Book,Page,LineNumber,Text 31,0018,001,[๖๒] บุคคลผู้พยายามเพื่อต้องการจะได้อธิปัญญาธรรมวิปัสนา การพิจารณาเห็น 31,0018,002,ธรรมด้วยปัญญาอันยิ่ง เป็นอันได้อธิปัญญาธรรมวิปัสนาแล้ว ธรรมนั้น เป็นธรรมอันบุคคลนั้น 31,0018,003,กำหนดรู้แล้วและพิจารณาแล้วอย่างนี้ บุคคลผู้พยายามเพื่อต้องการจะได้ยถาภูตญาณทัสนะ ... อาที 31,0018,004,นวานุปัสนา ... ปฏิสังขานุปัสนา ...วิวัฏฏนานุปัสนา ... เป็นอันได้วิวัฏฎนานุปัสนาแล้ว ธรรมนั้น 31,0018,005,เป็นธรรมอันบุคคลนั้นกำหนดรู้แล้วและพิจารณาแล้วอย่างนี้ ฯ 31,0018,006,[๖๓] บุคคลผู้พยายามเพื่อต้องการจะได้โสดาปัตติมรรค เป็นอันได้โสดาปัตติมรรค 31,0018,007,แล้ว ธรรมนั้น เป็นธรรมอันบุคคลนั้นกำหนดรู้แล้วและพิจารณาแล้วอย่างนี้ บุคคลผู้พยายามเพื่อ 31,0018,008,ต้องการจะได้สกทาคามิมรรค ... อนาคามิมรรค... อรหัตมรรค เป็นอันได้อรหัตมรรคแล้ว ธรรมนั้น 31,0018,009,เป็นธรรมอันบุคคลนั้นกำหนดรู้แล้วและพิจารณาแล้วอย่างนี้ บุคคลผู้พยายามเพื่อต้องการจะได้ธรรม 31,0018,010,ใดๆเป็นอันได้ธรรมนั้นๆ แล้ว ธรรมเหล่านั้น เป็นธรรมอันบุคคลนั้นกำหนดรู้แล้วและพิจารณา 31,0018,011,แล้วอย่างนี้ ชื่อว่าญาณ เพราะอรรถว่ารู้ธรรมนั้น ชื่อว่าปัญญาเพราะอรรถว่ารู้ชัด เพราะเหตุนั้น 31,0018,012,ท่านจึงกล่าวว่า ปัญญาเครื่องทรงจำธรรมที่ได้สดับมาแล้ว คือ เครื่องรู้ชัดธรรมที่ได้สดับมาแล้วนั้นว่า 31,0018,013,ธรรมเหล่านี้ควรกำหนดรู้ ชื่อว่าสุตมยญาณ ฯ 31,0018,014,[๖๔] ปัญญาเครื่องทรงจำธรรมที่ได้สดับมาแล้ว คือ เครื่องรู้ชัดธรรมที่ได้สดับมาแล้ว 31,0018,015,นั้นว่า ธรรมเหล่านี้ควรละ ชื่อว่าสุตมยญาณอย่างไร ฯ 31,0018,016,ธรรมอย่างหนึ่งควรละ คือ อัสมิมานะ ธรรม ๒ ควรละ คือ อวิชชา ๑ ตัณหา ๑ 31,0018,017,ธรรม ๓ ควรละ คือ ตัณหา ๓ ธรรม ๔ ควรละ คือ โอฆะ ๔ ธรรม ๕ควรละ คือ นิวรณ์ ๕ 31,0018,018,ธรรม ๖ ควรละ คือ หมวดตัณหา ๖ ธรรม ๗ ควรละคือ อนุสัย ๗ ธรรม ๘ ควรละ คือ 31,0018,019,มิจฉัตตะ ความเป็นผิด ๘ ธรรม ๙ ควรละคือ ธรรมมีตัณหาเป็นมูลเหตุ ๙ ธรรม ๑๐ ควรละ 31,0018,020,คือมิจฉัตตะ ๑๐ ฯ 31,0018,021,[๖๕] ปหานะ ๒ คือ สมุจเฉทปหานะ ๑ ปฏิปัสสัทธิปหานะ ๑ สมุจเฉทปหานะ 31,0018,022,อันเป็นโลกุตรมรรค และปฏิปัสสัทธิปหานะอันเป็นโลกุตรผลในขณะแห่งผล ย่อมมีแก่บุคคลผู้ 31,0018,023,เจริญมรรค เครื่องให้ถึงความสิ้นไป ฯ 31,0018,024,ปหานะ ๓ คือ เนกขัมมะ เป็นอุบายเครื่องสลัดออกแห่งกาม ๑ อรูปญาณ เป็นอุบาย 31,0018,025,เครื่องสลัดออกแห่งรูป ๑ นิโรธ เป็นอุบายเครื่องสลัดออกแห่งสังขตธรรมที่เกิดขึ้นแล้วอย่างใดอย่าง 31,0018,026,หนึ่ง ซึ่งอาศัยกันและกันเกิดขึ้น ๑ บุคคลผู้ได้เนกขัมมะเป็นอันละและสละกามได้แล้ว บุคคลผู้ 31,0018,027,ได้อรูปญาณเป็นอันละและสละรูปได้แล้ว บุคคลผู้ได้นิโรธเป็นอันละและสละสังขารได้แล้ว ฯ