Book,Page,LineNumber,Text 15,0028,001,ของพวกข้าพเจ้าล่วงไปแล้ว พวกข้าพเจ้าเหล่าใด เป็นพาลอย่างไร เป็นผู้หลงแล้วอย่างไร 15,0028,002,เป็นผู้ไม่ฉลาดอย่างไร ได้สำคัญ แล้วว่าพระผู้มีพระภาคอันพวกเราพึงรุกราน ข้าแต่พระผู้มีพระ 15,0028,003,ภาคผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคโปรดอดโทษของพวกข้าพเจ้านั้น เพื่อจะสำรวมในกาลต่อไป ฯ 15,0028,004,ในลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคได้ทรงยิ้มแย้ม ฯ 15,0028,005,[๑๑๐] ในลำดับนั้นแล เทวดาเหล่านั้นผู้เพ่งโทษโดยประมาณยิ่ง กลับ ขึ้นไปบน 15,0028,006,อากาศ เทวดาตนหนึ่งได้กล่าวคาถานี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า 15,0028,007,เมื่อเราแสดงโทษอยู่ ถ้าบุคคลใดมีความโกรธอยู่ในภายในมีความเคือง 15,0028,008,หนัก ย่อมไม่อดโทษให้ บุคคลนั้นย่อมสอดสวมเวร หากว่าในโลกนี้ 15,0028,009,โทษก็ไม่มี ความผิดก็ไม่มี เวรทั้งหลายก็ไม่สงบ ในโลกนี้ใครพึงเป็น 15,0028,010,คนฉลาด เพราะเหตุไร โทษทั้งหลายของใครก็ไม่มี ความผิดของใครก็ 15,0028,011,ไม่มีใครไม่ถึงแล้วซึ่งความหลงใหล ในโลกนี้ ใครย่อมเป็นผู้มีปัญญา 15,0028,012,เป็นผู้มีสติในกาลทั้งปวง ฯ 15,0028,013,[๑๑๑] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า 15,0028,014,โทษทั้งหลายก็ไม่มี ความผิดก็ไม่มีแก่พระตถาคตนั้น ผู้ตรัสรู้แล้ว ผู้ 15,0028,015,เอ็นดูแก่สัตว์ทั้งปวง พระตถาคตนั้นไม่ถึงแล้วซึ่งความหลงใหล พระ 15,0028,016,ตถาคตนั้นย่อมเป็นผู้มีปัญญา เป็นผู้มีสติในกาลทั้งปวง เมื่อพวกท่าน 15,0028,017,แสดงโทษอยู่ หากบุคคลใดมีความโกรธอยู่ในภายใน มีความเคืองหนัก 15,0028,018,ย่อมไม่อดโทษให้ บุคคลนั้นย่อมสอดสวมเวร เราไม่ชอบเวรนั้น เรา 15,0028,019,ย่อมอดโทษแก่ท่านทั้งหลาย ฯ 15,0028,020,สัทธาสูตรที่ ๖ 15,0028,021,[๑๑๒] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่าน 15,0028,022,อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล เมื่อปฐมยามล่วง ไปแล้ว พวกเทวดา 15,0028,023,สตุลลปกายิกามากด้วยกัน มีวรรณงาม ยังพระวิหารเชตวัน ทั้งสิ้นให้สว่าง เข้าไป 15,0028,024,เฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้วจึงถวายอภิวาท พระผู้มีพระภาคแล้วยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วน 15,0028,025,ข้างหนึ่ง ฯ