Book,Page,LineNumber,Text 26,0037,001,อย่างหนึ่ง เช่นว่ามาแล้ว เรียกว่าโจทปาราชิกไม่มีมูล เป็นอาบัติสังฆา- 26,0037,002,ทิเสส. 26,0037,003,อนึ่ง ภิกษุผู้จำเลยถูกฟ้อง เป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ก่อนแล้ว แต่ภิกษุ 26,0037,004,ผู้โจทคิดจะหาโทษใส่จำเลยด้วยเจตนาร้าย หรือแม้จำเลยจะเป็นผู้ไม่ 26,0037,005,บริสุทธิ์อยู่ก่อนแล้ว แต่ภิกษุผู้โจทยังสำคัญอยู่ว่า เธอนั้นบริสุทธิ์ 26,0037,006,หากโจท ก็ต้องปรับโทษให้เป็นสังฆาทิเสส. และถึงแม้ในชั้นต้น 26,0037,007,ภิกษุจะโจทตามถ้อยคำซึ่งผู้อื่นบอกเล่า อันนับว่า เป็นโจทมีมูล ครั้น 26,0037,008,ภายหลังได้ไต่สวนเข้าแล้ว ไม่ได้ความจริงตามคำหา ทั้งผู้โจทก็รู้แล้ว 26,0037,009,ว่า ความโจทนั้นไม่เป็นจริงด้วยประการทั้งปวง แต่ยังขืนยกย่องอธิกรณ์ 26,0037,010,อยู่ จนเกินกว่าที่ว่าเป็นผู้มีเจตนามุ่งต่อความบริสุทธิ์ ซึ่งส่อว่ามี 26,0037,011,จาวนาธิบาย หมายจะให้จำเลยเคลื่อนจากพรหมจรรย์ เช่นนี้ ก็คงเป็น 26,0037,012,อาบัติสังฆาทิเสสเหมือนกัน. 26,0037,013,ลักษณะโจทมีมูล ซึ่งจะไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส คือ :- 26,0037,014,๑. ได้เห็นกิริยาท่าทางของจำเลย ซึ่งส่อพิรุธ. 26,0037,015,๒. โจทตามถ้อยคำที่ได้ยินบอกเล่า. 26,0037,016,๓. มีใจรังเกียจระแวงสงสัย. 26,0037,017,ถ้าภิกษุโจทตามลักษณะที่ว่ามานี้ แม้แต่เพียงข้อใดข้อหนึ่งจัดว่า 26,0037,018,คำโจทของเธอมีมูล ไม่เป็นอาบัติสังฆาทิเสส. 26,0037,019,สิกขาบทที่ ๙ หาเลศโจทโดยทางอ้อม ตัวอย่างเช่น 26,0037,020,พระ ก. โกรธพระ ข. เห็นสุนัขสมจรกันอยู่ สมมติสุนัขตัวผู้เป็นพระ- 26,0037,021,ข. สมมติสุนัขตัวเมียเป็นหญิง ค. แล้วถือเอาเหตุนั้นมาเป็นเลศ โจท