Book,Page,LineNumber,Text 12,0030,001,ราชาคาเร ในพระตำหนักในสวนอุทยานอันชื่อว่าอัมพลัฏฐิกาใน 12,0030,002,ระหว่างเมืองราชคฤห์กับบ้านนาฬันทคามต่อกัน. กํ อารพฺภ พระ- 12,0030,003,พุทธองค์เจ้าปรารภบุคคลผู้ใดให้เป็นเหตุเป็นปัจจัยเล่า จึงตรัสเทศนา 12,0030,004,พรหมชาลสูตร ? สุปฺปิยญฺจ ปริพฺพาชกํ พฺรหฺมทตฺตญฺจ มาณวํ 12,0030,005,พระเจ้าข้า พระพุทธองค์เจ้าปรารภสุปปิยปริพาชก กับพรหมทัตต- 12,0030,006,มาณพกล่าวถ้อยคำที่เป็นข้าศึกต่อกัน คือข้างสุปปิยปริพาชกผู้เป็นชีต้น 12,0030,007,นั้นตั้งใจนินทาพระรัตนตรัย ฝ่ายพรหมทัตตมาณพผู้เป็นอันเตวาสิกนั้น 12,0030,008,ตั้งใจสรรเสริญพระรัตนตรัย ถ้อยคำชีต้นกับลูกศิษย์นั้นไม่เข้ากันเลย 12,0030,009,ชีต้นนินทา ลูกศิษย์สรรเสริญ. 12,0030,010,สุทํ ดังได้ยินมา ในสมัยครั้งหนึ่ง สมเด็จพระพุทธองค์พา 12,0030,011,พระสงฆ์เป็นอันมากประมาณ ๕๐๐ พระองค์ แวดล้อมเป็นบริวารออก 12,0030,012,จากเมืองราชคฤห์ เสด็จตามมรรคาจะไปสู่บ้านนาฬันทคาม งามไป 12,0030,013,ด้วยอิริยาบถและสิริวิลาสหาที่จะอุปมามิได้ ฝ่ายพระสงฆ์นั้น ลำดับ 12,0030,014,ผ้าและบาตรห้อยเหนืออังสา มีพระอิริยาบถละมุลละม่อม แวดล้อม 12,0030,015,สมเด็จพระพุทธเจ้ามา ดูงามทั้งพระองค์ทั้งพระสงฆ์บริวาร. ตทา ใน 12,0030,016,กาลเมื่อสุปปิยปริพาชก พาศิษย์ทั้ง ๕๐๐ มีพรหมทัตตมาณพเป็นประธาน 12,0030,017,เดินตามมรรคามาในเบื้องหลังแห่งสมเด็จพระพุทธเจ้านั้น ฝ่ายสุปปิย- 12,0030,018,ปริพาชกแลเห็นสมเด็จพระพุทธเจ้างามไปด้วยสิริวิลาส ดูพระสงฆ์เล่า 12,0030,019,ก็งามบริบูรณ์ มีแต่ผ้าและบาตรไม่รุงรัง เรียบร้อยตามเสด็จมา แลดู 12,0030,020,ศิษย์ของอาตมา น่าเกลียดน่าชังพะรุงพะรังด้วยหิ้วหาบคอนถุงไถ้ 12,0030,021,หม้อข้าวหม้อแกงเป็นต้นไปข้างหน้า วิ่งหยอกกันไป ไม่มีกิริยาเลย