Book,Page,LineNumber,Text 07,0045,001,สุขสมบัติแล้ว ทรงบรรพชาออกมหาภิเนษกรมณ์แสวงหาสันติวรบท 07,0045,002,ทางความระงับอันประเสริฐ ครั้งนั้น เมื่อพระองค์ทรงกระทำในจิตซึ่ง 07,0045,003,ข้อสังเวชเดิมนั้น ทรงปรารภซึ่งโลกคือหมู่สัตว์ที่พระองค์กระทำให้ 07,0045,004,แจ้งด้วยวิชชาทั้ง ๒ แล้วนั้นเป็นอารมณ์ ทรงพระดำริว่า โลกคือหมู่ 07,0045,005,สัตว์นี้หนอ มาถึงแล้วซึ่งความยากย่อมเกิดด้วย แก่ด้วย มรณะ 07,0045,006,ทำลายขันธ์ด้วย จุติเคลื่อนจากภพด้วย อุปบัติเข้าไปถึงภพถือเอาความ 07,0045,007,เกิดอีกด้วย ก็แต่สัตวโลกมาถึงความยากอยู่อย่างนี้ หารู้แจ้งประจักษ์ 07,0045,008,ซึ่งความที่จะดับทุกข์ คือ ชรา มรณะนี้ให้ออกไปเสียได้ไม่ เมื่อไร 07,0045,009,เล่าหนอ นิสสรณะความขับไล่ทุกข์ คือ ชรา มรณะ นี้ออกไปเสีย 07,0045,010,ได้ จักปรากฏมีผู้ปฏิบัติจักรู้แจ้งประจักษ์ได้ พระมหาบุรุษเจ้าทรงดำริ 07,0045,011,แสวงหาปัจจัยแห่ง ชรา มรณะ ว่า เมื่ออะไรมีอยู่หนอ ชรา มรณะ 07,0045,012,จึงมี ชรา มรณะ มีเพราะอะไรเป็นปัจจัย. อาศัยพระมหาบุรุษ 07,0045,013,ทรงทำในจิตโดยแยบคายอุบายที่ชอบ ก็เกิดอภิสมัยความตรัสรู้พร้อม 07,0045,014,เฉพาะด้วยปัญญาว่า เมื่อชาติความเกิดมีอยู่แล้ว ชรา มรณะ ก็ย่อมมี 07,0045,015,ชรา มรณะ มีเพราะชาติความเกิดเป็นปัจจัย. แต่นั้นพระมหาบุรุษ 07,0045,016,เจ้าก็ค้นหาปัจจัยแห่งชาติเป็นต้นตามลำดับต่อไป อาศัยทำในจิตโดย 07,0045,017,อุบายอันชอบ ก็เกิดอภิสมัยตรัสรู้ด้วยปัญญาว่า เมื่อภพคือกรรมเครื่อง 07,0045,018,เกิด และอุบัติ คือ ขันธ์ที่เข้าไปถึงมีอยู่ ชาติความเกิดก็ย่อมมี 07,0045,019,ชาติมีเพราะภพเป็นปัจจัย เมื่ออุปาทานความยึดมั่นมีภพก็ย่อมมี ภพมี 07,0045,020,เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย เมื่อตัณหาสิ่งสภาพที่เกิดในจิตให้สัตว์ดิ้นรน 07,0045,021,มีอยู่แล้ว อุปาทานความยึดมั่นก็ย่อมมี อุปทานมีเพราะตัณหาเป็น