Book,Page,LineNumber,Text 49,0038,001, ปุปฺผานิเหว ปจินนฺตํ พฺยาสตฺตมนสํ นรํ 49,0038,002,สุตฺตํ คามํ มโหโฆว มจฺจุ อาทาย คจฺฉติ 49,0038,003,ความว่า มัจจุราชย่อมพาเอานรชนผู้มีใจข้องแล้วในอารมณ์ต่าง ๆ 49,0038,004,ผู้เลือกเก็บดอกไม้คือกามคุณ ๕ ไป ดุจสายน้ำพาเอาบ้าน (คนในบ้าน) 49,0038,005,ซึ่งหลับแล้วไปฉะนั้น. 49,0038,006,อิฏฐารมณ์ซึ่งจัดว่าเป็นความสุขอันปุถุชนปรารภนา ย่อมเป็น 49,0038,007,ของเจือด้วยความทุกข์ เพราะเป็นสามิสสุข ไม่ใช่สุขแท้ ย่อมอำนวย 49,0038,008,ผลคือความทุกข์ให้เกิดขึ้นอีกในภายหลัง ขณะนี้เป็นสุข แต่ในขณะต่อไป 49,0038,009,กลับกลายเป็นทุกข์ เช่นนี้จึงกล่าวได้ว่าทุกข์เกิดในลำดับแห่งสุข คือเมื่อ 49,0038,010,สุขหายไป ทุกข์ก็เกิดขึ้นแทน เหมือนเมื่อความสว่างหายไป ความมืด 49,0038,011,ก็ปรากฏขึ้นทันที ฉะนั้น เพราะสุขเหล่านั้นเป็นของไม่เที่ยงไม่คงเป็น 49,0038,012,สุขอยู่ได้ตลอดกาล ย่อมกลับกลายเป็นทุกข์ได้ เหตุนั้น โบราณกบัณฑิต 49,0038,013,ทั้งหลาย มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นต้น จึงไม่ไยดีในสามิสสุขเช่นนี้ แม้ 49,0038,014,ปรากฏว่า พระองค์เป็นผู้บริบูรณ์ มากด้วยกามสุขในรัชชสิริสมบัติ ถึงเช่น 49,0038,015,นั้น พระองค์ก็ไม่ทรงอาลัย ทรงสละออกผนวชเสียได้ด้วยมาเล็งเห็นว่า 49,0038,016,เป็นสุขที่มีทุกข์ผสม ทรงมุ่งแสวงหาสุขอันแท้จริง ด้วยพระอุตสาหะวิริยะ 49,0038,017,อันแรงกล้า แสวงหาอยู่ถึง ๖ ปี จึงสำเร็จสมดังพระหฤทัย แม้ได้บรรลุสุข 49,0038,018,นั้นสมหวังแล้ว ก็ไม่เสวยเฉพาะพระองค์ ทรงแจกจ่ายแก่บรรดาเวไนย 49,0038,019,สัตว์ทั้งหลาย มีอุปนิสัยสมควรแก่สุขนั้นให้ได้ลิ้มรส ผู้ได้ลิ้มรสแล้วย่อม 49,0038,020,เกิดความสลดจิตไม่ติดในอิฏฐารมณ์เหล่านั้น บรรเทาความประมาทมัว 49,0038,021,เมาอันเป็นทางนำไปสู่ความตายดังพุทธภาษิตในธรรมบท ขุททกนิกายว่า