Book,Page,LineNumber,Text 20,0026,001,ผู้อื่น ด้วยโลภเจตนา แต่นั้นก็เกิดอาฆาตก่อวิวาทประทุษร้าย เพราะ 20,0026,002,ช่วงชิงประโยชน์แห่งกันและกัน ด้วยโทสเจตนา ดำเนินในทางผิดเป็น 20,0026,003,มิจฉาปฏิบัติ จะเห็นอะไร จะดำริอะไร จะพูดอะไร จะทำอะไร จะ 20,0026,004,เลี้ยงชีพอย่างไร จะเพิ่มอย่างไร จะระลึกอย่างไร จะตั้งใจอย่างไร ก็ 20,0026,005,วิปริตไปทั้งสิ้น ด้วยโมหเจตนา สัตวโลกจำพวกนี้ ได้ชื่อว่าผู้หลง เมื่อ 20,0026,006,ได้สดับคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเข้าใจชัด ขจัดความหลงซึ่งเป็นมูล 20,0026,007,เหตุลงได้ มีอัชฌาสัยประกอบไปด้วยหิริโอตตัปปะ สิ้นความพอใจใน 20,0026,008,การปะพฤติไม่เป็นธรรม ดำเนินแต่ในทางที่ชอบเป็นสัมมาปฏิบัติ จะ 20,0026,009,เห็นอะไร จะดำริอะไร จะพูดอะไร จะทำอะไร จะเลี้ยงชีพอย่างไร 20,0026,010,จะเพียรอย่างไร จะระลึกอย่างไร จะตั้งใจอย่างไร ก็ล้วนเป็นการถูก 20,0026,011,ชอบคลองธรรม พระพุทธเจ้าสั่งสอนสัตวโลกให้ดำเนินในทางที่ถูกฉะนี้ 20,0026,012,ได้ชื่อว่าชี้บอกทางให้แก่คนหลง. 20,0026,013,ข้อ ๔ สัตวโลกผู้ตกอยู่ในที่มืด คือความหลงดังกล่าวแล้ว ไม่ 20,0026,014,มีดวงตาคือปัญญาจะเห็นอริยสัจ มีความเห็นวิบัติจากภูมิธรรม สำคัญ 20,0026,015,เห็นทุกข์เป็นสุข แล้วและพยายามในเหตุซึ่งเป็นทางมาแห่งทุกข์ จึงไม่ 20,0026,016,พ้นไปจากทุกข์ได้ สมด้วยพระพุทธภาษิตในสัจจสังยุตต์ว่า๑ 20,0026,017,เย ทุกฺขํ นปฺปชานนฺติ อโถ ทุกฺขสฺส สมฺภวํ 20,0026,018,ยตฺถ จ สพฺพโส ทุกฺขํ อเสสํ อุปริชฺฌติ 20,0026,019,ตญฺจ มคฺคํ น ชานาติ ทุกฺขูปสมคามินํ 20,0026,020,เป็นต้น ความว่า ชนจำพวกใด ไม่รู้จักทุกข์ ไม่รู้จักเหตุเป็นแดน