Book,Page,LineNumber,Text 31,0045,001,ละนิจจสัญญาได้ เมื่อพิจารณาเห็นโดยความเป็นทุกข์ ย่อมละสุขสัญญาได้ เมื่อพิจารณาโดยความ 31,0045,002,เป็นอนัตตา ย่อมละอัตตสัญญาได้ เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมละความเพลิดเพลินได้ เมื่อคลายกำหนัด 31,0045,003,ย่อมละราคะได้ เมื่อให้ดับย่อมละสมุทัยได้ เมื่อสละคืน ย่อมละความถือมั่นได้ ฯ 31,0045,004,[๑๑๓] จิตมีเวทนาเป็นอารมณ์ ฯลฯ จิตมีสัญญาเป็นอารมณ์ ฯลฯ จิตมีสังขารเป็น 31,0045,005,อารมณ์ ฯลฯ จิตมีวิญญาณเป็นอารมณ์ ฯลฯ จิตมีจักษุเป็นอารมณ์ ฯลฯ จิตมีชราและมรณะเป็น 31,0045,006,อารมณ์ เกิดขึ้นแล้วย่อมแตกไป พระโยคาวจรพิจารณาอารมณ์นั้นแล้ว พิจารณาเห็นความแตกไป 31,0045,007,แห่งจิตนั้น ย่อมพิจารณาเห็นอย่างไร ชื่อว่าพิจารณาเห็น ย่อมพิจารณาเห็นโดยความเป็นของไม่ 31,0045,008,เที่ยง เมื่อสละคืน ย่อมละความถือมั่นได้ ฯ 31,0045,009,[๑๑๔] การก้าวไปสู่อัญญวัตถุแต่ปุริมวัตถุ การหลีกไปด้วยปัญญาอัน 31,0045,010,รู้ชอบ การคำนึงถึงอันเป็นกำลัง ธรรม ๒ ประการ คือ 31,0045,011,การพิจารณาหาทางและความเห็นแจ้ง บัณฑิตกำหนดเอาด้วย 31,0045,012,สภาพเดียวกัน โดยความเป็นไปตามอารมณ์ ความน้อมจิต 31,0045,013,ไปในความดับ ชื่อว่าวิปัสสนาอันมีความเสื่อมไปเป็นลักษณะ 31,0045,014,การที่พระโยคาวจรพิจารณาอารมณ์แล้ว พิจารณาเห็นความ 31,0045,015,แตกไปแห่งจิตและความปรากฏโดยความเป็นของสูญ ชื่อว่า 31,0045,016,อธิปัญญาวิปัสสนา (ความเห็นแจ้งด้วยอธิปัญญา) พระ 31,0045,017,โยคาวจรผู้ฉลาดในอนุปัสนา ๓ ในวิปัสสนา ๔ ย่อมไม่ 31,0045,018,หวั่นไหวเพราะทิฐิต่างๆ เพราะความเป็นผู้ฉลาดความ 31,0045,019,ปรากฏ ๓ ประการ ฯ 31,0045,020,ชื่อว่าญาณ เพราะอรรถว่ารู้ธรรมนั้น ชื่อว่าปัญญา เพราะอรรถว่ารู้ชัด เพราะเหตุนั้น 31,0045,021,ท่านจึงกล่าวว่า ปัญญาในการพิจารณาอารมณ์ แล้วพิจารณาเห็นความแตกไป เป็นวิปัสสนาญาณ ฯ 31,0045,022,[๑๑๕] ปัญญาในความปรากฏเป็นของน่ากลัว เป็นอาทีนวญาณอย่างไร ฯ 31,0045,023,ปัญญาในความปรากฏโดยความเป็นภัยว่า ความเกิดขึ้นเป็นภัย ความเป็นไปเป็นภัย 31,0045,024,สังขารนิมิตเป็นภัย ฯลฯ กรรมประมวลมาเป็นภัย ปฏิสนธิเป็นภัย คติเป็นภัย ความบังเกิดเป็นภัย 31,0045,025,ความอุบัติเป็นภัย ชาติเป็นภัย ชราเป็นภัย พยาธิเป็นภัย มรณะเป็นภัย ความโศกเป็นภัย ความ 31,0045,026,รำพันเป็นภัยความคับแค้นใจเป็นภัย เป็นอาทีนวญาณแต่ละอย่าง ฯ