Book,Page,LineNumber,Text
14,0037,001,อื่นให้หมดจดหาได้ไม่. โดยนัยนี้ ถือว่าความบริสุทธิ์ภายในย่อมมี
14,0037,002,ด้วยปัญญา.
14,0037,003,ผู้พิจารณามาเห็นด้วยปัญญาว่า สังขารไม่เที่ยง เพราะเพ่ง
14,0037,004,ความเกิดและความดับ นี้เป็นอุทยัพพยญาณ คือเห็นเกิดดับ.
14,0037,005,เพราะเพ่งความแปรในชั่วขณะ จัดเป็นภังคญาณ คือเห็น
14,0037,006,ย่อยยับ.
14,0037,007,เล็งเห็นสังขารว่าเป็นทุกข์ นี้จัดเป็นอาทีนวญาณ คือเห็นโทษ.
14,0037,008,มาเล็งเห็นว่าสังขารเป็นอนัตตา ย่อมเห็นในขณะเดียวกัน พ้อง
14,0037,009,ด้วยพระปัจฉิมวาจา แห่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า
14,0037,010,"""นตฺเถตํ โลกสฺมึ ยํ อุปาทิยมานํ อนวชฺชํ อสฺส"" สิ่งใดเข้าไป"
14,0037,011,ยึดเข้าไปถืออยู่ [โดยความเป็นเจ้าของ] จะพึงเป็นของหาโทษมิได้
14,0037,012,"สิ่งนั้นย่อมไม่มีในโลก นับเข้าในบาลีว่า ""อุปาทาเน ภยํ ทิสฺวา"""
14,0037,013,เห็นภัยในการยึดการถือแล้ว นี้เทียบได้กับภยตูปัฏฐานญาณ คือ
14,0037,014,เห็นปรากฏโดยความเป็นของน่ากลัว.
14,0037,015,ความหน่ายในลำดับ เป็นนิพพิทาญาณ.
14,0037,016,นิพพิทานั้น ย่อมเป็นปฏิปทาเครื่องสาวไปถึงความเป็นผู้ใคร่
14,0037,017,จะปลดอุปาทานเสีย อันจัดเป็นมุญจิตุกัมยตาญาณ.
14,0037,018,ความพิจารณาหาอุบาย อันจัดเป็นปฏิสังขาญาณ.
14,0037,019,ความวางเฉยในสังขาร อันจัดเป็นสังขารุเปกขาญาณ โดยลำดับ
14,0037,020,กัน.
14,0037,021,แต่นั้นจัดเป็นสัจจานุโลมิกญาณ คือเห็นอนุโลมอริยสัจ เป็น