Book,Page,LineNumber,Text 07,0033,001,สมณะหรือพราหมณ์เหล่าหนึ่งเหล่าใด หลีกออกเสียจากกามทั้งหลาย 07,0033,002,ด้วยกายและจิตอยู่แล้ว ความชอบใจ ความรักใคร่ ความสยบ ความ 07,0033,003,อยาก ความกระวนกระวายเพราะกาม ยึดกามทั้งหลายเป็นอาธารวิสัย 07,0033,004,ที่รองเล่า สมณพราหมณ์เหล่านั้น ก็ได้ละเสียด้วยดี ณ ภายในแล้ว 07,0033,005,สงบระงับคืนด้วยดีแล้ว สมณพราหมณ์เหล่านั้น แม้ถึงมาเสวยทุกข- 07,0033,006,เวทนากล้าหยาบเผ็ดร้อนเกิดเพราะความเพียร หรือแม้ไม่ได้เสวยทุกข- 07,0033,007,เวทนากล้าหยาบเผ็ดร้อนเกิดเพราะความเพียงก็ดี ก็เป็นภัพพบุคคลควร 07,0033,008,เพื่อปัญญาอันรู้อันเห็น ควรเพื่อจะตรัสรู้ด้วยดีอย่างยิ่งได้ มีอุปไมย 07,0033,009,ฉะนั้น. อุปมา ๓ ข้อเป็นอนวัศวริยะ พระมหาบุรุษเจ้าไม่เคยได้ยิน 07,0033,010,ได้ฟังมาแต่ในกาลก่อนเลย ได้มาปฏิภาณแจ่มแจ้งเป็นวิสยญาณโคจร 07,0033,011,ของพระมหาบุรุษเจ้าขณะเมื่อเสด็จนั่ง ณ ภูมิภาคอันเป็นที่ควรตั้งความ 07,0033,012,เพียรของกุลบุตรผู้มีประโยชน์ด้วยความเพียรนั้น. 07,0033,013,ทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา 07,0033,014,ครั้นนั้น พระมหาบุรุษเจ้าทรงกลัวนัก แต่อกุศลธรรมอันจะ 07,0033,015,ครอบงำจิตมีกามวิตกเป็นต้น ทรงพระดำริเริ่มความเพียร วาระทีแรก 07,0033,016,พระมหาบุรุษกดพระทนต์เบื้องต่ำด้วยพระทนต์เบื้องบน กดพระตาลุ 07,0033,017,ด้วยพระชิวหา บีบคั้นจิตด้วยจิตให้เร่าร้อนนัก ทรงประพฤติ 07,0033,018,อยู่ฉะนั้น พระเสโทก็ไหลซ่านจากพระกัจฉประเทศ (คือรักแร้) 07,0033,019,ทั้ง ๒ ประหนึ่งบุรุษกำลังน้อยอันบุรุษกำลังมากจับในศีรษะ หรือใน 07,0033,020,คอในบ่า แล้วบีบคั้นกดลงไว้ฉะนั้น. แม้เกิดทุกขวิการ พระเสโท