสำรวจเช่น",
"โครงการการสำรวจแรกของยุโรปเหนือในปี ค.ศ. 1497 เป็นโครงการของอังกฤษที่นำโดยชาวอิตาลี, จอห์น แค็บบอท (จิโอวานนิ คาโบโต) ซึ่งเป็นโครงการที่ตามมาด้วยโครงการอื่นอีกหลายโครงการของฝรั่งเศสและอังกฤษในการสำรวจอเมริกาเหนือ สเปนพยายามดำเนินการสำรวจทางตอนเหนือของทวีปอเมริกาอยู่บ้างแต่ก็ไม่มีกำลังคนพอ เพราะกำลังคนและงบประมาณส่วนใหญ่ไปมุ่งอยู่กับการสำรวจตอนกลางและตอนใต้ของทวีปอเมริกาที่สเปนทราบอยู่แล้วว่าเป็นขุมทอง ในปี ค.ศ. 1524 จิโอวานนิ ดา แวร์ราซซาโน (Giovanni da Verrazzano) กลายเป็นชาวยุโรปคนแรกที่เดินทางไปถึงฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกาปัจจุบัน การเดินทางสำรวจของแค็บบอท, ฌาก การ์ตีเย (การสำรวจครั้งแรก ค.ศ. 1534) และนักสำรวจอื่นๆ เป็นการสำรวจที่มีจุดประสงค์ในการแสวงหาช่องทางตะวันตกเฉียงเหนือ (Northwest Passage) ในการใช้เป็นเส้นทางการค้ากับเอเชีย และช่องทางที่ว่าก็ไม่เป็นที่พบ แต่การเดินทางก็ทำให้พบสิ่งอื่นๆ และในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 นักล่าอาณานิคมจากหลายประเทศจากทางตอนเหนือของยุโรปก็เริ่มเข้ามาตั้งถิ่นฐานทางฝั่งทะเลทางตะวันออกของทวีปอเมริกาเหนือ",
"การเดินทางเพื่อการสำรวจหาเส้นทางค้าขายทางทะเลใหม่ไปยังเอเชียมิได้เริ่มขึ้นโดยชายยุโรปอย่างจริงจังจนมากระทั่งเมื่อมีการวิวัฒนาการเรือคาร์แร็ค และต่อมา เรือคาราเวลขึ้น สาเหตุที่กระตุ้นการริเริ่มการสำรวจเกิดขึ้นหลังจากการยึดคอนสแตนติโนเปิลโดยชนเติร์กในปี ค.ศ. 1453 จากนั้นจักรวรรดิออตโตมันก็มีอำนาจควบคุมการค้าขายในบริเวณนั้น และกีดกันชาวยุโรปบจากการใช้เส้นทางเส้นทางสายไหม หรือ การค้าขายไหมและการค้าเครื่องเทศ และเส้นทางการค้าขายผ่านทางแอฟริกาเหนือที่มีความสำคัญสำหรับยุโรปในการเป็นเส้นทางการค้าผสมระหว่างทางบกและทางทะเลผ่านทางทะเลแดงไปยังเอเชีย ทั้งเครื่องเทศและไหมเป็นธุรกิจใหญ่ในยุคนั้น รวมทั้งเครื่องเทศที่ใช้ประโยชน์ทั้งในการถนอมอาหารและปรุงรสซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างน้อยก็สำหรับผู้มีฐานะดีหรือผู้มีอันจะกิน",
"ยุคแห่งการสำรวจ หรือ ยุคแห่งการค้นพบ () เป็นช่วงระยะเวลาในประวัติศาสตร์โลกที่เริ่มตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 15 ไปจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 17 ในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่ชาวยุโรปออกเดินทางไปสำรวจทางทะเลในโลกที่กว้างออกไปจากตัวทวีปยุโรปเองโดยมีจุดประสงค์เพื่อหาคู่ค้าขายใหม่ และโดยเฉพาะเพื่อการแสวงหาสินค้าเพื่อสนองความต้องการของตลาดตามต้องการ สินค้าที่เป็นที่ต้องการกันมากในยุโรปในขณะนั้นคือทอง เงิน และ เครื่องเทศ",
"ช่วงประมาณ ค.ศ. 800 - 1,040 ชาวไวกิงสำรวจยุโรปและฝั่งตะวันตกของซีกโลกเหนือผ่านแม่น้ำและมหาสมุทร ตัวอย่างเช่น เป็นที่ทราบว่าเอริกเดอะเรด (ค.ศ. 950 – 1003) นักสำรวจชาวไวกิงนอร์เวย์ แล่นเรือและตั้งถิ่นฐานที่กรีนแลนด์หลังจากถูกเนรเทศจากไอซ์แลนด์ ขณะที่ลูกชายของเขา เลฟ เอริกสัน นักสำรวจชาวไอซ์แลนด์ (ค.ศ. 980 – 1020) มาถึงนิวฟันด์แลนด์และชายฝั่งอเมริกาเหนือที่อยู่ใกล้เคียง และเชื่อว่าน่าจะเป็นชาวยุโรปคนแรกที่มาถึงแผ่นดินในทวีปอเมริกาเหนือ",
"โคลัมบัสมิได้พบเส้นทางไปยังเอเชียแต่ไปพบดินแดนที่ชาวยุโรปมาเรียกกันว่า “โลกใหม่” ซึ่งก็คือทวีปอเมริกา ในปี ค.ศ. 1500 นักเดินเรือชาวโปรตุเกสเปดรู อัลวาเรซ กาบรัลก็เดินทางไปสำรวจดินแดนในอเมริกาใต้ที่ปัจจุบันเรียกว่าบราซิล การเลี่ยงเส้นทางที่ไม่ให้ทับกันระหว่างสองมหาอำนาจนี้เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งระหว่างสองราชอาณาจักร ในที่สุดพระสันตะปาปาก็เข้ามาแก้ไขปัญหาในปี ค.ศ. 1494 ในข้อตกลงในสนธิสัญญาทอร์เดสซิลลาส (Treaty of Tordesillas) ที่แบ่งโลกระหว่างสองมหาอำนาจ โปรตุเกส “ได้รับ” ทุกอย่างนอกยุโรปทางตะวันออกของเส้นที่แล่น 270 ลีก (League) ทางตะวันตกของหมู่เกาะแหลมแวร์เดที่ทำให้โปรตุเกสมมีอิทธิพลในการควบคุมแอฟริกา, เอเชีย และทางตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปอเมริกา (บราซิล) ส่วนสเปนได้ทุกอย่างทางตะวันตกของเส้นแบ่งที่ระบุ ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงเป็นดินแดนที่ยังไม่ได้รับการสำรวจที่มารู้จักกันต่อมาว่าเป็นทางเด้านตะวันตกของทวีปอเมริกาและหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก",
"เมื่อมาถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 เรือของยุโรปก็ได้รับการวัฒนาการดีขึ้นจนนักเดินเรือผู้มีผู้เชี่ยวชาญสามารถนำเดินทางไปยังจุดหมายใดก็ได้ในโลก การสำรวจทางทะเลก็ยังคงดำเนินต่อไป ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ฝั่งตะวันตกและฝั่งเหนือของออสเตรเลียก็ได้รับการเขียนเป็นแผนที่ แต่ฝั่งตะวันออกยังคงต้องรอต่อมาอีกร้อยปี ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 มหาสมุทรแปซิฟิกก็กลับมาเป็นจุดสนใจของนักสำรวจ และทะเลอาร์กติกและอันตาร์กติกก็ไม่ได้รับการสำรวจจนกระทั่งมาถึงคริสต์ศตวรรษที่ 19 นักสำรวจเข้าไปถึงใจกลางของทวีปอเมริกาในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 และก็ยังคงมีอาณาบริเวณที่ยังไม่ได้รับการสำรวจจนกระทั่งถึงคริสต์ศตวรรษที่ 18 และ 19 ดินแดนตอนกลางของออสเตรเลียและแอฟริกาไม่ได้รับการสำรวจโดยชาวยุโรปจนคริสต์ศตวรรษที่ 19 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 เพราะในบริเวณเหล่านี้ไม่มีแน้วโน้มที่มีประโยชน์ต่อการค้าขาย นอกจากนั้นก็ยังเป็นบริเวณที่เต็มไปด้วยโรคร้ายของเมืองร้อนต่างๆ ที่เป็นอันตรายต่อชีวิต",
"ในระยะเริ่มต้นโคลัมบัสและนักสำรวจสเปนก็ผิดหวังกับการค้นพบต่างๆ ซึ่งไม่เหมือนกับแอฟริกาหรือเอเชีย ชาวหมู่เกาะแคริบเบียนดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่ค้าขายกับสเปนได้ ฉะนั้นหมู่เกาะเหล่านี้จึงกลายมาเป็นจุดสำคัญในการยึดเป็นอาณานิคมแทนที่ จนกระทั่งเมื่อตัวทวีปเองได้รับการสำรวจสเปนจึงพบความมั่งคั่งที่พยายามแสวงหามานานในรูปของทองจำนวนมหาศาล สเปนพบจักรวรรดิต่างๆ ในทวีปอเมริกาที่ทั้งใหญ่และมีประชากรพอๆ กับยุโรปเอง และสเปนก็สามารถพิชิตดินแดนเหล่านี้ได้โดยกองกิสตาดอร์ (conquistador) เพียงจำนวนไม่กี่คนกับกองทัพของชนท้องถิ่น จักรวรรดิสำคัญๆ ที่สเปนพิชิตได้ก็ได้แก่จักรวรรดิแอซเท็คในเม็กซิโกที่พิชิตได้ในปี ค.ศ. 1521 และ จักรวรรดิอินคาในเปรูปัจจุบันที่พิชิตได้ในปี ค.ศ. 1532 ในช่วงนี้ยุโรปประสับกับปัญหาโรงระบาดร้ายแรง เช่นฝีดาษที่นำความหายนะมาสู่ประชากรในทวีปอเมริกาใต้อย่างย่อยยับ หลังจากก่อตั้งอำนาจการปกครองขึ้นแล้วสเปนก็เริ่มส่งทองและเงินที่พบกลับสเปน\nในปี ค.