Book,Page,LineNumber,Text 15,0029,001,[๑๑๓] เทวดาตนหนึ่ง ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้กล่าวคาถานี้ 15,0029,002,ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า 15,0029,003,ศรัทธาเป็นเพื่อนสองของคน หากว่าความเป็นผู้ไม่มีศรัทธาไม่ตั้งอยู่ แต่ 15,0029,004,นั้นบริวารยศและเกียรติยศย่อมมีแก่เขานั้นอนึ่ง เขานั้นละทิ้งสรีระแล้ว 15,0029,005,ก็ไปสู่สวรรค์ บุคคลพึงละความโกรธเสีย พึงทิ้งมานะเสีย พึงล่วง 15,0029,006,สังโยชน์ทั้งปวงเสียกิเลสเป็นเครื่องเกี่ยวข้อง ย่อมไม่เกาะเกี่ยวบุคคล 15,0029,007,นั้น ผู้ไม่เกี่ยวข้องในนามรูป ผู้ไม่มีกิเลสเป็นเครื่องกังวล ฯ 15,0029,008,[๑๑๔] (พระผู้มีพระภาคตรัสว่า) 15,0029,009,พวกชนพาลผู้มีปัญญาทราม ย่อมตามประกอบความประมาทส่วนนัก 15,0029,010,ปราชญ์ย่อมรักษาความไม่ประมาท เหมือนบุคคลรักษาทรัพย์อันประเสริฐ 15,0029,011,บุคคลอย่าตามประกอบความประมาทและอย่าตามประกอบความสนิท 15,0029,012,สนมด้วยอำนาจความยินดีทางกาม เพราะว่าบุคคลไม่ประมาทแล้วเพ่ง 15,0029,013,พินิจอยู่ ย่อมบรรลุบรมสุข ฯ 15,0029,014,สมยสูตรที่ ๗ 15,0029,015,[๑๑๕] ข้าพเจ้าสดับมาแล้วอย่างนี้ 15,0029,016,สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ป่ามหาวัน เขตกรุงกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ 15,0029,017,กับด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ ๕๐๐ รูป ล้วนเป็นพระอรหันต์ ก็พวกเทวดามาแต่โลกธาตุสิบ 15,0029,018,แล้ว ประชุมกันมาก เพื่อจะเห็นพระผู้มีพระภาค และพระภิกษุสงฆ์ ฯ 15,0029,019,[๑๑๖] ในครั้งนั้นแล เทวดา ๔ องค์ที่เกิดในหมู่พรหมชั้นสุทธาวาส ได้มีความดำริ 15,0029,020,ว่า พระผู้มีพระภาคพระองค์นี้แล ประทับอยู่ ณ ป่ามหาวัน เขต กรุงกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ กับ 15,0029,021,ด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ ๕๐๐ รูป ล้วน เป็นพระอรหันต์ ก็พวกเทวดามาแต่โลกธาตุ 15,0029,022,สิบประชุมกันมาก เพื่อจะเห็นพระผู้มี พระภาคและพระภิกษุสงฆ์ ไฉนหนอแม้เราทั้งหลายควร 15,0029,023,เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้ว พึงกล่าวคาถาคนละคาถา ในสำนักพระผู้มี 15,0029,024,พระภาค ฯ