Book,Page,LineNumber,Text 50,0027,001,ทุกขลักขณะ เพื่อแสดงให้เห็นว่า อนัตตลักขณะย่อมเป็นไปได้ทั้ง 50,0027,002,ในสังขารและวิสังขาร ถึงแสดงรวมกัน เรียกว่าธรรม ถ้าจะแสดง 50,0027,003,ว่าสังขารเหมือนกันหมด ก็ไม่กินความถึงวิสังขารด้วย ฉะนั้นจึงต้อง 50,0027,004,แสดงให้ต่างกัน. 50,0027,005,ส. ป. 50,0027,006,ถ. ความเห็นอนัตตาเป็นไปด้วยอาการอย่างไร จึงจะยังประโยชน์ 50,0027,007,ให้สำเร็จได้ ? 50,0027,008,ต. ความเห็นอนัตตาพึงปรารถนาโยนิโสมนสิการกำกับ จะได้ 50,0027,009,กำหนดรู้สัจจะทั้ง ๒ คือสมมติสัจจะและปรมัตถสัจจะ กำหนดรู้สัจจะ 50,0027,010,ทั้ง ๒ นี้แล้ว จะได้ไม่เอามาค้านกัน สันนิษฐานว่าเป็นแต่สักว่า อัน 50,0027,011,ละทิฏฐิมานะ คือความถือผิดและความถือตัวและกิเลสอย่างอื่น อัน 50,0027,012,เนื่องมาจากการถือเราถือเขาถือก็ถือพวกได้ด้วย ดั่งนี้จึงจะยัง 50,0027,013,ประโยชน์ให้สำเร็จได้. 50,0027,014,๑๒/๙/๖๖ 50,0027,015,ถ. การพิจารณาเห็นสังขารว่าเป็นอนัตตา จำเป็นอย่างไรจึง 50,0027,016,ต้องปรารถนาโยนิโสมนสิการ ? 50,0027,017,ต. จำเป็นอย่างนี้ คือเพื่อป้องกันไม่ให้ตกไปในอำนาจแห่ง 50,0027,018,นัตถิกทิฏฐิ และจะได้กำหนดรู้สัจจะทั้ง ๒ คือสมมตสัจจะและ 50,0027,019,ปรมัตถสัจจะ จะได้ไม่เอามาค้านกัน ด้วยเหตุที่ลึกและตื้นกว่ากัน 50,0027,020,เท่านั้น. 50,0027,021,๑๕/๕/๖๙