Book,Page,LineNumber,Text
33,0020,001,ก. รับคำของฝ่ายหนึ่ง หรือถ้าตนจัดการเอง บอกแก่ฝ่ายหนึ่ง
33,0020,002,ต้องถุลลัจจัย.
33,0020,003,ข. ไปบอกแก่อีกฝ่ายหนึ่ง ต้องสังฆาทิเสส.
33,0020,004,คำว่า ฝ่ายหนึ่ง ๆ นั้น หมายเอาเจ้าตัวเขาเอง หรือผู้ปกครอง
33,0020,005,ของเขา.
33,0020,006,สิกขาบทนี้ เป็นสาณัตติกะ สั่งให้เขาทำแทนตน ก็ไม่พ้นอาบัติ.
33,0020,007,ภิกษุหลายรูปรับความแล้วบอกเพียงรูปเดียว ก็ต้องอาบัติทุกรูป.
33,0020,008,สิกขาบทนี้ เป็นอจิตตกะ ผัวเมียเขาหย่าขาดกันแล้ว ภิกษุไม่รู้
33,0020,009,พูดเกลี้ยกล่อมให้เขาคืนดีกัน กลับเป็นผัวเมียกัน ก็ไม่พ้นอาบัติ.
33,0020,010,สิกขาบทที่ ๘ แกล้งโจทภิกษุอื่นด้วยอาบัติปาราชิกไม่มีมูล.
33,0020,011,อธิกรณ์ไม่มีมูล คือ เว้นจากได้เห็น ได้ฟัง ได้รังเกียจ.
33,0020,012,คำโจท เป็นคำกล่าวหา มีลักษณะ ๔ คือ :-
33,0020,013,๑. เล่าเรื่องที่ทำ.
33,0020,014,๒. ระบุอาบัติ.
33,0020,015,๓. ห้ามสังวาส.
33,0020,016,๔. ห้ามสามีจิกรรม.
33,0020,017,การโจท
33,0020,018,๑. ในคัมภีร์วิภังค์ว่า โจททางวาจา ต่อหน้าผู้ต้องโจท.
33,0020,019,๒. สมเด็จ ฯ ว่าโจทด้วยกาย คือเขียนหนังสือ หรือโจทด้วยวาจา
33,0020,020,คือบอกพูดต่อเจ้าหน้าที่ จึงชื่อว่าโจทต่อหน้า.
33,0020,021,การต้องอาบัติ อธิกรณ์ไม่มีมูล ผู้โจทต้องอาบัติสังฆาทิเสส.