Book,Page,LineNumber,Text 06,0033,001,ในวินีตวัตถุแห่งสิกขาบทนี้ แสดงอทินนาทานเข้าในประเภทนี้ 06,0033,002,อีก ๒ อย่าง คือ :- 06,0033,003,๔. คนถือของตก ภิกษุมีไถยจิตเข้าแย่งเอา พอหยิบขึ้นจากที่ 06,0033,004,ก็ต้องอาบัติ. เพื่อจำง่าย ควรเรียกว่า แย่ง. 06,0033,005,๕. เวลาแจกของ ภิกษุมีไถยจิตสับฉลากชื่อตนกับชื่อภิกษุอื่น 06,0033,006,ในกองของ ด้วยหมายจะเอาลาภของภิกษุอื่นที่มีราคากว่า พอสับ 06,0033,007,เสร็จก็ต้องอาบัติ. เอาของปลอมสับเอาของดี จัดเข้าในบทนี้เหมือน 06,0033,008,กัน. เพื่อจำง่าย ควรเรียกว่า ลักลับ. 06,0033,009,การถือเอาทรัพย์เป็นอสังหาริมะกำหนดว่า ถึงที่สุด ด้วยขาด 06,0033,010,กรรมสิทธิ์แห่งเจ้าของ ตัวอย่าง เช่น ภิกษุกล่าวตู่เพื่อจะเอาที่ดิน 06,0033,011,ของผู้ใดผู้หนึ่ง เจ้าของเป็นผู้มีวาสนาน้อย เถียงไม่ขึ้น ทอด 06,0033,012,กรรมสิทธิ์ของตนเสีย ภิกษุต้องอาบัติถึงที่สุดในขณะนั้น ถ้าเจ้าของ 06,0033,013,ยังไม่ปล่อยกรรมสิทธิ์ ฟ้องภิกษุในศาล เพื่อเรียกที่ดินคืน ต่าง 06,0033,014,เป็นความแก้คดีกัน ถ้าเจ้าของแพ้ ภิกษุต้องอาบัติถึงที่สุด. ภิกษุเป็น 06,0033,015,โจทก์ฟ้องความเอง เพื่อจะตู่เอาที่ดินก็เหมือนกัน. แต่คำที่ว่า เจ้าของ 06,0033,016,แพ้ความนั้น พึงเข้าใจว่า แพ้ในศาลสูงสุดที่คดีเป็นจบลงเท่านั้น. 06,0033,017,เพื่อจำง่าย ควรเรียกว่า ตู่. ภิกษุปักเขตรุกเอาที่ดินของเขา ท่านว่า 06,0033,018,ต้องอาบัติถึงที่สุดในขณะทำสำเร็จ แต่น่าจะเห็นว่าเจ้าของไม่รู้ เป็น 06,0033,019,อันตู่กรรมสิทธิ์ด้วยทีเดียว. ข้อนี้พระวินัยธรพึงพิจารณาดูเถิด ถ้า 06,0033,020,รื้อถอนทรัพย์เป็นอสังหาริมะโดยอ้อออกจากที่ เช่นฟังต้นไม้ หรือ