Book,Page,LineNumber,Text 49,0002,001,หลายแห่ง ถึงอย่างนั้น ก็ต้องอาศัยคนอื่นเป็นแม่แรงช่วยสนับสนุน 49,0002,002,เพราะเหตุการณ์เหล่านั้นทั้งหมด เว้นพระสมัยภูสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว 49,0002,003,ไม่มีผู้ใดจะรู้ทั่วถึงทุกอย่างได้ ถึงจะมีบ้างก็เป็นแต่เพียงรู้ผิว ๆ 49,0002,004,ไม่ถึงแก่น แม้พระสารีบุตรเถระปรากฏว่า ท่านเป็นผู้เฉียบแหลมใน 49,0002,005,ทางปัญญา ถึงอย่างนั้น ก็รู้เองเห็นเองไม่ได้ ต้องอาศัยพระอัสสชิ 49,0002,006,เป็นบุรพภาคและพระศาสดาเป็นปริโยสาน เหตุนั้น พระศาสดาจึงได้ 49,0002,007,ทรงแสดงธรรมเพื่อปลูกศรัทธาไว้เป็นอเนกประการ ทั้งนี้ก็เพราะ 49,0002,008,ศรัทธาเป็นคุณสมบัติ เป็นหลักของใจที่จะให้บุคคลประกอบการงานไม่ 49,0002,009,ท้อถอย เพราะเมื่อมีศรัทธาเป็นหลักของใจแล้ว ย่อมทำใจของบุคคล 49,0002,010,เหล่านั้นไม่ให้ว้าเหว่ในเวลาประกอบกิจ ไม่ผิดกับบุคคลผู้มีเพื่อนเป็น 49,0002,011,ึูคู่สอง แม้จะเป็นเพื่อนร่วมการงานในเวลาประกอบกิจก็ตาม เป็นเพื่อน 49,0002,012,ร่วมทางในเวลาเดินทางก็ตาม ย่อมเป็นเหตุให้บุคคลผู้นั้นมั่นใจใน 49,0002,013,การงาน ไม่หวาดเสียวในหนทางที่เปลี่ยวประกอบด้วยภัยอันตรายต่าง ๆ 49,0002,014,ฉะนั้น ท่านจึงแสดงอานิสงส์ศรัทธาว่า เป็นเพื่อนสองของคน ดัง 49,0002,015,พระพุทธนิพนภาษิตประการต้นว่า 49,0002,016, สทฺธา ทุติยา ปุริสสฺส โหติ 49,0002,017,แปลว่า ศรัทธาเป็นเพื่อนสองของคน ดังนี้ ฯ 49,0002,018,จริงอย่างนั้น เพราะคำว่าศรัทธาในที่นี้ โดยอรรถ ได้แก่ 49,0002,019,ความเชื่อ มีวิภาคเป็น ๒ คือ ความเชื่อที่ประกอบด้วยญาณ เรียก 49,0002,020,ว่า ญาณสัมปยุต ประการหนึ่ง ฯ ความเชื่อที่ประกอบด้วยญาณ 49,0002,021,เรียกว่า ญาณวิปปยุต ประการหนึ่ง ฯ ศรัทธาทั้ง ๒ โดยสังเขปนี้