Book,Page,LineNumber,Text 06,0028,001,เมถุนธรรมนั้น เพ่งบทว่า โดยที่สุดแม้ในดิรัจฉานตัวเมีย น่า 06,0028,002,จะเข้าใจว่า ในสิกขาบทพูดถึงเมถุนธรรมสามัญ ที่เป็นการของชาย 06,0028,003,กับหญิง แต่ในคัมภีร์วิภังค์แสดงว่า กิริยาที่เสพในทวารเบาก็ดี ใน 06,0028,004,ทวารหนักก็ดี ในปากก็ดี ของมนุษย์ผู้เป็นหญิงก็ตาม เป็นชายก็ตาม 06,0028,005,เป็นพันทางก็ตาม ของสัตว์จำพวกที่เรียกว่าอมนุษย์ ต่างโดยเป็นยักษ์ 06,0028,006,เป็นเปรต มีประเภทเช่นเดียวกัน และของสัตว์ที่จัดเป็นดิรัจฉาน เป็น 06,0028,007,ตัวเมียก็ตาม เป็นตัวผู้ก็ตาม เป็นพันทางก็ตาม ชื่อว่า เสพเมถุน 06,0028,008,ภิกษุเสพเมถุนในทวารเช่นนั้น แต่อย่างใดอย่างหนึ่ง แม้ไม่สำเร็จกิจ 06,0028,009,แต่องค์กำเนิดได้เข้าไปสักเล็กน้อย ที่ท่านกล่าวว่า ชั่วเมล็ดงาหนึ่ง 06,0028,010,องค์กำเนิดก็ดี ทวารก็ดี จะมีอะไรสวม มีอะไรพัน มีอะไรลาด 06,0028,011,ก็ตาม ไม่มีก็ตาม มนุษย์ อมนุษย์ และดิรัจฉานที่เสพนั้น ยังเป็นอยู่ 06,0028,012,ก็ตาม ตายแล้วก็ตาม แต่ซากยังบริบูรณ์ หรือแหว่งวิ่นไปบ้าง แต่ 06,0028,013,ยังเป็นวัตถุจะให้สำเร็จกิจในทางนี้ ต้องอาบัติปาราชิก. ถ้าภิกษุถูก 06,0028,014,ข่มขืนแต่ยินดี คือรับสัมผัส ในขณะที่องค์กำเนิดเข้าไปก็ดี เข้าไป 06,0028,015,ถึงที่แล้วก็ดี หยุดอยู่ก็ดี ถอนออกก็ดี แม้ขณะใดขณะหนึ่ง ต้อง 06,0028,016,อาบัติปาราชิกเหมือนกัน. ภิกษุยอมให้บุรุษอื่นเสพเมถุน ในทวาร 06,0028,017,หนักของตนก็ดี ถูกข่มขืน หรือถูกลักหลับและตื่นรู้ตัวขึ้น แต่ยินดี 06,0028,018,ก็ดี ต้องอาบัติปาราชิกเหมือนกัน. ในวินีตวัตถุแห่งสิกขาบทนี้แสดงว่า 06,0028,019,ภิกษุผู้มีหลังอ่อนปรารถนาจะเสพเมถุน ก้มลงอมองค์กำเนิดของตน 06,0028,020,เองก็ดี มีองค์กำเนิดยาวสอดเข้าไปในทวารหนักของตนก็ดี ย่อมต้อง 06,0028,021,อาบัติปาราชกเหมือนกัน. ความที่ว่าไว้นี้ แม้ไม่น่าจะมีได้ แต่ก็ยัง