ศ. 1519 ราชบัลลังก์สเปนก็ให้ทุนนักเดินเรือชาวโปรตุเกสเฟอร์ดินันด์ มาเจลลัน จุดประสงค์ของการสำรวจครั้งนี้ก็เพื่อหาเส้นทางไปยังหมู่เกาะเครื่องเทศโดยการเดินทางไปทางตะวันตก ซึ่งถ้าพบก็จะทำให้สเปนกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและทางการเมืองในบริเวณภูมิภาคนี้ของโลก คณะการสำรวจสามารถข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกไปจนพบหมู่เกาะเครื่องเทศได้และเป็นนักเดินทางกลุ่มแรกที่ทำการเดินเรือรอบโลก (circumnavigation) และเดินทางกลับสเปนอีกสามปีต่อมา แต่มาเจลลันมิได้นำชัยชนะกลับสเปนด้วยตนเองเพราะมาเสียชีวิตในยุทธการมัคตาน (Battle of Mactan) ในฟิลิปปินส์เสียก่อน ซึ่งทำให้ต้องทิ้งให้ Juan Sebastián Elcano เป็นผู้นำในการเดินทางสำรวจต่อจนจบ ในบางด้านการสำรวจประสบความล้มเหลวเพราะเป็นเส้นทางที่ไม่เหมาะสมกับการที่จะใช้เป็นเส้นทางการค้า ช่องแคบมาเจลลัน (Strait of Magalhães) อยู่ไกลไปทางใต้จนเกินไป และมหาสมุทรแปซิฟิกก็มีขนาดกว้างใหญ่ไพศาล ฉะนั้นเส้นทางนี้จึงไม่สามารถใช้แทนการเดินทางรอบแอฟริกาของโปรตุเกสได้ สเปนสามารถสร้างอำนาจในภูมิภาคแปซิฟิกแต่ไม่ใช่จากการสำรวจที่ทำโดยมาเจลลัน แต่จากเส้นทางข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกระหว่างเม็กซิโกและฟิลิปปินส์ที่พบโดยนักสำรวจอื่นๆ เส้นทางตะวันออกไปยังฟิลิปปินส์เดินเป็นครั้งแรกโดยอัลวาโร เดอ ซาเวดรา (Alvaro de Saavedra) ในปี ค.ศ. 1527 เส้นทางตะวันตกขากลับยากกว่าแต่ในที่สุดก็พบโดยอันเดรส์ เดอ อูร์ดาเนตา (Andrés de Urdaneta) ในปี ค.ศ. 1565 เส้นทางนี้ใช้โดยกองเรือมะนิลา (Manila galleon) อยู่เป็นเวลานาน กองเรือมะนิลาเป็นกองเรือค้าขายซึ่งเป็นการเชื่อมการค้าขายระหว่างจีน ทวีปอเมริกา และ ยุโรป โดยเส้นทางทรานสแปซิฟิก และ เส้นทางทรานสแอตแลนติก (Transatlantic)",
"ในยุคจักรวรรดิตูอีโตงานี้ มีนักสำรวจชาวยุโรปเดินทางเข้ามาหลายกลุ่ม โดยนักสำรวจที่เดินทางเข้ามาเป็นกลุ่มแรกนั้นเป็นนักสำรวจชาวดัตช์ชื่อว่ายาโกบ เลอ แมเรอ และวิลเลิม สเคาเติน ซึ่งเดินทางมาถึงจักรวรรดิตูอีโตงาในปี ค.ศ. 1616 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่จักรวรรดิเกิดสงครามกลางเมือง โดยเข้ามาสำรวจในบริเวณเกาะนีอูอาโตปูตาปู ในปี ค.ศ. 1643 อาเบิล ตัสมัน ได้เดินทางเข้ามาในตองงาในบริเวณเกาะโตงาตาปูและฮาอะไป แต่การเดินทางเข้ามาทั้ง 2 ครั้งของชาวยุโรปนี้ ยังไม่มีการติดต่อกับชาวพื้นเมืองอย่างเป็นทางการมากเท่าใดนัก การติดต่อกับชาวพื้นเมืองอย่างเป็นทางการของชาวยุโรปและก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในจักรวรรดิคือการเดินทางเข้ามาสำรวจของกัปตันเจมส์ คุก ในปี ค.ศ. 1773 1774 และ 1777 ซึ่งเจมส์ คุกได้ตั้งชื่อหมู่เกาะนี้ว่า \"หมู่เกาะมิตรภาพ\" (Friendly Islands) โดยชื่อนี้มาจากความประทับใจของเจมส์ คุก ต่อลักษณะนิสัยของชาวพื้นเมือง หลังจากนั้นอเลสซานโดร มาลาสปินาเข้ามาสำรวจตองงาในปี ค.ศ. 1793 ในปี ค.ศ. 1797 หลังจากการเข้ามาของอเลสซานโดร มาลาสปินาได้มีมิชชันนารีเข้ามาเผยแผ่ศาสนาคริสต์ให้แก่ชาวพื้นเมือง โดยคณะแรกที่เข้ามานั้นคือ London Missionary Society แต่มิชชันนารีกลุ่มนี้ไม่ประสบความสำเร็จมากนักในการเผยแผ่ศาสนา อย่างไรก็ตามมิชชันนารีในคณะเวสเลยันที่เข้ามาในตองงาปี ค.ศ. 1822 ประสบความสำเร็จในการเผยแผ่ศาสนาและเป็นส่วนสำคัญในการช่วยให้เตาฟาอาเฮาได้รับชัยชนะในสงครามกลางเมือง"
] |
ข้อมูล คืออะไร? | [
"ข้อมูล คือลำดับของสัญลักษณ์ใด ๆ ที่มีความหมายโดยการปฏิบัติการเฉพาะเพื่อตีความ ข้อมูลดิจิทัลคือปริมาณ อักขระ หรือสัญลักษณ์ในการดำเนินการอันกระทำโดยคอมพิวเตอร์ เก็บและบันทึกลงในสื่อแม่เหล็ก เชิงแสง หรือเชิงกลเป็นต้น และส่งผ่านในรูปแบบสัญญาณไฟฟ้า\nโปรแกรมคือกลุ่มข้อมูลที่ประกอบด้วยอนุกรมของชุดคำสั่งซอฟต์แวร์ที่ลงรหัสไว้ สำหรับควบคุมการดำเนินการของคอมพิวเตอร์หรือเครื่องจักรอื่น",
"ข้อมูล คือค่าของตัวแปรในเชิงคุณภาพหรือเชิงปริมาณ ที่อยู่ในความควบคุมของกลุ่มของสิ่งต่าง ๆ ข้อมูลในเรื่องการคอมพิวเตอร์ (หรือการประมวลผลข้อมูล) จะแสดงแทนด้วยโครงสร้างอย่างหนึ่ง ซึ่งมักจะเป็นโครงสร้างตาราง (แทนด้วยแถวและหลัก) โครงสร้างต้นไม้ (กลุ่มของจุดต่อที่มีความสัมพันธ์แบบพ่อลูก) หรือโครงสร้างกราฟ (กลุ่มของจุดต่อที่เชื่อมระหว่างกัน) ข้อมูลโดยปกติเป็นผลจากการวัดและสามารถทำให้เห็นได้โดยใช้กราฟหรือรูปภาพ ข้อมูลในฐานะมโนทัศน์นามธรรมอันหนึ่ง อาจมองได้ว่าเป็นระดับต่ำที่สุดของภาวะนามธรรมที่สืบทอดเป็นสารสนเทศและความรู้ \"ข้อมูลดิบ\" หรือ \"ข้อมูลที่ยังไม่ประมวลผล\" เป็นศัพท์อีกคำหนึ่งที่เกี่ยวข้อง หมายถึงการรวบรวมจำนวนและอักขระต่าง ๆ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นตามปกติในการประมวลผลข้อมูลเป็นระยะ และ \"ข้อมูลที่ประมวลผลแล้ว\" จากระยะหนึ่งอาจถือว่าเป็น \"ข้อมูลดิบ\" ของระยะถัดไปก็ได้ ข้อมูลสนามหมายถึงข้อมูลดิบที่รวบรวมมาจากสภาพแวดล้อม ณ แหล่งกำเนิด ที่ไม่อยู่ในการควบคุม ข้อมูลเชิงทดลองหมายถึงข้อมูลที่สร้างขึ้นภายในสภาพแวดล้อมของการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์โดยการสังเกตและการบันทึก"
] | [
"การสื่อสารและความถูกต้องเป็นปัจจัยสำคัญสองอย่างที่เป็นประโยชน์ในการทำให้แบบจำลองข้อมูลมีความสำคัญต่อแอพลิเคชันที่ใช้และแลกเปลี่ยนข้อมูล แบบจำลองข้อมูลเป็นตัวกลางซึ่งผู้ร่วมโครงการที่มีภูมิหลังต่างกัน มีประสบการณ์ต่างกัน สามารถสื่อสารกันได้ ความถูกต้อง หมายความว่า ทีมงานและกฎเกณฑ์ของแบบจำลองข้อมูลสามารถสื่อความหมายได้อย่างเดียวกัน ไม่กำกวม",
"องค์ประกอบของหน่วยความจำคอมพิวเตอร์ทางกายภาพ ประกอบด้วยเลขที่อยู่และหน่วยเก็บข้อมูลไบต์หรือเวิร์ด ข้อมูลดิจิทัลมักจะถูกเก็บในฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ เช่นตารางหรือฐานข้อมูลเอสคิวแอล และโดยทั่วไปสามารถแทนด้วยข้อมูลคู่กุญแจ-ค่าแบบนามธรรม ข้อมูลสามารถถูกจัดการให้เป็นโครงสร้างข้อมูลได้หลายชนิด อาทิ แถวลำดับ กราฟ วัตถุ ฯลฯ และโครงสร้างข้อมูลสามารถเก็บข้อมูลได้หลายประเภท เช่น จำนวนตัวเลข สายอักขระ หรือแม้แต่โครงสร้างข้อมูลอื่น ข้อมูลถูกส่งผ่านเข้าและออกคอมพิวเตอร์ผ่านทางอุปกรณ์รอบข้าง",
"อนุมูลอิสระ () คือ อะตอม โมเลกุลหรือไอออนซึ่งมีอิเล็กตรอนเดี่ยวในวงนอกสุด (unpaired valence electron) หรือการมีจัดเรียงอิเล็กตรอนเป็นแบบเชลล์เปิด (open-shell electronic configuration) อนุมูลอิสระอาจมีประจุเป็นบวก ลบหรือเป็นศูนย์ก็ได้ ด้วยข้อยกเว้นบางประการ อิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวเหล่านี้ทำให้อนุมูลอิสระว่องไวต่อปฏิกิริยาสูง\nอนุมูลอิสระมีบทบาทสำคัญในการสันดาป เคมีบรรยากาศ พอลิเมอไรเซชัน เคมีพลาสมา ชีวเคมี และกระบวนการทางเคมีอีกหลายอย่าง ในสิ่งมีชีวิต ซูเปอร์ออกไซด์ ไนตริกออกไซด์และผลิตภัณฑ์จากปฏิกิริยาของมันควบคุมหลายกระบวนการ เช่น ควบคุมการบีบตัวของหลอดเลือด ซึ่งควบคุมความดันโลหิตอีกต่อหนึ่ง นอกจากนี้ อนุมูลอิสระยังมีบทบาทสำคัญในเมแทบอลิซึมตัวกลางของสารประกอบทางชีวภาพหลายชนิด \nอนุมูลอิสระเกิดขึ้นเป็นปกติจากปฏิกิริยาในร่างกายอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีธาตุเหล็ก ทองแดง แมงกานีส โคบอลต์ โครเมียม นิเกิลน้อย มักเกิดเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ โดยร่างกายจะมีระบบกำจัดอนุมูลอิสระ แต่หากร่างกายได้รับสารอนุมูลอิสระจากภายนอก เช่น ได้รับจากอาหารบางชนิด จากขบวนการประกอบอาหาร เช่น การย่างเนื้อสัตว์ที่มีไขมันประกอบสูง การนำน้ำมันที่ใช้ทอดอาหารที่อุณหภูมิสูง ๆ มาใช้อีก หรือจากสิ่งแวดล้อม เช่น แสงอาทิตย์ซึ่งมีรังสีอัลตราไวโอเลต การแผ่รังสี รังสีเอกซ์ หรือจากมลพิษ เช่น ควันบุหรี่ ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์จากไอเสียรถยนต์ มากเกินไป หรือในภาวะที่ร่างกายสามารถกำจัดอนุมูลอิสระได้ลดลง ก็จะทำให้มีอนุมูลอิสระมากเกินไป เป็นสาเหตุของโรคภัยได้",
