Book,Page,LineNumber,Text 22,0050,001,อริยสาวกนั้นย่อมพิจารณาเห็นว่าไม่ใช่สิ่งที่มีความฉิบหายไปเป็นธรรมดาของเราผู้เดียวเท่านั้น 22,0050,002,ฉิบหายไป โดยที่แท้สิ่งที่มีความฉิบหายไปเป็นธรรมดาของสัตว์ทั้งปวง ที่มีการมา การไป 22,0050,003,การจุติการอุปบัติ ย่อมฉิบหายไปทั้งสิ้น ส่วนเราเอง ก็เมื่อสิ่งที่มีความฉิบหายไปเป็นธรรมดา 22,0050,004,ฉิบหายไปแล้ว พึงเศร้าโศก ลำบาก ร่ำไร ทุบอก คร่ำครวญ หลงงมงาย แม้อาหารเราก็ไม่อยาก 22,0050,005,รับประทาน แม้กายก็พึงเศร้าหมอง ซูบผอมแม้การงานก็พึงหยุดชะงัก แม้พวกอมิตรก็พึงดีใจ 22,0050,006,แม้พวกมิตรก็พึงเสียใจ ดังนี้เมื่อสิ่งที่มีความฉิบหายเป็นธรรมดาฉิบหายไปแล้ว อริยสาวกนั้น 22,0050,007,ย่อมไม่เศร้าโศกไม่ลำบาก ไม่ร่ำไร ไม่ทุบอก คร่ำครวญ ไม่หลงงมงาย นี้เรียกว่าอริยสาวก 22,0050,008,ผู้ได้สดับ ถอนลูกศร คือ ความโศกที่มีพิษ อันเป็นเครื่องเสียบแทงปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ทำให้ 22,0050,009,เดือดร้อน อริยสาวกผู้ไม่มีความโศกปราศจากลูกศร ย่อมดับความทุกข์ร้อนได้ด้วยตนเอง ดูกร 22,0050,010,ภิกษุทั้งหลาย ฐานะ ๕ ประการนี้แลอันสมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใครๆ 22,0050,011,ในโลกไม่พึงได้ ฯ 22,0050,012,ประโยชน์แม้เล็กน้อยในโลกนี้ อันใครๆ ย่อมไม่ได้เพราะการเศร้าโศก 22,0050,013,เพราะการคร่ำครวญ พวกอมิตรทราบว่าเขาเศร้าโศก เป็นทุกข์ ย่อมดีใจ 22,0050,014,ก็คราวใด บัณฑิตผู้พิจารณารู้เนื้อความ ไม่หวั่นไหวในอันตรายทั้งหมด 22,0050,015,คราวนั้น พวกอมิตรเห็นหน้าอันไม่ผิดปรกติของบัณฑิตนั้น ยิ้มแย้มตาม 22,0050,016,เคยย่อมเป็นทุกข์ บัณฑิตพึงได้ประโยชน์ในที่ใดๆ ด้วยประการใดๆ 22,0050,017,เพราะการสรรเสริญ เพราะความรู้ เพราะกล่าวคำสุภาษิต เพราะการบำเพ็ญ 22,0050,018,ทาน หรือเพราะประเพณีของตนก็พึงบากบั่นในที่นั้นๆ ด้วยประการ 22,0050,019,นั้นๆ ถ้าพึงทราบว่าความต้องการอย่างนี้อันเราหรือผู้อื่นไม่พึงได้ไซร้ 22,0050,020,ก็ไม่ควรเศร้าโศก ควรตั้งใจทำงานโดยเด็ดขาดว่า บัดนี้เราทำอะไรอยู่ 22,0050,021,ดังนี้ ฯ 22,0050,022,จบสูตรที่ ๘ 22,0050,023,โกสลสูตร 22,0050,024,[๔๙] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่าน 22,0050,025,อนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล พระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จเข้าไปเฝ้า