Book,Page,LineNumber,Text 12,0048,001,ให้ได้สันนิษฐานสิ่งที่เป็นธรรมและมิเป็นธรรม นำให้นิยมในปฏิบัติ 12,0048,002,อันชอบ. เหล่าวัชชีบุตรภิกขุได้ข่าวดังนั้นแล้ว ก็หาโทษว่าไม่เห็น 12,0048,003,ความผิด คิดกันจะทำอุกเขปนียกรรมแก่พระยสอีกเล่า แต่พระเถร- 12,0048,004,เจ้าเสร็จกิจก็หลีกไปเสียแล้ว. ฝ่ายพระยสก็เที่ยวแจ้งประพฤติเหตุนั้น 12,0048,005,แก่พระเถรเจ้าผู้เป็นคณะปาติโมกข์ทั้งหลาย ได้ภิกขุชาวเมืองปาวายและ 12,0048,006,อวันตินครเป็นพรรคพวก คิดจะระงับอธิกรณ์นั้น. ฝ่ายภิกขุ 12,0048,007,วัชชีบุตรทราบข่าวดังนั้น ก็ขวนขวายแสวงหาพรรคพวกเหมือนกัน 12,0048,008,แต่งสมณบริขารเป็นของกำนัล นำไปถวายพระเรวตเถรเจ้าเพื่อจะ 12,0048,009,ขอให้เข้าด้วย ท่านก็มิรับ และขับภิกขุผู้อุปัฏฐากอันเป็นนายหน้าเข้า 12,0048,010,มาว่ากล่าวเสียด้วย. ในชั้นต้นพระเจ้ากาลาโศกราช ผู้ครองกรุง 12,0048,011,ปาตลีบุตร เป็นอิสราธิบดีในมคธประเทศ แผ่ราชอาณาเขตมาถึง 12,0048,012,แคว้นวัชชี ไม่ทรงแจ้งเหตุ ก็เข้าด้วยพวกภิกขุวัชชีบุตร ภายหลัง 12,0048,013,นางนันทเถรีผู้พระน้องนางทูลความเป็นไปให้ทรงทราบตามที่ถูกที่ผิด 12,0048,014,พระองค์ก็ละพวกถือวิปริตนั้นเสีย กลับอุปถัมภ์พวกภิกขุฝ่ายธรรม- 12,0048,015,วาที ให้มีกำลังระงับอธิกรณ์นั้นได้. ในกาลนั้น พระสงฆ์หมู่ใหญ่ 12,0048,016,ก็สมมุติพระเถรเจ้า ๘ องค์ ให้เป็นภารธุระในที่จะระงับอธิกรณ์ 12,0048,017,แยกกันเป็นธรรมวาทีฝ่ายหนึ่ง อธรรมวาทีฝ่ายหนึ่ง ครั้นแล้วก็ไป 12,0048,018,สู่วาลุการามเมืองไพศาลี ประชุมกันเป็นสังฆสันนิบาตชำระวัตถุ ๑๐ 12,0048,019,ประการนั้น พระเรวตเถรเจ้าเป็นผู้ปุจฉา พระสัพพกามีมหาเถรเจ้าเป็น 12,0048,020,ผู้วิสัชนา วินิจฉัยเด็ดขาดลงไปว่า วัตถุ ๑๐ ประการนั้นผิดพระ- 12,0048,021,พุทธบัญญัติ ให้เกิดอาบัติโทษแก่ภิกขุผู้ล่วงละเมิดทั้งนั้น. ครั้นระงับ