Book,Page,LineNumber,Text 15,0007,001,นันทนวรรคที่ ๒ 15,0007,002,นันทนสูตรที่ ๑ 15,0007,003,[๒๓] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อาราม ของท่าน 15,0007,004,อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาค ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า 15,0007,005,ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระดำรัสของ พระผู้มีพระภาคแล้ว ฯ 15,0007,006,[๒๔] พระผู้มีพระภาคตรัสพระพุทธพจน์นี้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่อง เคยมีมาแล้ว 15,0007,007,พวกเทวดาชั้นดาวดึงส์องค์หนึ่งแวดล้อมด้วยหมู่นางอัปสร อิ่มเอิบ พรั่งพร้อมด้วยเบญจกามคุณ 15,0007,008,อันเป็นทิพย์ พวกนางอัปสรบำเรออยู่ในสวนนันทวัน ได้กล่าวคาถานี้ในเวลานั้นว่า 15,0007,009,เทวดาเหล่าใดไม่เห็นนันทวัน อันเป็นที่อยู่ของหมู่นรเทพ สามสิบ 15,0007,010,ผู้มียศ เทวดาเหล่านั้นย่อมไม่รู้จักความสุข ฯ 15,0007,011,[๒๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อเทวดานั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว เทวดาองค์ หนึ่งได้ย้อน 15,0007,012,กล่าวกะเทวดานั้นด้วยคาถาว่า 15,0007,013,ดูกรท่านผู้เขลา ท่านย่อมไม่รู้จักคำของพระอรหันต์ทั้งหลายว่า สังขาร 15,0007,014,ทั้งปวงไม่เที่ยง มีความเกิดขึ้นและเสื่อมไปเป็นธรรมดา เกิดขึ้นแล้ว 15,0007,015,ก็ดับไป ความสงบระงับสังขารเหล่านั้นเสียได้เป็นสุข ฯ 15,0007,016,นันทิสูตรที่ ๒ 15,0007,017,[๒๖] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล ได้กล่าวคาถานี้ในสำนัก 15,0007,018,พระผู้มีพระภาคว่า 15,0007,019,คนมีบุตรย่อมยินดีเพราะบุตรทั้งหลาย คนมีโค ย่อมยินดี เพราะโค 15,0007,020,ทั้งหลายเหมือนกันฉะนั้น เพราะอุปธิเป็นความดีของ คน บุคคลใด 15,0007,021,ไม่มีอุปธิ บุคคลนั้นไม่มียินดีเลย ฯ