Book,Page,LineNumber,Text 23,0033,001,ข้อหนึ่ง ก็ชื่อว่ายินดีในธรรมเฉพาะข้อนั้น ย่อมชำนะซึ่งยินดีทั้งปวง 23,0033,002,ยินดีทั้งปวงได้แก่ยินดีในบุตรภรรยาทรัพย์สมบัติเป็นต้น. ยินดีในธรรม 23,0033,003,ชำนะซึ่งยินดีทั้งปวง คือยินดีในธรรมประเสริฐกว่ายินดีทั้งปวง เพราะ 23,0033,004,ยินดีทั้งปวงมียินดีในบุตรภรรยาเป็นต้น อันจะต้องประสพสุขบ้างทุกข์ 23,0033,005,บ้างเนือง ๆ แต่ประสพทุกข์แลมาก ทั้งในภพนี้และภพต่อไปไม่มี 23,0033,006,ที่สุด ส่วนยินดีในธรรมนั้นย่อมประสพแต่สุขตามส่วน ถ้ายินดีคือ 23,0033,007,บรรลุวิมุตติธรรมแล้ว ก็มีแต่สุขส่วนเดียว และเป็นปรมัตถสุขด้วย. 23,0033,008,สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า ความยินดีในธรรม ย่อมชำนะความ 23,0033,009,ยินดีทั้งปวง. 23,0033,010,๖๑. ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาติ. [ ๑๓๔ ] 23,0033,011,ความสิ้นตัณหา ย่อมชำนะทุกข์ทั้งปวง. 23,0033,012,จะต่อสู้ทุกข์ทั้งปวงได้ ไม่ให้สรรพทุกข์เกิดขึ้นมารันทำย่ำยีกายใจ 23,0033,013,ก็ต้องให้รู้ว่าทุกข์เกิดแต่ตัณหา จำต้องละตัณหาให้ได้ ด้วยมาดำเนิน 23,0033,014,ตามอริยาษฎางคิกมรรค อันยังผู้ปฏิบัติให้ถึงพระนิพพาน เมื่อถึง 23,0033,015,พระนิพพานแล้ว ตัณหาก็ย่อมสิ้นไปเป็นสมุจเฉทปหาน ตัณหักขยะ 23,0033,016,ความสิ้นตัณหาจึงเป็นชื่อแห่งพระนิพพาน. ความสิ้นตัณหาจึงชื่อว่า 23,0033,017,ชำนะทุกข์ทั้งปวง จริงอยู่ ท่านผู้ทำตัณหาให้สิ้นไปแล้ว ชื่อว่าหา 23,0033,018,ทุกขืทั้งปวงมิได้ แต่ขันธ์ยังปรากฏอยู่ ทุกข์ย่อมมีเป็นธรรมดา เพราะ 23,0033,019,ขันธ์ที่ปรากฏอยู่นั้น ก็คือตัวทุกข์ปรากฏอยู่นั่นเอง แต่เพราะเป็น