Book,Page,LineNumber,Text 37,0011,001,ดีใจในสวรรค์ ชื่อว่าย่อมดีใจในที่ทั้งปวง ดังนี้. 37,0011,002,ก็ผู้มีปรีชาในภาษิตนี้ ได้แก่ผู้ฉลาดรู้จักใช้ขันติธรรม ดำรง 37,0011,003,อยู่ในศีลอันเป็นมรรคไปสู่สวรรค์ ก็ย่อมจะได้ความสุขจิตบันเทิงใจ 37,0011,004,ในที่ทั้งปวง คือทั้งมนุษยโลกและสวรรคโลก ไม่ใช่แต่เท่านั้น ผู้มี 37,0011,005,ขันติทำให้บริบูรณ์ในศีลแล้ว จิตใจย่อมสงบเป็นสมาธิไม่ฟุ้งซ่านด้วย 37,0011,006,ปริยุฏฐานกิเลสอันเป็นเหตุมัวหมอง แต่นั้นปัญญาชั้นสูงก็จะผุดขึ้น 37,0011,007,หยั่งเห็นสภาวธรรมตามที่เป็นจริง เขาก็จักเกิดความเบื่อหน่ายคลาย 37,0011,008,ความพอใจในกองทุกข์ทั้งมวล เมื่อคลายความพอใจเสียได้นั่นแหละ 37,0011,009,เป็นทางแห่งโมกขะคือความหลุดพ้นจากทุกข์ ซึ่งท่านกล่าวว่านิพพาน 37,0011,010,เพราะดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์ได้โดยประการทั้งปวง ผู้มีขันติชื่อว่าขึ้น 37,0011,011,สู่ทางสวรรค์และนิพพานด้วยประการฉะนี้. 37,0011,012,รวมความตามที่แสดงมานี้ก็จะเห็นได้ว่า บุคคลผู้มีขันติ คือ 37,0011,013,ผู้อดกลั้นต่อความตรากตรำ ในเพราะกระทำการงานเพื่อเลี้ยงชีพก็ดี 37,0011,014,ต่อความเจ็บใจอันเกิดแต่คำเสียดแทงก็ดี ต่อทุกขเวทนาอันเกิดแต่ 37,0011,015,ความเจ็บไข้ได้ป่วยเพราะความแปรปรวนแห่งสังขารก็ดี และทนทาน 37,0011,016,ต่ออิฏฐารมณ์ หรืออนิฏฐารมณ์ที่มายั่วหรือยุให้ชอบหรือให้ชังหรือให้ 37,0011,017,หลงไหลเข้าใจผิดก็ดี ย่อมจะประกอบกรณียกิจอันเป็นเหตุนำประโยชน์ 37,0011,018,สุขสมบัติในทิฏฐธรรมกล่าวคือมนุษย์สมบัติมาให้แก่ตน โดยยังตนให้ 37,0011,019,ตั้งอยู่ในกองแห่งโภคสมบัติและให้ตั้งมั่นอยู่ในศีล ทั้งได้นำประโยชน์ 37,0011,020,มาให้ผู้อื่นโดยที่ตนรู้จักยับยั้งชั่งใจ ไม่มุ่งร้ายหมายเวรก่อทุกข์สร้างโทษ 37,0011,021,ให้บังเกิดขึ้นแก่ผู้อื่นด้วยการประหัตประหารบ้าง หักล้างผลประโยชน์