Book,Page,LineNumber,Text 34,0032,001,จิตของคนเรานี้มักเศร้าหมองขุ่นมัวด้วยเครื่องเศร้าหมองต่าง ๆ เช่นความ 34,0032,002,โลก แม้ตั้งใจทำความดี แต่มีความโลภเข้าเจือปนด้วย เมื่อทำความดี 34,0032,003,ไม่ได้ตามปรารถนา ก็เกิดความโกรธ ความไม่พอใจในตนเองบ้าง โน 34,0032,004,ผู้อื่นบ้าง. การที่มีความโลภ ความโกรธ เข้าเจือปนในขณะที่ทำความดี 34,0032,005,ดังนี้ ก็เพราะมีความหลงงมงายเข้าเจือปนอยู่ในจิตใจเป็นเชื้อเรื้อรังมาก่อน 34,0032,006,แล้ว. เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงโอวาท คือตักเตือนสอนให้ทำจิต 34,0032,007,ใจให้หมอจดจากเครื่องเศร้าหมองใจ มีโลภ โกรธ หลง เป็นต้น. 34,0032,008,อธิบายชื่อหมวดธรรม 34,0032,009,การเว้นจากทุจริต ๑ การประกอบสุจริต ๑ การทำจิตใจให้หมด 34,0032,010,จดจากเครื่องเศร้าหมองใจ มีโลภ โกรธ หลง เป็นต้น ๑ ทั้ง ๓ 34,0032,011,อย่างนี้ ชื่อว่าโอวาทของพระพุทธเจ้า เพราะเป็นคำแนะนำตักเตือนของ 34,0032,012,"พระพุทธเจ้า ได้ในศัพท์บาลีว่า พุทธโอวาท, แต่บางแห่งเรียกว่า" 34,0032,013,ทุกพระองค์ ทรงสั่งสอนครบทั้ง ๓ อย่างนี้เหมือนกันหมด.. 34,0032,014,อนึ่ง พระโอวาททั้ง ๓ นี้ พระพุทธเจ้าได้ทรงถือเป็นหลักคำสอน 34,0032,015,แก่ภิกษุในวันอุโบสถทุกกึ่งเดือน เริ่มตั้งแต่วันเพ็ญเดือน ๓ ภายหลัง 34,0032,016,ตรัสรู้ ๙ เดือนเป็นต้นมา โดยมีชื่อว่า โอวาทปาติโมกข์. 34,0032,017,และต่อมาอาจารย์ทั้งหลายได้ถือกันว่า พระโอวาททั้ง ๓ นี้เป็น 34,0032,018,หัวใจพระพุทธศาสนา เพราะส่วนสำคัญของพระพุทธศาสนาอยู่ที่พระ 34,0032,019,"โอวาท ๓ อย่างนี้ ส่วนคำสั่งสอนอย่างอื่นแม้มีจำนวนถึง ๘๔,๐๐๐" 34,0032,020,พระธรรมขันธ์ แต่เมื่อย่อให้สั้นก็คงเหลือเพียง ๓ อย่างนี้เท่านั้น.