"เรด (ออกเสียงอย่าง \"เหรด\"; หรือ RAID) คือเทคโนโลยีการนำฮาร์ดดิสก์ หลายๆ อันมาต่อเข้าด้วยกันเพื่อให้มองเห็นเป็นอันเดียว เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น เพิ่มความน่าเชื่อถือของข้อมูล หรือเพิ่มประสิทธิภาพการอ่าน/เขียนข้อมูล หลักการโดยรวมของ RAID คือ การสำเนาข้อมูล (mirroring) การแบ่งส่วนข้อมูล (striping) และการแก้ไขความผิดพลาด (error correction)",
"ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ นั้นหมายความว่า จะมีการจัดเก็บข้อมูลในลักษณะที่เป็นกลุ่มของข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กัน ในฐานข้อมูลหนึ่งๆ สามารถที่จะมีตารางตั้งแต่ 1 ตารางเป็นต้นไป และในแต่ละตารางนั้นก็สามารถมีได้หลายคอลัมน์ (Column) หลายแถว (Row) ตัวอย่างเช่น เราต้องการเก็บข้อมูลพนักงาน ในตารางของข้อมูลพนักงานก็จะประกอบด้วยคอลัมน์ ที่อธิบายชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เงินเดือน แผนกที่สังกัด เป็นต้น และในตารางนั้น ก็สามารถที่จะมีข้อมูลพนักงานได้มากกว่า 1 คน (Row) และตารางข้อมูลพนักงานนั้นอาจจะมีความสัมพันธ์กับตารางอื่น เช่น ตารางที่เก็บชื่อและจำนวนบุตรของพนักงาน",
"ข้อมูลอภิพันธุ์ () หมายถึง ข้อมูลหรือสารสนเทศที่ถูกจัดทำขึ้นอย่างมีโครงสร้างเพื่อใช้ในการบรรยายทรัพยากรสารสนเทศ ในด้านลักษณะเนื้อหา และบริบทที่เกี่ยวข้องซึ่งได้แก่ลักษณะทางกายภาพและการผลิตทรัพยากรสารสนเทศ ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบที่ใช้ในการบรรยายทรัพยากรสารสนเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองการทำงาน คือ การสืบค้นและการบริหารจัดการ ซึ่งประกอบไปด้วยการกำหนดสิทธิในการใช้ การกำหนดความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา การสงวนรักษา",
"ถ้าเรามีข้อมูลชุดหนึ่งที่มีข้อมูลอยู่จำนวน 100,000 รายการ แต่เราใช้รูปแบบการนำเสนอเป็นข้อความ ผลลัพธ์คงจะไม่เหมาะสมเพราะจะทำให้เราต้องสร้างรายงานจำนวนมหาศาล กล่าวคือ ถ้าเราสามารถใช้ภาพคอมพิวเตอร์กราฟิกมาช่วยในการนำเสนอข้อมูลชุดนี้แทนการใช้ข้อความ ผลลัพธ์คือเราไม่ต้องสร้างรายงานจำนวนมหาศาล การนำเสนอข้อมูลด้วยการทำให้เห็นได้เพียง 1 ภาพแต่สามารถแทนค่าของชุดข้อมูลจำนวนมหาศาลได้ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ภาพเพียง 1 ภาพอาจใช้แทนข้อมูลข่าวสารได้เป็น 100 คำหรือ 1,000 คำ จึงเป็นแนวคิดของการทำการทำให้เห็นได้ นอกจากนี้เรายังสามารถทำการโต้ตอบกับการทำให้เห็นได้ (interactive visualization) ได้อีกด้วย ซึ่งการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบข้อความไม่สามารถโต้ตอบได้",
"การออกแบบฐานข้อมูลในระดับตรรกะ หรือในระดับแนวความคิด เป็นขั้นตอนการออกแบบความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลในระบบโดยใช้แบบจำลองข้อมูลเชิงสัมพันธ์ ซึ่งอธิบายโดยใช้แผนภาพแสดงความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูล (E-R Diagram) จากแผนภาพ E-R Diagram นำมาสร้างเป็นตารางข้อมูล (Mapping E-R Diagram to Relation) และใช้ทฤษฏีการ Normalization เพื่อเป็นการรับประกันว่าข้อมูลมีความซ้ำซ้อนกันน้อยที่สุด ซึ่งการออกแบบเชิงตรรกะนี้จะบอกถึงรายละเอียดของ Relation , Attribute และ Entity"
] |
เอ็กโซ มีสมาชิกกี่คน ? | [
"เอ็กโซ (; เขียนเป็น EXO) วงดนตรีบอยแบนด์สัญชาติจีนและเกาหลีใต้ ก่อตั้งขึ้นที่โซล ภายใต้สังกัด SM เอนเตอร์เทนเมนต์ EXO ฟอร์มวงขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 2011 และเปิดตัวในปี 2012 มีสมาชิกทั้งหมด 9 คน คือ ซูโฮ, แบ็กฮย็อน, ชันย็อล, ดี.โอ., ไค, เซฮุน, ซิ่วหมิน, เลย์ และ เฉิน พวกเขาเป็นที่รู้จักในเรื่องความแปลกใหม่ของแนวเพลง ซึ่งเป็นที่ยอมรับและถูกชื่นชมในการนำดนตรีที่หลากหลายเข้ามาใช้ในการผลิตผลงาน ไม่ว่าจะเป็น ป็อป, ฮิปฮอป, อาร์แอนด์บี, อีดีเอ็ม รวมถึง เฮาส์, แทร็ป และ ซินท์ป็อป EXO ทำการแสดงดนตรีในภาษาเกาหลี, แมนดาริน และญี่ปุ่น ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก พวกเขาถูกจัดอันดับให้เป็นที่สุดของกลุ่มคนผู้มีชื่อเสียงในการจัดอันดับผู้ทรงอิทธิพลในเกาหลีโดยนิตยสารฟอบส์ ในปี 2014 และในปี 2015 EXO ก็ถูกยกย่องให้เป็น \"บอยแบนด์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก\" โดยสื่อสาธารณะ"
] | [] |
โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อใด? | [
"โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ค.ศ. 1909 โดยกลุ่มคนหนุ่มที่ไม่พอใจในสโมสรฟุตบอล \"Trinity Youth\" ของโบสถ์ประจำเมือง ชื่อ \"โบรุสเซีย\" (Borussia) นั้นมาจากภาษาละตินที่หมายถึงปรัสเซีย ช่วงแรกทีมใช้ชุดสีฟ้าขาว ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้สีเหลืองดำใน ค.ศ. 1913"
] | [
"โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์เป็นสโมสรฟุตบอลแห่งแรกและแห่งเดียวของเยอรมนีที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่หลังจากแพ้ในรอบชิงชนะเลิศยูฟ่าคัพ ปี 2002 สโมสรก็ประสบปัญหาทางการเงิน จนต้องขายสนามเว็สท์ฟาเลินชตาดีอ็อน โดยทีมใช้วิธีเช่าสนามจากเจ้าของใหม่ ซึ่งเปลี่ยนชื่อสนามเป็น ซิกนาลอีดูนาพาร์ค สโมสรเริ่มตกต่ำในบุนเดสลีกาฤดูกาล 2005-06 ก่อนจบด้วยอันดับ 7 ในฤดูกาลถัดมาคือ 2006-2007 สโมสรต้องเผชิญสถานกาณ์หนีตกชั้นครั้งแรกในรอบหลายปี ได้เปลี่ยนผู้จัดการทีมถึงสามครั้งก่อนจบฤดูกาลด้วยอันดับ 10",
"ในปี 2011 โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ก็สามารถกลับมาคว้าแชมป์บุนเดสลีกาภายใต้การนำของเยือร์เกิน คล็อพ ซึ่งทำให้สาวกแฟนเสือเหลือง โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ จำนวนกว่า 500,000 คน ออกมาร่วมเฉลิมฉลองตำแหน่งแชมป์บุนเดสลีกา หรือแชมป์ลีกฟุตบอลเยอรมัน ฤดูกาล 2010 - 2011 กับบรรดานักเตะและ เยือร์เกิน ค็ลอพ เฮดโคชที่นำความสำเร็จมาสู่ทีมหลังต้องรอคอยมาอย่างยาวนานกว่า 9 ปี ในปี 2011-2012 โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ก็สามารถป้องกันแชมป์บุนเดสลีกาได้สำเร็จพร้อมทั่งทุบสถิติเป็นทีมที่เก็บแต้มสูงสุดในฤดูกาลเดียวของลีกเมืองเบียร์ 81 คะแนน ทำลายสถิติเดิม 79 แต้มที่ บาเยิร์น มิวนิค ทำไว้ในฤดูกาล 1971-1972 (คิดเทียบแบบผู้ชนะได้ 3 แต้มเช่นเดียวกับปัจจุบัน)\nและเท่านั่นยังไม่พอโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ก็สามารถคว้าแชมป์เดเอฟเบโพคาล หลังจากที่สามารถเอาชนะบาเยิร์น มิวนิค ไปด้วยสกอร์ 5-2 คว้าดับเบิ้ลแชมป์ไปในที่สุด \nหลังจากนั่นโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ต้องใช้เวลากว่า 5 ปีในการที่จะกลับมาคว้าแชมป์อีก โดยเป้นการคว้าแชมป์ เดเอฟเบโพคาล ปี 2017 โดยการเอาชนะ ไอน์ทรัคท์ แฟรงค์เฟิร์ต 2–1 นับเป็นแชมป์ครั้งแรกในรอบ 5 ปี และเป็นการชนะในนัดชิงได้ หลังจากที่เคยเข้าชิงมาสามครั้งติดต่อกันก่อนหน้านั่นในปี 2013–14, 2014–15, 2015–16",
"โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ () ย่อว่า เบเฟาเบ (BVB) หรือ ดอร์ทมุนท์ (Dortmund) เป็นสโมสรฟุตบอลจากเมืองดอร์ทมุนท์ รัฐนอร์ทไรน์-เว็สท์ฟาเลิน ประเทศเยอรมนี ปัจจุบันเล่นอยู่ในบุนเดสลีกา ลีกสูงสุดของประเทศ",
