Book,Page,LineNumber,Text
28,0014,001,โดยความเป็นโทษ และซึ่งความสลัดออกโดยเป็นความสลัดออก อย่างนี้
28,0014,002,เมื่อนั้น เราจึงปฏิญาณว่า ได้ตรัสรู้ซึ่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในโลก
28,0014,003,พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์
28,0014,004,เทวดาและมนุษย์ ก็ญาณทัสสนะเกิดขึ้นแล้วแก่เราว่าความหลุดพ้นของเรา
28,0014,005,ไม่กำเริบ ชาตินี้เป็นที่สุด บัดนี้ภพใหม่ไม่มี.
28,0014,006,จบ สัมโพธสูตรที่ ๑
28,0014,007,
๒. ทุติยสัมโพธสูตร
28,0014,008,ว่าด้วยความรู้แท้ในเรื่องอายตนะ
28,0014,009,[ ๑๔ ] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก่อนแต่ตรัสรู้ เราเป็นโพธิสัตว์
28,0014,010,ยังไม่ได้ตรัสรู้ ได้มีความคิดดังนี้ว่า อะไรเป็นคุณ อะไรเป็นโทษ อะไร
28,0014,011,เป็นความสลัดออกแห่งรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อะไรเป็นคุณ
28,0014,012,อะไรเป็นโทษ อะไรเป็นความสลัดออกแห่งธรรมารมณ์. ดูก่อนภิกษุ
28,0014,013,ทั้งหลาย เรานั้นได้มีความคิดดังนี้ว่า สุขโสมนัสเกิดขึ้นเพราะอาศัยรูป
28,0014,014,นี้เป็นคุณแห่งรูป รูปเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น
28,0014,015,ธรรมดา นี้เป็นโทษแห่งรูป การกำจัด การละฉันทราคะในรูป นี้เป็นความ
28,0014,016,สลัดออกแห่งรูป ฯลฯ สุขโสมนัสเกิดขึ้นเพราะอาศัยธรรมารมณ์ นี้เป็นคุณ
28,0014,017,แห่งธรรมารมณ์ ธรรมารมณ์เป็นสภาพไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความ
28,0014,018,แปรปรวนเป็นธรรมดา นี้เป็นโทษแห่งธรรมารมณ์ การกำจัด การละ
28,0014,019,ฉันทราคะในธรรมารมณ์ นี้เป็นความสลัดออกแห่งธรรมารมณ์ ดูก่อน