Book,Page,LineNumber,Text 20,0025,001,เป็นอายตนะ ๖ คือเป็นแต่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เช่นจอมปลวก 20,0025,002,มีช่องภายนอก ๕ ภายใน ๑ ซึ่งคอยรับอารมณ์ รูป เสียง กลิ่น 20,0025,003,รส โผฏฐัพพะ เข้าไปทำให้เกิดวิถีจิตและความคิดอ่านเป็นลำดับ 20,0025,004,หรือเป็นแต่ธาตุ ๖ ปฐวี คือธาตุดิน ได้แก่รูปที่เป็นส่วนแข็ง อาโป 20,0025,005,คือธาตุน้ำ ได้แก่รูปที่เป็นส่วนเหลว เตโช คือธาตุไฟ ได้แก่ความ 20,0025,006,อบอุ่นและร้อน วาโย คือธาตุลม ได้แก่ส่วนที่พัดขึ้นพัดลง อากาศ 20,0025,007,ได้แก่ช่องว่าง วิญญาณ ได้แก่ความรู้แจ้ง หรือเป็นแต่อินทรีย์ ๖ คือ 20,0025,008,ตาเป็นใหญ่ในการเห็นรูป หูเป็นใหญ่ในการฟังเสียง จมูกเป็นใหญ่ 20,0025,009,ในการสูดกลิ่น ลิ้นเป็นใหญ่ในการลิ้มรส กายเป็นใหญ่ในการรับ 20,0025,010,สัมผัส ใจเป็นใหญ่ในการคิดอ่าน หรือย่นเข้าเป็นแต่นามคือจิตและ 20,0025,011,เจตสิก กันรูปหรือร่างกาย สภาวธรรมเหล่านี้ ต่างอาศัยกันเป็นไป 20,0025,012,เช่นมนุษย์กับเรือต่างอาศัยกันไปได้ในมหาสมุทรฉะนั้น ถ้าพรากออก 20,0025,013,จากกัน ต่างก็เป็นไปไม่ได้ ไม่มีใครเกิดไม่มีใครตาย เป็นแต่สภาวธรรม 20,0025,014,ประชุมกันเข้าและพรากออกจากกันเท่านั้น สภาวธรรมที่ไม่ปรากฏ 20,0025,015,เพราะอวิชชา ได้ชื่อว่าเป็นเหมือนของที่มีกำบัง พระพุทธเจ้าผู้ 20,0025,016,จำแนกธรรมประเภทให้สัตวโลกเข้าใจชัด ได้ชื่อว่าเหมือนผู้เปิดเผย 20,0025,017,ของที่มีสิ่งอื่นกำบังไว้. 20,0025,018,ข้อ ๓ สัตวโลกผู้ยังไม่ได้ปัญญาเห็นพิเศษในอนัตตลักษณะ 20,0025,019,โดยความเป็นสภาวธรรมอย่างหนึ่ง ๆ เช่นนั้น ย่อมมีความสำคัญผิด 20,0025,020,คิดเห็นเป็นตัวตนเป็นสัตว์เป็นบุคคลไป จึงถือเราถือเขาด้วยอำนาจ 20,0025,021,ตัณหามานะทิฏฐิอันแรงกล้า พยายามมหาประโยชน์เพื่อตัว ตัดประโยชน์