"องค์กรนี้ได้รับการก่อตั้งในปี ค.ศ. 1996 โดยอแมนดา วินเซนต์ และเฮเทอร์ โคลดวีย์ ที่เป็นนักวิจัยม้าน้ำ ปัจจุบัน วินเซนต์เป็นผู้อำนวยการ ส่วนโคลดวีย์เป็นรองผู้อำนวยการ และมีสมาชิกประมาณ 35 คน งานภาคสนามเริ่มขึ้นในชุมชนชาวฟิลิปปินส์ของฮันดูมอนบนเกาะจันดายัน ทางตอนเหนือของจังหวัดโบโฮล และได้ขยายไปยังทวีปยุโรป, อเมริกากลาง, เอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้, แอฟริกา และอเมริกาเหนือ โปรเจกต์ซีฮอร์สเป็นหน่วยงานเกี่ยวกับสัตว์ทะเลและสายพันธุ์ที่เกี่ยวข้องบัญชีแดงไอยูซีเอ็น",
"ดอร์ทมุนท์เป็นบ้านของสโมสรฟุตบอลโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ (BVB 09) ซึ่งเตะในสนาม Signal Iduna Park (ชื่อเดิมคือ Westfalenstadion) ซึ่งเปิดใช้ครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1974 ปัจจุบันเป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนี จุผู้ชมได้ 82,932 คน เคยใช้จัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 1974 และ ฟุตบอลโลก 2006",
"เมื่อสมาพันธ์ฟุตบอลเยอรมนี ก่อตั้งบุนเดสลีกาเป็นลีกสูงสุด สโมสรได้รับการเสนอชื่อให้ร่วมแข่งขัน และนักเตะของสโมสรคือ Timo Konietzka ได้เป็นนักฟุตบอลที่ยิงประตูในบุนเดสลีกาเป็นคนแรก ในเกมที่แพ้ 2:3 ต่อแวร์เดอร์ เบรเมน",
"ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2511 ในชื่อบริษัท ธนายง จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และได้เริ่มเปิดโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการแรก คือ “โครงการธนาซิตี้” ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนบางนา-ตราด กม.14 ในปี 2531 ซึ่งเป็นโครงการที่ประกอบไปด้วยบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียม และที่ดินเปล่าจัดสรร",
"สโมสรกลับมาเริ่มประสบความสำเร็จอีกครั้งในยุค 90 เริ่มจากเข้าชิงยูฟ่าคัพในปี ค.ศ. 1993 (แต่แพ้ให้สโมสรฟุตบอลยูเวนตุส 7-1) ได้แชมป์บุนเดสลีกา 2 ปีติดกันใน ค.ศ. 1995-1996 และได้แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ประจำปี ค.ศ. 1997 โดยเอาชนะยูเวนตุส 3-1 หลังจากนั้นได้เว้นช่วงอีกระยะและได้แชมป์บุนเดสลีกาในปี 2002",
"ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง สโมสรเข้าเล่นใน Oberliga West ซึ่งเป็นลีกสูงสุดของเยอรมนีตะวันตกในช่วงนั้น และประสบความสำเร็จเป็นแชมป์ครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1956 สโมสรกลายเป็นคู่แข่งที่สำคัญของสโมสรฟุตบอลชาลเก้ 04 ซึ่งอยู่ในเมืองใกล้เคียงกัน"
] |
ระบบรับกลิ่นจะอาศัยหน่วยรับกลิ่น ซึ่งเป็นโปรตีนหน่วยรับความรู้สึกแบบใด? | [
"ระบบรับกลิ่นจะอาศัยหน่วยรับกลิ่น (olfactory receptor) ซึ่งเป็นโปรตีนหน่วยรับความรู้สึกแบบ G protein coupled receptor (GPCR) และอาศัยกระบวนการส่งสัญญาณทางเคมีที่เกิดตามลำดับภายในเซลล์ซึ่งเรียกว่า second messenger system เพื่อถ่ายโอนข้อมูลกลิ่นเป็นกระแสประสาท หน่วยรับกลิ่นจะแสดงออกอยู่ที่เซลล์ประสาทรับกลิ่นในเยื่อรับกลิ่นในโพรงจมูก เมื่อหน่วยรับกลิ่นต่าง ๆ ทำงานในระดับที่สมควร เซลล์ประสาทก็จะสร้างศักยะงานส่งไปยังส่วนต่าง ๆ ของระบบประสาทกลางเริ่มตั้งแต่ป่องรับกลิ่น ซึ่งก็จะมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมเป็นต้นของสัตว์",
"โมเลกุลกลิ่นจะเข้ามาในช่องจมูกผ่านรูจมูกเมื่อหายใจเข้า หรือผ่านคอเมื่อลิ้นดันอากาศไปที่ด้านหลังของช่องจมูกเมื่อกำลังเคี้ยวหรือกลืนอาหาร\nภายในช่องจมูก เมือกบุเยื่อรับกลิ่นจะละลายโมเลกุลกลิ่นเพื่ออำนวยให้ทำปฏิกิริยากับหน่วยรับกลิ่น\nเมือกยังปกคลุมป้องกันเยื่อรับกลิ่น ซึ่งมีต่อมรับกลิ่นที่หลั่งเมือก และมีเซลล์ค้ำจุนที่มีเอนไซม์เพื่อสลายโมเลกุลอินทรีย์และโมเลกุลที่อาจเป็นอันตรายอื่น ๆ\nเซลล์ประสาทรับกลิ่นเป็นเซลล์รับความรู้สึกในเยื่อบุผิวที่ตรวจจับโมเลกุลกลิ่นที่ละลายอยู่ในเมือก แล้วส่งข้อมูลกลิ่นไปยังสมองผ่านกระบวนการที่เรียกว่า การถ่ายโอนความรู้สึก (sensory transduction)\nเซลล์ประสาทรับกลิ่นแต่ละตัว ๆ จะมีซีเลียคือขนเล็ก ๆ จำนวนมากที่มีโปรตีนหน่วยรับกลิ่นโดยเฉพาะ ๆ ซึ่งจะยึดกับโมเลกุลกลิ่นโดยเฉพาะ ๆ แล้วเป็นเหตุให้เกิดการตอบสนองทางไฟฟ้าที่กระจายอย่างแพสซิฟไปตลอดตัวเซลล์ และเซลล์ก็จะสร้างศักยะงานส่งไปทางแอกซอน\nที่รวมตัวเป็นมัดใยประสาทจำนวนมากที่รวม ๆ กันเรียกว่า ฆานประสาท (olfactory nerve, CN I) ซึ่งวิ่งผ่านรูของแผ่นกระดูกพรุน (cribriform plate) ไปยังป่องรับกลิ่นซีกร่างกายเดียวกันในระบบประสาทกลาง"
] | [
"หน่วยรับกลิ่น หรือ ตัวรับกลิ่น ( ตัวย่อ OR) เป็นโปรตีนหรือหน่วยรับความรู้สึกซึ่งแสดงออกที่เยื่อหุ้มเซลล์ของเซลล์ประสาทรับกลิ่น และมีหน้าที่ตรวจจับกลิ่น (คือสารประกอบที่มีกลิ่น) ซึ่งทำให้รู้กลิ่นได้\nการทำงานของหน่วยรับกลิ่นจะจุดชนวนการถ่ายโอนกลิ่นเป็นกระแสประสาทภายในเซลล์ซึ่งส่งข้อมูลกลิ่นไปยังสมอง\nหน่วยรับกลิ่นเป็นสมาชิกที่คล้ายกับ rhodopsin ในชั้น A (class A rhodopsin-like) ของกลุ่มโปรตีน G protein-coupled receptor (GPCR)\nโดยมีลำดับโปรตีนต่างหากภายในกลุ่มที่ไม่เหมือนกับสมาชิกของ GPCR อื่น ๆ\nหน่วยรับกลิ่นเป็นหมู่ยีน (multigene) ที่มียีนถึง 800 ยีนในมนุษย์ และ 1,400 ในหนูหริ่ง\nแต่ยีนเหล่านี้ไม่ได้เข้ารหัสโปรตีนคือไม่ได้ใช้งานได้ทุกยีน หนูหริ่งมียีน OR ที่เข้ารหัสโปรตีนถึง 1,035 ยีน เทียบกับมนุษย์ที่มีเพียงแค่ 387 ยีน",
"แผนที่ภูมิลักษณ์ในระบบรับกลิ่นมีลักษณะที่แตกต่างไปจากการจัดระเบียบที่มีอยู่ในแผนที่ของเรตินา ของเสียง และของความรู้สึกทางกาย\nคือ เซลล์ประสาทรับกลิ่นไม่ใช่มีความแตกต่างจากกันและกันโดย[[หน่วยรับความรู้สึก]] (receptor) ที่มีที่[[เยื่อหุ้มเซลล์]]เท่านั้น\nแต่ว่า เซลล์ที่มีหน่วยรับความรู้สึกประเภทเดียวกันกลับกระจัดกระจายไปทั่ว[[เยื่อบุผิว|เยื่อ]]รับกลิ่น (olfactory epithelium) ถึงแม้ว่าจะมีโซนหนึ่งของเยื่อรับกลิ่น ที่เซลล์มีหน่วยความรู้สึกแบบเดียวกันจะอยู่อย่างหนาแน่นกว่าโซนอื่น นั่นก็คือ โครงสร้างในสมองของระบบรับกลิ่นไม่ปรากฏว่ามีการจัดระเบียบแผนที่โดยตำแหน่งของตัวรับความรู้สึกเป็นหนึ่งต่อหนึ่งเหมือนกับในระบบรับความรู้สึกอื่น ๆ",
"ตัวรับความรู้สึกที่เกี่ยวกับการลิ้มรสและการได้กลิ่น ประกอบด้วยโมเลกุลหน่วยรับความรู้สึกที่มีการเข้าไปยึดกับสารเคมีเฉพาะอย่าง ตัวอย่างเช่น หน่วยรับกลิ่นในเซลล์ประสาทตัวรับกลิ่น เริ่มทำงานด้วยการมีปฏิกิริยากับโครงสร้างทางโมเลกุลของโมเลกุลมีกลิ่น และโดยนัยเดียวกัน หน่วยรับรสในปุ่มรับรส ทำปฏิกิริยากับสารเคมีในอาหารที่ก่อให้เกิดศักยะงาน",
"หน่วยรับกลิ่นซึ่งอยู่ที่เยื่อหุ้มซีเลีย ได้ระบุแล้วว่าเป็นช่องไอออนแบบ ligand-gated metabotropic channels\nมียีนประมาณ 1,000 ยีนที่เข้ารหัสตัวรับความรู้สึกในมนุษย์ ทำให้เป็นกลุ่มยีนขนาดใหญ่ที่สุดในดีเอ็นเอมนุษย์\nโมเลกุลกลิ่นจะละลายในเมือกของเยื่อรับความรู้สึกแล้วจับกับหน่วยรับความรู้สึก โดยแต่ละหน่วยสามารถจับกับโมเลกุลกลิ่นได้หลายชนิด แม้จะมีสัมพรรคภาพต่อกลิ่นต่าง ๆ ไม่เท่ากัน\nความต่าง ๆ ทางสัมพรรคภาพเช่นนี้ จะเป็นเหตุเกิดการตอบสนองในรูปแบบต่าง ๆ โดยเป็นโปรไฟล์การตอบสนองต่อกลิ่นโดยเฉพาะ ๆ",
