Book,Page,LineNumber,Text 46,0018,001,ผู้ศึกษาพึงทราบการประกอบประโยคแห่งอุปปันนะนั้น ในคำทั้งหลาย 46,0018,002,เป็นต้นว่า พระอริยบุคคล ผู้ทำให้มากซึ่งมรรคอันประกอบด้วยองค์แปด 46,0018,003,อันประเสริฐ พึงยังธรรมที่เป็นบาปอกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว ๆ ให้อันตรธานไปใน 46,0018,004,ระหว่างทีเดียว ก็อารัมมณาธิคคหิตุปปันนะ อวิกขัมภิตุปปันนะ และอสมูห- 46,0018,005,ตุปปันนะ แม้ทั้ง ๓ อย่างนี้ พึงทราบว่า ย่อมถึงการสงเคราะห์ด้วยภูมิลัทธะ 46,0018,006,นั้นแล. 46,0018,007,เมื่อกิเลสชาตมีประเภทตามที่กล่าวแล้วนั้น เกิดขึ้นแล้วอย่างนี้นั่นเอง 46,0018,008,ความโกรธนี้ก็พึงทราบว่า บังเกิดขึ้นแล้ว ด้วยอำนาจแห่งภูมิลัทธุปปันนะ 46,0018,009,อารัมมณาธิคคตุปปันนะ อวิกขัมภิตุปปันนะ และอสมูหตุปปันนะ. 46,0018,010,ถามว่า เพราะเหตุไร ? 46,0018,011,ตอบว่า เพราะว่า บุคคลพึงกำจัดความโกรธนั้น ด้วยวิธีอย่างนี้ 46,0018,012,ด้วยว่า บุคคลย่อมสามารถจะกำจัดความโกรธที่บังเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งมีประเภท 46,0018,013,ตามที่กล่าวมาอย่างนี้ ด้วยวินัยอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ก็กิเลสชาตนี้ใด กล่าวคือ 46,0018,014,วัตตมานะ ภุตวาปคตะ โอกาสคตะ และสมุทาจาระ บังเกิดขึ้นแล้ว ความ 46,0018,015,พยายามในกิเลสชาตนี้นั้น ย่อมไม่มีผล และไม่สามารถจะบังเกิดขึ้น ๆ ด้วยว่า 46,0018,016,ความพยายามในกิเลสชาต (คือความโกรธ) ที่เป็นภุตวาปคตะ ชื่อว่า ไม่มีผล 46,0018,017,เพราะกิเลสนั้นดับไปแล้ว ในระหว่างแห่งความพยายาม แม้ในความโกรธ 46,0018,018,ที่เป็นโอกาสคตะก็เหมือนกัน ความพยายามในกิเลสชาตที่เป็นวัตตมานุป 46,0018,019,ปันนะ และสมุทาจารุปปันนก็ไม่สามารถที่จะทำได้ เพราะความเศร้าหมอง 46,0018,020,และความผ่องแผ้วไม่บังเกิดขึ้นพร้อมกัน. 46,0018,021,ก็ในบทว่า วิเนติ นี้ พึงทราบวินิจฉัย ดังต่อไปนี้