Book,Page,LineNumber,Text 25,0044,001,[๔๖๖] ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบว่า นี้เป็นมาร 25,0044,002,ผู้มีบาปจึงตรัสกะมารผู้มีบาปด้วยพระคาถาว่า 25,0044,003,รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ 25,0044,004,และธรรมารมณ์ทั้งสิ้นนี้เป็นโลกามิสอัน 25,0044,005,แรงกล้า โลกหมกมุ่นอยู่ในอารม เหล่านี้ 25,0044,006,ส่วนสาวกของพระพุทธเจ้ามีสติก้าวล่วง 25,0044,007,โลกามิสนั้น และก้าวล่วงบ่วงมารแล้ว 25,0044,008,รุ่งเรื่องอยู่ดุจพระอาทิตย์ ฉะนั้น. 25,0044,009,ลำดับนั้น มารผู้มีบาปเป็นทุกข์ เสียใจว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรู้จัก 25,0044,010,เรา พระสุคตทรงรู้จักเรา ดังนี้ จึงได้หายไปในที่นั้นนั่นเอง. 25,0044,011,

อรรถกถาอายตนสูตร

25,0044,012,พึงทราบวินิจฉัยในอายคนสูตรที่ ๗ ต่อไป :- 25,0044,013,บทว่า ผสฺสายตนานํ ได้แก่ อายตนะทั้งหลายแห่งผัสสะ ที่ชื่อว่า 25,0044,014,เป็นไปในทวาร ๖ เพราะอรรถว่า เป็นที่ประชุมโดยสัญชาติ. บทว่า ภยเภรว 25,0044,015,สทฺทํ ได้แก่ เสียงที่ให้เกิดความกลัว เช่นเสียงเมฆเสียงกลองเสียงฟ้าผ่า. บท 25,0044,016,ว่า ป€วี มญฺเ อุทฺรียติ ได้แก่ ผืนแผ่นดินใหญ่ ได้เป็นประหนึ่งทำ 25,0044,017,เสียงครืนครั่น. บทว่า เอตฺถ โลโก สมุจฺฉิโต ได้แก่โลกหมกมุ่นในอารมณ์ 25,0044,018,๖ เหล่านี้. บทว่า มารเธยฺยํ ได้แก่ วัฏฏะที่เป็นไปในภูมิ ๓ อันเป็นที่ตั้งแห่ง 25,0044,019,มาร. 25,0044,020,จบอรรถกถาอายตนสูตรที่ ๗