"คล้ายกับระบบภูมิคุ้มกัน ความหลายหลายของประเภทหน่วยรับกลิ่นจะช่วยให้สามารถกำหนดกลิ่นที่ไม่เคยได้มาก่อน\nแต่ระบบภูมิคุ้มกันก็ยังสร้างความหลากหลายผ่านกระบวนการ V(D)J recombination ซึ่งไม่เหมือนกับหน่วยรับกลิ่นที่แปรรหัสมาจากยีนหนึ่ง ๆ โดยเฉพาะ\nดังนั้น จึงมีจีโนมค่อนข้างหใญ่ที่อุทิศเพื่อเข้ารหัสยีน OR\nนอกจากนั้น กลิ่นโดยมากจะทำให้หน่วยรับกลิ่นมากกว่าหนึ่งชนิดเริ่มทำงาน\nเนื่องจากการรวมผสมกัน (combination) และการเรียงสับเปลี่ยน (permutation) ของหน่วยรับกลิ่นมีจำนวนมาก\nดังนั้น ระบบรับกลิ่นจึงสามารถตรวจจับแยกแยะโมเลกุลกลิ่นเป็นจำนวนมาก",
"หน่วยรับกลิ่นที่จับกับโมเลกุลกลิ่นจะทำให้เกิดการส่งสัญญาณเป็นลำดับภายในเซลล์ ซึ่งในที่สุดก็ทำให้เซลล์ลดขั้วแล้วส่งศักยะงานไปยังป่องรับกลิ่น\nโดยรายละเอียดก็คือ เมื่อจับกับกลิ่นแล้ว หน่วยรับกลิ่นจะเปลี่ยนโครงสร้างแล้วเริ่มการทำงานของ G protein ภายในเซลล์รับกลิ่นซึ่งอยู่ที่ปลาย carboxyl ของหน่วยรับกลิ่น\nG protein (G และ/หรือ G)\nซึ่งเป็นประเภทที่เฉพาะต่อระบบรับกลิ่น ก็จะเริ่มการทำงานของเอนไซม์ adenylate cyclase III (ACIII) ซึ่งเป็นเอนไซม์เฉพาะในระบบรับกลิ่นเช่นกัน และเพิ่มการปล่อย cyclic AMP (cAMP) ซึ่งทำหน้าที่เป็น second messenger โดยอาศัยอะดีโนซีนไตรฟอสเฟต (ATP) \ncAMP ก็จะเปิดช่องไอออน cyclic nucleotide-gated ion channel ทำให้ไอออนแคลเซียม (Na) และโซเดียม (Ca) ซึมเข้ามาในเซลล์ได้ แล้วทำให้เซลล์รับกลิ่นลดขั้ว (depolarized) \nนอกจากนั้น Ca ที่เพิ่มขึ้นก็จะเปิดช่องไอออน Ca-gated Cl channel ซึ่งขยายการลดขั้วของเซลล์ที่แพร่กระจายไปตามตัวเซลล์อย่างแพสซิฟจนถึงส่วน axon hillock ของตัวเซลล์ เป็นจุดที่สร้างศักยะงานอาศัยช่องไอออน voltage-regulated Na channel เพื่อส่งไปยังป่องรับกลิ่น",
"โกลเมอรูลัสเป็นสถานีย่อยที่สำคัญของวิถีประสาทจากจมูกไปยังเปลือกสมองส่วนการได้กลิ่น ซึ่งขาดไม่ได้ในการรับกลิ่น\nเซลล์ประสาทรับกลิ่น (ORN) แต่ละตัว ๆ ที่เยื่อรับกลิ่นจะแสดงออกยีนโปรตีนหน่วยรับกลิ่น (OR) เพียงแค่ชนิดเดียว\nORN ตัวหนึ่งจะส่งแอกซอนไปหยุดเป็นไซแนปส์ที่โกลเมอรูลัสอันเดียวของป่องรับกลิ่น\nโดยเซลล์ไมทรัลและ tufted cell ซึงเป็นเซลล์ประสาทรีเลย์ ก็จะส่งเดนไดรต์หลักอันเดียวไปยังโกลเมอรูลัสอันเดียวเช่นกัน\nโกลเมอรูลัสแต่ละตัวจะรับข้อมูลจากหน่วยรับกลิ่นเพียงแค่ชนิดเดียว โดยจะได้รับข้อมูลจากเซลล์หลายพันตัว และจะส่งข้อมูลไปยังเซลล์รีเลย์ เพียง 40-50 ตัว เท่ากับลดจำนวนนิวรอนที่ส่งสัญญาณกลิ่นต่อถึง 100 เท่า",
"เซลล์รับกลิ่นแต่ละตัวจะแสดงออกหน่วยรับกลิ่นเพียงแค่ชนิดเดียว แต่เซลล์หลายตัวจะแสดงออกหน่วยรับกลิ่นชนิดเดียวกันซึ่งจับกับโมเลกุลกลิ่นแบบเดียวกัน\nเซลล์รับกลิ่นที่มีหน่วยรับกลิ่นประเภทเดียวกันนี้จะอยู่จำกัดภายในโซนหลายโซนของเยื่อรับกลิ่นโดยกระจายไปอย่างสุ่มในโซนนั้น ๆ \nแอกซอนของเซลล์รับกลิ่นต่าง ๆ ที่มีหน่วยรับกลิ่นชนิดเดียวกัน จะวิ่งรวมเข้าที่โกลเมอรูลัส (glomerulus) โดยเฉพาะ ๆ ของป่องรับกลิ่นในซีกร่างกายเดียวกัน\nและปกติจะส่งแอกซอนไปยังโกลเมอรูลัสเป็นคู่ในป่องรับกลิ่น โกลเมอรูลัสแต่ละอันจะอยู่ด้านตรงข้ามของป่องโดยมีเส้นแบ่งข้างวิ่งผ่านป่องในแนวทแยง",
"ส่วนสมองที่รับข้อมูลเกี่ยวกับรสชาติและกลิ่น จะอยู่ที่เขตรับรู้ประสาทสัมผัสได้หลายแบบในระบบลิมบิกและเปลือกสมองรอบ ๆ ระบบลิมบิก\nโดยการรวมรสและกลิ่นจะเกิดตั้งแต่กระบวนการแปลผลต้น ๆ \nปัจจัยต่าง ๆ เช่น ผลทางสรีรภาพของสิ่งเร้า จะมีผลต่อการรับรู้โดยอาศัยประสบการณ์ชีวิต\nเพราะสมองส่วนลิมบิกและรอบ ๆ มีกิจหลักในการเรียนรู้และการแปลผลทางอารมณ์\nนอกจากนั้น การรับรสแทบทุกครั้งยังรวมเอาข้อมูลความรู้สึกทางกายในปาก บวกกับกลิ่นจากด้านหลังของโพรงจมูกด้วย",
"สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีโปรตีนหน่วยรับกลิ่น (odor receptor) จำนวนมากที่จะยึดกับโมเลกุลกลิ่นโดยเฉพาะ ๆ และช่วยให้สามารถแยกแยะกลิ่นต่าง ๆ ได้ โดยมนุษย์อาจมีถึง 350 ชนิด เทียบกับหนูหริ่งที่มีถึง 1,000 ชนิด\nเพื่อให้แยกแยะกลิ่นได้ สมองต้องได้รับสัญญาณที่ไม่เหมือนกันจากจมูกสำหรับกลิ่นต่าง ๆ ซึ่งเกิดจากเหตุสองอย่าง คือ เซลล์ประสาทรับกลิ่นแต่ละประเภทจะแสดงออกหน่วยรับกลิ่นเพียงแค่ชนิดเดียว และแต่ละประเภทจะสามารถตอบสนองต่อกลิ่นได้หลายอย่าง ดังนั้น กลิ่นแต่ละกลิ่นจึงได้การตอบสนองจากเซลล์ประสาทรับกลิ่นหลายประเภทรวมกันเป็นการเข้ารหัสกลิ่นแบบผสม (combinational coding)\nและอาศัยเซลล์ประสาทรับกลิ่นน้อยตัว (sparse coding) ในบรรดาเซลล์รับกลิ่นทั้งหมด"
] |
วิกตอเรียส์ซีเคร็ต มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ไหน? | [
"ในปี ค.ศ. 1983 เลสลี เวกซ์เนอร์ ได้ทำการปรับปรุงวิกตอเรียส์ซีเคร็ตในรูปโฉมใหม่ จากเดิมที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าผู้ชายหรือสามี มาเป็นกลุ่มลูกค้าผู้หญิง ทั้งการออกแบบ สไตล์ และสีสันของชุดชั้นใน ที่มีการปรับเปลี่ยนให้ดูเซ็กซี่ มีรสนิยม ดูหรูหราในแบบยุโรป เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญในการดึงดูดความสนใจของกลุ่มลูกค้าผู้หญิง อีกหนึ่งกลยุทธ์คือการโกหกสถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของวิกตอเรียส์ซีเคร็ต ที่ได้พิมพ์ระบุที่อยู่ลงไปในแค็ตตาล็อกว่าสำนักงานใหญ่นั้นอยู่ที่กรุงลอนดอน ซึ่งเป็นที่อยู่หลอก ๆ เพราะความจริงแล้วสำนักงานใหญ่นั้นอยู่ที่เมืองโคลัมบัส รัฐโอไฮโอ นอกจากนี้แล้ววิกตอเรียส์ซีเคร็ตยังได้ตกแต่งร้านใหม่ให้เป็นแบบอย่างอังกฤษในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ด้วย"
] | [
"ในช่วงต้นของคริสต์ทศวรรษ 1990 วิกตอเรียส์ซีเคร็ตต้องเผชิญกับปัญหาเกี่ยวกับช่องว่างในการบริหาร เมื่อฮาวเวิร์ด กรอสส์ ประธานกรรมการของวิกตอเรียส์ซีเคร็ต ซึ่งเป็นผู้ที่พัฒนาวิกตอเรียส์ซีเคร็ตมาสู่การเป็นยี่ห้อชุดชั้นในแถวหน้า ได้ย้ายไปบริหารยี่ห้อที่ชื่อว่า แอลแบรนดส์ ซึ่งเป็นยี่ห้อย่อยของบริษัทลิมิทิด แต่ผลงานออกมาไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ เพราะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จึงกลายเป็นว่า ทั้งวิกตอเรียส์ซีเคร็ตและแอลแบรนดส์ต่างก็ประสบกับปัญหาด้วยกันทั้งคู่",
"วิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์ 2017 จัดแสดงขึ้นที่เซียงไฮ้, ประเทศจีน ที่สนามกีฬาเมอร์เซเดส-เบนซ์ เป็นครั้งแรกของวิคตอเรียซีเคร็ทแฟชั่นโชว์ที่จัดขึ้นในเอเชีย ร่วมการแสดงดนตรีโดย แฮร์รี่สไตล์, มิเกล, เลสลี่ โอดอม จูเนียร์ และเจน จาง มีข่าวลือก่อนหน้าบอกว่าเทย์เลอร์ สวิฟท์จะร่วมการแสดงในโชว์นี้ ซึ่งเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น การแสดงโดยเคที เพร์รี่ ถูกยกเลิกเนื่องจากถูกเพิกถอนวีซ่า เช่นเดียวกับจีจี ฮาดิด และนางแบบคนอื่น ๆ ที่ถูกกระทำแบบนี้อีกหลายคน",
"\"นางฟ้า\" ของวิกตอเรียส์ซีเคร็ต คือกลุ่มนางแบบที่ได้เซ็นสัญญากับบริษัทและอยู่ในตำแหน่งพรีเซ็นเตอร์ของสินค้า นางฟ้าของวิกตอเรียส์ซีเคร็ตถูกก่อตั้งครั้งแรกในปี 1997 โดยมีดานิแอลา แป็ชโตวา, กาเริน มึลเดอร์, เฮเลนา คริสเตนเซน, สเตฟานี ซีมอร์ และไทรา แบงส์ เป็นนางแบบกลุ่มแรกที่เซ็นสัญญาเป็นนางฟ้าของวิกตอเรียส์ซีเคร็ต และได้เปิดตัวบนรันเวย์ครั้งแรกในปี 1998 ซึ่งเป็นการจัดวิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์ครั้งที่ 4 โดยในครั้งนั้น เฮเลนา คริสเตนเซน ไม่สามารถมาร่วมเดินแบบได้ จึงให้แชนดรา นอร์ท สวมปีกเป็นนางฟ้าตัวแทน",
"วิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์ () เป็นงานแสดงแฟชั่นโชว์ประจำปีของแบรนด์ชุดชั้นในวิกตอเรียส์ซีเคร็ต เพื่อเป็นการใช้โปรโมตสินค้า โดยมีนางแบบชื่อดังจากทั่วโลกมาร่วมเดินแบบ อย่างนางฟ้าวิกตอเรียส์ซีเคร็ตในปัจจุบัน คือ อาดรียานา ลีมา, เบฮาตี ปรินส์ลัว, ลิลี ออลดริดจ์, กันดิส สวาเนปุล, แจสมิน ทุกส์, โจเซฟีน สไครเวอร์, ซารา ซังไปยู, เทย์เลอร์ ฮิลล์, มาร์ธา ฮันต์, โรเม สไตรด์, ไลส์ รีเบย์รู, สเตลลา แม็กซ์เวลล์, และเอลซา ฮอสค์",
"ในปี ค.ศ. 2006 และ ค.ศ. 2007 ได้จัดขึ้นที่โรงละครโกดักที่ลอสแอนเจลิส เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 2007 วิกตอเรียส์ซีเคร็ตแองเจิล ได้รับเกียรติให้มีดาวบน ฮอลลีวูดวอล์กออฟเฟม ซึ่งอยู่ด้านนอกของโรงละครโกดัก ปี ค.ศ. 2007 เหล่านางฟ้า ได้ร่วมเฉลิมฉลองในงาน วันครบรอบ 25 ปี วิกตอเรียส์ซีเคร็ต บนถนนหลวงฮอลลีวูด มีเหล่านางฟ้าที่มาร่วมงาน คือ ไฮดี คลูม, อาดรีอานา ลิมา, อเลสซานดรา แอมโบรซิโอ, คาโรลินา เคอร์โควา, เซลิต้า ออแบงส์, อีซาเบล โกลาร์ต, มาริสา มิลเลอร์, และ มิแรนดา เคอร์ และคนอื่นๆที่ปรากฏในปีนั้น",
"วิกตอเรียส์ซีเคร็ตนั้นถูกก่อตั้งขึ้นโดย รอย เรย์มอนด์ นักธุรกิจชาวอเมริกัน เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ค.ศ. 1977 โดยวิกตอเรียส์ซีเคร็ตสาขาแรกได้ถือกำเนิดขึ้นที่ซานฟรานซิสโก, แคลิฟอร์เนีย ต้นเหตุของการก่อตั้งวิกตอเรียส์ซีเคร็ต มาจากความรู้สึกเขินอายของรอยที่ต้องตกเป็นเป้าสายตาเวลาที่เขาไปเลือกซื้อชุดชั้นในให้ภรรยาที่ห้างสรรพสินค้า นอกจากนั้นในช่วงปี 1970 ถึง 1980 ผู้หญิงอเมริกันในยุคนั้นจะชอบซื้อชุดชั้นในเป็นแพ็ค แพ็คละ3ชิ้นมาใส่ ซึ่งเป็นชุดชั้นในที่ไม่สวย เรียบ และดูล้าสมัย โดยชุดชั้นในที่มีลวดลายสวยงามหรือมีลูกไม้ จะเก็บเอาไว้ใส่ในเฉพาะโอกาสสำคัญหรือโอกาสพิเศษเช่นการไปฮันนีมูนเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว รอยจึงได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับตลาดชุดชั้นใน และได้กู้เงินจำนวนประมาณ 80,000 ดอลลาร์สหรัฐ (40,000 ดอลลาร์กู้จากพ่อแม่ของเขา และอีก 40,000 ดอลลาร์กู้จากธนาคาร) เพื่อนำมาสร้างเป็น \"วิกตอเรียส์ซีเคร็ต\" ร้านชุดชั้นในที่มีความประสงค์ให้ผู้ชายหรือสามีที่ต้องมาซื้อชุดชั้นในให้ภรรยานั้นไม่มีความเขินอายและรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น",
"เป็นประจำในทุก ๆ ปี ที่วิกตอเรียส์ซีเคร็ตจะเลือกหนึ่งในนางฟ้าให้สวมใส่ \"แฟนตาซีบรา\" ซึ่งเป็นบราที่ทำจากอัญมณีต่าง ๆ ซึ่งแต่เดิมแฟนตาซีบราถูกผลิตขึ้นเพื่อถ่ายโฆษณาลงในแค็ตตาล็อกของวิกตอเรียส์ซีเคร็ตเพียงเท่านั้น แต่ว่าตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 เป็นต้นมา แฟนตาซีบราก็ได้ถูกนำมาเป็นส่วนหนึ่งของวิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์ด้วย โดยก่อนที่จะถึงวิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์ในแต่ละปี วิกตอเรียส์ซีเคร็ตจะร่วมมือกับแบรนด์หรือนักออกแบบอัญมณีที่มีชื่อเสียง เพื่อทำการผลิตแฟนตาซีบรา ที่จะนำไปเป็นไฮไลท์สำคัญในแฟชั่นโชว์ของปีนั้น ๆ",
"วิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์ 2017 () เป็นการแสดงวิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์ประจำปีที่ได้รับการสนับสนุนจากวิกตอเรียส์ซีเคร็ต แบรนด์ชุดชั้นในและชุดนอน วิกตอเรียส์ซีเคร็ตใช้เพื่อเป็นการโปรโมตและทำการตลาดสินค้า โดยการแสดงมีนางแบบชั้นนำของโลก เช่น นางฟ้าวิกตอเรียส์ซีเคร็ต คือ ลิลี ออลดริดจ์, เอลซา ฮอสค์, เทย์เลอร์ ฮิลล์, มาร์ธา ฮันต์, อาดรียานา ลีมา, สเตลลา แม็กซ์เวลล์, ไลส์ รีเบย์รู, ซารา ซังไปยู, โจเซฟีน สไครเวอร์, โรเม สไตรด์, กันดิส สวาเนปุล, แจสมิน ทุกส์, อาเลซังดรา อังบรอซียูที่เดินแบบให้งานวิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์เป็นครั้งสุดท้ายของเธอ และเบฮาตี ปรินส์ลัวพลาดการแสดงในครั้งนี้ เนื่องจากเธอตั้งครรภ์",
"เป็นประจำในทุกๆปี ที่วิกตอเรียส์ซีเคร็ตจะเลือกหนึ่งในนางฟ้าให้สวมใส่ \"แฟนตาซีบรา\" ซึ่งเป็นบราที่ทำจากอัญมณีต่างๆ ซึ่งแต่เดิมแฟนตาซีบราถูกผลิตขึ้นเพื่อถ่ายโฆษณาลงในแคตตาล็อกของวิกตอเรียส์ซีเคร็ตเพียงเท่านั้น แต่ว่าตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 เป็นต้นมา แฟนตาซีบราก็ได้ถูกนำมาเป็นส่วนหนึ่งของวิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์ด้วย โดยก่อนที่จะถึงวิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์ในแต่ละปี วิกตอเรียส์ซีเคร็ตจะร่วมมือกับแบรนด์หรือนักออกแบบอัญมณีที่มีชื่อเสียง เพื่อทำการผลิตแฟนตาซีบรา ที่จะนำไปเป็นไฮไลท์สำคัญในแฟชั่นโชว์ของปีนั้นๆ"
] |
หวยหมายถึงอะไร? | [
"หวย เป็นการพนันโดยผู้เสี่ยงทายต้องเลือกหรือซื้อหมายเลขหวยที่ต้องการ แล้วรอการออกรางวัล ถ้ารางวัลที่ออกตรงกับหมายเลขก็รับเงินรางวัลตามจำนวนที่ตกลง ในประเทศไทยมีหวยทั้งแบบถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย"
] | [
"หมายเหตุ หรือ เชิงอรรถ คือข้อความที่วางอยู่ที่ตำแหน่งล่างสุดของหน้าในหนังสือหรือเอกสาร หรือที่ตำแหน่งจบบท จบเล่ม หรือข้อความทั้งหมด เนื้อหาของหมายเหตุสามารถใส่ความเห็นของผู้แต่งจากข้อความหลัก หรือการอ้างอิงงานเขียนที่สนับสนุนข้อความ หรือทั้งสองอย่าง การระบุหมายเหตุตามปกติกระทำโดยกำกับตัวเลขแบบตัวยกตามหลังส่วนของข้อความที่อ้างถึงหมายเหตุทันที ตัวอย่างเช่น",
"เพราะว่าความไวของตัวรับสัญญาณจะชี้ให้เห็นว่าสัญญาณอินพุทสามารถที่จะอ่อนแอได้ขนาดไหนเพื่อที่ตัวรับจะสามารถรับสัญญาณได์สำเร็จ ระดับพลังงานยิ่งต่ำยิ่งดี พลังงานที่ต่ำสำหรับ อัตราส่วน S/N หนึ่งหมายถึงความไวที่ดีขึ้นเนื่องจากการมีส่วนร่วมของตัวรับมีขนาดเล็กลง เมื่อ พลังงานจะแสดงในค่า dBm ค่าสัมบูรณ์ของจำนวนลบยิ่งค่าสูง ความไวของตัวรับก็ยิ่งสูง ตัวอย่างเช่น ความไวตัวรับมีค่า -98 dBm ดีกว่าความไวตัวรับมีค่า -95 dBm อยู่ 3 dBm หรือ 2 เท่า พูดอีกอย่าง ที่อัตราการส่งข้อมูลค่าหนึ่ง ตัวรับสัญญาณที่มีความไว -98 dBm สามารถได้ยินสัญญาณที่พลังงานเป็นครึ่งหนึ่งของการใช้พลังงานของผู้ที่ได้ยินโดยรับสัญญาณที่มีความไวในการรับสัญญาณที่ -95 dBm.",
"อิจมาอ์ ตามความหมายพจนานุกรม หมายถึง ความมุ่งมั่นและความเห็นเป็นมติเอกฉันท์ ส่วนความหมายเชิงวิชาการด้านอิลมุลอุซูล หมายถึง มติเอกฉันท์ของบรรดาผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง\nแม้ว่าอิจมาอ์จะเป็นหนึ่งในเหตุผลทั้งสี่ข้างต้น แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นเหตุผลที่เป็นเอกเทศน์เสียเลยทีเดียว คำกล่าวของบรรดามะอ์ซูมนั้นเป็นพยานยืนยัน(ฮุจญัต) ได้ แต่อิจมาอ์สามารถเป็นพยานยืนยันได้ก็ต่อเมื่อพบความมั่นใจว่ามาจากคำกล่าวของบรรดามะอ์ซูม (อ.) ฟุกอฮาบางท่านจึงให้นิยามอิจมาอ์ว่า คือมติเอกฉันท์ของบรรดาฟะกีฮ์กลุ่มหนึ่งที่ควบคู่ไปกับบรรดามะอ์ซูม (อ.) \nประเภทของอิจมาอ์",
"ความหมายของชีวิต เป็นคำถามปรัชญาว่าด้วยความสำคัญของชีวิตหรือการดำรงอยู่โดยทั่วไป คำถามนี้สามารถแสดงได้หลายรูปแบบ เช่น \"ทำไมเราจึงอยู่ที่นี่\" \"ชีวิตเกี่ยวกับอะไรกันแน่\" และ \"อะไรคือจุดประสงค์ของการดำรงอยู่\" ความหมายของชีวิตเป็นหัวข้อการคาดคะเนทางปรัชญา วิทยาศาสตร์และเทววิทยามากมายตลอดประวัติศาสตร์ มีการเสนอคำตอบจำนวนมากของคำถามนี้จากภูมิหลังทางวัฒนธรรมและอุดมการณ์ต่าง ๆ",
