Book,Page,LineNumber,Text 19,0042,001,ในเวลาเมื่อฝนตกมาทำเป็นอาโปกสิณ ถ้าไม่ได้น้ำฝนอย่างนั้น ได้น้ำ 19,0042,002,อย่างอื่น แต่ใสบริสุทธิ์เหมือนดังนั้นก็ใช้ได้ นำมาใส่ภาชนะมีบาตร 19,0042,003,หรือขันเป็นต้น ให้เต็มเสมอขอบปากอย่าให้บกพร่อง แล้วยกไป 19,0042,004,ตั้งไว้ในที่กำบัง และตั้งม้า ๔ เหลี่ยม เท้าสูงคืบ ๔ นิ้ว กระทำพิธี 19,0042,005,ทั้งปวงตามที่กล่าวแล้วในปฐวีกสิณนั้นเถิด พึงนั่งบนม้า ขัดสมาธิ 19,0042,006,ให้ห่างกสิณออกมา ๒ ศอกคืบ ตั้งจิตกำหนดว่า สิ่งนี้คืออาโปธาตุ 19,0042,007,แล้วพึงบริกรรมว่า อาโป ๆ น้ำ ๆ ดังนี้ร่ำไปอย่างหยุด ถ้าพากเพียร 19,0042,008,พยายามกระทำบริกรรมอยู่อย่างนี้ไม่หยุดไม่หย่อนแล้ว ก็จะได้สำเร็จ 19,0042,009,อุคคหนิมิตและปฏิภาคนิมิต และอัปปนาฌานโดยลำดับ ๆ ก็อุคคหนิมิต 19,0042,010,ในอาโปกสิณนี้ ปรากฏดุจไหว ๆ กระเพื่อม ๆ อยู่ ถ้าน้ำนั้นประกอบ 19,0042,011,ด้วยกสิณโทษ เจือไปด้วยเปียกตมและฟอง ฟองนั้นก็ปรากฏใน 19,0042,012,อุคคหนิมิต และปฏิภาคนิมิตนั้น ปราศจากกสิณโทษ ปรากฏดังกาบ 19,0042,013,ขั้วตาลแก้วมณีที่ตั้งอยู่ในอากาศ มิดังนั้นดุจมณฑลแว่นแก้วมณี เมื่อ 19,0042,014,ปฏิภาคนิมิตเกิดแล้ว โยคาพจรกุลบุตรทำปฏิภาคนิมิตนั้นเป็นอารมณ์ 19,0042,015,บริกรรมไปว่า อาโป ๆ น้ำ ๆ ดังนี้ ก็จะถึงจตุกกฌาน ปัญจกฌาน 19,0042,016,ตามลำดับมา โดยนัยที่แสดงแล้วในปฐวีกสิณนั้น. วินิจฉัยในอาโป- 19,0042,017,กสิณยุติแต่เท่านี้. 19,0042,018,จักวินิจฉัยในเตโชกสิณต่อไป โยคาพจรกุลบุตรผู้มีศรัทธา 19,0042,019,ปรารถนาจะเจริญเตโชกสิณนั้น ถ้าเป็นผู้มีวาสนาบารมีเคยได้เจริญ 19,0042,020,เตโชกสิณมาแต่ชาติก่อน ๆ แล้ว ถึงจะมิได้กระทำดวงกสิณเลย จะ 19,0042,021,แลดูแต่เปลวเพลิงในที่ใดที่หนึ่ง เป็นต้นว่าเปลวเพลิงประทีปหรือเปลว