Book,Page,LineNumber,Text 12,0031,001,อาสวักขยญาณ ได้รู้ชัดตามเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกข์สมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา 12,0031,002,เหล่านี้อาสวะ นี้อาสวสมุทัย นี้อาสวนิโรธ นี้อาสวนิโรธคามินีปฏิปทา. เมื่อเรานั้นรู้เห็นอย่างนี้ 12,0031,003,จิตก็หลุดพ้น แม้จากกามาสวะ แม้จากภวาสวะ แม้จากอวิชชาสวะ เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว ก็มี 12,0031,004,ญาณหยั่งรู้ว่า หลุดพ้นแล้ว ได้รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำ 12,0031,005,เสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มี. ดูกรพราหมณ์ วิชชาที่สามนี้แล เราบรรลุแล้ว 12,0031,006,ในปัจฉิมยามแห่งราตรี กำจัดอวิชชาเสียได้แล้ว วิชชาก็เกิดขึ้น กำจัดความมืดเสียได้แล้ว ความ 12,0031,007,สว่างก็เกิดขึ้นเหมือนเมื่อบุคคลไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลสให้เร่าร้อน ส่งตนไปแล้วอยู่ 12,0031,008,ฉะนั้น. 12,0031,009,[๕๑] ดูกรพราหมณ์ บางคราว ท่านจะพึงมีความดำริอย่างนี้ว่า แม้วันนี้พระสมณโคดม 12,0031,010,ยังไม่ปราศจากราคะ ยังไม่ปราศจากโทสะ ยังไม่ปราศจากโมหะแน่นอน เพราะฉะนั้น จึงยังเสพ 12,0031,011,เสนาสนะอันสงัด ทั้งที่เป็นป่าและเป็นป่าเปลี่ยวอยู่ ดังนี้. ดูกรพราหมณ์ ข้อนี้ ท่านอย่าเห็นอย่าง 12,0031,012,นั้นเลย. ดูกรพราหมณ์ เราเห็นอำนาจประโยชน์สองอย่าง คือ เห็นความอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน 12,0031,013,ของตนหนึ่ง อนุเคราะห์ประชุมชนผู้เกิด ณ ภายหลังหนึ่ง จึงเสพเสนาสนะอันสงัด ที่เป็นป่า 12,0031,014,และเป็นป่าเปลี่ยว. 12,0031,015,ชาณุโสณีพราหมณ์ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ 12,0031,016,[๕๒] ชา. ประชุมชนผู้เกิด ณ ภายหลังนี้ เป็นอันท่านพระโคดมอนุเคราะห์อยู่แล้ว 12,0031,017,เพราะท่านเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า. 12,0031,018,ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิต 12,0031,019,ของพระองค์แจ่มแจ้งนัก พระโคดมผู้เจริญ ทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย เปรียบเหมือน 12,0031,020,บุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง หรือส่องประทีปในที่มืดด้วยหวังว่า 12,0031,021,ผู้มีจักษุจักเห็นรูป ฉะนั้น ข้าพเจ้านี้ขอถึงท่านพระโคดม พระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ ว่าเป็น 12,0031,022,สมณะ ขอท่านพระโคดมจงจำข้าพเจ้าว่า เป็นอุบาสกผู้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสมณะตลอดชีวิต 12,0031,023,ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ดังนี้แล. 12,0031,024,จบ ภยเภรวสูตร 12,0031,025,____________________________