"ไวไว และ ควิก (เดิมชื่อ ไวไว ควิก!) เป็นเครื่องหมายการค้าของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งมียอดจำหน่ายรวมกันเป็นอันดับสองในประเทศไทย ผลิตและจัดจำหน่ายโดย \"บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด\" () ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2515 ปัจจุบันมี นายวรวุฒิ ปีกานนท์ เป็นประธานกรรมการ และนายปรีชา นภาพฤกษ์ชาติ เป็นกรรมการผู้จัดการ มีโรงงานสองแห่ง ตั้งอยู่เลขที่ 42/1 หมู่ 2 ถนนเพชรเกษม ตำบลอ้อมใหญ่ และเลขที่ 3 หมู่ 14 ตำบลไร่ขิง ทั้งสองแห่งตั้งอยู่ใน อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม",
"\"ความหมาย\" (Meaning) หรือที่รู้จักกันว่าเป้าหมาย เป็นตัวให้เกิดคำถามว่า \"ทำไม\" และการค้นหาและค้นพบว่า \"ทำไม\" ที่ชัดเจน สามารถเป็นโครงสร้างชีวิตตั้งแต่ในเรื่องอาชีพการงาน ความสัมพันธ์กับคนอื่น และด้านอื่น ๆ\nการค้นหาความหมายหมายถึงการเรียนรู้ว่ามีอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่าตน\nและแม้ว่าอาจจะมีอุปสรรคในระหว่าง ๆ การมีความหมายช่วยให้บุคคลพยายามทำตามเป้าหมายให้ได้",
"ห้ามถาม ห้ามบอก ( ย่อว่า DADT) เป็นคำที่หมายถึงนโยบายที่ห้ามเกย์ เลสเบี้ยน ไบเซ็กชวลที่เปิดเผยตัว เข้าร่วมกองทัพอเมริกัน อยู่ในประชุมกฎหมายมหาชนที่ 103-160 (ประมวลกฎหมายสหรัฐอเมริกา ลักษณะ 10 มาตรา 654) โดยมีนโยบายห้ามบุคคลใดก็ตาม ซึ่งมีลักษณะเป็นผู้รักร่วมเพศหรือรักสองเพศ ในขณะที่ปฏิบัติงานในกองทัพสหรัฐอเมริกา เปิดเผยลักษณะรสนิยมทางเพศของตนเอง โดยการพูดหรือเปิดเผยถึงความสัมพันธ์รักร่วมเพศ การแต่งงานกับเพศเดียวกัน ด้วยเหตุเพราะว่า จะเป็นการสร้างปัญหาที่ไม่สามารถยอมรับได้กับมาตรฐานระดับสูงด้านคติธรรม ความเป็นระเบียบและวินัย และการทำงานร่วมกันเป็นหน่วยที่เป็นสาระสำคัญของกองทัพ",
"การที่เขียนตัวเลขลงไปในก้อนหินนั้น ซึ่งหมายถึงเลขหวย โดยก้อนที่เขียนเลขนั้นให้ผู้ชมหยิบกลับไปเพื่อนำไปแทงหวยได้ ในขณะที่เล่นนั้นอาจร้องว่า \"หวย หวย หวย ไม่รวยก็เจ๊ง\" และนิยามของคำว่าหวยมากจาก 3 คำดังนี้\nการละเล่นแบบนี้ สามารถเตือนในความเชื่อเรื่องหวยได้เป็นอย่างดีว่า อย่าไปเล่นหวยมากเกินไปนั่นเอง การที่เล่นแมงสี่หูห้าตาในเวลากลางคืนนั้น ซึ่งบ่งบอกถึงสีขนของแมงสี่หูห้าตา ในตอนกลางคืนจะมองไม่เห็น เห็นแต่หัวควันธูปนั่นเอง",
"ยำยำ เป็นเครื่องหมายการค้าของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งมียอดจำหน่ายรวมกันเป็นอันดับสองในประเทศไทย ผลิตโดย วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร จัดจำหน่ายโดย \"บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ จำกัด\" () ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2515 ปัจจุบันมี Mr.Tetsuo Suzuki เป็นประธานกรรมการ และนายกิติพจน์ ชาญถาวรกิจ เป็นกรรมการผู้จัดการ มีโรงงานสามแห่ง ตั้งอยู่เลขที่ 2/4 ซอยเสรีไทย 58 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี ทั้งสามแห่งตั้งอยู่ใน นิคมอุตสาหกรรมบางชัน จังหวัดกรุงเทพมหานคร โทร. +662 517 0944-6",
"ไวไฟ () เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมที่ช่วยให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลหรือการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบไร้สายโดยใช้คลื่นวิทยุ คำ ๆ นี้เป็นเครื่องหมายการค้าของ Wi-Fi Alliance ที่ได้ให้คำนิยามของไวไฟว่าหมายถึง \"ชุดผลิตภัณฑ์ใด ๆ ที่สามารถทำงานได้ตามมาตรฐานเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบไร้สาย (แลนไร้สาย) ซึ่งอยู่บนมาตรฐาน IEEE 802.11\" อย่างไรก็ตามเนื่องจากแลนไร้สายที่ทันสมัยส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับมาตรฐานเหล่านี้ คำว่า \"ไวไฟ\" จึงนำมาใช้ในภาษาอังกฤษทั่วไปโดยเป็นคำพ้องสำหรับ \"แลนไร้สาย\"\nเดิมทีไวไฟออกแบบมาใช้สำหรับอุปกรณ์พกพาต่าง ๆ และใช้เครือข่าย LAN เท่านั้น แต่ปัจจุบันนิยมใช้ไวไฟเพื่อต่อกับอินเทอร์เน็ต โดยอุปกรณ์พกพาต่าง ๆ เช่นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เครื่องเล่นเกมส์ โทรศัพท์สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต กล้องดิจิทัลและเครื่องเสียงดิจิทัล สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่าแอคเซสพอยต์รือ ฮอตสปอต และบริเวณที่ระยะทำการของแอคเซสพอยต์ครอบคลุมอยู่ที่ประมาณ 20 ม.ในอาคาร แต่ระยะนี้จะไกลกว่าถ้าเป็นที่โล่งแจ้ง \nWi-Fi มีความปลอดภัยน้อยกว่าการเชื่อมต่อแบบมีสาย (เช่น Ethernet) เพราะผู้บุกรุกไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อทางกายภาพ หน้าเว็บที่ใช้ SSL มีความปลอดภัย แต่การใช้อินเทอร์เน็ตที่ไม่ได้เข้ารหัสสามารถจะตรวจพบโดยผู้บุกรุก ด้วยเหตุนี้ Wi-Fi ได้พัฒนาเทคโนโลยีการเข้ารหัสต่าง ๆ มากมาย WEP เป็นการเข้ารหัสรุ่นแรก ๆ พิสูจน์แลัวว่าง่ายต่อการบุกรุก โพรโทคอลที่มีคุณภาพสูงกว่าได้แก่ WPA, WPA2 มีเพิ่มขึ้นมาในภายหลัง คุณลักษณะตัวเลือกที่เพิ่มเข้ามาในปี 2007 ที่เรียกว่า Wi-Fi Protected Setup (WPS) มีข้อบกพร่องร้ายแรงที่ยอมให้ผู้โจมตีสามารถกู้คืนรหัสผ่านของเราเตอร์ได้ Wi-Fi Alliance ได้ทำการปรับปรุงแผนการทดสอบและโปรแกรมการรับรองตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเพื่อให้แน่ใจว่า อุปกรณ์ที่ได้รับการรับรองใหม่ทั้งหมดสามารถต่อต้านการโจมตีได้"
] |
เทกแดต มีการรวมวงกันขึ้นเมื่อใด? | [
"วันที่ 15 กรกฎาคม 2010 ร็อบบี้ วิลเลียมส์ได้กลับมาอยู่ในวง ทำให้เทก แดท มีสมาชิกครบ 5 คนอีกครั้ง โดยทางวงได้ออกอัลบั้มชุดที่หกProgressในวันที่ 15 พฤศจิกายน\nโดยได้ออก 2 ซิงเกิล ได้แก่ The Flood (เข้าชาร์ตในอันดับที่ 2) และ Kidz (อันดับ 28) แม้จะไม่มีซิงเกิลไหนที่ขึ้นถึงอันดับ 1 เลย แต่ตัวอัลบั้มนั้นทำยอดขายได้กว่า 4 ล้านชุด อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่ได้รับคำวิจารณ์ที่ดีที่สุดของวง และยังเป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดในอังกฤษประจำปี 2010 อีกด้วย ต่อมาในวันที่ 10 มิถุนายน 2011 ทางวงได้ออกอัลบั้มพิเศษ Progressed โดยเทกแดตได้ออกผลงานเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง X-Men: First Class ชื่อเพลง Love Love (อันดับ 15) โดยในเวลาต่อมาได้ออกผลงานเพลงประกอบภาพยนตร์ The Three Musketeers ชื่อ When We Were Young (อันดับ 88) ด้วย โดยในอัลบั้มนี้ ทางวงได้ออกซิงเกิลเพื่อเป็นการโปรโมตงาน Red Nose Day ประจำปี 2011 ของมูลนิธิ Comic Relief ในชื่อ Happy Now (อันดับ 52) และทางวงได้ออกซิงเกิลเพื่อโปรโมตการทัวร์คอนเสิร์ต Progress Live ของพวกเขาในชื่อ Eight Letters (อันดับ 176)\nทั้งนี้ เพลง SOS สามารถขึ้นไปถึงอันดับที่ 91 ในชาร์ตของอังกฤษ ทำให้เพลงนี้เป็นเพลงเดียวของวงที่สามารถขึ้นไปถึง 100 อันดับแรกของชาร์ต ทั้งๆที่ไม่ใช่ซิงเกิล\nหลังจากที่ร็อบบี วิลเลียมส์ได้ทำงานกับวงเป็นครั้งสุดท้ายในปี 2012 และเจสัน ออเรนจ์ได้ออกจากวงในปี 2014 ทำให้เทกแดตมีสมาชิกเพียงสามคนเท่านั้น โดยในวันที่ 14 พฤศจิกายน ทางวงได้ออกซิงเกิลที่ทีชื่อว่า These Days โดยตัวซิงเกิลนั้นขึ้นไปอยู่ในอันดับ 1 ได้สำเร็จ ทำให้มันกลายเป็นซิงเกิลที่ 12 ที่สามารถขึ้นไปถึงอันดับที่ 1 ได้สำเร็จ และได้ออกอัลบั้มในวันที่ 28 พฤศจิกายน โดยทางวงได้ออกงานเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง คิงส์แมน โคตรพิทักษ์บ่มพยัคฆ์ ชื่อว่า Get Ready For It ในวันที่ 2 มีนาคม 2015 ทางวงได้ออกซิงเกิลที่สองของอัลบั้ม ชื่อ Let In The Sun และในวันที่ 8 มิถุนายน ก็ได้ออกซิงเกิลที่สามในชื่อ Higher Than Higher ในวันที่ 20 พฤศจิกายน เทกแดทได้ออกอัลบั้มเวอร์ชันใหม่ โดยได้ออกซิงเกิล Hey Boy ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม เพลงนี้ขึ้นถึงอันดับที่ 56",
