Book,Page,LineNumber,Text 15,0035,001,อาทิตตวรรคที่ ๕ 15,0035,002,อาทิตตสูตรที่ ๑ 15,0035,003,[๑๓๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ 15,0035,004,สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของ ท่านอานาถ 15,0035,005,บิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล เมื่อปฐมยามล่วงไปแล้ว เทวดาองค์หนึ่ง ซึ่ง 15,0035,006,มีวรรณงาม ยังพระวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่าง เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ 15,0035,007,ครั้นแล้วจึงอภิวาทพระผู้มีพระภาค แล้วยืน อยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ 15,0035,008,[๑๓๖] เทวดานั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้กล่าวคาถา เหล่านี้ในสำนักพระผู้มีพระ 15,0035,009,ภาคว่า 15,0035,010,เมื่อเรือนถูกไฟไหม้แล้ว เจ้าของเรือนขนเอาภาชนะใดออกไปได้ ภาชนะ 15,0035,011,นั้นย่อมเป็นประโยชน์แก่เขา ส่วนสิ่งของที่มิได้ขนออกไป ย่อมไหม้ใน 15,0035,012,ไฟนั้น ฉันใด ฯ 15,0035,013,โลก (คือหมู่สัตว์) อันชราและมรณะเผาแล้ว ก็ฉันนั้น ควรนำออก 15,0035,014,(ซึ่งโภคสมบัติ) ด้วยการให้ทาน เพราะทานวัตถุที่บุคคลให้แล้ว ได้ชื่อ 15,0035,015,ว่านำออกดีแล้ว ฯ 15,0035,016,ทานวัตถุที่บุคคลให้แล้วนั้นย่อมมีสุขเป็นผล ที่ยังมิได้ให้ย่อมไม่เป็น 15,0035,017,เหมือนเช่นนั้น โจรยังปล้นได้ พระราชายังริบได้เพลิงยังไหม้ได้ หรือ 15,0035,018,สูญหายไปได้ ฯ 15,0035,019,อนึ่ง บุคคลจำต้องละร่างกายพร้อมด้วยสิ่งเครื่องอาศัยด้วยตายจากไป 15,0035,020,ผู้มีปัญญารู้ชัด ดั่งนี้แล้ว ควรใช้สอยและให้ทาน ฯ 15,0035,021,เมื่อได้ให้ทานและใช้สอยตามควรแล้ว จะไม่ถูกติฉิน เข้าถึง สถานที่ 15,0035,022,อันเป็นสวรรค์ ฯ