"เทกแดต () คือกลุ่มศิลปินแนวป๊อปจากอังกฤษ สมาชิกวงประกอบไปด้วยมาร์ก โอเวน, ฮาวเวิร์ด ดอนัลด์, แกรี บาร์โลว์ และอดีตสมาชิกวง ร็อบบี้ วิลเลียมส์ และ เจสัน ออเรนจ์ ภายหลังที่พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1990 จึงแยกย้ายกันไป แล้วกลับมารวมตัวกันอีกครั้งในช่วงกลางคริสต์ทศวรรษที่ 2000"
] | [
"13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1996 เทกแดต ประกาศยุบวง โดยออกอัลบั้มรวมเพลง Greatest Hits ซึ่งมีเพลง \"How Deep Is Your Love\" (เพลงเก่าของบีจีส์) เป็นซิงเกิ้ลลาของวง ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงที่ 8 และเพลงสุดท้ายของเทกแดต ยุคแรกที่ไปถึงอันดับหนึ่ง (ทั้งนี้ วงได้ออกอีก 2 ซิงเกิ้ล นั่นคือ \"Every Guy\" ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลโปรโมต และ \"Sunday To Saturday\" ที่ปล่อยเฉพาะในญี่ปุ่น) อัลบั้มนี้ขายได้กว่า 3 ล้านชุดทั่วโลก\nเทกแดต ยังติดสัญญาที่จะต้องออกอัลบั้มอีก 1 อัลบั้ม ถ้าไม่ออกอัลบั้มจะถูกฟ้องร้องจากทางค่ายเพลง ซึ่งเป็นที่มาที่จะต้องออกอัลบั้มรวมเพลงชุดที่ 2 และ การโปรโมทอัลบั้มที่เป็นเงื่อนไขตามมา ฮาวเวิร์ดและเจสัน ตกลงเงื่อนไขทันที ตามมาด้วย มาร์กและแกรี โดยมาร์กได้เข้าไปหาร็อบบี้เพื่อเจรจาเรื่องนี้ โดยทุกคนคิดว่าร็อบบี้คงไม่ตกลง แต่ร็อบบี้ก็ได้สร้างความประหลาดใจ เมื่อเขาตกลงที่จะปรากฏตัวในฟิล์มโฆษณา แต่ต้องไม่พร้อมกับวง",
"Greatest Hits เป็นอัลบั้มเพลงฮิตชุดแรกของวงบอยแบนด์อังกฤษเทคแดท โดยอัลบั้มนี้ทางวงได้ออกเพลง \"How Deep Is Your Love\" (เพลงเก่าของบีจีส์) เป็นซิงเกิ้ลลาของวง ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงที่ 8 และเพลงสุดท้ายของเทกแดต ยุคแรกที่ไปถึงอันดับหนึ่ง ก่อนที่จะแยกวงกันไป อัลบั้มนี้ขายได้กว่า 3 ล้านชุดทั่วโลก",
"Progress เป็นสตูดิโออัลบั้มชุดที่หกของวงบอยแบนด์อังกฤษเทกแดท วันที่ 15 กรกฎาคม 2010 ร็อบบี วิลเลียมส์ได้กลับมาอยู่ในวง ทำให้เทก แดท มีสมาชิกครบ 5 คนอีกครั้ง โดยทางวงได้ออกอัลบั้มชุดที่หกในวันที่ 15 พฤศจิกายน โดยได้ออก 2 ซิงเกิ้ล ได้แก่ The Flood (เข้าชาร์ตในอันดับที่ 2) และ Kidz (อันดับ 28) แม้จะไม่มีซิงเกิ้ลไหนที่ขึ้นถึงอันดับ 1 เลย แต่ตัวอัลบั้มนั้นทำยอดขายได้กว่า 4 ล้านชุด อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่ได้รับคำวิจารณ์ที่ดีที่สุดของวง และยังเป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดในอังกฤษประจำปี 2010 อีกด้วย ต่อมาในวันที่ 13 มิถุนายน 2011 ทางวงได้ออกอัลบั้มพิเศษ Progressed โดยเทกแดตได้ออกผลงานเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง เอ็กซ์เมน รุ่น 1 ชื่อเพลง Love Love (อันดับ 15) โดยในเวลาต่อมาได้ออกผลงานเพลงประกอบภาพยนตร์ The Three Musketeers (สามทหารเสือ ดาบทะลุจอ) ชื่อ When We Were Young (อันดับ 88) ด้วย โดยในอัลบั้มนี้ ทางวงได้ออกซิงเกิ้ลเพื่อเป็นการโปรโมตงาน Red Nose Day ประจำปี 2011 ของมูลนิธิ Comic Relief ในชื่อ Happy now (อันดับ 52) และทางวงได้ออกซิงเกิ้ลเพื่อโปรโมตการทัวร์คอนเสิร์ต Progress Live ของพวกเขาในชื่อ Eight Letters (อันดับ 176)\nทั้งนี้ เพลง SOS สามารถขึ้นไปถึงอันดับที่ 91 ในชาร์ตของอังกฤษ ทำให้เพลงนี้เป็นเพลงเดียวของวงที่สามารถขึ้นไปถึง 100 อันดับแรกของชาร์ต ทั้งๆที่ไม่ใช่ซิงเกิ้ล\nในปี 2011 เทกแดตได้รางวัลบริท อะวอร์ดสในสาขาศิลปินกลุ่มยอดเยี่ยม โดยในอัลบั้มนี้ยังได้เข้าชิงในสาขาอัลบั้มยอดเยี่ยมด้วย",
"เริ่มต้นจาก กรกฎาคม 1995 เมื่อร็อบบี้ต้องการที่จะเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตัวเองที่ดูสดใส และเริ่มคบหา สังสรรค์กับวงโอเอซิส เป็นสาเหตุของข้อขัดแย้ง ทำให้ร็อบบี้ต้องออกจากวงไปในที่สุด แต่ เทกแดต ก็ยังคงโปรโมท เพลงซิงเกิ้ลถัดมา \"Never Forget\" (รีมิกซ์โดย จิม สไตน์แมน)ซึ่งยังคงขึ้นถึงอันดับหนึ่งเหมือนเดิม",
"หลังจากเทกแดตได้ทัวร์เสร็จ ทางวงได้ทำการเซ็นสัญญากับ พาราเมาท์ พิกเจอร์ส เพื่อแต่งเพลง Rule the World เพลงสำหรับภาพยนตร์เรื่อง \"Stardust\" นำแสดงโดย ชาร์ลี คอกซ์ แคลร์ เดนส์ โรเบิร์ต เดอนิโร และ เซียนนา มิลเลอร์ กำกับโดย แมทธิว วอห์น ถือเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เพลงแรกของเทกแดต เพลงนี้เข้าถึงอันดับที่ 2 ของชาร์ตอังกฤษ",
"เทกแดตรวมวงที่เมืองแมนเชสเตอร์ในปี 1990 พวกเขามียอดขายอัลบั้มและซิงเกิลรวมกว่า 30 ล้านก๊อปปี๊ระหว่างปี 1991 - 1996 ในระหว่างปี 1991 อันเป็นปีที่ซิงเกิลแรกของพวกเขาได้เผยแพร่สู่สาธารณชน จนกระทั่งถึงปี 1996 ที่พวกเขาแยกย้ายกันไปนั้น บีบีซีกล่าวถึงเทกแดตว่า \"เป็นวงดนตรีบริติชที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในสหราชอาณาจักรนับตั้งแต่วงเดอะบีทเทิลส์ อันเป็นที่รักของทั้งผู้สูงอายุ และวัยรุ่นโดยทั่วไป\" เพลงแนวแดนซ์ป๊อป และโซลของเทกแดตขึ้นชาร์ตมากมายในสหราชอาณาจักรในช่วงครึ่งทศวรรษแรกของคริสต์ทศวรรษที่ 1990 อัลบั้ม 2 ชุดที่ขายที่ที่ส่วนของพวกเขาคือ \"Everything Changes\" ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเมอร์คิวรีในปี 1994 และอัลบั้ม \"Greatest Hits\" ซึ่งออกจำหน่ายในปี 1996 โดยออลมิวสิกได้กล่าวไว้ว่า \"ณ เวลานี้พวกเขาคือซูเปอร์สตาร์ในยุโรป คำถามหลักๆไม่ใช่ต้องมุ่งประเด็นที่ทำอย่างไรถึงมีซิงเกิลยอดนิยม แต่ควรถามว่ามีซิงเกิลขึ้นสู่อันดับหนึ่งเท่าไหร่\"",
"9 พฤษภาคม 2006 เทกแดต กลับมาอีกครั้งโดยเซ็นสัญญากับ Polydor Records ด้วยเงิน 3 ล้านปอนด์ \nโดยได้ออกซิงเกิลแรก \"Patience\" ในวันที่ 13 พฤศจิกายน เพลงนี้ขึ้นอันดับ 1 ของชาร์ตอังกฤษในทันที ทำให้เป็นเพลงอันดับ 1 เพลงที่ 9 ของวงที่สามารถขึ้นถึงอันดับหนึ่งได้ โดยทางวงได้ออกอัลบั้ม Beautiful World ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2006 ซึ่งอัลบั้มนี้ขายได้กว่า 2.8 ล้านชุด ทำให้มันกลายเป็นอัลบั้มของวงที่ขายดีที่สุดในอังกฤษ",
"Beautiful World เป็นสตูดิโออัลบั้มชุดที่สี่ของวงบอยแบนด์อังกฤษเทกแดท โดยในวันที่ 9 พฤษภาคม 2006 เทกแดต กลับมาอีกครั้งโดยเซ็นสัญญากับ Polydor Records ด้วยเงิน 3 ล้านปอนด์ \nโดยได้ออกซิงเกิลแรก \"Patience\" ในวันที่ 13 พฤศจิกายน เพลงนี้ขึ้นอันดับ 1 ของชาร์ตอังกฤษในทันที ทำให้เป็นเพลงอันดับ 1 เพลงที่ 9 ของวงที่สามารถขึ้นถึงอันดับหนึ่งได้ โดยทางวงได้ออกอัลบั้มในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2006 ซึ่งอัลบั้มนี้ขายได้กว่า 2.8 ล้านชุด ทำให้มันกลายเป็นอัลบั้มของวงที่ขายดีที่สุดในอังกฤษ"
] |